ตอนที่ 28 : Shining XXVI :: You're precious to me
Shining XXVI
“อุตส่าห์ตั้งใจทำทั้งคืนทำไมไม่เอาให้เค้าไปล่ะ”
“อ่อ...เซฮุน” แบคฮยอนเหลียวหน้าไปมองผู้เข้ามาใหม่ คิดว่าแอบหนีออกมาหลบมุมไกลถึงตรงนี้คนเดียวได้โดยไม่มีใครรู้แล้วแท้ๆ แต่เซฮุนก็ยังอุตส่าห์เข้ามาเจอจนได้
“สีหน้าไม่ดีเลย โอเคมั้ย”
“เราเมาเรือนิดหน่อยน่ะ เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรก ฮ่ะๆ” เซฮุนเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแบคฮยอน ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่ท้ายเรือชั้นล่างสุด ส่วนงานปาร์ตี้วันเกิดจัดขึ้นที่ชั้นสาม บริเวณริมสระว่ายน้ำ
“บังเอิญผ่านมาเจอหรือแอบตามเรามา” เพราะก่อนหน้านี้เขารู้สึกเบื่อจึงหนีออกจากงานมาอยู่เงียบๆคนเดียว มีเสียงคลื่นลมทะเลเป็นเพื่อน มีดาวดวงเล็กบนท้องฟ้าให้มองอย่างเต็มตา มีอากาศบริสุทธิ์ให้ได้สูดหายใจจนเต็มปอด
ที่แบบนี้แหละเหมาะกับเขาที่สุด
“เห็นว่าหายไปเลยลองถามคุณพ่อบ้านดู ท่านบอกแบคฮยอนเดินมาทางนี้”
“อ่า...เมื่อกี้เราเดินสวนท่าน” คนตัวเล็กชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกับวางคางลงไปด้วยความห่อเหี่ยว ในมือมีขวดแก้วเล็กๆซึ่งเป็นของขวัญที่ตั้งใจทำมาให้ชานยอลแต่ก็ไม่ได้ให้…เขาพลิกมันเล่นไปมา สายตาก็จ้องมองไปที่มันอย่างเหม่อลอย
“ทำไมไม่เอาให้พี่ชานยอล”
คนตัวเล็กส่ายหัวช้าๆ
“ของกิ๊กก๊อกไม่มีราคาพรรณ์นี้เราจะกล้าให้เขาไปได้ยังไง อายคนอื่นเค้าเปล่าๆ”
“แบคฮยอนคนที่เรารู้จักต้องไม่แคร์อะไรแบบนี้สิ เราว่ามันน่ารักจะตายไป ถึงไม่มีราคาแต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจ เห็นไหมล่ะว่าไม่มีใครมานั่งทำอะไรแบบนี้ให้กับพี่ชานยอลเลยซักคน แม้แต่เราที่เป็นน้องชายแท้ๆเองก็ด้วย ใช้เงินซื้อมากันทั้งนั้น”
“ถึงจะไม่ได้นั่งทำกันเองแต่ทุกคนก็ตั้งใจหามาให้ชานยอลไม่ใช่หรอ เราเชื่อว่ามันก็ไม่ได้หามาง่ายๆเหมือนกัน”
“ไม่เอาน่า”
“กว่าจะได้นาฬิกาเรือนนั้นมาเซฮุนก็ต้องสั่งไว้ตั้งหลายวันใช่ไหมล่ะ”
“สั่งไว้แล้วไง เราก็ไม่ได้มานั่งทำหลังขดหลังแข็งแบบแบคฮยอนอยู่ดีนี่”
“….”
“อย่าคิดมากเลยนะ แบคฮยอนไม่แฮปปี้เราก็ไม่แฮปปี้ไปด้วยรู้เปล่า”
“ฮึก..เรารู้สึกแย่จังเลยเซฮุน”
“เช็ดน้ำตาเดี๋ยวนี้เลยห้ามขี้แย”
“ฮึกๆ”
“ยังอีก ถ้าไม่หยุดคราวหน้าเราไม่ติวหนังสือให้แล้วนะ”
“ฮื่ออ” แบคฮยอนครางประท้วงในลำคอ มีทั้งน้ำตามีทั้งเสียงหลุดหัวเราะปนกันอย่างน่าตลกจนเซฮุนต้องขำไปด้วย
“ว่าง่ายแบบนี้สุดหล่อจะยกไหล่กว้างๆของตัวเองให้เป็นรางวัลแล้วกัน” เซฮุนขยับตัวเข้าไปใกล้ๆแล้ววาดวงแขนข้างหนึ่งออกไปโอบไหล่เพื่อนไว้หลวมๆ “ซบได้เต็มที่เลยครับ” แบคฮยอนฟังแล้วยิ้ม เอียงหัวลงซบกับไหล่กว้างด้วยความยินดี
“ขอบคุณที่อยู่ข้างเราเสมอนะเซฮุน”
“ไม่อยู่ข้างแบคฮยอนแล้วเราจะไปอยู่ข้างใครได้”
“ได้เกิดมาเจอเพื่อนดีๆแบบเซฮุนให้ตายตอนนี้เราก็ไม่เสียใจแล้ว”
“แต่เราจะเสียใจมากถ้ามันเป็นแบบนั้น…เราต้องอยู่ข้างๆกันไปจนแก่ แก่ชนิดที่ว่าจำชื่อกันไม่ได้ไปข้างนึงเลยโอเคหรือเปล่า”
“อื้ม..โอเค…โอเคที่สุดเลย”
“ต้องการอะไรหรือเปล่าครับคุณชาย”
หลังจากไปเข้าห้องน้ำกลับมา คุณลุงพ่อบ้านก็เข้ามาเจอคุณชายปาร์คคนโตกำลังเดินขมวดคิ้วไปรอบๆบริเวณพื้นที่จัดงานเลี้ยง เหมือนอยากจะได้อะไรหรือกำลังตามหาใครอยู่
“แบคฮยอนหายไปซักพักแล้ว ผมเดาว่าน่าจะอยู่กับเซฮุน คุณพ่อบ้านพอจะเห็นสองคนนั้นบ้างหรือเปล่าครับ”
“ครับ คุณหนูแบคฮยอนเดินสวนกับผมเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว คุณชายเซฮุนก็เข้ามาถามผมเหมือนกัน น่าจะอยู่กันที่ท้ายเรือชั้นล่างนะครับคุณชาย”
“ขอบคุณครับ” ชานยอลสืบเท้าไปทางบันไดลงเรือทันที เขาก้าวยาวๆมุ่งหน้าไปที่ท้ายเรือชั้นล่างสุดตามคำบอกเล่าของคุณลุงพ่อบ้าน หงุดหงิดนิดหน่อยกับการที่แบคฮยอนหายไปจากงานโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน
พอจะจับสังเกตได้ว่าแบคฮยอนเบื่องานเลี้ยงของเขาที่มีแต่เพื่อนฝูงคนสนิทเต็มไปหมด มีคนรู้จักอยู่แค่ไม่กี่คนที่เหลือก็คงแปลกหน้าสำหรับอีกฝ่าย แต่การจะออกไปไหนมาไหนเองก็ควรบอกเขาซักหน่อยไม่ใช่หรอ เกิดซุ่มซ่ามพลัดตกลงไปในทะเลโดยไม่มีใครรู้ใครเห็นขึ้นมาจะทำยังไง เขาเป็นห่วง ถึงจะเห็นว่าเซฮุนหายไปด้วยและคิดว่าน่าจะอยู่ด้วยกันแน่ๆแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ชานยอลรู้…เซฮุนสามารถดูแลแบคฮยอนได้ แต่ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่มีแฟน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่กับใครเขาก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเกิดความรู้สึกหึงหวงไม่ใช่หรือไง ต่อให้เป็นน้องชายแท้ๆเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้อยู่ดี…ไม่ได้อยากจะหวงอะไรนักหรอก…แต่มันก็เกิดความรู้สึกนั้นไปแล้วทำไงได้
‘ฮ่ะๆๆๆ’
เสียงหัวเราะคุ้นหูดังมาจากทางท้ายเรือ และเมื่อเดินมาถึง คุณชายปาร์คคนโตก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าทันที จากเรียบเฉย ก็กลายเป็นดุดัน
‘เล่าต่อสิ ตอนนั้นเซฮุนทำยังไง’
ภาพการหัวร่อต่อกระซิกของคนอายุน้อยกว่าทั้งสองว่าน่าหงุดหงิดพอแล้ว การได้เข้ามาเห็นคนตัวเล็กนอนหนุนตักปาร์คเซฮุนยิ่งน่าหงุดหงิดกว่า
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมเข้มๆของชานยอลสามารถหยุดเสียงพูดคุยของแบคฮยอนและเซฮุนได้ ทั้งคู่หันไปมองชายหนุ่มพร้อมกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะค่อยๆผละตัวออกจากกัน…แบคฮยอนผงกหัวขึ้นมาจากตักของเซฮุน
“ทำไมไม่ไปอยู่ในงาน มานอนเล่นกันทำไมตรงนี้”
“ผมว่าอีกซักพักจะกลับเข้าไปอยู่พอดี” เซฮุนบอกเขา ขณะที่แบคฮยอนเบือนหน้าไปทางอื่น ทำเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ไม่มีกันอยู่ในสายตาซึ่งนั่นไม่ได้สร้างความเข้าใจให้กับชานยอลเลยสักนิดเดียว
“นายหนีออกมาโดยไม่บอกฉันก่อน” ชานยอลเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน คนตัวเล็กเงยหน้ามองเขาแวบเดียวจากนั้นก็ยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นเรือ
“ผมขอโทษ…”
“เป็นอะไร”
“….”
“งอนอะไรฉันอีก” คนที่สมควรงอนน่าจะเป็นเขาไม่ใช่หรอ ทั้งทำให้เป็นห่วง ทั้งทำให้หงุดหงิดที่ต้องเข้ามาเห็นคนของตัวเองนอนหนุนตักผู้ชายอื่น แต่นี่อะไร ชานยอลกลับต้องมารู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายทำอะไรไว้ให้อีกคนไม่พอใจซะเอง
“เปล่า ผมจะงอนชานยอลทำไม”
“แล้วทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้น”
“ผมปวดหัว ไม่กลับเข้าไปในงานแล้วได้มั้ย”
“ปวดหัว?” ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อกี้ยังนอนหนุนตักท่าทางมีความสุขอยู่เลยไม่ใช่หรือไง พอเจอหน้าฉันแล้วปวดหัวขึ้นมาเลยงั้นสิ”
“ผมขอโทษเรื่องที่ออกมาโดยไม่บอกก่อนด้วยแล้วกัน แต่ผมขอไม่กลับขึ้นไปแล้วนะ ผมอยากอยู่คนเดียว ชานยอลกับเซฮุนกลับไปสนุกกับเพื่อนๆในงานต่อเถอะ” คนตัวเล็กค้อมหัวให้น้อยๆเพื่อแสดงความขอโทษก่อนจะเดินหนีออกไป ชานยอลได้แต่มองตามหลัง ไม่เข้าใจการกระทำอันผิดปกติของแบคฮยอนเลย
ร้อยวันพันปีอีกฝ่ายยอมก้มหัวขอโทษง่ายๆที่ไหน ไอ้อาการหน้าซึมดูใจลอยแบบนั้นชานยอลมั่นใจว่ามันต้องมีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้แน่
แบคฮยอนกำลังทำให้ชานยอลต้องทบทวนตัวเองอย่างหนัก ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ได้เผลอทำอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีไว้หรือเปล่า ชานยอลจำได้ว่าตัวเองก็ดูแลอีกฝ่ายได้ดีในระดับนึงแล้วถึงแม้จะต้องคอยดูแลเพื่อนคนอื่นไปด้วย แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทิ้งขว้างแบคฮยอนตรงไหน หรือคำพูดที่พูดกับอีกฝ่ายเมื่อกี้มันฟังดูแรงไป…
แบคฮยอนเป็นอะไรกันแน่
“อ่ะ...” ขวดแก้วเล็กๆถูกยื่นมาตรงหน้าของชานยอล ชายหนุ่มมองมันสลับกับใบหน้าของน้องชายตัวเอง “แบคฮยอนลืมเอามันไปด้วย” เด็กหนุ่มบอกพลางยัดมันใส่ลงในมือพี่ชาย
“เมื่อคืนแบคฮยอนนั่งทำทั้งคืน ทำเองด้วย มันดูธรรมดาแต่ถ้าคนพิเศษให้มันย่อมต้องดีกว่าของแพงๆที่พี่ได้มาใช่หรือเปล่า”
“ไม่เห็นเข้าใจ”
“ถ้าผมบอกว่ามันเป็นของขวัญที่แบคฮยอนตั้งใจทำมาให้พี่พี่จะว่ายังไง”
“….”
“จะมองว่ามันไร้ค่าไม่น่าเก็บไว้เหมือนของแพงๆที่ทุกคนให้มั้ย”
“แบคฮยอนทำให้ฉันงั้นหรอ”
“ตอบผมมาก่อนสิ”
“จะซื้อมาแพงหรือเป็นแค่ของถูกๆไร้ราคา ถ้าตั้งใจให้ฉันก็จะเก็บไว้ทุกชิ้นนั่นแหละ ส่วนจะชอบไม่ชอบมันก็เป็นอีกเรื่อง”
“แล้วที่อยู่ในมือนั่นล่ะคิดว่าไง ชอบหรือไม่ชอบ”
“นี่น่ะหรอ” ชานยอลเหลือบตาลงมองขวดแก้วในมือ เห็นก้อนกลมสีขาวเล็กๆคล้ายลูกกวาดถูกวาดเป็นรูปยิ้ม รูปหัวใจและตัวอักษรภาษาอังกฤษอัดกันอยู่ข้างในนั้น มันดูติ๊งต๊องและไร้สาระในความคิดเขา ลักษณะก็ธรรมดา แต่ไม่วายทำเขายิ้มออกมาได้หน้าตาเฉย…ยิ้มเพียงเพราะแค่มีหน้าใครบางคนลอยเข้ามาด้วย
“ผมไม่อยากฟังคำตอบแล้ว”
“….”
“รู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องชอบมัน”
“แล้วนายล่ะ ยังชอบอยู่ไหม...แบคฮยอนน่ะ”
“เหอะ ต่อให้แบคฮยอนจะเสร็จพี่ไปอีกกี่ครั้งผมก็จะชอบ” เซฮุนเบะปาก ในใจทั้งหมั่นไส้ ทั้งงอน ทั้งเจ็บใจ ทั้งเฟล สารพัดสิ่งที่อัดรวมกันอยู่ในอกซ้ายนี้ “ผมชอบของผม”
“ขอโทษด้วย”
“บอกแล้วไงผมไม่ได้หลีกทางเพราะพี่ แต่ผมยอมรับการตัดสินใจของแบคฮยอน”
“อืม ก็ยังอยากขอโทษอยู่ดี”
“ปาร์คชานยอลพูดดีๆกับปาร์คเซฮุนก็เป็นด้วยหรอ หวังว่าคืนนี้พายุจะไม่เข้านะ ผมยังไม่อยากตายอยู่บนเรือลำนี้” ชานยอลโบกหัวน้องชายจอมไร้สาระไปที แต่พอเห็นว่าเด็กหนุ่มยืนทำปากอูดใส่ก็ขยี้ผมอีกฝ่ายแรงๆแล้วค่อยดึงเข้ามากอดคอ
ถึงจะตีกันบ่อย พูดจาไม่เคยเข้าหูกันเลย นิสัยก็ต่างกันสุดขั้วแต่ว่าทั้งคู่ก็เป็นพี่น้องที่รู้จักนิสัยใจคอกันดี มีความเข้าใจ มีความห่วงใย หรือแม้กระทั่งความรักที่มักไม่แสดงออกแน่นอนว่าย่อมต้องมี…เพียงแต่การแสดงความรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทำต่อกันบ่อยๆก็เท่านั้น
“แบคฮยอนคิดมากเรื่องพี่ตลอดเลยนะ ถ้ารักกันจริงก็อย่าลังเลที่จะรับผิดชอบความรู้สึกกัน แบคฮยอนมาจากสังคมแบบไหน แล้วเราอยู่ในสังคมกันแบบไหนพี่ก็น่าจะรู้”
“อืม”
“ตามไปบอกแบคฮยอนนะว่าพี่รู้สึกยังไงกับของขวัญที่แบคฮยอนทำให้ อย่าปล่อยให้คนที่เรารักต้องคิดมากไปเอง”
“นายโตขึ้น”
“เพราะผมอยากเห็นแต่รอยยิ้มของแบคฮยอนต่างหาก” เด็กหนุ่มขยับตัวออกจากแขนของพี่ชาย หันหน้าเข้าหาก่อนจะปล่อยหมัด ชกอกซ้ายของคนเป็นพี่ด้วยแรงที่ไม่มากและไม่น้อยไป แต่ก็ทำเอาชานยอลเซถอยหลังได้ตั้งครึ่งก้าว
“ได้ไปแล้วก็ช่วยรักษาไว้ดีๆด้วย”
แบคฮยอนยังคงเดินวนไปมาอยู่ระหว่างชั้นล่างสุดและชั้นสองของเรือยอร์ชสุดหรู อันมีตระกูลปาร์คเป็นเจ้าของอย่างหาทางไปไม่ถูก ก่อนหน้านี้ไม่น่าทำปากเก่งบอกลูกชายเจ้าของเรือทั้งสองคนว่าอยากอยู่ตามลำพังเลย เพราะผลของการทำอะไรโดยไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนแท้ๆ เขาถึงต้องพาตัวเองมาหลงทางแบบนี้
ไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ บ้านตัวเองก็ไม่ใช่ เรือก็เพิ่งเคยขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วไอ่เรือที่ว่านี้ก็ไม่ใช่เรือธรรมดาๆ แต่หรูหราระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นถึงจะเป็นเจ้าของได้ มันกว้างมาก เมื่อกี้เพิ่งเปิดไปเจอห้องนั่งเล่น…ล่ะมั้ง แบคฮยอนคิดว่าใช่แหละ เพราะเห็นมีโซฟาสีครีมทองอย่างหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างที่ดูแล้วทำให้คิดว่าเป็นห้องนั่งเล่น
มันน่าทิ้งตัวลงนอนอยู่หรอก แต่ก็ดูเคว้งคว้างน่ากลัวเกินไปเขาเลยพาตัวเองออกมาหลังจากสำรวจภายในนั้นเสร็จ พอเดินต่อไปเรื่อยๆแบคฮยอนก็เปิดไปเจอห้องลักษณะคล้ายๆกันอีก แต่ในนั้นมีบาร์และชั้นเก็บไวน์กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆอีกหลายชนิด บรรยากาศสลัวๆถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นห้องสำหรับนั่งดริ้งค์
แน่นอนว่าแบคฮยอนคงไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นนาน เขายังไม่อยากพลาดทำขวดไหนตกแตกให้เจ้าของเค้ามาดุเอาได้ อีกเรื่องก็คือเขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายได้แน่ๆ มากที่สุดก็คงต้องบากหน้าไปรบกวนคุณท่านอีก เพราะงั้นถึงต้องรีบๆออกมา
แต่คนมือบอนก็ยังเป็นคนมือบอนวันยังค่ำ แบคฮยอนไล่เปิดสำรวจอีกหลายๆห้องบนเรือหรูเพราะไม่มีที่จะไป หากไม่ติดว่ากลัวจะหลับลืมตื่น หรือไม่ก็หลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าตัวเองโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่มีใครรู้จัก ป่านนี้แบคฮยอนคงทิ้งตัวลงนอนตรงไหนสักแห่งไปแล้ว
เขาง่วงมาก และตอนนี้มันก็เลยเวลานอนของเขามามากโข บวกกับเมื่อคืนมีเวลานอนน้อย ทั้งต้องตื่นมาเรียนแต่เช้า เรียนทั้งวัน…พูดเลยว่าตอนนี้แบคฮยอนหมดแรงสุดๆ
เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ยิ่งอย่างหลังยิ่งทำให้เขารู้สึกเหนื่อยกว่าอะไรทั้งหมด แบคฮยอนไม่ชอบตัวเองตอนนี้ เอาแต่คิดมาก น้อยเนื้อต่ำใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แบคฮยอนตัวจริงต้องคิดว่า ‘เกิดมาจนแล้วไง? เป็นแค่คนระดับรากหญ้าแล้วไง? ไม่มีปัญญาซื้อของแบรนด์เนมหรูๆเหมือนคนอื่นแล้วไง ใครสนล่ะ’ แบบนี้ไม่ใช่หรอ
ที่ผ่านมาแม้ชีวิตจะย่ำแย่แค่ไหนแบคฮยอนก็ไม่เคยท้อ แบคฮยอนพอใจและภูมิใจแล้วที่ได้มีชีวิตเติบโตมาในครอบครัวของพ่อเฒ่าแม่ครู
ไม่มีเงินมากก็ไม่เป็นไร แค่มีข้าวให้กินอิ่มทุกมื้อ มีที่ให้นอนเต็มอิ่มทั้งคืนมันก็ดีแล้ว ไม่ต้องมีของหรูๆแพงๆ ขอแค่เสื้อผ้าดีๆสะอาดๆไม่ขาดพรุนให้ใส่ ของใช้จะมาจากการบริจาคของคนใจบุญคนไหนก็ได้ ถ้าสภาพยังดีเขาก็ยินดีใช้ต่อ
โลกมันไม่ได้โหดร้ายจนขนาดที่ว่าเขาจะทนอยู่ไม่ได้ถ้าหากว่าไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนรวย ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ และที่ผ่านมาแบคฮยอนก็เลือกให้ตัวเองพอใจกับสิ่งที่มี ภูมิใจกับสิ่งที่เป็นตามคำพร่ำสอนของพ่อแม่มาโดยตลอด
แต่กับเรื่องชานยอลวันนี้ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้นไม่ได้ล่ะ
มันแย่ที่แบคฮยอนกำลังรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่คู่ควรกับชานยอล ไม่มีความเข้ากันเลยไม่ว่าจะด้วยเรื่องนิสัยหรือสถานะทางสังคม แบคฮยอนไม่มีของขวัญดีๆให้ชานยอล แบคฮยอนไม่ได้เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนๆของชานยอล ไม่มีอะไรที่ชานยอลจะสามารถภูมิใจได้เลยว่ามีเขาเป็นแฟน
ที่ไม่กล้าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ก็เป็นเพราะว่าแบคฮยอนกลัวทำให้ชานยอลต้องอับอาย…อายที่เลือกคบคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแล้วยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก
แต่ก็ช่างเถอะ…อีกเดี๋ยวก็เช้าแล้ว
อีกเดี๋ยวเรื่องแย่ๆก็จะผ่านไป
ทนเอาอีกนิดเดียวก็ได้กลับบ้านแล้วแบคฮยอน
“ห้องนอนอยู่ตรงไหนนะ” แบคฮยอนอยากนอน อยากพักสมอง อยากเลิกฟุ้งซ่าน อยากกลับบ้านด้วย แต่เพราะคืนนี้ต้องค้างที่นี่ ดังนั้นการมองหาห้องนอนคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไม่มีที่ไปอย่างเขา
แต่ประเด็นมันติดอยู่ที่เขาไม่รู้น่ะสิว่าคืนนี้จะต้องไปนอนที่ไหน ตั้งแต่เปิดๆมานี่ก็เจอแต่ห้องอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ถามเจ้าของเรือไว้ซะด้วย ตอนนั่งรถมากับคุณลุงพ่อบ้านก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิท กระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าที่เอามาด้วยคุณลุงพ่อบ้านก็เป็นคนเก็บให้ ซึ่งเวลาแบบนี้คุณลุงคงยังอยู่คอยรับใช้เจ้านายในงาน ถ้าจะให้ขึ้นไปถามถึงข้างบน แบคฮยอนยอมหลบมุมนั่งหลับแถวนี้ยังจะดีซะกว่า…เพราะไม่อยากเจอใครทั้งนั้น
ตอนนี้ก็คงต้องเดินหาเองต่อไปจนกว่าจะเจอห้องนอนสินะ หรือไม่ก็ตัดสินใจนอนมันซะตรงนี้เลย
“พนักงาน คนขับเรือ ผีซักตัวก็ยังไม่มีผ่านมาให้ถามเลย”
“ฮืออ ง่วงจะแย่และ...อ้ะ!” แรงรวบตัวจากด้านหลังทำคนตัวเล็กตกใจ เขายืนของเขาอยู่ดีๆ แต่ไม่รู้คนสติไม่ดีที่ไหนเข้ามาทำฉวยโอกาสกับเขาแบบนี้
“หาตั้งนาน”
เสียง…ชานยอล
“ที่แท้ก็หนีมาอยู่แถวนี้” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของปาร์คชานยอล แต่ยิ่งดิ้นยิ่งเหมือนว่ามันจะรัดตัวเขาแน่นมากขึ้น จะเอามือขึ้นมาช่วยแกะออกก็ไม่ได้เพราะแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้เลยตอนนี้…ความง่วงในทีแรกถึงกับหายเป็นปลิดทิ้ง
“มากอดผมทำไม ปล่อยเถอะ เดี๋ยวมีใครเข้ามาเห็นแล้วชานยอลจะลำบาก”
“โกรธอะไร”
“….”
“ทำอะไรให้ไม่พอใจไว้ก็ว่ามาสิ ฉันจะได้อธิบายถูก”
“ไม่มีหรอก”
“ต้องมีสิ”
“ชานยอลตื้อคนเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ใครว่าตื้อล่ะ ฉันกำลัง…ง้ออยู่ต่างหาก” ชานยอลวางคางลงบนไหล่น้อยของแบคฮยอน “ไหน ฉันทำอะไรไว้บอกให้เข้าใจหน่อย”
“ชานยอลไม่ต้องกลับขึ้นไปสังสรรค์กับเพื่อนๆต่อหรอ ปล่อยผมแล้วกะ…”
“ถึงกลับขึ้นไปก็ไม่สนุก ในเมื่อมีคนไม่สบายใจเพราะเรื่องของฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน” คนฟังเม้มปากแน่น หันหน้าหนีใบหน้าหล่อที่ยื่นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกโด่งแทบชนแก้ม ใจหนึ่งรู้สึกดีที่อีกฝ่ายแสดงออกว่าแคร์ แต่อีกใจมันก็ปวดหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก…น้ำตาพลันจะไหลลงมาแต่ก็พยายามกะพริบตาถี่เข้าไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกไป
“อันนี้นายทำใช่มั้ย” ขวดแก้วเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าคุ้นตาเสียจนพาให้ตกใจ ทำเองกับมือมาทั้งคืนทำไมแบคฮยอนจะจำมันไม่ได้ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าขวดของขวัญนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเองแล้ว ไม่ทันได้เอะใจถึงมันเลยด้วยซ้ำ
“ชานยอลได้มันมาได้ยังไง” แบคฮยอนเอื้อมมือหมายจะคว้ามันคืนมาทว่าก็ทำไม่ได้ ชานยอลกำมันไว้ในมือจนมิดแถมยังเอาแขนมารัดตัวเขาให้แน่นกว่าเดิม
“ทำมาให้แท้ๆทำไมต้องโกหก”
“เซฮุนใช่มั้ย ได้มันมาจากเซฮุนใช่หรือเปล่า”
“ตอบให้ตรงคำถามสิ”
“ไม่เห็นหรอว่ามันเป็นยังไง เอาให้ก็โดนเพื่อนชานยอลหัวเราะเยาะเปล่าๆ”
“ดอกหญ้านายยังเคยให้ฉันมาแล้ว จะเอาไอ้ขวดเล็กกระจิ๋วนี่ให้ฉันอีกจะเป็นไรไป”
“แต่ตอนนั้นเราอยู่กันแค่สองคน”
“แล้วถ้าสมมุติว่าฉันยังไม่เห็นมัน และเราอยู่กันแค่สองคนนายจะเอาให้ฉันหรือเปล่า”
“ผมจะโยนมันทิ้งลงทะเล”
“ทั้งๆที่นายนั่งทำทั้งคืน?”
“ตัดใจทิ้งมันตั้งแต่แรกอาจจะเสียใจน้อยกว่าให้ไปแล้วถูกมองข้ามความสำคัญ…มันไม่ได้มีราคา ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ ไม่เหมือนของแบรนด์เนมที่เพื่อนๆให้ชานยอลมาหรอก”
“ในสายตานายฉันเป็นแบบนั้นหรอ เห็นฉันเป็นพวกชอบดูถูกน้ำใจคนหรือไง”
“เปล่า แต่ในความเป็นจริงระหว่างก้อนหินกับของหรูๆแพงๆคนเราก็ต้องเลือกอย่างหลังด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ”
“แต่ฉันมีสิทธิ์เลือก แล้วฉันก็จะใช้สิทธิ์ของตัวเองเลือกเก็บมันไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ของหรูๆ หรืออะไรก็ช่าง การที่นายคิดแบบนี้ไม่ใช่แค่กำลังดูถูกฉันนะ แต่นายกำลังดูถูกตัวเองด้วยแบคฮยอน”
“….”
“ไม่เห็นต้องเอาตัวเองไปเทียบกับใครเค้าเลย นายมีแค่ไหนแล้วเพื่อนฉันมีแค่ไหนฉันรู้ดี ฉันไม่เคยหวังว่านายจะต้องซื้อของแพงๆให้ จะไม่ให้เลยก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“….”
“แบคฮยอน”
“….”
“อย่าเป็นแบบนี้สิ อย่าคิดแทนฉัน”
“จะว่าไปแล้ว..ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชานยอลเลย”
“….”
“ชานยอลชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ของสะสมแบบไหนที่ชานยอลชอบ เสื้อผ้าของใช้แบบไหนที่ถูกใจชานยอลผมไม่รู้เลยซักอย่าง แม้แต่เรื่องวันเกิดก็ต้องให้คนอื่นเค้ามาบอกก่อนผมถึงจะรู้…” ชานยอลผละตัวออกแล้วค่อยๆหมุนร่างเล็กให้หันเข้ามาเผชิญหน้ากันตรงๆ น้ำตาที่เปรอะอยู่บนสองแก้มน้อยกำลังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจเสียและทำตัวไม่ถูก
“ซอรินที่ชานยอลบอกว่าคิดแค่เพื่อนยังรู้ใจมากกว่าผมที่ชานยอลบอกว่าชอบเลย”
“ตัดพ้อตัวเองแบบนี้ไม่ใช่นายเลยนะ”
“ผมไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรที่เหมาะส.ม..กับชานยอลเลยซักอย่าง ฮึก..”
“คิดมากไปแล้ว” คนตัวเล็กถูกดึงเข้าไปซุกอกอุ่น ชานยอลลูบศีรษะปลอบประโลมเขาราวกับคุณพ่อที่กำลังปลอบลูกน้อยซึ่งทำจักรยานล้มจนเจ็บตัวเพราะว่าเพิ่งหัดขี่มันครั้งแรก
“อยากเปลี่ยนใจมั้ยชานยอล”
“เปลี่ยนทำไม”
“เปลี่ยนจากผมไปเป็นคน…”
“พอทีเถอะน่า”
“ฮึ.ก..”
“แล้วก็ได้โปรดหยุดร้องด้วย ให้ตายสิ..วันนี้วันเกิดฉันแทนที่จะอวยพรแต่นายดันมาร้องไห้ให้ฉันแทน มันน่าตีจริงๆ” ชานยอลลงโทษด้วยการรัดตัวคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
“ฟังนะ…จะรวยจะจน จะมีหรือไม่มีอะไรฉันไม่สนหรอก ฉันมีพร้อมทุกอย่างแล้วถ้าจะรักคนที่ไม่มีอะไรเลยมันกลับต้องเป็นเรื่องที่ดีสิ ฉันสามารถดูแลคนๆนั้นได้ แล้วฉันก็จะทำให้ชีวิตคนๆนั้นดีขึ้น”
“แล้วไม่อายคนอื่นบ้างหรอ…”
“ถ้าฉันแคร์คนอื่นมากกว่านายก็คงไม่ปล่อยให้เรื่องของเรามันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก” คนตัวเล็กแนบหน้าลงบนอกแกร่งจนแทบจมลงไป สองแขนยกขึ้นมากอดตอบเอวสอบให้แน่นที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้
“ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอก็แค่ค่อยๆปรับ มันไม่ได้มีอะไรยาก คนเพิ่งคบกันก็ต้องอยู่ในระยะที่ต้องปรับตัวเข้าหากันแบบนี้อยู่แล้ว” ชานยอลก้มลงจูบซับกลุ่มผมสีดำเบาๆ
“ขวดแก้วติ๊งต๊องของนายลิมิเต็ดอิดิชั่นยิ่งกว่าของแบรนด์เนมที่ฉันได้มาทั้งหมดอีก กรุณากลับไปมั่นใจตัวเองเหมือนเดิมด้วย หลานคุณยาย” แบคฮยอนทุบหลังชานยอลดังอั่ก! โทษฐานที่มาว่าขวดของขวัญของเขาติ๊งต๊อง แต่หลังจากนั้นก็กอดแน่น เอาหน้าเข้าซบต่อเหมือนเดิม
ถ้าชานยอลเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยทำดีกับแบคฮยอนเลยแบคฮยอนก็คงไม่แคร์ขนาดนี้ คงเพิกเฉย ไม่สนเลยว่าเพื่อนหรือคนรอบข้างของอีกฝ่ายคนไหนจะมองจะคิดยังไงบ้าง คงไม่เก็บเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาใส่ใจ เป็นกังวลจนไม่เป็นตัวของตัวเองแน่ แต่เพราะมันตรงกันข้าม
ชานยอลดีกับเขาเสมอ ชานยอลทำให้เขาอุ่นใจ ทำให้รู้สึกปลอดภัย และยังเป็นแรงบันดาลใจให้แบคฮยอนอยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักหน้าตาเป็นยังไง มีฤทธิ์ร้ายแรงจนทำให้คนๆนึงกลายเป็นคนโง่ได้อย่างที่คนเค้าว่ามาจริงหรือเปล่า
จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเองในวันนี้ แบคฮยอนถึงได้รู้ว่ามันไม่ผิดเลยจริงๆ ความรักทำให้สุขได้ แล้วก็ทำให้เป็นทุกข์ได้ไม่ต่างกัน แบคฮยอนขลาดกลัวง่ายผิดวิสัยก็เพราะความรัก แบคฮยอนตัดพ้อตัวเอง ว่าตัวเอง กลายเป็นคนอ่อนแอไม่เหมือนเดิมก็เพราะความรักทั้งนั้น
คิดแล้วก็น่าตลกสิ้นดี
เขาคงชอบชานยอลมากจริงๆนั่นแหละ
ไม่...ต้องบอกว่ารักมากถึงจะถูกสินะ
“ผมขอโทษนะ” แบคฮยอนดันร่างตัวเองออกเบาๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูงกว่า “งี่เง่าคิดมากไปเอง” ชานยอลยิ้มจางๆพลางเกลี่ยเส้นผมนุ่มที่ปรกหน้าผากน้อยของแบคฮยอนเล่น
“เราจะไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีก ตกลงไหม”
“ครับ”
“ครับ?” ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นกับการรับคำอย่างแสนสุภาพของแบคฮยอน วันนี้อีกฝ่ายทำให้เขาประหลาดใจด้วยหลายครั้งเหลือเกิน ฟังดูแปลกๆแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าน่ารักดี…ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนน่ารักอีกแล้ว
“ขำผมทำไม”
“มีเด็กดื้อมาพูดเพราะกับฉัน”
“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกผมว่าเด็กดื้อ ผมโตแล้วนะ ผม…” แบคฮยอนคิดคำที่จะพูดไม่ออกเมื่อใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มลงมาใกล้ ชานยอลเว้นระยะห่างระหว่างปลายจมูกของกันและกันไว้ให้ไม่ถึงคืบ ดวงตามองลึกเข้ามาจนคนตัวเล็กต้องประสานสายตามองตอบ
“ผมลืมสิ่งที่อยากจะพูดหมดแล้ว..” กลีบปากน้อยถูกขโมยจุ๊บเบาๆหนึ่งครั้ง…สองครั้ง…และอีกหลายๆครั้ง…ปาร์คชานยอลกำลังปั่นหัวเขา และมันก็สำเร็จด้วยเพราะตอนนี้สมองแบคฮยอนเริ่มตื้อและคิดอะไรไม่ออกอีก
“ลืมสิ่งที่อยากจะพูดก็ไม่ต้องพูดแล้วดีไหม เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น”
“ท ทำอะไร”
“ทำในสิ่งที่คนเป็นผู้ใหญ่เค้าทำกัน”
“….”
“แค่สองคน”
“อ้ะ..!” ร่างเล็กถูกตวัดขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว ชานยอลเหลือบตามองใบหน้าน่ารักที่ขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วอมยิ้ม ก่อนก้าวเท้าไปข้างหน้า มีจุดหมายปลายทางคือห้องนอน…
.
.
“เปิดสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่ออุ้มคนในอ้อมแขนมาจนถึงหน้าประตูห้อง แบคฮยอนกัดปากตัวเองด้วยความเขินอาย ยอมเอื้อมมือช่วยเปิดประตูห้องให้ตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
ชานยอลวางเขาลงแล้ว
ปั้ง
แคร่ก…
แถมยังปิดประตู ลงกลอน และคล้องโซ่สีเงินแกมทองไว้อย่างดี…แน่นหนาชนิดที่ว่าคนนอกไม่มีทางเข้ามาได้ นอกจากจะทะลึ่งใช้อุปกรณ์อะไรพังเข้ามา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆคุณชายคงไม่ปล่อยให้มีชีวิตรอดกลับออกไปได้ หรือไม่ก็รอด…แต่อาจมีการเจ็บตัวกันเกิดขึ้น
พลั่ก…
แบคฮยอนเองก็เหมือนกัน
ตึ่ก
กว่าจะได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกอีกทีก็คงต้องผ่านการเจ็บตัวก่อนไม่น้อย…แต่เป็นการถูกทำให้ ‘เจ็บ’ คนละวิธีกับเหล่าคนนอกที่ว่านั่นนะ…กระบวนท่าก็คงต่างกันมากโขอยู่…
“อือ...” นับตั้งแต่ถูกดันร่างให้ติดกับผนังห้องนอนตรงทางเข้า แบคฮยอนก็ยังไม่มีโอกาสได้หายใจเข้าอย่างเต็มปอดเลย เพราะมีริมฝีปากของปาร์คชานยอลเข้ามาแย่งอากาศไปตลอด
คุณชายประกบปากสอดลิ้นเข้ามาดูดดุนดันจนแบคฮยอนมึนไปหมด มือไม้อ่อนปวกเปียกสู้อะไรไม่ได้ ได้แค่เกาะไหล่ทั้งสองข้างคนโตกว่าไว้แน่นๆเพื่อเป็นหลักยึด ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปก่อน
ตึ่ก!
ร่างเล็กเริ่มถูกดันให้เดินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ริมฝีปากทั้งสองยังคงประกบกันไม่ปล่อย เวลานี้แบคฮยอนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนอกจากปลายคางของคนตรงหน้า
ตุ่บ!
โครมมม
“ชานยอล ของตกหมดแล้ว…” ของขวัญด้วย ร่วงลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมดเพราะเขาเดินถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่ใช้วางพวกมันอยู่ ดีที่ไม่มีชิ้นไหนแตก แบคฮยอนทันมองแค่เสื้อแจ็คเก็ตกับเข็มขัดเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นชานยอลก็เอาหน้าหล่อๆของตัวเองเข้ามาบังจนมิด…พรมจูบไปทั่วใบหน้า…แล้วยังแกล้งไซ้คอเขาให้ใจสั่นเล่นอีก
“ไม่คิดจะสนใจของขวัญของตัวเองบ้างหรือไง” ถ้ามันเสียหายหรือชำรุดตรงไหนขึ้นมาแบคฮยอนไม่มีปัญญาใช้ และจะไม่ขอมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะทั้งหมดเจ้าของวันเกิดเป็นคนทำเองทั้งนั้น…อยากมาจูบแล้วดันเขาไปชนนั่นชนนี่เอง แถมไม่ยอมสนใจมองหรือคิดจะก้มลงเก็บซักนิด
“อย่าทำรอยนะ อ้ะ!...บอกอย่าทำไง”
“ทำไปแล้ว และจะทำอีก”
“ผมอยากให้ทุกคนได้มาเห็นอย่างที่ผมเห็นจริงๆ ชานยอลคนที่มีภาพลักษณ์นิ่งๆนั่นมันแค่ภาพลวงตา ชานยอลตัวจริงน่ะต้อ.ง…อื.อ..เก็บกดกับเรื่องพรรค์นี้”
คนฟังหัวเราะในลำคอเบาๆ ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ปรนเปรอจูบให้คนรักไม่หยุด ไม่มีขาดตกบกพร่อง ออกจะจู่โจมหนัก ไม่ปล่อยให้คนอ่อนประสบการณ์ได้มีเวลาพักหายใจหายคอสะดวกเลยซักนาที
“ฉันไม่ได้มีอะไรกับใครมาซักพักแล้ว”
“หยา…ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ซักหน่อย”
“ก็อยากบอก” งับกลีบปากสีชมพูเล่น พลางเกลี่ยปลายจมูกของตัวเองเข้ากับอวัยวะเดียวกันที่เป็นของอีกฝ่าย “จะได้รู้ว่าที่เป็นแบบนี้มันมีที่มาที่ไป ฉันไม่ใช่คนหมกมุ่น”
“หรอ”
ไม่ใช่คนหมกมุ่นแต่เป็นคนที่ไวต่อเรื่องอย่างนี้สินะ ถึงได้เอามือสอดเข้ามายุ่มย่ามใต้เสื้อฮู้ดของเขาได้โดยที่เขายังไม่ทันจะรู้ตัว หนำซ้ำยังทำท่าจะช่วยถอดมันออกอีก ตอนก้มลงมองตัวเองแบคฮยอนก็เพิ่งเห็นด้วยว่ากระดุมกางเกงยีนส์ถูกปลด ซิบก็ถูกรูดลงไปจนเกือบสุด ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำมันตอนไหน
บ้าเอ้ย! จะร้ายกาจเกินไปแล้วนะพี่ชายเซฮุน
“ดื้อหรอ” ชายหนุ่มแอบดุเพราะแบคฮยอนยังขืนตัวไม่ยอมให้ถอดเสื้อออก คนตัวเล็กกำลังจะอ้าปากอ้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อถ่วงเวลาทำใจ ทว่าชานยอลกลับก้มลงมาจูบปิดปากอีกครั้ง ดูดดึงริมฝีปากน้อยด้วยรสจูบดูดดื่มแบบที่แบคฮยอนต้องยอมแพ้
สองแขนยอมยกขึ้นเพื่อให้ชานยอลถอดเสื้อออก พร้อมๆกับที่ปล่อยร่างตัวเองให้ถูไถผนังต่ำเรื่อยลงไปจนทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยอาการเข่าอ่อน…ยอมแพ้แล้ว…ต่อจากนี้ชานยอลอยากจะทำอะไรก็ทำเลย…อยากจะจูบ จะดูด จะไซ้หรือจะอะไรก็ยอมแล้วทั้งนั้น…
“อย่าเพิ่งหมดแรงก่อนสิ” ชานยอลนั่งยองๆตามลงมา หอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรู้สึกเอ็นดู “ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไร”
“ชานยอลทำผมมึนไปหมดแล้ว”
“ฮ่ะๆ”
“มัน…เต้นเหมือนจะหลุดออกมาเลย”
“งั้นหรอ” ชานยอลมองมือน้อยที่กุมอยู่บนอกซ้ายของอีกฝ่ายเอง น่าเอ็นดูจนต้องจูบเบาๆที่ข้างขมับ แบคฮยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตา มองโต้ตอบกันอย่างมีความหมายก่อนที่แรงดึงดูดจะพาให้ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง
“อืมม” ชานยอลครางต่ำเมื่อแบคฮยอนเริ่มสู้ จูบตอบอีกทั้งยังสอดสองมือเข้ามาในกลุ่มผมของเขา มือหนึ่งของชายหนุ่มจึงยกขึ้นลูบข้างแก้มนิ่มด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ส่วนอีกมือกำลังควานหาอะไรบางอย่างบนพื้นห้อง
สัมผัสแรกชานยอลควานไปเจอฝากล่องของขวัญหลายขนาด มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการเขาจึงควานมือหาต่อไปเรื่อยๆกระทั่งสัมผัสโดนเซ็กซ์ทอยของคิมจงอินเข้า แน่นอนว่าชานยอลไม่ทะลึ่งพอจะใช้มันกับครั้งแรกระหว่างตัวเองกับแบคฮยอน มือใหญ่ปัดมันออกให้พ้นทาง เช่นเดียวกับเทียน โซ่ แส้ หรือแม้แต่กุญแจมือ...เขาเลือกหยิบไปเฉพาะกล่องเล็กๆกับขวดเจลหล่อลื่นเท่านั้น
ช้อนร่างแบคฮยอนขึ้นอุ้มอีกครั้ง พาไปยังเตียงนอนใหญ่แล้วค่อยๆวางร่างในอ้อมแขนลง ตามด้วยการเอาตัวเองเข้าไปคร่อมทับไว้ สายตาจ้องแต่ใบหน้าน่ารักเพียงจุดเดียว ขณะที่มือกำลังปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น
แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เบือนหน้าหนีท่อนอกเปลือยเปล่าของชานยอล ทว่าสายตาไปเจอเข้ากับกล่องเล็กๆกับขวดบางอย่างข้างลำตัว ไม่แน่ใจว่ามันใช่สิ่งที่ตัวเองคิดมั้ย แต่หน้าก็ร้อนผ่าวนำไปแล้ว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเข็มขัดกระทบกับอะไรบางอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นกระดุมกางเกงเขายิ่งเขินอายอย่างหนัก หัวใจเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวินาทีดูยืดยาว ราวกับอยากแกล้งให้เขาวิตกกังวล หวาดกลัว แล้วก็ฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆ สองขายาวที่หนีบขาของเขาไว้มันเหมือนคีมเหล็ก ทั้งแข็งแรงและหนักแน่นจนแบคฮยอนขยับตัวไปทางไหนไม่ได้ ได้แค่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างคอยฟังเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าและเสียงลมหายใจหนักๆของกันและกัน…ทุกอย่างเงียบไปหมด…เยือกเย็นจนพาลให้ตัวสั่นสะท้าน
“ไม่เคยเลยใช่มั้ย”
CUT
(Bio twitter)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอาจริงตามอ่านตั้งแต่แรก ก็เหมือนเลี้ยงและผระคบประหงมน้องแบคมาด้วยกันกับชานยอล อันไหนน้องทำผิดทำไม่เีก็มีชานยอลคอยสั่งสอน
แต่ตอนนี้มันอารายยยบ ลูกแบคน้อยในกรงแขนของชานยอลลลลล
.///.