ตอนที่ 1 : Prologue
Prologue
อากาศเย็นสบายในช่วงสายของวันช่างเข้ากันดีกับบรรยากาศภายในคาเฟ่ขนาดกำลังดี กลิ่นกรุ่นของกาแฟสดลอยตลบอบอวลแข่งกับกลิ่นเนยหอมๆจากเบเกอรี่ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นจุดเรียกลูกค้าชั้นยอด ยิ่งเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่แบบนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้เจ้าของร้านยิ้มออก แม้จะต้องหัวหมุนกับปริมาณลูกค้าที่เข้ามาต่อคิวสั่งออเดอร์ตั้งแต่ร้านเพิ่งเริ่มเปิดได้ไม่ทันครบห้านาทีก็เถอะ ชินแล้วล่ะ ยังไงก็คงดีกว่าทุกช่วงปิดเทอมที่หลายร้านในมหาวิทยาลัยและพื้นที่ใกล้เคียงจะต้องขาดรายได้ไปหลายเดือน
“ลู่หาน โต๊ะเดิมขอเหมือนเดิม”
น้ำเสียงทุ้มที่เพิ่งสั่งออเดอร์ไป คุ้นหูเสียจนเจ้าของร้านคาเฟ่ใต้ตึกคณะบริหารแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้แล้วว่าใคร
“มีเวลามาเฝ้าร้านไม่ต้องร่ำต้องเรียนหรือไง”
คิมจงอิน อดีตเพื่อนชมรมฟุตบอลตอนปีหนึ่งของเขาเอง และปัจจุบันก็ยังคงพูดคุยสนิทสนมเหมือนเดิมเมื่อได้เจอกัน อีกอย่างจงอินและกลุ่มเพื่อนสนิทที่ทุกคนในสถาบันนี้ต่างรู้จักดีก็เป็นลูกค้าประจำของคาเฟ่เขาด้วย
“เรียนเสร็จแล้ว มีแค่คาบเช้า”
“อือ เสร็จแล้วไปเสิร์ฟด้วยล่ะ ที่เดิม” ลู่หานส่ายหน้าหน่ายๆหลังทอนเงินพร้อมสลิปส่งให้เพื่อน ตามจริงร้านเขาไม่ได้มีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะอะไรทั้งนั้น ลูกค้าจะได้เครื่องเรียกคิวโต๊ะละอัน พอออเดอร์ได้แล้วต้องมารับเองหน้าเคาน์เตอร์ แต่ก็นั่นแหละ โต๊ะคิมจงอินน่ะคุณชายไฮโซทั้งกลุ่ม เป็นข้อยกเว้นทุกกรณี คิดแล้วได้แต่พ่นลมหายใจปลงๆซึ่งเขาไม่ได้ซีเรียสอะไรนักหรอก..
จงอินเสยผมขึ้นลวกๆระหว่างเดินไปโต๊ะประจำด้านในสุดของร้านซึ่งเป็นมุมติดกระจกและค่อนข้างส่วนตัว หน้ายังคงติดง่วงเหมือนเดิมแต่นั่นก็เป็นจุดเด่นที่ผู้หญิงหลายคนเห็นแล้วต้องแอบหันหน้าหนีเพื่อกลั้นเสียงกรี๊ดกันมาแล้วนักต่อนัก
ร่างโปร่งพาตัวเองนั่งลงสมทบกับเพื่อนอีกสามคนที่เข้ามานั่งรอก่อนแล้วหลังปล่อยให้เขาทำหน้าที่สั่งเครื่องดื่มให้เช่นประจำ
ฝั่งตรงข้ามเขาคือ ปาร์คชานยอลและชองซอริน คู่รักที่หลายคนเห็นแล้วต้องพากันเบ้ปากด้วยความขยาด ไม่ใช่เพราะหวานออกนอกหน้าอะไรหรอก กลับกันสิ สองคนนี้ไม่เคยทำอะไรต่อหน้าสาธารณชนมากไปกว่าฝ่ายชายช่วยถือของ เดินข้างๆกัน นั่งรอกัน ไปรับไปส่งและเข้าเรียนพร้อมกัน ถือว่าวางตัวดีสมเป็นเชื้อสายตระกูลราชวงศ์เก่าแก่สุดๆเลยล่ะ
ส่วนที่มันน่าเบ้ปากให้ก็เพราะความเพอร์เฟคของทั้งคู่นั่นต่างหาก คนหนึ่งหล่อชนิดที่แค่ปรายตามองมาก็แทบหลุดกรี๊ด (แต่จงอินไม่ ยังไงเขาก็คิดว่าตัวเองดูดีไม่แพ้เพื่อนตัวโข่งที่โตมาด้วยกันตั้งแต่จำความได้หรอก) ส่วนฝ่ายหญิงน่ะ เป็นทั้งดาวมหาวิทยาลัยและเป็นดาราหน้าใหม่ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ล่ะ สวยแค่ไหนก็ลองจินตนาการกันดูแล้วกัน
พอหันไปมองเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆจงอินก็อยากจะเบ้ปากอีกรอบ นี่ก็หล่อน้อยหน้าซะที่ไหน คริส ทายาทเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ที่ผันตัวมาใช้ชีวิตช่วงวัยมหาลัยในเกาหลีใต้ พ่วงดีกรีนายแบบเสริมบารมีไปอีก
ไม่ต้องบอกก็คงพอนึกภาพกันได้ว่าช่างเป็นกลุ่มที่โดดเด่นแค่ไหน
“เปิดเทอมวันแรกไม่ไปส่งน้องชายสุดที่รักเข้าห้องเรียนหรือคุณชายปาร์ค”
“ตลกน่า มันไม่ใช่เด็กอนุบาล” สีหน้าเหม็นเบื่อเรียกเสียงหัวเราะจากจงอินและคริสเป็นอย่างดี การแหย่อารมณ์ชานยอลช่างเป็นเรื่องสนุกจริงๆ แต่ถ้าเล่นไม่ถูกเวลาล่ะก็อาจมีเจ็บตัวได้
“จะว่าไปก็ไม่เจอหน้าไอ้เด็กตัวเผือกหลายเดือนเลยแฮะ”
“คิดถึงว่างั้น”
“แหงดิ นั่นน่ะน้องรักฉันเชียว” ปาร์คชานยอลทำหน้าขยะแขยงใส่เมื่อได้ฟัง น้องรักงั้นหรอ? ฟังแล้วรู้สึกอยากอ้วกเอามื้อกลางวันสุดหรูที่เพิ่งไปกินกันมาออกซะตรงนี้จริงๆ
“จะว่าไปเซฮุนก็เป็นเอามากนะ ติดน้องเธอยิ่งกว่าลูกซะอีก ชองซอริน”
“หยุดนะจงอิน”
หญิงสาวชี้หน้าคาดโทษเพื่อน
“บอกแล้วไงว่าซอรินไม่นับเด็กนั่นเป็นอะไรด้วยทั้งนั้น” จากอารมณ์ดีๆตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิดจนหน้าสวยๆบึ้งตึงทันที จงอินเห็นดังนั้นก็เคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะกลม ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาเท้าคางและมองใบหน้าสวย
“ไม่เอาน่า เด็กนั่นก็ต้องมีดีบ้างแหละ ไม่งั้นท่านหญิงคงไม่หลงเอ็นดูขนาดนี้ได้หรอก พวกนายสองคนว่ามั้ยล่ะ”
“นั่นสิซอริน น้องชายคนใหม่น่ารักมากหรอ ไม่เห็นพามาแนะนำ”
คนถูกยัดเยียดให้เป็นพี่สาวพรูลมหายใจด้วยความหงุดหงิด
“นายเจอหลานรักคนใหม่ท่านหญิงหรือยังล่ะ หลานชายคนโปรด” จงอินกลอกตาถามเพื่อนหน้าหล่ออีกคนบ้าง รายนี้น่ะใครๆก็รู้ว่าท่านหญิง หรือคุณยายแท้ๆของชองซอรินโปรดปรานชานยอลแค่ไหน ปกติเซฮุนเด็กหน้าตายแต่นิสัยขี้อ้อนก็ยกยอเอาใจท่านให้หลงเอ็นดูจะแย่แล้ว พอข่าวที่ท่านรับเด็กผู้ชายเข้ามาเป็นหลาน เลี้ยงดู เอาอกเอาใจออกนอกหน้าอย่างไม่ปิดบังสังคมดังไปทั่วใครๆก็ย่อมสนใจว่าเรื่องเป็นมายังไง แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีการแถลงข่าวใดๆออกมา
“เพิ่งกลับจากบอสตันเมื่อวานจะเอาเวลาที่ไหนเข้าไปพบท่านล่ะ”
ชานยอลพูดไปตามความจริง ตลอดสามเดือนที่ปิดเทอมนี้เขาใช้เวลาอยู่ที่บอสตันเพื่อเรียนภาษาเพิ่มและใช้สำหรับพักผ่อนไปในตัว ขณะที่จงอินก็ไปอยู่กับพี่สาวที่แอลเอ คริสเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านเกิดแคนาดาและจีน แต่ถึงไม่อยู่เกาหลีระยะสามเดือนนี้ข่าวก็ดังพอไม่ให้พวกเขาต้องเป็นกบในกะลา ก็ได้เซฮุนหน่วยข่าววงในมาขยันเล่าในไลน์กลุ่มเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งคน
เพราะความบังเอิญที่ว่าเซฮุนน้องชายแท้ๆของชานยอลและหลานรักคนใหม่ของท่านหญิงเรียนคณะเดียวกันพอดี แถมเดือนก่อนยังต้องเข้ามาทำกิจกรรมรับน้องใหม่ร่วมหนึ่งเดือนก่อนเปิดภาคเรียนอีก ตอนนี้ก็คงสนิทกันมากทีเดียว ดูเอาจากพฤติกรรมเจ้าเด็กตัวโต
ระหว่างที่เครื่องดื่มถูกยกมาบริการถึงโต๊ะ พวกเขายังคงพูดถึงประเด็นนี้ต่อ
“ซอรินไม่เข้าใจจริงๆนะ อะไรทำให้คุณยายหลงเด็กคนนั้นขนาดที่ยกย่องออกนอกหน้าเหมือนหลานในไส้ ไม่เห็นจะน่าเอ็นดูตรงไหน เล่นหูเล่นตาไร้มารยาท”
“ใจเย็นน่า..”
พวกเขาเองก็ตกใจที่เห็นซอรินแสดงท่าทีพร้อมเหวี่ยง ทั้งๆที่ปกติออกจะสวยเริดเชิดหยิ่ง จนได้รับฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่ถึงจะแสดงท่าทีหงุดหงิดแค่ไหนก็เรียกรอยยิ้มเล็กๆจากชานยอลได้ มือใหญ่ขยี้ผมนุ่มของหญิงสาวเบาๆแล้วบอกเสียงทุ้ม
“คุณยายมีความสุขก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”
“แน่นอน แต่พูดตรงๆเลยว่าซอรินไม่ถูกชะตากับเด็กคนนั้น”
“แต่ซอรินรักเด็กนี่”
“ไม่ใช่เด็กอายุ19 คนนั้นก็แล้วกัน” ชานยอลอมยิ้มส่ายหน้าเบาๆ น้อยครั้งที่เขาจะได้เห็นซอรินโหมดนี้ ถึงแม้จะดูเอาแต่ใจแต่ก็คงดีกว่าเย่อหยิ่งทำนิ่งเฉยใส่เขาเหมือนทุกที เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงต้องจบลงเช่นทุกที ไม่เคลียร์ ไม่แคร์ ถือหน้าตาตัวเองเป็นสำคัญเสมอ นิสัยคนหยิ่งพอกันที่เพื่อนมักเอ่ยปากบอกเสมอว่าแก้กันซะบ้างเถอะ แต่ก็นะ ของแบบนั้นใครจะเริ่มก่อนล่ะ
“นั่นเซฮุนไม่ใช่หรอ”
ทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียงคริสบอก
“ก็ไม่คิดว่ามันจะมีแฝด ข้างๆนั่นน้องชายคนใหม่เธอสินะชองซอริน”
คนโดนถามรู้สึกว่าช็อคโกแลตร้อนในแก้วขมยิ่งกว่าอเมริกาโน่ที่เธอเกลียดขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งเห็นสองคนนั้นทำท่าเดินมาทางนี้ยิ่งต้องเบือนหน้าหนีอย่างนึกหงุดหงิด
เจอที่บ้านไม่พอต้องมาเจอที่มหาลัยอีกงั้นเหรอ เหอะ
“ไง”
“นี่วิธีทักคนอายุมากกว่าของนายงั้นสิปาร์คคนเล็ก”
“โถ่พี่จงอินอย่าทำตัวเป็นตาแก่ขี้บ่นสิ ดูนี่ดีกว่าผมพาใครมาด้วย” ไม่พูดเปล่ายังดันตัวผู้ชายตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มมาจนชิดโต๊ะพี่ๆ พร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดีที่น่าหมั่นไส้สุดๆ
“ให้ทายว่านี่ใคร”
“…”
“โธ่ ไม่มีใครคิดจะรับมุขผมบ้างเลยหรอ”
มันเล่นจนไม่หันดูหน้าเพื่อนใหม่เลยว่าทำตัวไม่ถูกแค่ไหน เห็นยืนกลอกตาเกาแก้มไปเรื่อยไม่หยุด
“แบคฮยอน นี่พี่ๆที่เคยเล่าให้ฟังไง นั่นพี่คริส นี่พี่จงอิน ส่วนนี่ก็พี่ชายเราเอง ชานยอล”
“สวัสดีฮะ”
“เห็นมั้ยล่ะว่าน่ารักสู้เพื่อนนายคนนี้ไม่ได้ซักคน” แบคฮยอนเหล่ตามองคนขี้อวยตัวเอง หนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยชินไอ้อาการจู่ๆก็พูดชมตัวเองของเซฮุนได้เลยซักครั้ง แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
“แค่สวัสดีเหรอ”
“ฮะ?”
แบคฮยอนงง ไม่เข้าใจผู้ชายที่อยู่ชิดกับเซฮุนเลย
“มารยาทตอนเจอผู้ใหญ่ครั้งแรกควรจะแนะนำชื่อด้วยไม่ใช่หรือไง”
“อะไรของพี่เนี่ยชานยอล”
“….”
“หรือถูกคุณยายตามใจจนเคยตัว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!” หลุดเถียงด้วยใบหน้าเคืองสุดฤทธิ์ น้ำคำห้วนๆนั่นสาบานได้ถ้าใครมาพูดแบบนี้ใส่ชานยอลไม่เคยปล่อย รวมผู้ชายตัวจ้อยที่ยืนถัดจากน้องชายเขาด้วย
“แล้วมันยังไงล่ะ ว่ามาสิ”
“ห้ามว่าคุณท่าน”
“อ้อ…”
ท่าทางลูกหมาขู่ฟ่อนั่นน่ากลัวจัง
“งั้นแสดงว่าคุณยายคงสอนมารยาทให้อยู่บ้างแต่ไม่จำเอง ฉันเข้าใจถูกมั้ย”
จงอินกลอกตา คริสเบะปาก เซฮุนขมวดคิ้ว ไอ้ท่าทางวางมาดคุณชายเต็มประดา คิ้วเกือบชิดกันนั่นมันอะไร คนอื่นอาจจะดูไม่ออก คงเผลอเข้าใจว่าตอนนี้ชานยอลมันจริงจังสุดๆ แต่คนสนิทอย่างพวกเขาดูออกร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านั่นน่ะมันจงใจกวนประสาทเล่นชัดๆ และเป็นการแกล้งกวนอะไรซักอย่างเมื่อเจอของถูกใจซะด้วย แน่นอนว่าตอนนี้ซอรินเริ่มหันหน้าเข้าร่วมวงสนทนาแล้ว
“ไม่ถูก”
“หืม?”
“คุณท่านสอน แล้วแบคฮย.. ผมน่ะ ผมกำลังคิดว่าจะพูด”
“แล้วทำไมไม่พูด”
“ก็มันไม่ทันไง มัน…” เผลอกัดปากจ้องตาใสอย่างที่ทำจนเคยตัว เด็กน้อยเริ่มทำตัวไม่ถูกจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเซฮุน รายนี้แค่เห็นตาแป๋วๆของแบคฮยอนก็อยากจะจับมาฟัดแก้มซะให้หายมันเขี้ยว
“อย่าแกล้งแบคฮยอน”
“เป็นพี่ฉันรึไง ปาร์คเซฮุน”
นั่นไง ว่าแล้วต้องโดน เซฮุนกลอกตาไปขอความช่วยเหลือจากคิมจงอินอีกทอดหนึ่ง แต่กลับได้แค่เสียงหัวเราะจากพี่ๆส่งมาแทน
“อ้าวซอรินนี่!”
แบคฮยอนร้องทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นี่เพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่าพี่สาวคนสวยนั่งตรงนี้ด้วย แต่เจ้าของชื่อกลับไม่ยิ้มรับอย่างที่หวัง หน้าบูดบึ้งส่งกลับมาเช่นทุกที จะว่าชินก็ชิน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหนทำไมชองซอรินไม่ชอบหน้าเขาขนาดนี้
“ซอริน..”
“นายอายุห่างฉันกี่ปี”
“พี่ซอริน”
“เฮอะ เคยบอกแล้วนี่ว่าให้เรียกว่ายังไง”
อาการเชิดคอ หน้าหยิ่งแสนหยิ่งทำแบคฮยอนขมุบขมิบปากบ่นกับตัวเอง
“โอเคๆ คุณชองซอริน เจ้าหญิงซอริน” ประโยคแถมแสนประชดประชัดหลังสุดทำเอาบุคคลนอกที่นั่งฟังอยู่ด้วยหลุดหัวเราะเสียงดังจนโต๊ะอื่นหันมามอง ชองซอรินหน้าบึ้งจิกตามองหน้าแบคฮยอนอย่างเอาเรื่อง
“อย่าหน้าบึ้งเลย ผู้หญิงตอนหน้าบึ้งไม่ได้สวยทุกคนนะ”
“นิ่!”
“เว้นซอรินไง คุณซอรินสวยสุดๆใครๆก็พูดแบบนั้น”
“ฮ่าๆๆ นายนี่น่ารักเหมือนที่เซฮุนว่าไว้จริงๆแบคฮยอน” จงอินเอื้อมมือมาหยิกแก้มเด็กตาใสช่างพูดช่างจาอย่างอดไม่ได้
“วันนี้คุณท่านบอกจะทำสปาเก็ตตี้หอยเชลล์ซอสครีมไข่กุ้งอะไรไม่รู้ชื่อย๊าวยาว บอกว่าซอรินชอบ ซอรินเลิกเรียนกี่โมง กลับทันมั้ย ไปเป็นลูกมือช่วยคุณท่านกัน”
“ได้คนแบบนี้ไปเป็นลูกมือคงไม่ท้องเสียกันหรอกนะ”
“ผมไม่ได้ชวนคุณนะ” สวนกลับมาแทบจะทันที เล่นเอาคนแทรกเมื่อครู่หน้าเหวอกลางอากาศ คริสและจงอินหัวเราะชอบอกชอบใจกันยกใหญ่
“เครื่องดื่มได้แล้วล่ะ ไปกันแบคฮยอน ต้องเดินไปเข้าเรียนอีกเดี๋ยวเลท”
“อื้ม ไปนะซอริน” ว่าแล้วรีบโค้งหัวลวกๆให้ทุกคนที่โต๊ะแล้วเดินตามเซฮุนไปต้อยๆเหมือนลูกหมาตามเจ้าของไม่มีผิด ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะของจงอินและคริส กับความหงุดหงิดของชองซอริน และคนสุดท้ายที่หน้าตึงทันทีหลังทันฟังประโยคกระซิบระหว่างเด็กหน้าลูกหมากับน้องชายของเขา
“พี่ชายนายหูกางจริงด้วยเซฮุน เหมือนตัวหน้าเขียวๆเลย คิกคิก”
ให้ตายสิ
ไอ้เด็กสองคนนี้
#Ficmysscb
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตกลงใครกวนประสาทใครกันแน่คะ5555