ตอนที่ 34 : Shining XXXII :: Every cloud has a silver lining
Shining XXXII
หากเรียนรู้ที่จะรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจกันและกัน…
.
.
แบคฮยอนตื่นนอนในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของปาร์คชานยอล…เปลือกตาสีอ่อนรู้สึกอ่อนล้า ปวดจนลืมตาแทบไม่ขึ้นเหตุเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักในเมื่อวาน
ค่อยๆยกศีรษะออกจากท่อนแขนแกร่งที่ใจดีให้เขายืมหนุนนอนแทนหมอนตลอดทั้งคืน สองมือน้อยคอยช่วยจัดเปลี่ยนท่านอนของคนตัวโตให้เป็นนอนหงายสบายๆ ไม่ต้องตะแคง พับแขนขาให้เมื่อย หรือเอาอวัยวะส่วนไหนในร่างกายมาให้เขาหนุนรองจนเลือดในร่างกายไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้นไม่ทัน
เห็นตัวเล็กๆสูงน้อยแบบนี้แบคฮยอนก็พอรู้ตัวว่าตัวเองน่ะหนักใช่ย่อย ยิ่งครึ่งปีมานี้ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในตระกูลชอง ปริมาณการกินในแต่ละมื้อของแต่ละวันยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ยังจำได้ว่าก่อนมาตัวเองยังผอมก้างเหมือนเด็กขาดสารอาหารอยู่เลย ดูตอนนี้สิ…ไม่ว่าจะจับส่วนไหนเนื้อมันก็นิ่มไปหมด ที่ชานยอลให้นอนหนุนแขนซุกหน้าอกตลอดคืนเดาได้เลยว่าตื่นขึ้นมาอีกฝ่ายจะต้องปวดเมื่อย หรือไม่ก็ตะคริวถามหาบ้างแน่ๆ
คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ จ้องคนที่ยังคงหลับสนิท หายใจสม่ำเสมอโดยไม่คิดจะปลุกเรียกเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งสัมผัสโครงหน้าหล่อเบาๆอย่างอดไม่ได้ ไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผากเนียน..สันจมูกโด่ง..แก้มสาก…ริมฝีปากอิ่ม…และปลายคางที่แบคฮยอนสัมผัสได้ถึงตอหนวดหยาบบางๆ
นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้มองใกล้ๆแบบนี้แล้วซะอีก
ก็นึกว่าจะไม่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คอยดุด่า ตักเตือน ให้ข้อคิด ปลอบประโลม และให้คำหวานมาหล่อเลี้ยงใจดวงน้อยดวงนี้…ก็นึกว่าจะไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ นึกว่าจะไม่ได้สัมผัสกลิ่นน้ำหอมทรงเสน่ห์ที่ตัวเองชอบ นึกว่าจะกลายเป็นคนแปลกหน้า เดินผ่านก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็น ได้ยินเสียงก็ต้องทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน ที่ไหนมีเค้า ที่นั่นต้องไม่มีเรา…แบคฮยอนคิดว่ามันคงกลายเป็นแบบนั้น…แบคฮยอนคิดว่าตัวเองจะไม่มีชานยอลอีกต่อไปแล้ว...
“ผมรักชานยอลนะ…” กระซิบบอกเบาๆก่อนประทับรอยจูบไว้บนแก้มสาก ไล่สายตามองรายละเอียดบนใบหน้าหล่ออีกซักพักแล้วจึงลุกออกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
เดินสำรวจภายในเพ้นเฮ้าส์ของชานยอล ไม่ได้ดูทุกซอกทุกมุม แค่กวาดตามองความเรียบหรูเหล่านั้นแบบผ่านๆ ให้พอเห็นความสวยและจดจำพื้นที่ส่วนตัวของชายหนุ่มอีกที่ได้ก็พอ
ครืด…
ประตูกระจกถูกเลื่อนออกจากกัน แบคฮยอนออกมายืนรับอาการบริสุทธิ์นอกระเบียงให้เต็มปอด สองแขนอ้าออกกว้าง ใบหน้าน่ารักเชิดขึ้นด้านบน หลับตาพริ้มพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“ว้าว...” แค่เพียงเห็นวิวจากมุมที่ตัวเองยืนอยู่ นัยน์ตาใสก็เปล่งประกายระยิบระยับ เมื่อคืนตอนขึ้นลิฟต์มากับเจ้าของห้องเขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่าตัวเองได้ขึ้นมาสูงแค่ไหน อะไรหลายๆอย่างในตอนนั้นทำให้ไม่ได้ใส่ใจถึงสิ่งแวดล้อมรอบกาย พออาบน้ำทำแผลเสร็จ ปรับความเข้าใจกันดีแล้วพวกเขาก็พากันเข้านอนทันทีเพราะมันดึกมาก อีกอย่างเหนื่อยกันมาทั้งวัน…เพิ่งเห็นนี่แหละว่านอกจากภายในจะหรูหราแล้วด้านนอกวิวยังดีอีกต่างหาก
ดวงตารีเล็กทอดมองหลังคาบ้านและตึกต่างๆด้วยรอยยิ้ม ห้องชานยอลสูงระดับที่ว่าสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆกลายเป็นเล็กกระจิดริดได้อย่างไม่น่าเชื่อ เห็นแม่น้ำคูคลองทั้งเล็กใหญ่ เห็นแม้กระทั่งภูเขาสีคล้ำจางเหมือนภาพวาด ตลอดจนถนนสายหลักที่เริ่มมีรถแน่นเนื่องจากใกล้สายเข้าไปทุกที
ตอนออกจากห้องน้ำแบคฮยอนเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงตรง ไม่ว่าคืนๆนั้นจะหลับใกล้ฟ้าสว่างแค่ไหนเขามักสะดุ้งตื่นเวลาประมาณนี้เสมอ แบคฮยอนเชื่อคำสอนของพ่อเฒ่ากับแม่ครูที่ว่าหากตื่นไวเราจะมีเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำเพิ่มขึ้น อย่างวันนี้แม้จะเป็นวันหยุดแต่การตื่นเช้าช่วยให้เขาได้เปรียบ สามารถนั่งมองหน้าชานยอลโดยที่เจ้าตัวไม่มีทางรู้ได้ตั้งนานเพราะตื่นก่อน
หนำซ้ำยังมีเวลาออกมายืนมองวิวสวยๆกับบรรยากาศเย็นสบายช่วงวันหลังฝนซาด้วย แบคฮยอนชอบอะไรแบบนี้ ชอบดูวิว ชอบอยู่กับธรรมชาติเพราะมันทำให้นึกถึงชุมชน ถึงจะให้อารมณ์ที่ต่างกันก็เถอะนะ
“ฮั๊ดชิ่ว!” จากที่คัดจมูกจนหายใจลำบากในที่สุดก็จามออกมาจนได้ สงสัยว่าตัวเองคงถูกหวัดเล่นงานเข้าให้แล้ว ไม่ต้องโทษใครที่ไหน ทั้งหมดเป็นผลพวงมาจากการกระทำไม่รู้จักคิดของตัวเองทั้งนั้น
ก็คิดได้ที่อยากหนีหน้าเค้าจนยอมวิ่งออกไปตากฝนให้ตัวเองต้องเป็นหวัด แถมยังได้แผลที่เข่ามาเป็นหลักฐานมัดตัวเพิ่มว่าดื้ออีกต่างหาก มันไม่ได้เจ็บมากแล้ว แค่ตึงๆเวลาที่ขยับตัว แต่ก็สมควรแล้วล่ะ…หาเรื่องเองจะเจ็บตัวมันก็สมควรอยู่
เหตุการณ์เมื่อวานทำให้แบคฮยอนคิดได้หลายอย่าง ได้ทบทวนความผิด ได้พิจารณาความประพฤติของตัวเอง เอาเข้าจริงแบคฮยอนเพิ่งมารู้ตัวตอนที่ได้เห็นแววตาปวดใจของชานยอล แบคฮยอนเพิ่งสำนึกได้ว่าขนาดคุณชายที่ยึดหลักการตัวเองมาตลอดอย่างนั้นยังยอมถอยให้เขาได้ เขาที่เอาแต่ดื้อไม่ยอมฟังใครทั้งยังมีความผิดติดตัวก็ควรจะทำให้ได้เหมือนกัน
เชื่อเสมอว่าทุกคนบนโลกย่อมต้องเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น แบคฮยอนเองที่เคยทำผิดบ่อยๆรู้ซึ้งดีว่าการถูกให้อภัยมันรู้สึกดีแค่ไหน…เขามันเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้โดดเด่น ไม่ได้เก่งที่สุด ไม่ได้นิสัยดีไปกว่าใครๆ ชีวิตที่ผ่านมาเคยเจอทั้งเรื่องดีและร้าย มีทั้งมิตรและศัตรู บางคนเข้ามาดั่งของขวัญที่พระเจ้าประทานลงมาให้ แต่บางคนก็เข้ามาเพื่อเป็นบทเรียนให้แบคฮยอนรู้จักระมัดระวังตัวให้มากขึ้น…และต้องยอมรับว่าชานยอลเป็นได้หลายอย่างสำหรับแบคฮยอน
เป็นคุณครูที่คอยสอน เป็นครอบครัวที่คอยดูแล เป็นกระจกสะท้อนเงาเวลาแบคฮยอนทำตัวไม่ดี เป็นอาวุธที่ใช้ลงโทษยามเมื่อทำผิด เป็นบทเรียนให้แบคฮยอนเติบโตขึ้น เป็นมิตรที่ดี และยังเป็นคนรักที่ทำให้หัวใจแบคฮยอนอบอุ่นและเต้นแรง เรียกหาแต่ผู้เป็นเจ้าของของมัน…ชานยอลเป็นเจ้าของมันไม่ต่างจากแบคฮยอน ชายหนุ่มกลายเป็นความรู้สึกครึ่งหนึ่งของเขาไปแล้ว
ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้จะดำเนินไปได้นานแค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังรักกัน ชานยอลยังต้องการเขา ยืนยันว่ามีแต่เขาคนเดียว แบคฮยอนก็ยินดีที่จะกลับไปเชื่อใจใหม่อีกครั้ง…ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันไว้แบคฮยอนก็จะพยายามลืมๆมันไป จะเชื่อหัวใจตัวเอง จะกลับไปเรียนรู้กันใหม่...กับผู้ชายคนนั้น…
ปาร์ค ชานยอล
คนที่เข้ามายึดหัวใจของเขาไปซ้ำๆ
คนตัวสูงพลิกตัวนอนตะแคง มือปัดป่ายไปทั่วที่นอน แต่เพราะพบเพียงความว่างเปล่าดวงตาโตจึงค่อยๆลืมขึ้น “หายไปไหน..” เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย
เมื่อคืนยังนอนให้กอดอยู่ดีๆทว่าตอนนี้กลับทิ้งเพียงรอยยับบนที่ว่างไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น ชานยอลลองผงกหัวขึ้นมากวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอน เมื่อมั่นใจแล้วว่าอีกคนไม่น่าจะอยู่ในนี้ก็ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปเดินตามหาคนที่หายตัวไป…พลันก็ปิดปากหาวตามไปด้วยเพราะความง่วงยังคงคั่งค้างอยู่
ชานยอลเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังขณะที่ตัวเองเดินผ่าน สำหรับเขาตอนนี้ยังถือว่าเช้ามาก ยิ่งกับคนที่เพิ่งได้เข้านอนตอนเกือบตีสี่ เจ็ดโมงกว่าๆแบบนี้ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็เรียกว่าเช้าอยู่ดี
“เด็กตื่นเช้า..” ชานยอลพูดเบาๆกับตัวเองเมื่อเดินไปพบแผ่นหลังของคนตัวเล็ก อีกฝ่ายกำลังยืนเกาะราวระเบียงด้านนอกนั่น ขยับเท้าเข้าไปใกล้ชานยอลได้ยินเสียงฮัมเพลงอย่างแสนอารมณ์ดี เขายิ้มตาม หยุดยืนอยู่บริเวณประตูเงียบๆโดยไม่ให้อีกคนรู้ตัว
สองแขนยาวยกขึ้นมากอดอก พิงขอบประตูพลางไล่สายตามองหลานคุณยายตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดนอนสีครีมบนเรือนร่างเล็กเป็นของเขาเอง และเพราะมันเป็นของเขาจึงได้ดูหลวมโคร่งอย่างกับเด็กน้อยที่ขโมยชุดนอนคุณพ่อมาใส่ กางเกงนอนขายาวลากติดพื้น บังเท้าเล็กซะจนมิด เสื้อนอนแขนยาวนั่นก็ด้วย กอมมือน้อยที่ยกขึ้นมาประกอบท่าทางการร้องเพลงจนชานยอลรู้สึกมันเขี้ยว..อยากเข้าไปฟัด
“อ้ะ...!” คนตัวเล็กเกิดอาการตกใจเมื่อคนตัวสูงเดินเข้าไปรวบตัวเขาจากด้านหลัง “ชานยอล..” หันเสี้ยวหน้ามามองพร้อมกับถูกปลายจมูกโด่งกดหนักๆลงบนแก้มนิ่มข้างนั้นเสียงดังฟอด…หน้าเขาขึ้นสีแดงระเรื่อ แสดงท่าทีเอียงอายอย่างเป็นธรรมชาติและน่ารักในสายตาคนมอง ชายหนุ่มอดไม่ได้ กดจมูกลงบนแก้มข้างเดิมซ้ำอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ
“แก้มผมช้ำหมดแล้ว”
“เพิ่งหอมสองครั้งเอง”
“…” ชานยอลหัวเราะเบาๆให้กับความเงียบของแบคฮยอน กระชับกอดเอวเล็กให้แน่นขึ้นก่อนยื่นหน้าผ่านไหล่เข้าไปถามเสียงพร่า
“ทำไมตื่นเร็ว ไม่ง่วงหรอ”
“ผ ผมชินตื่นเวลานี้” แบคฮยอนพยายามเอียงหน้าไปอีกทางเพื่อหลบริมปากอิ่มที่นอกจากจะไม่ถามอย่างเดียวแล้ว ยังเอามาจ่อชิดสันกรามของเขา ขยับพูดแต่ละคำแน่นอนว่าต้องสัมผัสโดนผิวของแบคฮยอนให้ได้ขนลุกตาม
“แล้วทำไมไม่ปลุก”
“ใครจะกล้า”
“นายทำได้”
“เดี๋ยวชานยอลหงุดหงิดอีก”
“หายไปโดยไม่บอกอะไรสิน่าหงุดหงิดกว่า” ดวงตาคมกริบจ้องไฝเหนือริมฝีปากบางของแบคฮยอน “เคยบอกแล้วนะว่าถ้านอนด้วยกันให้รอจนกว่าฉันจะตื่น แต่นายก็ไม่เคยทำเลย ทิ้งฉันไว้บนเตียงคนเดียวทุกครั้งแบบนี้ฉันควรลงโทษยังไงดี”
“เมื่อคืนยังบอกอยู่เลยว่าจะดุผมให้น้อยลง ทำไมตื่นมาแล้ว..จุ๊บ!~ ” คนถูกขโมยจุ๊บมุมปากสะดุ้ง กระทุ้งศอกใส่ท้องชานยอลเบาๆ คนตัวสูงไม่ใส่ใจ กลับหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้าระรื่นทั้งที่เพิ่งตื่นนอน
“อารมณ์ดีจริงเลยนะ”
“ที่ยืนร้องเพลงแต่เช้าไม่ได้เรียกว่าอารมณ์ดีเหมือนกันหรอ”
“อารมณ์ดี ผมชอบอากาศหลังฝนตก แล้วบนห้องชานยอลก็วิวสวยมาก”
“ถ้าชอบจะพามาบ่อยๆ”
“ปากหวานพาสาวๆมาที่นี่ทุกคนเลยรึเปล่า”
“ถ้าไม่นับคนที่บ้าน นายคือคนแรก”
“เชื่อได้แค่ไหน”
“เท่าที่ใจนายอยากจะเชื่อ”
“คิดจะตอบลองใจผมหรอ” แบคฮยอนหันมามองหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มหยั่งเชิง “ถ้าผมบอกว่าไม่ค่อยเชื่อล่ะ จะทำยังไง”
“ก็คงเสียใจมั้ง” ชานยอลยอมคลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้นตอนที่แบคฮยอนหมุนตัวหันหน้าเข้าหาเขา มองตากันอย่างมีความหมายและเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ..
“ชานยอลบอกผมเองว่าให้เราอยู่กับปัจจุบัน เพราะงั้นเมื่อก่อนชานยอลจะเคยพาใครมาหรือไม่เคยจริงๆมันก็เป็นเรื่องของเมื่อก่อน แต่นับจากนี้ต้องมีแค่ผมคนเดียวที่ได้มานะ”
“อืม..” ชายหนุ่มโน้มหน้าลงเอาหน้าผากตัวเองชนกับหน้าผากของคนตัวเล็ก หยักยิ้มบางๆให้กับถ้อยคำที่ดูมีเหตุมีผลขึ้น “ฉันไม่พาใครมาหรอก”
“ชานยอลบอกนัมจูฮยอกว่าแฟนของผมขี้หวง ผมก็อยากจะบอกชานยอลเหมือนกันว่าผมเองก็ขี้หวงนะ หวงทุกอย่างที่เป็นของตัวเอง…แฟนก็ไม่เว้นด้วย”
ริมฝีปากทั้งสองคู่เคลื่อนเข้าสัมผัสกันเบาๆ
“หวงให้เยอะๆล่ะ ฉันจะได้ไปไหนไม่รอด”
“อย่ามาว่าผมงี่เง่าก็แล้วกัน ไม่งั้นผมจะหนี”
“นายสัญญากับฉันแล้วว่าจะทำตัวมีเหตุผลให้มากขึ้น”
“แล้วถ้าเหตุผลของผมคือรักคำเดียวล่ะ”
“…”
“ถ้าผมทำอะไรงี่เง่าลงไปเพราะว่ารักชานยอล”
“ก็…แล้วไป” แบคฮยอนหลับตาแนบหน้าผากกับชานยอล มือทุบอกแกร่งด้วยรอยยิ้มที่ทั้งขำและเขินไปพร้อมๆกัน บ่นเสียงเบาว่า ‘ผมไม่เชื่อหรอก’ ดังไปถึงหูคนปากหวาน ชานยอลเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป เลือกที่จะแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆเท่านั้น
“ให้ตอบตรงๆฉันก็จะบอกว่าจะพยายามทำความเข้าใจ จะรับฟังเหตุผลของนาย นายเองก็ต้องฟังเหตุผลของฉัน เราจะเจอกันคนละครึ่งทาง”
“ผมเชื่อชานยอล เชื่อมาตลอด…และก็จะเชื่อต่อไป”
“ฉันจะพยายามทำให้เรื่องของเรามันดีที่สุด”
“ผมก็เหมือนกัน…จะพยายามทำตัวดีๆกับชานยอลนะ” แขนเล็กคล้องคอคนตัวสูงกว่า หน้าผากยังคงแนบกันไม่ห่าง ชานยอลที่ยังกอดเอวน้อยไว้หลวมๆเปลี่ยนมากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น…ทั้งสองโยกตัวกันไปมา…สายตามองกันและกันไม่คิดที่จะละไปทางอื่น ริมฝีปากผลัดจุ๊บกันเบาๆครั้งแล้วครั้งเล่า รอยยิ้มมีความสุขรับแสงของเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใส..
คนรักกันก็มีอยู่แค่นี้ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าความเชื่อใจ ความเข้าใจ…ไม่จำเป็นต้องบอกรักทุกวัน ก็แค่แสดงให้เห็นบ้าง พูดกันให้เข้าใจ พยายามให้เกียรติและรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน เท่านี้ก็เกินพอ…
เสียงท้องร้องโครกครากของแต่ละคนทำให้ชานยอลต้องพาแบคฮยอนออกไปซื้อของสดเข้าห้อง ตั้งใจว่าจะทำอาหารทานกันเอง แม้จะไม่ถนัดเรื่องเข้าครัวแต่คุณชายก็ไม่วายดึงดันอยากจะทำต่อ
วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เดินหยิบจับ เลือกซื้อสิ่งที่ตัวเองต้องการใส่รถเข็นซุปเปอร์มาเก็ตด้วยสีหน้าที่มีโอกาสพบไม่บ่อยนัก มองผ่านๆอาจเรียบเฉยเหมือนที่เคยเป็นปกติ ทว่าสายตาต่างหากที่เปลี่ยนไป…มันดูอ่อนลง ไม่ดุดันหรือแข็งกระด้าง เรื่องนี้แบคฮยอนสามารถสัมผัสมันได้
ก่อนหน้าจะมาเดินเลือกซื้อของพวกเขาทั้งคู่ได้แวะหาอะไรทานรองท้องที่ร้านกาแฟที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงกันมาก่อนแล้ว เพราะตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานยังไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเขาเลยสักอย่าง หากจะให้หิ้วท้องรอจนกว่าจะทำอาหารกันเสร็จคงไม่ไหว ถึงต้องหาอะไรเล็กๆน้อยๆทานให้ท้องพออิ่มกันไปก่อน
แบคฮยอนเลือกหยิบแต่ขนมทานเล่นจนชานยอลเผลอตีมือแล้วทำตาดุใส่ไปหลายรอบ แต่ถึงกระนั้นในรถเข็นของเขามากกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังมีขนมของแบคฮยอนอยู่ดี
ไม่ใช่ว่าไม่ให้กิน แต่ขนมขบเคี้ยวของเด็กๆชานยอลมองว่ามันไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะก็พอเข้าใจเพราะตัวเองก็มีอารมณ์อยากกินเหมือนกัน แต่แบคฮยอนไม่ใช่อย่างนั้น อีกฝ่ายกินเยอะ เห็นอันไหนน่าทานหรือตัวเองยังไม่เคยกินก็หยิบมันใส่รถเข็นหมด ไม่มีหักห้ามใจ..
ตอนเข้าร้านกาแฟก่อนหน้านี้ก็เพิ่งสั่งไอศกรีมกับเค้กให้ตัวเองกินเป็นมื้อแรกของวัน เขาสั่งนมร้อนมาให้ดื่มก็จิบไปแค่นิดเดียว ทั้งยังไอค่อกแค่กให้เห็นตั้งหลายครั้ง อยากดุก็ดุไม่ได้ เพิ่งดีกันไปไม่อยากทำอะไรให้ตัวเองต้องถูกงอนอีก
ชานยอลแวะร้านขายยาก่อนจะขับรถกลับเพ้นเฮ้าส์ ตากฝนเมื่อวานโชคดีที่ไม่มีใครป่วยหนัก แค่เป็นหวัดและไอกันนิดๆหน่อยๆ แต่ด้วยนิสัยรอบคอบ เขาต้องแวะซื้อยามาทานและดูแลตัวเองไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้มันเรื้อรังหรือเป็นกันหนักกว่าเดิม
สองมือช่วยกันหอบหิ้วถุงของสดของแห้งที่ตัวเองซื้อกันมาเข้าเพ้นเฮ้าส์ แม่บ้านคนทำความสะอาดเดินถืออุปกรณ์ทำงานบ้านออกจากห้องนอนมาเจอเขาพอดี เธอบอกคุณชายว่าได้นำชุดที่ชุ่มน้ำของทั้งคู่ลงไปซักให้แล้ว ห้องก็ทำความสะอาดให้เสร็จแล้ว และเมื่อคุณชายบอกขอบคุณเธอถึงจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ชานยอลและแบคฮยอนเข้าครัวเริ่มทำอาหารกันตามลำพังสองคน
เมนูที่คุณชายจะทำในวันนี้คือซีซ่าสลัดและสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ทั้งคู่ช่วยกันจัดเตรียมวัตถุดิบด้วยกัน แบคฮยอนมีหน้าที่ล้างผักและทำตามคำสั่งคุณชาย ส่วนพ่อครัวจำเป็นอย่างคุณชายปาร์คคนโตคอยหั่นผัก เตรียมส่วนผสม สายตาคอยเหลือบมองคู่มือทำอาหารที่กางไว้บนโต๊ะไปด้วยเพื่อความแน่ใจ
“ชานยอลทำอาหารเป็นจริงมั้ยเนี่ย”
“นานๆทำทีมันก็ต้องมีติดขัดกันบ้างสิ”
“ไอ้หนังสือเล่มนี้มันจะช่วยได้จริงเหร๊อ” คนตัวเล็กนั่งแกว่งเท้า ดูดนมกล้วยอยู่บนเคาน์เตอร์พูดแซวคุณชายที่ยืนคนซอสคาโบนาร่าในหม้ออย่างเก้ๆกังๆ ไอ่ตอนหั่นผักก็ดูเข้าท่าดีอยู่หรอก พอเริ่มลงมือทำจริงๆเท่านั้นแหละ…รู้เรื่อง
เคยเป็นลูกมือช่วยผู้ใหญ่ทำอาหารมาก็มาก แต่แบคฮยอนยังไม่เคยเห็นใครต้องพึ่งตำราทุกสเต็ปการทำอย่างคุณชายของคุณลุงพ่อบ้านเลยซักกะคน
แต่พูดก็พูดเถอะ เวลาคุณชายเค้าตั้งใจทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัดมันก็น่ารักไปอีกแบบ หัวคิ้วแทบชนกัน ข้องใจกับการปรุงส่วนผสมของตัวเองจนบางครั้งต้องเอานิ้วเคาะปลายคางสากนั้น มือหนึ่งจับไม้พายทำอาหาร อีกมือจับหนังสือ คงกะจะปรุงให้เป๊ะแบบไม่ผิดไปจากที่เค้าเขียนสูตรไว้เลยสิท่า
“คุณท่านบอกว่าการทำอาหารอร่อยมันคือพรสวรรค์ กะน้ำหนักมือปรุงตามที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องพึ่งตำราเพราะบางทีต่อให้ทำเหมือน เราก็ทำไม่ได้รสชาติเท่าเค้า”
“คำพูดพวกนั้นมันเหมาะสำหรับคนที่ทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว”
“แสดงว่าชานยอลทำไม่อร่อยสินะ คิกๆ”
“ไม่อร่อยยังไงนายก็ต้องกิน”
“ถ้าผมท้องเสียขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”
“ไม่มีทาง ฉันทำสะอาดขนาดนี้”
“แต่ผมเห็นชานยอลปรุงแล้วปรุงอีก ดูไม่ปลอดภัยเลยบอกตรงๆ” ชานยอลหันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งแลบลิ้นปริ้นตาทะเล้น เขาทำท่าจะเอาไม้พายเคาะหน้าผากมนแต่ก็เป็นแค่การขู่เท่านั้น ไม่ได้ทำจริงๆ
“ถึงจะทำไม่อร่อยแต่นายก็ควรจะรู้เอาไว้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอะไรแบบนี้ให้คนอื่น” แบคฮยอนทำปากยื่นแล้วแสร้งเสตามองทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ใจกำลังเต้นแรงเพราะคำพูดของชานยอล แก้มน้อยขึ้นสีนิดๆ น่าแกล้งซะจนชานยอลอดใจไม่ไหว เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะคร่อมคนตัวเล็กไว้ด้วยสองแขนของตัวเอง
“เห็นหรือยังว่าฉันจริงจังกับนายแค่ไหน” อยากแซวคนอื่นดีนัก ทั้งที่ตัวเองก็ทำเป็นอยู่แค่ช่วยล้างผัก เตรียมนั่นนิดนี่หน่อยก็ยังมาล้อคนอื่นให้เสียเซลฟ์…จะเอาคืนให้ไปไม่เป็นเลยคอยดู
“อีกนิดก็จะให้พ่อแม่ไปขอกับคุณยายแล้ว”
“ช ชานยอลไม่กล้าทำหรอก”
“แล้วถ้าฉันกล้าล่ะ”
“…”
“ถ้าผู้ใหญ่รู้ว่าเรามีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว คงไม่ปล่อยให้เรื่องมันอยู่เฉยๆโดยไม่ให้ฉันรับผิดชอบอะไร”
“บอกว่าอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดไง”
“ก็เราได้กันแล้วจริงๆนี่ หลานคุณยาย”
“ชานยอล!” แบคฮยอนหมายจะฟาดมือ ตีคนที่ชอบพูดจาให้เขาไปไม่เป็น หากแต่ชานยอลกลับตะครุบมันไว้ได้อย่างรู้ทัน หนำซ้ำยังก้มลงมาจูบมือเขาให้อายเพิ่มอีกต่างหาก
“ฉันจริงจังกับเรื่องของเรานะ”
“…”
“ฮึ” ชานยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าเล็กที่หันหนีไปอีกทาง ไม่ยอมมองสบตาเขา กะพริบตาถี่ทั้งยังขมุบขมิบปากบ่น…ก็น่ารักน่ามันเขี้ยวแบบนี้ไงชานยอลถึงอยากแกล้งบ่อยๆ
“ฉันพูดด้วยไม่ได้ยินหรอ”
“ได้ยินแล้วน่า...”
“แฟนนายหล่อขนาดนี้ ควรจะหันมามองหน้าเขาบ้าง” แบคฮยอนกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ มือน้อยข้างที่ถูกชานยอลกุมแน่นดิ้นไปมาเพราะความเขิน ก่อนจะได้ขนลุกซู่เมื่อถูกริมฝีปากเย็นกดจูบลงมาบนซอกคอ…
“ถ้ายังไม่ยอมหันมาอีก ฉันจะดูดมันให้เป็นรอย” คำขู่ได้ผลดีเกินคาด แบคฮยอนรีบหันกลับมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ชานยอลเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ถูกแบคฮยอนโหม่งหน้าผากใส่เพื่อเป็นการเอาคืน หากสุดท้ายก็จบลงด้วยการเกลี่ยจมูกกันเล่น
“นายจะกลัวแฟนตัวเองในเวลาแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะแบคฮยอน...”
“ก็มัน…ยังไม่ชิน”
“ย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันอีกไหมล่ะจะได้ชิน”
“ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากเขินทุกวัน”
“ฮ่ะๆ”
“…” คนตัวเล็กเริ่มนั่งตัวเกร็งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าริมฝีปากอิ่มใกล้เข้ามากว่าเดิม ร่างกายโอนอ่อนยอมโดยอัตโนมัติ เอียงคอปรับองศาหน้าให้ชานยอลช้าๆ ปากกำลังจะประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว…ติดแค่แบคฮยอนจมูกไว ได้กลิ่นเหม็นของอะไรบางอย่างเข้าก่อน
“เดี๋ยวชานยอล” สองมือน้อยดันไหล่คนตัวสูงออกพลางทำจมูกฟุดฟิด “ผมว่าผมได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ” ทั้งคู่สบตากัน ก่อนจะค่อยๆเหลียวไปมองหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา ควันสีเทากำลังลอยโขมง ชัดเจนว่า…
“คาโบนาร่าไหม้แล้ว!!!”
“เวรเอ้ย..”
“อะ…อ้าม~” มือน้อยจิ้มแซนวิชป้อนให้คนที่กำลังนั่งหน้าบูดอยู่ข้างๆ ไม่ยอมอ้าปาก ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เอาแต่นั่งกอดอก ผูกคิ้วเป็นปมเหมือนเด็กโข่งไม่มีผิด
“ชานยอลจ๋า..อ้าปากให้แบคฮยอนป้อนหน่อย”
“ไม่ต้องมาพูดดี”
“โธ่…ผมไม่แซวแล้วน่า” ถึงจะพูดให้ตายใจแบบนั้น แต่ริมฝีปากบางยังคงกลั้นยิ้มขำอย่างปิดไม่มิด ชานยอลเห็นแล้วพ่นลมหายใจใส่ “อุตส่าห์ทำทั้งทีกินหน่อยนา…อร่อยนะ” กะพริบตาปริบๆ พยายามพูดเอาใจ
“เร็ว”
“เดี๋ยวหิวฉันก็กินของฉันเองไม่ต้องมาป้อน”
“ไม่งอนผมสิ จะเป็นเด็กตัวโข่งหรอ” ชานยอลถลึงตาคาดโทษแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เสียงลมหายใจหนักๆทำแบคฮยอนแอบหวั่นใจ…เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้โกรธกันจริงจัง แค่อยากแหย่เล่นเพราะรักก็เท่านั้น แต่ดูท่าแล้วอีกคนคงจะไม่ได้เล่นด้วยเท่าไหร่
“ก็เหมือนตอนที่นายทำขวดแก้วให้ฉัน ถ้าถูกมองว่าเป็นเรื่องตลกจะรู้สึกยังไงก็คิดเอา”
“งื้ออ อย่าจริงจังซี่” ว่าพลางกระเถิบตัวเข้าไปเอาหน้าถูไถลงกับกล้ามแขนใหญ่ๆ “ไม่ล้อแล้วไง…” แกล้งทับถมเรื่องที่ทำซอสไหม้แค่นี้งอนตุ๊บป่องเป็นเด็กไปได้
แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลตั้งใจทำให้ทาน แต่มันอดไม่ได้…ชานยอลเข้ามาคลอเคลียแกล้งให้เขาเขินจนทำอาหารไหม้ อดกินเมนูนั้นไปโดยปริยายและต้องเปลี่ยนมาทำแซนวิชทูน่ากินกันแทนเพราะมีวัตถุดิบอยู่
จริงๆรสชาติมันอร่อยใช้ได้เลยล่ะ ซีซ่าสลัดก็โอเค แต่เพราะแบคฮยอนดันปากเสียล้อเลียนเรื่องอาหารไหม้ใส่คุณชายไม่หยุด และยังแกล้งบอกว่าแซนวิชกับสลัดรสชาติพอกลืนได้ คนมาดเยอะอย่างคุณชายเค้าเลยหน้าบึ้งตึงไม่ยอมหายงอนอย่างที่เห็น
แต่ไม่รู้ว่างอนจริงๆหรือแค่อยากแกล้งให้แบคฮยอนตามง้อกันแน่ เพราะแม้จะทำหน้างอนไม่ยอมคุยกันดีๆ คุณชายของคุณลุงพ่อบ้านก็ยังยอมตามใจ พอแบคฮยอนบอกว่าอยากไปนั่งทานใกล้ๆสระว่ายน้ำ ชานยอลก็ยอมพามาจริงๆ นั่งจุ่มขาลงไปโดยมีแซนวิช ซีซ่าสลัดและน้ำผลไม้ที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตใส่แก้ววางอยู่ใกล้ๆ
“ชานยอลจ๋า…”
“ไม่ต้องมาเอาใจ”
“อย่าแกล้งผมนักสิ ผมรู้ว่าชานยอลไม่ได้งอนจริงๆหรอก”
“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
“ผมมั่นใจในแฟนของผม ทั้งหล่อทั้งใจดี จะงอนกันนานได้ยังไงเป็นไปไม่ด๊าย” แบคฮยอนเห็นแก้มชานยอลยกขึ้น มั่นใจมากๆว่าอีกคนกำลังแอบยิ้มอยู่…จิ้มแซนวิชที่ชานยอลหั่นเป็นชิ้นกำลังดีเข้าปาก ไม่ได้กัดกินเองแต่อย่างใด แบคฮยอนแค่คาบมุมแหลมๆของมันไว้ในปากเฉยๆ ก่อนสะกิดไหล่เรียกคนตัวโต
“อานออน...(ชานยอล)” เห็นว่ายังไม่หันมามือน้อยก็สะกิดให้แรงขึ้น “อานออนนนน” เจ้าของชื่อยอมหันกลับมาหาเสียงอู้อี้ในลำคอของเขาในที่สุด
“ทำอะไร”
ถามตอนที่แบคฮยอนคาบแซนวิชมาจ่อชิดริมฝีปากของเขา
“อ้อน (ป้อน)” คนตัวเล็กออกท่าทางทำทั้งภาษากายและภาษาสายตา ส่งเสียงอู้อี้ไปด้วยว่าจะป้อนแซนวิชด้วยปากของตัวเองให้ ชายหนุ่มแอบชะงักมองหน้าเขาอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะยอมก้มหน้าลงมากัดแซนวิชช้าๆ
“ห้ามถอยออกไปจนกว่าฉันจะกินเสร็จ” บอกเสียงพร่าแล้วค่อยๆไล่เล็มแซนวิชอย่างอ้อยอิ่ง สายตาหวานล้ำประสานมองกับคนตัวเล็กลึกซึ้งมีความหมาย…สร้างความปั่นป่วนให้หัวใจดวงน้อยของแบคฮยอนได้มากเหลือเกิน
พลาดแล้ว…
นั่นคือสิ่งที่ชานยอลคิดต่อหลานคุณยาย และหลานคุณยายก็คิดแบบนั้นกับตัวเองเหมือนกัน…แบคฮยอนรู้สึกว่าพลาดมากที่อยากเอาใจอีกฝ่ายจนลืมคิดไปว่ามันอันตรายต่อตัวเองแค่ไหน โดยเฉพาะแววตาคมกริบคู่นั้น…
แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนที่ปากของชานยอลค่อยๆละเมียดละไมชิมเนื้อขนมปังขาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ…อีกฝ่ายดูจงใจทำทุกอย่างให้เชื่องช้าราวกับต้องการจะแกล้งให้แบคฮยอนปั่นป่วนเล่น…ซึ่งมันได้ผล…แบคฮยอนตอนนี้ถูกแช่แข็งไปแล้ว นั่งคาบแซนวิชไว้นิ่งๆไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิด
“อือ..”
เปลือกตาสีอ่อนปิดลงช้าๆตอนที่เรียวปากคู่นั้นเดินทางมาถึง…ลิ้นชื้นกำลังชิมรสซอสมายองเนสซึ่งเลอะอยู่บนมุมปากของแบคฮยอน ทั้งยังสอดเข้ามายึดขนมปังชิ้นเล็กที่เหลืออยู่ในปากคนตัวจ้อยไปแบบที่คนถูกจู่โจมไม่สามารถต่อกรอะไรได้
“อืม~”
เสียงทุ้มครางพึงพอใจอยู่ในลำคอ แบคฮยอนกำลังจูบตอบพร้อมกับวาดวงแขนขึ้นมาโอบกอดรอบคอเขาไว้อย่างเผลอไผล…คนตัวเล็กปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นไปตามธรรมชาติ พยายามไม่ฝืนไม่เกร็ง เพราะรู้ดีแก่ใจว่าชานยอลไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการเขา เขาเองก็ต้องการปาร์ค ชานยอลไม่ต่างกัน…
นิ้วเรียวสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีดำ เอนตัวไปด้านหลังเพราะอารมณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆของชายหนุ่มส่งแรงมามากจนคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างเขาต้านทานน้ำหนักกายนั้นไว้ไม่ไหว เอนลงไปจนเกือบเป็นท่านอนราบ ติดที่ว่าคล้องคออีกคนไว้เป็นหลักยึด…หลังถึงยังไม่ติดพื้น
“อืมม..” มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อยืดของแบคฮยอน ลูบไล้บีบคลึงไปทั่วหน้าท้องและค่อยๆไล่ไปด้านหลัง...เสียวซ่านจนขนแบคฮยอนลุกชัน ดึงขาขึ้นมาจากสระน้ำ แต่ทำได้เพียงแค่ข้างเดียวเท่านั้นเพราะว่า...
ตุ้มมม!~
เท้าลื่นขอบสระจนตัวไถลตามลงไป..แขนที่คล้องคอชายหนุ่มไว้แน่นเผลอรั้งให้ตกลงไปในน้ำด้วยกัน…
CUT
(bio twitter)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5,099 ความคิดเห็น
-
#5011 Blu_parkchan1 (จากตอนที่ 34)วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 / 10:02เขินนนนนนน#5,0110
-
#4976 IPINOCKIO (จากตอนที่ 34)วันที่ 4 ตุลาคม 2562 / 19:43แหมมมมมมมมม พอเข้าใจกันก็มาเข้าจังหวะต่อเลยน้าาาา ร้ายกาจจจ เดี๋ยวนี้เด็กมันรู้งาน มียกสะพงสะโพกช่วย เขินๆๆๆๆๆๆ#4,9760
-
#4857 bang-SP28 (จากตอนที่ 34)วันที่ 23 กันยายน 2561 / 09:45หลายรอบเรยนะคุณปาร์ค:))))#4,8570
-
#4755 KAMSNW (จากตอนที่ 34)วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 / 12:50โอ้โห อยากจะแหมมมมยาวไปดาวอังคาร 5555#4,7550
-
#4646 nsjcbw. (จากตอนที่ 34)วันที่ 11 เมษายน 2561 / 15:22จ้าาาาาาาา คิคิ#4,6460
-
#4615 pparkminhoo (จากตอนที่ 34)วันที่ 9 เมษายน 2561 / 22:28แหมๆๆๆๆ#4,6150
-
#4558 CHANBAEK 4ever (จากตอนที่ 34)วันที่ 31 มีนาคม 2561 / 07:24ฮิ้ววววววว#4,5580
-
#4317 Mind PM (จากตอนที่ 34)วันที่ 8 มกราคม 2561 / 23:52แซ็ววววววววววว#4,3170
-
#4316 arysn_ (จากตอนที่ 34)วันที่ 8 มกราคม 2561 / 23:47กรี้ดดดดดดด555 ระวังสำลักน้ำนะคะ คิคิ#4,3160
-
#4274 11507416p (จากตอนที่ 34)วันที่ 11 ธันวาคม 2560 / 13:24แหมมมมมมม จ้าาาา#4,2740
-
#4196 pcy921 (จากตอนที่ 34)วันที่ 23 กรกฎาคม 2560 / 17:32แหมมมมม จะได้กินต่อไหมหนอแซนวิช#4,1960
-
#4131 เบนเบน24 (จากตอนที่ 34)วันที่ 15 มิถุนายน 2560 / 17:38งุ้ยยยยยย เขินจ้ะ คุณชายเขาแซ่บจริงไรจริง เห็นนิ่งๆนะเนี้ย 555555#4,1310
-
#4103 pim pimmi (จากตอนที่ 34)วันที่ 28 เมษายน 2560 / 12:40งื้อออออออ#4,1030
-
#3989 Melinoa (จากตอนที่ 34)วันที่ 30 มกราคม 2560 / 11:26สามยก เหนื่อยมั้ยชานยอล มื้อถัดไปไข่ลวกเลย ไม่ต้องหรอก แซนวิชน่ะ#3,9890
-
#3969 Chopoom94 (จากตอนที่ 34)วันที่ 26 มกราคม 2560 / 19:41กรี๊ดดดดดด อกอีแป้นจะแตก แล้ว แล้วก็... ฮืออออออออออ วาป วาป วาป#3,9690
-
#3900 คุณนู๋โบว์ จอมซ่า (จากตอนที่ 34)วันที่ 9 มกราคม 2560 / 01:30เขินนนร#3,9000
-
#3849 KyuMin_Pumpkin (จากตอนที่ 34)วันที่ 12 ธันวาคม 2559 / 11:34เงิ้ลลล เขินนนน~ มีความทรงจำดีๆในสถานที่แห่งใหม่อีกแล้ว คึคึ#3,8490
-
#3781 ONPCY. (จากตอนที่ 34)วันที่ 24 กันยายน 2559 / 08:58หรู่เรื่องงง!!! เป็นไงดีกันแล้วก็ฟินกันไปยาวๆเลยนะยะ รู้สึกไงบ้างล่ะไม่ต้องมีเยื่อบางๆมาขวางกั้นน่ะ 5555555 หมั่นไส้ ชอบช่วงบรรยายตอนที่ชานแบคเอาหน้าผากชนกันผลัดกันจุ้บปากอ่ะ งื้อออออ ต้องกัดผ้าห่มจนยับยู่ยี่เลยรู้เป่าาาา#3,7810
-
#3725 XMCB_BB (จากตอนที่ 34)วันที่ 12 สิงหาคม 2559 / 18:09กรี๊ดดดดดด พอดีกันนี่ก็....กันเลยอะ 55555#3,7250
-
#3641 hunhun (จากตอนที่ 34)วันที่ 16 กรกฎาคม 2559 / 14:50ทำดีมากกกกค่ะ แหม่ดีกันเเล้วต้องทำขนาดนี้เลยเหรอคะะะะะะ#3,6410
-
#3592 bouiii (จากตอนที่ 34)วันที่ 30 มิถุนายน 2559 / 14:56แบคขาเจ็บอยู่นะ เบาๆหน่อย ละมุนมาก อยากเป็นแบคเลย รักกันมากเลยนะ#3,5920
-
#3533 joylnr (จากตอนที่ 34)วันที่ 26 มิถุนายน 2559 / 10:36อ๊ากกกกกกกกกกกก เขินมากกกกกกกก หวานมากกกกกกกก ดีต่อใจจริงๆ งื้ออออออออ#3,5330
-
#3482 NamPSBBH (จากตอนที่ 34)วันที่ 14 มิถุนายน 2559 / 22:46อื้อหือ หวานมาก คนอ่านนี่เขินจนจิกหมอนขาดไปหลายใบล่ะ#3,4820
-
#3197 exoddream (จากตอนที่ 34)วันที่ 28 พฤษภาคม 2559 / 19:23เราล่ะเขินแทนแบคฮยอนจริงๆT/////T#3,1970
-
#3194 baekhyunee (จากตอนที่ 34)วันที่ 28 พฤษภาคม 2559 / 14:55คุณชายยยยยยยยยย พอได้นี่เอาใหญ่เลยน้าาาาาา หมดคำจะพูดเลย 55555555 ไหนคือคุณชายผู้น่าเกรงขาม ตอนนี้มีแต่คุณชายจอมหื่นแล้ว 55555555 ถ้าจงอินรู้ต้องโดนล้อแน่ๆ คุณชายลามก .อิโมเขิน#3,1940