โอกาสสุดท้ายของทักษิณ - โอกาสสุดท้ายของทักษิณ นิยาย โอกาสสุดท้ายของทักษิณ : Dek-D.com - Writer

    โอกาสสุดท้ายของทักษิณ

    โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ

    ผู้เข้าชมรวม

    404

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    404

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 49 / 02:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
             ทักษิณยังไม่ไปอีกหรือ
             
              ไม่มีเวลาไหนเหมาะเท่าเวลานี้ รีบไปเสียเถอะ
             
              จะลาป่วยก่อน ตามด้วยใบลาออกทีหลัง ตามธรรมเนียม ค.ก.ห.ก็คงไม่มีใครว่าอะไร นักฉวยโอกาสมหัศจรรย์ไหนเลยจะควรพลาดโอกาสสุดท้ายอย่างนี้
             
              ถ้าตัดสินใจผิด จะไม่มีโอกาสเสียใจ
             
              พี่น้องชาวไทยในต่างประเทศที่เคารพ ไม่ว่าท่านจะเป็นพันธมิตร หรือเป็นกัลยาณมิตรของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นที่ลอนดอน นิวยอร์ก หรือแอลเอ เมื่อเห็นหนังสือนี้แล้ว โปรดกรุณานำไปส่งต่อให้ทักษิณด้วย ถ้าหากยังถึงตัวไม่ได้ ก็ขอให้พากันเอาไปฝากสถานทูตไว้
             
              ทักษิณคงตระหนักดีบัดนี้เวลาที่จะแก้ตัวของทักษิณหมดแล้ว หากทักษิณจะขัดขืน และพาพรรคพวกบริวารขัดขืนในนามทักษิณ เหมือนทาสที่กลัวขาดลาภยศอามิสเมื่อขาดนาย ประชาชนไทยจะพากันลุกฮือขึ้นขับไล่ทักษิณ
             
              ถึงตอนนั้นเหตุผลจะสู้อารมณ์ไม่ได้ ผมคงต้องเสียใจและเสียดายที่ทักษิณอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามหลักรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย นั่นมิใช่สิ่งที่ผมปรารถนา และสาบานได้ว่าผมจะไม่มีส่วนผสมโรงด้วยเลย
             
              ทนายของทักษิณคงจะมีข้อแก้ต่างเอนกอนันต์ว่า ทักษิณกระทำผิดอะไรหรือ ทักษิณไม่มีผิดอะไรเลย ทักษิณเป็นคนรักชาติ รักประชาชน ความจริงอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ผู้นำประเทศนั้น ย่อมจะต้องมีความรับผิดชอบทั้งตามกฎหมายและกฎจริยธรรม ผู้นำ เพียงแต่ทำให้ประชาชนสงสัยหรือเชื่อว่ากระทำผิดเท่านั้น ก็อยู่ไม่ได้แล้ว กฎแห่งจริยธรรมสำหรับผู้นำย่อมสูงกว่าคนธรรมดา และสูงยิ่งกว่านักบวชเสียอีก เพราะการกระทำผิดของนักบวชก็แค่กระเทือนเหล่าสาวกผู้ศรัทธาเท่านั้น แต่ความผิดของผู้นำกระเทือนไปทั้งบ้านทั้งเมือง วิชาบริหารความยุติธรรมที่ทักษิณเรียนมา บุคคลถูกกล่าวหาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ทักษิณมิใช่บุคคลธรรมดา
             
              ความสงสัยหรือความเชื่อของประชาชนจะถูกต้องเสมอไปหรือ ไม่จำเป็นเลย และบ่อยครั้งความเชื่อของประชาชนก็ไม่ต้องสอดคล้องกับความจริงเสียด้วยซ้ำ เช่น ความเชื่อของรากหญ้าที่มีต่อทักษิณ เป็นต้น
             
              แต่ความเชื่อในเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่ทักษิณเคยพูดถึงบ่อยๆ สำคัญกว่า นั่นก็คือ ความเชื่อในทฤษฎีสัญญาประชาคม ความเชื่อนี้กลับอยู่เหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตัวบทกฎหมาย รวมทั้งการเลือกตั้งด้วย นั่นก็คือความเชื่อว่า เมื่อใดผู้ปกครองประ พฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนและบ้านเมือง เมื่อนั้นประชา ชนมีสิทธิโค่นล้มผู้ปกครองได้ จะด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม
             
              แต่ผมเองเห็นว่า เราควรใช้วิธีประชาธิปไตย
             
              ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดเมื่อสองปีมานี้ ก็คือการที่ชาวแคลิฟอร์เนียขับผู้ว่าราชการมลรัฐเกรย เดวิสออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ผู้ว่าได้รับเลือกมาจากการลงคะแนนเสียงโดยตรงจากประชาชน ตัวอย่างที่ยังพอจะจำได้ก็คือกรณีของประธานาธิบดีเฟอร์ดินัน มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ และอีกไม่นานเกินรอ เราก็จะเห็นจากประเทศต้นตำรับประชาธิปไตยไทย นั่นก็คือ โทนี่ แบลร์ นายกฯ อังกฤษที่พาพรรคชนะเลือกตั้งสมัยที่ 3 มาด้วยคะแนนล้นหลาม จะต้องถูกขับออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน
             
              ผมเคยเขียนเล่าสู่กันฟังสนุกๆ ว่าดวงของทักษิณเหมือนแบลร์ เพราะวันเกิดลงท้ายเลขกาลกิณีคือ 6 เหมือนกัน เลยต้องขึ้นลงและประสบปัญหาทางการเมืองคล้ายกัน
             
              ทั้งหมดนี้ ทักษิณโชคดีที่สุด เพราะทักษิณเป็นคนไทย วัฒนธรรมไทยแท้นั้นเมื่อมีความจำเป็นและถึงเวลา คนไทยพูดกันรู้เรื่องเสมอ อีกประการหนึ่งเราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์อันประเสริฐ หากทักษิณได้อ่านคำแนะนำของผมเมื่อสองปีที่แล้วให้หาทางพึ่งพระราชอำนาจ ป่านนี้ทักษิณอาจจะสบายแล้วภายใต้ร่มพระบารมี
             
              ทำไมผมจึงย้ำนักย้ำหนาว่าทักษิณควรลาออก นั่นก็เป็นเพราะว่าการลาออกนอกจากจะบรรเทาความรุนแรงยุ่งยากให้กับทักษิณและครอบครัวแล้ว ทักษิณยังจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมใจพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญไว้ มิปล่อยให้ถูกทำลายลงด้วยอุบัติเหตุ และช่วยไม่ให้คนไทยทำลายล้างกันเอง ส่งผลถึงชีวิตและความปลอดภัยของครอบครัวชินวัตรด้วย
             
              การลาออกมิใช่ความพ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะ เป็นความเสียสละกล้าหาญ เป็นวิถีแห่งวีรบุรุษ เป็นความสง่างามตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ ทำได้ง่ายๆ
             
              ทักษิณลองใช้ฝ่าเท้าตรองดูว่าทำไมทักษิณจึงไม่ควรอ้างการเลือกตั้ง เพียงเพื่อจะนำไปสู่การปฏิรูป
             
              การปฏิรูปแบบทักษิณกับบรรหาร เด็กอมมือที่ไหนมันจะเชื่อ
             
              ทำไมไม่ปฏิรูปเสียก่อนแล้วจึงเลือกตั้ง จะได้ไม่เปลืองเงินทองและเลือดเนื้อของแผ่นดิน เพียงแต่ทักษิณเสียสละลาออกคนเดียวเท่านั้น ก็เริ่มต้นได้ทันที
             
              ถามจริงๆ เถอะ ทักษิณเคยตั้งใจฟังพระราชดำรัส แล้วลองนำไปปฏิบัติบ้างไหม หรือเคยแต่คอยพยักหน้า แล้วเก็บเอาไปนินทาโกรธขึ้งลับหลัง ยังไม่สายเกินไปที่ทักษิณจะนำพระราชดำรัสมาอ่าน ผมจะอัญเชิญมาให้
             
              "คนที่พยักหน้าเนี่ยไม่ได้แก้ไข นี่ผิดตรงนี้ ไม่ได้แก้ไข หลบความรับผิดชอบ มันเป็นอย่างนั้น คือมัน ในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทำอะไรไม่ค่อยเข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้วไม่มีอะไรผิดเลย แม้จะทำอะไรผิดอย่างมากๆ" ( 4 ธันวาคม 2548)
             
              "ที่ท่านได้ปฏิญาณไว้เมื่อกี้นี้ ก็เป็นหมันที่บอกว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้การปกครองแบบประชาธิปไตยต้องดำเนินการไปได้ท่านก็เลยทำงานไม่ได้ ถ้าท่านทำงานไม่ได้ ท่านก็อาจจะต้องลาออก" (25 เมษายน 2549)
             
              ทักษิณอาจจะเถียงว่านี่เป็นการตัดตอนมาบางส่วน และมิได้หมายถึงทักษิณ ก็จริงอยู่ ทักษิณควรกลับไปอ่านทั้งหมดหลายๆ เที่ยว แล้วคิดดูให้ดีๆ ว่า สุภาษิตที่คนโบราณท่านสั่งสอนนั้น เป็นการเจาะจงถึงบุคคลคนเดียว ในเวลาหนึ่งเวลาใดจำเพาะเท่านั้นหรือ แทนที่จะนำพระราชดำรัสนี้ใส่หัวใส่เกล้าไปเป็นหลักพิจารณา ทักษิณกลับจ้วงจาบไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เหิมเกริมจะให้พระเจ้าอยู่หัวทรงกระซิบที่หู
             
              ทักษิณไม่เคยเห็นหรือ แม้สมเด็จพระพี่นางฯ เป็นพี่ในไส้แท้ๆ ยังต้องถวายบังคมในหลวง หาทรงไปกระซิบที่หูเล่นๆ ได้ไม่
             
              ทักษิณมัวแต่อ้างมาตรา 215 ว่าไม่ให้ลาออก แม้แต่มาตรา 215 ทักษิณก็ยึดอยู่วรรคเดียวที่ตนได้ประโยชน์ วรรคอื่นๆ ทักษิณก็มองข้ามไม่นำมาใช้เลยหรือมิใช่
             
              ถามหน่อยเถอะ ถ้าลาออกไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญห้าม แล้วตายได้ไหม หรือว่ารัฐธรรมนูญห้ามเหมือนกัน
             
              ผมอยากเห็นทักษิณออกไปตามครรลองแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 216 ขณะนี้มาตรา 216 วงเล็บและวรรคอื่นๆ ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้วในอายุรัฐบาลของทักษิณเหลือเพียงแค่วงเล็บ 1, 2 และ 4 (1) คือ ตาย (2) คือ ลาออก (4) คือ ต้องคำพิพากษาให้จำคุก
             
              ผมเกรงอยู่เหมือนกันว่าบรรดาคดีความทั้งหลายที่ทักษิณเผชิญอยู่ และกำลังจะประดังเข้ามา จะทำให้หวยออกเลข 4 ผมได้ยินข่าวลือว่าอดีตนายกฯ ท่านหนึ่งซึ่งรักใคร่เมตตาทักษิณไม่สร่างซา แนะนำให้ทักษิณเลือกเอาว่า จะไปอยู่อังกฤษหรือจะติดคุก ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ก็อยากให้ทักษิณเลือกวรรค 2
             
              ผมเชื่อว่าทักษิณคงรู้อยู่เหมือนกันว่าเรื่องคาร์บอมบ์นั้นจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง หรือไม่จริงเลย คุณหมอประเวศได้หาทางออกให้ทักษิณอย่างดีแล้ว ผมเองไม่อยากเห็นความโหดร้ายในการเมือง และไม่เห็นด้วยการลอบสังหารที่เกิดจากโครงสร้างหรือน้ำมือของทางการ (structural killing) แต่ถ้าเป็น random killing ที่เกิดจากความเคียดแค้นหรือเสียสละส่วนบุคคล ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ต้องถือเสียว่ามันเป็นเรื่องของวิบากกรรม
             
              ที่ผมทนเขียนถึงทักษิณอยู่ ก็เพราะไม่ต้องการเห็นการลอบสังหาร ไม่ว่าจะเป็นแบบใด
             
              มาถึงวันนี้แล้ว ป่วยการที่จะมากความ คนส่วนใหญ่ที่พอจะมีปัญญา เขามองเห็นเหมือนกันหมดว่า ทักษิณคนเดียวคือตัวปัญหาของประเทศ ที่จะทำให้เกิดความแตกร้าวไม่สงบ ที่จะทำให้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขล่มสลาย ที่จะทำให้องค์พระประมุขเสี่ยงภยันตราย
             
              พูดไปทำไมมี ผมไม่เชื่อว่าทักษิณเป็นตัวสร้างปัญหาทั้งหมดหรอก แต่ทักษิณเป็นคนเทน้ำมันใส่กองไฟ ด้วยการพูดและการกระทำของทักษิณเอง ที่วันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง ไม่อยู่กะร่องกะรอย ขัดกันเองเป็นประจำ ที่สำคัญเมื่อเขาสงสัยว่าทักษิณกับพวกกระทำทุจริตผิดกฎหมายตั้ง 30-40 เรื่อง แทนที่ทักษิณจะรับฟังและชี้แจงด้วยอ่อนน้อม กลับโมโหโกรธาเข้าใส่ และ ปล่อยให้ลูกน้องบริวารสำแดงฤทธิ์เดชอันธพาล ใช้อำนาจเถื่อนทำลายกลไกของเสรีภาพและการตรวจสอบเสียจนหมดสิ้น
             
              ทักษิณมิใช่หรือที่เคยพูดว่า "ประชาธิปไตยมิใช่เป้าหมายของผม ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น" เมื่อทักษิณกับพวกเป็นเสียเอง ทักษิณมาพูดทีหลังว่าจะปกป้องประชาธิปไตยด้วยชีวิต ใครเลยเขาจะเชื่อ เขากลับจะยิ่งพาโลว่าให้สละชีวิตเสียเถอะ แล้วประชาธิปไตยจะกลับคืนมาเอง
             
              ขณะนี้ ตอนที่ทักษิณไม่อยู่ในประเทศ บรรดาบริวารของทักษิณออกมาตีปลาหน้าไซว่ามีข่าวลือหนาหูเรื่องทหารจะปฏิวัติ ทีแรกก็มีคนเกรงว่าทักษิณจะใช้เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ปฏิวัติเสียเอง แต่ผู้สันทัดกรณีบอกว่าหลังจาก ผบ.ทบ.ย้ายผู้บังคับกองพันคราวที่แล้ว ทักษิณหมดศักยภาพที่จะปฏิวัติหรือป้องกันปฏิวัติได้ จะทำได้อย่างเดียวคือแอบประกาศภาวะฉุกเฉิน
             
              ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เครือข่ายของโทรคมนาคม และความเติบกล้าทางปัญญาของภาคประชาชน ไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ ไม่มีใครเขากลัวหรือยอมแพ้การประกาศภาวะฉุกเฉินอีกแล้ว ยิ่งนักสู้ผู้กล้า แนวหน้าประชาธิปไตยของไทย ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาไม่เป็นรองใคร
             
              ทักษิณจะได้อ่านบทความเรื่องทหารกับประชาธิปไตยของท่านทูตสุรพงษ์หรือเปล่าไม่ทราบ การปฏิวัติประชาธิปไตยของโปรตุเกส สำเร็จได้ด้วยกองทัพ ทำให้โปรตุเกสเป็นประชาธิปไตย และเกิดอานิสงส์ถึงสเปนและกรีกให้ต่อสู้ได้ประชาธิปไตยมาด้วย กลายเป็นองค์ประกอบทำให้สหภาพยุโรป เข้มแข็งขึ้น นำไปสู่จุดจบของระบอบคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตและยุโรปตะวันออกในที่สุด
             
              ผมทราบว่าบรรดาผู้นำทหารของเราพากันสนใจอ่านเรื่อง The Armed Forces Movement ของโปรตุเกสกันอยู่ ผมทราบว่าทหารสะเทือนใจกับการเมืองที่แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นที่สุด รวมทั้งการที่ตำรวจปฏิบัติกับผู้ต้องหาคาร์บอมบ์ที่เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรเยี่ยงอาชญากรชั้นเลวอีกด้วย ทั้งหมดนี้ไม่เป็นผลดีกับทักษิณเลย
             
              แต่ผมคงไม่ยินดีที่ทหารจะปฏิวัติ ผมอยากจะเห็นประเทศไทยแสดงวุฒิภาวะ และหาทางออกที่นุ่มนวลแนบเนียนกว่านั้น ยังมีทางเลือกอยู่อีกหลายทาง
             
              ทางที่ดีที่สุดเป็น best case scenario คือทักษิณลาออกไปเสียดีๆ
             
              ถ้าผมมีอำนาจบังคับได้ ผมจะบังคับให้ทักษิณลาออก
             
              ลาออกเสียเถอะ ลาออกเสียดีๆ อย่าให้ถึงต้องบังคับกันเลย
             
              เคยได้ยินผู้ใหญ่สอนไหมว่า อย่าอวดเก่งขืนฟ้า อย่ากวดกล้าข่มดิน
             
              ไม่มีอำนาจใดจะต้านทานอำนาจประชาชนได้ดอก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×