ตอนที่ 32 : Shining XXX :: admonition
Shining XXX
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ราวๆ 1 ชั่วโมง
นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจชั้นปีที่สามเลิกคลาสในรายวิชาหนึ่งไวกว่ากำหนด หากแต่ทุกคนยังต้องรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโปรเจคกลุ่มให้กับอาจารย์ผู้สอนต่อ โดยกลุ่มของปาร์คชานยอลได้คิวลำดับต้นๆจึงใช้เวลาในการรอและคุยกับอาจารย์ไม่มาก
เป็นเวลาก่อนเที่ยงที่ชายหนุ่มเสร็จสิ้นกิจกรรมการเรียนของวันนี้ ทว่าหลังจากนั้นเขายังต้องไปรับหน้าที่ของการเป็นประธานชมรมที่ดีต่ออีก
ชานยอลมีนัดกับสัตวแพทย์และสมาชิกชมรมขี่ม้าโปโลบางส่วน อันที่จริงการตรวจสุขภาพม้าต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว แค่วันนี้มีความพิเศษตรงที่จะมีการช่วยกันทำความสะอาดคอก อาบน้ำและดูแลม้าตัวโปรดโดยสมาชิกที่ไม่ติดภารกิจใดๆ ตามกฎของชมรมที่ว่าสมาชิกทุกคนต้องทำกิจกรรมนี้ร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกๆเดือน แม้ว่าหน้าที่ดูแลม้าหลักๆจะเป็นของเหล่าคนงานกับเจ้าหน้าที่ที่จ้างเข้ามาดูแลก็ตาม
ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบม้าคู่กายของตัวเอง แต่ประธานชมรมอย่างชานยอลจำเป็นต้องดูแลให้ทั่วถึง เดินตรวจตราความเรียบร้อย เข้าไปทำความคุ้นชิน ทักทายพูดคุยกับเจ้าของม้าและม้าทีละตัว ก่อนจะมาหยุดที่ม้าตัวโปรดของตัวเอง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่สัตวแพทย์ได้ตรวจสุขภาพให้มันเสร็จพอดี
พ้นหลังคุณหมอ หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่คุ้นเคยกันดีก็เดินสวนเข้ามาแทน เธอมาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีโลโก้เป็นนางเงือกสีเขียวสะดุดตา “อ่ะ...” พลางยื่นมันให้กับชานยอล
“เห็นได้คุยโปรเจคกับอาจารย์กลุ่มแรกคิดว่ากลับบ้านไปแล้วซะอีก”
“ก็ว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน แต่เจอคิมจงอินที่สตาร์บัค หมอนั่นบอกชานยอลมาทำงานที่ชมรมทั้งที่ยังไม่ได้ทานอะไร เลยอยากซื้อมาให้”
“ขอบคุณนะ ยังรู้ใจเหมือนเดิม” ชานยอลรับถุงกระดาษจากหญิงสาวแล้วนำมันไปวางไว้บนม้านั่งใกล้ๆ ก่อนจะกลับมายืนป้อนหญ้าให้ม้าตัวเองต่อ
“ไม่ทานหน่อยหรอ”
“ยังไม่ค่อยหิว”
“ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ระวังโรคกระเพาะจะถามหาล่ะ” ซอรินก้าวเข้าไปลูบตัวม้าเบาๆ พลางหันไปมองหน้าปาร์คชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าคล้ายกับมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่กล้า ชานยอลที่เป็นคนหัวไว อ่านใจคนเก่งเห็นแล้วอมยิ้ม
“เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนขี้กลัวไปแล้วหรอ มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”
“เรื่องคราวก่อน…ชานยอลหายโกรธซอรินหรือยัง”
“เรื่องคราวก่อน?”
“ก็ที่…ซอรินเกือบขับรถชนเด็กคนนั้น” ชานยอลชะงักมือจากการป้อนอาหารม้าครู่หนึ่ง ก่อนจะไหวไหล่แล้วทำตัวปกติตามเดิม “ขอพูดตรงๆเลยนะ ซอรินไม่สบายใจ แล้วก็ไม่อยากให้ชานยอลมองซอรินด้วยความรู้สึกติดลบ วันนั้นไม่ได้ตั้งใจให้ถึงตายเลยจริงๆ มัน..”
“ซอรินเคยไปขอโทษแบคฮยอนหรือยัง”
“…”
“ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลอะไรซอรินก็ผิดอยู่ดีที่เล่นสนุกกับความเป็นความตายของคนอื่น ผมไม่ชอบ”
“…”
“แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว และซอรินคงรู้สึกผิดกับมันอยู่ตลอดถูกไหม” หญิงสาวเม้มปากยามเมื่อดวงตาคู่คมจ้องมา “ผมเชื่อว่าความรู้สึกผิดมันเป็นการลงโทษคนเราให้สำนึกตัวเองได้ดียิ่งกว่าวิธีไหนๆ จะถือว่าซอรินได้รับบทเรียนไปแล้วก็แล้วกัน แต่ขอร้องว่าอย่าทำอีก”
“หมายความว่าชานยอลยกโทษให้ซอรินแล้วใช่มั้ย”
“อืม”
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง
”จริงๆถ้าซอรินลองเปลี่ยนจากการพยายามทำให้ผมรู้สึกดี ไปเป็นขอโทษหรือทำอะไรก็ได้ให้แบคฮยอนเลิกมองซอรินในแง่ลบบ้าง ผมคงยินดีกว่านี้”
“ชานยอลดูแคร์เด็กคนนั้นมาก” ชานยอลยิ้มเบาบางจนเหมือนกับไม่ได้ยิ้ม แต่คนที่โตมาด้วยกัน เคยคลุกคลีกันตลอดแม้ว่าช่วงหลังๆจะห่างเหินกันไปจนน่าใจหาย ชองซอรินก็ดูรู้ว่าตอนนี้อีกคนไม่เหมือนเดิมแล้ว พักหลังชานยอลดูมีความสุขขึ้น อารมณ์ดี แล้วก็ผ่อนคลายมากกว่าแต่ก่อน
“ที่จริงก็ว่าจะถามหลายทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส” ทุกวันนี้ชานยอลไปไหนหรือทำอะไรกับใครเธอรู้มาจากคิมจงอินทั้งนั้น เรียนด้วยกันก็เหมือนไม่ได้เรียน เดินสวนกันเหมือนคนแปลกหน้า…การถูกปาร์คชานยอลสลัดออกจากวงโคจรชีวิตไม่ใช่เรื่องดีเลยซักนิด
“ตอนนี้ชานยอลคบอยู่กับเด็กคนนั้นหรอ”
“อืม”
“ว่าแล้วเชียว”
“ซอรินบอกเรื่องของเรากับคุณยายแล้วหรือยัง”
“ไม่ได้ตั้งใจจะบอกแต่คุยยายถามก็เลยบอกไปหมดแล้วล่ะ”
“งั้นหรอ”
“ชานยอลล่ะ บอกพ่อแม่หรือยัง” ชานยอลส่ายหน้า “ถึงไม่บอกผู้ใหญ่ท่านคงคุยกันแล้ว”
“ก็คิดงั้น” ที่บ้านไม่มีใครถามถึงซอรินมาซักพักแล้ว เขาเองก็ยังหาจังหวะบอกใครไม่ได้เพราะทุกคนยังยุ่งๆเหมือนเดิม และอีกอย่างเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่ากังวลใดๆ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกเมื่อนั้น
“ยินดีด้วยนะชานยอล”
“เรื่องอะไร”
“ที่ได้เจอคนที่ตัวเองชอบจริงๆแล้วน่ะ ถึงจะไม่ชอบเด็กคนนั้นเลยก็เถอะ..ซอรินยังอยากพูดคำว่ายินดีกับชานยอลอยู่ดี” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเล็กของหญิงสาวเบาๆ
“แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยเรื่องแอลวันก่อนด้วย”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณก็ได้” ชานยอลยิ้ม “ยังไงเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน อะไรที่ช่วยได้ผมยินดีจะช่วยเหมือนเดิม เคยบอกแล้วนี่ว่าต่อให้สถานะเราจะเปลี่ยนไปแต่ความเป็นเพื่อนเรายังอยู่ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องถือว่ามันเป็นบุญคุณอะไรด้วย”
“ขอกอดหน่อยสิ”
“ถ้าไม่รังเกียจที่ผมเพิ่งกอดม้าพวกนี้มาก่อนหน้าล่ะก็นะ..” ชายหนุ่มกางแขนออกด้วยใบหน้าขำขัน หญิงสาวส่ายหัวว่าไม่รังเกียจแล้วเดินเข้าไปสวมกอดเขาทันที
“ขอบคุณที่ยังให้ซอรินเป็นเพื่อนต่อ”
“ขอบคุณที่อยากเป็นเพื่อนผมอยู่เหมือนกัน”
“การมีชานยอลอยู่ข้างๆไม่ว่าด้วยสถานะอะไรมันก็วิเศษ และสำหรับเรา..สถานะเพื่อนมันน่าจะไปกันได้ด้วยดี”
“อืม มันต้องดีอยู่แล้ว”
“ซอรินรักชานยอลนะ”
ปาร์คชานยอลยืนลูบหน้าตัวเองพร้อมสูดลมหายใจเข้าอย่างคนที่กำลังพยายามอดกลั้น เขาอยากระบายอารมณ์กับอะไรซักอย่าง ถ้ามีอะไรอยู่ในมือตอนนี้รับรองเลยว่าคงได้บีบจนมันแหลกคามือไปแล้ว
รู้สึกแย่…ที่แบคฮยอนไม่ยอมฟังอะไรเลย
ผิดหวัง…ที่ไม่ว่าทำดีให้ไปเท่าไหร่แบคฮยอนก็ไม่เคยมองเจตนาของเขาถูก แบคฮยอนไม่เชื่อใจ เอาแต่ตัดพ้อ คิดเล็กคิดน้อยทั้งที่เขาพยายามประคับประคองให้ทุกอย่างมันดี พยายามใจเย็น พยายามเรียนรู้ พยายามเข้าใจแล้วใช้เหตุผลมาโดยตลอด แต่มันคงดีไม่พอสำหรับอีกฝ่าย
เมื่อวานก็เพิ่งทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ มาวันนี้แบคฮยอนทำมันอีกแล้ว หนำซ้ำยังไปกับคนที่เขาห้ามนักห้ามหนาต่อหน้าต่อตาอีก...ไม่ไว้หน้ากันเลย แบคฮยอนไม่นึกถึงใจเขาเลย!
“ชานยอล…โอเคหรือเปล่า” ชองซอรินคงเป็นคนเดียวที่กล้าเข้าใกล้ชานยอลในตอนนี้ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าชมรมโดยไม่ยอมขยับไปไหน สายตาจ้องมองพื้นถนนที่ก่อนหน้านี้เคยมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ แต่ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว หายไปพร้อมกับคนที่เขารักและคนที่เขาชัง
“เด็กคนนั้นไม่น่าไปกับหมอนั่นเลยนะ”
“เด็กไม่รู้จักโตก็คิดได้เท่านี้แหละ” ชานยอลกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดชัดขึ้นมาบนมือและแขนทั้งสองข้าง “ไม่เจอกับตัวคงไม่รู้สึก”
“คงโกรธเรื่องที่เห็นเรากอดกัน”
“ถ้ามีสติแล้วหัดฟังเหตุผลของคนอื่นบ้างเรื่องมันจะไม่จบแบบนี้”
“ชานยอลก็กำลังจะสติหลุดแล้วเหมือนกัน เย็นลงหน่อยดีกว่ามั้ย” มือเรียวช่วยลูบแผ่นหลังกว้างช้าๆ ตอนนี้ชานยอลหายใจจังหวะหนักมาก รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายโมโหหรือไม่พอใจมากๆจะเป็นแบบนี้ แต่เธอไม่เคยรู้และไม่เคยเห็นมาก่อนว่าชานยอลจะมีอาการตาแดงๆทั้งสั่นระริกในตอนที่กำลังโกรธใครแบบนี้ด้วย
“เป็นห่วงมากเลยสินะ”
“เค้ายังไม่ห่วงตัวเองเลยแล้วทำไมผมต้องห่วง!”
“อย่าประชดเป็นเด็กๆไปอีกคนสิ ถ้าเป็นจงอินหมอนั่นจะพูดว่าไงนะ ต้องบอกว่าตอนนี้มีคำว่า ‘เป็นห่วงเขา’ ติดอยู่กลางหน้าผากชานยอลตัวเบ้อเริ่มเลยแหงๆ”
“…”
“อย่าว่าแต่เด็กคนนั้นไม่มีสติฟังเลย ถ้าเมื่อกี้ชานยอลตอบว่าจริงๆแล้วเลือกใครเรื่องมันอาจจะจบลงด้วยดีแล้วเหมือนกัน”
“มันไม่ใช่สิ่งที่สมควรต้องเลือกเลยซอริน”
“ถ้าเป็นซอริน ถามขนาดนั้นแล้วแฟนไม่ยอมเลือกตัวเองซอรินก็ไม่ทนอยู่ต่อเหมือนกัน ชานยอลก็ชานยอลเถอะ หาใหม่เอาคนที่เค้าชัดเจนกับเราไม่ดีกว่าหรอ”
“นี่เธออยู่ข้างเด็กคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่า มันเพราะซอรินรู้นิสัยชานยอลดีต่างหาก ต่อให้ผิดยังไงก็ไม่มีทางยอมรับหรือเข้ามาง้อก่อนหรอก”
“เธอก็พอกันนั่นแหละ”
“ก็ใช่ แต่เราสองคนไม่ได้รักกันแบบนั้น ไม่ง้อก็ไม่ง้อสิ ใครสนล่ะจริงมั้ย”
“ก็เพิ่งเข้ามาง้อผมเมื่อกี้ไม่ใช่หรือไงกัน” เพียะ! ซอรินฟาดแขนชานยอลด้วยแรงไม่เบาเลย “เจ็บนะ เดี๋ยวนี้กล้าทำร้ายผมแล้วหรอ”
“ตอนคบกันไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วก็ขอทีเถอะ หมั่นไส้” ซอรินตีไหล่ชานยอลอีกที “พูดจริงนะ ซอรินไม่ชอบนิสัยเด็กคนนั้นแต่ให้ตายเถอะ..ไม่ชอบที่ตัวเองกลายเป็นตัวปัญหาของใครเลย”
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น”
“ช่างเถอะ เด็กคนนั้นแค่ยังไม่รู้จักเราดีพอ ที่ผ่านมาเราคงทำตัวไม่ชัดเจนเองด้วย แต่ถ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าสิ่งที่ชานยอลทำให้ ไม่เคยทำกับซอรินเลยคงไม่นึกน้อยใจแน่”
“ยังไง จะบอกว่าผมลำเอียงหรอ”
“ชานยอลไม่เคยวิ่งตามมาง้อซอรินเหมือนที่ง้อเด็กคนนั้น ทะเลาะกันทุกครั้งเราต่างก็ให้เรื่องมันผ่านไปเอง ไม่ทำอะไรเหมือนอย่างที่ชานยอลทำเมื่อกี้หรอก”
“…”
“ไม่เคยปล่อยผ่านเรื่องเด็กคนนั้นเลยใช่ไหมล่ะ เป็นชานยอลคนใหม่ที่แม้แต่เพื่อนๆก็แทบไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อนเลยใช่ไหม”
“ไม่ขนาดนั้น”
“จริงหรอ” ริมฝีปากบางสวยมีรอยยิ้มเล็กๆให้กับคนปากหนัก “การได้เห็นคนอย่างชานยอลวิ่งตามหลังเด็กกะโปโลไปโดยที่ไม่ห่วงภาพลักษณ์อะไรเลยแบบนั้น ซอรินยอมรับนะว่าตกใจ”
“…”
“สายตาที่มีทั้งความเอ็นดู ห่วง และที่สำคัญดูหวง มันทำให้ซอรินรู้เลยว่านี่แหละ…คือสิ่งที่เราไม่เคยมีต่อกัน” ซอรินบีบไหล่ชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจ “ถ้าในใจมันมีคำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่าเลือกใครก็พูดออกไปเถอะ ไม่ต้องคิดว่ามันจะเป็นการไม่ให้เกียรติซอริน ที่ผ่านมาสิ่งที่ชานยอลทำให้ก็น่าซึ้งใจจะแย่”
“อย่าพูดเหมือนผมวิเศษนักสิ”
“พูดจริง อีกอย่างหนึ่งซอรินไม่อยากเป็นตัวถ่วงชีวิตใครด้วย ส่วนเรื่องแอล รู้มาจากจงอินว่าหมอนั่นก่อกวนชานยอลไม่หยุดเลยใช่มั้ย” ซอรินได้ยินแต่เสียงลมหายใจหนักๆของชานยอลเป็นคำตอบ “ซอรินอยากให้เรื่องมันจบ กำลังคิดอยู่ว่าจะเข้าไปเคลียร์ด้วยตัวเอง”
“เดี๋ยวมันก็..”
“ถ้ากล้าทำอีกก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วล่ะ”
“…”
“ไม่ต้องห่วง ซอรินจะลากจงอินไปด้วย ชานยอลน่ะไปจัดการปัญหาของตัวเองให้เรียบร้อยเถอะ”
ออดี้คันสีดำที่แบคฮยอนขออาศัยมาด้วยค่อยๆชะลอจอดข้างทาง เสียงสะอึกสะอื้นของเขากำลังสร้างอาการปวดหัวให้กับคนขับรถเป็นอย่างยิ่ง
“นี่ มีมารยาทหน่อยได้มั้ย ขึ้นมาบนรถคนอื่นแล้วเอาแต่ร้องไห้รบกวนสมาธิเนี่ยมันยังไง อยากตายหมู่หรอ” เจตนาของผู้พูดคือต้องการให้คนฟังหยุดร้องและกลับมามีสติ ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้าม แบคฮยอนปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าจี้ใจดำตรงไหน เสียใจจริงๆหรือแค่จะกวนประสาทในแบบที่ว่ายิ่งห้ามยิ่งยุกันแน่
“มีแต่คนชอบดุผมเต็มไปหมดเลย! ฮืออออ”
“เสียงของนายมัน...” แอลเอานิ้วอุดหูตัวเองไว้ทั้งสองข้าง “ไอ้ชานยอลคบเด็กขี้แยแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย”
“ฮื่อออออออออออออ”
“ฉันจะบ้าตาย” ชายหนุ่มหน้านิ่งเอี้ยวตัวไปดึงทิชชู่ในกล่องที่อยู่เบาะหลังมายื่นให้กับแบคฮยอน คนตัวเล็กรับไว้แล้วสั่งน้ำมูกลงไปอย่างแรง แอลมองพลางส่ายหน้าหน่ายใจ
“นี่ถ้าเป็นน้องฉันฉันจะตีให้เจ็บเลยนะ เรื่องอะไรมาร้องห่มร้องไห้เพราะผู้ชายแค่คนเดียว”
“เปล่าซักหน่อย ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเค้า!”
“อ้อ..งั้นไอ้ที่วิ่งตามกันมาจนฉันเกือบขับรถชนเมื่อกี้แค่ภาพหลอนไปเองสินะ” แบคฮยอนเบะปากพลางหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ สองมือน้อยยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ด้วยความหวังดี อย่าเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เห็นค่าเราจะดีกว่า”
“ชานยอลกับซอรินคงรักกันมาก ทั้งที่บอกว่าเลิกกันแล้วแต่การกระทำมันไม่ต่างจากเดิมซักนิด ยังกอดกันได้ รู้ใจกันดีเหมือนเดิม พอผมให้เลือกเค้ากลับไม่ยอมเลือก ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าตัวเองสำคัญจริงหรือเปล่า หรือต่อให้สำคัญ..มันสำคัญแค่ไหน สู้ผู้หญิงคนนั้นได้บ้างมั้ย”
“…”
“ผมไม่มีอะไรสู้ซอรินได้อย่างที่พี่เคยว่า ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจ ผมเองก็รู้ตัวดี ไม่เคยหวังให้คนอย่างเค้ามาสนใจซักนิด แต่เพราะเค้านั่นแหละ เค้ามาบอกชอบผมเอง” แบคฮยอนไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง ยอมรับว่าตัวเองซื่อบื้อกับเรื่องแบบนี้ ความคิดเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแต่ใช่ว่าไม่เคยพยายาม ที่ผ่านมาเขาพยายามอยู่ตลอด แต่มันก็ยังไม่ถูกใจผู้ชายเพอร์เฟคคนนั้นได้จริงๆซักที ทำอะไรก็ผิด ทำอะไรก็แย่..ก็ถ้ามันไม่ดีขนาดนั้นแล้วจะมาชอบเขาตั้งแต่แรกทำไม แบคฮยอนไม่เข้าใจ
“ปากบอกว่าชอบ แต่ก็ยังดุผมเกือบทุกการกระทำ”
“คนที่จะอยู่ด้วยกันได้คือคนที่ยอมรับข้อเสียของกันและกันได้ ถ้าคบแล้วอึดอัดก็เลิกไปสิ จะทนทำไมให้เหนื่อย อย่างไอ้ชานยอลไม่ได้มีคนเดียวบนโลก ขาดมันซักคนนายก็ไม่ตายหรอก”
“เลิกแล้ว”
“ฮะ ถามจริง?”
“อืม ใช่สิ่งที่พี่ต้องการหรือเปล่า”
“…”
“ชานยอลบอกว่าที่พี่เข้าหาผมเพราะแค่ต้องการจะปั่นหัวเค้าเท่านั้น” แบคฮยอนหันมามองหน้าเจ้าของรถด้วยดวงตาสั่นระริก “ผมไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริงและผมจะไม่ถามด้วย ยอมรับแบบโง่ๆเลยว่าผมกลัวคำตอบ”
“…”
“ผมไม่ได้ฉลาดเหมือนใครเค้าเท่าไหร่แต่ผมให้ใจเต็มร้อยได้กับทุกคนที่ผมคิดว่าเค้าน่าจะเป็นคนดี”
“…”
“แต่ถ้าพี่ไม่ใช่ และสิ่งที่ชานยอลบอกมันจริงตอนนี้พี่ก็คงสมใจแล้วล่ะ” แบคฮยอนปาดน้ำตาทิ้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “ผมขอลงตรงนี้เลยแล้วกัน ขอบคุณที่ให้ติดรถมาด้วยนะ”
เอี๊ยดดดดดด!
รถซุปเปอร์คาร์ของปาร์คชานยอลเคลื่อนเข้าสู่โรงจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลปาร์ค ในเวลาไล่เลี่ยกันกับมาเซราติของปาร์คเซฮุน เสียงล้อรถทั้งสองคันขูดพื้นดังหวีดเพราะแรงเบรคพาลให้คนงานในบ้านพากันตกใจ พอๆกับสีหน้าจริงจังของทั้งสองคุณชายที่ไม่บ่อยนักจะได้เห็นมันพร้อมกัน
“หยุดเลยนะพี่ชานยอล” เสียงของเซฮุนดังไล่หลังคนเป็นพี่ สองขาก้าวเร็วๆเพื่อให้ตามคนเดินไวทัน “ผมบอกให้หยุดไงไม่ได้ยินหรอ!”
เสียงตะเบ็งด้วยความไม่พอใจของคุณชายคนเล็กส่งผลให้คนงานในบ้านหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่แทบจะพร้อมกัน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าบอดี้การ์ดชุดดำที่ยืนเรียงแถวรอต้อนรับนายน้อยทั้งสองตรงทางขึ้นบันไดด้านหน้า ทันทีที่เจ้านายเดินพ้นไป ทั้งหมดต่างก็ชะเง้อชะแง้มองตามหลังด้วยความอยากรู้อยากเห็นกันถ้วนหน้า
ไม่รู้ว่าสองพี่น้องทะเลาะอะไรกันมาอีก
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า มื้อเย็นเหล่าแม่บ้านก็ยังทำกันไม่เสร็จ แต่คุณชายทั้งสองกลับเข้าบ้านไวผิดปกติ เข้ามาพร้อมกันแล้วยังอยู่ในอารมณ์คล้ายกับพยากรณ์อากาศประจำวันที่กรมอุตุฯได้รายงานไว้เมื่อตอนเช้าว่าวันนี้พายุจะเข้าไม่มีผิดเพี้ยน
“จะหนีผมไปตลอดเลยหรือไง” น้องชายคว้าไหล่พี่ชายไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายก้าวขึ้นบันไดไปได้ง่ายๆ
“จะเอาอะไรกับฉันนักหนา”
“พี่ก็ตอบมาสิว่าทำไมแบคฮยอนถึงหนีไป” ชานยอลพ่นลมหายใจออกอย่างรำคาญ เซฮุนตามตื้อถามเขาไม่หยุดตั้งแต่ที่ชมรมแล้ว เดินหนีก็ยังจะตาม เกาะติดยิ่งกว่าเงาจนชานยอลไม่มีสมาธิจะทำอะไรต่อถึงต้องหนีกลับมาบ้าน ซึ่งก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
“ทะเลาะกัน มีเรื่องให้เข้าใจผิด รู้แล้วก็เลิกเซ้าซี้ซักทีแค่นี้ฉันยังปวดหัวไม่พออีกหรอ”
“แล้วทะเลาะเรื่องอะไรกัน” แม้ว่าจะถูกทำหน้าโหดใส่แต่เด็กหนุ่มยังดึงดันจะถามต่อ “ร้ายแรงขนาดไหนแบคฮยอนถึงหนีไปแบบนั้น” เซฮุนฟังเรื่องเล่ามาจากคนในชมรมอีกที เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับม้าตัวเองเลยทำให้พลาดเรื่องสำคัญไป น่าหัวเสียที่พอไปถามจากตัวต้นเรื่องแล้วอีกฝ่ายยังเฉยเมยไม่ยอมบอกอะไรได้เสมอต้นเสมอปลาย
“ไม่ต้องยุ่งซักเรื่องได้มั้ย”
“ถ้าเป็นเรื่องแบคฮยอนผมไม่ยุ่งไม่ได้”
“เพราะมีคนแบบนายถือหางอยู่น่ะสิเด็กคนนั้นถึงไม่รู้จักโตซักที นายเองก็เหมือนกัน เลิกงอแงเป็นเด็กๆได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดบ่อยมันน่ารำคาญ”
พลั่ก!
เคร้ง!
ชานยอลถูกดันตัวไปติดกับโต๊ะวางแจกันใกล้ทางขึ้นบันไดกลางบ้านอย่างแรง ชนิดที่ว่าแจกันใบนั้นตกลงมาแตกกระจายเสียงดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน หากคนกระทำกลับไม่สนใจ สองมือของเด็กหนุ่มยึดคอเสื้อเชิ้ตสีขาวของพี่ชายด้วยสีหน้าเอาเรื่อง สุดจะทนกับคำพูดชอบสั่งสอน
‘ตายแล้ว! เซฮุนทำอะไรน่ะลูก!’
เสียงของแม่ไม่ได้ทำให้เซฮุนนึกอยากจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อพี่ชายตัวเองเลย ต่างคนต่างจ้องหน้ากันด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่มีใครยอมใคร “โตกว่าผมแค่สองปี อย่าพูดเหมือนผู้ใหญ่วัยกร้านโลกไปหน่อยเลย”
“ปล่อยมือออกจากเสื้อฉัน”
“ดีแต่พูดสั่งสอนคนอื่นเค้าไปทั่ว ดีแต่ชอบขู่ ที่แบคฮยอนหนีไปคงเพราะแบบนี้อีกแล้วใช่หรือเปล่าล่ะ!”
“…”
“แทนที่จะตามไป แต่นี่อยู่เฉยแถมยังมีหน้าหนีกลับมาบ้านอีก พี่เป็นแฟนประสาอะไรวะ ถ้าเป็นผมต่อให้ใครจะถูกจะผิดผมก็จะไม่ปล่อยคนที่ตัวเองรักหนีไปแบบนั้นเด็ดขาด”
“ก็นั่นมันนาย แต่นี่มันฉัน ยิ่งง้อก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งตามใจยิ่งเสียนิสัย ถ้านายอยากตามมากก็ไปตามเอง ฉันไม่ไป”
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกเป็นแบบนี้วะ” เซฮุนเขย่าคอเสื้อชานยอลด้วยความโมโห “เมื่อไหร่จะเลิกมึนตึงเฉยชาใส่คนอื่น ไม่รู้อีกหรอว่านิสัยของพี่ทำให้แบคฮยอนต้องคิดมากมากี่ครั้งกี่หนแล้ว ผมไม่รู้ปัญหาของพวกพี่หรอกนะ แต่ผมก็มั่นใจว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่แบคฮยอนมีปัญหากับพี่แล้วจะไม่เสียใจ!”
“…”
“ถ้าโลกส่วนตัวสูงนัก ถ้าไม่พร้อมจะเปิดใจให้ใครเข้ามาแล้วคบเค้าไว้ทำไม แฟนคนเดียวยังโอนอ่อนยอมให้ไม่ได้พี่ก็ปล่อยเค้าไปเถอะ ยังมีคนที่พร้อมจะดูแลแบคฮยอนมากกว่าพี่อยู่บนโลกอีกตั้งหลายคน อย่างน้อยก็ผมคนนึง พลั่ก!” ชานยอลผลักน้องชายออกจากตัว แล้วเดินหนีขึ้นบันไดไปด้วยความหงุดหงิด แต่เสียงน่ารำคาญนั้นยังคงตะโกนตามไล่หลังมาไม่จบไม่สิ้น
“สิ่งที่แบคฮยอนเป็นมันก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่เห็นว่ามันจะแย่ตรงไหน ที่แย่น่ะคือคนที่เอาแต่พยายามเปลี่ยนคนอื่นต่างหาก บอกให้ใครต่อใครเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ตามใจตัวเองไปทั่ว ตัวเองก็ทำบ้างสิ! เปลี่ยนบ้างไอ้นิสัยเย็นชาแบบนี้น่า!!”
ปั้ง!
ชานยอลพิงหลังกับประตูห้องนอนอย่างหมดแรง เขาอาจจะได้เป็นไมเกรนเร็วๆนี้เพราะมีแต่เรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวัน ชายหนุ่มลูบหน้าลูบตาตัวเองอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัว ยืนคิดไม่ตกกับทุกเรื่องราวใต้ฝักบัวนานนับชั่วโมง…
ถึงจะแสดงออกว่าไม่คิดอะไรแต่ในใจจริงๆของเขาจะมีใครบ้างที่รู้… เขาเหนื่อย อยากหาที่พึ่งที่ระบายให้ตัวเองสบายใจบ้าง ถ้าทำได้คงแบกเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้คุณยายฟังแล้วแต่เพราะเป็นเรื่องของแบคฮยอน ชานยอลถึงทำแบบนั้นไม่ได้ เขาไม่ชอบสร้างปัญหาให้ใครโดยเฉพาะผู้ใหญ่ เขาไม่อยากให้ใครต้องมากังวลคิดมากไปด้วย หลายครั้งถึงต้องแบกรับมันไว้เองทั้งหมด
ก็เป็นคนเงียบๆ ไม่แสดงความรู้สึกต่อใครมาแต่ไหนแต่ไร แต่ถึงอย่างนั้นก็มักจะพูดตรงๆ บอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการกับคนอื่นเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นว่ามาไม่ใช่ไม่เข้าหูเลย ชานยอลได้ยิน ชานยอลรับฟัง และก็คิดตามทุกครั้งนั้นแหละ
ยอมรับในข้อเสียของตัวเองตามที่ทุกคนพูดมาทั้งหมด แต่เรื่องระหว่างแบคฮยอนเขายังรู้สึกว่าไม่ควรตามใจอีกฝ่ายให้มากอยู่ดี จริงที่เขาเอาแต่ดุ เอาแต่ตำหนิอีกฝ่ายบ่อยๆ ก็รู้ว่าแบคฮยอนอารมณ์อ่อนไหว มีนิสัยเป็นยังไง แต่ที่โกรธและไม่อยากตามใจก็เพราะแบคฮยอนดื้อเกินไป ชานยอลแค่อยากให้แบคฮยอนโตขึ้นบ้าง มีเหตุผลซักนิด อยากให้สำนึกเอง เรียนรู้เองโดยที่ไม่ต้องให้ใครคอยไปให้ท้าย
แต่ก็ใช่ว่าไม่ห่วง
ห่วงมากจนใจไม่เป็นสุขเลยด้วยซ้ำ
พะว้าพะวงหาอยู่ตลอดว่ายังปลอดภัยดีหรือเปล่า
ใจหนึ่งอยากออกไปตามจะแย่ แต่ยอมรับว่าอีกใจยังมีทิฐิยึดสิ่งที่ตัวเองคิด ว่านั่นคือถูกต้องแล้ว ชานยอลว่าตอนนี้ตัวเองคงใกล้บ้าเข้าไปเต็มที คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ภายในใจกับสมองมีแต่ความขัดแย้ง แบคฮยอนทำให้เขาเสียศูนย์ ควบคุมอะไรไม่ได้แม้กระทั่งความรู้สึกและความคิดที่เมื่อก่อนเคยทำได้ดีกว่านี้...ดีกว่ามาก แล้วดูตอนนี้สิ ไม่ต่างอะไรจากคนสมองกลวงซักนิด ปวดหนึบยิ่งกว่าคนเป็นโรคประสาท
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนล้า ปิดเปลือกตาพักความฟุ้งซ่านทุกอย่างไว้แค่นั้น..
Rrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เสมือนเสียงนาฬิกาปลุกชั้นดี ปาร์คชานยอลสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์แล้วหยิบมันขึ้นมากดรับสายโดยไม่สนใจจะมองเบอร์เลยแม้แต่น้อย อีกมือก็เอื้อมเปิดโคมไฟใกล้หัวเตียงไปด้วย
สี่ทุ่ม
นาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบอกเวลาให้รู้ว่าเขาได้เผลอหลับไปนานเท่าไหร่
“ฮัลโหล”
((ไง อกแตกตายไปแล้วรึยังล่ะเพื่อนรัก))
“แอล” เสียงของปลายสายช่วยให้ตาเขาสว่างได้ในทันที “ต้องการอะไรอีก แบคฮยอนอยู่ไหน นายทำอะไรเค้าหรือเปล่า”
((ใจเย็นซี่..))
“ไม่ตลกนะ พาแบคฮยอนกลับไปส่งที่บ้านซะ”
((เฮ้ เห็นฉันเป็นอะไร คนขับรถบ้านนายหรอถึงจะสั่งอะไรก็สั่งได้))
“อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน”
((กลัวโคตรๆ))
“…”
((ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว ขอแสดงความยินดี เอ้ย..ต้องบอกว่าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งถึงจะถูกใช่มั้ย))
“…”
((กำลังน้ำลายฟูมปากอยู่หรอ หรือว่ากระอักเลือดอยู่ล่ะ)) มือใหญ่บีบโทรศัพท์ตัวเองแน่นจนขึ้นข้อขาว เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุ่บๆเพราะความโกรธ
((ไงล่ะ ทีนี้รู้รึยังว่าความรู้สึกของคนที่ใกล้จะเป็นบ้าเพราะความรักมันเป็นยังไง))
“…”
((ผลจากการกระทำคลุมเครือวันนี้มันย้อนกลับมาเล่นงานนายแล้วปาร์คชานยอล ปากบอกอีกอย่าง แต่การกระทำน่ะอีกอย่าง รู้ไว้ซะบ้างก็ดีว่ามันทำให้คนเค้ารู้สึกยังไง))
“…”
((เด็กของนายก็ไม่ต่างจากฉันในตอนนั้น ฟังคำว่าไม่ได้คิดอะไรของพวกนายจนเอือมระอา ถามจริง ไม่เคยกระดากปากบ้างหรอที่คำพูดกับการกระทำมันสวนทางกัน))
“นายไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่ฉันกับซอรินมีให้กันมันไม่ใช่แค่เพื่อน แต่มันเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน”
((หนวกหูน่า เลิกใช้คำพูดสวยหรูเหมือนตัวเองเป็นพระเอกซักทีเถอะ คนที่เป็นเพื่อนเป็นครอบครัวเค้าจูบปากกันดูดดื่มแบบนั้นกันหรอวะ น่าขำเป็นบ้า)) ภาพวันที่ชานยอลและซอรินเพิ่งลองจูบกันครั้งแรกฉายชัดเข้ามาในสมองของชายหนุ่มทันที ตอนนั้นเป็นชั่วโมงหลังเล่นกีฬาตอนอยู่ไฮสคูล ชานยอลจำได้ว่าวันนั้นแอลเข้ามาเห็นพอดี แต่เพราะอีกฝ่ายทำหน้าเฉยๆและไม่พูดอะไรเขาเลยคิดว่ามันคงไม่มีอะไร และก็ยอมรับจริงๆว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์พาไป…คบกันก็ต้องมีอยากลองความรู้สึกวาบหวามตามประสาชายหญิงบ้าง
“ผูกใจเจ็บฉันเพราะเรื่องนี้เองหรอ ที่เกือบรังแกซอรินก็เพราะเรื่องนี้ด้วยงั้นสิ”
((นายก็รู้ว่าฉันชอบเธอ))
“แต่นายบอกเองว่าตัดใจแล้ว”
((แล้วนายคิดว่าของแบบนั้นมันตัดกันได้ง่ายๆเดือนสองเดือนก็หายหรอ คิดตื้นไปหน่อยมั้ง))
“ได้ ฉันยอมรับว่าเรื่องนี้ฉันผิด ไม่รู้ว่าขอโทษตอนนี้มันยังทันมั้ยแต่สิ่งที่นายทำต่อซอรินวันนั้นมันก็เลวร้ายเกินกว่าลูกผู้ชายดีๆคนหนึ่งจะคิดทำกัน”
((ตอนนายหึงเด็กคนนั้นนายทันได้ยับยั้งชั่งใจมั้ย ฉันขอถามแค่นี้))
“…”
((ฉันไม่เอาอะไรหรอก ไม่ต้องการให้คนที่คิดว่าตัวเองถูกฝ่ายเดียวอย่างพวกนายมาเข้าใจด้วย บอกตรงๆว่าเห็นนายดิ้นจะเป็นจะตายและหัวปั่นได้ขนาดนี้ก็สะใจจะแย่แล้ว ที่จริงก็อยากสนุกต่อหรอกนะ แต่สงสารเด็กตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องด้วย จะช่วยสงเคราะห์ให้นายได้หูตาสว่างขึ้นมาหน่อยแล้วกัน…ด้วยความเวทนา))
“…”
((ถ้าคิดแค่เพื่อนก็ทำตัวให้มันเหมือนเพื่อน คนทั้งโลกไม่ได้นั่งอยู่ในสมองนายเค้าถึงจะได้เข้าใจกันทุกคนว่าจริงๆเรื่องมันเป็นยังไง ไม่เห็นแก่คนอื่นก็ควรจะเห็นแก่แฟนคนปัจจุบันที่นายคบอยู่ ถนัดนักนี่ เรื่องมารยาทน่ะ ก็น่าจะสะกดคำว่าให้เกียรติคนที่ตัวเองคบเป็นนะ)) ชานยอลถึงกับพูดไม่ออก รู้สึกจุกที่อกซ้ายเหมือนถูกแทงใจดำเข้าอย่างจัง
ไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่แอลพูดมามันใช่ ถึงจะเกลียดการกระทำที่อดีตเพื่อนรักเคยทำไว้แต่แอลยังคงเป็นแอล คนที่สะท้อนตัวเขาได้ดีกว่าใครคนไหน จงอินและซอรินที่ว่ารู้ใจและสนิทกันนักหนายังอ่านความคิดเขาไม่เก่งเท่ากับแอลเลยข้อนี้ชานยอลยอมรับ
“แล้วตอนนี้แบคฮยอนอยู่กับนายใช่หรือเปล่า”
((โน))
“อย่ากวน ฉันจริงจัง”
((ต้องให้เปิดกล้องให้ดูผู้หญิงสองคนที่นอนเปลื้องผ้าอยู่ข้างฉันตอนนี้มั้ย))
“ถ้าแบคฮยอนไม่อยู่กับนายแล้วอยู่ไหนในเมื่อไปด้วยกัน”
((จะไปรู้หรอ เด็กคนนั้นแยกกับฉันตั้งแต่บ่ายแล้ว))
“แล้วทำไมไม่ถามวะ”
((ตลก)) แอลแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ((แฟนฉันหรือก็เปล่า อยากรู้ก็ตามหากันเอาเอง ฉันไม่เกี่ยว แค่นี้แหละ))
ตุ๊ด!~
“เวรเอ้ย!”
วันนี้มันวันเฮงซวยอะไรถึงมีแต่เรื่องให้ปวดหัวทั้งวัน ชานยอลส่งข้อความไปถามชองซอรินว่าแบคฮยอนกลับมาบ้านหรือยัง เมื่อได้รับคำตอบว่า ‘ยังไม่เห็นนะ’ ชายหนุ่มถึงกับต้องนั่งกุมขมับ ปล่อยเวลาทิ้งไปแบบโง่ๆซักพัก แล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปคว้าเสื้อแจ็คเก็ตและกุญแจรถยนต์เดินออกจากห้อง
“จะออกไปไหนหรือครับคุณชาย ฝนกำลังจะตกแล้วนะครับ” คุณพ่อบ้านเดินเข้ามาถามนายน้อยของตัวเองพลางเงยหน้ามองเมฆครึ้มและพายุที่เริ่มพัดเอาฝุ่นเข้ามา
“ไปตามหลานคุณยายครับ”
“ให้ผมไปด้วยมะ...”
“คุณพ่อบ้านเข้านอนได้เลยครับ และไม่ต้องรอเพราะผมจะไม่กลับเข้ามาจนกว่าจะหาตัวเค้าเจอ”
#ficmysscb
Talk:
คอมเม้นตอนที่แล้วบอกได้คำเดียว
‘พี่กลัวแล้วววววววว’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คือจริงๆชานยอลไม่ควรทำแบบนั้นเลยอ่ะเพราะตัวเองก็มีแฟนควรให้เกียรติแบคฮยอนด้วยอ่ะ ตัวเองมีแฟนยุแล้วไม่ควรไปกอดผู้หญิงคนอื่น อ่านมานานมาเจอตอนนี้คือบับลำไยชานยอล😂😂