ตอนที่ 18 : Shining XVII :: When a man loves someone
Shining XVII.
ปาร์คชานยอลนอนอมยิ้มมองเพดานอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง หากใครเข้ามาเห็นคงเข้าใจผิดคิดว่าคุณชายคนโตกำลังมีความสุขกับการนอนคุยโทรศัพท์กับคนปลายสายอยู่แน่ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ และไม่มีวันจะใช่แน่ๆ
ก็ปลายสายนั่นน่ะ คือ คิม จงอิน
ให้ตายชานยอลก็ไม่มีทางนอนยิ้มอารมณ์ดีเพราะเพื่อนคนนั้น ก็แค่เป็นความบังเอิญที่อีกฝ่ายโทรฯมาได้ถูกจังหวะชนิดที่เดินออกจากห้องแบคฮยอนได้ไม่ถึงสามก้าวมันก็โทรฯเข้ามาทันที ซึ่งเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่สองหนุ่มคุยกัน นับเป็นการคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารที่กินเวลานานแบบที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทุกทีคุยแค่ห้านาทีสิบนาทีก็ถือว่าเยอะไปแล้วสำหรับเพื่อนสนิทที่ต้องเจอหน้ากันตลอดอย่างพวกเขา ส่วนเรื่องที่นำมาแชร์กันนอกจากธุระของคนโทรฯมาที่เหลือก็ไม่พ้นเรื่องของเด็กดื้อ
ชานยอลเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังยกเว้นเรื่องถึงเนื้อถึงตัวที่เป็นสาเหตุหลักให้อารมณ์ดีมาจนถึงตอนนี้ ยังคิดอยู่ว่าถ้าเปลี่ยนจากคุยกันผ่านโทรศัพท์เป็นเจอหน้ากันจริงๆป่านนี้เขาคงถูกเพื่อนตัวดีแขวะไม่มีเหลือ
จะบอกว่าเป็นอาการของคนเพิ่งเคยมีความรักครั้งแรกมันก็ไม่ใช่เสียทีเดียวในเมื่อที่ผ่านมาชานยอลมีคนเข้ามาให้เลือกไม่เคยขาดแม้ว่าจะมีชองซอรินอยู่แล้วก็ตาม แต่เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกสบายใจ อยากเล่นอยากแกล้งทุกครั้งที่เห็นหน้าแบบนี้มาก่อนมันถึงได้รู้สึกพิเศษ
((ไหนๆเด็กมันก็มาให้กินถึงที่แล้วนายไม่ต้องรีบช่วยตามหาพ่อเฒ่าแม่ครูอะไรนั่นตอนนี้หรอก รีบคว้าโอกาสทำคะแนนไว้ ทำให้เด็กมันหวั่นไหวมากๆจะได้ไปไหนไม่รอด))
“เคยคิดอะไรไม่ชั่วบ้างถามจริง”
((เออ ไอ้คุณชายคนดี ไอ้เชื้อเจ้าเชื้อพระวงศ์มาแต่กำเนิด ไม่เคยทำชั่วเลยยยยยย)) คนถูกประชดประชันหัวเราะ ((คนที่หลอกเด็กได้หน้าตายไม่รู้กี่ครั้งแล้วอย่างนายมีสิทธิ์เอาคำว่าชั่วมาโยนให้เพื่อนฝ่ายเดียวแบบนี้เหรอวะครับ))
“ฉันไปหลอกอะไร”
((ยังกล้าจะถามอีก หน้าด้านโดดเรียนคราวก่อนว่าร้ายแล้ว ครั้งนี้ถึงกับล่อลวงเด็กให้มาอยู่ในบ้านได้นี่ไม่ธรรมดานะ ร้าย))
“พูดให้มันดีๆฉันเนี่ยนะล่อลวง”
((นายหลอกน้องแบคฮยอนว่าคอนโดฯไอ้เด็กเผือกเอาสัตว์เลี้ยงเข้าไปไม่ได้ทั้งที่ความจริงมันไม่มีกฎข้อไหนห้ามเลย))
“อยู่บ้านฉันมีคนคอยดูแลช่วยเป็นหูเป็นตาให้หลายคน คุณยายจะได้ไม่ต้องห่วง”
((คุณยายหรือนายเองกันแน่ ทำขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องพูดอ้อมโลกมากก็ได้มั้ง ฟังแล้วมันรู้สึกกระดากปากแทน))
“ไม่ได้อ้อมโลก ฉันพูดในสิ่งที่ฉันคิด เรื่องคุณยายเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่ฉันอยากให้แบคฮยอนมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว ส่วนเรื่องความรู้สึกส่วนตัว...ฉันยอมรับว่ามันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ” ชานยอลได้ยินเสียงตบเข่าฉาดใหญ่เพราะถูกใจดังมาจากในสาย
“ให้อยู่ใกล้ตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็ดี แต่เวลานี้แบคฮยอนต้องการพ่อแม่ ฉันรับปากว่าจะช่วยไปแล้ว เพราะงั้น...”
((ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ช่วย แค่แนะนำให้ยื้อเวลา เรื่องตามหาน่ะระดับเราไม่เกินสามวันก็เจอแล้วคุณชาย ช่วงที่คนกำลังอ่อนแอต้องการใครซักคนมาดูแลแบบนี้มันคือโอกาสสำคัญ นายต้องคว้าไว้ก่อนไม่ใช่ปล่อยไปง่ายๆเว่ย))
จงอินรู้ว่าเพื่อนเป็นคนรักความถูกต้อง มักคิดถึงความเหมาะสมและอะไรดีไม่ดีมาก่อนทุกอย่าง ซ้ำยังมีคำว่าศักดิ์ศรีค้ำคอจนไม่ยอมเป็นฝ่ายเข้าหาใครก่อนเลย แต่การที่รู้ตัวเองว่าชอบเขาขนาดนี้แล้วก็ควรเดินหน้าจีบให้สุดไปเลยไหมล่ะ ฟอร์มเฟิมเยอะอย่างอะไรนั่นถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็ทิ้งๆไปบ้างก็ได้
((ตามใจคนอื่นมาเยอะแล้วนายจะทำตามใจตัวเองบ้างคงไม่มีใครตายขึ้นมาหรอก อีกอย่างแบคฮยอนซื่อขนาดนั้น ถึงจะชอบแค่ไหนถ้านายเลือกแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ต่อให้น้องมันมีใจให้ด้วยเหมือนกันชาตินี้ทั้งชาติพวกนายก็ไม่ได้ลงเอยกันหรอก))
“ฉันไม่อยากกะเกณฑ์กับเรื่องความรู้สึกของคนสองคน ช้าเร็วไม่เป็นไรปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันดีแล้ว ฉันไม่รีบ”
((เออ ไอ้หล่อ))
“มือไวใจเร็ว อยากได้ใครก็คว้าเค้ามานอนกกกอดไม่ซ้ำหน้าแบบนายไม่ใช่สไตล์ฉันคิมจงอิน” คนตัวสูงส่ายหน้าหน่ายใจ หลายเรื่องพวกเขาเข้ากันได้ดีแต่ถ้าเป็นเรื่องพรรค์นี้เมื่อไหร่เป็นอันต้องขัดแย้งกันด้านทัศนคติอยู่เรื่อย
จงอินชอบจู่โจมเป้าหมาย ขณะที่ชานยอลต้องรอจังหวะที่เหมาะสมก่อนลงมือเสมอ แน่ล่ะ คุณชายปาร์คคนโตไม่ชอบให้ตัวเองทำอะไรผิดพลาด ทุกอย่างที่จะทำจึงต้องรอบคอบไว้ก่อน
((บางทีนายอาจจะลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้แบคฮยอน))
“….”
((ขณะที่นายพูดว่าไม่รีบคนอื่นเค้าคงทำคะแนนไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เย็นเข้าไปเถอะ พลาดขึ้นมาแล้วจะรู้สึก))
“….”
((พูดด้วยแล้วเงียบอีก))
“เออ ฟังอยู่”
((ความชักช้าของนายเริ่มทำฉันหมดอารมณ์เชียร์ ถ้ายังทำบุญกับคนพี่ไม่ขึ้นฉันจะเปลี่ยนไปทำบุญช่วยคนน้องแทนแล้วนะ นี่คือคำเตือน))
เอาเข้าไป ต้องได้แบคฮยอนในวันสองวันนี้เลยมั้ยมันถึงจะพอใจ จงอินไม่ใช่เพิ่งมาเป็นคนแบบนี้ อีกฝ่ายเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อก่อนน่ะแกนนำช่างแซวช่างยุเขากับซอรินเลยล่ะ เปิดทางเป็นใจให้เพื่อนโดยไม่ต้องขอ ชอบนักไอ้เรื่องที่ทำให้คนเค้าได้กัน
“บัตรวีไอพีเข้าชมการแข่งรถฟอร์มูล่าวันวันพรุ่งนี้ของนายให้ไอ้เซฮุนไปเป็นเพื่อนแทนแล้วกัน ฉันไม่ไปแล้ว”
((อ้าว ทำไมวะ))
“เพิ่งคิดขึ้นได้”
((ว่า?))
“คงดีถ้าได้ใช้วันหยุดอยู่บ้านทั้งวันกับลูกหมาที่เพิ่งเอาเข้ามาเลี้ยงไว้แบบที่ไม่มีใครกวน”
((ร้าย))
“ไม่ดีหรือไง”
((ดีกว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติอะไรของนายตอนแรกมากเลยต่างหาก ต้องแบบนี้สิ ค่อยน่าเชียร์หน่อย))
“เออ”
((เดี๋ยวฉันไปซ้อมเต้นก่อน ไว้คุยกัน)) คุณชายกำลังจะกดตัดสายแต่ดูเหมือนจะช้าไปเลยทันได้ฟังประโยคชวนน่าถีบของไอ้เพื่อนตัวดี ((จะทำอะไรก็รีบๆทำนะ ฉันตื่นเต้นอยากเห็นเพื่อนมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายจะแย่แล้ว))
ปาร์คชานยอลตื่นนอนท่ามกลางอากาศกำลังสบาย แต่กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจนได้ออกจากห้องนอนเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงวันไปแล้ว
สิ่งแรกที่ได้ทำหลังจากออกมาจากห้องคือการถามไถ่และได้รับคำตอบจากแม่นมคนสนิทของน้องชายว่าเด็กหนุ่มร่างผอมจอมไร้สาระคนนั้นออกไปกับคิมจงอินก่อนหน้านี้ซักพักแล้ว และนั่นทำเอาปาร์คชานยอลยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
จะว่าร้ายกาจก็ไม่เป็นไร เมื่อคืนเขาได้พลาดโอกาสไปแล้วหนหนึ่ง ตั้งใจจะออกไปหาแบคฮยอนที่ห้องแต่ปรากฏว่าเปิดประตูออกมาเห็นหลังของปาร์คเซฮุนหายเข้าไปในห้องนอนห้องนั้นเสียก่อนเลยจำต้องพาตัวเองกลับเข้าห้องไปเหมือนเดิม
เพราะยังจำความรู้สึกตอนโดนตัดหน้าได้ดี บวกคำพูดปลุกใจของคิมจงอินที่ดังรบกวนอยู่ในหัวเกือบทั้งคืนทำให้ตอนนี้ร่างสูงของปาร์คชานยอลได้มายืนอยู่ตรงหน้าห้องนอนของเด็กดื้อ
แต่ประเด็นมันติดที่ว่าชานยอลยังคิดไม่ออกว่าจะให้เหตุผลของการมาเคาะห้องกับผู้อาศัยชั่วคราวว่ายังไงดี หากชวนลงไปร่วมมื้อเที่ยงด้วยแล้วอีกฝ่ายทานมันไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ หรือถ้าบอกความจริงว่าแค่อยากเข้ามาหาเฉยๆก็ดูยังไงอยู่ ถ้าเป็นเซฮุนคงดูไม่แปลก แต่เพราะเป็นเขา ชานยอลเลยไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำมันให้เป็นเรื่องปกติได้ด้วยหรือไม่
“ทำไมต้องคิดเยอะขนาดนี้ด้วยวะ”
ปาร์คชานยอลบ่นกับตัวเองเบาๆอย่างเริ่มจะหัวเสีย กำปั้นซึ่งยกขึ้นมาเตรียมเคาะประตูห้องชะงักเข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความลังเล ลิ้นชื้นแลบเลียไปตามริมฝีปากอิ่มหนาของตัวเองก่อนตัดสินใจเคาะมือลงไปในที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“….”
ก๊อก ก๊อก
“….”
ก๊อก..
“คิกๆ”
เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังมาจากด้านหลังส่งผลให้ชายหนุ่มต้องหมุนตัวกลับไปมอง พบคนที่ตัวเองคิดมาตลอดว่าอยู่ในห้องนอน ทว่ากลับกำลังยืนกลั้นขำอยู่ข้างๆคุณพ่อบ้านตรงนั้นไปซะได้
“มากันตั้งแต่ตอนไหน” ชานยอลไม่อยากนึกถึงคำตอบเลยแต่มันก็..
“ตั้งแต่ชานยอลยืนทำท่าทางตลกอยู่หน้าห้องผมซักพักแล้ว ใช่มั้ยฮะคุณลุง ฮ่ะๆๆ” อาการตลกขบขันของคนตัวเล็ก กับรอยยิ้มเล็กๆของคุณพ่อบ้านทำคุณชายคนโตรู้สึกอับอาย พยายามรักษามาดไม่ให้หลุดไปมากกว่านี้แต่เพราะแบคฮยอนยังขำไม่หยุดชานยอลจึงต้องถลึงตาใส่เพื่อเป็นการขู่ ซึ่งก็ได้ผลนิดหน่อย
“แล้วไปไหนกันมา ทำไมตัวเปียกอย่างนั้น” ชุ่มเป็นลูกหมาเล่นน้ำแถมยังมีคราบดินเลอะตามแขนตามเสื้อผ้า ไหนจะบนแก้มข้างซ้ายนั่นอีก มอมแมมแต่ก็..น่ารักดี
“คุณหนูลงไปช่วยคนสวนรดน้ำต้นไม้มาน่ะครับ แต่โชคร้ายสายยางแตกเพราะโดนรถเข็นขยะทับเลยเปียกไปด้วย”
“ผมลื่นก้นจ้ำเบ้าลงกับดินด้วย ดูสิ” คนตัวเล็กหันหลังให้ดู คนตัวสูงส่ายหัวให้ทั้งที่หลุดยิ้มขำออกมาแล้ว เห็นคุณพ่อบ้านยังคงมองมาเลยหันไปคุยด้วย
“คุณพ่อบ้านขึ้นมาด้วยมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอดีคุณหนูขอผมมาช่วยสอนเปิดระบบทำน้ำอุ่นน่ะครับ เห็นว่าทนอาบน้ำเย็นมาสองรอบแล้วเพราะใช้ไม่เป็น”
“แล้วทำไมไม่ถามตั้งแต่เมื่อวาน” เจ้าของเสียงทุ้มขมวดคิ้วใส่คนตัวเล็ก “เมื่อคืนไอ้เซฮุนเข้าไปหาก็น่าจะถาม ฝืนอาบน้ำเย็นเป็นหวัดอยู่มันก็ไม่หายซักทีสิ”
“ชานยอลรู้ด้วยหรอว่าเมื่อคืนเซฮุนมาหาผม” เปิดประตูออกมาเห็นเต็มสองตาจะไม่รู้ได้ยังไง ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามคนตัวเล็กแต่เลือกหันไปพูดกับคนสูงวัยแทน
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ คุณพ่อบ้านมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ครับคุณชาย”
รอจนพ้นหลังบุคคลที่สาม คุณชายปาร์คคนโตใช้สายตาบอกให้เด็กแสบเข้าห้อง ทั้งคู่เดินตามๆกันไปจนถึงในห้องน้ำ และก่อนจะสอนใช้ระบบต่างๆชายหนุ่มไม่วายยืนเอามือเท้าสะเอวจ้องหน้าคนตัวเล็กกว่าราวกับต้องการตำหนิ
“ผมทำอะไรผิดอีก”
“คราวหลังไม่รู้อะไรให้รีบถาม น้ำที่นี่เย็นมาก อากาศแบบนี้ทนอาบไปได้ยังไง”
“ผมเคยอาบน้ำที่น้ำตกแถวชุมชนเย็นกว่านี้อีก” พอพูดถึงชุมชนดวงตาใสก็ไหวระริกพาลให้คนเห็นรู้สึกไม่ดีตาม คนตัวสูงรีบเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเดินเข้าไปชี้ปุ่มต่างๆและสาธิตวิธีการใช้งานระบบในห้องน้ำให้ผู้เป็นเจ้าของชั่วคราวฟังอย่างละเอียด
“ที่บอกไปทั้งหมดจำได้มั้ย”
“จำได้ แต่ทำไมต้องใช้ไม่เหมือนบ้านคุณท่านด้วยนะ”
“ก็คนละบ้านจะให้ใช้เหมือนกันทุกอย่างได้ยังไ.ง…” คำท้ายประโยคแทบพูดไม่เต็มเสียงเมื่อคนตัวสูงหันมาเห็นเด็กดื้อยืนตัวล่อนจ้อนเหลือแต่กางเกงบ๊อกเซอร์ยาวแค่ครึ่งขาติดตัว ส่วนชิ้นอื่นๆกองชุ่มอยู่บนพื้นกระเบื้องสีขาวใกล้เท้าเล็กนู่น
“ถอดเสื้อผ้าทำไม”
“เตรียมอาบน้ำ”
ให้ตายเถอะเด็กคนนี้ จะรอให้คนอื่นออกไปก่อนค่อยถอดไม่ได้หรือไง แล้วไอ้พฤติกรรมยืนตอบหน้าซื่อตาใสเหมือนลูกหมาใส่คนอื่นใครสั่งใครสอนให้ทำ ชานยอลชักอยากเจอพ่อเฒ่าแม่ครูของคนตัวเล็กขึ้นมาจริงๆแล้ว อยากรู้ว่าเลี้ยงดูกันมายังไงให้เป็นธรรมชาติได้ขนาดนี้
“มองผมเพราะผมหุ่นดีกว่าชานยอลใช่มั้ยล่ะ”
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน อะไรที่คนตัวเล็กมีตัวเขาก็มีทว่ากลับถอนสายตาออกมาจากผิวขาวใสนั่นไม่ได้นี่มันแย่แล้วปาร์คชานยอล..
“ไม่ต้องอิจฉานะ ของแบบนี้มันอยู่ที่วาสนา.. ซ่า! ย๊า ชานยอล!” คนตัวเล็กเหวใส่ไอ้คนที่แกล้งหันหัวฝักบัวสีเงินมาทางตนจนกลุ่มน้ำเหล่านั้นพุ่งโดนร่างเล็กเข้าเต็มๆ
“ชานยอลมันเปียก!”
“อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ”
“อาบเองได้น่า มาแกล้งผมทำไม” ไม่ว่าคนตัวเล็กจะหนีหลบไปติดผนังกระจกใสฝั่งไหนก็หนีไม่พ้นน้ำจากฝักบัวในมือชานยอลได้เลย กางเกงผ้าบางๆเพียงตัวเดียวที่มีติดตัวอยู่เวลานี้มันแนบเนื้อไปถึงไหนต่อไหน อีกทั้งสายตาของคนขี้แกล้งกำลังสร้างความรู้สึกปั่นป่วน ชวนให้คนตัวเล็กเขินยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
“ชานยอลผมไม่เล่น”
“ฮ่ะๆ”
“เปียกหมดแล้ว ฮื่ออ ชานยอล” คนถูกแกล้งรีบขยับเท้าเข้าไปแย่งฝักบัวในมือใหญ่ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็สู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้แบคฮยอนจึงเอื้อมมือไปหมายจะหมุนปิดฝักบัวนั้นทว่าหมุนผิด กลายเป็นเปิดใช้งานฝักบัวเพดานอีกอันแทน ทำเอาเปียกปอนตามๆกันไปทั้งตัวเองทั้งคนตัวสูง
“แบคฮยอน”
“งื้ออ”
“งื้ออะไร รีบปิดน้ำสิ”
“อันไหนล่ะผมไม่รู้”
“แล้วเมื่อกี้บอกได้ไงว่าจำได้” มันน่าดุไหมล่ะแบบนี้ ชานยอลเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จไปก่อนหน้าจะมาที่นี่ไม่กี่นาทีเอง ตอนนี้กลับมาเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกแล้วมันใช่เรื่องมั้ย แต่จะโทษอีกฝ่ายฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกในเมื่อเขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเริ่มเอง
“ชานยะ..เหวอออ~”
คนตัวเล็กลื่นน้ำบนพื้นแต่มีชานยอลมาช่วยคว้าตัวไว้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความโชคร้ายซ้ำสองอะไรอีกที่คนตัวสูงเกิดลื่นน้ำขึ้นมาด้วยเหมือนกันเลยพลอยล้มลงไปบนพื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยคราบน้ำด้วยกันทั้งคู่
ตุ่บ!
“โอ้ย..”
“เจ็บหรอ” คนตัวสูงยันตัวขึ้นมาถามด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ยังคร่อมร่างเล็กไว้ นับว่าโชคดีที่ก่อนหน้าจะล้มเขาปิดน้ำสนิทหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะโชคดีให้อีกคนไม่เจ็บตรงไหนด้วยหรือเปล่าเนื่องจากเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่าง
“ชานยอล..”
“เจ็บตรงไหน”
“เปล่า แต่...”
“หืม”
“ลุกก่อนดีกว่ามั้ย” อวัยวะในอกซ้ายพากันเต้นแรงขึ้นมาหลังเริ่มสังเกตท่าของกันและกัน แบคฮยอนนอนใต้ร่างของชานยอลพร้อมกับการกะพริบตามองใบหน้าหล่อปริบๆ ส่วนชานยอลเอาแต่ก้มหน้ามองคนใต้ร่างไม่ยอมละสายตาไปทางอื่นหรือแม้แต่จะพูดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีอีกจนแบคฮยอนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ควรเอาสายตาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน ได้แค่นอนมองไรหนวดแสนดูดีแทนดวงตาโตของอีกฝ่าย
“ม ไม่ลุกหรอ”
“ไม่”
คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
“อย่าแกล้งผมสิ”
“ทำไม” ใบหน้าหล่อโน้มลงไปใกล้ใบหน้าเล็กจนปลายจมูกเกือบแตะกัน “แกล้งไม่ได้หรอ”
แบคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดอากาศตายในเร็วๆนี้ ช่องว่างระหว่างใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นฯ มันใกล้เสียจนแบคฮยอนไม่กล้าหายใจออก..
ทำไมชานยอลต้องเอาแต่ใช้สายตาแบบนั้นจ้องมา ทำไมต้องทำเหมือนว่าจะ..จูบเขา ทำไมต้องทำให้ใจเต้นแรงถึงขนาดนี้ ทำไมชานยอล..
“ฉันรอคำตอบอยู่นะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบบอกข้างหู ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือแค่บังเอิญที่ลมหายใจร้อนนั้นผ่อนออกมาใส่หูคนตัวเล็กซ้ำอีกทำเอาแบคฮยอนต้องเกร็งหน้าท้องพร้อมกลั้นหายใจตาม
“แบคฮยอน” เจ้าของชื่อหลับตาปี๋ยามเมื่อลมหายใจร้อนนั้นเคลื่อนชัดเข้ามาเรื่อยๆจนสัมผัสได้ว่ามันกำลังหยุดเป่ารดลงบนบริเวณปลายจมูกของเขาอยู่ “ทำไมตัวสั่นแบบนี้ล่ะ”
“….”
“หืมม์”
“ช ชานยอลคงไม่คิดจะจูบผมใช่มั้ย”
“….”
“บอกผมหน่อยผมจะได้สบายใจ” ความคิดความรู้สึกมากมายกำลังตีกันอยู่ข้างใน ทั้งกลัว ทั้งเขิน ทั้งกังวล ทั้งคาดหวัง ทั้งต้องการ ทั้งอยากผลักออก ความรู้สึกที่มีต่อชานยอลมันมากมายไปหมดจนแบคฮยอนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกของตัวเองจริงๆตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
ชายหนุ่มตัวสูงผู้ซึ่งถูกตั้งคำถามทอดมองใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับตาปี๋ด้วยความเอ็นดู ทั้งๆที่ขยับปากถามหากตากลับไม่ยอมเปิดขึ้นมามองหน้ากัน ช่างน่าขันและน่าแกล้งในเวลาเดียวกันเสียจริงๆ
“ถ้าจูบแล้วจะเป็นยังไง”
“ผมอาจจะตาย”
เด็กบ้า..
“มีใครบนโลกโดนจูบแล้วตายกัน”
“ผมอาจจะเป็นคนแรก”
“งั้นฉันจะลองดู”
“….”
“อยากรู้เหมือนกันว่านายจะเป็นคนแรกบนโลกจริงมั้ย” คนตัวสูงโน้มหน้าลงไปชิดจนเกือบได้สัมผัสริมฝีปากคู่นั้นแล้วทว่าผู้เป็นเจ้าของกลับเม้มซ่อนมันเข้าไปเสียก่อน
ชานยอลยิ้ม ไม่ได้โกรธ ไม่ได้รู้สึกเสียเซลฟ์หรือรู้สึกใดๆในทางลบเลย ตรงกันข้ามเขากลับยิ่งเอ็นดู ใช้ฟันคมของตัวเองกัดเบาๆลงไปบนปลายจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยวจนพอใจแล้วถึงจะยอมถอนหน้าออกไป
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำ เสร็จแล้วลงไปรอทานมื้อเที่ยงกับฉันข้างล่าง” เขาเองก็ต้องกลับไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เหมือนกัน
ยืนมองคนที่ยังนอนทำตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋ในท่าเดิมบนพื้นห้องน้ำอีกครั้ง เลื่อนสายไปหยุดที่กางเกงตัวสั้นจุ๊ดซึ่งตอนนี้มันเปียกแนบเนื้อซะจนสิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้านั้นชัดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้เห็น คนตัวสูงกลืนน้ำลายลงคอพลางเบือนสายตามองไปทางอื่น
“ฉันจะออกไปแล้ว รีบอาบน้ำทำตัวให้แห้งด้วยเดี๋ยวเป็นหวัด”
แบคฮยอนคิดว่าตัวเองกำลังเป็นบ้าที่เอาแต่ยิ้มทั้งที่สถานการณ์ในชีวิตตัวเองตอนนี้ไม่มีอะไรน่ายิ้มเลยสักนิดเดียว มือน้อยเอาแต่จับปลายจมูกตัวเองไม่หยุดตั้งแต่ในห้องน้ำจนกระทั่งออกมาแต่งตัวด้านนอกก็ยังคงจับๆลูบๆไม่เลิก ตอนไหนเผลอคิดถึงหน้าคุณชายปาร์คคนโตขึ้นมาอาการหน้าร้อนก็จะตามมาเล่นงานทันที
เขารู้ว่าตัวเองชอบชานยอล แต่ไม่รู้ว่าชอบแบบไหน รู้แค่คนตัวสูงเป็นคนดี เป็นคนที่ไว้ใจได้ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ยึดเหนี่ยวที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและที่สำคัญชานยอลเป็นคนที่แบคฮยอนอยากอยู่ด้วยไปนานๆเลย แล้วก็ยังเป็นคนที่ชอบทำให้ใจแบคฮยอนเต้นแรงตลอดเลยด้วย..
แต่แบคฮยอนคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบเด็กดื้ออย่างเขามากไปกว่าแฟนอย่างซอรินหรอก..ยังนึกไม่ออกเลยว่าหากหญิงสาวคนนั้นตามมาไล่เขาไปจากที่นี่เหมือนที่แม่เธอไล่คนในชุมชนไปอย่างใจร้ายเขาจะทำยังไง..ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะไร้หนทางไปแค่ไหนแต่ถ้าเป็นคำสั่งของชานยอลแบคฮยอนก็คงต้องไปอย่างไม่มีสิทธิ์เลือก..
เพราะงั้นถึงอยากจะตามหาพ่อเฒ่ากับแม่ครูให้เจอเร็วๆ แบคฮยอนอยากเจอพวกท่าน อยากไปอยู่กับพวกท่านก่อนวันที่ชานยอลไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปจะมาถึง
พอคิดเผื่อไปเองต่างๆนาๆสีหน้าขวยเขินตอนแรกก็มลายหายไปในพริบตา แบคฮยอนตบข้างแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ ก่อนจะลงไปที่ห้องอาหารตามที่ชานยอลสั่งไว้ก่อนหน้านี้ นั่งรอตามลำพังอีกซักพักชายหญิงวัยกลางคนก็เดินเข้ามาสมทบ คนตัวเล็กยังจำได้ว่าทั้งคู่เป็นพ่อแม่ของเซฮุนและชานยอลเนื่องจากเคยเจอกันมาแล้วสองครั้ง นั่นคือตอนที่เซฮุนพามาทานข้าวที่บ้านด้วยแล้วก็ตอนที่คุณท่านจัดงานเลี้ยงต้องรับเขา ซึ่งทั้งสองครั้งแบคฮยอนไม่มีโอกาสได้พูดคุยด้วยมากเท่าไหร่
แต่ดูเหมือนวันนี้จะผิดไปจากสองครั้งที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ทั้งสองชวนคนตัวเล็กคุยด้วยอย่างใจดี พออาหารทยอยมาเสิร์ฟก็ช่วยตักใส่จานให้ ทั้งยังเล่าเรื่องการประชุมแสนน่าเบื่อที่พรรคให้ฟังด้วย คุยกันได้ไม่นานลูกชายคนโตของบ้านก็ตามเข้าร่วมโต๊ะ กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่มยังหอมฟุ้งชวนให้แบคฮยอนใจสั่นเหมือนเดิม ยิ่งได้นั่งข้างๆกันแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งได้กลิ่นมันชัดเข้าไปใหญ่
“ป้าลืมบอกไปเลยว่าเมื่อวานแม่บุญธรรมเราโทรฯมาถามหาเรากับป้าด้วย คุณยายก็ด้วยนะจ้ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าหลบสายตาผู้ใหญ่ หญิงวัยกลางคนเห็นแล้วก็อดยิ้มเอ็นดูใส่ไม่ได้
“ไม่เป็นไรนะ ป้าแค่เล่าให้ฟังเฉยๆไม่ต้องกังวลไป แบคฮยอนจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้บ้านเรายินดี ใช่มั้ยครับพี่ชายคนโต”
“ผมบอกเค้าแล้วครับ”
“ศุกร์หน้ามีงานฉลองครบรอบวันก่อตั้งพรรคประจำปี” ผู้เป็นประมุขของบ้านพูดขึ้นมา แม้ใบหน้าจะดูดุดันทว่าน้ำเสียงแววตากลับตรงกันข้าม “จะมีการแสดงน้ำพุดนตรี พาน้องไปเปิดหูเปิดตาสิชานยอล”
“คงต้องดูก่อนครับว่าติดธุระอะไรมั้ย” คนตัวเล็กยิ้มเก้ออย่างรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่คนตัวสูงให้คำตอบแบบนั้น ชานยอลเองก็ทันหันไปเห็นมันเข้าพอดี
“อยากไปหรอ”
“ผมไม่เคยเห็นแต่ผมไม่รบกวนชานยอลนะ ไว้รอเซฮุนมาชวนก็ได้ หรือถ้าไม่มีใครว่างพาไปก็ไม่เป็นไร จะอยู่บ้านเล่นกับบัดดี้” แบคฮยอนรีบยิ้มให้ชานยอล น้ำพุดนตรีชื่อมันฟังดูน่าสนุกดีแต่ถ้าไม่มีใครพาไปแบคฮยอนไม่ไปก็ได้ ไม่แน่อาจจะได้เจอพ่อเฒ่ากับแม่ครูก่อนหน้าจะถึงวันนั้นแล้วก็ได้ใครจะไปรู้
“การแสดงมีตอนกลางคืนฉันคงพอมีเวลาว่าง เอาเป็นว่านายไปชวนเซฮุนไว้ด้วยก็ได้ ไปกันให้หมดนั่นแหละฉันจะพาไป”
“ไปได้จริงๆหรอ”
“อืม”
“แล้วชานยอลจะชวนซอรินไปด้วยหรือเปล่า” คนถูกถามหันไปมองหน้าพ่อแม่ก่อนจะตอบคำถามแบคฮยอนด้วยการส่ายหน้า ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้คุยกับซอรินเลย ระยะห่างมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนน่าใจหาย คิดแล้วก็รู้สึกผิดที่ทำตามความตั้งใจของตัวเองไม่ได้ อยากรักษามิตรภาพความสนิทสนมไว้แต่ไม่รู้ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
ด้านคนเป็นพ่อแม่คอยสังเกตพฤติกรรมลูกชายคนโตอยู่ตลอด พักหลังมานี้ไม่เห็นไปไหนมาไหนกับคุณหนูซอรินแห่งตระกูลชองไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า จะถามก็ไม่กล้า พ่วงด้วยความเกรงใจลูกชายคนนี้กันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เกิดความสงสัยก็มักไม่ค่อยได้ถามเอาจากปากเจ้าตัวเค้าหรอก ส่วนมากจะถามจากลูกชายคนเล็ก หัวหน้าพ่อบ้าน หรือคุณชายคิมจงอินเพื่อนสนิทของลูกเสียมากกว่า
มื้อเที่ยงดำเนินไปด้วยดี หลังท้องอิ่มแบคฮยอนถูกแม่นมของเซฮุนชวนให้ไปช่วยเป็นลูกมือทำชิฟฟ่อนเค้กด้วยกันในครัวโดยมีคุณชายปาร์คคนโตตามเข้าไปด้วยทำเอาสาวใช้ในบ้านพากันแตกตื่น ถึงจะรู้กันดีว่าคุณชายคนนี้นิสัยดีมีความสุภาพแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าแทบนับครั้งได้ที่คุณชายปาร์คคนโตจะลงมาเหยียบพื้นที่ตรงนี้ซึ่งต่างกับคุณชายปาร์คคนเล็กที่มักเอาหน้าหล่อๆเข้ามาให้พวกเธอเห็นอยู่ตลอด
ที่น่าประหลาดใจกันไปกว่านั้นคือการที่คุณชายปาร์คชานยอลยืนหลุดยิ้มขำทุกครั้งที่ผู้อาศัยบ้านคนใหม่ทำตัวซุ่มซ่ามหรือถามนู่นถามนี่แปลกๆกับคุณนม ไม่เท่านั้นยังเอาแป้งเค้กมาแกล้งป้ายหน้าคนตัวเล็กเล่นต่อหน้าคนในบ้านอีก สายตาของคุณชายยิ่งไม่ธรรมดา กับคุณหนูชองว่าน่าอิจฉาแล้ว กับคุณหนูแบคฮยอนมันยิ่งกว่านั้น มันดูน่ารักในแบบที่เป็นธรรมชาติและคุณชายของพวกเธอดูมีความสุขจริงๆอย่างที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
“ชานยอลผมตั้งใจช่วยคุณนมอยู่นะ”
“ก็ช่วยไปสิ”
“ก็ชานยอลเอาแต่กวน ผมทำอะไรไม่ถนัดเลย”
“ฉันกวนอะไร”
“เอาอะไรไม่รู้มาเขี่ยคอผมเล่นเนี่ย ออกไปข้างนอกเลยไป”
“น้อยๆหน่อย นายเป็นใครถึงกล้าไล่เจ้าของบ้าน” คนตัวเล็กยู่ปากใส่พลางเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือใหญ่ไม่ให้มาจับผม จับคอ หรือจับอะไรบนตัวได้ทั้งนั้น พอเริ่มจะหมดความอดทนก็เริ่มมองหาตัวช่วยเพื่อเอาคืนบ้าง
มือน้อยขยุ้มแป้งเค้กขึ้นมาพลางเป่ามันใส่หน้าชายหนุ่มจนอีกฝ่ายสำลัก สาวใช้ในบ้านที่ร่วมเห็นเหตุการณ์กลัวแทนคุณหนูตัวเล็กกันแทบแย่ทว่าคนกระทำกลับยืนหัวเราะสะใจแล้วเอาแป้งเค้กมาเป่าใส่หน้าอีกฝ่ายซ้ำอีก คุณชายปาร์คคนโตตอนนี้เลยขาวไปหมดทั้งหน้าทั้งผม แต่ก็สามารถเอาคืนเด็กแสบได้ด้วยวิธีการเดียวกัน
สงครามแป้งทำขนมขนาดย่อมจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทั้งผู้เป็นเจ้านายและบ่าวรับใช้ในบ้าน
ตกเย็นปาร์คชานยอลเอาหนังสือมาอ่านเตรียมสอบที่ห้องนั่งเล่น มีเด็กดื้อแบคฮยอนนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเป็นเพื่อนอยู่บนเบาะโซฟาอีกตัว ขณะเปิดทีวีจอยักษ์ทิ้งไว้ด้วยเสียงระดับที่คนปกติไม่สามารถได้ยินได้เพราะมันเบาจนเกือบจะเรียกได้ว่าปิดเสียงไว้
“เซฮุนไปกับพี่จงอินนานจัง”
“ก็ดีแล้ว..”
“หือ”
“เงียบได้แล้วฉันจะอ่านหนังสือ”
“ผมอยากเร่งเสียงทีวีอะ ได้มั้ย”
“รบกวนสมาธิ”
“แต่ผมอยากฟังเสียงด้วยนี่นา”
“….”
“ขอนิดเดียวก็ได้ นะๆ”
“ดื้อ” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ชานยอลก็ยอมหยิบรีโมทขึ้นมากดเพิ่มระดับเสียงให้ คนตัวเล็กคลี่ยิ้มขอบคุณชายหนุ่มจนตาหยี ก่อนจะหันกลับไปจ้องการ์ตูนในจอโทรทัศน์ราวกับเด็กๆ
“พอใจแล้วทีนี้ก็เงียบนะ”
“โอเค” เหมือนจะว่าง่าย สิบนาทีแรกคนตัวเล็กเงียบสนิทให้ชานยอลตายใจ แต่อีกสิบนาทีต่อมาเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้วขึ้นมาให้ได้ยินอีกจนได้ จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่หยุดอีกเลย คุยกับการ์ตูนบ้างล่ะ เดี๋ยวก็บ่นกับตัวเองบ้างล่ะ ซักพักก็เริ่มหาเพื่อนคุยซึ่งในห้องนี้เวลานี้มีกันอยู่แค่สองคนแบบนี้ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครที่อีกฝ่ายชวนคุยด้วย
“ชานยอลว่าจะมีเครื่องย้อนเวลาอยู่บนโลกเราจริงๆมั้ย”
คนตัวสูงถอนหายใจ “นั่นมันการ์ตูน”
“แต่ถ้ามันมีจริงก็คงดีไม่น้อยเลยว่ามั้ย ผมจะได้ใช้มันย้อนกลับไปตอนนั้นและจะไม่พาตัวเองมาที่นี่”
“….”
“ผมอยากให้มันมีอยู่จริง หรือจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นแค่ฝันร้ายก็พอ”
“จะฝันร้ายหรือฝันดีทุกคนก็ต้องตื่นจากมันด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้นานความทุกข์ก็เหมือนกัน” ชานยอลนั่งมองใบหน้าด้านข้างของเด็กดื้อ “เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเอง”
“ทำยังไงมันถึงจะผ่านไปไวๆ”
“ก็อย่าไปคิดถึงแต่มันสิ” เขารู้ว่าทุกอย่างที่นั่นมีความหมายกับอีกฝ่าย รู้ว่ามันคงยากที่จะให้เลิกยึดติดและทำใจยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ มันคงเป็นความรู้สึกราวกับสูญเสียโลกทั้งใบไป แต่ชานยอลก็เชื่อว่าแบคฮยอนเก่งพอที่ซักวันจะต้องผ่านมันไปได้ แค่อาจต้องอาศัยเวลาเป็นตัวช่วยเยียวยาสักหน่อย
ชานยอลจุดยิ้มมุมปากตอนที่เห็นคนตัวเล็กนั่งทำตาปรือๆกอดหมอนอิงไว้แน่น หูฟังเขาพูด ปากก็ขยับคุยกับเขา แต่สายตากลับไม่ยอมละออกจากสิ่งที่อยู่ในจอโทรทัศน์เลย
คุณชายมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วแอบจับเวลาเล่นๆขณะลอบมองหน้าคนง่วงอย่างเพลินๆ กำลังรอดูอยู่ว่าอีกฝ่ายจะหลับไปจริงๆตอนไหนซึ่งก็ไม่นานนักที่เปลือกตาสีอ่อนจะยอมแพ้ให้กับความง่วงจนปิดสนิทลงไปในที่สุด...
มือหนาวางหนังสือและชีททุกอย่างลงบนที่ว่างข้างๆแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปมองหน้าคนหลับง่ายใกล้ๆ ชานยอลทำทุกอย่างให้เบาที่สุดเพราะไม่ต้องการให้เกิดเสียงดังรบกวนจนอีกคนต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทั้งที่เพิ่งหลับไป
ศีรษะทุยใช้ขอบพนักพิงด้านหลังหนุนนอนแทนหมอนพลางเงยหน้านั่งหลับตาพริ้มอย่างสงบ ชานยอลเห็นแล้วต้องยื่นมือออกไปลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นให้เจ้าของมันได้หลับฝันดี
“ไม่มีเครื่องย้อนเวลาอยู่จริงก็ดีแล้ว ไม่ต้องมีอดีต ให้มันมีแค่ปัจจุบัน” คนเสียงทุ้มยื่นหน้าเข้าไปบอกเสียงเบาราวกระซิบ “เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้เจอเด็กดื้ออย่างนายไง หลานคุณยาย” ริมฝีปากหนาค่อยๆแนบลงไปบนริมฝีปากบางด้วยความอ่อนโยนและไม่เร่งรีบ..
ผละออกมามองหน้าคนหลับในระยะประชิดก่อนจะฉวยโอกาสจุ๊บกลีบปากน้อยเบาๆซ้ำอีกครั้งอย่างย่ามใจ แต่ขณะที่กำลังถอนริมฝีปากออกมาปาร์คชานยอลเป็นอันต้องชะงักเมื่อหางตาเห็นเงาของใครบางคนลางๆเข้า เขาหันไปมองและแอบตกใจนิดหน่อยที่คนๆนั้นเป็นคุณลุงพ่อบ้าน
ชายคนหนุ่มสบตากับคนวัยแก่ ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเองเชิงให้ผู้ล่วงรู้ความลับเงียบไว้อย่าบอกใคร ชายสูงวัยพยักหน้ารับปากพร้อมส่งยิ้มให้คุณชายคนโตอย่างใจดีพลางเดินนำถาดของว่างเข้ามาวางไว้ให้ที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา แม้จะรู้สึกอายนิดหน่อยแต่ชานยอลมั่นใจว่าคุณลุงพ่อบ้านจะไม่นำเรื่องที่เห็นไปเล่าต่อที่ไหนอย่างแน่นอน
“ต้องขอโทษคุณชายด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ..”
คุณชายส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างแบคฮยอนเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมทำอะไรไม่ระวังเอง”
“คุณหนูใช่คนที่ให้ดอกหญ้ากับคุณชายของผมไหมครับ” เพียงแค่ชานยอลพยักหน้าคนสูงวัยก็พอจะเข้าใจทุกอย่าง คุณหนูคนนี้มีความสำคัญต่อคุณชายปาร์คคนโตกว่าที่รู้มาตอนแรกอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ปุ่!
ศีรษะน้อยล้มลงนอนหนุนตักผู้ที่นั่งอยู่ใกล้เพียงคนเดียวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว คนตัวสูงไม่ได้ผลักไส กลับขยับท่านั่งให้อีกฝ่ายได้นอนสบายๆพลางช่วยปัดผมสีดำสนิทที่ตกลงมาปรกหน้าคนนอนหลับออกให้อย่างเบามือ
“น่ารักดีนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่ชานยอลต้องพยักหน้า
“ผมคงต้องนั่งตรงนี้อีกนาน รบกวนคุณพ่อบ้านช่วยหยิบหนังสือกับชีทเรียนตรงนั้นให้ทีสิครับ” คนถูกวานเดินไปหยิบสัมภาระทั้งหมดมาให้นายน้อยของตัวเองโดยทันที
“อยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณชายแล้วนะครับ” ต่างคนต่างโค้งหัวให้แก่กันและกัน คุณลุงพ่อบ้านยืนอมยิ้มมองภาพน่ารักของเด็กทั้งสองคนต่ออีกเพียงครู่เดียวก่อนจะปล่อยให้คนหนุ่มได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างไม่คิดจะรบกวนอีก
#ficmysscb
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทคือ ่วด- ื่ีขเพแะภพ อำภเ่
ล ั