คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : GNC>บุ๋ม อาสาสมัคร รุ่นที่3[China]
การเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อบุ๋ม จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันทำงานด้าน import-Export ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ครั้งหนึ่งเคยได้รับโอกาสเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ และประเทศที่เลือกไป คือ “ประเทศจีน”
3 อาสาสมัครคนไทยในเมืองฮาลบินจร้า^_^
“ทำไมถึงเลือกไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศจีน??”
ตอนแรกก็ไม่อยากไปนะคะเพราะไม่อยากเสียเวลาเรียน แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า เรียนจบเหมือนเพื่อน แต่ตัวเองไม่มีความสามารถโดดเด่นอะไรเลยแล้วบริษัทไหนเขาจะจ้าง อีกอย่างก็อยากจะหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเองด้วย และเหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการฝึกภาษากับเจ้าของภาษาในประเทศนั้นจริงๆ เพราะเรียนเอกภาษาจีนอยู่แล้ว อีกอย่างก็คือค่าใช้จ่ายไม่แพงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ทำงานแล้วอยากบอกว่าเป็นอาสาสมัครของเค้าดีจริงๆ
“เป็นอาสาสมัครที่จีนทำอะไรบ้าง”
ตอนไป2-3เดือนแรกเค้าจะให้เราเรียนภาษาก่อน ทั้งมีคนสอนและเรียนเอง เรียนเต้นวัฒนธรรม ร้องเพลง สอนภาษาไทย เพราะงานที่อาสาสมัครทำส่วนใหญ่คือต้องจัดแคมป์อบรมฟื้นฟูด้านต่างๆของเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการแสดง และคิดวางแผนการจัดทำค่ายทั้งหมด ตั้งแต่ติดต่อสถานที่ตกแต่งสถานที่ ติดต่อผู้ร่วมแคมป์ ทุกๆอย่างเป็นภาษาจีน ซึ่งมันท้าทายความสามารถมากๆ เพราะไปแรกๆภาษาก็ไม่แข็งแรงแต่ต้องทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ตอนแรกจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง แต่สุดท้ายเราก็สามารถเอาชนะขีดจำกัดของคำว่า “ทำไม่ได้” ก้าวข้ามมันได้จริงๆจากกิจกรรมพวกนี้
“อาสาสมัครคือต้องไปช่วยเหลือเขา แล้วคนไทยเราไปช่วยเหลือด้านอะไรบ้าง”
ความจริงแล้วเราก็ไปทำหลายอย่าง บางครั้งทำเหมือนค่ายอาสา ก่อสร้างอาคารอะไรพวกนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการช่วยเหลือจริงๆ คือด้านของจิตใจ จำได้ว่าตอนที่ทำค่ายเด็ก เราก็เข้าไปพูดคุยกับเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง ฟังบรรยายแล้วได้ข้อคิดอะไรบ้าง พบว่าเด็กจีนส่วนมากติดเกมส์อย่างหนัก และไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เพราะครอบครัวจีนส่วนใหญ่เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ก็เลยตามใจลูกอย่างมาก และปัญหาที่ตามมาคือ เด็กไม่รู้จักคำว่า “ยับยั้งชั่งใจ”
แต่ในค่ายพวกเขามีโอกาสได้รับการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็ทำให้คิดได้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่มันถูกต้องรึเปล่า
-40 องศาแต่เราก็สู้น้า
“ประสบการณ์ที่สนุกๆ น่าตื่นเต้น”
ชอบที่สุดก็คงจะเป็นตอนหน้าหนาว เพราะเมืองที่ไปอยู่เป็นเมืองที่ค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว ติดลบประมาณ40องศา หลายคนนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง (ฉี่ออกมาจะเป็นน้ำแข็งไหม) มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากกับการใช้ชีวิตบนอุณหภูมิ -40 องศา ต้องเรียนทำอาหารด้วย เราพบว่าตู้เย็นไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ เราอาบน้ำกันอาทิตย์ละครั้ง ส่วนใหญ่จะไปอาบที่โรงอาบน้ำเพราะประหยัดกว่า อาหารการกินที่นี่อาหารจะมันมากกว่าปกติเพราะอากาศหนาว สำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำเย็น ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น แค่เอาน้ำไว้ข้างนอกไม่ถึง 10 นาทีก็เป็นน้ำแข็งแล้ว คนที่นี่จะดื่มกินแต่ของร้อนๆแม้แต่โค้กยังร้อน
จัดแคมป์นานาชาติที่ฮ่องกง จำนวนผู้เข้าร่วม เกือบ 4,000คน
“สิ่งที่ได้รับหลังการเป็นอาสาสมัคร”
ตอนที่อยู่ที่ประเทศไทย เคยคิดว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ เปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ ทำอะไรก็ไม่เป็นภาษาก็ไม่เก่ง คิดแค่ว่ารีบเรียนให้จบๆไปจะได้ทำงาน แต่พอได้มีโอกาสเป็นอาสาสมัคร ทำให้พบว่าการใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นเป็นยังไง เรียนรู้การแก้ปัญหาจากต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ ตอนอยู่ที่ไทยถ้าเราเจอปัญหาอย่างมากเราอาจจะเดินหนีหรือปลอบใจตัวเองแต่อยู่ที่จีนเราจะชนกับปัญหานั้นตรงๆเลย อย่างเช่น ภาษา ถ้าอยู่ที่ไทยเราก็จะไม่มีปัญหาด้านภาษาอยู่แล้วแต่ถ้าอยู่ที่จีน ถ้าเราอายไม่กล้าพูดอะไร ก็จะอยู่อย่างนั้นพูดไม่ได้สักที การเป็นอาสาสมัครนอกเหนือจากการเรียนภาษาแล้วเรากลับพบว่าพวกเราเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้การแก้ปัญหา เรียนภาษาจากสถานการณ์นั่นเอง
ร่วมงานแต่งงาน
กินไอติมที่นี่ไม่ต้องกลัวละลาย อิๆ ดูเอง
โต๊ะจีนของจริงอาหารต้องซ้อนกันจนกินไม่หมด
สวยๆตอนฤดูใบไม้ร่วง
KFC แบบจีนๆส่งด่วนทันใจ(เพราะขี่กันเร็วมาก)
จัดแคมป์เสร็จแว๊ววววววจร้า
“สิ่งที่อยากฝากถึงคนที่อยากเป็นอาสาสมัคร”
ความจริงแล้วการเรียนนั้นก็สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการได้มองเห็นตัวเอง รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่าการเรียนได้เกรดA ทุกวิชาเสียอีกเพราะว่าพอทำงานแล้วถึงรู้ว่าถ้าหากเราไม่รู้จักตัวเองแล้ว เราก็จะไม่รู้จักการแก้ปัญหาที่ถูกจุด สุดท้ายก็ได้แต่โทษคนอื่นอยู่ดี
ความคิดเห็น