ตอนที่ 22 : Shining XXI :: clear
Shining XXI
คำว่าชอบเพียงคำเดียวมีอานุภาพรุนแรงให้คนเราสามารถนอนตาค้างหลับไม่ลงได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ แบคฮยอนได้แต่นอนสงสัยมาตลอดทั้งคืน..
05:50 A.M.
คนตัวเล็กแหงนคอมองนาฬิกาตั้งโต๊ะใกล้เตียงแล้วได้แค่นึกทอดถอนหายใจ ไม่กล้าผ่อนลมหนักออกมาจริงๆหรือแม้แต่ขยุกขยิกตัวเล็กๆน้อยๆก็ไม่อยากทำเพราะกลัวจะทำให้คนตัวสูงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่พอดวงตาคู่เล็กเลื่อนลงมองแขนยาวซึ่งพาดอยู่บนเอวของเขาแล้วต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆทุกที
ปาร์คชานยอลจะรู้บ้างไหมว่าขณะที่ตัวเองนอนหลับสบายนั้นยังมีใครอีกคนต้องได้รับผลจากการกระทำอันไม่มีสติของตัวเอง จะรู้บ้างไหมว่าทำให้คนๆหนึ่งต้องนอนไม่หลับอยู่ตรงนี้ หายใจให้ผ่านพ้นแต่ละวินาทีก็ยากลำบาก จะรู้อะไรบ้างไหมนะ ไอ้คนนิสัยไม่ดี
มันเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วที่แบคฮยอนต้องทนนอนอยู่ใต้อ้อมแขนหนักๆของปาร์คชานยอล ต้องนอนหงาย ตัวเกร็งปล่อยให้คนเมาซุกหน้าลงมาที่หัวไหล่เหมือนเด็กๆทั้งที่ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ แต่มันดีกว่าปล่อยให้อีกคนนอนคร่อมทับอยู่บนร่างเขาเหมือนอย่างตอนแรกที่บุกรุกเข้ามา ไม่สิ..แบคฮยอนคิดว่ามันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเอาเปรียบอยู่ดี!
หายใจก็ลำบาก อึดอัดที่ต้องถูกกอดถูกซุกไซ้ถึงเนื้อถึงตัวถ้าหากว่าขยับดิ้นไปมา ใจสั่นพร่าให้กับลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดลงมาบนตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังต้องฟุ้งซ่านกับคำว่า ‘ชอบ’ที่คนเมาปล่อยมาเล่นงานเขาก่อนที่จะผล็อยหลับไปจริงๆ
แบคฮยอนยังคงรู้สึกเหมือนตัวลอยอยู่กลางอากาศตลอดเวลานับตั้งแต่ได้ยินคำนั้น สมองมันตื้อๆโล่งๆหนักๆสลับกันมั่วไปหมด หัวใจคงไม่สามารถกลับสู่สภาวะปกติได้ง่ายๆตราบเท่าที่ยังถูกคนบางคนเอาแต่กอดไม่ปล่อยอยู่อย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันจริงเท็จแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากตื่นขึ้นมาในเช้าพรุ่งนี้แล้วอีกฝ่ายจะเป็นยังไง จะยังจำสิ่งที่ทำลงไปได้หรือไม่ได้ เวลานี้แบคฮยอนรู้อยู่อย่างเดียวเท่านั้นแหละว่า
ตัวเองได้เผลอใจกับ ปาร์คชานยอล เข้าให้แล้ว
ทั้งสมอง ทั้งหัวใจ ทั้งความรู้สึกทุกอย่างมันชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ ถึงจะไม่เคยรู้สึกต่อใครในทางนี้มาก่อนแต่แบคฮยอนก็ค่อนข้างแน่ใจแล้ว..เขาชอบปาร์คชานยอล..ที่ใจเต้นแรงด้วยบ่อยๆก็เพราะว่าชอบ..ที่เอาแต่สับสนคิดถึงเรื่องอีกฝ่ายไม่หยุดก็เพราะว่าชอบ..ที่น้ำตารื้นขึ้นมาแค่เพียงได้ยินเสียงยานคางนั้นบอกว่าชอบเหมือนกันนั่นก็เพราะได้เผลอให้ความรู้สึกดีๆกับอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณชายปาร์คคนเล็กของนม”
หญิงวัยหกสิบต้นๆเดินขึ้นบันไดมาพร้อมสาวใช้อีกสองสามคน ในมือพวกหล่อนเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านทั้งหลายแหล่ซึ่งสถานที่เป้าหมายไม่ใช่ที่อื่นไกล ก็ห้องนอนที่ผู้เป็นเจ้าของเค้าเพิ่งเปิดประตูออกมาพอดีนั่นแหละ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณนมคนสวยของผม” เด็กหนุ่มหันมายิ้มทักทายแม่นมของตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปกอดๆหอมๆอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ กลิ่นแชมพูหอมฟุ้งทำให้คนวัยแก่เดาได้ว่านายน้อยของตัวเองนั้นคงเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาไม่นาน ชุดที่สวมอยู่ดูสบายๆคาดว่าวันนี้คงไม่มีธุระให้ออกไปทำที่ไหน
“อ้อนคนแก่เป็นเด็กๆอีกแล้วนะคะ”
“แก่ที่ไหนล่ะครับ คุณนมเป็นสาวสองพันปีของผมนะ มุมซ้ายเหมือนยุนอา มุมขวานี่ซูจี แต่ถ้ามองหน้าตรงล่ะก็..แฝดซองเฮเคียวชัดๆ” คนถูกยกยอเกินจริงส่ายหน้าพลางปล่อยเสียงหัวเราะร่วนออกมา มือก็คอยทำหน้าที่ลูบหัวคุณชายปาร์คคนเล็กไปด้วยความเอ็นดู
“เอาใจคนแก่เก่งแบบนี้สงสัยคุณชายของนมต้องได้แฟนแก่กว่าตัวเองแน่เลยค่ะ ฮ่ะๆๆ” ถึงแม้เด็กชายในวันวานจะได้เติบโตกลายเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัวในวันนี้แล้ว หากแต่ในสายตาของหล่อนและทุกคนในบ้านยังคงมองว่าคุณชายปาร์คคนเล็กยังเป็นเสมือนเด็กเล็กๆอยู่ดี ยังขี้อ้อนเหมือนตอนเด็ก ยังอ่อนโยน ไม่ถือตัวและมองโลกในแง่บวกเสมอ ใครเห็นใครก็รักและชื่นชอบในตัวเด็กหนุ่มกันทั้งนั้น
“ฮ่ะๆ ผมเพิ่งถูกปฏิเสธความรักมาเมื่อวานนี้เอง คงยังไม่คิดชอบใครที่ไหนอีกง่ายๆหรอกครับ”
“พูดจริงหรือแค่หยอกนมเล่น” หล่อนผละหน้าออกมาถามคุณชายเล็ก อาการยิ้มแห้งด้วยแววตาเศร้าลงไปนิดทำให้อดเป็นกังวลด้วยไม่ได้ อยากจะเชื่อก็เชื่อไม่สนิทใจเพราะเด็กหนุ่มชอบสร้างเรื่องมาอำคนแก่เล่นบ่อยครั้งจนแยกไม่ได้แล้วว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริงกันแน่ อีกอย่างมันก็แทบนับครั้งได้ที่หล่อนจะมีโอกาสเห็นคุณชายคนนี้มีเรื่องทุกข์ใจจริงๆจังๆเหมือนอย่างคนอื่นเค้า
“มีเรื่องอย่างนั้นจริงหรือคะ”
“ครับ”
“….”
“ไม่ทำหน้าสงสารผมแบบนั้นนะ เพราะถ้าผมร้องไห้ขึ้นมาคุณนมนั่นแหละที่จะต้องเป็นคนลำบากปลอบคนหล่อคนนี้” เด็กหนุ่มเอียงหน้าลงซบไหล่คนวัยแก่ “ซองเฮเคียวของผมไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกน๊า..มันเจ็บนิดนึงแต่ผมยังโอเคดี”
“ฮื่อ ก็ทำเป็นเล่นแบบนี้ทุกที ไม่เอาแล้วค่ะ” หล่อนดันตัวเด็กหนุ่มออกเบาๆ “นมเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ดีกว่า ส่วนคุณชายลงไปทานอาหารเช้าเถอะค่ะเดี๋ยวจะเลยเวลาทานยาไปมากกว่านี้”
“โธ่ อย่าขี้บ่นเหมือนพี่ชายคนนั้นของผมสิ”
“บ่นอะไรกันคะนมบอกเพราะเป็นห่วงทั้งนั้น สิบโมงกว่าแล้วรีบลงไปทานข้าวทานยาซะนะคะ เดี๋ยวกลับมาป่วยอีกจะแย่เอา”
“คร้าบๆ เข้าใจแล้วคร้าบคุณซองเฮเคียวคนสวย” เด็กหนุ่มถูกมือเหี่ยวย่นตีลงมาที่ไหล่เบาเสียจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บ คุณนมเปิดประตูหายเข้าไปในห้องนอนของเขาแล้ว ถามถึงสาวใช้อีกสามคนที่มาด้วยกันพวกเธอเข้าไปตั้งแต่เขายังยืนอ้อนคุณนมไม่เสร็จเลยล่ะ
และแทนที่จะลงไปทานมื้อเช้าตามที่คุณนมบอกเลย ปาร์คเซฮุนเลือกที่จะเสียเวลาเดินไปเคาะประตูห้องเพื่อนตัวเล็กก่อนเพราะอยากชวนให้ลงไปด้วยกัน ระหว่างยืนรอก็คิดถึงเรื่องที่เพิ่งพูดกับคุณนมไปก่อนหน้านี้ ‘ผมยังโอเคดี’ แค่นึกทวนคำพูดตัวเองซ้ำก็พาลให้อยากหัวเราะแล้ว
เขากล้าพูดคำๆนี้ออกไปเพื่อให้ผู้ใหญ่สบายใจทั้งที่เมื่อวานแทบชักดิ้นชักงออยู่ในห้อง เขาเคารพการตัดสินใจของแบคฮยอนนะ เคารพรูปแบบความสัมพันธ์ที่เป็นได้แค่เพื่อนกัน แต่ยังทำใจยอมรับเรื่องที่เพื่อนถูกพี่ชายเขาจูบไม่ได้จริงๆ ต่อให้เมื่อวานตัวเองจะได้จูบเหมือนกันแต่เซฮุนก็รู้สึกคับแค้นใจในพฤติกรรมของคนเป็นพี่ชายอยู่ดี
ความรู้สึกของเซฮุนตอนนี้มันเหมือนกับว่าศิลปินที่ตัวเองคลั่งไคล้มากๆแถมยังตามติดชีวิตทุกวันๆกำลังออกเดทกับใครซักคน แล้วไอ้ใครซักคนที่ว่าก็ดันเป็นพี่ชายจอมโหดของเขาด้วย มันไม่ได้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังลงไปหรอก แต่มันเหมือนถูกผู้มีอำนาจเหนือกว่าเข้ามาตีชิงเอาบ้านเมืองเราไปเป็นเมืองขึ้นได้อย่างเลือดเย็นมากกว่า!
แคร่ก..
“มอนิ่งแบคฮยอ..!!!” ทันทีที่เห็นว่าผู้อยู่หลังบานประตูห้องนอนคือปาร์คชานยอลไม่ใช่แบคฮยอนคนที่ตัวเองรอพบ ความรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางหัวก็กลับมาเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาเรียวรีมองค้างอยู่ที่ใบหน้าของพี่ชาย ก่อนจะค่อยๆขยับสายตามองเรื่อยลงไปถึงรองเท้าสลิปเปอร์สีขาวที่อีกฝ่ายสวมอยู่
“ทำไมพี่ถึงมาอยู่ในห้องนอนแบคฮยอน?!” ผมยุ่งไม่เป็นทรง กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกติดลวกๆอยู่แค่สามเม็ดล่าง ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงยีนส์สีเข้ม กลิ่นฟุ้งของแอลกอฮอล์กับสีหน้าเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนมาใหม่ๆเซฮุนควรเข้าใจว่ายังไง “พี่เข้าไปทำอะไรในนั้น เข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คงไม่ใช่นอนอยู่ที่ห้องนี้ทั้งคืนหรอกนะ”
“อืม” ชายหนุ่มยอมรับง่ายๆด้วยสีหน้าของคนปวดหัว “คงอย่างนั้น”
“อะไรนะ!”
“อย่าโวยวายได้มั้ยฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
“จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงในเมื่อพี่ออกมาจากห้องนอนแฟนผมในสภาพนี้!” คนน้องร้องบอกอย่างหัวเสีย ขณะที่คนเป็นพี่ทำแค่เงยหน้าขึ้นมาสบตามองตอบนิ่งๆครู่เดียว เขาดึงลูกบิดประตูห้องให้ปิดสนิทแล้วเดินผ่านเด็กหนุ่มไปโดยไม่สาวความใดๆต่อด้วยทั้งนั้น แต่มีหรือน้องชายจะยอมปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปง่ายๆ
“พี่จะเดินหนีไปไหน มาคุยกับผมให้รู้เรื่องเลยนะ”
“จะไปอาบน้ำ”
“อย่าหาเรื่องเฉไฉหน่อยเลย”
“ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม”
“งั้นทำไมไม่ยอมตอบคำถามผมล่ะ” เด็กหนุ่มรีบแทรกตัวเข้าไปยืนขวางประตูห้องนอนพี่ชายพลางจ้องหน้าเค้นถามอย่างเอาเรื่อง “บอกมาว่าพี่เข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง และเข้า – ไป – ทำ – อะไร!” ปาร์คเซฮุนได้รับเสียงถอนหายใจก่อนคำตอบที่อยากฟังเสียอีก
“ฉันไม่รู้”
“คิดว่าผมจะเชื่อหรอ”
“จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของนายแต่จะถามอีกกี่ครั้งฉันก็จะให้คำตอบแบบนี้ เมื่อคืนฉันเมา จำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองกลับมาถึงบ้านตอนไหน เรื่องอื่นยิ่งไม่ต้องถาม จำไม่ได้”
“พี่จะมาตอบชุ่ยๆแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ไม่ต้องห่วง แฟนนายไม่ได้อยู่ที่ห้องให้ฉันทำอะไรหรอก” เซฮุนขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “ตื่นมาก็ไม่เจอตัวแล้ว ไม่มีแม้แต่รอย เพราะงั้นเลิกเซ้าซี้ฉันซะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
ปั้ง!
“ทางนี้ค่ะคุณชาย”
เด็กหนุ่มเดินตามหลังสาวใช้คนหนึ่งไปทางสนามหลังบ้านหลังได้รับรายงานจากปากเธอว่าเจอตัวแบคฮยอนนอนหลับอยู่ข้างๆบ้านสุนัข เซฮุนรู้สึกหัวเสียกับนิสัยเฉยเมยของพี่ชาย ปาร์คชานยอลเพิ่งปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างไม่แยแสไปเมื่อกี้ เคาะเรียกกี่ทีๆก็ไม่ยอมเปิดออกมาคุยกันให้เคลียร์ คิดถึงแล้วมันหงุดหงิดอยากโวยวายใส่ให้เส้นประสาทพังกันไปข้าง
“เฮ้ย..” ภาพเพื่อนตัวเล็กนั่งหลับ พิงหัวไปกับหลังคาบ้านลูกสุนัขสีไม้ที่เด็กหนุ่มยังไม่ลืมว่าตัวเองนี่แหละเป็นคนสั่งให้คนของพ่อจัดหามาให้กำลังสร้างความตกใจให้กับเด็กหนุ่ม..ทำไมแบคฮยอนถึงมาหลับอยู่ตรงนี้? เซฮุนไม่เข้าใจ
“คุณหนูหลับลึกมากเลยค่ะ ดิฉันและคนงานคนอื่นๆลองช่วยกันปลุกแล้วแต่แกก็ยังไม่ยอมตื่น บอดี้การ์ดของคุณท่านที่เฝ้ากล้องวงจรปิดบอกว่าเห็นคุณหนูมาแอบหลับอยู่ตรงนี้ตั้งแต่หกโมงกว่าๆแล้วดิฉันไม่รู้จะทำยังไง ก็เลย..”
“ไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง”
“ค่ะคุณชาย” เด็กหนุ่มย่อตัวนั่งยองๆลงตรงหน้าเพื่อน ช่วยปัดผมเส้นเล็กที่ตกลงมาปรกใบหน้าเล็กน่ารักออกให้อย่างเบามือ
“แบคฮยอน..” เขาลองเรียกเพื่อนทว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งหลับตาพริ้มหายใจสม่ำเสมอไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเหมือนเดิม เซฮุนไม่แน่ใจว่าวันนี้เพื่อนจะต้องไปซ้อมวิ่งทั้งที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรืออย่างไรเพราะอีกฝ่ายอยู่ในชุดกีฬาแขนขายาวสีเทาหมดทั้งตัว ไม่รู้เหตุผลของการมานอนอยู่ตรงนี้ของอีกฝ่ายด้วย แต่ดูแล้วคิดทันทีเลยว่าเพื่อนต้องไม่สบายตัวแน่ๆ
เด็กหนุ่มหวังดีเอื้อมมือไปรูดซิบเสื้อวอร์มที่ปิดคอเพื่อนเสียจนมิดชิดลง เพียงเพราะคิดว่าน่าจะช่วยให้สบายตัวขึ้น และกำลังคิดต่อไปอีกว่าหลังจากนี้เขาอาจจะต้องเป็นคนอุ้มอีกฝ่ายเข้าไปนอนในบ้านเองหรือไม่ก็เรียกให้ใครซักคนเข้ามาช่วยเนื่องจากแขนตัวเองไม่แข็งแรงดีนัก ทว่าความคิดทุกอย่างต้องหยุดลงกลางคันในตอนที่ปาร์คเซฮุนเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆทั่วลำคอระหงของคนตัวเล็กเข้า
!!!
“นี่มันอะไร” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเพ่งมองรอยนั้นอย่างพินิจพิจารณา พยายามไม่ใส่จินตนาการและอารมณ์หึงหวงอื่นใดเข้าไปเพิ่มเพื่อที่จะได้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นเป็นของจริงไม่ใช่ตาฝาดหรือคิดไปเอง
“เซฮุน..” คนตัวเล็กขยับตัวตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาปรือๆ เห็นเพื่อนเอาหน้าเข้ามาใกล้แล้วตกใจนิดหน่อย ก่อนจะต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ว่าคอตัวเองมันโล่งๆไม่มีอะไรปกปิดเหมือนตอนแรก
“รอยที่คอ..”
“ม ไม่มีอะไร!” เห็นแบคฮยอนรีบรูดซิบเสื้อขึ้นปิดจนมิดคอแล้วเซฮุนยิ่งมั่นใจว่ามันคือรอยอะไร และใครคือเจ้าของรอยบ้าๆพวกนี้คงไม่ต้องไปหาคำตอบกันให้เหนื่อย ไอ้คนที่เดินออกมาจากห้องเพื่อนเขาแน่นอน! คนที่บอกไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แม้แต่รอยก็ไม่มีนั่นน่ะ ปาร์คชานยอลกล้าพูดมาได้ยังไง!
“เซฮุนอย่ามองเราแบบนั้นสิ”
“ที่มานอนอยู่ตรงนี้เพราะพี่ชานยอลใช่มั้ย”
“ม ไม่ชะ..”
“รอยดูดนั่นก็พี่ชานยอลทำใช่มั้ย”
“ไม่..เซฮุน!” เด็กหนุ่มพรวดพราดลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าขึงขังแต่ยังไปไหนไม่ได้เพราะมีมือของเพื่อนตัวเล็กรั้งแขนเอาไว้ “จะไปไหน” แบคฮยอนลุกขึ้นยืนตามพลางถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “ถ้าจะไปหาชานยอลเพราะเรื่องของเราก็อย่าเลยนะ”
“ทำไม พี่ชานยอลรังแกแบคฮยอนนะ”
“เซฮุนรู้ได้ยังไงว่าชานยอลเป็นคนทำ”
“เราเห็นเค้าเดินออกมาจากห้องแบคฮยอน”
“….”
“เราเข้าใจถูกแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“....”
ยิ่งเพื่อนเงียบ คำตอบก็ยิ่งชัดเจน
“ขอถามตรงๆนะ แบคฮยอนกับพี่ชานยอลยังไม่ได้มีอะไรกันถึงขั้นนั้นใช่มั้ย” ถึงจะเป็นฝ่ายเริ่มถามอย่างตรงไปตรงมาก่อน ทว่าในใจเซฮุนกลับนึกกลัวคำตอบเสียเอง ก็จริงที่ยอมรับได้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น แต่จะให้มารับรู้ปุบปับว่าคนที่ตัวเองปลื้มแสนปลื้มมาตั้งนานตกไปเป็นของพี่ชายเต็มตัวมันก็โหดร้ายเกินไป เซฮุนยังไม่ทันได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้
“ชานยอลเมา”
“เพราะพี่ชานยอลเมานี่แหละที่น่ากลัว”
“….”
“อย่าเงียบสิ ถ้าไม่อยากให้เราไปเค้นถามเอาจากปากพี่ชานยอลก็เล่าให้เราฟังเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“มันน่าอายอ่ะ เราไม่กล้าเล่าหรอก”
“เล่ามาเถอะ เราสัญญาว่าจะไม่เอาไปพูดต่อที่ไหน” คนตัวเล็กกัดปากคิดด้วยความชั่งใจอย่างหนัก ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานก่อนจะยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้เพื่อนรักฟังด้วยน้ำเสียงสั่นๆและใบหน้าขึ้นสีแดงจัด
“ตอนนั้นเรากำลังนอนหลับอยู่ แล้วจู่ๆก็@$#*)%X%3%*?/^%@!g$ *”
ปาร์คชานยอลก้าวเดินลงบันไดมาด้วยอาการปวดหัวอยู่หน่อยๆ เมื่อคืนเขาเผลอดื่มหนักกว่าทุกครั้งนั่นไม่ใช่เพราะความหงุดหงิดกับภาพบาดตาบาดใจของคนสองคนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะติดลม คุยกันกับไอ้เพื่อนผิวสีแทนอย่างออกรสออกชาติมากไปด้วย ร่างกายรับไหวเท่าไหร่จึงกรอกแอลกอฮอล์ลงคอกันเท่านั้น
เขากับคิมจงอินเป็นพวกคนคอแข็งพอกัน แต่ดูจากสภาพการณ์แล้วคิดว่าเมื่อคืนตัวเองน่าจะเมาหนักกว่า ชานยอลจำได้ลางๆแค่ว่าตัวเองจอดรถทิ้งไว้ที่ร้านและขอติดรถเพื่อนกลับมาบ้านเนื่องจากขับเองไม่ไหว จากนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นอีก อะไรคือความฝันอะไรคือความจริงเขาไม่สามารถแยกมันออกจากกันได้ มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของคนอื่นแล้ว
ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องน่าตกใจและก็น่าปวดหัวในเวลาเดียวกันเมื่อกวาดตามองหาผู้เป็นเจ้าของห้องเท่าไหร่ก็ไม่มีแววเลยว่าจะพบ แถมยังเปิดประตูออกมาเจอน้องชายตัวเองให้ปวดหัวซ้ำเป็นสองเท่าอีก
ชานยอลหงุดหงิดที่ได้ยินปาร์คเซฮุนใช้คำว่า ‘แฟน’ กับแบคฮยอนได้เต็มปากเต็มคำ เขาไม่อาจแน่ใจกับเรื่องความสัมพันธ์ของคนอายุน้อยกว่าทั้งสอง ไม่อยากรับเอาอะไรเข้ามาคิดให้ปวดหัวเพิ่มด้วยก็เลยตัดสินใจปิดประตูใส่หน้าผู้เป็นน้องชายเพื่อตัดความรำคาญ ซึ่งมันยังไม่จบเท่านั้นหรอก หลังจากปาร์คชานยอลอาบน้ำแต่งตัวเกือบเสร็จคิมจงอินก็โทรมาถามไถ่อาการ ก่อนจะร่ายยาวบ่นเขาอีกเป็นชุดกับเรื่องน่าชวนขนหัวลุกเช่นว่า..
‘ฉันนึกว่าไอ้นิสัยเมาแล้วชอบไซ้คอคนอื่นของนายจะหายไปแล้วนะไอ้คุณชาย’
‘ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ คนอุตส่าห์มีน้ำใจขับรถไปส่งถึงบ้าน’
‘เวรไหมล่ะ! นายทำคอฉันเกือบเป็นรอยไอ้เพื่อนเลว’
และประโยคอันน่าขยะแขยงสำหรับทั้งคนฟังและคนเล่าอีกหลายต่อหลายอย่าง ตอนนั้นเขาฟังแล้วได้แค่เอามือลูบหน้าตั้งสติอยู่หน้าโต๊ะกระจก นิสัยตอนเมามากๆเป็นยังไงคนสนิทรวมถึงตัวเองต่างก็รู้ดี พยายามหาวิธีมาแก้ไขมันแล้วก็หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ชานยอลไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในความเลวร้ายมักจะมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่ เพราะชานยอลเป็นประเภทคอแข็งจึงไม่บ่อยนักที่จะเมามายคุมตัวเองไม่อยู่จนสร้างความเดือดร้อนให้ใครต่อใครด้วยเรื่องแบบนั้น ชานยอลจะดื่มอย่างคนรู้ลิมิตตัวเองเสมอ แต่กับกรณีเมื่อคืนเห็นทีจะไม่ใช่
เรื่องน่าอุบาทว์ระหว่างคิมจงอินน่ะเขาไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่ชวนคิดไม่ตกอยู่ตอนนี้คือเรื่องแบคฮยอนต่างหาก..ชานยอลอยากแน่ใจในคำถามของตัวเองที่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่ห้องทั้งคืนจริงๆใช่มั้ย เพราะถ้าคำตอบคือไม่ใช่ขึ้นมามั่นใจเลยว่าเมื่อคืนคนตัวเล็กจะต้องมีวินาทีที่ยากลำบากกับเขาแน่ๆ
“ผมสั่งให้คนออกไปเอารถกลับมาให้คุณชายแล้วนะครับ” คุณพ่อบ้านเดินเข้ามาบอกเจ้านายด้วยท่าทางสุภาพ
“ขอบคุณครับ เมื่อกี้ผมเห็นเจ้าเด็กนั่นขับรถออกไป ไปไหนเหรอครับ” ชานยอลทันเห็นท้ายรถเซฮุนไวๆเพราะทางขึ้นบันไดที่ยืนกันอยู่ ตรงกับประตูหน้าบ้านพอดี ทั้งยังมีบอดี้การ์ดชุดสูทสีดำของพ่อยืนประจำตำแหน่งยาวเรียงกันเป็นแถวราวกับรอส่งเจ้านายคนไหนเช่นทุกครั้ง
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ คุณชายเล็กไม่ได้บอกไว้”
“เหรอครับ ช่างเถอะ ตอนนี้รบกวนคุณพ่อบ้านช่วยบอกคนเตรียมอาหารกับยาให้ผมที่ห้องอาหารทีสิครับ เมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อย ตื่นมาปวดหัวเหมือนจะระเบิดเลย” คุณชายพูดพลางเดินลิ่วๆนำชายสูงวัยไปแบบไม่รอ
ทันทีที่มาถึง ประตูห้องอาหารก็ถูกสาวใช้ที่ยืนเป็นยามเฝ้าหน้าประตูเปิดออกให้อย่างรู้หน้าที่ ตอนแรกชานยอลคิดว่าไม่พ่อก็แม่ของเขาที่นั่งอยู่ในนั้นเพราะทายเอาจากสาวใช้หลายคนที่มาคอยรอรับใช้อยู่ไม่ห่าง แต่พอก้าวเข้าไปด้านในถึงได้รู้ว่าไม่ใช่
ในห้องอาหารมีเพียงแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่
“….”
ครืด..เสียงขยับเก้าอี้ของชานยอลสามารถทำลายบรรยากาศเงียบงันได้เพียงชั่ววินาที ก่อนทุกอย่างภายในห้องจะตกสู่สภาวะน่าอึดอัดต่อหลังจากชายหนุ่มวางตัวนั่งลงยังฝั่งตรงกันข้ามกับผู้ที่นั่งทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว
คนตัวเล็กทำหน้าไม่เจริญอาหาร ก้มหน้าก้มตาเขี่ยอเมริกันเบรคฟาสท์ที่นิ่งสนิทอยู่ในจานกระเบื้องสีขาวใบใหญ่ ไม่มีแววว่าจะพร่องลงอีกเลยเมื่อเขารู้ตัวว่ากำลังถูกคนตัวสูงนั่งจ้องหน้าอยู่
“อาหารมาแล้วครับคุณชาย” ชายหนุ่มแค่พยักหน้ารับรู้ทว่าสายตายังคงมองอยู่ตำแหน่งเดิมไม่ละไปทางไหน แม้ว่าอาหารจานใหญ่จะวางลงตรงหน้าเขาแล้วก็ตาม
“รับน้ำส้ม นม หรือว่าอะไรดีครับ”
“อะไรก็ได้ครับ” น้ำส้มถูกรินใส่แก้วไวน์ช้าๆ ชานยอลหยิบผ้ากันเปื้อนบนโต๊ะอาหารมาคลี่ออกแล้ววางลงบนตัก จับส้อมและมีดขึ้นมาเริ่มรับประทานอาหารในส่วนของตัวเองสบายๆไม่ได้มีท่าทีฝืนเกร็งเหมือนใครบางคนเลยสักนิดเดียว
“บ้านเราทำอาหารรสชาติแย่ลงเหรอครับ”
“เอ่อ คุณชายคิดว่าอย่างนั้นหรือครับ ผมจะได้บอกคนในครัวให้รีบปรับปรุง”
“ผมคิดว่ามันก็คล้ายๆเดิม แต่เห็นแขกบ้านเราทานน้อยลงกว่าทุกวันเลยสงสัย” คนที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นเพียงแขกเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลูกชายเจ้าของบ้านทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“ฉันพูดถูกใช่ไหม”
“ทานน้อยลงก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารไม่อร่อย”
“แล้วหมายความว่ายังไงล่ะ”
“ได้ผู้ร่วมโต๊ะไม่ดีมั้ง” ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาระหว่างนั่งหั่นอาหารในจาน
“ต้องเป็นไอ้เซฮุนก่อนสินะถึงจะเรียกว่าดี”
“คงใช่ แต่จริงๆจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ไม่ใช่…” คนตัวเล็กปรายตามองมาที่คนตัวสูง ไม่ยอมพูดอะไรต่อแต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจซึ่งมันสร้างความหงุดหงิดให้คนอย่างคุณชายปาร์คคนโตได้ไม่น้อย ชานยอลรู้ว่าอีกฝ่ายยังโกรธเขาอยู่ แต่แบคฮยอนคงยังไม่รู้ว่าตัวเองก็ทำเรื่องให้เขาไม่พอใจไว้ด้วยเหมือนกัน
“ถ้าไม่อยากร่วมโต๊ะกันมากทำไมไม่ลุกออกไปเลยล่ะ ทนทำไม”
“ผมรู้คุณค่าของเงิน ต่อให้รู้สึกกลืนไม่ลงแค่ไหนผมก็จะนั่งกินต่อจนกว่ามันจะหมด”
“ก็ดี”
ต่างคนต่างก้มหน้าลงจัดการอาหารไม่เหลียวแลกัน ปาร์คชานยอลสามารถทนกับความอึดอัดและภาวะกดดันได้สบายอยู่แล้วเพราะเป็นคนพูดน้อย แต่แบคฮยอนชายหนุ่มมองเห็นแต่ความสับสน อึดอัด หน้าตามีหลากหลายอารมณ์จนอดคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังสงสัยอยู่ไม่ได้ ไหนจะเสื้อวอร์มที่อีกฝ่ายรูดปิดจนถึงใต้คางอย่างผิดสังเกตนั้นอีก..
“หนาวมากเหรอ” ชานยอลตัดสินใจเป็นฝ่ายถามเพื่อทำลายความเงียบอีกครั้ง “อากาศในห้องนี้ก็อุ่นดีทำไมต้องใส่เสื้อปิดจนมิดคอขนาดนั้น” คนถูกถามสะดุ้ง ออกอาการอึกอักเหมือนน้ำท่วมปากตามด้วยริ้วแดงๆปรากฏขึ้นมาบนพวงแก้มน้อย ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของคนตัวสูง
“ผมอิ่มแล้ว” อีกฝ่ายจิบน้ำแล้วรีบวางแก้วลงก่อนจะดีดตัวลุกออกจากเก้าอี้ไปทันที ชานยอลหันไปบอกคุณพ่อบ้านว่าตัวเองก็อิ่มแล้วเหมือนกันจากนั้นก็ลุกตามคนตัวเล็กออกไป
“เมื่อคืนฉันเมาแล้วเข้าไปอยู่ในห้องของนายทั้งคืนรู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มเดินไล่หลังไปติดๆ พูดในสิ่งที่ตัวเองข้องใจออกไปอย่างไม่ลังเลแม้ว่าคนตัวเล็กไม่คิดที่จะหยุดฟังเลยก็ตาม
“แต่ตื่นมาไม่เจอใคร นายหายไปนอนที่ไหน”
“….”
“แบคฮยอน”
“….”
“นายไม่ได้อยู่ในนั้นตั้งแต่แรกหรือเพิ่งออกไปก่อนที่ฉันจะตื่น”
“….”
“ถ้านายยังเอาแต่เดินหนีฉันจะสรุปว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” มือใหญ่คว้าแขนเล็กไว้หมั่บ! ไม่ให้เจ้าของมันได้เดินหนีขึ้นบันไดบ้านไปแบบที่ไม่ยอมตอบอะไรเลยแบบนี้
“เมื่อคืนผมไปทำรายงานที่ห้องเซฮุนแล้วก็เผลอหลับที่นั่นทั้งคืนไม่ได้กลับห้องตัวเอง ก็เพิ่งรู้เอาเดี๋ยวนี้แหละว่าชานยอลเมาแล้วมั่วเข้าห้องคนอึ..ชานยอล!!” มือใหญ่ถือวิสาสะปลดซิบเสื้อวอร์มของคนตัวเล็กลงด้วยความไว แบคฮยอนพยายามรั้งมือคู่นั้นไว้หากสุดท้ายก็สู้แรงไม่ได้ ซิบถูกรูดลงจนสุดขอบของมัน เผยให้เห็นรอยแดงช้ำเป็นจ้ำทั่วบริเวณลำคอเคยสวย
“….”
“ปละ ปล่อยมือออกจากเสื้อผมได้แล้ว”
“ใครทำ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับผม!” ยิ่งคนตัวเล็กพยายามสะบัดตัวออกห่างเท่าไหร่ คนตัวสูงยิ่งดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาชิดตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
“ไอ้เซฮุนหรือว่าฉะ..”
Rrrrrrrrrrr
สายเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะทำเอาชายหนุ่มต้องหลับตาลงช้าๆเพื่อระงับความหงุดหงิด ชานยอลกดรับสายทั้งที่อีกมือยังจับแขนแบคฮยอนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ครับ” ถ้าเป็นธุระไม่สำคัญหรือคนไม่สำคัญเชื่อเถอะว่าถูกชายหนุ่มด่าเปิงไปแล้ว แต่เพราะมันตรงกันข้าม เรื่องที่ชายหนุ่มได้ฟังมันสำคัญเกินกว่าจะละความสนใจไปได้เขาถึงได้ยอมถือสายคุยด้วยจนจบบทสนทนา ก่อนจะหันไปบอกข่าวกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยมากที่สุด
“คุณยายโทรมาบอกว่าเจอพ่อเฒ่ากับแม่ครูของนายแล้ว”
โรงพยาบาล
ชานยอลพาแบคฮยอนมายังจุดนัดพบของคุณยายนั่นก็คือโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลพวกเขามักเข้ามาใช้บริการทุกครั้งที่มีใครเจ็บป่วย แน่นอนว่าค่ารักษาพยาบาลต้องแพงหู่ฉี่สมกับคุณภาพมาตรฐานการรักษา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่ากังวลสำหรับพวกคนที่มีฐานะระดับพวกเขาอยู่แล้ว
คุณยายบอกชานยอลไว้ตั้งแต่คุยโทรศัพท์ว่าท่านกำลังจะย้ายคนป่วยออกจากโรงพยาบาลรัฐฯเล็กๆให้มารักษาตัวที่นี่แทน และนั่นก็เป็นเหตุให้เขาต้องขับรถพาคนตัวเล็กมารอพบผู้ใหญ่อยู่ทางนี้
แบคฮยอนเอาแต่นั่งตัวสั่นน้ำตาคลอมาตลอดทาง ถามเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพ่อเฒ่าจะเป็นอะไรไหมซึ่งชานยอลก็ตอบไม่ได้เพราะตัวเองก็ยังไม่เคยเห็นอาการของพ่ออีกฝ่ายเหมือนกัน แต่ในใจก็ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
ทันทีที่คนตัวเล็กได้พบหน้าครอบครัวทำนบน้ำตาก็พังลง บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องใช้ความอดทนกับการรอคอยครั้งนี้มามากแค่ไหน แบคฮยอนร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆ โผเข้ากอดแม่ครูคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ชานยอลเห็นแล้วก็อดสงสารระคนเอ็นดูไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง แบคฮยอนเลิกร้องไห้ฟูมฟายมีสติที่จะคุยกับครอบครัวมากขึ้น จากคำบอกเล่าของแม่ครูที่ชานยอลได้รับฟังด้วย พ่อเฒ่าของแบคฮยอนเกิดอาการปวดท้องรุนแรงเมื่อหลายวันก่อนเลยต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ด้วยสถานะทางการเงินค่อนข้างแย่เลยทำอะไรไม่ได้มาก ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ได้แค่ปล่อยให้คนป่วยนอนทรมานไปเรื่อยๆ กระทั่งคุณยายตามสืบจนเจอตัวและพามาเข้ารับการรักษารวมทั้งรับเป็นเจ้าของคนไข้ ออกค่าใช้จ่ายให้เองทุกอย่างอาการร้องโอดครวญอย่างทรมานของคนป่วยถึงค่อยทุเลาลง
พ่อเฒ่าของเด็กดื้อได้รับการตรวจเช็คอย่างละเอียด ได้รับการรักษาจากคุณหมออย่างดี ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องพิเศษ ทว่าตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว ผลตรวจร่างกายออกมาแล้วพบว่าอาการไม่ได้โคม่ามากแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องด้วยคนป่วยอยู่ในวัยสูงอายุแล้วยังมีโรคประจำตัวอีกหลายโรค โดยเฉพาะโรคของคนที่ชอบดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จัดๆ ซึ่งช่วงนี้คงต้องพึ่งการให้น้ำเกลือรวมถึงใส่สายยางให้อาหารชั่วคราว
ฟ้ามืดแล้ว และกำลังเข้าสู่เวลาดึกไปเรื่อยๆแต่ทุกคนยังคงอยู่กันในโรงพยาบาลเหมือนเดิม ชานยอลขันอาสาลงไปช่วยคุยเรื่องค่าใช้จ่ายให้คุณยายเพราะต้องการปล่อยให้คนในครอบครัวได้มีเวลาส่วนตัวไว้ปรับความเข้าใจกัน
เขาไม่รู้ว่าหลังจากตัวเองออกมาแล้วเรื่องราวเป็นยังไงต่อ แต่เพียงแค่กลับขึ้นมาเห็นสีหน้าชื่นมื่นของทุกคนพร้อมกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากเดิมชานยอลก็อดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มคิดว่าทุกอย่างมันคงผ่านไปด้วยดีเขาถึงได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าทุกคน..
เกือบสี่ทุ่ม กว่าทุกคนจะแยกย้ายกันกลับเว้นก็แต่แบคฮยอนที่รบเร้าแบบหัวเด็ดตีนขาดยังไงคืนนี้ก็ต้องนอนอยู่เฝ้าพ่อเฒ่าให้ได้ ทั้งยังคะยั้นคะยอให้แม่ครูกับคยองซูกลับไปพักเพราะรู้ว่าทั้งคู่ต้องทนนอนหลังขดหลังแข็ง เฝ้าคนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวันติดต่อกันแล้ว
แบคฮยอนเดินลงมาส่งผู้ใหญ่ถึงลานจอดรถด้วยตัวเอง แต่ใช่ว่าจะมีเขาเพียงคนเดียวที่ดื้อ ปาร์คชานยอลผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับครอบครัวเล็กๆของพวกเขาจู่ๆกลับโพล่งบอกผู้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าพ่อเฒ่ากับเขาด้วยอีกคน แบคฮยอนพยายามบ่ายเบี่ยงจนถึงที่สุดแล้ว ทว่าผู้ใหญ่เลือกที่จะฟังเสียงของคุณชายปาร์คชานยอลมากกว่าเด็กดื้ออย่างเขา คืนนี้เลยกลายเป็นว่าพ่อเฒ่าได้บุรุษพยาบาลมาเฝ้าไข้ท่านเพิ่มถึงสองคน
คนตัวเล็กและคนตัวสูงพากันเดินกลับไปห้องพักผู้ป่วยตามทางเดินของโรงพยาบาลด้วยกันเงียบๆ ไม่มีการพูดจา คนหนึ่งเดินนำหน้า ส่วนอีกคนเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามหลัง เมื่อไหร่ที่เท้าเล็กหยุด เท้าใหญ่ก็จะหยุด เมื่อไหร่ที่เท้าเล็กเดินต่อ เท้าใหญ่ก็จะก้าวเดินต่อด้วย
“จะไม่ยอมคุยกับฉันเลยใช่ไหม” ตอนพามาโรงพยาบาลน่ะเอาแต่เรียกชานยอลทุกคำ พอตอนนี้ล่ะทำเงียบใส่อีกแล้ว ไม่รู้งอนอะไรนักหนา “ว่าไงไอ้เด็กดื้อ”
คนตัวสูงก้าวเข้าไปประชิดตัวพร้อมกับรั้งแขนอีกฝ่ายให้หยุดเดิน แบคฮยอนเอาแต่ขืนตัวหนีทั้งที่รู้ว่าสู้แรงไม่ได้แต่ก็ยังฝืนทำต่อ..แบบนี้ไม่ให้เรียกเด็กดื้อจะให้ชานยอลเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรอีก..
“เด็กดื้อ”
“อย่ามาเรียกผมแบบนี้นะ”
“ทำไม ก็นายมันดื้อจริงๆนี่”
“ถึงจะดื้อก็ห้ามเรียก ผมไม่ชอบ”
“เด็กดื้อ”
“….”
“เด็กดื้อ”
“….”
“แบคฮยอนเด็กดื้อ”
“ย๊า! บอกไม่ให้เรียกยังจะเรียกอีกชานยอลเป็นคนประเภทไหนกัน!” ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดชานยอลไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายโกรธมากหรือเขินมากกันแน่ แบคฮยอนกำลังหลบตาเขา พอดันคางให้หันกลับมามองกันดีๆก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทั้งปัดมือทิ้ง ทั้งขยับปากบ่นพึมพำไม่เต็มเสียงไม่รู้ว่ากำลังสาปแช่งเขาอยู่หรือเปล่า
“ยังโกรธเรื่องที่ฉันจูบนายวันนั้นอยู่หรอ” เขาเองก็โกรธเรื่องที่อีกฝ่ายจูบกับน้องชายเขาเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะ..ยอมเป็นฝ่ายง้อก่อนก็ได้ ดีกว่าปล่อยให้ถูกทำเมินใส่อยู่แบบนี้
“หรือว่าเรื่องไหน”
“….”
“แบคฮยอน นายกำลังทำให้ฉันคิดว่าตัวเองทำผิดไว้มากกว่าเรื่องจูบนะ” ชานยอลมองไปที่รอยแดงบนคอของแบคฮยอน ตอนนี้ซิบที่คอเสื้อมันหลุดลงมาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่รู้ก็คงได้รู้ตอนที่เขาเอาแต่หยุดจ้องอยู่นี่นั่นแหละ
“มองอะไร” แบคฮยอนรีบตะครุบปิดคอเสื้อตัวเองไว้พลางมองค้อนมาที่เขา
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้นอนกับเซฮุนทั้งคืนอย่างที่บอก” เพราะถ้ามันจริงน้องชายจอมไร้สาระคงไม่มาโวยวายเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนั้นกับเขาแน่ “นายไม่ได้นอนที่นั่น”
“แล้วยังไง ผมจะนอนที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับชานยอลด้วย”
“ก็ถ้านายนอนอยู่ในห้องตัวเองตลอดแสดงว่ารอยดูดที่คอของนายมันเป็นฝีมือฉัน”
“….”
“บอกมาสิ อย่าเอาแต่หลบตา”
“….”
“แค่ตอบมาตรงๆว่าเมื่อคืนตัวเองนอนที่ไหนฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องยาก นอนที่ห้องก็บอกว่านอนที่ห้อง หรือถ้าไม่ใช่ก็แค่บอกมาฉันจะได้เข้าใจให้ถู..”
“ใช่”
“….”
“เมื่อคืนผมนอนอยู่ที่ห้องนั้นทั้งคืน แล้วรอย..” คนตัวเล็กเลียริมฝีปากของตัวเองด้วยความประหม่า “รอยดูดนี่ไม่ต้องสนใจมันหรอก เซฮุนเล่าให้ผมฟังหมดแล้วว่านิสัยตอนเมามากๆของชานยอลเป็นแบบนี้ ชานยอลทำไปเพราะเมา ผมรู้แล้ว..ผมมันซวยเอง”
“….”
“รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมกลับไปล้างปากตัวเองหลายๆรอบล่ะ เพราะผมมันสกปรก” คนขี้ประชดสะบัดตัวรีบเดินหนี แต่ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆเขาก็ยังช้ากว่าคนมือไวอย่างปาร์ค ชานยอลอยู่ดี
“ล้างปากด้วยปากได้ไหมล่ะ” แบคฮยอนถูกดันร่างให้หลังแนบติดกับผนัง ตามด้วยสองแขนแกร่งที่คร่อมลงมากักขังตัวเขาไว้
“พ พูดอะไร”
“เอาปากนายมาล้างปากฉันไง คงสะอาดดี”
“ผมไม่ขำกับมุขชานยอลด้วยหรอกนะ ผมจะกลับไปเฝ้าพ่อเฒ่าแล้ว ถอยไป”
“พ่อเฒ่ามีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก อยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“อ..เอาหน้าออกไป นี่มันโรงพยาบาล”
“ไม่มีใครอยู่แถวนี้นี่”
“ชานยอลเป็นคนแบบนี้จริงๆสินะ” ดูท่าแล้วเมื่อคืนคนตัวเล็กคงได้เผชิญวินาทีที่ยากลำบากกับเขาจริงๆ ตอนนี้ถึงได้กลัวจนตัวสั่น แถมยังหน้าแดงระเรื่อปิดความเขินอายไว้ไม่มิด..ก็น่ารักไปอีกแบบ
“ถามจริงๆ นอกจากสร้างรอยพวกนี้แล้วฉันทำอะไรอีกบ้าง”
“….”
“ได้พูดอะไรกับนายไหม”
“….”
“พูดสินะ”
“นิสัยตอนเมานอกจากจะชอบทำรุ่มร่ามกับคนอื่นแล้วยังเพ้อเจ้อเก่งจนไม่น่าเชื่อ”
“ฉันมีนิสัยแค่ชอบทำรุ่มร่ามตอนเมาหนักๆ เรื่องพูดเพ้อเจ้อไม่มีหรอก”
“….”
“ไม่เชื่อจะกลับไปถามไอ้เซฮุนหรือคนสนิทของฉันคนไหนดูก็ได้ว่าตอนเมาฉันเป็นยังไง”
“….”
“เงียบยิ่งกว่าที่นายเห็น ถ้าอะไรที่เผลอพูดออกไปแสดงว่ามันคงมาจากความรู้สึกฉันจริงๆ ไม่ใช่เพราะความเพ้อเจ้อ”
“ชานยอลเมาจะไปรู้ตัวได้ยังไงว่าอันไหนพูดจริงอันไหนแค่พูดมั่วๆ”
“งั้นก็ลองบอกมาสิว่าฉันบอกอะไรนายไปบ้าง ฉันจะได้บอกถูกว่าอันไหนจริงหรือ...”
“ชานยอลบอกว่าชอบผม”
“….”
“ยอมรับว่าตัวเองมีนิสัยชอบพูดเพ้อเจ้อตอนเมาแล้วใช่ไหมล่ะ” ทั้งสองคนสบตากันอย่างต้องการหยั่งเชิง ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความจริงจังลึกซึ้งเมื่อไม่มีใครคิดจะละสายตาออกไปก่อน..ชานยอลรู้ว่าตัวเองชอบสร้างความสับสนให้คนตัวเล็กบ่อยครั้ง รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกลัว แล้วก็รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงมาตั้งนานแล้ว..แต่แค่ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปตอนนี้จะยังทันอยู่หรือไม่
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีนิสัยแบบนั้น” ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง “ถ้านายได้ยินยังไง มันก็เป็นไปตามนั้นนั่นแหละ”
“…”
“คราวหลังอย่าหนีไปก่อนที่ฉันจะตื่นอีก ถึงจะไม่ชอบให้ใครมานอนร่วมเตียงด้วยทั้งที่ไม่รู้ตัวแต่มันก็น่าหงุดหงิดจริงๆที่ตื่นมาในห้องคนอื่นแล้วไม่มีแม้แต่เงาเจ้าของห้องให้อยู่ถามคลายข้อสงสัย โดยเฉพาะนาย”
“…”
“ถ้านอนด้วยกันมาทั้งคืนก็ควรอยู่รอจนกว่าฉันจะตื่นสิ ไม่ใช่หายไปให้ฉันเข้าใจผิด รู้มั้ยว่ามันน่าหัวเสียนะ หลานคุณยาย..”
#ficmysscb
Talk:
ทุกแชปยิ่งกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ จะยาวไปไหน ถถถถถ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุ้นๆใช่ป่ะน้องแบค กี้สสสสส