คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หน้ามืด ( Luffy X Nami )
หลังจากที่โซโลกับโรบินได้ต่างคุยแนะนำตัวกันแล้ว ลองกลับไปที่ท่าเรือที่ลูฟี่ทำงานดีกว่า ตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกงานแล้ว ซึ่งไงซะลูฟี่ก็ต้องหลับนอนที่นั้นอยู่แล้วที่ท่าเรือ
(อ่ะนะเป็นแค่ลูกจ้างนี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ เฮีย -_-)
(-o- เฮ้ยๆไม่ใช่ เฮียแกมีพระคุณกับเราจะตายไป พูดจริงนะ)
โอยๆโครกๆหิวง่า (ขณะนั้นก็หันไปสะดุดตากับเรือลำนึง)
เรือลำนั้น มีหัวเรือเป็นหัวแพะและดูเหมือนว่า จะเด่นที่สุดซะด้วย ในบรรดาเรือของท่าเรือทั้งหมด
ซึ่งลูฟี่ก็เคยถามเฮียอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับเรือนั้น และได้รู้มาว่าเรือนั้น ชื่อ แมรี่
แต่ว่าเฮียเคยบอกย้ำบ่อยๆว่า พยายามอย่าไปยุ่งกับเรือนั้นเลย ผมได้ยินงั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรพิเศษรึเปล่า เอาเถอะ ต้องรู้ให้ได้ ไม่แน่อาจจะมีเนื้อเก็บไว้ไม่อั้นก็ได้ 555+
��������������������������������������������������������������������� (คิดแต่เรื่องกินนะเรา)
พอขึ้นไปบนเรือแล้วกลับรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก เขาพูดกับตัวเองว่าถ้าเรือลำนี้เป็นเรือที่จะเอาไปผจญภัยได้ ก็คงดีสินะ(พูดแนวเพ้อฝัน) เอาเถอะ แอบเข้าไปสำรวจตัวเรือดีกว่า
โอโห ข้างในนี้สวยจริงๆ พอเดินเข้าไปเรื่อยๆ
���� รู้สึกถึงจิตสังหาร แล้วหันหลังไปก็เจอกระบองเหล็กที่อยู่ดีๆฟาดเกือบโดนหัวโชคดีเบี่ยงตัวหลบทันพอดี
���� “นี่เธอเป็นใครเนี่ย มาฟาดฉันทำไม”
“ฉันน่ะเหรอ ที่จริงฉันควรถามนายมากกว่า”
เจ้าของกระบองเหล็ก คือ ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก สวย เซ็กซี่ ผิวขาวนั้นเองและกำลังถือกระบองตั้งท่าสู้อยู่
“นี่ๆใจเย็นก่อนนะเธอน่ะฟังผมพูดก่อน”
“ไม่ฟัง!”
อยู่ดีๆก็ไล่ฟาดแกว่งไปมาและไม่มีทีท่าที่จะเย็นลงเลย เอ่ ทำไงดีเนี่ย ไม่ยอมฟังเลยแหะ
ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเลย แต่คงจำเป็นแล้วล่ะ
ตัดสินใจใช้แขนสองข้างยื่นไปจับกระบองเหล็กไว้ แล้วดึงตัวเข้าไปหาระยะประชิด
�แล้วดึงยื้อกระบองกัน
“นี่ปล่อยนะ จะทำอะไรอ่ะ”
“ก็จะหยุดเธอไงเล่า ฉันไม่อยากสู้กับเธอนะ”
แล้วไม้กระบองก็ถูกดึงกระเด็นตกพื้นไป แต่ทั้งสองคนก็ยังยื้อสู้กันอยู่ จนทั้งสองคนล้มลงไปทั้งคู่
โดยลูฟี่อยู่เหนือด้านบน ส่วนเธออยู่ด้านล่าง และทุกอย่างก็หยุดชะงักหมด
�เมื่อดวงตาทั้งคู่ต่างประสานกัน
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ลูฟี่ได้เจอหญิงสาว จึงยากต่อการควบคุมตัวเองได้ และลูฟี่ก็ไม่รู้ตัวเองด้วยว่าตัวเองเป็นอะไร
หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นก็มืดลง และแค่มีเสียงขึ้นมาว่า
“นี่ จะทำอะไรฉันน่ะ อย่านะ”
“อย่า
.”
“
.” แล้วเสียงของเธอก็เริ่มเงียบลง
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ แต่ที่รู้ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้และยากเกินกว่าคนอย่างผมจะอธิบายได้ (ลูฟี่หน้ามืด) แล้วผมก็หลับไป
.
������������������ Kurosaki Maon - Kimi to Taiyou ga Shinda hi
owaranai sekai no naka de
sakimidareta saigo no kotoba yo
sneer at the despair
mou furikaeranai
koe wo karashite sakebeatarimae no nichijou ga hazeru
kimi to taiyou ga shinda hinozomanai NOIZU no uzu ni
hitoshirezu ni nomikomarete yuku
wasurenai de watashi no koe wo
mata deau sono hi madeubatta te no itami wa
taemanaku kasanatteku
kudaketa GARASU
nigeru shinjitsu
nagareta kuroi namidamaichiru kisetsu yo
zetsubou e michibikehajimatta kono KARUMA ni mo
kanarazu kitto imi ga aru dakara
decide, and get my way sou kimi rashiku are
mayoi uchinuki susumesayonara mou iku yo
owari no hajimari e
English translation
In this never-ending world,
oh, the profusely blooming last words,
Find More lyrics at www.sweetslyrics.com
sneer at the despair!
We will no longer turn back;
bellow at the top of your lungs!The usual everyday scenes are now bursting open,
on the day when you and the sun perished.Unaware to anyone, I'm slowly being swallowed
into a whirlpool of unwanted noises.
Do not forget the sound of my voice,
until the day when we reunite.The pain in my snatching hands
endlessly multiply on and on.
Shattered glass,
elusive truths,
and flowing black tears...Oh, the scattering seasons,
lead me towards despair!There must be some hidden meaning
to this already-begun karma, so
decide, and get my way. Yes, be yourself,
shatter your hesitation, and advance forward!Farewell. I'll get going now,
towards the beginning of the end.
������� ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่มาแต่งช้ามาก�เกือบดองล่ะ แต่ได้กำลังใจเลยจะแต่งต่อ�
��������������������������������� �ขอบคุณสำหรับ Fan Club�ทุกคนที่ติดตาม
ความคิดเห็น