8 ประการ ที่ “ทักษิณ” ไม่สามารถเทียบชั้น “เปรม” - 8 ประการ ที่ “ทักษิณ” ไม่สามารถเทียบชั้น “เปรม” นิยาย 8 ประการ ที่ “ทักษิณ” ไม่สามารถเทียบชั้น “เปรม” : Dek-D.com - Writer

    8 ประการ ที่ “ทักษิณ” ไม่สามารถเทียบชั้น “เปรม”

    โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

    ผู้เข้าชมรวม

    787

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    787

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 49 / 01:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
           พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามยกตัวเองขึ้นเทียบชั้นพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยบอกว่า
           
           ผมย้อนไปดูเรื่องเก่าๆ แล้ว ผมว่าผมโดนหนักแล้ว แต่พอไปดูสมัยป๋า โดนหนักกว่า ค่อยมีกำลังใจ รู้สึกสูสีกัน
           
           ในอดีต ผมเป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการที่เคยออกมาเรียกร้องให้พลเอกเปรมฯ วางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และปัจจุบัน ผมก็เป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการ นักธุรกิจ แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ สื่อมวลชน ราชนิกุล บุคคลระดับสูง ผู้ทรงคุณวุฒิ และประชาชนจำนวนมาก ที่ออกมาเรียกร้อง ประท้วง ขับไล่ ให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองและการตรวจสอบอย่างแท้จริงในข้อครหาทั้งหลาย
           
           สองเหตุการณ์นี้ ต่างบุคคล - ต่าง พ.ศ. - ต่างเหตุผล
           
           ผมเห็นว่า บรรดาข้อเรียกร้องที่เคยมีต่อพลเอกเปรมฯ นั้น ไม่ได้ หนักกว่า ข้อกล่าวหา ครหา ที่มีต่อทักษิณ
           
           ตรงกันข้าม คุณงามความดีของพลเอกเปรมฯ มีมากกว่าทักษิณ และข้อครหาข้อกล่าวหาที่มีต่อทักษิณก็หนักหน่วงและรุนแรงยิ่งกว่าสมัยพลเอกเปรม อย่างเทียบไม่ได้
           
           มีอย่างน้อย 8 ประการ ที่ทักษิณไม่สามารถเทียบชั้นพลเอกเปรมฯ
           

           1) พลเอกเปรมฯ ไม่ได้ใช้อำนาจหาผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของครอบครัว พวกพ้อง และเครือญาติ อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็น การออก พ.ร.ก. ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม การยกเว้นภาษีเงินได้ชินแซทฯ การลดค่าสัมปทานไอทีวี การทุจริตในโครงการก่อสร้างสนามบินหนองงูเห่า การขายสมบัติชาติ ขายสัมปทานและขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ การปกป้องคุ้มครองการผูกขาดที่ทำให้พวกพ้องได้ผลประโยชน์ การหลีกเลี่ยงไม่จ่ายภาษี การใช้ตัวแทนเชิด(nominee) เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย ฯลฯ
           
           สิ่งเหล่านี้ ไม่เคยปรากฏในสมัยพลเอกเปรมฯ และไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการเลือกตั้งตามแบบที่ทักษิณอ้าง โดยไม่ปฏิรูปการเมืองเสียก่อน
           
           2) พลเอกเปรมฯ ไม่ได้ซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง แปลงผู้แทนราษฎรเป็นลูกจ้างบริษัทพรรคการเมือง ยึดครองฝ่ายนิติบัญญัติ ครอบงำวุฒิสภา แทรกแซงองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ บั่นเซาะและทำลายกระบวนการปฏิรูปการเมือง
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองก่อน ถ้าเลือกตั้งตามความต้องการของทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
           
           3) สมัยพลเอกเปรมฯ ไม่มีความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเท่าสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น การอุ้มฆ่าประชาชน การฆ่าตัดตอนในนโยบายยาเสพติด การฆ่าที่สะบ้าย้อย กรือเซะ และตากใบ การอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร และในสมัยพลเอกเปรมฯ ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่รุนแรงถึงเพียงนี้
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน เลือกตั้งอย่างเดียวแก้ไม่ได้
           
           4) พลเอกเปรมฯ ไม่มีการบิดเบือนกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ไม่เล่นละครหลอกประชาชน ไม่พูดโกหกประชาชน ไม่จัดจ้างและปลุกม็อบมาชนกับการชุมนุมของประชาชน ไม่จัดตั้งวิทยุชุมชนและเปิดช่องโทรทัศน์ขึ้นมาเชลียร์รัฐบาลและทำลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล หรือไปเอา ชมพู่เน่า มาเป็นกระบอกเสียงให้ตัวเอง
           
           แต่สมัยนี้ แม้รัฐธรรมนูญจะให้ประชาชนมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของบ้านเมือง การตัดสินใจในโครงการสำคัญ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการบริหาร การจัดการทรัพยากรในชุมชน ทักษิณกลับรวบอำนาจและบิดเบือนกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนไปเสียอีก
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน สร้างความรู้เท่าทันของประชาชนเสียก่อน จะเลือกตั้งตามอย่างทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
           
           5) พลเอกเปรมฯ ไม่มีการซื้อ แทรกแซง ครอบงำ สื่อมวลชน จนขาดเสรีภาพ นำเสนอข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน ไม่มีคุณภาพ ขาดการตรวจสอบรัฐบาล และสร้าง สื่อเทียม ขึ้นมาเชลียร์และเป็นกระบอกเสียงแทนรัฐบาล สร้างความสับสนในสังคม
           
           ที่สำคัญ พลเอกเปรมฯ ไม่เคยใช้วิธีการสกปรก เตะตัดขา ปิดหูปิดตาปิดปาก หรือใช้วิธีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายระดับร้อยล้านพันล้าน เพื่อหวังผลไม่ให้กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อมวลชนเสียก่อน เลือกตั้งอย่างเดียวแก้ไม่ได้
           
           6) สมัยพลเอกเปรมฯ ระบบราชการเข้มแข็ง ไม่มีการทำลายระบบราชการและการสร้างรัฐตำรวจเพื่อรับใช้นักการเมือง การแต่งตั้งโยกย้าย ผลักดันให้เครือญาติและคนใกล้ชิดพรรคพวกนักการเมืองโดยไม่ชอบธรรม ไม่มีคุณธรรม ทำให้อำนาจกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพวกพ้องเครือญาติผู้นำรัฐบาล เปลี่ยน ข้าราชการ เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้ข้าราชการเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรีลงอย่างมาก
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน ปลุกจิตสำนึกราชการเสียก่อน เลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียวแก้ไม่ได้
           
           7) พลเอกเปรมฯ เป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ทั้งโดยคำพูด การแสดงออก และประวัติชีวิตการทำงานอันยาวนาน เคยเข้าสู่สมรภูมิ ต่อสู้ศึกสงคราม เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
           
           พลเอกเปรมฯ ไม่เคยรับราชการเพื่อเอายศตำแหน่งหรือความเป็นรุ่นของวงการทหาร-ตำรวจ ไปวิ่งเต้นหาสัมปทานผูกขาด แล้วลาออกไปทำธุรกิจสัมปทานผูกขาดกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัว
           
           และพลเอกเปรมฯ ก็ไม่เคยพูดจาจาบจ้วงเบื้องสูง และไม่เคยทำลาย สถาบันหลัก ต่างๆ ของสังคม โดยเอาการเมืองเข้าไปแทรกแซง หาผลประโยชน์
           
           ปัญหาเหล่านี้ การเลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
           
           8) พลเอกเปรมฯ ไม่เคยทำลายการปฏิรูปการศึกษา ทำให้กระบวนการปฏิรูปการศึกษาต้องสะดุดเพราะเอาการเมืองเข้าไปแทรกแซงหาผลประโยชน์ ไม่เคยโกงข้อสอบให้ลูก ไม่เคยใช้อำนาจบีบเอาลูกเข้ามหาวิทยาลัย และไม่ปกป้องลูกที่ถูกจับได้ว่าโกงในการสอบระดับมหาวิทยาลัย
           
           นอกจากนี้ สมัยพลเอกเปรมฯ ยังไม่มีการมอมเมาประชาชนด้วยอบายมุขขนานใหญ่ ไม่สร้างค่านิยมผิดๆ เช่น การนับถือคนรวย หรือความเชื่อผิดๆว่า รวยแล้วจะไม่โกง ไม่มีการใช้นโยบายแบบประชานิยมเพื่อหวังแต่คะแนนนิยมทางการเมือง ตอกย้ำระบบความเชื่ออุปถัมภ์ เป็นการให้การศึกษาแก่สังคมแบบผิดๆ ไม่นำไปสู่ความพอเพียงและการพึ่งตนเอง ยิ่งสื่อมวลชนถูกปิดกั้น ไม่ยกระดับวุฒิภาวะและภูมิปัญญาให้กับสังคม ไม่เสริมสร้างสังคมที่ รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง ผู้คนจึงรู้ไม่ทัน และเสียรู้นักการเมือง
           
           ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน สร้างกระบวนการทำให้ประชาชนรู้เท่าทันเสียก่อน เลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
           
           ทั้งหมด สะท้อนชัดว่า ทักษิณไม่อาจเทียบชั้นพลเอกเปรมฯ
           
           ไม่ว่าจะเลือกตั้งแบบทักษิณสักพันครั้ง ก็ไม่ทำให้ทักษิณเทียบชั้นกับพลเอกเปรมฯ ได้

           
      &nbp;    ตรงกันข้าม เมื่อมีนักวิชาการไม่กี่ร้อยคนไปเรียกร้องต่อพลเอกเปรมฯ โดยไม่มีข้อกล่าหาฉกาจฉกรรจ์อย่างที่มีต่อทักษิณ พลเอกเปรมฯ ก็มีคุณธรรม จริยธรรม และมีสมบัติผู้ดี ยุติบทบาทในฐานะนายกรัฐมนตรีไปโดยดี
           
           ช่างต่างกัน ราวฟ้ากับเหว
           
           สมัยนี้ ด้านได้-อายอด เหมือนอย่างที่งิ้วล้อเลียนว่า กูไม่ออกกกกก
           
           ความดื้อด้าน และไม่รู้จักอาย ดูจะกลายเป็นมาตรฐานของนักการเมืองในระบอบทักษิณ ไม่ต้องพูดถึงสมบัติผู้ดี พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจ สังคมจะแตกแยกอย่างไรก็จะเอาตัวรอดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อน ประชาชนออกมาประท้วงขับไล่ ก็ไปจัดจ้างจัดตั้งม็อบมาประชัน กระทั่งยืมตีนกุ๊ยมากระทืบประชาชนผู้ประท้วง
           
           พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าคิดเทียบชั้น พลเอกเปรมฯ
           
           และตราบใดที่ยังไม่มีการปฏิรูประบบการเมือง มีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ปฏิรูปสื่อมวลชน และยกระดับความรู้เท่าทันในสังคม ไม่ว่าจะเลือกตั้งกันกี่ครั้ง ก็จะยังมีคนอย่างทักษิณ และปัญหาบ้านเมืองที่เกิดจากระบอบทักษิณ ก็จะยังคงอยู่ต่อไป


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
             พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามยกตัวเองขึ้นเทียบชั้นพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยบอกว่า
             
             “ผมย้อนไปดูเรื่องเก่าๆ แล้ว ผมว่าผมโดนหนักแล้ว แต่พอไปดูสมัยป๋า โดนหนักกว่า ค่อยมีกำลังใจ รู้สึกสูสีกัน”
             
             ในอดีต ผมเป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการที่เคยออกมาเรียกร้องให้พลเอกเปรมฯ วางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และปัจจุบัน ผมก็เป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการ นักธุรกิจ แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ สื่อมวลชน ราชนิกุล บุคคลระดับสูง ผู้ทรงคุณวุฒิ และประชาชนจำนวนมาก ที่ออกมาเรียกร้อง ประท้วง ขับไล่ ให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองและการตรวจสอบอย่างแท้จริงในข้อครหาทั้งหลาย
             
             สองเหตุการณ์นี้ ต่างบุคคล - ต่าง พ.ศ. - ต่างเหตุผล
             
             ผมเห็นว่า บรรดาข้อเรียกร้องที่เคยมีต่อพลเอกเปรมฯ นั้น ไม่ได้ “หนักกว่า” ข้อกล่าวหา ครหา ที่มีต่อทักษิณ
             
             ตรงกันข้าม คุณงามความดีของพลเอกเปรมฯ มีมากกว่าทักษิณ และข้อครหาข้อกล่าวหาที่มีต่อทักษิณก็หนักหน่วงและรุนแรงยิ่งกว่าสมัยพลเอกเปรม อย่างเทียบไม่ได้
             
             มีอย่างน้อย 8 ประการ ที่ทักษิณไม่สามารถเทียบชั้นพลเอกเปรมฯ
             

             1) พลเอกเปรมฯ ไม่ได้ใช้อำนาจหาผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของครอบครัว พวกพ้อง และเครือญาติ อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็น การออก พ.ร.ก. ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม การยกเว้นภาษีเงินได้ชินแซทฯ การลดค่าสัมปทานไอทีวี การทุจริตในโครงการก่อสร้างสนามบินหนองงูเห่า การขายสมบัติชาติ ขายสัมปทานและขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ การปกป้องคุ้มครองการผูกขาดที่ทำให้พวกพ้องได้ผลประโยชน์ การหลีกเลี่ยงไม่จ่ายภาษี การใช้ตัวแทนเชิด(nominee) เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย ฯลฯ
             
             สิ่งเหล่านี้ ไม่เคยปรากฏในสมัยพลเอกเปรมฯ และไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการเลือกตั้งตามแบบที่ทักษิณอ้าง โดยไม่ปฏิรูปการเมืองเสียก่อน
             
             2) พลเอกเปรมฯ ไม่ได้ซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง แปลงผู้แทนราษฎรเป็นลูกจ้างบริษัทพรรคการเมือง ยึดครองฝ่ายนิติบัญญัติ ครอบงำวุฒิสภา แทรกแซงองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ บั่นเซาะและทำลายกระบวนการปฏิรูปการเมือง
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองก่อน ถ้าเลือกตั้งตามความต้องการของทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
             
             3) สมัยพลเอกเปรมฯ ไม่มีความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเท่าสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น การอุ้มฆ่าประชาชน การฆ่าตัดตอนในนโยบายยาเสพติด การฆ่าที่สะบ้าย้อย กรือเซะ และตากใบ การอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร และในสมัยพลเอกเปรมฯ ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่รุนแรงถึงเพียงนี้
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน เลือกตั้งอย่างเดียวแก้ไม่ได้
             
             4) พลเอกเปรมฯ ไม่มีการบิดเบือนกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ไม่เล่นละครหลอกประชาชน ไม่พูดโกหกประชาชน ไม่จัดจ้างและปลุกม็อบมาชนกับการชุมนุมของประชาชน ไม่จัดตั้งวิทยุชุมชนและเปิดช่องโทรทัศน์ขึ้นมาเชลียร์รัฐบาลและทำลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล หรือไปเอา “ชมพู่เน่า” มาเป็นกระบอกเสียงให้ตัวเอง
             
             แต่สมัยนี้ แม้รัฐธรรมนูญจะให้ประชาชนมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของบ้านเมือง การตัดสินใจในโครงการสำคัญ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการบริหาร การจัดการทรัพยากรในชุมชน ทักษิณกลับรวบอำนาจและบิดเบือนกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนไปเสียอีก
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน สร้างความรู้เท่าทันของประชาชนเสียก่อน จะเลือกตั้งตามอย่างทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
             
             5) พลเอกเปรมฯ ไม่มีการซื้อ แทรกแซง ครอบงำ สื่อมวลชน จนขาดเสรีภาพ นำเสนอข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน ไม่มีคุณภาพ ขาดการตรวจสอบรัฐบาล และสร้าง “สื่อเทียม” ขึ้นมาเชลียร์และเป็นกระบอกเสียงแทนรัฐบาล สร้างความสับสนในสังคม
             
             ที่สำคัญ พลเอกเปรมฯ ไม่เคยใช้วิธีการสกปรก เตะตัดขา ปิดหูปิดตาปิดปาก หรือใช้วิธีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายระดับร้อยล้านพันล้าน เพื่อหวังผลไม่ให้กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อมวลชนเสียก่อน เลือกตั้งอย่างเดียวแก้ไม่ได้
             
             6) สมัยพลเอกเปรมฯ ระบบราชการเข้มแข็ง ไม่มีการทำลายระบบราชการและการสร้างรัฐตำรวจเพื่อรับใช้นักการเมือง การแต่งตั้งโยกย้าย ผลักดันให้เครือญาติและคนใกล้ชิดพรรคพวกนักการเมืองโดยไม่ชอบธรรม ไม่มีคุณธรรม ทำให้อำนาจกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพวกพ้องเครือญาติผู้นำรัฐบาล เปลี่ยน “ข้าราชการ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ทำให้ข้าราชการเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรีลงอย่างมาก
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน ปลุกจิตสำนึกราชการเสียก่อน เลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียวแก้ไม่ได้
             
             7) พลเอกเปรมฯ เป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ทั้งโดยคำพูด การแสดงออก และประวัติชีวิตการทำงานอันยาวนาน เคยเข้าสู่สมรภูมิ ต่อสู้ศึกสงคราม เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
             
             พลเอกเปรมฯ ไม่เคยรับราชการเพื่อเอายศตำแหน่งหรือความเป็นรุ่นของวงการทหาร-ตำรวจ ไปวิ่งเต้นหาสัมปทานผูกขาด แล้วลาออกไปทำธุรกิจสัมปทานผูกขาดกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัว
             
             และพลเอกเปรมฯ ก็ไม่เคยพูดจาจาบจ้วงเบื้องสูง และไม่เคยทำลาย “สถาบันหลัก” ต่างๆ ของสังคม โดยเอาการเมืองเข้าไปแทรกแซง หาผลประโยชน์
             
             ปัญหาเหล่านี้ การเลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
             
             8) พลเอกเปรมฯ ไม่เคยทำลายการปฏิรูปการศึกษา ทำให้กระบวนการปฏิรูปการศึกษาต้องสะดุดเพราะเอาการเมืองเข้าไปแทรกแซงหาผลประโยชน์ ไม่เคยโกงข้อสอบให้ลูก ไม่เคยใช้อำนาจบีบเอาลูกเข้ามหาวิทยาลัย และไม่ปกป้องลูกที่ถูกจับได้ว่าโกงในการสอบระดับมหาวิทยาลัย
             
             นอกจากนี้ สมัยพลเอกเปรมฯ ยังไม่มีการมอมเมาประชาชนด้วยอบายมุขขนานใหญ่ ไม่สร้างค่านิยมผิดๆ เช่น การนับถือคนรวย หรือความเชื่อผิดๆว่า รวยแล้วจะไม่โกง ไม่มีการใช้นโยบายแบบประชานิยมเพื่อหวังแต่คะแนนนิยมทางการเมือง ตอกย้ำระบบความเชื่ออุปถัมภ์ เป็นการให้การศึกษาแก่สังคมแบบผิดๆ ไม่นำไปสู่ความพอเพียงและการพึ่งตนเอง ยิ่งสื่อมวลชนถูกปิดกั้น ไม่ยกระดับวุฒิภาวะและภูมิปัญญาให้กับสังคม ไม่เสริมสร้างสังคมที่ “รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง” ผู้คนจึงรู้ไม่ทัน และเสียรู้นักการเมือง
             
             ปัญหาเหล่านี้ จะต้องปฏิรูปการเมืองเสียก่อน สร้างกระบวนการทำให้ประชาชนรู้เท่าทันเสียก่อน เลือกตั้งตามแบบทักษิณอย่างเดียว แก้ไม่ได้
             
             ทั้งหมด สะท้อนชัดว่า ทักษิณไม่อาจเทียบชั้นพลเอกเปรมฯ
             
             ไม่ว่าจะเลือกตั้งแบบทักษิณสักพันครั้ง ก็ไม่ทำให้ทักษิณเทียบชั้นกับพลเอกเปรมฯ ได้

             
             ตรงกันข้าม เมื่อมีนักวิชาการไม่กี่ร้อยคนไปเรียกร้องต่อพลเอกเปรมฯ โดยไม่มีข้อกล่าหาฉกาจฉกรรจ์อย่างที่มีต่อทักษิณ พลเอกเปรมฯ ก็มีคุณธรรม จริยธรรม และมีสมบัติผู้ดี ยุติบทบาทในฐานะนายกรัฐมนตรีไปโดยดี
             
             ช่างต่างกัน ราวฟ้ากับเหว
             
             สมัยนี้ “ด้านได้-อายอด” เหมือนอย่างที่งิ้วล้อเลียนว่า “กูไม่ออกกกกก”
             
             ความดื้อด้าน และไม่รู้จักอาย ดูจะกลายเป็นมาตรฐานของนักการเมืองในระบอบทักษิณ ไม่ต้องพูดถึงสมบัติผู้ดี พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจ สังคมจะแตกแยกอย่างไรก็จะเอาตัวรอดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อน ประชาชนออกมาประท้วงขับไล่ ก็ไปจัดจ้างจัดตั้งม็อบมาประชัน กระทั่งยืมตีนกุ๊ยมากระทืบประชาชนผู้ประท้วง
             
             พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าคิดเทียบชั้น พลเอกเปรมฯ
             
             และตราบใดที่ยังไม่มีการปฏิรูประบบการเมือง มีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ปฏิรูปสื่อมวลชน และยกระดับความรู้เท่าทันในสังคม ไม่ว่าจะเลือกตั้งกันกี่ครั้ง ก็จะยังมีคนอย่างทักษิณ และปัญหาบ้านเมืองที่เกิดจากระบอบทักษิณ ก็จะยังคงอยู่ต่อไป


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×