ตอนที่ 9 : Shining VIII :: queasy
แบคฮยอนได้เพื่อนเพิ่มแล้ว!
ไม่ได้หมายถึงแค่ชานยอลหรอก แต่หมายถึงเจ้าบัดดี้หมาน้อยพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เพิ่งได้ออกจากคลินิกด้วยยยย วันนี้เซฮุนอาสาเป็นสารถีให้เขาล่ะ ทั้งมารับถึงบ้านแล้วยังพาไปรับบัดดี้กลับมาอีก แบคฮยอนรู้สึกตื่นเต้นกับการจะได้เลี้ยงลูกหมาน่ารักๆ เพราะที่ผ่านมาเคยคลุกคลีแต่เจ้าหมาพันธุ์ทาง บ้านๆ ขนเกรียนๆ แถมยังชอบแอบไปคุ้ยขยะของคนในชุมชนอีกต่างหาก
“นายต้องเป็นเด็กดีเหมือนฉันนะ บัดดี้”
นิ้วเรียวจิ้มหัวหมาน้อยที่เอาแต่หลับปุ๋ย แม้หมอจะยอมให้กลับบ้านได้แล้วแต่เจ้าของก็ยังต้องรับช่วงดูแลต่อจนกว่าร่างกายมันจะกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ดีกว่านี้ น่าจะอีกซักระยะเลย และโชคดีที่มันยังเล็ก มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว ยิ่งถ้ามันโตขึ้นอีกรอยแผลก็คงจางลงเนื่องจากการขยายของขนาดตัว
นอกจากนั้นบัดดี้ยังได้บ้านใหม่ด้วยนะ คุณท่านใจดีให้คนงานมาทำบ้านใหม่ให้มันเมื่อเร็วๆนี้ แน่นอนว่าที่ตั้งต้องห่างจากตัวบ้านค่อนข้างมากเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อชองซอริน ซึ่งแบคฮยอนก็โอเค ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ช่วงนี้เขาว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้วล่ะ ชี้นกก็จะตอบว่านก ชี้ไม้ก็จะตอบว่าไม้ ไม่ดื้อ ไม่ซนเลย
“พักนี้ดูแบคฮยอนสนิทกับพี่ชานยอลขึ้นนะ”
“อื้ม”
คนตัวเล็กเงยหน้าส่งยิ้มตาหยีให้เพื่อนตัวสูงที่กำลังยืนค้ำหัวอยู่ “เราทำพันธะสัญญาเป็นพันธมิตรต่อกันแล้ว” ก่อนจะหันกลับไปเอียงคอมองน้องหมาหลับต่อ นี่ก็กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่เขานั่งยองๆเฝ้าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยตรงหน้าบ้านของมันไม่ยอมลุกออกไปไหน เซฮุนเลยพลอยไม่ได้ไปไหนด้วย เอาแต่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนทั้งที่แบคฮยอนบอกไม่เป็นไร
“แบคฮยอนชอบพี่ชานยอลมากเลยเหรอ”
“ชอบสิ ชานยอลตลกดี”
“ตลกหรอ?” ตรงไหนที่บอกพี่ชายของเขาเป็นคนตลก วันๆทำหน้าเป็นอยู่สองแบบ ไม่ดุก็ดุมากกกก ไอ้จะมาหยอดมุขขำๆโปกฮาเหมือนเขานั้นไม่มีหรอก
“ช่าย เหมือนจะดุแต่จริงๆใจดีอย่างที่เซฮุนกับคุณท่านเคยบอกไม่ผิดเลย หน้าตอนดุก็ตล๊กตลก ตาโปนๆหูกางๆ ฟันก็เยอะอะ”
“ฮ่ะฮ่ะ..”
“เป็นไรอ่า”
เงยหน้ามองเพื่อนอีกครั้งอย่างงุนงง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นขำจนหน้าขึ้นสีอยู่ แบคฮยอนเลยเปลี่ยนมาทำหน้าทำตาล้อเลียนชานยอลตอนดุๆ โดยการขมวดคิ้ว เบิกตาโต เอามือกางหูสองข้างของตัวเองและจบด้วยการยิงฟันให้ เซฮุนจึงปล่อยขำกร๊ากอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป
“ฮะฮะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
ชายหนุ่มตัวสูงตบมือถูกอกถูกใจยกใหญ่แถมด้วยน้ำตาที่เล็ดออกมาบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นรู้สึกขำกับเรื่องตลกที่เพื่อนตัวเล็กแสดงให้ดูมากแค่ไหน ตอนแรกว่าจะงอนแบคฮยอนอยู่แล้วเชียว พอมันออกมาเป็นแบบนี้เลยอดเอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว สำหรับเขา ไม่ว่าเพื่อนจะทำอะไรมันก็รู้สึกว่าน่ารักน่ามองไปหมด น่ารักซะจนบางทีเซฮุนนึกอยากจะขอคุณยายให้ยกอีกฝ่ายไปให้เขาเลี้ยงที่บ้านซะให้สิ้นเรื่องไปเลย แต่คิดอีกทีเซฮุนว่าไม่ดีกว่า ขืนเอาแบคฮยอนไปเลี้ยงก็ยิ่งใกล้จมูกพี่ชานยอลน่ะสิ!
พูดแล้วก็เคือง!
“แล้วระหว่างเรากับพี่ชานยอลแบคฮยอนชอบใครมากกว่ากัน”
เซฮุนย่อตัวลงนั่งยองๆข้างเพื่อนตัวเล็ก สายตาจดจ้องมองด้านข้างอันแสนน่าหยิกนั้นด้วยความรักความเอ็นดู ช่วงหลังมานี้อีกฝ่ายทำให้เขาหวงบ่อยเหลือเกิน นับตั้งแต่ดีกับพี่ชานยอลแล้วก็ขยันเล่าเรื่องระหว่างตัวเองกับพี่ชายเขาให้ฟังไม่ขาดปากซึ่งเซฮุนอยากจะบอกจริงๆว่าไม่ต้องเล่ามากก็ได้ เขาน่ะเจอพี่ชายตัวเองทุกวันจนเอียนอยู่แล้วอย่าให้เอียนมากไปกว่านี้สิ!
ส่วนฝั่งพี่ชานยอลก็ดูยังไงๆอยู่ มาบ้านคุณยายถี่กว่าเดิม ไม่รู้ว่ามาทำอะไรนักหนา หรือหากจะถามให้ตรงประเด็นก็คงเป็นอยากมาหาใครกันแน่?! แต่ก็น่าจะเปล่าประโยชน์เพราะยังไงพี่ชายจอมดุคนนั้นก็คงไม่ยอมเล่าให้ฟังเหมือนทุกที หนักขึ้นมาอีกคือเป็นเรื่องการถามถึงอาหารหรือขนมที่แบคฮยอนชอบฝากไปให้ชิมว่า ‘วันนี้มีอะไรฝากมาถึงฉันหรือเปล่า’ ทั้งที่ปกติเคยแยแสของแบบนั้นซะที่ไหน! ปากบ่นว่ากระเดือกไม่ลงรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดงั้นงี้แต่พอน้องขอแบ่งกินทีไรก็ไม่เห็นจะเคยให้เลย!
ปาร์คชานยอลนะปาร์คชานยอล ถ้าพี่คิดจะเป็นคู่แข่งกันแบบนี้ล่ะก็เซฮุนจะไม่ยอม!
“ว่าไง เรากับพี่ชานยอล แบคฮยอนชอบใครมากกว่า”
“ชอบใครมากกว่าหรอ?”
“อื้ม”
“เซฮุนแน่ใจนะจะให้เราตอบ”
“แบคฮยอนจะตอบพี่ชานยอลให้เราเสียใจหรอ”
“ขี้โกงนี่นา พูดกดดันเรา”
“แล้วคำตอบคือ…?”
“อย่าถามอะไรแปลกๆสิเซฮุนนา เราก็ชอบทั้งสองคนนั่นแหละ คนนึงเป็นเพื่อนอีกคนเป็นพี่ชาย หล่อทั้งคู่เลย แต่น้อยกว่าเรานะ คิกคิก”
“ไม่เอาแบบนี้สิ แบคฮยอนต้องเลือกนะ!”
“ชานยอลบอกว่าโตแล้วห้ามงอแงเหมือนเด็กนะ”
เซฮุนอยากจะเบะปากแล้วลงไปนั่งชักดิ้นชักงอด้วยความขัดใจ ยิ่งเห็นนิ้วเรียวที่กำลังชี้หน้ามายิ่งขัดใจเข้าไปใหญ่ ถอดแบบพี่ชานยอลมาไม่มีผิดเลยให้ตาย! แบคฮยอนรักแต่พี่ชานยอลอะ แบคฮยอนไม่เคยยุติธรรมต่อปาร์คเซฮุนเพื่อนที่แสนดีคนนี้เลย เซฮุนก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ!
“เราจะงอนแบคฮยอนแล้ว”
“เซฮุนไม่งอนเราหรอกเรารู้ เซฮุนใจดี เซฮุนน่ารัก เซฮุนตัวสูงด้วย”
“ไม่ต้องมายอเลย”
“จริงๆนะ ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราก็คงจะชอบเซฮุนเหมือนกัน”
“เป็นแบคฮยอนตอนนี้ก็ชอบเราได้”
“ไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกัน” แล้วโบมีก็ชอบเซฮุนมากๆด้วย เราไม่แย่งหรอก
“ไม่คิดจะให้ความหวังเราหน่อยหรือไง ใจร้ายจัง”
“ถ้าเราให้ความหวังสิใจร้ายกว่า เรายังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้เลย ไม่กล้ารับใครเข้ามาดูแลหรือเอาตัวเองไปเป็นภาระใครอีกหรอก ชานยอลบอกว่าโตแล้วห้ามทำตัวเป็นภาระคนอื่น พ่อเฒ่ากับแม่ครูก็เคยบอก”
เซฮุนอยากจะร้องโอ้ยยยย คำก็ชานยอล สองคำก็ชานยอล ไม่รู้ว่าตอนอยู่กับพี่ชานยอลแบคฮยอนเคยพูดถึงชื่อเขาแบบนี้บ้างหรือเปล่า แต่ถึงจะเคืองก็เถอะนะ ยอมรับว่าคำพูดคำจาแบคฮยอนช่วงนี้ฟังดูดีขึ้นเยอะจริงๆ ถึงจะเป็นการขัดใจหรือหักหาญน้ำใจกันไปบ้างก็เอาเถอะ ถ้าแบคฮยอนโตขึ้นและคิดได้ในแบบที่ผู้ใหญ่เค้าคิดกันเซฮุนก็ยินดีด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ยังอยากให้แบคฮยอนเป็นแบคฮยอนคนเดิมอยู่ดี แบคฮยอนคนที่ร่าเริง สดใส เอาแต่ใจเพื่อให้เขาตามใจ ต้องแบบนั้นแหละ เขาชอบที่แบคฮยอนเป็นแบบนั้นมากกว่าจะต้องเปลี่ยนไปจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
“แต่แบคฮยอนพึ่งเราได้ทุกเรื่องนะ อะไรที่เราช่วยได้เราจะไม่ลังเลเลย”
เขาอาจเป็นคนที่ดูลอยไปลอยมาไม่คิดอะไร แต่เขาก็เป็นคนที่สามารถดูแลตัวเองได้ เอาตัวรอดกับสถานการณ์ต่างๆได้ และไม่ว่าจะเรื่องอะไรเซฮุนยินดีจะช่วยเหลือแบคฮยอนเสมอ
“เราพูดจริงๆนะ”
“อื้อ เอาไว้กลับไปเที่ยวชุมชนกับเรานะ เซฮุนเป็นเด็กดี พ่อเฒ่ากับแม่ครูต้องชอบเซฮุนมากแน่ๆเลย”
“จริงหรอ”
“จริงสิ เราจะพาเซฮุนไปบ้านต้นไม้ด้วย” แบคฮยอนยิ้มให้เพื่อนจนตาเกือบปิด “บ้านต้นไม้ของเราเห็นวิวบนเขาชัดมากเลยนะ เซฮุนต้องชอบมันแน่”
“พูดแล้วนะว่าจะให้ไปด้วย”
“สัญญาห้านิ้วเลย”
“ต้องให้เราไปคนเดียวด้วยนะ”
“แต่คุณท่านเคยไปที่ชุมชนแล้วนะ”
“เราหมายถึงบ้านต้นไม้ แบคฮยอนคงไม่พาคุณยายปีนขึ้นไปดูหรอก ใช่มั้ยล่ะ?”
“ฮ่าๆ เราไม่กล้าหรอก โอเคๆ เราสัญญาจะพาเซฮุนไปบ้านต้นไม้แค่คนเดียว”
“สัญญาต้องเป็นสัญญานะ”
“อื้อ สัญญาต้องเป็นสัญญา” นิ้วโป้งของแบคฮยอนและเซฮุนปั๊มกันหนึ่งทีเหมือนเป็นการประทับสัญญาใจต่อกันไว้ ตามด้วยการเกี่ยวก้อยที่แบคฮยอนชอบทำบ่อยๆ
เซฮุนเป็นเพื่อนที่ดี แบคฮยอนคิดไว้นานแล้วว่าหากมีโอกาสได้กลับไปที่ชุมชนอีกเขาจะพาเพื่อนคนนี้กลับไปด้วย อยากพาไปแนะนำให้พ่อกับแม่ได้รู้จัก อยากให้เด็กๆที่นั่นเล่นกับเซฮุนเพราะเชื่อว่าทุกคนจะต้องชอบเพื่อนตัวสูงของเขาแน่ๆ ก็ทั้งน่ารัก ทั้งใจดี รูปหล่อขี้เล่นขนาดนี้ใครๆก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ แบคฮยอนกล้าเอาหัวเป็นประกันเลย
ร่างสูงของปาร์คชานยอลปรากฏตัวที่คฤหาสน์ของท่านหญิงชองพูจองในช่วงบ่ายแก่ๆของวันพร้อมกับชองซอริน แค่ได้ยินเสียงรถเข้ามาคนตัวเล็กก็หูตั้งหางกระดิกราวกับลูกหมาที่เจ้าของของมันกลับมาบ้านซักที แบคฮยอนรีบเดินเร็วๆเพื่อออกไปต้อนรับคุณชายปาร์คคนพี่ขณะที่จูงมือปาร์คคนน้องให้ตามออกมาด้วย ซึ่งรายหลังนี้เอาแต่ทำตัวหนักทื่อ หน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กถูกขัดใจอยู่นั่นแหละ
“ทำงานที่มอเสร็จแล้วเหรอ”
แบคฮยอนถามเสียงอารมณ์ดี ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม สายตาสนใจแต่ชานยอลไม่คิดจะหันไปทักทายชองซอรินที่มาด้วยกันกับคนตัวสูงเลยแม้แต่น้อย
“ไปดูบัดดี้กัน”
“ต้องเข้าไปทักทายคุณยายก่อน”
“เอ้อ ใช่ แห่ะๆ” คนตัวเล็กหลับตาปี๋เมื่ออีกฝ่ายเอาถุงกระดาษใบเล็กมาเคาะหัวเขาอยู่สองสามที แต่มันไม่หนักมากหรอก และตอนนี้ชานยอลกำลังยื่นมันมาให้เขาด้วย
“อะไรอะ ให้ผมหรอ?”
“รับไปเปิดดูเองสิ”
ส่งของให้ถึงมือแล้วเดินทิ้งเข้าไปในบ้านแบบไม่รอ แบคฮยอนไม่ได้ใส่ใจกับสายตาไม่เป็นมิตรของชองซอรินแต่เลือกที่จะเปิดถุงกระดาษในมือแทน และก็ต้องเบิกตาโต ดีใจกับของข้างในที่ได้เห็น
“เซฮุนดูสิ! ชานยอลซื้อปลอกคอกับเสื้อมาให้บัดดี้ด้วย!”
เซฮุนเบะปาก
“น่ารักจัง ชุดนี้มันเรียกตัวอะไรนะเซฮุน มีหมวกด้วยอ่า..”
“ริลัคคุมะ”
“บัดดี้จะได้ใส่ชุดริลัคคุมะหรอ ต้องน่ารักมากแน่ๆ งื้อ...”
เซฮุนนึกอยากจะดึงหมวกรูปหัวริลัคคุมะทิ้งเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆไม่มีอะไรผสมจริงๆ หน็อย… มาทีหลังแล้วยังจะทำคะแนนตัดหน้าน้องไปอีก งานนี้ฆ่าได้ก็คงต้องฆ่าแล้วมั้งงงง ปาร์คชานยอล!
“เข้าไปข้างในกันเซฮุน”
คนตัวเล็กย่ำเท้าตึกตักๆเข้าบ้านไปโดยไม่รอเพื่อน สองมือคอยจับเสื้อสุนัขขนาดเล็กขึ้นมากางดูไปด้วยแบบพลิกแล้วพลิกอีก ถูกอกถูกใจประหนึ่งว่าจะได้ใส่เองยังไงยังงั้น เด็กรับใช้ในบ้านคนไหนเดินผ่านก็ได้รับรอยยิ้มและประโยคขี้อวด ‘เสื้อบัดดี้น่ารักเนาะ’ แจกจ่ายกันอย่างถ้วนหน้า นี่ถ้าคุณครูสอนมารยาทยังไม่กลับแบคฮยอนก็จะเอาอวดให้ดูอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร อาทิตย์หน้าค่อยให้ดูก็ได้…
คนตัวเล็กยืนลับๆล่อๆรอชานยอลคุยทักทายกับคุณท่านอยู่นอกประตูห้องนั่งเล่น พอผู้ใหญ่หันมาดูและเรียกให้เข้าไปก็ส่ายหน้าหวือปฏิเสธ จนอีกราวๆสามนาทีต่อมาชานยอลถึงจะลุกเดินออกมาหาพร้อมกับใช้มือเท้าสะเอว
“จะเอาอะไร”
“ไปดูบัดดี้กัน”
“ชวนเซฮุนเพื่อนนายไปสิ ฉันเคยบอกไปแล้วว่าแพ้ขนหมา” ร่างสูงหันไปสบตากับน้องชายตัวเองที่ยืนพิงผนังซึ่งถัดออกไปประมาณหนึ่งช่วงแขนได้
“หมาตัวเล็กก็ไม่ได้หรอ”
“จะตัวเล็กตัวใหญ่ถ้าขึ้นชื่อว่าหมาเหมือนกันก็ไม่ต้องถามหรอก”
“มันเริ่มหายดีแล้วนะชานยอลไม่อยากเห็นหรอ”
“…..”
“โอเค…”
แบคฮยอนเพิ่งเรียนรู้ได้เร็วๆนี้ว่าความเงียบของชานยอลคือการแสดงถึงความไม่พอใจอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะเป็นเขาเอง
“งั้นไปยืมมาร์คปิดปากที่ป้าแม่บ้านกัน”
และชานยอลเองก็ได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้แบคฮยอนก็จะหาทางให้มันเป็นไปได้จนได้นั่นแหละ
“ห้ามถอนหายใจนะ” แบคฮยอนรีบพูดดักร่างสูงอย่างรู้ทัน “อายุจะสั้นแล้วก็จะแก่เร็วด้วย”
“ก็คงจะเป็นคนแก่ที่ดูดีมาก”
“รำคาญญญญญ”
“มีปัญหาอะไรกับฉันงั้นหรือปาร์คเซฮุน”
“ใครจะไปกล้ามีปัญหากับคุณชายปาร์คชานยอลได้ล่ะครับ พี่ชาย”
“วันนี้นายมาขลุกอยู่บ้านคุณยายทั้งวันเลยนะ”
“พี่เองก็มาทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ”
“มันก็เรื่องปกติของฉัน ฉันมาเยี่ยมคุณยาย แล้วก็มาส่งซอรินด้วย”
“ผมก็มาเยี่ยมคุณยาย มาหาแบคฮยอนด้วย” น้องชายส่งยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่าให้คนเป็นพี่ชาย “ถึงแต่ก่อนจะไม่ได้มาบ่อยๆแต่จากนี้ไปคงต้องได้มาบ่อยๆแล้วล่ะ เพราะขออนุญาตไปรับไปส่งแบคฮยอนแทนคนขับรถที่นี่กับคุณยายแล้ว”
“นายว่างขนาดนั้นเลย?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็จะพยายามหาเวลาให้แบคฮยอนทุกวัน”
“พูดเหมือนคนเป็นแฟนกันเลยนะ”
คนกลางถึงกับสะดุดเมื่อได้ฟังประโยคล่าสุดของปาร์คชานยอล เงยหน้ามองสองพี่น้องสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์นัก “แฟนอะไรกัน ต้องเพื่อนสิชานยอล”
คนเป็นพี่กระตุกยิ้มร้ายส่งให้คนเป็นน้อง
“ชัดมั้ย”
“พื้นฐานของคนเป็นแฟนกันก็เริ่มมาจากความเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ! พี่กับพี่ซอรินก็ด้วยนี่ จะว่าไปยังรักกันดีเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย ไปรับไปส่งกันน่ารักจังเลยเนาะแบคฮยอน”
“ฮะ อ๋อ..อื้อ แต่น่ารักแค่ชานยอลคนเดียวนะ ซอรินไม่น่ารัก”
“ว่าคนอื่นไม่น่ารักนี่คิดว่าตัวเองน่ารักมากงั้นสิ”
บุคคลที่สี่ก้าวออกมาจากห้องนั่งเล่นและได้ยินคำพาดพิงว่าร้ายถึงตนเข้าพอดี แน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจให้กับเธอมาก ยิ่งมันเป็นคำที่ออกมาจากปากของเด็กไร้มารยาทคนนี้ด้วยแล้วเธอยิ่งปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้
“เรียนมารยาทให้เปลืองเงินคุณยายมาตั้งหลายเดือนได้แค่นี้เองน่ะเหรอ หัวคงจะแข็งเกินกว่าจะรับอะไรได้แล้วมั้ง บอกคุณยายให้เลิกเสียเงินกับคนแบบนายเถอะ สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
ถ้อยคำตำหนิพ่วงการดูถูกกำลังจะทำให้แบคฮยอนอ้าปากสวนแต่ถูกชานยอลตัดหน้าไปซะก่อน “นายว่าซอรินก่อน ขอโทษเถอะเรื่องจะได้จบ”
“แต่…”
“หรือคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันดีแล้ว”
“…..”
“แบคฮยอน”
เจ้าของชื่อเม้มปากแน่น พยักหน้าหงึกๆอย่างคนที่เข้าใจแล้วก่อนจะหันไปกล่าวขอโทษหญิงสาวอย่างจำยอม
“ผมขอโทษ จะพยายามไม่พูดอีกแล้ว”
“ถ้าชานยอลไม่บอกก็คงจะไม่ทำสินะ”
“นั่นมันก็…”
“ฝืนใจมากก็ไม่เห็นจะต้องทำเลยนิ่ หรือว่าอยากจะเอาใจชานยอลอย่างนั้นหรือ?”
“ผมรับปากจะเป็นเด็กดีกับชานยอลแล้ว”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดีต่อฉันด้วยใช่หรือเปล่านะ เพราะนอกจากฉันจะเป็นหลานของคุณยายแล้วฉันยังเป็นแฟนของชานยอลด้วย”
“ผมไม่ได้เกลียดซอริน ถ้าซอรินดีกับผมผมก็จะดีตอบ”
“หึ โทษทีนะ เผอิญว่าฉันไม่ชอบข้องแวะกับเด็กกะโปโลที่ทำตัวเหมือนม้าดีดกะโหลกไม่รู้กาลเทศะอย่างนายน่ะสิ ทำไงดีล่ะ”
“ไม่ต้องข้องแวะ แต่ก็ไม่ต้องเกลียดกันก็ได้นี่”
“ได้สิ ถ้านายจะหายไปจากบ้านหลังนี้น่ะนะ”
“ซอริน”
เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อคนเป็นคู่หมายเพื่อหวังจะให้หยุดพูดจาใจร้าย แต่ความดื้อของหญิงสาวก็มีไม่แพ้ใคร…
“ออกไปสิ มาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้น ถ้าทำได้ฉันรับปากว่าจะเลิกเกลียดนายเลยเป็นไง?”
“ชองซอรินพอเถอะ”
“ชานยอลเองก็สนิทกันไปเถอะค่ะ” หญิงสาวแค่นยิ้มสมเพชใส่แบคฮยอนแล้วค่อยหันกลับมาสนใจคู่หมายของตัวเองต่อ “ถ้าคิดว่าเด็กคนนี้ควรค่าแก่การจะได้รับความสนใจก็เอาเถอะ ซอรินจะไม่ขัด แต่แนะนำให้กลับบ้านไปอาบน้ำหลายๆรอบหน่อยนะคะ เพราะดูจะสกปรกใช้ได้เลย”
“ซอริน”
“ซอรินพูดด้วยความหวังดีนะ”
นอกจากจะไม่สะเทือนกับน้ำเสียงเข้มๆของปาร์คชานยอลแล้วชองซอรินยังเหยียดยิ้มใส่แบคฮยอนชนิดที่ต้องการประกาศให้ทุกคนรู้เลยว่าสาวเจ้าไม่ชอบเด็กคนนี้ขนาดไหน และเมื่อร่างสวยของเธอเดินพ้นออกไปแล้วชานยอลหมายจะพูดให้แบคฮยอนเข้าใจแต่เหมือนหาเสียงของตัวเองไม่เจอขึ้นมาดื้อๆตอนที่ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่ไม่อยู่รอฟังใดๆเท่านั้น แต่แบคฮยอนยังยัดถุงกระดาษที่เขาอุตส่าห์ซื้อมาฝากคืนให้ด้วย
“แบคฮยอน!”
เซฮุนพยายามตะโกนเรียก แต่คนตัวเล็กก็ไม่ฟัง
“พี่ไม่ควรปล่อยให้พี่ซอรินพูดแบบนั้นใส่แบคฮยอนเลย!”
“ฉันอยากให้เป็นแบบนั้นเสียที่ไหนล่ะ”
“ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ซอรินหึงพี่นั่นแหละ ถ้าไม่รู้ตัวก็รู้ตัวไว้เถอะ”
“สรุปว่ามันเป็นความผิดของฉัน?”
“ก็ไม่รู้ล่ะ!”
“ไอ้เด็กนี่…”
“แต่พี่ก็มีส่วนอยู่ดี! แล้วตอนนี้แบคฮยอนก็หนีออกไปนู่นแล้ว”
“…..”
“โถ่.. แบคฮยอน คงจะเสียใจมากแน่ๆที่โดนว่าไปแบบนั้น เอาไงดี เราจะทำยังไงกันดีพี่ชานยอล”
“ก็หยุดพล่ามไร้สาระซักทีสิ ฉันจะได้คิดออก”
“ก็คนมันสงสารเพื่อนเน่!”
“เฮ้อ…”
มีน้องก็เหนื่อย น้องมีเพื่อนก็เหนื่อย สรุปคือชานยอลเหนื่อยที่ต้องเกิดมาเป็นพี่ชายปาร์คเซฮุนจริงๆ เท่าที่จำความได้และจำได้ดีด้วยว่าตัวเองมีน้องชายที่โตไล่ๆกันมาตลอด แต่นั่นคงหมายถึงขนาดตัวเพียงอย่างเดียว เซฮุนตอนนี้ยังทำตัวเหมือนเซฮุนตอนเจ็ดแปดขวบอยู่เลย ผิดถูกก็มาลงกับพี่ชายอย่างเขา อยากได้อะไรก็มางอแงใส่ทั้งที่รู้ดีว่าทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกเสียจากการโดนดุ ซึ่งมันก็ไม่เคยเข็ด
“ฉันจะลองไปคุยกับแบคฮยอน ส่วนนาย เข้าไปนั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนคุณยายไป”
“ทำไมพี่ต้องไปคนเดียว ให้ผมไปด้วยสิ”
“มันคงไม่ใช่เวลาที่ต้องแห่กันไปคุยเยอะแยะ หรือถ้านายอยากไปคุยเองก็ไป ฉันจะอยู่รอที่นี่กับคุณยาย”
เซฮุนคิดหนัก ใจนึงก็เห็นด้วยกับชานยอล แบคฮยอนตอนนี้คงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากให้ใครไปกวนใจแน่ บวกกับความไม่มั่นใจในตัวเองด้วยว่าหากเป็นคนไปพูดกับเพื่อนตัวเล็กเองแล้วรายนั้นจะยอมฟังเหมือนที่ฟังชานยอล แต่อีกใจนึงก็ไม่อยากปล่อยให้พี่ชายทำแต้มกับเพื่อนนี่นา! แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆมันคงเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้ ชานยอลมีความเป็นผู้ใหญ่สูง คำพูดฟังดูมีเหตุผลทั้งยังมีความสามารถในการหว่านล้อมคนให้ยอมโอนอ่อนตามด้วยคำขู่โหดๆที่ใครก็เทียบไม่ได้นั่นอีก
“ก็ได้ๆ”
เซฮุนยอมก็ได้!
“พูดดีๆนะ ห้ามหว่านเสน่ห์ใส่แบคฮยอนของผมเด็ดขาด”
“ไร้สาระ”
“พี่รู้จักผมดียังไงผมก็รู้จักพี่ดีอย่างนั้นแหละน่า!”
ชานยอลยักไหล่ให้
“ฉันจะไปแล้ว”
คนตัวสูงหาตัวแบคฮยอนเจอได้อย่างไม่ยากนัก คิดไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นบ้านลูกสุนัขที่อีกฝ่ายนั้นเห่อนักเห่อหนา แล้วมันก็ใช่ โชคดีที่ก่อนจะมาคนตัวสูงรอบคอบ แวะไปขอมาร์คปิดปากจากแม่บ้านมาใส่กันไว้ก่อน ไม่งั้นคืนนี้เขาคงได้เปลี่ยนที่นอนจากบ้านตัวเองเป็นโรงพยาบาลแทนแน่ๆ
ภาพคนตัวเล็กนั่งกอดขาซุกหน้าลงไปบนหัวเข่าตัวเองโดยเอาหลังพิงข้างบ้านไม้สีขาวของเจ้าลูกสุนัขตัวน้อยนั้นทำให้ชานยอลอดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่ชอบที่ซอรินพูดจาแบบนั้น ถึงมันจะมีความจริงปนอยู่แต่หากคนพูดพูดมันออกมาด้วยอคติของตัวเองแล้วมันย่อมไม่น่าฟัง หากซอรินเพียงอยากติเตือนเพื่อก่อซักนิดชานยอลคงจะรู้สึกดีกว่านี้…
ชานยอลกระตุกมาร์คปิดปากลงไปไว้ใต้ค้างแล้วย่อตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าแบคฮยอน ซึ่งแบคฮยอนที่รู้สึกถึงการมาถึงของใครซักคนก็เงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นชานยอลก็รีบซุกหน้ากลับลงไปที่เดิม
“แดดไล่มาขนาดนี้แล้วแทนที่จะไปนั่งที่อื่น”
ดวงตางดงามของชานยอลทอดมองแสงแดดยามเย็นที่กำลังสาดกระทบร่างของคนตัวเล็ก… “ลุกเถอะ”
“ผมมันสกปรกชานยอลไปห่างๆเถอะ”
“อย่าสนใจคำพูดชองซอรินเลย”
“แพ้ขนหมาด้วยไม่ใช่รึไง อยู่แถวนี้มีแต่อะไรไม่ดีชานยอลไปอยู่กับแฟนเถอะ”
“ไหนบอกจะเชื่อฟัง ตอนนี้ฉันบอกให้ลุกทำไมไม่ยอมลุก นายกำลังจะผิดสัญญานะ”
คนโดนว่าเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบพร้อมสายตาตัดพ้อคนร่างสูง
“ผมทำอะไรมันก็ผิดหมดเลยใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ผมทำดีชานยอลไม่เคยชม แต่พอผมผิดนิดเดียวชานยอลกลับเอาแต่ดุ ชานยอลอยู่ข้างซอริน อีกหน่อยถ้าซอรินให้เกลียดผมชานยอลก็จะเกลียด”
“ไปกันใหญ่แล้ว นี่เป็นเด็กขี้น้อยใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันโตพอจะมีสมองคิดได้เองว่าต้องเกลียดหรือต้องชอบอะไร ฉันแยกแยะได้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยบอกคอยสอนหรอก”
ชานยอลสบตาแบคฮยอนอย่างจริงจัง เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจน้อยใจที่ถูกซอรินพูดจาไม่ดีใส่ แต่ไม่เห็นจะต้องมาพูดเหมือนดูถูกมันสมองกับวุฒิภาวะของเขาขนาดนี้เลย ต่อให้ไม่ใช่ซอริน อาจจะเป็นพ่อแม่หรือคุณยายมาสั่งให้ทำให้คิดให้เชื่ออะไรชานยอลคงไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมดหรอก ทุกเรื่องที่จะทำเขาต้องกลั่นกรองมันด้วยตัวเองก่อนเสมอ หากเรื่องไหนขัดใจ คิดไม่ตรงกัน หรือเหลือบ่ากว่าแรงเขาเองก็ทำให้ไม่ได้เหมือนกัน
กล้ามาปรักปรำกันขนาดนี้มันน่าเอาคืนซักทีไหมล่ะ
“เก็บคำต่อว่าของคนอื่นมาเป็นแรงผลักดันที่จะพัฒนาตัวเองเถอะ น้อยเนื้อต่ำใจไปก็เท่านั้น ตราบใดที่ยังย่ำอยู่ที่เดิม ทำตัวเหมือนเดิม คำดูถูกมันก็จะยังคงอยู่กับนายเหมือนเดิม”
“ต่อให้ผมดีขึ้นกว่านี้ซอรินก็ไม่เลิกเกลียดผมหรอก ชานยอลก็ได้ยินว่าผมต้องออกไปจากบ้านหลังนี้เท่านั้นเขาถึงจะพอใจ”
“แล้วไง นายมาที่นี่เพราะคุณยายไม่ใช่ซอริน ถ้าทำดีแล้วเธอไม่สนใจนั่นก็เป็นสิทธิของเธอ นายน่ะ แค่ทำตัวดีๆไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้ว”
“แล้วถ้า…”
“…..”
“ถ้าซอรินบอกให้เกลียดผม ชานยอลจะไม่ทำใช่มั้ย”
“แล้วนายคิดว่าฉันควรจะเกลียดนายหรือเปล่าล่ะ”
ชานยอลไม่เคยเกลียดใครโดยไร้เหตุผล
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรแล้วมีเหตุผลที่ฉันจำเป็นจะต้องเกลียดนายด้วยเหรอแบคฮยอน”
“แต่ผมเคยทำไม่ดีไว้หลายอย่าง”
“ก็ตกลงกันแล้วว่าจะปรับปรุงตัวไม่ใช่เหรอ”
“ผมพยายามทำตามสัญญานะ แต่ไม่รู้ว่ามันดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“ดีสิ”
“จริงหรอ”
“แต่ต่อไปต้องทำให้ดีกว่านี้ นายต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง” ตั้งแต่ได้ลงมาคลุกคลีกับอีกฝ่ายจริงๆชานยอลก็เพิ่งมาเข้าใจความรู้สึกของผู้ใหญ่ที่บ้านนี้รวมถึงเซฮุนว่าทำไมถึงเอ็นดูเด็กคนนี้นักหนา
สำหรับเขา อาจไม่ได้เอ็นดูแบคฮยอนเท่าคนอื่นๆ ไม่ได้หลงใหลขนาดที่ว่าทำอะไรก็ไม่กล้าขัด เขายังขัดยังดุอีกฝ่ายเหมือนเดิมถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควร และที่ต้องทำใจยอมรับก็คือความรู้สึกในแง่ดีที่มันเพิ่มเข้ามา หลายพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นการขัดใจ วอแววุ่นวาย พูดไม่ยอมหยุดที่แสนจะน่ารำคาญ ทว่าชานยอลกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญเช่นแรกๆอีกแล้ว
วันไหนไม่ได้เจอไม่ได้คุยก็จะเหงานิดหน่อย บางทีเห็นอะไรเข้าก็พาลให้คิดถึงขึ้นมา ชานยอลคิดว่ามันคงเริ่มกลายเป็นความผูกพันรูปแบบหนึ่งระหว่างเรา และเขาก็โอเคกับมันดี ได้อยู่กับเด็กคนนี้แล้วรู้สึกตัวเองได้คลายเครียดแบบแปลกๆ หนักหน่อยก็อาจจะต้องเครียดกว่าเดิม… แต่รวมๆแล้วก็ยังดีกว่าอยู่กับใครอีกหลายคนล่ะนะ…
“ผมเชื่อชานยอลนะ”
“ก็ลองไม่เชื่อดูสิ”
กำปั้นหนักๆทุบลงไปบนหัวทุยหนึ่งทีหลังจากคนตัวเล็กยอมเปลี่ยนสีหน้าอมทุกข์มาเป็นแป้นแล้นเหมือนเดิมแล้ว และตอนนี้กำลังดีดตัวไปหน้าประตูบ้านเจ้าลูกหมาเพื่ออุ้มมันออกมาให้เขาดูอีกต่างหาก ปุบปับซะจนดึงมาร์คขึ้นมาปิดปากปิดจมูกแทบไม่ทัน
“มันน่ารักใช่มั้ยชานยอล”
“อย่าทำเหมือนฉันไม่เคยเห็นสิ เอาออกไปห่างๆ”
“แต่มันไม่มอมแมมอย่างวันนั้นแล้วนะ สะอาดแล้ว หอมด้วย”
เพราะมีมาร์คสีขาวปิดไว้ถึงครึ่งหน้า แบคฮยอนเลยไม่มีโอกาสเห็นรอยยิ้มจางๆของคนตัวสูงที่หลบอยู่ข้างในนั้น แม้แต่สายตาที่คอยจ้องใบหน้าเรียวเล็กของตัวเองอยู่ก็ไม่มีทางได้เห็นแน่ ตราบใดที่แบคฮยอนยังคงเอาแต่สนใจสัตว์เลี้ยงจนไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ใกล้ๆเลยแบบนี้
“ใส่เสื้อให้มันกัน ถือมาด้วยรึเปล่า”
“เสื้อที่นายยัดคืนให้ฉันน่ะเหรอ”
“แห่ะๆ ฝากไว้ต่างหากล่ะ ไม่ได้คืนซักหน่อย เนอะๆบัดดี้ อ้ะ!”
แบคฮยอนหันไปยู่ปากใส่ผู้ประทุษร้าย แต่พอเห็นว่าอาวุธที่ชานยอลใช้ตีหัวเขาคือถุงกระดาษใส่ชุดเจ้าบัดดี้ก็ทำเอายิ้มออกอีกรอบ คนตัวเล็กรับมันไปแกะและพยายามใส่เสื้อให้ลูกสุนัขของตัวเองอย่างทุลักทุเล โดยมีชานยอลยืนมองอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปใกล้
“ไม่ดิ้นนะบัดดี้ ฉันจะใส่เสื้อให้นายไง หยา.. ดิ้นแบบนี้นายจะเจ็บแผลนะรู้เปล่า”
“ดื้อเหมือนเจ้าของน่ะสิ”
“บัดดี้ยังเด็กอยู่เลยมันไม่รู้เรื่องหรอกต้องค่อยๆบอ..ย๊า!” ลูกสุนัขถีบชุดคุมะออกจากตัวจนขาหน้าที่เข้าแขนเสื้อไปแล้วข้างนึงหลุดออกมาอีกรอบแบคฮยอนจึงร้องลั่นอย่างหัวเสียทำเอาชานยอลหลุดขำตาม
เหมือนกันซะจริงๆ! ทั้งหมาทั้งเจ้าของหมา
“เอาล่ะๆ เด็กดี… ฉันจะเบามือลงแล้วก็จะรีบๆใส่ให้ด้วยนายจะได้กลับไปนอนต่อไง.. ใช่…นิ่งๆไว้แบบนี้แหละ….”
ชานยอลอยากจะเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มลื่นมือนั้นซักทีสองทีแต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้ลูกหมาของแบคฮยอน ตอนนี้เลยทำได้แค่ทอดมองอยู่ห่างๆเพียงเท่านั้น
“ชานยอลรู้มั้ย ตอนอยู่ชุมชนผมเคยเลี้ยงแต่หมาพันธุ์ทาง หน้าตาน่ารักๆแบบนี้ไม่มีเงินซื้อมาเลี้ยงหรอก”
ก็นี่ไง คนพูดนี่ก็ตัวนึงที่ชุมชนเคยมีอยู่ไม่ใช่หรอ.. ชานยอลมองว่าน่ารักกว่าลูกหมาจริงๆที่จะทำให้เขาอาการกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้นั่นอีก
“น่ารักเนอะ / ฮัดชิ่ว!”
นั่นไง ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้
“น้ำตาไหลแล้วชานยอล แพ้ขนบัดดี้ใช่มั้ย?!” คนตัวเล็กแสดงสีหน้าร้อนรนทำตัวไม่ถูก “โอเคๆ จะเสร็จแล้ว ผมจะเอามันเข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลยชานยอล”
ฮัดชั่ววว!!!
“ชานยอลโอเคมั… / ฮัดชิ่ว!!”
“งื้อออ ไปๆ! เข้าบ้านกัน ไปให้คุณท่านช่วยดูนะ”
แบคฮยอนอยากจะเข้าไปดูใกล้ๆแต่ก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าตอนอุ้มเล่นบัดดี้ขนมันจะติดตัวมาด้วยหรือเปล่า เกิดเข้าไปใกล้แล้วชานยอลอาการหนักกว่าเดิมคงไม่ดีแน่ เวลานี้จึงทำได้แค่เดินล้ำหน้า เร่งให้ชานยอลรีบตามตนไปเข้าบ้านไวๆ ขณะที่คนโดนเร่งไม่ได้คิดจะเร่งฝีเท้าตามเลยแม้แต่น้อย
“เร็วสิชานยอล”
หมั่บ!
คนถูกคว้าแขนหันกลับมามองด้วยสีหน้าตั้งคำถาม
“ยังไม่เป็นไรมากหรอก อย่าให้คุณยายต้องเป็นห่วงเลย”
“แต่ชานยอลจามไม่หยุดเลยนะ”
“เดี๋ยวไปล้างหน้าล้างตาก็น่าจะดีขึ้นแล้ว ถ้าอยากช่วยก็ไปหาผ้าขนหนูสะอาดให้หน่อยแล้วกัน”
“แต่…”
“ไม่ต้องแต่ จะช่วยก็ทำตามที่บอกก็พอ”
“ก็ได้ๆ ผมจะรีบขึ้นไปเอาผ้าบนห้องมาให้นะ”
“นายก็รีบล้างเนื้อล้างตัว…” ว่ายังไม่ทันจบคนตัวเล็กก็หมุนตัววิ่งตึกตักหายเข้าไปด้านในจนมองตามไม่ทันเรียบร้อยแล้ว ชานยอลส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแขกชั้นล่าง
ถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องเข้าคงพากันเป็นห่วงจนวุ่นวายแน่ เพราะตอนเด็กๆเขาเคยไปแอบเล่นกับสุนัขของคนอื่นมาหนหนึ่งจนระบบหายใจติดขัดชนิดเฉียดตายมาแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองแพ้แต่ด้วยยังเด็กจึงไม่รู้จักระวังตัว ไม่รู้แม้แต่วิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาก็เข็ดมาจนโต หลีกเลี่ยง อยู่ห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้มาตลอด แต่วันนี้คงชะล่าใจตัวเองเกินไปนั่นแหละ
ฮัดชิ่ว!!!
“มาแล้วๆๆๆ”
แบคฮยอนวิ่งหน้าตาตื่นบุกเข้าไปในห้องน้ำ ยืนรอเตรียมส่งผ้าขนหนูให้คนตัวสูงพลางเอี้ยวหน้าเข้าไปมองชานยอลใกล้ๆ “ชานยอลอย่าเป็นอะไรนะ ผมขอโทษ”
“เดี๋ยวนี้พูดขอโทษจนติดปากได้แล้วเหรอ”
“อย่าเพิ่งพูดเล่นสิ นี่อะ.. ซับหน้าก่อน”
“นายก็ล้างมือล้างแขนด้วย หน้าด้วยก็ดี”
ระหว่างซับน้ำบนหน้าคนตัวสูงก็มองคนตัวเล็กทำตามคำสั่งที่ตัวเองเป็นคนสั่งไปด้วย แบคฮยอนรีบร้อนล้างมั่วซั่วจนน้ำกระเด็นโดนตัวไปหมด เปียกอย่างกับลูกหมาเล่นน้ำทั้งที่สีหน้ายังไม่ทิ้งความกังวลจนชานยอลนึกอยากจะหัวเราะ
“ไม่ขำนะเนี่ย จะไม่เป็นไรใช่มั้ย ผมกลัวนะ”
“ไม่ตายแน่นอน”
“ชานยอล อ้ะ!…” ผ้าขนหนูชื้นๆผืนที่ชานยอลใช้เช็ดหน้าเมื่อครู่เปลี่ยนมาอยู่บนหน้าแบคฮยอนแทน ชานยอลกำลังซับน้ำบนหน้าให้คนตัวเล็ก ส่งผลให้ผู้รับยืนตัวแข็งทื่อไปไม่เป็น คำพูดที่ตั้งใจจะพูดออกมาเมื่อกี้ก็เลือนหายไปหมด
“ผ..ผมเช็ดเองก็ได้”
“อยู่เฉยๆ”
“…..”
“บอกให้ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้บอกให้เงียบซักหน่อย อยากพูดอะไรก็พูดสิ”
จะให้แบคฮยอนพูดอะไรในเมื่อตอนนี้ในหัวมันโล่งไปหมด หัวใจก็เต้นถี่ขึ้นมาเหมือนกำลังซ้อมวิ่งรอบสนามที่ชมรมไม่มีผิด คนตัวเล็กไม่ชินกับการกระทำอ่อนโยนของชานยอลแบบนี้ ไม่เคยได้รับสีหน้าแววตาที่ไม่แฝงความร้ายกาจใดๆแบบนี้เลยจริงๆ ทุกทีไม่ถูกดุก็ต้องเจอสายตานิ่งๆข่มขู่มาโดยตลอด
“ทำไมชานยอลตัวหอมจัง”
“ฮะ?” มือหนาชะงักค้างทันที ก่อนจะเปลี่ยนมาแค่นหัวเราะเบาๆหลังจากสบตากับแววตาซื่อๆของคนตัวเล็กกว่า “น้ำหอมล่ะมั้ง” ตอบคำถามพลางลงมือเช็ดหน้าให้อีกคนต่อ
“ซื้อเองหรอ”
“ของใช้ส่วนตัวก็ต้องซื้อเองสิถึงจะถูกใจ จะให้ใครซื้อให้ล่ะ”
“นึกว่าซอรินซื้อให้”
ชองซอรินน่ะหรอ รายนั้นขยันซื้อน้ำหอมหลากกลิ่นมาให้เขาทดลองใช้เพราะตัวเองชอบ ยกเว้นกลิ่นประจำที่ชานยอลชอบใช้นั่นแหละ ถึงได้ขัดแย้งกันบ่อยๆ …อะไรที่ซอรินชอบ ชานยอลมักจะไม่ชอบ ส่วนอะไรที่ชานยอลชอบ ก็ดันไม่ถูกใจซอรินพอกัน….
“ว่าแต่ของนายล่ะ ก็หอมดีนะกลิ่นนี้”
“หืออ.. ผมไม่เคยใช้น้ำหอมนะ”
“….”
“คุณท่านเคยซื้อให้ขวดนึงแต่ผมคิดว่ามันเหม็นอะเลยไม่ได้ใช้ ใช้แค่แป้งทาตัวทั่วๆไปนี่แหละประหยัดดี ฮ่ะๆๆๆ”
“งั้นเหรอ..”
“ชานยอลสูงจังเลยเนาะ” คนโดนทักว่าสูงหลุบตาลงมองคนที่เตี้ยกว่า พอดีกับที่แบคฮยอนช้อนตาขึ้นมองหน้าเขาพอดีเลยทำให้ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง..
“…..”
“แฮร่…”
“กินนมให้เยอะๆสิ”
“อ๋อ ฮ่ะๆ พูดเหมือนเซฮุนเลย และผมก็จะบอกชานยอลเหมือนที่บอกเซฮุนว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ ฮะฮ่าๆๆ”
ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกขำจริงๆ หรือเพียงแค่อยากให้สถานการณ์ไม่เงียบจนน่าอึดอัดไปกว่านี้กันแน่ แบคฮยอนคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหายใจลำบาก ยิ่งชานยอลมองหน้ามาอย่างไม่คิดจะหันไปมองทางอื่นบ้างเลยนั่นยิ่งทำให้วางตัวลำบากเข้าไปใหญ่
“เอ่อชานยอล ผมว่าเรา…”
“กับเซฮุนพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า”
“หา…?”
อีกแล้วนะ ทำไมพี่น้องคู่นี้ถึงชอบมาถามอะไรจากเขาแปลกๆแบบนี้อยู่เรื่อยเลย
“เป็นไปได้? ยังไงอะ แฟนน่ะหรอ”
“อืม”
“ถ้าเรื่องนั้นชานยอลไม่ต้องห่วงว่าน้องชายตัวเองจะมีแฟนเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบผมหรอก เซฮุนเป็นคนดี นิสัยก็น่ารัก แค่ได้มาเป็นเพื่อนกันผมก็คิดว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว และผมก็ไม่คิดด้วยว่าเซฮุนจะชอบผมแบบนั้นจริงๆอะ”
“ยังไม่มีใครว่านายไม่มีหัวนอนปลายเท้าซักคำ เลิกปรักปรำคนอื่นซักทีเถอะ”
“มันเป็นความจริงถึงไม่พูดผมก็รู้ตัวเอง แต่ผมไม่เสียใจหรอก ได้ยินจนชินแล้วเหอะ มาอยู่ที่นี่ซอรินก็พูดออกบ่อย”
“ปกติซอรินก็ไม่ว่าใครแบบนั้นหรอก”
“ผมไม่รู้หรอก และก็จะไม่สนใจเธออีกแล้วด้วย อย่างน้อยชานยอลก็ดีกับผม เอาเป็นว่าจะพยายามไม่ให้ตัวเองคิดลบกับแฟนชานยอลเป็นการตอบแทนก็แล้วกันนะ เพราะยังไงต่อไปชานยอลก็ต้องแต่งงานกับเธอ ถ้าเกลียดเธอชานยอลคงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเกลียดไปด้วย”
“ฉันกับซอรินไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดหรอก”
งานแต่งงานหรอ เหอะ เขายังไม่เคยคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ ก็น่าตลกดีที่มีแต่ใครต่อใครคิดเผื่อเขาเต็มไปหมด แม้แต่คนที่ดูเหมือนจะคิดอะไรเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้อย่างแบคฮยอนยังคิดเลยดูสิ..
“ชาตินี้ฉันอาจจะไม่แต่งงานเลยก็ได้ใครจะรู้”
“เอ๋…”
“เป็นเพื่อนกันคงดีที่สุดแล้วอย่างที่นายคิดกับเซฮุน บางทีฉันก็คิดเหมือนกัน…”
โดยเฉพาะพักหลังนี้ที่เขาเริ่มคิดมันบ่อยขึ้น บ่อยจนแน่ใจแล้วแต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะบอก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีโอกาสนั้นเข้ามาให้พูดบ้างหรือไม่..
“หมายถึงเรื่องของผมกับเซฮุนน่ะหรอ หรือยังไงอะ ชานยอลพูดเรื่องอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“ช่างเถอะ ไม่เข้าใจก็ดีแล้ว”
เรื่องของความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนซับซ้อน ไม่มีใครสามารถเข้าใจมันดีได้เท่ากับเราทั้งคู่ที่เป็นเจ้าของของความรู้สึกอีกแล้วล่ะ…
#ficmysscb
Talk:
หายไปซะหลายวันเลยยยย กลับมาอัพแล่ววววว
จริงๆไม่อยากอธิบายความรู้สึกของตัวละครเท่าไหร่ อยากให้อ่านแล้วก็คิดกันเองในแบบมุมมองของใครของมันว่ารู้สึกกันไปยังไงเนาะ แต่นิดนึงก็ได้ อิ้อิ้ …
เริ่มที่ความรู้สึกของไรท์ คือ แบคฮยอนเด็กดื้อของเราก็คือเด็กดื้อที่นิสัยไม่ยอมโตจริงๆ ดื้อมาก ดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่ในความดื้อก็เป็นคนซื่อที่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร(ก่อน) เห็นอะไรก็เป็นสนุกไปหมด แต่ไม่ใช่คนโง่นะ ยังเป็นเด็กที่ฉลาดอยู่55555 แต่ไม่ค่อยจะฟังใครด้วยจากสังคมที่โตมา ไร้มารยาทมั้ย ก็ใช่ ไร้กาลเทศะมั้ย ก็ใช่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลถ้าอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่ตัวเองเคารพก็จะไม่ดื้อไม่ซนเท่าที่จะคุมตัวเองอยู่ /จริงๆเรามองว่าแบคเป็นเด็กดีอะ นิสัยเสียไปบ้างแต่เป็นคนจิตใจดีมากๆคนหนึ่ง
ส่วนเซฮุน(ซึ่งเป็นอีกตัวละครที่เราชอบ) อันนี้จะเป็นคนที่แบบ เหมือนจะไร้สาระแต่ลึกๆแล้วเป็นคนฉลาด เป็นคุณชายแบบหลบในไม่แสดงออก(?) เก่งนะ มีทุกอย่างที่คุณชายทุกคนมีแต่เป็นประเภททำตัวติดดิน
ซึ่งก็ต่างจากคุณชายพระเอกที่เป็นพี่มาก อันนี้ชัดๆคือมีความเป็นคุณชายในตัวสูง นิ่ง คิดอะไรเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนดุ และนิสัยเหล่านี้แหละที่มันใกล้เคียงกับชองซอริน เคยได้ยินกันมั้ยว่าอะไรที่เหมือนกันเกินไปมักจะเข้ากันไม่ได้ แต่ว่าต่างกันสุดขั้วอย่างชานแบคของเราจะไปด้วยกันได้ไหมน๊อ… ติดตามกันต่อเนาะ ระหว่างคุณชายมาดดุ กับ ไอ้เด็กดื้อฝั่งไหนจะเป็นผู้ชนะในภายภาคหน้าต่อไป……
ไว้เจอกันอีกตอนหน้า!. บรัยยยยย
//ฝากเม้น โหวต แฮชแท็กเหมือนเดิมเลย #ficmysscb
ฝาก #ficfellow อีกเรื่องของเราด้วย (:
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เกลียดดดดดดดดดดด ซอรินช่างเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจจจจ ปากร้าย ใจร้ายยยยย อยากจะยืมคำปิงปองในไดอารี่ตุ๊ดซี่ เอาล่ะกุไม่ชอบอินี่ *เบะปากแรง*
เกร้ดดดดดดดดด คนน้องก็ใจเต้นแรงงงง คนพี่ก็เริ่มหวั่นไหว เอาแล่วๆๆๆๆไไๆ