ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : --- ทดลองระบบการแจ้งเตือน dekdee
ช่วงนี้เด็กดีกลายเป็นเด็กรวนไม่ยอมอัพเดทแจ้งเตือน ขอทดลองนิดว่าระบบใช้ได้หรือยัง เป็นส่วนนึงจากนิยายเท่านั้นค่ะ
ไป๋อวิ๋นเขม้นมองพินิจแผ่นหลังบุรุษผู้เหยาะย่างอาชานำเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า หาได้ใส่ใจทิวทัศน์อันสวยงามและบรรยากาศอันน่ารื่นรมตลอดสองข้างทางไม่
ตั้งแต่ร่วมทางกันมาไม่นับเรื่องร่วมเตียง หยางเจี้ยนมีท่าทีเฉยชา...ไม่สิ น่าจะเรียกว่านิ่งเฉยเสียจนเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ราวกับว่าความร้อนเร่าที่เกิดในยามร่วมเสพสุขนั้นเป็นเพียงภาพลวงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่สามารถทำให้จิตใจนักฆ่าผู้นี้สั่นคลอนได้
เห็นทีว่าไป๋อวิ๋นคงจะประเมินจอมกระบี่สุริยันผิดไปจริงๆ
ด้วยเพียงอำนาจราคะคงไม่อาจดึงรั้งใจอันแข็งกระด้างนั้นให้สยบลงได้ โดยเฉพาะบุรุษที่เคยพึงมอบใจรักให้อิสตรีมาก่อน
หญิงกับชาย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต่างกัน
ในฐานะเปลี่ยนภพ ตัวเขาเองก็ได้พบปะผู้คนมามากมายหลากหลายรูปแบบ และการที่หยางเจี้ยนซึ่งเคยรักชอบผู้หญิง แต่ดันทะลึ่งมานอนกับผู้ชายได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ...
แบบนี้แถวบ้านเขาเรียกว่าพวกเสือไบ จะหญิงก็ได้ชายก็ดี
กระนั้นคู่รักมันก็ต่างกับคู่นอน การจะให้หยางเจี้ยนเปลี่ยนใจในอิสตรีมารักบุรุษมันคงไม่ง่ายกับแค่หว่านเสน่ห์เล่นท่ายากกันบนเตียง...
ความรักระหว่างคนสองคนจะเกิดขึ้นได้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
สงสัยคงต้องปรับแผน...
"พี่เจี้ยน" ไป๋อวิ๋นกระตุ้นม้าขึ้นไปเคียงข้าง
หยางเจี้ยนครางรับในลำคอแต่ดวงตายังคงจ้องมองไปข้างหน้า
ไป๋อวิ๋นเห็นแล้วร่ำๆ อยากจะชักเท้าถีบให้ร่วงจากหลังม้าเพื่อคลายความหมั่นไส้ ทว่ากลับต้องฝืนยิ้มแย้ม "เราเดินทางมาทั้งวัน ลำพังคนคงทนได้แต่ม้าคงทั้งหิวและล้า พักม้าสักครู่ก่อนดีหรือไม่?"
หยางเจี้ยนนิ่งเงียบคล้ายกำลังตรึกตรอง ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ไป๋อวิ๋นจำต้องระงับเก็บอาการสุดกำลังเพื่อไม่ให้เผลอทำร้ายร่างกายคนร่วมทางจนแผนแตก
"เช่นนั้นพักใต้ต้นไม้ใหญ่นั่นก่อนก็แล้วกัน" เขาชี้ชวน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมกลายเป็นตนเองที่ต้องมาจัดการเรื่องพวกนี้ ในเมื่อหยางเจี้ยนมีฐานะเป็นนาย เป็นผู้มีสิทธิ์ออกความเห็นและออกคำสั่งทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด...
ไอ้บ้านี่ทำตัวได้น่าโมโหนัก!
"เจ้าจ้องหน้าข้าทำไม?"
หลังจากเข้าพักใต้ร่มไม้ ให้น้ำม้า นั่งหลับตาทำสมาธิพักผ่อนเอาแรง สุดท้ายหยางเจี้ยนก็ทนไม่ไหวเมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันแรงกล้าของสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้อง ทั้งเมื่อหันไปก็พบเข้ากับนัยน์ตาเป็นประกายจดจ้องไม่ยอมหลบจริงดังที่สัญชาตญาณบอกกล่าว
ไป๋อวิ๋นกระพริบตา แย้มรอยยิ้มอ่อน "ข้าเพียงสงสัยในตัวท่าน"
"สงสัย?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
"แท้จริงแล้วท่านเป็นอย่างไรกันแน่... บางคราดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม บางครากลับนิ่งเฉยเสียจนน่าใจหาย ทั้งๆ ที่ยามร่วมหาความสุขนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์ร้ายและเร่าร้อนเสียจนเกรงว่าข้าต้องมอดไหม้ภายใต้มือท่าน"
ไป๋อวิ๋นขยับปาก มือก็ค่อยๆ หยิบยื่นส่งผ้าผืนเล็กให้อีกฝ่ายใช้ซับเหงื่อที่กำลังไหลหยดเพราะความร้อนของดวงอาทิตย์
หยางเจี้ยนไม่ได้ยื่นมือรับน้ำใจ ทำแต่เพียงยกยิ้ม
"เกรงว่า...หากขืนประมาทคงเป็นข้าที่มอดไหม้ด้วยมือเจ้า"
คำพูดนี้ชะงักรอยยิ้มของไป๋อวิ๋น ดวงตาจ้องประสานไม่อาจล่วงรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มมีเลศนัย
"เจ้าบอกเองว่าจะดูแลข้าทุกอย่างไม่ใช่หรือ?" หยางเจี้ยนหลุบตาพยักพเยิดมายังผ้าที่นิ่งค้างอยู่ในมืออดีตนายโลมซึ่งเวลานี้กำลังเผยสีหน้าฉงน
"บางทีเจ้าเองก็ทำให้ข้าสงสัย...ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มและร่างกายนี้" มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกลี่ยไรผม ไล้ปลายนิ้วลงมาตามแก้มเนียนจรดปลายคาง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยเนิ่นช้าแต่ชัดเจน "...ข้าเคยคิดว่าเจ้าฉลาดที่สามารถทำให้ข้าติดใจจนต้องพามาถึงนี่ แต่ครานี้ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าช่างซื่อบื้อเหลือรับ..."
"ข้านี่นะซื่อบื้อ!?" น้ำเสียงของไป๋อวิ๋นเต็มไปด้วยความคลางแคลงมากกว่าโทสะที่ถูกตำหนิซึ่งหน้า
หยางเจี้ยนเกือบหลุดหัวเราะออกมาแต่เก็บอาการเอาไว้ได้
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้...
เขาลดมือลงฉวยจับข้อมือที่ถือผ้าผืนน้้นยึดไว้หลวมๆ
"อยากดูแลข้า ก็เช็ดให้ข้าสิ เห็นหรือไม่ว่าข้ารอจนเหงื่อแห้งหมดแล้ว"
ไป๋อวิ๋นกระพริบตาปริบๆ เขาผ่อนลมหายใจสลัดความเอือมระอาพลางบิดข้อมือออกจากการจับยึด
อะไรกันที่ทำให้หยางเจี้ยนแลดูเป็นพวกจิตไม่ปกติคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เพียงนี้?
"ใครจะไปรู้ได้เล่า ข้าไม่เคยดูแลปรนนิบัติผู้ใด อีกอย่างงานเหล่านั้นเป็นเรื่องของอิสตรี ถึงข้าจะเป็นนายโลม ร่วมเตียงเคียงบุรุษ แต่อย่างไรก็ยังเป็นบุรุษที่ไม่สันทัดการปรนนิบัติดูแลผู้อื่น"
ที่แน่ๆ ชั่วชีวิตไม่ว่าชาติก่อนถึงชาติปัจจุบัน จะเซียวไป๋เสวี่ยหรือจะเปลี่ยนภพต่างก็ไม่เคยทำหน้าที่เช่นคู่รักอย่างนี้ให้ใครมาก่อน
ดังนั้นแค่คิดก็กระอักกระอ่วนแล้ว
"ข้าก็เห็นบุรุษของหอโคมเขียวต่างปรนนิบัติดูแลลูกค้าได้ไม่แพ้อิสตรี ของอย่างนี้ ก่อนทำงานก็ต้องได้รับการอบรมบ่มเพาะมาก่อน หรือเจ้าไม่?"
"ถึงจะเป็นอย่างนั้นกับข้าที่ไม่สู้จะเต็มใจแต่แรกใครจะไปสนใจเล่า..." ไป๋อวิ๋นแสร้งว่าพลางขยับเข้าชิด ยกผ้าขึ้นแตะซับไปตามใบหน้าที่อยู่ใกล้ไปตามเรื่องเพื่อตัดปัญหา
ครู่หนึ่งจึงชะงักมือ...
"ท่านจ้องข้าทำไม?" ดวงตาสองคู่สอดประสานอยู่ใกล้เพียงเอื้อม หัวใจของเขาพลันเต้นผิดจังหวะอย่างห้ามไม่อยู่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควร
"ทั้งที่ใบหน้าคล้ายกันมากแท้ๆ แต่มีเพียงเมื่อครู่ที่ข้าคิดว่าเจ้าคือเซียวไป๋เสวี่ยคนที่ตายไปแล้วคนนั้น"
ไป๋อวิ๋นชะงักอึ้ง ขยับตัวละมือแต่ไม่ละสายตา
"คนที่สังหารคนรักท่านน่ะหรือ? ที่แท้ชื่อเซียวไป๋เสวี่ย..."
ไม่... เขาจะไม่ยอมให้ความหวั่นไหวในใจทำทุกอย่างผิดพลาด!
"ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ข้าไม่เคยเอ่ยชื่อนี้กับใคร น่าแปลก..." สายตาของหยางเจี้ยนจ้องมองมาไม่ลดละ
ไป๋อวิ๋นข่มความรู้สึกปั่นป่วนภายในไว้เต็มกำลัง ปั้นสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"คงเป็นเพราะใบหน้าข้ามีส่วนคล้าย ดังนั้นจึงทำให้ท่านสับสน..." มือทั้งสองวางซ้อนทับบนมือของอีกฝ่ายบีบคลึงด้วยสัมผัสแผ่วเบา ดวงตายังคงจ้องประสาน
"พี่เจี้ยน เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วไม่อาจย้อนหวนคืน คนคนนั้นก็ได้รับโทษทัณฑ์ด้วยความตายเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่าเก็บมาคิดให้ทำลายความสุขตนเองอีกเลย"
ใช่ เหตุการณ์ไม่อาจย้อนหวนคืน แต่เซียวไปเสวี่ยผู้นี้กลับมาเพื่อทวงคืนชีวิตและความเป็นธรรม
ในเมื่อทวงแค้นด้วยรักไม่ได้ เขาก็จะทวงแค้นนี้คืนด้วยแค้นดุจเดียวกัน
อีกไม่นาน เพียงรอให้ถึงมี่ฝู่ก่อนเท่านั้น!
"ต่อไปเจ้าก็อยู่ทำงานที่นี่ก็แล้วกัน"
เป็นอีกครั้งที่ไป๋อวิ๋นตกอยู่ในอาการพูดไม่ออก
"ที่นี่...โรงเตี๊ยม?"
ถูกต้อง ด้วยสภาพใหญ่โตพอประมาณ ไร้ซึ่งความสวยงามหรูหราใดๆ อีกทั้งยังตั้งโดดเดี่ยวอยู่ในที่ห่างไกลกลางป่าเขา
ที่ๆ ไม่น่าจะมีใครสิ้นคิดมาอยู่ลงหลักปักฐาน
แต่มันก็คือโรงเตี๊ยมไม่ผิดแน่!
"เหตุใดต้องทำสีหน้าประหลาดใจเพียงนั้น?" ริมฝีปากของหยางเจี้ยนกระตุกคล้ายอยากจะปลดปล่อยเสียงหัวเราะเต็มที "นี่คือบ้านที่ข้าบอกว่าจะพาเจ้ามาอย่างไรเล่า"
บ้าน?
หยางเจี้ยนมีบ้านที่ไหนอีกเล่านอกจากมี่ฝู่!?
"แต่ท่านเป็นชาวยุทธใยจึงเปิดโรงเตี๊ยมค้าขาย!?"
มันเป็นอะไรที่ไม่มีความสมเหตุสมผลอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าฐานะแท้จริงของคนผู้นี้คือสายลับนักฆ่า
"บ้านข้าเป็นโรงเตี๊ยมมาตั้งแต่เกิด เมื่อสิ้นพ่อแม่ข้าก็ต้องรับช่วงต่อ แม้ตัวข้าเองจะไม่ได้อยู่ดูแล แต่ก็ยังมีคนเก่าแก่ช่วยประคับประคอง"
แหลทั้งเพ!
เมื่อเขาเป็นเซียวไป๋เสวี่ย สิ่งที่รับรู้มาตลอดคือหยางเจี้ยนเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิดไร้พ่อไร้แม่ ทั้งเมื่อเข้าร่วมกับมี่ฝู่แล้วย่อมต้องยอมตัวมอบให้กับงานของที่นั่นอย่างเต็มกำลัง จะมาเปิดโรงเตี๊ยมอย่างนี้คงเป็นไปไม่ได้
หากหยางเจี้ยนไม่กุเรื่องขึ้นมาเอง คิดว่าสถานที่นี้คงมีลับลมคมในอะไรบางอย่างกับมี่ฝู่แน่
"แล้วกลางป่าดงเช่นนี้จะหาลูกค้าได้อย่างไร?"
แน่นอน เปิดโรงเตี๊ยมค้าขายมันก็ต้องเน้นทำเลและจำนวนลูกค้า ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนต่อ
"ถึงจะเป็นกลางป่า แต่แถวนี้ก็เป็นทางสัญจรมีผู้คนผ่านไปมาไม่น้อย อีกทั้งในแถบนี้มีที่พักที่นี่ที่เดียวหากไม่คิดนอนกลางป่า ฉะนั้นเรื่องลูกค้าเจ้าไม่จำเป็นต้องห่วง"
หยางเจี้ยนตอบเรียบๆ พลางก้าวเดินนำ
"อย่ามัวเสียเวลายืนอยู่ตรงนี้เลย รีบเข้าไปเถอะ ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักทุกคนเอาไว้" เพียงชั่วครู่ที่มองเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าซึ่งเบนกลับมาสบตา
"เพราะชั่วชีวิตนับจากนี้ นี่จะเป็นที่อยู่ของเจ้า"
ไป๋อวิ๋นลอบกลืนน้ำลาย
...นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่คาดคิด
อย่างน้อยแม้ไม่ได้เข้าสู่มี่ฝู่โดยทันที แต่เขามั่นใจว่าหยางเจี้ยนจะไม่มีทางทิ้งคนที่ตนช่วยเหลือไว้เผชิญเวรกรรมเพียงลำพัง อย่างไรเสียสายลับมือหนึ่งคงหาเหตุผลให้หัวหน้าใหญ่ของมี่ฝู่ยอมรับเขาเอาไว้จนได้
ทว่า นี่มัน...
จะให้อยู่นี่จนชั่วชีวิตงั้นหรือ?
ชั่วชีวิตของไป๋อวิ๋นที่เหลือเวลาเพียงแค่ไม่ถึงสามเดือน...
ไม่! เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเท่านี้ ไม่มีทาง!
หยางเจี้ยน!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น