รวมเรื่องลึกลับ... - นิยาย รวมเรื่องลึกลับ... : Dek-D.com - Writer
×

    รวมเรื่องลึกลับ...

    โดย gobza

    เรื่องลึกลับ

    ผู้เข้าชมรวม

    703

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    703

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน : 0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:52 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    รวมเรื่องลึกลับจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง

    1. " ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ "

    ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ ทีแรกเห็นแต่ขาแต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย

    2. " ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) ของคณะนิเทศศาสตร์ "

    เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย....
    มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบ...ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อ ๆ มาเล่าให้ฟังว่า ...
    ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน
    ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน...บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้.....
    แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่าตนเข้าคนเดียว......
    แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้ ยังคงเป็น ปริศนาอยู่

    3. " บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์ "

    เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็น ผู้หญิงใส่ชุดขาว ตลอดทั้งตัวยืนอยู่ที่บันไดนี้

    4. " ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "

    เล่ากันว่า ถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง

    5. " ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา "

    ตอนดึกๆหรือตอนเย็นๆใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้า จะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว

    6. " ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ " ทางเดินที่ว่านี้ มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน




    ....ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต...เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี



    >> ต่อมาเมื่อทางคณะฯ ได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้
    .......มีแต่เฉพาะหน้าห้องนี้ เท่านั้น ที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่าที่เห็นกันทุกวัน นี้


    เรื่องเล่าผี ๆ จากมหาลัยฯ

    เรื่องที่ 1 : ป๊อก ครืด

    เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของความเศร้า ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอ 7 หญิง ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง



    ถนนหน้าฝนเป็นโคลนาน
    >>รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ
    เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำือ แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมา ฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อลาดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อยังไม่กลับมาซะที้็ด ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อนะ เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ป๊อกป๊อกป๊อกป๊อก. เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป ครื..ด..ครื..ด.ค..รืด เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆื จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได .คิดต่าง ๆ นา ๆ แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไปล้

    รุ่งเช้า.มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ (ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม) ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนำห่อลาดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมดว

    แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้นมา เป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด ที่ได้ยิน คือเสียงลากตัวเองจากบันได



    มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน
    >>หลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง
    ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตาย




    --------------------------------------------------------------------------


    ---------------------------------------------------
    >>เรื่องที่ 2 : เปรตหอนาฬิกา

    จาก มอชอ อีกแล้ว อันเนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อน ทำให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษา และโรงเรียนสาธิต ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 หญิง เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ



    อาจโดนดีได้
    >>วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน ให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ
    (ปกติวงเวียนจะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา) เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้นไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น



    จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ
    >>แต่วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สาม
    จู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆกัน ใครอยากรู้ก็ลองดูอง

    อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4 และหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆเล็ก ดังมาจากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิตไม่มีการทำกิจกรรมและคณะวิศวะไม่มีกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญบางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน? เป็นเพียงเรื่องเล่า




    --------------------------------------------------------------------------


    -----------------------------------------------------------
    >>เรื่องที่ 3 : ห้องสีชมพู

    มอชอ อีกแล้วครับ เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจว่า 7 หรือ 4 เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอใน แล้วไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้ว แต่มันยังไม่ป่องออกมาจึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้ แม้แต่เมท ทำยังไงถึงจะเอาออกได้ พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทำแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ จึงตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว โดยไม่ทราบวิธีการ้อง ปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิด นักศึกษาคนนั้นตกเลือดตายในห้อง เพื่อนมาพบศพตอนเย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจายติดฝาผนังบ้างก็มี

    หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว (รวมถึงทำความสะอาดห้อง) โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด เห็นรอยเลือดสีจางๆ ติดอยู่ที่ผนังสีขาว ก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับง วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดรอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทำยังไง ทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่ รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพักจึงต้องนำสีชมพู ไปทาทั้งห้องอย เพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้ แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค (ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง) ลองไปเยี่ยมชมดูได้ครับ หนึ่งความพลาดพลั้งที่ไม่มีอะไรแก้ไขได้




    เรื่องที่ 4

    รุ่นน้องอยู่หอ 7 หญิงเหมือนกัน เล่าว่า ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ (รวมตอนกางคืน) ชั้น 3 เข้าไปอาบน้ำในห้องที่เขากั้นให้อาบน้ำ โดยไปอาบที่ห้องในสุด้ำ ซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้าง ๆี่ ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีกต่างหาก แต่รุ่นน้องอาบน้ำช้า ห้องข้าง ๆ เลยกลับออกไปก่อนง

    พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จ เปิดห้องออกมา ตอนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้าง ๆ อยู่แล้ว เพราะตัวเองอาบห้องในสุด แต่ห้องข้าง ๆ ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย้าง ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท !

    ที่ห้องอาบน้ำชั้น 2 รุ่นพี่ซึ่งแก่กว่าประมาณ 3 ปี เล่าให้ฟังว่า กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ทั้งห้องมีอยู่คนเดียวะ กำลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ำกระเด็นมาจากห้องข้างๆ แต่ไม่มีเสียงน้ำ ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้างๆ ก็ไม่เห็นมีน้ำรั่วหรือซึม ทั้งผนังและเพดาน เรียบร้อยทุกอย่าง พอเข้าห้องมาจะอาบ น้ำก็กระเซ็นมาอีก คราวนี้ไม่อยู่แล้ว เก็บของออกจากห้องน้ำไปเลย ฟังหูไว้หู




    --------------------------------------------------------------------------


    ---------------------------------------------------
    >>เรื่องที่ 5

    ที่ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่า ๆ หน่อย ลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ำคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้า กับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ เล่าว่ามีคนเล่าให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อหนึ่ง) ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯงเ แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำแห่งนี้ (เริ่มนึกออกหรือยังว่าห้องน้ำที่ไหน) ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อรือ คนไปฉี่ก็เข้าไปฉี่ธรรมดา ในห้องน้ำมีโถฉี่สองอัน อันแรกติดประตู อันที่สองอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ตอนจะฉี่ ก็จะฉี่ที่โถแรก เพราะใกล้าง แต่ไม่รู้นึกยังไง เลยเดินเลยไปฉี่ที่โถด้านใน ตอนกำลังฉี่ก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉี่เสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่าม่ กำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก! (แต่หันหลังให้) นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม?

    คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน




    --------------------------------------------------------------------------


    --------------------------------------------------------------------------
    >>เรื่องที่ 6 : ตึกฟิสิกส์

    เรื่องนี้โด่งดังมากในเรื่องความน แต่ไม่เคยเจอกับตัวซักที เรื่องมีอยู่ว่า ที่ใต้ถุนตึกฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มช. จะมีม้านั่ง มีที่ให้อ่านหนังสือ ตอนกลางวันเย็นสบาย แต่ตอนกลางคืนจะเย็นยะเยือกาสตร เล่ากันว่า มีนักศึกษาหญิงที่ถูกแฟนบอกเลิก ไปผูกคอตายที่นั่น ประมาณว่าตอนคบกันไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่นกันบ่อยๆ พอคิดสั้นเลยใช้ที่นั่นเป็นที่สุดท้าย นับแต่นั้น มาเล่ากันว่านักศึกษาคู่ไหนที่เป็นแฟนกัน แล้วไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่น มักจะไม่ได้อ่าน จะโดนกวนตลอด ถ้านั่งคู่กัน จะรู้สึกว่ามีคนมองข้างหลัง ถ้านั่งตรงกันข้ามกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง มักจะเห็นอะไรแปลกๆ ใครที่มีแฟนลองไปนั่งดูนะครับ็

    และนานมาแล้ว ที่ มช. นั่นแหละ สมัยนั้นเวลากลางคืน ดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม (ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร) อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกัน ไปดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน มันสวยดี (แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) วันหนึ่งนักศึกษา คณะวิศวะฯ สองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล (แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ) ครึ้ม ๆ ขึ้นมา ก็ขับรถเลยจากทางเข้า มช. กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไป ข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมาๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ (สมัยก่อน 80 % นักศึกษาจะขับแมงกะไซค์ ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้) ซักพักคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี



    เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง
    >>แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่าู่
    ทำไม mung ไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร? " คนขับ kuไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว เดี๋ยวโค้งหน้าmungกะku ก็เจอเขาอีกแหละ...

    เมื่อสมัยที่ผมเรียน หอหญิงจะมีเวลาปิดที่สามทุ่ม วันศุกร์-เสาร์ สี่ทุ่มครึ่ง นักศึกษาหลายๆ คนที่กลับเกินเวลาก็ต้องปีนหอแล้วก็คงมีพลาดกันมั่งแหละ ที่หอ 4 หญิง เล่ากันว่าหลาย ๆ ครั้งคนที่กำลังปีน ๆ เข้าหอด้วยความเมามันส์รึ่ มักจะเงยหน้าขึ้นไปเจอรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ที่ระเบียง เมื่อสบตากัน พี่คนนั้นก็จะบอกว่าญิง ...น้อง...อย่าปีนเลย...เดี๋ยวจะเป็นอย่างพี่... แล้วเธอคนนั้นก็จะ replay โดยการร่วงจากชั้นบนลงมาที่พื้นให้น้อง ๆ ชมเป็นตัวอย่าง

    เค้าว่ากันว่า หอ 7 หญิง เมื่อก่อนมี นักศึกษาอยู่คนนึง ขยันเรียนมาก มักจะออกไปกินข้าาวตอนหัวค่ำ แล้วกลับมาอ่านหนังสือตลอดง ไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหน (ตรงข้ามกะเราเลย) วันนึงเค้าก็ออกไปกินข้าวตามปกติ แต่ไม่ได้ไปพร้อมกับเมทร่วมห้อง ขณะนั้นเมทคนที่ 2 กินข้าวแล้ว เลยนอนอยู่ในหอ ส่วนเมทคนที่ 3 อีกคนจะออกไปกินข้าวทีหลัง พอเมทคนที่ 1 กินข้าวเสร็จ เธอก็กลับมาอาบน้ำ แล้วนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ประมาณ 3 ทุ่ม เมทคนที่ 2 ลงมาข้างล่าง เจอกับเมทคนที่ 3 บอกว่าเธอคนนั้น (เมทคนที่ 1) เพิ่งโดนรถชนตายที่หน้ามอ เมทคนที่ 2 นึกว่าล้อเล่น เมทคนที่ 3 เลยพาไปดูที่เกิดเหตุ แต่เหตุการณ์ไม่จบเพียงแค่นี้ ปรากฎว่าเมื่อเมทคนที่ 2 และ 3 กลับขึ้นห้อง เมทคนที่ 1 เธอก็ยังอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมทคนที่ 2 และ 3 เลยย้ายไปนอนที่อื่น โดยที่ไม่ได้บอกเธอ แล้วขนของย้ายออกไปเลยในวันรุ่งขึ้น

    แต่ทุกคนในหอนั้นยังเห็นเธอคนนั้นทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ทุกคนในหอถึงกับจะขนของย้ายออกหมดทั้งปีก (ปีกอื่นก็จะคงเจอ แต่ไม่บ่อย) ร้อนถึงป้าที่ดูแลหอ ต้องนิมนต์พระมาสวด แล้วเอาสายสิญจ์ (อาจจะเขียนผิด ยังไงขอโทษท่านผู้อ่านด้วย) มาล้อมรอบหอไว้

    คืนนั้นทุกคนที่ผ่านหอ 7 จะเห็นเด็กผู้หญิงยืนร้องไห้อยู่ตรงระเบียง ในวันรุ่งขึน ต้องเอาสายสิญจ์ออก แล้วนิมนต์พระมาสวดใหม่ เพราะคาดว่าคราวที่แล้ว เธอโดนสายสิญจ์ล้อมไว้ เลยออกจากหอไม่ได้ี

    อันนี้เพื่อนเราเจอเอง คือว่าเพื่อนเรานอนตียงชั้น 2 แล้วห่มผ้าห่มไว้ คืนนั้นตอนดึกที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว ก็รู้สึกว่า มีคนมาดึงผ้าห่มไปเล่น เหมือนมาแกล้ง เพื่อนเราก็ดึงกลับ แล้วก็โดนดึงไปอีกอยู่หลายหน จนทนไม่ไหวม่ ลืมตาขึ้นมาดูนิดนึง เพราะเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่แล้ว เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว เป็นเงาดำๆไม่เห็นหน้านั่งอยู่ตรงบันไดขึ้นเตียงตรงปลายเท้า เพื่อนเลยบอกว่า " ไม่เล่นแล้วจะนอนแล้ว เธอคนนั้นก็ดึงผ้าห่มออกไปหมดเลย เพื่อนเราก้เลยยอมนอนหนาวต่อไปทั้งคืน " อันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เพื่อนเจอผีอำแบบทะลึ่งๆ มาลูบไล้ซุกไซ้ กึ๋ย

    --------------------------------------------------------------------------


    --------------------------
    >>เรื่องที่ 7 : คณะแพทย์ศาสตร์

    เรื่องพยาบาลในชุดแดงของคณะแพทย์ฯ ม.ช เล่าว่ามีนักศึกษาชายคนหนึ่งของคณะแพทย์ฯ ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอก (ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาล หรือตึกแพทย์ คนเล่าไม่ยืนยัน แต่ 2 ตึกนี้ก็ใกล้กัน) เขาคนนี้ก็ทำงานอยู่จนดึก เสร็จจากงานก็เลยว่าจะลงลิฟต์มา ระหว่างที่รอ เขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา็ ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์แ พยาบาลคนนี้ก็ถามว่า " มาทำอะไรดึกๆ อย่างนี้ " เขาเลยตอบว่า " มาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ " พยาบาลคนนี้เลยบอกว่า " งั้นให้ฉันช่วยนะ " นักศึกษาคนนี้ก็เลยงง และเริ่มสังเกตว่า ที่คอของพยาบาลสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ เขาตกใจมาก และพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์ แต่ลิฟต์เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้ เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง หัวใจ พร้อมทั้ง ควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา้ รุ่งขึ้นมีคนพบนักศึกษาชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดคาอยู่ แล้วเขาก็เอาแต่พร่ำเพ้ออย่างคนบ้าว่า พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    >>
    เรื่องจาก ม.เกษตร-บางเขนบ้าง

    เราเจอเองกับตัวเลย ช่วงทำ Project ปี 4 ต้องอยู่ Lab ดึกมาก ที่ตึกxx (ไม่ขอบอกนะเดี๋ยวรุ่นน้องกลัว) รุ่นพี่เคยเตือนไว้ว่าอย่าอยู่ตึกนี้ดึก เพราะเคยเจอเสียงลากเก้าอี้ตอนกลางคืน แต่เราไม่เชื่อ ช่วงเดือนมีนา Project ยังไม่เสร็จ มีอยู่วันหนึ่ง ต้องยู่ดึกเวลาประมาณ 4 ทุ่มึก ทั้งตึกมีเราอยู่คนเดียวได้ยินเสียงลากเก้าอี้ อยู่ชั้น 4 เราอยู่ชั้น 3 เสียงลากดังอยู่เหนือหัวเราเลย กลัวมาก แต่ต้องทน งั้นไม่จบ ครั้งที่ 2 บางอย่างในตึกนั้นเริ่มหยอกแรงขึ้น เวลา 4 ทุ่ม เหมือนเดิม เรากำลัง Serch Net อยู่ในห้องชั้น 2 มีเสียงเคาะกระจกหน้าต่างห้องซึ่งดังมาก เราวิ่งไปเปิด แล้วชะโงกดู ไม่มีใครเลย พอกลับไปนั่ง เสียงเคาะกระจกก็ดังอีก เราก็วิ่งไปดูอีก ไม่มีอะไรผิดปรกติ........ .ครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ....เรากลัวมาก แต่งานยังไม่เสร็จ......มันเคาะทุกๆ ครั้งที่เราเผลอ จนกระทั่งเที่ยงคืน งานเสร็จพอดี เผ่นจากตึกแทบไม่ทัน เดือนมษา เจอแรงสุด ๆ เรางีบอยู่ในห้อง Lab บอกเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าถ้าจะกลับให้ปลุกด้วย เพื่อนเลว !! มันลืมเรา ปล่อยให้เราหลับอยู่ในตึกคนเดียว เวลา 3 ทุ่ม มีเสียงดังเหมือนใครเตะประตู เราตื่นมาเห็นผู้ชายกำลังวิ่งหนีลงไปทางบันได เราโมโหมากวิ่งตามมันลงไป แต่เอ๊ะ !! ไอ้บ้านี่ทำไมมันวิ่งลงบันไดไม่มีเสียงเลย? พอวิ่งถึงชั้น 1 .....มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครเพราะตึกปิดแล้ว รู้เลยว่าเวลาขนหัวมันตั้งแล้วรู้สึกยังไง.......เผ่นตามระเบียบ จากนั้นเวลาเย็นเราจะเก็บของกลับทันที ไม่อยู่ดึกเด็ดขาด นี่คือรายการของคนเห็นผีในตึกนี้เท่าที่รวบรวมได้

    รุ่นพี่ : ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ตลอดคืนที่ทำ Lab เพื่อน : เสียงลากเก้าอี้ เสียงเรียกชื่อตัวเองจากด้านหลัง ยาม : เห็นเงาสีดำหายเข้าไปในลิฟต์ ชั้น 2 ได้ยินเสียงลากเก้าอี้อยู่ชั้นบน วิ่งไปดูไม่พบใคร ยัยนก : เดินไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่ชั้น 3 ตอน 4 ทุ่ม ยัยคนนี้ก็กระโดดกรี๊ดสุดเสียง......ที่แท้เป็นยาม (ยัยเซ่อ)

    ปล. เราเรียนจบแล้วคิดถึงทุกๆคน ที่ตึกแห่งนั้น

    เรื่องมีอยู่ว่ามีมีนักศึกษาหญิงในมหาลัยแห่งหนึ่งแถวรังสิต ผูกคอตายในห้องน้ำของตึกเรียนตึกหนึ่ง และหลายคืนแล้วที่มีคนได้ยินเสียงของนักศึกษาหญิงร้องไห้ หรือพบเห็นเธอเป็นประจำ โดยเฉพาะเห็นเธอในกระจก ในห้องน้ำนั้น จนกลายเป็นเรื่องเล่าของมหาลัย วันนึงมีนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 3-4 คน กำลังจะเดินกลับหอ หนึ่งในนักศึกษากลุ่มนั้นก็เกิดคึกคะนองอยากลอง แต่อีก 3คนไม่กล้า คนที่คะนองจึงเข้าไปในห้องน้ำนั้นคนเดียว โดยที่เพื่อนๆ รออยู่ข้างนอก นักศึกษาชายคนนั้นก็ทำเป็นเก่งตะโกนคุยกับเพื่อนข้างนอก " ... วันนี้ร้อนว่ะเนอะ... แล้วก็เอาน้ำล้างหน้า เสร็จแล้วก็ดูกระจก แล้วก็แต่งผมอยู่สักพัก แล้วก็เดินออกมาดูกระจกก็ไม่เห็นมีไรเลย ยังบอกว่า่ง " เรื่องเล่าก็เป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก อากาศมันร้อน ku เลยล้างหน้าซะด้วยเลย.. !!! เฮ้ย mung เอาน้ำที่ไหนล้างหน้าวะ ห้องน้ำนี้ไม่มีคนใช้ เค้าเลยตัดน้ำไปนานแล้ว ไอ้กระจกตรงอ่างน้ำก็ด้วย มีคนเอาของเขวี้ยงกระจก มันแตกไปนานแล้ว...

    ผีในลิฟท์ ม.รังสิต เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณปี 38-39 มีนักศึกษา อยู่หอชาย(เก่า)ไปเที่ยวกลับมาตอนตี 2 ในลิฟท์ก็จะมีกระจกอยู่ 1 บาน พอเข้าไปในลิฟท์ (จากชั้น1) ก็เห็นมีผู้ชายคนนึงอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้ว แล้วถามว่าจะไปชั้นไหน ก็บอกไปว่าชั้นเดียวกันนั่นแหละ (คือชั้น 9) แล้วนักศึกษาคนนี้ก็ยืนแกะสิวอยู่หน้ากระจก พอเหลือบไปมองผ่านกระจกไปก็เห็นผู้ชายที่มาด้วยยืนเฉยๆ แต่หัวหมุนไปหนึ่งรอบ แล้วหันมายิ้มให้ี่ วันรุ่งขึ้นเห็นเพื่อนบอกว่าคืนนั้นยามวุ่นวายกันน่าดู เพราะนักศึกษาชายคนนั้นต้องการย้ายข้าวของออกไปทันที กว่าจะขนของเสร็จก็เกือบเช้า

    อ๊าย...เรื่องลิฟท์แดงของธรรมศาสตร์ นี่เรื่องเล่าขานเยอะมาก เมื่อครั้งตอนเหตุการณ์เดือนตุลาคน พวกทหารบุกเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย แล้วพอลิฟท์ตัวนี้เปิด พวกมันก็กระหน่ำยิง คนในลิฟท์ซึ่งมีทั้งอาจารย์และนักศึกษาเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์ เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วนั้น มหาวิทยาลัยกลับคืนสู่สภาพเดิม มีการบูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่ ไม่ว่างเว้นแม้กระทั่งแต่ลิฟท์ตัวนั้น แต่ทีนี้ทำยังไงคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ลบไม่ออก เหมือนจะเป็นการประจานการกระทำอันบ้าเลือดและอยุติธรรม มหาวิทยาลัยจึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จากนั้นก็มีเรื่องเล่าตามมาว่าื .......หลังจากที่ลิฟท์ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วนั้น ก็ได้มีการนำกลับมาใช้ตามปกติ แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่นักศึกษาหญิงคนนึงกำลังใช้บริการลิฟท์แดงตามลำพังอยู่นั้น เมื่อเธอมองไปที่กระจก กลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หากแต่มีผู้อื่นที่โดยสารอยู่ในลิฟท์ตัวนี้มากมาย และยังมีอีกหลายครั้งหลายคราที่เหล่านักศึกษา อาจารย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับอาถรรณ์ของลิฟท์แดงตัวนี้เข้า ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่ แต่ว่าประตูลิฟท์แดงที่ถูกถอดออก ไปตอนนี้ก็ยังตั้งอยู่ที่ชั้น 4 (มั้งถ้าจำไม่ผิด) ตึกคณะศิลปศาสตร์ มาจนถึงทุกวันนี้

    มช. อีกแล้วครับท่าน...ช่างสรรหามาเล่าจริงๆ

    วงเวียนธรณีหรือวงเวียนมนุษย์นั่นแหละ - ต้องขอโทษคนที่ผ่านทางนี้เป็นประจำ(ผมด้วย) จุดนี้มีเรื่องเยอะจริงๆ

    เรื่องนี้นานมาแล้วมีนักศึกษาสองคนกินเหล้าเมากันมา
    พอมาถึงข้างตึกธรณี คนขี่มองไปทางข้างตึกอังกฤษ เห็นคนหัวขาดยืนอยู่ ตกใจจึงหยุดรถ แล้วขยี้ตาดูอีกที จึงสะกิดถามเพื่อนๆ บอกว่าไม่เห็นอะไร มองอีกทีก็ไม่มีแล้ว เมื่อหันกลับมาข้างหน้าก็มีลวดเส็นเล็กๆ ขึงอยู่ระดับคอ ห่างออกไปเมตรเดียว ถ้าไม่หยุดรถคง !

    หน้าหอสมุด - ตรงข้ามคณะสังคม เด็กจี-ออ ตั้งวงเหล้ากันอยู่ เห็นขบวนแห่จากวงเวียนผ่านหน้าหอสมุด คิดว่าเป็นของพวกวิจิตรมีแบกเสลี่ยงด้วย ผู้หญิงนั่งบนเสลี่ยง พอถึงหน้าหอสมุดก็วางเสลี่ยงลง ผู้หญิงลงมานั่ง แล้วผู้ชายคนนึงก็เงื้อดาบตัดคอ ......วงเหล้าแตกกระเจิง

    หอ 5 ชาย - ชั้นไหนไม่ทราบ เล่าว่าวันนั้นเวลาประมาณตีสองครึ่งตั้งวงเล่นไพ่กันอยู่กลางห้อง ประตูหลังห้องก็เปิด แล้วก็มีขาก้าวย่างผ่านกลางวงไพ่เปิดประตูหน้าห้องเดินออกไป ทุกคนเห็นเหมือนกัน สรุปว่าคงเหนื่อยกันเกินไป จึงเลิกวงไพ่ แล้วยกไปนอนห้องอื่น

    อาคารเรียนรวมแพทย์ - มีคนไปอ่านหนังสือกันสองคน พอดึก ๆ ก็ไปซื้อไก่ทอดมากิน กินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือ เจอก๊อกน้ำข้างตึก ก็ไปล้างมือที่นั่น ขณะที่ล้างอยู่เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าตกใจมาก แต่ยังไม่พูดอะไร คนที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่า " รู้มั้ยเมื่อกี้เห็นอะไร " อีกคนบอก " ไม่รู้ " คนนั้นจึงบอกว่า " เห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับขึ้น " มารู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่.....ล้างศพ !

    แลปฟิสิกส์ - อันนี้ฟังเค้าเล่ามาอีกที เป็นเรื่องเล่านานมาแล้ว เมื่อก่อนตอนที่ตึก 9 ชั้น คณะวิดยายังไม่ได้สร้าง Lab วิชาฟิสิกส์ของเด็กปี 1 ก็ยังใช้ที่ Lab เก่า (น่าจะเป็นตึกฟิสิกส์) ทำ Lab คราวนั้นเป็น Lab เรื่องแสงี่ คนที่เคยเรียนคงรู้ว่าห้องจะมืด เพราะปิดไฟ และเป็น Lab ที่มืดจริงๆ เพราะทำช่วงค่ำ นักศึกษาหญิงคนนึงก็เข้าห้อง Lab แต่พาร์ทเนอร์ Lab ยังไม่มา แต่คนอื่นๆ มากันแล้ว เตรียมอุปกรณ์เสร็จเพื่อนก็มาถึง แต่ก้มหน้าก้มตาทำ Lab ไม่พูดไม่จา ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ เหลือบเห็นที่คอมีรอยแผลเป็นทางยาว เธอจับไหล่เพื่อนถามว่าไปโดนอะไรมา เพื่อนเงยหน้าขึ้นมา แล้วหัวหลุดกลิ้งไปกับพื้น เธอร้องกรี้ดแล้ววิ่งออกมาสลบอยู่ตรงระเบียง พอฟื้นขึ้นมามียามและรุ่นพี่อีก 2-3 คน ถามว่าน " ไม่รู้เหรอว่าวันนี้งด Lab เพราะเมื่อเช้ามีนักศึกษาใน Sec รถคว่ำตาย เพื่อน ๆ เลยไปงานศพในช่วงค่ำกันหมด " เธอสอบถามชื่อได้ความว่านักศึกษาที่รถคว่ำคือ พาร์ทเนอร์ Lab ของเธอนั่นเอง! ส่วนคนอื่น ๆ ที่เธอเจอในห้อง Lab ทุกคนล้วนแต่ไร้ชีวิตทั้งนั้นเธอ

    หอ 7 ชาย - รุ่นพี่รหัส 38 คนนึงเล่าว่า ตอนอยู่ปี 1 หอ 7 ยังไม่มีการปรับปรุงห้องน้ำ ซึ่งยังเก่าๆ โทรม ๆ อยู่ วันหนึ่งประมาณตี1นั่งทำงานอยู่ที่คณะ แล้วกลับไปเอาของที่หอ ห้องอยู่ชั้น 4 ต้องผ่านห้องน้ำ พอวิ่งผ่านหน้าห้องน้ำ เห็นคนกำลังหวีผมหน้ากระจก หน้าตาไม่คุ้น เกิดเอะใจขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่วิ่งเลยไปแล้ว จึงถอยกลับมาดูปรากฎว่าไม่มีใคร ห้องส้วมประตูเปิดอ้าทุกห้อง ที่สำคัญห้องน้ำมีน้ำท่วมนอง แต่ไม่มีร่องรอยกระเพื่อมแม้แต่น้อย จึงรีบไปเอาของที่ห้อง แล้ววิ่งลงจากหอ คืนนั้นไม่กลับเข้าหออีกเลย

    ทางเดินคณะวิดวะเป็นทางเดินยาว อยู่ตรงข้ามหอ 5 ชาย่อม วันหนึ่ง เมื่อปี 43 วันนั้นฝนตก ประมาณตี 1 กว่า ๆ มีคนสี่คนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้ว มีผีผู้ชายเข้ามา พอถามว่าชื่ออะไร ก็ไม่ตอบ ถามว่ามาคนเดียวใช่รึไม่ใช่ ก็ตอบว่า " ไม่ใช่ " จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ เค้าก็ตอบว่า " เก้า (ไปเลข 9) " คนเล่นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเชิญออก แล้วรีบกลับมาที่หอข มีเพื่อนถามว่า " ไปไหนกันมา " ก็บอกว่า " ไปเล่นผีถ้วยแก้วในคณะวิดวะ " เพื่อนก็ว่า " อ๋อ..ที่ยืนมุงกันเยอะๆ ตรงทางเดินน่ะนะ ! " แต่ตอนเล่นนั่งเล่นกัน มีแค่สี่คนเท่านั้นนะ

    แตนทำงานที่คลีนิกนิรนามแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทำงานที่นี้ เข้าปีที่ 4 แล้ว และที่ตั้งของคลีนิกอยู่แถววัดเจ็ดยอด เป็นตึกแถว เช่าอยู่ด้านในสุดของซอย ที่นี้แตนไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก แตนทำงานเป็นอาสาสมัครจะไม่ค่อยอยู่ประจำที่นั้นหรอก จะออกเยี่ยมตามบ้านของผู้ติดเชื้อมากกว่า และที่คลีนิกจะรับเลี้ยงเด็กด้วย (แบบเลี้ยงฟรี) น้อง ๆ จะมาอยู่ที่คลีนิกเพื่อเรียนหนังสือ เย็นๆ ผู้ปกครองจะมารับกลับ แล้วที่นี่เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว โรงเรียนปิดเทอม้ แตนก็ไปช่วยเลี้ยงน้องที่คลีนิก น้องทานข้าวกลางวันแล้วก็ขึ้นไปนอนบนชั้น 2 ของอาคารง ที่ชั้นสอง บนพื้นทางเดินจะปูปาเก้เวลาเดินจะมีเสียงดัง เมื่อแตนไปยืนดูหนังสือบนชั้น 2 ที่นี่ได้ยินเสียงเมื่อคนเดินอยู่ แล้วมีเงาเหมือนคนชโงกหน้ามาดูเรา แตนก็นึกว่าน้องลุกขึ้นมาเล่นกัน ก็เดินออกมาดูที่ห้องที่น้องนอนอยู่ เด็ก ๆ ก็นอนหลับกันอย่างมีความสุขก็ไม่คิดอะไร เดินลงมาถามยายดู (ซึ่งยายจะเป็นแม่บ้านที่นั่น ) ถามว่า " เมื่อกี้มีใครขึ้นไปบนชั้น 2 ไหม " ยายบอกว่า " ไม่มี " เจ้าหน้าที่ก็นั่งดูหนังสื่อข้างล่างกัน ไม่เห็นมีใครขึ้นไปเลย ก็คิดว่าตาฝาดแน่ ๆ เลย ผ่านมาอีก 2 วัน ก็เหมือนเดิม ก็นอนเล่นกับน้องๆอยู่ก็ได้ยินเสียงอีก ยังนึกว่าเจ้าหน้าที่ขึ้นมา เดินออกมาดูก็ไม่เห็นมีใครอีก ก็ถามอีกก็ไม่มีใครขึ้นมา ที่นี้ก็เลยเล่าให้ยายฟัง ยายเองก็บอกว่า " มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเค้าเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษา นั่งหันหลังให้ อยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ผมยาวประบ่านั่งก้มหน้าด้วย เพราะชั้น 2 ปกติถ้าไม่เปิดไฟกดูน่ากลัวอยู่แล้ว เมื่อก่อนเจ้าของตึกมาเล่าให้ฟังว่ามีนักศึกษาผูกคอตายในห้องน้ำชั้น 2 แต่นานมากแล้วประมาณ 10 ปีได้แล้ว ยายก็เคยได้ยิน เหมือนคนเดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งที่ตอนนั้น 7 โมงเช้าเอง้อง ยังไม่มีใครมาทำงานเด็ก ๆ ก็ยังไม่มีใครมา ยายเองก็กลัวผีอยู่แล้ว้น ยิ่งเจ้าหน้าที่แล้ว กลัวมากถ้าไม่มีเด็กอยู่ จะไม่มีใครอยู่บนนั้น เลยมืดมากู้ เพราะเลิกทำงานแล้วจะปิดประตูห้องทำงาน, ปิดห้องที่น้อง ๆ ใช้เรียนหนังสือ และใช้นอนกลางวัน " จากวันที่ได้คุยกับยายแล้วก็ไม่กล้าขึ้นไปชั้น 2 คนเดียว เวลาที่ไม่มีใครอยู่ นอกจากมีเด็กๆ อยู่ และเมื่อวาน (27 ก.พ.46)ไปที่คลีนิก เห็นมีธูปปักอยู่ก็เลยถามยายว่ามีใครมา ไหว้ขอหวยเหรอ ยายบอกว่ามีคนเห็นและได้ยินอะไรแปลกๆ ก็เลยไหว้บอกเค้าซะหน่อย อันที่จริงแตนว่านะ เราอยู่ของเรา เค้าอยู่ของเค้า อย่ามียุ่งเกี่ยวกันเลย เค้าอาจจะยังไม่ไปเกิดนะ เพราะการฆ่าตัวตายนั้นไม่ดี กว่าเราจะเกิดมา พ่อแม่เลี้ยงมา เลือดตาแทบเป็นสายเลือด แตนเป็นคริสเตียน แตนยังไม่กล้าลบหลู่เลย เพราะพระเจ้าได้สอนเราว่าการฆ่าตัวตายมันไม่ดี เพราะพระเจ้าประทานให้เราเกิดมารับใช้พระองค์ การฆ่าตัวตายก็ไม่เป็นการดีแน่ ทุกศาสนาก็สอนเหมือนกันหมด เมื่อก่อนแตนเป็นเด็ก อายุแค่ 13 เองแตนอยู่แถว ตำบลหนองหอย (เชียงใหม่) แถวนั้นเป็นสุสานที่เคาฝังศพทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกวันนี้ข้างๆ ก็เป็นป่าช้า กับที่เผาศพเลย บ้านพักที่อยู่จะอยู่ในแขวงกาวิละของเทศบาล สมัยก่อนห้องน้ำจะอยู่นอกบ้านเวลาเข้าห้องน้ำกลางคืนจะต้องออกมานอกบ้าน และบริเวณรอบๆจะเป็นโรงซ่อมรถ และโรงโม่หินของเทศบาล และแตนปวดท้องฉี่มาก ๆ เข้าห้องน้ำไม่ทันแน่ก็เลยนั่งฉี่ข้างนอก นั่งหันหน้าไปทางโรงซ่อมรถ ที่บริเวณโรงซ่อมรถจะเปิดไฟสว่างพอสมควร เพราะมีของมีค่าอะไหล่ต่าง ๆ จะมียามนอนเฝ้าด้วย แล้วที่นี้ด้านข้างจะเป็นที่อาบน้ำศพ แตนกำลังนั่งฉี่ ก็เห็นผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเดินจูงมือกันหายไปทางที่อาบน้ำศพ แล้วที่นี้แตนมองเห็นแต่ท่อนบน ไม่มีท่อนล่าง ตอนนั้นประมาณตี 2 ได้ตรงนั้นไฟก็สว่างมากแตนทำอะไรไม่ถูกเลย ฉี่ยังไม่เสร็จด้วยก็เลยวิ่งเข้าบ้านไปมุดมุ้งที่แม่นอนอยู่ร้องไห้เลย แม่แตนก็เคยเจอนะ เวลานอนกลางคืน พ่อกับแม่จะรู้สึกว่ามีคนมายื่นอยู่ปลายเตียงตลอดทำให้นอนไม่หลับ บางที่เหมือนมีคนมาดึงเท้าด้วย ก็เลยไปหาพระที่วัด พระท่านก็นั่งทางในดูให้ พระบอกว่าแม่กับพ่อไปนอนทับที่เค้าอยู่ เพราะพ่อกับแม่นอนเอาหัวนอนไปทางเดียวกับผี มีหัวกระดูกอยู่ 3 หัว เป็นชาย 2 หญิง 1 เค้าจะนอนของเค้าก็ไม่ได้ เพราะเราไปนอนทับเค้าอยู่ พระเลยแนะนำให้แม่หันหัวเตียงให้ตรงกันข้ามกับเค้า ทำบุญให้เค้าด้วยแล้วจะสุขสบาย กลับมาบ้านก็หันหัวเตียงไปทางตรงข้าม และทำบุญให้กับคนตาย เพราะเค้าตายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วยังไม่ไปเกิดเลย เมื่อก่อนแตนจะเห็นอะไรบ่อยมาก

    อีกเรื่องหนึ่ง ที่บ้านที่แตนอยู่เดิมนี้แหละอยู่ติดกับป่าช้า มีคนงานอยู่คนหนึ่ง ชื่อน้าเดช นับถือแม่กับพ่อมากิ แล้วที่นี้เค้าไปกินเหล้าเมา ขณะกลับบ้านขับรถไปประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ พ่อก็เลยเอารถ 6 ล้อ ของที่แขวงไปรับศพและรถของน้าเดชกลับมาที่บ้านน้าเดชเอ ง แล้วที่นี้ก็ทำศพเผาศพเรียบร้อยแล้วน้าเดชตายไปประมาณ 7 วัน ที่นี้กลางคืน แตน พี่ชาย แม่ กับหัวหน้างานย แม่ก็นั่งคุยกันที่หน้าสำนักงาน รถที่พ่อไปรับศพน้าเดชก็จอดอยู่ที่นั้น ที่นี้แม่แตนก็หันไปเห็นว่ามีคนสูบบุหรี่ที่ด้านหลังรถ ไฟบุหรี่แดงตลอด แม่เห็นที่แรกก็นึกว่าตาฝาด แต่มองนานไปใช่เลย มีคนสูบบุหรี่แน่ ๆ แม่ก็เลยไปบอกหัวหน้างานก็เลยพากันไปดูหลังรถ ที่ว่าช่วงเวลาที่แม่บอก กับช่วงเดินไปดูไม่ถึง 5 นาที ก็ไม่เห็นมีใคร ถ้ามีคนโดดลงมาก็ต้องเห็นแล้วและได้กลิ่นบุหรี่ด้วยก็มองหน้ากัน แตนยืนติดแม่เลย ยอมรับว่ากลัวมาก แม่ก็เลยบอกว่าสงสัยน้าเดชมาหามาเล่นด้วย เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ น้าเดชชอบเล่นกับแม่ เลยทำให้แตนเกรงใจกับสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้

    เรื่องจาก ม.เกษตร กำแพงแสน
    สมัยที่ผมเรียนอยู่ปี 2 ผมเป็นคนไม่ชอบเที่ยวไม่ดูดบุหรี่ หรือกินเหล้า
    และค่อนข้างเก็บตัว เพื่อนๆชอบเรียกผมว่า หลอน มีอยู่วันหนึ่งด้วยความเบื่อ
    ผมจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนด้วยความอยากรู้ว่า ที่ๆเค้าชอบไปกันนักหนาเนี่ยมัน
    เป็นยังไง(สถานที่นั้นเป็นคลับข้างๆเป็นคาราโอเกะกับอาบอบนวดคงไม่ต้องบอก
    ชื่อสถานที่นะ) หลังจากที่เพื่อนมันกินเหล้ากันจนประมาณตี 2 จึงได้ขับมอไซต์
    มากัน3คนโดยมี ผมนั่งตรงกลาง แวะกินโจ๊ก แล้วจึงขับอ้อมตลาดกลับ ม.
    ขณะ ที่ผ่านตลาดนั้นผมเห็นมีร้านขายกล้วยเปิดอยู่ งงมากครับขยันจังเลยตั้งร้านกัน
    ตั้งแต่ตี 2 ครึ่งได้ ผมจึงเรียกเพื่อนที่นั่งมาหันไปดู เขาก็ชะลอรถแล้วก็บอกว่า
    ไม่เห็นมีอะไร ผมก็อึ้งๆและพูดออกไป เฮ้ย! บ้าป่าวนั่นอะเค้ายืนกวักมืออยู่ นั่นไง
    ผมหันไปมองเค้าก็ยังยืนกวักมือเรียกจนลิบตา ผมไม่กินเหล้าเลยสักอึก ยังไม่ง่วงด้วย
    จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ลืมเลยว่าขนลุกเป็นอย่างไร

    credits เอามาจากบอร์ดเรื่องลึกลับของ teenee.com

    ส่วนข้างล่างนี้เป็นที่ผมเคยได้ยินมาเอามาเพิ่มเติมน่ะ
    1.ที่ มช. ตึกเคมี เคยมีคนเห็นเสื้อกาวน์ลอยได้ที่ชั้น2หรือ3นี่แหละ แบบลอยเดินมีคนใส่เดินอยู่น่ะ ไม่ใช่ลมพัดปลิวแน่นอน
    2.ที่ทางลาดที่คั่นระหว่างคณะมนุษย์กับตึกวิทยาการคอมฯ เคยมีคนไปอ่านหนังสือเตรียมสอบตอนดึกๆที่ตึกวิทยาการคอมฯ แล้วพอดีอะไรดลใจไม่ทราบหันไปมองที่ทางลาดนั่นเจอขบวนแห่ที่คนในขบวนไม่มีหัวเลย
    3.เคยมีนศ.สาวคนหนึ่งที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือที่หอสมุดกลาง มช. จนมืด ถูกภารโรงฆ่าข่มขืน หลังจากนั้นจะมีคนเห็นเธอที่หอสมุดบ่อยๆ เช่น ขับรถผ่านตอนมืดๆเจอยืนอยู่ตรงหน้าหอสมุด หรือ คนเฝ้าเจอเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอสมุดตอนดึกๆที่หอสมุดปิดแล้ว

    แถม เขาว่ากันว่าที่คณะมนุษยศาสตร์ ผีดุที่สุดละ

    ท่านบก.ชินจิเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนในเครือจตุรมิตรรึ ผมก็เป็นเหมือนกัน แต่ผมเรียนแค่ ป.1-ม.1 ก็ย้ายมาเชียงใหม่ พูดถึงเรื่องเก่าๆตอน ม.1 เพื่อนผมไปค่ายลูกเสือแล้วตกจากที่ปีนเสาลงมาตาย วันก่อนจะไปเข้าค่ายผมยังเจอเขาอ่านหนังสือในร้านหนังสืออยู่เลย(พอดีผมไปรอบ 2 แต่เขาไปรอบ 1) พอเห็นข่าวผมตกใจเลย พวกเข้ารอบ 2 เลยย้ายจากเข้าค่ายที่ค่ายนอก มาเข้าค่ายในโรงเรียนเลย นอนในห้องเรียนตอนกลางคืนบรรยากาศเย็นยะเยือกมาก เพราะ

    น่ากลัว....จริง..จริง....

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น