ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีวิตการเป็นอาสาสมัครต่างประเทศ

    ลำดับตอนที่ #7 : GNC>แหม่ม อาสาสมัครรุ่นที่5 [USA]

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 55


     

    ประสบการณ์ GNC


    ชื่อ พิชญานิน   ชมเมือง (แหม่ม)
    ประเทศ สหรัฐอเมริกา
        รุ่นที่ 5
    คณะวิทยาศาสตร์   
    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     

    คุณเคยมีความคิดที่อยากจะลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือท้าทายสุดๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิตบ้างรึเปล่าหากคุณมีความคิดแบบนี้อยู่ล่ะก็...... ขอเชิญให้คุณลองมาสัมผัสประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศดู และถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกประเทศไหนดี ขอบอกว่าสหรัฐอเมริกาก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาก

     


                                 กับเพื่อนๆ ชาวอเมริกันคนแรกๆที่ได้รู้จักกัน พวกเขาใจดีมากๆ และมีแต่รอยยิ้มให้เสมอมา



    ครั้งหนึ่งเมื่อฉันได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอเมริกา ประเทศที่หลายคนจับตามองว่าเป็นมหาอำนาจของโลกและเต็มไปด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ถ้าได้ลองสัมผัสดูแล้วจะพบว่ามันเป็นอีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้  เป็นโลกที่สมกับคำว่า United จริงๆ อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า อเมริกาเป็นประเทศเสรี ดังนั้นผู้คนทั่วโลกก็เลยหลั่งไหลกันเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้มีภาษา วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตที่ไม่ตายตัว แล้วพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ

                จำได้ว่าเมื่อตอนที่ไปถึงอเมริกาเป็นครั้งแรก มันยากลำบากมากที่จะสื่อสารกับคนต่างชาติให้รู้เรื่อง ประกอบกับเป็นคนที่หัวไม่ดีในด้านภาษามากนัก ก็เลยรู้สึกกลัวมากๆ เวลาที่จะพูดภาษาอังกฤษแม้แค่สักคำออกไป แต่พอพูดออกไปแล้ว คนที่นั่นกลับบอกฉันว่า ขอบคุณนะไอ้เราก็งง!!! อ้าวมาขอบคุณฉันทำไม ก็เลยถามเค้าไป แต่เค้ากลับยิ้มและตอบว่า ขอบคุณที่คุณพูดไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามพูดกับฉันสิ่งเหล่านี้มันทำให้คนอย่างฉันมีความมั่นใจที่จะพูดภาษาอังกฤษขึ้นเยอะมาก จนพักหลังเพื่อนๆ ก็บอกว่าภาษาดีขึ้น จะว่าไปก็ต้องขอบคุณเพื่อนชาวอเมริกันคนนั้น 

     


    ตัวอย่างภาพกิจกรรม English Camp ที่ Monterey ประเทศเม็กซิโก




    อีกครั้งหนึ่งที่เราต้องจัดเตรียมค่ายภาษาอังกฤษที่ประเทศเม็กซิโก ตอนนั้นฉันทำหน้าที่เป็นครูในกลุ่มร่วมกับเพื่อนชาวอเมริกันเพื่อสอนนักเรียนชาวแมกซิกันที่ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาประจำชาติ มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับฉัน เนื่องจากว่าเป็นประสบการณ์สอนครั้งแรกและก็ต้องสอนนักเรียนต่างชาติด้วย แต่เชื่อมั้ยล่ะ!!แม้ว่าเราจะคุยกันไม่รู้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่มันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกอย่างที่ฉันไม่เคยได้รับมาก่อน ผ่านกิจกรรมนี้ทำให้ฉันรู้ว่าภาษาไม่ได้เป็นขีดจำกัดเลยในการที่เราจะได้เพื่อนคนหนึ่งมา แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อจิตใจเรามีโอกาสได้สัมผัสกับจิตใจของคนอื่นต่างหาก เมื่อนั้นความสุขก็สามารถไหลเวียนสู่กันได้ 

    ฉันมีโอกาสได้ไปหลายๆ รัฐของอเมริกา เช่น New York, New Jersey, Pennsylvania, Massachusetts, Vermont, Texas, Nevada, California และ Los Angeles ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนแต่มีชื่อเสียงแตกต่างกันไปแต่ที่ติดใจสุดๆ เห็นจะเป็นที่ Pennsylvania ที่ๆสามารถสัมผัสกับธรรมชาติในรูปแบบ country style และเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาว Amish ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของอเมริกา ที่มีลักษณะการแต่งกายคล้ายกับชาว Dutch ในเนเธอร์แลนด์ มีอาชีพหลักคือการทำฟาร์ม และทำไร่ โดยใช้รถม้าเป็นยานพาหนะ ขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆ  ชาว Amish ค่อนข้างจะไม่ชอบการเข้าสังคมหรือพบปะกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ ดังนั้นการที่เข้าไปพูดคุยด้วยจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากนิดนึง แต่นั่นมันก็ไม่ค่อยสำคัญเท่ากับวัฒนธรรมที่สวยงามที่พวกเค้ายังสามารถรักษาเอาไว้ได้ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปมากมายเพียงใดก็ตาม มันเป็นภาพสะท้อนให้ฉันเห็นว่า เราในฐานะคนไทยก็ควรที่จะรักษาวัฒนธรรมไทยเอาไว้ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตากับเขาบ้าง
     

    คุณป้า Amish ผู้แสนจะใจดี



                  ขอแปลงโฉมเป็นคน Amish กับเค้าบ้างนะคะ

    ต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวของที่นั่น อากาศมันช่างหนาวเสียยิ่งกะไร หิมะก็ตกหนัก มือไม้แข็งจนแทบไม่อยากจะทำอะไรเลย แต่ว่าตอนนั้นฉันกลับถูกส่งไปอยู่ที่รัฐ Vermont รัฐที่หนาวเป็นอันดับต้นๆ ของอเมริกาเลยทีเดียว ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศ (มันก็เหมือนกับภาคเหนือของไทยที่หนาวมากในฤดูหนาว) เป็นรองแค่รัฐ Maine เท่านั้น ตอนนั้นฉันและน้องคนไทยอีก 1 คน ต้องไปพัก home stay กับคนเนปาลที่อาศัยอยู่ที่นั่น (ตอนแรกคิดว่าจะได้ไปอยู่กับคนอเมริกัน ที่ไหนได้เป็นคนเนปาล 555) เนื่องจากพวกเค้ามีสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัยมาอาศัยอยู่ที่นั่น ดังนั้นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ก็จะไม่สู้ดีนักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ บ้านที่พวกเค้าอยู่กันนั้น...จะเรียกบ้านก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าเป็นอาพาร์ทเมนท์มากกว่า แต่พวกเขาก็ต้องอยู่รวมกันถึง 3 ครอบครัวเลยทีเดียว โดยใช้ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องครัว ร่วมกัน ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นั่นได้ เพราะดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะรอด แต่พอได้ลองใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาไปเรื่อยๆ พวกเขากลับดูแลฉันอย่างดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะมีให้ได้ ไม่ต่างจากลูกสาวเลย หรือมากกว่าด้วยซ้ำ พวกเขาต้องสละห้องนอนให้ฉันนอน ในขณะที่ตัวเองต้องไปนอนอยู่ในห้องรับแขก หรือแม้กระทั่งต้องพยายามหาช้อนส้อมให้พวกเราใช้กินข้าว เนื่องจากพวกเขาใช้มือ เวลากินเขาจะให้เรากินก่อนเพราะกลัวว่าเราจะรับไม่ได้กับวัฒนธรรมเหล่านั้น แต่รู้มั๊ยว่าสิ่งเหล่านี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจมากๆ มันเป็นความสุขที่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าจะได้รับจากครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบนี้ ฉันไปอยู่ที่นั่นในฐานะอาสาสมัครที่ดูเหมือนว่าต้องไปช่วยเหลือคนอื่น แต่เมื่อไปอยู่กับคนเนปาลที่นั่นมันกลับทำให้ฉันรู้ว่าฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายรับจากพวกเขา 
     

     

    ลักษณะอาหารเนปาล จะเห็นว่ากินข้าวเป็นถาดๆ เลยทีเดียว


    ไปเที่ยวกับชาวเนปาลที่ Boston



    Home stay ที่บ้านคนเนปาล (จะว่าไปไอ้เราก็ไม่ต่างจากเขาเลย แยกแทบไม่ออกแล้วเพราะคล้ำขึ้นมาก)




     ครอบครัวคนเนปาลให้ชุดประจำชาติมาเป็นของขวัญ ก็เลยเห่อ ใส่ทันทีที่ได้รับมาเลย อิอิ ^_^

    การใช้ชีวิตที่นั่นมันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน... จนฉันตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว จำได้ว่าช่วงเทศกาลฮาโลวีน พวกเราได้รับอนุญาตให้สามารถออกไปร่วมงานได้ ก็มีฉัน น้องคนไทย และก็เพื่อนคนเกาหลีอีก 2 คน พวกเราเดินไปรอบๆหมู่บ้านในย่านของ Boston แล้วก็ต้องไปเคาะประตูบ้านทีละหลัง พร้อมกับตะโกนว่า Trick or Treat จากนั้นเจ้าของบ้านที่แต่งตัวเป็นผีประเภทต่างๆ ก็จะเอาพวกลูกอม ช็อกโกแลตมาแจก พวกเราเตรียมถุงขนาดใหญ่เพื่อไปรับของกินฟรีมาโดยเฉพาะ ผ่านไปหลังแล้วหลังเล่าก็ไปพบกับบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งอย่างกับคฤหาสน์ผีสิงเลยทีเดียว เมื่อมองจากสภาพบ้านแล้วพวกเราก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าบ้านหลังนี้ แต่เพื่อนคนเกาหลีมันก็ช่างกล้าเสียนี่ เดินนำหน้าไปกดกริ่งก่อนเลย แต่เมื่อประตูเปิดออก กลับพบว่าไม่มีใครยืนอยู่ที่ประตูซักคนเดียว ตอนนั้นพวกเราก็มองหน้ากันใหญ่ พลางคิดว่า เอาแล้วไง อยู่ดีๆ ไม่ชอบ มาให้ผีหลอกถึงที่ ในขณะที่พวกเรากำลังจะหันหลังกลับเท่านั้นแหละ ก็มีผีโผล่ออกมาร้อง แบร่ ทุกๆ คนตกใจมาก โดยเฉพาะไอ้เพื่อนคนเกาหลี วิ่งก่อนใครเพื่อนเลย 55555 แต่ปรากฏว่านั่นเป็นคนที่สวมชุดผีเฉยๆ เค้าก็เรียกพวกเรากลับไปรับขนม ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครกล้ากลับไปสักคน บรื๋อ!!!!!! ผ่านไปแล้วสำหรับงานนี้แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้แต่งชุดผีๆ เหมือนอย่างคนอื่น แต่มันก็ได้รับอะไรกลับมามากมาย อย่างเช่น ขนมอันแสนอร่อยและฟรี เป็นต้น 555
     


    ชัตเตอร์ กดติด วิญญาณ(เสื้อสีฟ้าๆ)555



    เมื่อถึงเทศกาลฮาโลวีน คนอเมริกันจะลุกขึ้นมาตกแต่งบ้านในแนวๆ ผีๆ กัน ถ้าบ้านหลังไหนมีฐานะดีหน่อย จำนวนผีก็จะเยอะขึ้นตามฐานะของบ้านนั้น 5555  โดยเฉพาะเมื่อเจอในตอนกลางคืน จะมีแต่แสงไฟสลัวๆ 


     ขนมที่ได้มาจากการ Trick or Treat


    นอกจากนี้พวกเรายังมีโอกาสได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับท่านกงสุลใหญ่ประจำนิวยอร์กด้วย ท่านก็บอกว่ารู้สึกดีใจมากที่มีโครงการดีๆ แบบนี้ ให้นักศึกษามาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมร่วมกัน อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศไทยสู่สายตาชาวต่างชาติอีกด้วย (ตอนนั้นเราได้จัดงาน World culture ขึ้นก็เลยได้โอกาสพรีเซนท์ความเป็นไทยในคนต่างชาติที่มาร่วมชมงานด้วยพอได้ยินแบบนี้มันทำให้ฉันยิ้มจนแก้มปริเลยทีเดียว และยังได้รู้จักกับคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นั่นอีกด้วย มันทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดของโลก คนไทยก็คือคนไทย ที่พร้อมจะเอื้อเฟื้อเกื้อหนุนกันตลอดเวลา บ่อยครั้งที่มีคนไทยนำอาหารไทยมาฝากพวกเรา เพราะพวกเขารู้ว่าเราจากบ้านมานานคงคิดถึงอาหารไทยมาก ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ งานนี้เลยกินแบบ non-stop เลย 

    เดิน Fashion Show ชุดพม่า ในงาน World Culture

     ถ่ายรูปกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก


    อาหารไทยอันแสนโอชะ ว่าไปแล้วดูจนหิวข้าวเลยตอนนี้


    ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้จะอยู่ห่างไกลจากบ้าน แต่พวกเราก็ยังมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารไทย ณ ต่างแดน
    งานนี้ต้องขอขอบคุณ
    ….. คุณอา คุณน้าที่นั่นจริงๆค่ะ


    หลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจมาสักระยะหนึ่งพวกเรานักศึกษาไทยก็ได้มีโอกาสไปปลดปล่อยชีวิตในย่านต่างๆ ของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Grand Canyon, Las Vegas, Hollywood, Universal Studio ,Time square, Empire state, The statue of Liberty (อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ), ทะเล และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Amish village ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ตอนนั้นพวกเขาก็ได้เชิญชวนให้ฉันและเพื่อนๆ ไปเยี่ยมเยียนและพักอาศัยอยู่ด้วยนานเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เราต้องการ ในรูปแบบของชาวไร่ ที่มีฟาร์มเป็นของตัวเอง แต่เสียดายที่พวกเรามีภารกิจอื่นจนทำให้ต้องย้ายรัฐกะทันหัน ก็เลยทำให้ชวดทริปนี้ไป T_T
     


    มาถึงแล้ว Universal Studio




    กับเพื่อนๆ ที่ Universal Studio



    มา Hollywood ทั้งทีก็ต้องไม่พลาด ถ่ายกับดวงดาวบนพื้นของพวกเหล่าดาราดัง


    บรรยากาศแสง สี เสียงที่ Las Vegas


                                                           รำไทยที่ Grand Canyon                                                  



    มันสุดเหวี่ยงไปเลยกับอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ



    แสดงวัฒนธรรมอีสาน ที่ร้าน E-Sarn Thai Massage




    งานแสดงวัฒนธรรมไทยที่ Pennsylvania ต้องขอบคุณชุดสวยๆ
    จากสถานกงสุลฯไทยมากๆที่ทำให้พวกเรามีวันนี้




    ได้เวลาชอบปิ้งต่อที่ Time Square 


    แข่งขันทำอาหารระหว่างคนไทยด้วยกัน



    สนใจทดสอบความหนาวเย็นด้วยกันมั๊ยคะ
     



     


    อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอีกสีสันหนึ่งในชีวิตที่ผ่านเข้ามา จนทำให้ฉันกล้าบอกได้เลยว่าฉันหลงรักประเทศนี้เข้าเต็มเปา ไม่ใช่เพราะความสะดวกสบายหรือความเจริญด้านวัตถุนิยม แต่เป็นเพราะความรักที่ฉันได้มาจากผู้คนที่นั่นต่างหาก



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×