ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legendary Encyclopedia สารานุกรมสัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #1 : มังกร(Dragon)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 53



    ภาพ

    ...ตัวนี้น่าจะรู้จักกันดียิ่งกว่าห้าตัวแรก คำอ่าน ดรากอน นั้นผมหมายถึงสำเนียงคนไทยนะครับ (ถ้าให้อ่านตามจริง จะประมาณ ดรา-เกิน หรือ แดร-เกิน) มังกรพบเจอได้บ่อย ๆ ในเทพนิยายและตำนานต่าง ๆ สำหรับตำนานของชาวบาบิลอน (Babylonian Myth) ‘Tiamat (เทียแมท)’ เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้กับพระเจ้า Marduk และในนิทานของอังกฤษ นักบุญจอร์จได้ฆ่ามังกรเพื่อปกป้องสาวพรหมจรรย์

    ภาพ

    ....มังกรเป็นสัตว์ที่เกิดในตำนานของเกือบทุกชาติในโลก ในตำนานยุโรปมังกรเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่ต้อง ปราบ วีรบุรุษในตำนานหรืออัศวินมีหน้าที่อย่างหนึ่งคือปราบมังกร ในขณะที่เอเชียมองมังกรในเชิงเคารพและบูชา เป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความอุดมสมบูรณ์มังกรมาจากภาษาลาตินว่า Draco

    ภาพ

    ... ตำนานฝรั่งกล่าวว่า มังกรเป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในจักรวาล โดยในตอนที่จักรวาลเริ่มต้นใหม่ๆทุกอย่างอยู่ในภาวะเป็นน้ำที่ขุ่นขึ้น สรรพสิ่งทั้งมวลยังไม่แสดงตัวตนออกมา และก่อนที่โลกจะก่อตัวก็มีวิญญาณดวงหนึ่งกำเนิดขึ้นท่ามกลางสภาวะอันยุ่ง เหยิง ดวงวิญญาณนี้ลุกเป็นไฟหมุนตัวไปท่ามกลางอวกาศด้วยความหิวโหยและกระหายในความ ใคร่ เมื่อจักรวาลยังว่างเปล่า มันไม่พบสิ่งใดนอกจากเงาสท้อนของตัวเอง ด้วยความหิวมันจึงไล่งับหางและกลืนกินตัวเอง พร้อมทั้งผสมพันธุ์ไปด้วย ด้วยเหตุนี้มังกรตัวแรกก็กลายเป็นสองตัวจากนั้นก็ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จนมังกรเต็มห้วงนภากาศไปหมด จากนั้นมันกลายเป็นสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย

    มังกรในแบบเอเชีย

    ลักษณะของมังกรในเอเชียลำตัวจะยาว บาง มีขา 4 ขา หัวจะใหญ่ แล้วก็ไม่มีปีก แต่สามารถบินได้ ลักษณะจะเหมือนงู ดูๆ ไปก็เหมือนงูมีขา (ให้นึกถึงภาพมังกรของจีน ส่วนบ้านเราก็คงต้องเป็นพญานาคล่ะครับ) ซึ่งคนในแถบเอเชียเชื่อว่ามังกรเป็นสัตว์ที่มีสถานะเป็นเทพมีอยู่จริงและยัง อยู่ในความเชื่อของคนเอเชียมาจนถึงทุกวันนี้

    มังกรในแบบตะวันตก

    มังกร ของพวกฝรั่งจะมีลักษณะเป็นสัตว์ที่มีตัวใหญ่โต มีหนามแหลมๆ ทั่วตัว มีขา 4 ขา หางยาว แล้วก็มีปีกด้วย ค่อนข้างดุร้าย ส่วนหัวจะมีลักษณะคล้ายจระเข้ หรือตะโขง บางครั้งก็จะต้องมีเขาแหลมๆ มีหนาม หรือ เดือยอยู่บนหัวด้วย

    มังกร ถูกสันนิษฐานว่ามันอาจจะพัฒนามาจากได้โนเสาร์พันธุ์ Pteronadon ซึ่งห่างไกลจากพวกตระกูลจระเข้ที่เป็นสัตว์น้ำอย่างที่ลักษณะส่วนหัวมันเป็น และมังกรในตะวันตกยังเชื่อกันว่าเป็นตระกูลสัตว์เลือดเย็น มันสามารถบินได้อากาศที่หนาวเย็นได้ หรือมันมักจะบินในช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

    มังกรทะเล

    มังกร ทะเลนี้มีความน่าจะเป็นมากกว่ามังกรชนิดอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมักจะเริ่มจากน้ำ และมหาสมุทรนั้นก็ทั้งลึกและกว้างใหญ่ซึ่งมันมักจะแฝงไว้ด้วยความเร้นรับ เกินกว่าที่
    มนุษย์จะหยั่งถึง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีงูทะเลอยู่จริงก็เป็นได้

    มังกร ชนิดนี้ไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาของมัน เชื่อว่ามันอยู่แต่ในทะเลลึก และไม่มีปีกเหมือนมังกรชนิดอื่นๆ เพราะมันเป็นมังกรน้ำที่ถ้าตัวแห้งเมื่อไหร่ก็คงตายเมื่อนั้น!


    สีกับมังกร
    แน่ นอนว่ามังกรนอกจากจะมีรูปร่างที่ต่างกันไปแล้ว สีสันของมันก็ยังขึ้นอยู่กับจินตนาการอีกด้วย สีสามารถสื่อความหมายอะไร และสามารถแบ่งระดับของมังกรได้เพียงไหน คุณคิดว่าอย่างไร?


    มังกรแดง

    สี แดงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและกระตือรือร้น แต่ในส่วนของมังกรสีแดง มันสามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในความหวาดกลัว สามารถทำลายเมืองเล็กๆ ได้ในพริบตาด้วยเปลวไฟของมัน เรียกเอาเลือดเนื้อและความเกลียดชังจากผู้คนได้ สรุปได้เลยว่าเป็นมังกรอารมณ์รุนแรง

    มังกรในตำนานของตะวันตกส่วนใหญ่ มักจะเป็นสีแดง และจากคำพรรณนาในบทกวีก็มักจะกล่าวว่าตัวของมันเป็นสีแดง บางที สีแดงนี้อาจจะหมายถึง เลือด ไฟ ความรัก และอารมณ์ที่ครุกรุ่นดั่งพายุก็เป็นได้ ส่วนสีนี้ในแถบตะวันออกมีความหมายถึงพายุ

    มังกรสีน้ำเงิน

    สี น้ำเงินมีความหมายที่สื่อไปในอารมณ์ของความหงุดหงิด และมีความหมายถึงน้ำหรือทะเล โดยส่วนใหญ่มักจะใช้กับพวกงูทะเลที่มักจะมีอารมณ์แปรปรวนจนชอบมาล่มเรือที่ แล่นผ่านไ
    ปมาแถวมหาสมุทรอยู่บ่อยๆ

    นอกจากนี้สีฟ้าอ่อน นี้ยังอาจหมายถึงน้ำแข็งก็ได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจจะหมายถึงมังกรน้ำแข็งที่มักจะอาศัยอยู่ในแถบที่มีอากาศหนาวเย็น หรือพวกมังกรจำศีล แต่มังกรพวกนี้มักจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าให้กล่าวถึงเท่ากับพวกมังกรไฟ ในส่วนของชาวตะวันออก สีฟ้าใสหมายถึงความสงบและเยือกเย็น


    มังกรสีเขียว

    สี เขียวหมายถึงโลก ดังนั้นมังกรสีเขียวก็คือมังกรที่มีความสัมพันธ์กับโลก เป็นมังกรมังสวิรัติ และอยู่กับธรรมชาติ เชื่อกันว่ามังกรสีเขียวพ่นน้ำกรดแทนที่จะเป็นไฟหรือน้ำแข็ง ดังนั้นมังกรสีเขียวจึงสามารถบังคับความเป็นไปของธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ทำให้แผ่นดินไหว หรือเปลี่ยนกระแสน้ำได้


    มังกรสีม่วงอ่อน
    สี ม่วงอ่อนเป็นสีแห่งความสูงศักดิ์ ปกติแล้วเราจะแทบไม่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมังกรสีม่วง มังกรประเภทนี้จัดเป็นมังกรเจ้ายศเจ้าอย่าง มันมักจะคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งกว่าชาวบ้าน เชื่อกันว่าลมหายใจของมันเป็นสีม่วงด้วย!


    มังกรสีเงิน

    มังกร สีเงินจัดอยู่ในประเภทมังกรที่ฉลาด มีความคิด และระแวดระวังภัยเป็นเลิศ แต่เมื่อมันแก่ตัวมากขึ้นมันก็มักจะอยู่เฝ้าสมบัติของตัวเอง มากกว่าไปสุงสิงกับมังกรตัวอื่นๆ มังกรประเภทนี้จะชอบสิ่งของที่สะท้อนแสงแวววาวทุกชนิด โดยเฉพาะกระจก มังกรสีเงินมักจะเป็นพวกอยู่ติดบ้าน ไม่ยอมออกจากถ้ำไปไหน มันชอบการจำศีล ไม่ก็ซ่อนตัวเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้


    มังกรดำ

    มังกร ดำในความคิดของคนทั่วไปแล้วมักจะเป็นไปในทางไม่ดี สีดำคือสีของปีศาจและความชั่วร้าย คนทั่วไปมักจะไม่ชอบมังกรสีนี้ และบางคนก็เชื่อว่ามันเป็นอมตะ เพราะสีดำเป็นสีแห่งความตายและมัจจุราช ซึ่งสีดำนี้ คนเรามักจะเอามาเปรียบเทียบกับสีของยามค่ำคืนอันมืดมิด

    ส่วน ในความเชื่อของชาวเอเชีย สีดำเป็นสีของความสับสน มังกรดำของคนเอเชียเชื่อกันว่าเวลามันพ่นไฟจะทำให้เกิดพายุฟ้าแลบแปรบปราบ และว่ากันว่ามังกรดำคือมังกรแห่งทิศเหนือ

    มังกรสีขาว
    มังกร สีขาวเป็นมังกรที่ฉลาดสขุม เพราะสีขาวมีความหมายถึงแสงสว่างและศีลธรรม แต่ก็มีอยู่หลายเรื่องที่ให้มังกรขาวเล่นบทเป็นตัวร้าย เพราะมังกรชนิดนี้ฉลาดพอที่จะไม่พูดความจริงทั้งหมด ในประเทศจีนก็มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับมังกรขาว (ที่ผมรู้จักก็มี ตำนานรักนางพญางูขาวน่ะแหละ เหอๆ ไป๋ซู่ชิง = งูขาว) และชาวจีนยังเชื่ออีกว่ามังกรขาวคือผู้รักษาความสมดุลย์ธาตุหยินและหยางใน โลก ทำให้โลกมีความสงบสุขด้วย

    สีขาวสำหรับชาวเอเชียคือสีแห่งการไว้ ทุกข์ มังกรขาวจึงกลายเป็นผู้เตือนแห่งความตายแต่ไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน มังกรขาวคือมังกรประจำทิศใต้

    มังกรทอง
    มังกร ทองส่วนใหญ่จะหมายถึงราชามังกรและราชินีมังกร มังกรสีทองนี้จะเป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สมบัติทั้งทองคำ เพชรพลอยและรัตนชาติ มังกรประเภทนี้จะเป็นมังกรนิสัยดีและมีความยุติธรรมและให้ความเท่าเทียมกัน กับมังกรทุกชนิด มังกรทองนี้ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ออกมาเวลาอยู่ในที่สาธารณะ


    การแบ่งมังกรออกเป็นธาตุต่างๆ

    มังกรธาตุลม (Dragons of Air)

    มังกร ธาตุลมปกครองทางทิศตะวันออก ซึ่งหัวหน้ามังกรธาตุนี้ก็คือ Sairys (อ่านว่า แซร์อิซ) เป็นผู้ดูแลมังกรในธาตุลม ตัวของแซร์อิซจะเป็นสีเหลืองทั้งตัว ค่อนข้างจะอุ่นๆ แล้วก็ชื้นๆ

    มังกรในธาตุนี้มีความสัมพันธ์กับสาย ตระกูล ดราโกนิค (Draconic) รวมไปถึงมังกรสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับลม พายุ ฤดูกาล และเป็นมังกรที่เข้ากับสายพันธุ์อื่นๆได้ดี


    มังกรธาตุดิน (Dragons of Earth)

    มังกร ดินคือมังกรที่ครอบครองทางทิศเหนือ หัวหน้ามังกรธาตุดินคือ เกรล (Grael หรือ Grail) เป็นผู้ดูแลมังกรภูเขา แผ่นดิน น้ำแร่ รัตนชาติ และแสงจันทร์ สีของเกรลจะเป็นสีดำสนิททั้งตัว ตัวของเดรลจะแห้งและเย็น

    มังกร ธาตุดินจะมีลักษณะตัวที่ใหญ่ มีพลังที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ มังกรที่อยู่ในสายของมังกรภูเขาและป่ารวมไปถึงมังกรที่อยู่ในพื้นที่แห้ง แล้งและทะเล
    ทรายจัดเป็นมังกรในธาตุดิน ซึ่งมังกรธาตุนี้มีความใกล้เคียงกับมังกรไฟหรือมังกรภูเขาไฟมาก

    มังกรธาตุไฟ(Dragons of Fire)

    มังกร ในธาตุไฟปกครองอยู่ทางทิศใต้ หัวหน้ามังกรคือ ฟัฟนิร์ (Fafnir) เป็นผู้ดูแลมังกรไฟและแสงอาทิตย์ ลำตัวเป็นสีแดงล้วน ลำตัวแห้งและร้อน

    มังกร ในธาตุไฟจะอยู่ในสายตระกูลของมังกรไฟและมังกรภูเขาไฟ และสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับทะเลทรายและแผ่นดินที่แห้งแล้ง ซึ่งมังกรไฟและมังกรภูเขาไฟจะมีลักษณะเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองเข้ม ตัวหนาและใหญ่ ลำตัว คอ และหางยาวเหมือนงู มังกรไฟบางชนิดจะชอบนอนจำศีลอยู่ในปล่องภูเขาไฟ และมันก็มีอาวุธประจำตัวคือลูกไฟที่มันจะพ่นออกมาเพื่อป้องกันตัวนั่นเอง และ  จัดเป็นมังกรประเภทขี้หงุดหงิด ขี้โมโหและเอาใจยาก ซึ่งถ้าใครคิดจะไปยุ่งกับมันก็จะจบท้ายด้วยการโดนมันจับเผาเท่านั้นเอง


    มังกรธาตุน้ำ(Dragons of the Seas and Various Waters)

    มังกร ธาตุนี้เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเล ทะเลสาบ แม่น้ำ สระน้ำ และในแหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ขนาดตัวจะใหญ่พอๆ กันมังกรในเอเชีย นั่นก็คือ มีลักษณะยาวและมีลำตัวคล้ายงู แล้วก็ไม่มีปีกไม่มีขาด้วย หัวหน้าของมังกรชนิดนี้คือ เนลยอน (Naelyan) เป็นมังกรที่ดูแลมังกรน้ำและมังกรทะเล ซึ่งตัวของมันจะเป็นสีฟ้าทั้งตัว มีลักษณะเย็นและเปียกชื้น

    มังกรธาตุน้ำส่วใหญ่ลำตัวจะอยู่ในโทนสีฟ้า มีทั้งตั้งแต่ ฟ้าประกายเงิน สีฟ้าอ่อน ยันไปถึงสีฟ้าน้ำทะเล ซึ่งสีของตัวมันจะสอดคล้องกับถิ่นที่อยู่ของมันนั่นเอง ที่หลังและปากจะมีลักษณะของปุยๆ หรือกระจุกขนๆ ที่ดูคล้ายขนนก (นึกถึงเวลาเขาเชิดมังกรจีนไว้) รอบเบ้าตามีลักษณะเป็นกระดูกแข็งๆ ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายงู ลำตัวจะเล็กหรือจะตัวยาวก็ได้ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่อยู่อาศัย

    ในทะเลนั้นเชื่อกันว่ามีมังกรพวกนี้ ซ่อนตัวอยู่เกือบทั่วทุกมุมโลก และสถานที่เชื่อว่าน่าจะเป็นแหล่งกบดานของมังกรพวกนี้คือแถบทะเลสแกนดิเน เวีย เดนมาร์ก อังกฤษ อเมริการเหนือ และตามแม่น้ำ ทะเลสาบ เป็นต้น

    มังกรตัวเมียส่วนมากจะมีขนาดใหญ่กว่าและดุร้ายกว่าตัวผู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพศไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้ด้วยกันทั้งนั้น หนัง เลือด หัวใจ ตับ และเขาของมังกร ล้วนมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง
    มังกรมีอยู่ 10 สายพันธุ์ แต่บางครั้งก็มีการผสมข้ามพันธุ์ ซึ่งทำให้เกิดสายพันธุ์ที่หายากขึ้นมาได้ มังกรสายพันธุ์แท้มีดังต่อไปนี้



    10สายพันธุ์มังกรในตำนาน.....

    มังกรอาจจะเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ และก็เป็นสัตว์จำพวกที่ปกปิด จากสายตามักเกิ้ลยากที่สุดด้วย มังกรตัวเมียส่วนมากจะมีขนาด ใหญ่กว่าและ ดุร้ายกว่าตัวผู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพศไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้ ยกเว้นพ่อมด ที่เก่งกาจและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้น หนัง เลือด หัวใจ ตับ และเขามังกร ล้วนมีคุณ สมบัติทางเวทย์มนต์สูง แต่ไข่มังกรก็จัดอยู่ในสินค้าห้ามซื้อขาย มังกรมี อยู่สิบสายพันธุ์ที่หายากแต่บางครั้ง ก็มีการผสมข้ามพันธุ์ที่หายากขึ้นมาได้ มังกรสายพันธุ์แท้มีดังต่อไปนี้


    1.จีนลูกไฟ (chinese fireball)


    เป็นมังกรเอเชียเพียงพันธุ์เดียว และมีรูปร่างที่แปลกแตกต่างจากพันธุ์อื่น ๆ เกล็ดเรียบสีม่วง รอบใบหน้าที่สั้นและย่นมีระบายกรีบสีทองล้อม ประดับไว้ ดวงตาโปนโต เปลวไฟรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่มันพ่นออกมาในยามโกรธเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ลูกไฟ น้ำหนักอยู่ระหว่าง2-4ตัน ตัวเมีย จะใหญ่กว่าตัวผู้ ไข่เป็นสีทับทิมสดมีจุดสีทอง เปลือกไข่มีค่าเพราะนำไปใช้ประกอบเวทย์มนต์แบบจีนได้พันธุ์ลูกไฟมีนิสัยดุร้าย แต่มีความ อดทนต่อมังกรสายพันธุ์เดียวกันสูงมากกว่ามังกรส่วนใหญ่ บางครั้งถึงกับยอมใช้อาณาเขตร่วมกันตัวอื่นถึง2ตัวพันธุ์จีนลูกไฟกินสัตว์เลี้ยง ลูก ด้วยนมเป็นหลัก แม้ว่าจะชอบกินหมูหรือมนุษย์มากกว่าก็ตาม


    2.นอร์เวย์หลังเป็นสัน (Norwegian Ridgeback)



     

    นอร์เวย์หลังเป็นสันมีความคล้ายคลึงกันมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามในหลาย ๆ ด้าน แต่แทนที่จะมีหนามแหลมที่หาง มันจะมีสันสีดำสนิท ยื่นออกมาจากหลังแทน พันธุ์หลังเป็นสันจะดุร้ายกับพันธุ์เดียวกันมากเป็นพิเศษทุกวันนี้มันจัดเป็นหนึ่ง ในสายพันธุ์มังกรที่หายากขึ้นทุกที มันเคยโจมตีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนดินมาแล้ว แทบทุกชนิดและที่ต่างจากมังกรทั่วไปคือ มันกินสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำด้วย รายงาน ที่ปราศจากหลักฐานระบุว่า มังกรพันธุ์นี้เคยโฉบเอาลูกปลาวาฬไปจากชายหาดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์เมื่อปี ค.ศ.1802 ไข่ของพันธุ์หลังเป็นสัน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัสคาบันมีสีดำ และตัวอ่อนจะพัฒนาความสามารถในการพ่นไฟได้เร็วกว่าพันธุ์อื่น (ระหว่างหนึ่งถึงสาม เดือนเท่านั้น)


    3.เพรูเวียน ไวเปอร์ทูท (Peruvian Vipertooth)


    หรือเปรูเขี้ยวพิษ เป็นมังกรพันธุ์เล็กที่สุด และบินได้เร็วที่สุด ความยาวอยู่ราว ๆ สิบห้าฟุต เกล็ดเรียบสีทองแดง และมีสันสีดำ เขาสั้น เขี้ยวมี พิษร้ายแรง พันธุ์เขี้ยวพิษโปรดปรานแพะและวัวแต่ก็ชื่นชอบรสเนื้อมนุษย์ด้วย จนสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจำเป็นต้องส่งผู้ควบคุมไปลด ปริมาณของ พันธุ์เขี้ยวพิษเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นปริมาณของมังกรนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

    4.ยูเครเนียน ไอรอนเบลลี (Ukrainian Ironbelly)


    หรือยูเครนกระเพาะเหล็ก เป็นมังกรพันธุ์ใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดถึง 6ตัน ตัวกลมป้อม บินได้ช้ากว่าพันธุ์เขี้ยวพิษและพันธุ์โรมาเนียเขายาว อย่างไรก็ตาม พันธุ์กระเพาะเหล็กมีอันตรายมากมันทำลายให้บ้านเรือนเรียบเป็นหน้ากลองได้ เกล็ดสีเทาเป็นมัน ตาสีแดงเข้ม กรงเล็บยาว และแหลมคมมาก มังกรพันธุ์กระเพาะเหล็กถูกเจ้าหน้าที่พ่อมดยูเครนจับตาดูอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่มีตัวหนึ่งโฉบไปหิ้วเรือใบ (โชคดีที่ว่างเปล่า) ที่ทะเลดำในปี ค.ศ.1799


    5.โรมาเนียน ลองฮอร์น (Romanian Longhorn)


    หรือโรมาเนียเขายาว มีเกล็ดสีเขียวดำเขาสีทองเป็นประกาย ซึ่งมันจะใช้เสียบเหยื่อย่างไฟของเขามันเมื่อเอาไปป่นเป็นผงแล้วมีค่ามาก ใช้เป็นเครื่องปรุงยาได้ ปัจจุบันนี้ดินแดนแหล่งกำเนิดของพันธุ์โรมาเนียเขายาว ได้กลายเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์มังกรที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งพ่อมดทุกสัญขาติ ได้ศึกษามังกรพันธุ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พันธุ์เขายาวถูกจัดอยู่ในโครงการ เพาะพันธุ์เร่งด่วนด้วย เนื่องจากจำนวน ของมันลดต่ำลงในช่วงสองสามปีที่ ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเพราะการซื้อขายเขาของมัน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นสินค้าซื้อขายได้

    6.เวลส์สีเขียวธรรมดา (Common Welsh Green)


    พันธุ์เวลส์สีเขียวนั้นสีกลมกลืนกับหญ้าเขียวสดที่บ้านเกิดของพวกมันเป็นอย่างดี มักจะทำรังอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งกำหนดไว้เป็นเขตอนุรักษ์ เพื่อให้มันอยู่อาศัย ถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่อิลฟราคอมบ์ สายพันธุ์นี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สร้างปัญหาน้อยที่สุด มันชอบกินแกะเป็นอาหาร และจะหลีกเลี่ยงจากมนุษย์ ยกเว้นเมื่อถูกรบกวน พันธุ์เวลส์สีเขียวมีเสียงคำรามที่สูง ๆ ต่ำ ๆ เหมือนดนตรีอย่างน่าประหลาด และเป็นเสียง ที่จดจำได้ง่าย มันจะพ่นไฟเป็นลำบาง ๆ ไข่เป็นสีน้ำตาลหม่น ๆ มีจุดสีเขียว

    7.สวีเดนจมูกสั้น (Swedish Short-Snout)

    เป็นมังกรสีฟ้าเหลือบเงินแสนสวย คนมักเอาหนังของมันมาทำถุงมือและโล่ เปลวไฟที่พ่นออกมาเป็นสีฟ้าใส ซึ่งเผาผลาญไม้และ กระดูก เป็นเถ้าถ่าน ได้ภายในไม่กี่วินาที พันธุ์จมูกสั้นฆ่ามนุษย์น้อยกว่ามังกรส่วนใหญ่ มันมักอาศัยอยู่ตามป่าและบริเวณภูเขาที่ไม่ทีคนอาศัยอยู่ จึงไม่มีวีรกรรมมากนัก

    8.แอนตี้โพเดี้ยน โอเพิลอาย (Antipodean Opaleye)



     

    หรือแอนติโพเดี้ยนตาสีรุ้ง มีถิ่นกำเนิดในนิวซีแลนด์ แต่ต่อมาก็อพยพไปอยู่ออสเตรเลียเนื่องจากที่อยู่ในบ้านเกิดเริ่มจำกัด อาศัยอยู่ใน หุบเขามากกว่าตามภูเขา ซึ่งแตกต่างจากมังกรทั่วไป มังกรพันธุ์นี้มีขนาดกลาง(น้ำหนักระหว่าง 2-3 ตัน) ตาสีรุ้งอาจจะเป็นมังกรพันธุ์ที่ สวยงามที่สุดก็เป็นได้ มีเกล็ดมันวาวสีเหลืองรุ้ง และมีดวงตาหลากสีประกายปราศจากม่านตา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ มังกรพันธุ์นี้ จะพ่นไฟสีม่วงเจิดจ้า ตามมาตรฐานมังกรถือว่าไม่ดุร้ายนัก ส่วนมากถ้าไม่หิวก็จะไม่ฆ่า อาหารโปรดคือแกะ แต่ก็เคยล่าเหยื่อที่ใหญ่กว่านั้น การฆ่าจิงโจ้ครั้งใหญ่ตอนปลายทศตวรรษที่ 1970 เป็นฝีมือของพันธุ์สีรุ้งตัวผู้ที่ถูกตัวเมียซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าไล่ออกจากบ้าน ไข่ของมัน สีเทาซีดและมักเกิ้ลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมักเข้าใจผิดว่าเป็นฟอสซิล

    9.ฮังการีหางหนาม (Hungarian Horntail)



     

    คาดว่าดุร้ายที่สุดในบรรดามังกรทุกสายพันธุ์ พันธุ์ฮังการีหางหนาม มีเกล็ดสีดำ และรูปร่างคล้ายกิ้งก่า ตาสีเหลือง เขาสีบรอนซ์ และ ตลอดหางอันยาวเหยียดของมัน ก็มีหนามแหลมสีบรอนซ์เช่นเดียวกัน พันธุ์หางหนามพ่นไฟได้ไกลที่สุด (ไกลสุดถึง 15 ฟุต) ไข่สีเทา เหมือนสีเมนต์และเปลือกแข็งมากตัวอ่อนจะเจาะเปลือกไข่ ออกมาโดยใช้หาง ซึ่งมีหนามแหลมติดตัวมาตั้งแต่เกิด พันธุ์ฮังการีหางหนาม กินแพะ แกะ และถ้าเป็นไปได้ก็จะกินมนุษย์เป็นอาหาร
    10.เฮบริเดี้ยนสีดำ (Hebridean Black)
     

    มังกรท้องถิ่นของอังกฤษอีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งดุร้ายกว่าพันธุ์ เวลส์สีเขียวเพื่อนร่วมถิ่นมาก พันธุ์เฮบริเดี้ยนสีดำใช้พื้นที่อยู่อาศัยถึง 100 ตารางไมล์ต่อ1 ตัว มันยาวได้ถึง 30 ฟุต เกล็ดไม่เรียบตาสีม่วงสุกใส และมีสันเตี้ย ๆ แต่คมกริบเรียงเป็นแถวตลอดแนวหลัง ปลายหางมี หนามใหญ่ลักษณะเหมือนลูกศรและมีปีกเหมือนค้างคาวเฮบริเดี้ยน สีดำกินกวางเป็นอาหารหลัก แต่ก็เคยบินโฉบเอาสุนัขตัวใหญ่หรือแม้ แต่แม่วัวไปกิน ตระกูลพ่อมดแมกฟัสดี้ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในเฮบริดีซมานับศตวรรษรับหน้าที่ดูแล ควบคุมมังกรประจำถิ่นพันธุ์นี้เรื่อยมา จนเป็นประเพณี 

    ส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือเรื่องHarry Potter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×