ตอนที่ 16 : Shining XV :: baekhyun's friend
Shining XV.
05.00 PM
ชานยอลและแบคฮยอนกลับเข้ามาในมหาวิทยาลัยกันอีกครั้ง สำหรับแบคฮยอนที่เป็นนักกีฬาอยู่แล้วจะเข้าออกชมรมบ่อยแค่ไหนไม่แปลก แต่กลับคนที่เป็นเพียงสมาชิกหลักของชมรมฟุตบอล เป้าหมายมีอยู่แค่การออกกำลังกาย ไม่ได้จะซ้อมไปเพื่อแข่งขันใดๆกับใครอย่างคุณชายปาร์คคนโตเนี่ยสิแปลกคน
อย่าเรียกว่ามาบ่อย ให้ใช้คำว่ามาถี่เลยยังได้ หลายคนนึกอยากถามกันแทบแย่ว่าคุณชายไม่ต้องไปทำหน้าที่ประธานชมรมขี่ม้าอันทรงเกียรติอีกแล้วหรือ ชมรมปิดทำการชั่วคราวหรือยังไง ทำไมพักนี้ขยันมาเล่นบอลบ่อยเหลือเกิน แต่อย่างว่า ใครจะกล้าเสี่ยงตายเข้าไปถามกัน
มันเป็นเพียงความสงสัย ไม่ได้มีใครอึดอัดหรือเกร็งที่มีคุณชายมาร่วมสนามด้วยหรอก กลับกัน ชานยอลมีนิสัยเป็นมิตร สามารถปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ในระดับน่าชื่นชม อาจจะดูขรึมดูหยิ่งจนหลายคนต้องเกรงใจไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วต้องจัดให้เขาเป็นผู้มีมารยาทที่นิสัยดีและน่าคบหาคนหนึ่ง (ถ้าคุณชายเค้าจะยอมเปิดโอกาสให้คบด้วยอะนะ)
แบคฮยอนเดินเข้าห้องชมรมเพื่อจะไปเปลี่ยนชุด แปลกใจนิดหน่อยที่ตอนนี้ยังไม่มีใครมา ส่งข้อความไปหาคิมจงแด เพื่อนคนนั้นบอกว่ายังไม่เลิกเรียนแต่เดี๋ยวจะรีบตามมา ส่วนคนอื่นๆก็คงเหมือนกัน แบคฮยอนที่มาคนแรกเลยต้องทำหน้าที่เป็นผู้เปิดไฟในห้อง
“ยังไม่มีใครมาอีกหรอ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง หันหลังกลับไปมองพบว่าคนตัวสูงกำลังยืนกอดอกพิงขอบประตูหน้าห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ
“ตกใจหมด”
“คิดว่าผีทักหรือไงล่ะ”
“ผมอยู่ชมรมคนเดียวนะ ชานยอลอย่ามาพูดเรื่องผีสิ”
“เพิ่งรู้ว่าเด็กดื้ออย่างนายกลัวอะไรเป็นกับคนอื่นเค้าด้วย” คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ๆ กวาดตามองสำรวจไปรอบๆห้องชมรมกรีฑาที่เพิ่งเคยมาเหยียบครั้งแรกแบบผ่านๆ
สภาพห้องไม่ได้ต่างจากชมรมฟุตบอลเท่าไหร่ ไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นแค่ห้องกว้างๆมีโต๊ะ ล็อคเกอร์เก็บของ อุปกรณ์กีฬาวางซ้อนๆกันแต่ดูเป็นระเบียบกว่าชมรมฟุตบอลที่มีแต่ผู้ชายนิดหน่อย ถ้าเดินเข้าไปด้านในอีกชานยอลเดาว่าต้องเจอห้องน้ำ
ก็ห้องชมรมวิ่งกับห้องชมรมฟุตบอลใช้อาคารร่วมกัน เป็นอาคารชั้นเดียวไม่ได้ใหญ่โตมาก ทว่าสามารถรองรับปริมาณสมาชิกทั้งหมดได้อย่างไม่อึดอัด ประตูทางเข้าของทั้งสองชมรมอยู่ตรงข้ามกัน ไม่จัดว่าใกล้เสียทีเดียวแต่ก็ไม่ได้ไกล ชานยอลอยู่ทางนั้นยังมองเห็นความมืดที่แบคฮยอนเดินเข้ามาได้อยู่เลย ถึงได้ตามมาดูนี่ไงล่ะ
“ชานยอลเข้ามาทำอะไร”
“เห็นห้องมืด” ก็เลยเป็นห่วง
“อ๋อ ยังไม่มีใครมาอะ แต่อีกเดี๋ยวคงมากันแล้วล่ะ” คนตัวเล็กเอียงคอมองคนหล่อ “ห่วงผมหรอ รู้สึกผิดที่แย่งกินไอติมผมอะดิ”
ถ้ารู้ว่าแย่งกินแค่นี้แล้วอีกฝ่ายจะเอามาพูดไม่จบไม่สิ้นนะชานยอลไม่ทำหรอก แรกๆเห็นงอแงก็ว่าน่ารักดี หลังๆเริ่มไม่ยอมจบประเด็นซักทีจนน่าจับตีขึ้นมาจริงๆแล้ว เอาแต่บ่นเหมือนไอศกรีมโคนอันนั้นราคาเป็นแสนๆวอนยังงั้น เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ
ปั้ง!
“เสียงอะไร” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นพูดกับคนตัวสูงด้วยความสงสัย เสียงเมื่อกี้ดังมาจากทางห้องน้ำคล้ายกับมีใครกระแทกประตู แต่จะเป็นใครในเมื่อทั้งห้องมีแค่เขากับชานยอลแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงลมพัดด้วยเพราะว่าภายในห้องค่อนข้างอับ
กึ่ก! กึ่ก!
“ผีหรือเปล่าชานยอล”
‘อ๊า~’
“ไม่น่าใช่”
‘อึ่กๆ อ๊ะ! อื้ออ~~”
“อะไรน่ะ”
“ฟังไม่ออกหรอ” ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าฟังไม่ออกชานยอลจะสรุปเลยว่าหลานคุณยายคงเป็นเด็กสามขวบในร่างคนอายุเกือบยี่สิบจริงๆแล้ว ดูเถอะ ถามขนาดนี้แล้วยังขมวดคิ้วเหงี่ยหูฟังเหมือนไม่เข้าใจอีก
‘ซี๊ด อ่าา..’
“รู้จักเสียงครางมั้ย”
“ฮะ? เสียงคราง ชานยอลหมายถึงเสียงนั่นเป็นเสียง.. ครางหรอ”
“อืม”
“ใช่หรอ นี่ห้องชมรมนะ”
“คนมันมีอารมณ์ที่ไหนก็ทำกันได้ทั้งนั้นแหละ” คนตัวเล็กมองหน้าผู้มีประสบการณ์มากกว่าตาปริบๆ ชานยอลดูเฉยๆกับเรื่องนี้มาก แสดงว่าทำบ่อยหรอ หรือว่าไปดูจากไหนมา ทั้งนี้ทั้งนั้นตอนนี้แบคฮยอนไม่อยากรู้อะไรไปมากกว่าใครกันที่กล้ามาทำเรื่องแบบนี้ในชมรม
“จะไปไหน”
“จะไปดู”
“เฮ้ย!” ชานยอลห้ามไม่ทัน เด็กสอดรู้สอดเห็นวิ่งย่องเบาเข้าไปทางห้องน้ำแล้ว พลอยให้ชายหนุ่มต้องเดินตามไปด้วย
‘ซี๊ด..’
ห้องน้ำเป็นแบบห้องรวม มีห้องเล็กๆอยู่หลายห้อง แต่ไม่ต้องหาให้ยากเลยว่าเป็นห้องไหน ไอ้ห้องที่ประตูถูกปิดตายและมีเสียงครวญครางปานจะขาดใจพร้อมกับแรงกระแทกประตูจนมันสั่นไม่หยุดนั่นแหละ
“แบคฮยอน!” ชานยอลเรียกชื่ออีกคนเบาๆเพื่อเป็นการห้ามปราม อยากกุมขมับกับความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย “ทำอะไรของนายเนี่ย”
แบคฮยอนนั่งหมอบลงไปกับพื้นจนแทบกลายเป็นท่านอนเพื่อส่องดูช่องว่างด้านล่างประตู แค่เห็นกางเกงในสีดำติดคาอยู่บริเวณข้อเท้าทั้งสองข้างของฝ่ายหญิงแก้มน้อยก็ขึ้นสีแดงจัด เสียงครางสุขสมนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชัดเต็มสองรูหูยิ่งกว่าอะไรซะอีก
‘เร็วอีกอื้ออ! ช ใช่~ อ้ะ!’
‘ซี๊.ด..’
คนตัวเล็กกัดปากพลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึ่ก! ยกมือขึ้นอุดหูบ้าง เอาออกเพราะอยากฟังมันบ้าง หน้าแดงหูแดง ไม่สนใจเลยว่าตอนนี้มีชานยอลยืนดูพฤติกรรมอยู่ด้วยอีกคน
และก่อนที่แบคฮยอนจะได้นอนราบลงไปกับพื้นจริงๆ ชานยอลตัดสินใจเกี่ยวคอเสื้ออีกคนให้ลุกขึ้นมา ล็อคคอคนตัวเล็กให้เอาหูแนบสนิทลงมาที่อกและแขนแกร่งของตัวเอง ชนิดที่อีกฝ่ายต้องหูดับไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ทั้งยังถูกพาออกจากห้องชมรมไปด้วยอย่างขัดขืนไม่ได้ด้วย
“พาผมมาที่นี่ทำไมเนี่ย”
“ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นดีนักนะเด็กแก่แดด” ชานยอลเกือบได้ดีดหูแล้ว ทว่าเด็กแสบไหวตัวหลบทัน
“ก็ผมอยากรู้ว่าเป็นใคร”
“อยากรู้หรือว่าอยากเห็นกันแน่”
“เรื่องของผมน่า”
“เก็บกดกับเรื่องพรรค์นี้หรือไง”
“ชานยอลต่างหาก ผมยังจำตอนที่ชานยอลแลกลิ้นดุเดือดกับ อื้อ!” มือใหญ่ปาดลิ้นน้อยให้หยุดปากไวจนน้ำลายติดมือมาด้วย เขาเช็ดมือลงไปกับเสื้อของเจ้าของน้ำลายอีกที แบคฮยอนจะอ้าปากพูดเจื้อยแจ้วอีกก็ไม่ได้ โดนชี้หน้าคาดโทษไว้พร้อมกับสั่งให้นั่งลงเงียบๆ
“ผมจะกลับชมรมตัวเอง”
“จะไปเสียมารยาทเค้าทำไม นั่งนี่ไปก่อน รอให้คนอื่นมาแล้วค่อยออกไป”
แบคฮยอนเลยอดรู้เลยว่าเป็นใคร นึกเสียงไม่ออกด้วยเพราะจับใจความอะไรไม่ได้ซักอย่าง ได้ยินแต่เสียงคราง ชานยอลนี่ก็อีกคน ไม่รู้กินอะไรเป็นอาหารหลักถึงได้ดุนัก แล้วเรื่องอะไรต้องมาบังคับให้เขาอยู่ในห้องชมรมฟุตบอลของตัวเองแบบนี้ มีแต่คนมองแบคฮยอนด้วยสายตาแปลกๆ
“นั่งรอตรงนี้ไปก่อนนะ ฉันจะไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่เอาอะ มีแต่ใครก็ไม่รู้ผมไม่รู้จักซักคน”
“จะเข้าไปในห้องน้ำกับฉันด้วยหรือไง”
“ชานยอลยืนเปลี่ยนตรงนี้เลย” มือที่กำลังนำชุดออกจากล็อคเกอร์ชะงัก ปกติสมาชิกคนอื่นๆมักจะถอดเปลี่ยนชุดกันตรงหน้าล็อคเกอร์นี้เลยนั่นแหละ แต่ชานยอลไม่ชิน ไม่ชอบโชว์เรือนร่างต่อหน้าใคร เรียกว่าหวงความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แต่พอมองคนที่ทำหน้าอึดอัดกับสถานที่ใหม่แล้วอดสงสารไม่ได้ จำต้องถอดเปลี่ยนมันตรงนี้เป็นครั้งแรก
‘โว้ว นายหุ่นดีกว่าที่พวกเราคิดนะคุณชาย’
เพื่อนในชมรมเดินผ่านเข้ามาเห็นและหยุดแซวนิดหน่อย คุณชายแค่พยักหน้ารับนิดๆก่อนจะจัดการถอดเสื้อนักศึกษาออกจากตัว ท่อนบนเปลือยเปล่าไม่ได้มีกล้ามหน้าท้องขึ้นรอนชัดเจนสวยงามเยอะๆเหมือนพวกนายแบบ ชานยอลพอมีบ้าง ยกเว้นกล้ามแขนที่ดูแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร มันดูดี ดึงดูดจนแบคฮยอนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะหัวใจกำลังเต้นแรง
“นายหน้าแดงอีกแล้ว”
“ผม..” เผลอกัดปากตอนที่หันมาเจอท่าสวมเสื้อบอลเท่ๆของชานยอลเข้าพอดี ยิ่งอีกคนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ยิ่งอยากมุดหน้าหนี ก้มหน้ามองแต่มือตัวเอง ระหว่างนั้นเสียงปลดเข็มขัดก็ดังขึ้นตรงหน้าให้รู้สึกใจสั่นยิ่งกว่าเสียงครางของใครก็ไม่รู้ในชมรมตะกี้อีก
แบคฮยอนมองกางเกงนักศึกษาสีอ่อนที่ถูกถอดร่นลงบนพื้น ไม่คิดจะเงยหน้ามองผู้เป็นเจ้าของเลยแม้แต่นิด ลำพังเห็นแค่กางเกงก็ทำตัวไม่ถูกจะแย่แล้ว ขืนมองหน้าอาการหน้าร้อนใจสั่นต้องหนักกว่านี้แน่ เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย รู้ทั้งรู้ว่าชานยอลเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่หัวใจบ้านี่มันก็เต้นแรงอยู่ได้
“เขินอะไรนักหนา” คนถามย่อตัวลงเก็บกางเกง ยังไม่ยอมลุกขึ้นยืน กลับนั่งยองๆจ้องหน้าคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาต่อ “คิดทะลึ่งอะไรกับฉันอยู่หรือไง” นิ้วหนาดันคางอีกคนให้เงยหน้าขึ้น
“เปล่าซักหน่อย”
“แล้วหน้าแดงทำไม”
“มันแดงเอง”
คุณชายเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็ก ไม่แคร์ว่าใครจะผ่านเข้ามาเจอหรือไม่ ตอนนี้สายตามองอยู่แค่คนตรงหน้าเท่านั้น ดวงตาโตกำลังสะกดเด็กดื้อให้ตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน แบคฮยอนสบตาชานยอล แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองยามที่อีกคนจ้องมัน
ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้าไปหาช้าๆ ใกล้จนแบคฮยอนได้กลิ่นน้ำหอมและ
“ฮั๊ดชิ่ว!!!!”
คนเป็นหวัดจามใส่หน้าคุณชายเต็มๆ! มือน้อยทั้งสองข้างยกขึ้นมาอุดปากตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ “ขอโทษ”
แบคฮยอนทั้งรู้สึกผิดทั้งกลัวจะถูกด่า รีบส่งมือออกไปช่วยเช็ดหน้าหล่อๆนั่นให้ด้วยอาการร้อนรนและเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ชานยอลยังคงนั่งยองๆเหมือนเดิม ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวพาลให้แบคฮยอนใจคอไม่ดีไปมากกว่าเดิม
“ผมไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธนะ ผมขอโทษชะ..”
“ไม่ต้องเช็ด ฉันจะไปล้างหน้าเอง”
“ชานยอล” เด็กดื้อก้าวตามหลังคนตัวโตไปทางห้องน้ำมาติดๆ ยืนมองอีกคนล้างหน้าล้างตาอยู่ใกล้ๆอย่างเป็นกังวล คิดได้ว่าควรจะมีผ้าไว้ให้คนตัวโตซับหน้าด้วยก็รีบวิ่งออกไปยังล็อคเกอร์ที่ยังคงถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ หาผ้าขนหนูจนเจอแล้วรีบวิ่งนำมันกลับมาให้คนตัวโตทันที
“เช็ดหน้านะชานยอล”
“ไม่เช็ด”
“ฮื่อ อย่าโกรธผมสิ ผมไม่ได้ตั้งใจให้ชานยอลสกปรกนะ แต่ผะ อ้ะ!” คนตัวเล็กถูกจับอุ้มให้ขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือกะทันหัน มือใหญ่ตีหัวเข่ามนเพื่อให้เจ้าของยอมอ้ามันออกจากกันแล้วพาตัวเองเข้าไปยืนแทรกตรงกลางระหว่างขา
“ชานยอล..”
“อยากจามทำไมไม่บอก รู้มั้ยว่าจามใส่หน้าคนอื่นมันสกปรก”
“รู้ แต่มันทนไม่ไหวอะ ผมขอโทษ ผมทำให้ชานยอลเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว”
“….”
“ด่าผมก็ได้นะ แต่ด่าแล้วต้องดีกันเหมือนเดิมนะ”
“คนทำความผิดมีสิทธิ์ต่อรองด้วยหรอ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจนี่นา” ชานยอลดึงมือน้อยข้างที่จับผ้าขนหนูขึ้นมาวางแปะบนแก้มตัวเอง
“เช็ด”
“ให้ผมทำให้หรอ”
“อืม ใครทำก็ต้องรับผิดชอบ” น่าหงุดหงิดกว่าการถูกจามใส่หน้าก็คือการที่ตัวเองดุเด็กดื้อไม่เก่งเท่าเมื่อก่อนแล้วเนี่ยแหละ แค่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าจ๋อยสนิท กลัวเขาจะโกรธเกลียดเหมือนที่ผ่านมาชานยอลกลับรู้สึกผิดเสียเอง
อย่างที่จงอินมันเคยว่า ถ้าเกิดห้ามความรู้สึกตัวเองได้เขาคงไม่ปล่อยให้ใช้คำว่าชอบได้จนถึงตอนนี้ รู้ดีแก่ใจว่าความรู้สึกเอ็นดูมันเพิ่มขึ้นทุกวัน ไหนจะความคิดอยากดูแลที่กำลังเพิ่มเข้ามานี่อีกล่ะ เขาควรจัดการกับมันยังไง..
“เวลาอยู่กับคนอื่นหน้าแดงแบบนี้ด้วยหรือเปล่า”
“ต ตอนนี้ผมก็หน้าแดงหรอ”
“ให้ตอบ ไม่ได้ให้ย้อนถาม”
“ไม่แน่ใจ แต่…”
“….”
“คิดว่าไม่”
“กับเซฮุนก็ไม่หรอ”
“ไม่รู้”
“….”
“ชานยอลอย่าถามอะไรแบบนี้สิ ผมไม่รู้จะตอบยังไง” อย่ามองแบบนี้ด้วย แบคฮยอนไม่ชอบเลย มือสั่นไปหมดแล้วเห็นมั้ย ท่านั่งตอนนี้ก็แปลกๆรู้สึกไม่สบายตัวยังไงก็ไม่รู้ กลัวใครจะเข้ามาเห็นให้อายกว่าเดิม จะบอกให้ชานยอลขยับออกไปหน่อยก็ไม่กล้า เพิ่งสร้างเรื่องไปหมาดๆเดี๋ยวถูกเมินถูกโกรธขึ้นมาจะไม่คุ้มเอา
คนตัวเล็กนั่งซับหน้าให้คนตัวโตเงียบๆ ลมหายใจสะดุดทุกครั้งที่เผลอสบตา ชานยอลเป็นคนตาสวย จมูกสวย ริมฝีปากก็สวย ดูดีจนแบคฮยอนนึกอิจฉาในความสมบูรณ์แบบนี้อยู่บ่อยๆ หูอาจจะกางกว่าคนปกติไปนิดแต่ก็น่ารักไปอีกแบบนะ คิกคิก
“มองหูฉันแล้วหัวเราะเนี่ยอยากโดนดีดหน้าผากหรอ”
“อย่าโมโหสิ ผมคิดว่ามันน่ารักนะไม่ได้น่าเกลียด ขอจับหน่อยได้เปล่า มันกางดีจังเลย ฮ่ะๆๆ” มือที่กำลังจะถือวิสาสะยื่นไปจับใบหูของคนอื่นถูกมือที่ใหญ่กว่าตีดัง เพียะ! ทำเอาชักมือกลับแทบไม่ทัน
“มือหนักตลอดเลย”
“ฉันอยากจะตีแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“ฮื่อ”
“ไม่ต้องมาฮื่อ” สองมือต่างขนาดกันกำลังยื้อแย่งหนีกันพัลวัน ชานยอลจะเอามือซนๆนั่นมาทำโทษด้วยการดีดนิ้วอย่างที่ชอบทำ คนที่รู้ว่าตัวเองจะถูกลงโทษยังไงรีบซ่อนมันเก็บไว้ด้านหลัง เบี่ยงหลบกันจนแผ่นหลังเล็กเอนไปพิงกับกระจก ชานยอลสอดสองแขนเข้าไปข้างลำตัวอีกฝ่าย ท่าคล้ายกับว่ากำลังกอดรัดกันอยู่
“ผมจะฟ้องคุณท่านว่าชานยอลรังแกผม”
“นายมันน่าตี”
“ถอยออกไปนะ”
“ไม่ถอย”
“ผมเอาคืนเจ็บนะขอเตือนไว้เลย”
“งั้นเหรอ”
“อื้ออ ชานยอล!” มือน้อยทั้งสองข้างยอมผละออกจากด้านหลังเพื่อมาดันไหล่คนตัวโตไม่ให้แกล้งเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ จมูกโด่งเฉียดข้างแก้มไปเพียงนิดเดียวเล่นเอาหัวใจกระตุก
“ชานยอลอย่าแกล้งผมแบบนิ.. พี่จงอิน!”
ทั้งคู่รีบผละตัวออกจากกัน แบคฮยอนกระโดดดึ๋งลงจากเคาน์เตอร์
“คือเราแค่..”
“พี่เข้าใจ”
จงอินเดินกอดอกพลางผิวปากเข้ามาอย่างกวนประสาท เหล่ตามองเพื่อนและน้องชายตัวเล็กทำท่าเลิกลั่กแล้วอยากจะหัวเราะ แต่เพราะสงสารเด็กเลยต้องเก็บอาการไว้ก่อน ค่อยไปลงที่ไอ้เพื่อนตัวดีทีเดียวน่าสนุกกว่าเยอะ
“เล่นกันเฉยๆไม่ได้มีอะไรนะฮะ”
“พี่เข้าใจ”
“พี่จงอินอ่า”
“พี่เข้าใจน่า แบคฮยอนอ่า” คนตัวเล็กกัดปากจ้องคนขี้แซวด้วยดวงตาใสๆ ต้องการสื่อให้รู้ว่าเปล่าทำอะไรจริงๆนะ บริสุทธิ์ใจจริงๆอย่าเข้าใจผิด ซึ่งจงอินน่ะเข้าใจแบคฮยอน ใช่ว่าจะเพิ่งเข้ามาเสียเมื่อไหร่กัน เขามายืนตรงนี้ตั้งแต่ไอ้คุณชายเพื่อนเริ่มโน้มตัวเข้าไปหาแบคฮยอนแล้วเพียงแต่ทั้งคู่ไม่สังเกตเอง
“ไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ ไม่ต้องไปแก้ตัวกับมันหรอก”
“แต่พี่จงอินจะเข้าใจผิด”
“ฉันเคลียร์เอง นายจะไปเข้าชมรมก็ไปเถอะ”
“ง งั้นผมไปเข้าชมรมก่อนนะ”
“เดี๋ยว”
“ฮึ?”
“เย็นนี้มีใครมารับกลับบ้านหรือยัง”
“คงนั่งรถกลับเองอะ”
“งั้นรอกลับพร้อมกัน ฉันจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ผมเริ่มนั่งรถประจำทางคล่องแล้ว”
“บอกยังไงก็ทำอย่างนั้น ไม่ต้องดื้อ”
คนถูกออกคำสั่งขมุบขมิบปากล้อเลียน ก่อนออกไปไม่ลืมโค้งหัวให้คิมจงอินหนึ่งที ตอนนี้ในห้องน้ำจึงเหลือเพียงสองเพื่อนสนิทเท่านั้น
“ไหนใครมันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับคนของน้อง หรือเมื่อวานฉันลืมแคะหูเลยฟังผิดไป”
“อย่าพูดมาก เหม็นขี้ฟัน”
“เออ ใครจะเนื้อหอมปากหอมเหมือนแบคฮยอนล่า” หนุ่มผิวแทนเข้าไปโอบไหล่เพื่อน แต่โดนสะบัดออกด้วยความรำคาญเลยเปลี่ยนเป็นหย่อนตูดนั่งลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือแทน
“ท่าสวยใช้ได้เลยนะเมื่อกี้ ไม่ได้ส่อแววเลยยยยยย”
“เออ”
“อย่าเพิ่งรำคาญเพื่อนที่แสนประเสริฐอย่างฉันสิ”
“ฉันรำคาญตัวเองมากกว่า”
“ยิ่งห้ามใจยิ่งเหมือนทำให้ตัวเองเก็บกดซะเปล่าๆใช่มั้ยล่ะ”
“ถ้าสิ่งที่นายพนันไว้มันตรงกันข้ามช่วยรับผิดชอบด้วยการดูแลมันด้วย เซฮุนน่ะ”
“มันใช่เรื่องที่ฉันต้องมารับผิดชอบมั้ย”
“รักกันมากไม่ใช่หรอ"
“พี่น้องกันว่อย”
“ของแบบนี้มันพัฒนากันได้”
“อยากให้น้องชายตัวเองเสียตูดให้ฉันมากว่างั้น”
“ก็แล้วแต่จะตกลงกันเถอะ นายจะเป็นฝ่ายเสียหรือให้ไอ้เซฮุนเสียฉันจะไม่ยุ่ง โตๆกันแล้ว”
“พอคิดจะชั่วก็ชั่วกับเพื่อนกับน้องง่ายๆแบบนี้เลย?”
“ฉันก็พูดไปอย่างนั้น”
“เออ”
“แต่เป็นจริงได้ก็ดี จะได้สบายใจ”
“ถูย! ไอ้คุณชายเวร”
“หึ”
นี่ถ้ามันรู้ว่าแบคฮยอนเคยเสนอมันให้กับเขาด้วยล่ะก็ ได้อยากอ้วกกว่านี้แน่ ชานยอลมองตัวเองในกระจก เป็นอีกครั้งที่เห็นตัวเองยิ้มให้กับเรื่องราวของเด็กคนนั้น แม้มันจะเป็นแค่การนึกถึงก็ตาม
ตัดมาที่คนตัวเล็ก ดวงตาเรียวรีคอยสังเกตพฤติกรรมสมาชิกในชมรมทีละคนตั้งแต่กลับเข้ามาเปลี่ยนชุดกีฬาสำหรับซ้อมวิ่ง อยากจะรู้จริงๆว่าเป็นใครที่กล้ามาทำเรื่องอย่างนั้นในที่ของส่วนรวม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ ทุกคนดูปกติกันหมด จับตัวไม่ถูกเลยว่าใครกันที่เพิ่งผ่านสมรภูมิรบอันดุเดือดในห้องน้ำเมื่อกี้
“เป็นอะไรแบคฮยอน”
“กำลังหาผู้ต้องสงสัย”
“ผู้ต้องสงสัย? สงสัยเรื่องอะไร”
“มานี่ เอาหูเข้ามาใกล้ๆ” กวักมือเรียกพลางยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้มาทั้งหมดให้เพื่อนฟัง คิมจงแดมีปฏิกิริยาตกใจนิดๆ ขมวดคิ้วข้องใจตาม
“นายว่าเป็นใคร”
จงแดไม่ได้แสดงความเห็นไปในทันที ละมือออกจากการผูกเชือกรองเท้าผ้าใบขึ้นมาลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด สองคนช่วยกันสแกนมองทีมนักวิ่งที่กำลังวอร์มร่างกายกันอยู่ในสนามนี้ ไม่เว้นแม้แต่โค้ช
“ไม่รู้ว่ะ ดูไม่ออก” เล่นใส่ชุดวอร์มปิดมิดชิดกันตั้งแต่คอจรดเท้ากันขนาดนี้ใครจะไปดูออก “แต่ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันนะ”
“มันเคยมีมาก่อนหน้านี้อีกหรอ”
“อืม เคยได้ยินกลุ่มพี่ปีสองเค้าพูดๆกันแต่ฉันไม่ได้ปักใจเชื่อมากหรอก เดี๋ยวจะเป็นการใส่ร้ายคนอื่นเค้าเปล่าๆ”
“ใคร?!”
“นายไม่ค่อยจะอยากรู้เรื่องคนอื่นเท่าไหร่เลยแบคฮยอน”
“น่า รู้อะไรดีๆมาก็เล่าให้ฉันฟังบ้าง” คนตัวเล็กกระแซะไหล่เพื่อน “รีบเล่าก่อนที่โค้ชจะเป่านกหวีดเรียก” จงแดส่ายหัวให้กับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อน ปกติตนไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่ อะไรที่ฟังคนอื่นเค้าเล่าต่อๆกันมาอีกทีไม่เคยปักใจเชื่อ แต่ท่าทางใจจดใจจ่อ จ้องหน้ารอฟังตาแป๋วของแบคฮยอนนี่มัน..
“ย้ำอีกทีว่าเรื่องนี้ฉันฟังจากคนอื่นเค้ามา ไม่ได้เจอเอง”
คนตัวเล็กพยักหน้าเข้าใจรัวๆ
“เค้าว่าเป็นรุ่นพี่ชางมิน”
“รุ่นพี่ชางมิน?”
“อืม เค้าบอกรุ่นพี่ชอบพาคู่นอนของตัวเองเข้ามาคั่วที่ชมรมไม่ซ้ำหน้า ที่สำคัญมีทั้งหญิงทั้งชาย”
“ไม่อยากจะเชื่อ!” แบคฮยอนไม่ได้สนิทด้วยเท่าไหร่ แต่ยังไม่ลืมว่ารุ่นพี่ชางมินเป็นหนึ่งในคนที่มาชักชวนให้แบคฮยอนเข้าชมรมนี้ เห็นเงียบๆเหมือนจะเรียบร้อยไม่คิดว่าจะเผ็ด
“ฟังหูไว้หูเถอะ”
“อือ แต่ถ้าใช่จริงๆล่ะก็จงแด พี่เขาสุดๆไปเลย ต้องไม่แคร์คนอื่นขนาดไหนถึงกล้าพามาทำถึงที่ชมรม”
“อยู่ปีสี่แล้วจะทำอะไรก็ได้มั้ง แต่ช่างเค้าเถอะ จะใช่ไม่ใช่พี่เขาเราอย่าไปยุ่งเลย” จงแดและแบคฮยอนหันไปเจอรุ่นพี่คนนั้นส่งยิ้มมาให้พอดีทำเอาสะดุ้ง แสร้งยิ้มตอบให้ตามมารยาท
อันที่จริงเรื่องรสนิยมกับการกระทำบางอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัว จะตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีก็ไม่ได้ ในเมื่อรุ่นพี่ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อแบคฮยอนเลยสักครั้ง ไม่ได้สนิทกัน ไอ้ที่อยากรู้เพราะข้องใจ และเมื่อรู้แล้วก็จบ หมดข้อสงสัย จงแดบอกอย่าเอาไปพูดต่อ แบคฮยอนพยักหน้ารับทั้งที่ในใจกำลังคิดจะเอาไปเล่าให้ชานยอลฟังอีกซักคน ไม่เป็นไรหรอกเนาะจงแด
ขากลับแบคฮยอนกลับพร้อมชานยอลตามที่ถูกสั่งไว้ คุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ชานยอลสะกิดแขนปลุกให้ตื่นตอนถึงบ้านแล้ว วันนี้ชานยอลไม่ได้ลงจากรถเพื่อเข้าไปทักทายคุณท่านเช่นทุกที ขณะที่แบคฮยอนรู้สึกตัวรุมๆ เริ่มไอค่อกๆแค่กๆจนอยากพักเต็มที ไม่ได้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วซักไซ้ให้ชานยอลต้องมาคอยนั่งตอบคำถาม
ก่อนลงจากรถแบคฮยอนถูกสั่งกำชับนักหนาให้รีบอาบน้ำ ทานยา และเข้านอนเลย หากพรุ่งนี้อาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปหาหมอ แบคฮยอนชักเริ่มเห็นด้วยตามคำของเซฮุนที่ว่าชานยอลเหมือนพ่อคนที่สอง บอกนู่นสั่งนี่เหมือนพ่อเฒ่าเลย แต่นั่นก็สามารถทำให้แบคฮยอนอมยิ้มไปจนถึงห้องนอนได้เลยนะ…
เช้าของอีกวัน ก่อนออกไปเรียนคุณท่านให้คุณหมอมาตรวจไข้แบคฮยอนถึงบ้าน ท่าทางซึมๆตาเชื่องๆของหลานชายผู้เป็นดั่งดวงใจทำคนเป็นยายไม่สบายใจ เอ่ยปากบอกให้หลานนอนพักผ่อนที่บ้านซักวันเจ้าตัวดีก็เอาแต่ปฏิเสธพร้อมทำท่าเบ่งกล้ามยืนยันว่าไหวมาให้ มันน่าจับหยิกให้เนื้อเขียวกับความดื้อรั้นซักที ทว่าสุดท้ายต้องใจอ่อนยอมตามใจอยู่ดี
คนตัวเล็กนั่งรถไปเรียนพร้อมปาร์คเซฮุนเหมือนเดิม ถึงจะสนิทกันแต่ใช่ว่าจะไม่เกรงใจ เคยบอกอีกฝ่ายหลายทีแล้วว่าไม่ต้องลำบากมารับก็ได้ อีกอย่างตอนนี้คนตัวเล็กพอจะเดินทางด้วยรถโดยสารเองคล่องแล้ว ไม่อยากรบกวน คุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยอยู่เหมือนกันแต่เซฮุนยังยืนยันว่าถ้าตัวเองไม่ติดอะไรก็จะเป็นคนมารับแบคฮยอนเหมือนเดิม ซึ่งน้อยครั้งมากที่จะเห็นว่าเซฮุนติดอะไร แบคฮยอนเห็นเพื่อนคนนี้ว่างตลอด
มีเรียนกันแค่คาบเช้า เวลาที่เหลือเซฮุนเลยชวนแบคฮยอนไปเที่ยวหลังจากไม่ได้มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันมาซักพักแล้ว (เดี๋ยวคะแนนตก) แต่ก่อนจะไปไหนทำอะไรได้นั้นกองทัพก็ย่อมต้องเดินด้วยท้องก่อน
เด็กหนุ่มขับรถพาเพื่อนตัวเล็กมาหาอะไรทานที่ร้านไก่ทอดย่านใกล้ไฮสคูลที่ตัวเองเคยเรียน มันเป็นร้านประจำของคิมจงอินที่ชอบลากเอาสองพี่น้องตระกูลปาร์คมาด้วยบ่อยๆ
“อะแค่กๆๆ”
“ไหวเปล่า เปลี่ยนไปทานอย่างอื่นกันก็ได้นะ หม้อไฟไหมแบคฮยอนจะได้ทานอะไรอุ่นๆด้วย”
“ไม่เป็นไร เราอยากชิมรสชาติไก่ทอดร้านโปรดของเซฮุน”
“ร้านโปรดของพี่จงอินน่ะ คิดว่าแบคฮยอนน่าจะชอบเลยอยากพามาลอง แต่ถ้ากินแล้วต้องไอหนักกว่าเดิมเอาไว้วันหลังเราค่อยพามาดีไหม”
“เราไม่ได้ป่วยขนาดนั้น ไปเถอะ ไหนๆก็อุตส่าห์มาแล้ว” เมื่อวานยังกินไอศกรีมได้ วันนี้ไก่ทอดก็ต้องได้สิ ไอเป็นไอ เพื่อของอร่อยแบคฮยอนสู้ตายอยู่แล้ว!
“ไปเร็วเซฮุน เราหิวแล้ว” แบคฮยอนดึงแขนเพื่อนที่กำลังยืนลังเลใจให้มาด้วยกัน ประตูหน้าร้านเลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เท้าจะก้าวเข้าไปด้านในอยู่แล้วทว่าต้องมาชะงักเพราะหันไปเห็นใครคนหนึ่งเข้าก่อน
“คยองซู...”
“อ้าว แบคฮยอนจะไปไหน”
คนตัวเล็กไปจากประตูร้าน รีบเดินเข้าไปหาผู้ชายรูปร่างพอๆกันซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านไก่ทอด ท่าทางเหมือนกำลังจะไปส่งออเดอร์ให้ลูกค้า ดูเอาจากมอเตอร์ไซค์ของทางร้านและถุงอาหารที่อีกฝ่ายทยอยนำใส่กล่องเก็บความร้อนท้ายเบาะ
“คยองซู!”
พนักงานชายตัวเล็กหันหน้ามามองเจ้าของเสียงเรียก แบคฮยอนฉีกยิ้มให้จนเต็มแก้มด้วยความดีใจ ขณะที่เพื่อนคนนั้นนิ่งไปราวกับยังตกใจไม่หายกับความบังเอิญที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดกันมาก่อน
“นายจริงๆด้วยคยองซุ.. คยองซู!”
จากความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่เข้าใจทันที ทั้งๆที่แบคฮยอนดีใจจนน้ำตาซึมแต่อีกฝ่ายกลับทำตรงกันข้าม คยองซูหันหน้าหนีพร้อมกับรีบก้าวขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เหมือนจะไปแล้ว
“อย่าเพิ่งไป!” แบคฮยอนวิ่งเข้าไปขวางทางพร้อมเกาะหน้ารถไม่ให้อีกฝ่ายไปไหน “นายหนีฉันหรอ” ดวงตาโตมองตอบแบคฮยอนอย่างไม่หวั่นกลัว ไม่มีเยื้อใย แข็งกร้าวราวกับเคยมีเรื่องผิดใจกันยังไงยังงั้น
“มองฉันแบบนี้ทำไม”
อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโตคยองซูไม่เคยใช้สายตาเย็นชาใส่เขาแบบนี้เลยสักครั้ง แทบไม่เคยโกรธกัน เรื่องทะเลาะใหญ่โตหรือก็แทบไม่เคยมี เพื่อนเป็นคนพูดไม่เก่ง ขี้อาย ออกจะชอบตามใจเขาด้วยซ้ำ ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ยังสัญญากันไว้ดิบดีอยู่เลยว่าสักวันต้องเจอกันอีกให้ได้ แล้วตอนนี้มันคืออะไร
“ถอยไป ฉันจะรีบไปส่งไก่ให้ลูกค้า”
“ไม่เข้าใจ นายโกรธอะไรฉันงั้นหรอ”
“ถอยไปแบคฮยอน”
“คยองซู…” นอกจากเอ่ยปากไล่แล้วเพื่อนยังไม่ยอมมองหน้ากันอีก เขาทำผิดอะไรไว้หรือ ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ไม่เจอกันอะไรๆมันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยหรือไง จากมิตรภาพที่เคยมีให้กลายเป็นความห่างเหินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แบคฮยอนไม่เห็นรู้อะไรสักอย่าง
“นายมาที่นี่กับใคร พ่อเฒ่ากับแม่ครูล่ะมาด้วยหรือเปล่า แล้วพักกันที่ไหน มาถึงนี่ก็น่าจะบอกฉันซักคำ ฉันคิดถึงพวกนายมากเลยนะ”
“คิดถึง? นายได้ดิบได้ดีไปแล้วยังคิดถึงคนจนๆอย่างพวกเราจริงหรอแบคฮยอน”
“ทำไมพูดกับฉันแบบนี้”
“มีบ้านหลังใหญ่เท่าวัง มีอาหารหรูๆให้กินทุกมื้อ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดีๆทั้งนั้นนี่ แล้วดูพวกฉันสิ”
“อย่าพูดแบบนี้นะ! เกิดอะไรขึ้น ฉันทำอะไรผิด”
“….”
“บอกมาสิ! นายไม่พอใจอะไรฉันพูดมาเลยคยองซู ฉันทำอะไรไม่ดีไว้ก็บอกมา อย่าประชดกันแบบนี้” น้ำตาร่วงเผาะลงจากสองตาเล็กๆ “นายทำแบบนี้ฉันไม่เข้าใจหรอก เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ พ่อเฒ่ากับแม่ครูบอกให้เรารักกันไว้นายลืมมันหมดแล้วหรือไง”
คยองซูเบือนหน้าหนีน้ำตาเพื่อน พลางยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนหน้าตัวเองออกด้วย “ชาวบ้านถูกไล่ที่กันไปหมดแล้ว”
“อะไรนะ!”
“อย่าทำเป็นตกใจหน่อยเลย ฉันไม่คิดว่านายจะไม่รุ..”
“ตอนไหน! นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ยคยองซู!!” คนถูกถามโดนเขย่าตัวจนหัวสั่นหัวคลอน “โดนไล่ได้ยังไงในเมื่อคุณท่านรับปากฉันแล้วว่าจะไม่ทำ! ไม่จริง คุณท่านต้องไม่โกหกฉัน คยองซู..”
“ฉันก็เคยหวังให้มันเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ไม่มีชุมชนอีกแล้ว แม้แต่ครอบครัวฉันก็ไร้ที่ซุกหัวนอนแบคฮยอน.. พวกนายใจร้ายกับเรามาก”
“ไม่นะ ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย ฉันไม่รู้จริงๆคยองซู”
“….”
“ไม่เชื่อฉันหรอ”
คยองซูสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ “ฉันต้องไปทำงานแล้ว” อาการหมางเมินที่เพื่อนรักมอบให้และเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้ทำแบคฮยอนจุกเหลือเกิน ทั้งจุกทั้งเจ็บ ก้อนเนื้อในอกซ้ายของแบคฮยอนเจ็บปวดราวกับมีใครกำลังบีบมันไว้
“ฉันอยากเจอพ่อเฒ่ากับแม่ครู”
“อย่าเลย นายกลับไปอยู่ในสังคมใหม่ของนายเถอะ ส่วนพ่อแม่ฉัน ฉันจะดูแลเอง” แบคฮยอนถูกดันตัวออกให้พ้นทาง จากนั้นมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนก็ถูกขับออกไปทันที
“คยองซู! /แบคฮยอนอย่า!” เซฮุนคว้าตัวเพื่อนที่ตั้งท่าจะวิ่งตามมอเตอร์ไซค์ของคนชื่อคยองซูไว้เกือบไม่ทัน อีกนิดเดียวแบคฮยอนจะถูกรถบนถนนเฉี่ยวแล้วเล่นเอาเซฮุนใจหายใจคว่ำ เด็กหนุ่มได้ยินทุกอย่างที่แบคฮยอนได้ยิน ได้อยู่รับรู้เรื่องราวด้วยทั้งหมด รวมถึงได้เห็นสีหน้าอันแสนเจ็บปวดของคนตัวเล็กทั้งสองด้วย
“ไม่เป็นไรนะแบคฮยอน”
“….”
“แบคฮยอน”
“เซฮุนช่วยอะไรเราหน่อยได้มั้ย”
“อะไรหรอ”
“มีที่ที่นึงที่เราอยากจะไป เซฮุนพาเราไปหน่อยสิ พาเราไปนะ ไปกันตอนนี้เลย”
#ficmysscb
Talk:
แขกรับเชิญของเราเค้ามาพร้อมความดราม่าค่ะท่านผู้ช๊มมม
p.s1 แชปนึงหลายฟิลละเกิ้นนน แสดงถึงความไม่คงที่ของอารมณ์คนเขียน
p.s2 สำหรับใครที่รอคู่ชานแบ้กใจเย็นน๊า อ่านๆมาอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะ บทเข้าพระเข้านายทำไมน้อย(วะ) ทำไมน้ำเยอะเนื้อไม่มาซักที ก็อยากจะขอให้ใจเย็นๆ เริ่มเข้าครึ่งเรื่องแล้วเดี๋ยวมีแน่ บ่ต้องห่วง ฟิคนี้ฟิคชานแบคแน่นอนครัชชช
p.s3 มีคนถามเรื่องรวมเล่ม ไรท์ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้นะคะ อยากแต่งไปเรื่อยๆให้คนอ่านมีความสุขที่ได้อ่าน เรื่องรวมเล่มไว้เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าต้องการกันเยอะอาจจะว่ากันอีกที แต่ตอนนี้คิดว่ายัง คงไม่มีใครซื้อ 555
ตั้งใจแต่งให้อ่านสนุกๆสบายๆชิวๆจริงๆ เรื่องจำนวนคอมเม้นไม่ได้ซีเรียส ไรท์ก็เป็นรีดเดอร์เรื่องอื่นเหมือนกัน เข้าใจว่าถ้ามันสนุก มันอยากสกีมเดี๋ยวก็ทำกันเองไม่ต้องให้มีใครมาบอกมาบังคับ ถ้าไม่ก็อาจจะหมายถึงเรายังแต่งไม่โดน ไม่ดีพอ ไม่พีคจนคนอ่านรู้สึกอยากสกีม หรือคนยังไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านอะไรประมาณนั้น (ไม่ดราม่า อันนี้ว่ากันตรงๆ ส่วนตัวคิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาฝีมือการเขียนอีกเยอะเลย) แต่ที่ขอให้เม้นตลอดเพราะอยากดูฟีสแบ็คว่าเป็นยังไงบ้าง มันก็กำลังใจหลักๆของคนเขียนอะเนาะ
#ก็นั่นแหละ #ฝากติดตามกันต่อปายยย
***สงสัยสิ่งใดอยากรู้เรื่องไหนถามได้ ข้าอ่านทุกเม้น <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ชานแบคนี่พอเริ่มเคมีเข้ากันก็ดึงดูดกันใหญ่เลยนะ