คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : GNC>นุ๊ก แาสาสมัครรุ่นที่4 [Korea]
สิริพักตร์ อารีย์ประเสริฐกิจ อาสาสมัครรุ่นที่4 ประเทศเกาหลีใต้
มหาวิทยาลัยบูรพา เอก ภาษาเกาหลี
นี่แหละ!! เกาหลี๊ เกาหลี
พอต้องมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ที่ๆเราไม่คุ้นเคย ภาษาที่เราไม่เข้าใจ วัฒนธรรมที่ต่างกับเราโดยสิ้นเชิง ก็มีหลายๆสิ่งที่ได้เรียนรู้ ตอนที่อยู่ที่เกาหลีเราคนไทยมีภาษาของตัวเอง มีวัฒนธรรมของตัวเอง มีแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเอง แบบที่เคยใช้มากว่ายี่สิบปี ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน การเดิน การพูดจาทั้งหมดต้องปรับใหม่หมด
ข้อแตกต่างระหว่างไทยกับเกาหลีก็ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกๆวัน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น ทุกเช้าเราทุกคนจะมีเวรเข้าครัว
ต้องตื่นตั้งแต่หกโมงเช้ามาช่วยป้าๆทำอาหารเช้าและมีหลายอย่างที่ไทยกับเกาหลีมักจะทะเลาะกันเสมอ อย่างเรื่องทอดปลา ที่นี่จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดกะทะไว้เวลาทอดปลาเพื่อไม่ให้น้ำมันกะเด็น คนไทยเห็นแทบก็ใจหายใจคว่ำ พวกเราบอกป้าว่า “กระดาษหนังสือพิมพ์มันสกปรกมากนะ มีน้ำหมึกด้วย เดี๋ยวน้ำหมึกก็ซึมลงตัวปลาซิค่ะ กินไม่ได้หรอกแบบนี้ ไม่ได้ๆ” สุดท้ายป้าก็ไม่สนแล้วพวกเราก็เลือกที่จะไม่กินปลาตัวนั้นเพราะคิดว่ามันสกปรก หรือเวลาทอดอะไรก็จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มารองเพื่อซับน้ำมัน อีกแล้วค่ะ! คนไทยถึงกับกรีดร้อง รีบเอาของทอดออกจากกระดาษหนังสือพิมพ์ทันที เพราะคิดว่ามันสกปรกมาก มีแต่น้ำหมึกทั้งนั้น จะกินได้ยังไง แต่พอทุกอย่างเสร็จ ก็เห็นคนเกาหลีกินกันอย่างปกติ และยังมีอีกหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินที่เรารู้สึกว่ามันผิด และไม่สามารถรับได้ สามสี่เดือนที่เกาหลีเราเลยได้แต่หลีกเลี่ยงที่ทำอะไรที่เขาบอกให้ทำและเราคิดว่าไม่ถูกต้อง
คนเกาหลีนิสัยไม่ดี หลายๆคนชอบพูดกันแบบนี้ ฉันขอบอกว่าจริงๆแล้วไม่ใช่แค่คนเกาหลีเท่านั้นแต่เราทุกๆคนก็มีนิสัยไม่ดีเหมือนกันหมดนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าแค่ชนชาตินี้ที่เขาไม่ดี แต่เพราะการแสดงออกของแต่ละชาติแตกต่างกัน คนไทยจะมีมารยาท ถูกสอนมาให้อ่อนน้อมให้เรียบร้อย ให้เป็นคนขี้เกรงใจ ให้เป็นคนมีสัมมาคารวะ แล้วพอมาเจอคนเกาหลีที่พูดจาแข็งๆ พูดเสียงดัง ท่าทางดูก้าวร้าว พูดจาตรงๆก็เลยรับไม่ได้คิดไปว่าพวกเขานิสัยแย่ การพูดจาที่ดูไม่สุภาพก็เลยคิดว่าเขาแย่กันหมด หลังจากที่ได้ไปใช้ชีวิตมาหนึ่งปีได้เห็นว่าพวกเขาจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่แสเสร้ง ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ไม่อร่อยก็บอกไม่อร่อย ไม่มีเกรงใจเพราะคิดว่าทุกคนคือครอบครัว มีอะไรยืมกันได้ ขอกันได้ ให้กันได้ มีอะไรคาใจก็พูด อะไรไม่ดีก็ตักเตือนกันเลย
ฉันกลับรู้สึกชอบนิสัยของคนเกาหลีที่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าตอนมาแรกๆจะรับไม่ได้ เพราะมันตรงเกินไปเหมือนถูกมีดแทง จากคนเคยได้รับแต่คำชมที่หลอกลวง พอวันหนึ่งเจอคนพูดความจริงเกี่ยวกับตัวเราซักข้อหนึ่งก็เลยรับแทบไม่ได้ แต่ถ้าหากเราเปิดใจยอมรับข้อเสียของตัวเองได้ เราจะรู้สึกชอบคนเกาหลีที่เขาเป็นคนเปิดเผยและจริงใจแบบนี้
และอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยเจอแล้วรับไม่ได้ก็คือ การใช้เท้าของคนเกาหลี เขาไม่ค่อยถือกันมากเรื่องเท้าว่าเป็นของต่ำ ห้ามยกสูงหรือห้ามใช้เท้าทำอะไร ครั้งแรกที่เจอแล้วตกใจคือ วันนั้นนั่งหลังรถแล้วป้าเกาหลีที่นั่งข้างคนขับยกเท้าไปขึ้นจ่อไปที่ช่องแอร์ด้านหน้า ประมานว่าคงเท้าอับหรือยังไงเลยอยากจะตากลมสักหน่อย พวกเราคนไทยนั่งอยู่เบาะหลังถึงกับหายใจกันติดขัดเลยทีเดียวเนื่องจากพวกเราไม่อยากสูดลมที่ลอดผ่านซอกนิ้วเท้าป้ามาเข้ามาในระบบทางเดินหายใจและสิ่งนี้ค่อนข้างทำให้คนไทยตกใจแต่คุณลุงเกาหลีที่เป็นคนขับกลับนั่งเฉยๆไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรสักนิดเดียว หรือจะเป็นตอนนั่งรถบัส ฉันก็นั่งด้านหน้าและรู้สึกเหมือนมีอะไรข้างๆหู คล้ายๆมีอะไรบางอย่างมาพาดแถวๆเบาะรองคอ พอหันไปเท่านั้นแหละก็พบว่ามันคือเท้าของคนข้างหลังนั่นเอง คือเขานั่งเบาะปกติและเยียดขาขึ้นมาพาดที่เบาะรองศีรษะของคนข้างหน้าทำเอาฉันถึงกับรับไม่ได้แบบสุดๆ แต่ยังไงซะเข้าเมืองตาหลิ่วแล้วต้องหลิ่วตาตาม ก็ต้องทำใจยอมรับ ก็ไม่ได้เจอบ่อยอาจจะเป็นแค่บางคนเท่านั้น แรกๆก็ไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้มากๆแต่พออยู่นานไปเริ่มปรับตัวได้ หลังๆก็ลองทำตามเขามั่งกับเพื่อนคนไทยด้วยกันเอง คือเพื่อนนั่งหน้าเราก็ลองพาดขาดูมั่ง แหม!! ขอบอกว่าพอทำแบบนี้แล้วก็สบายดีเหมือนกันเพราะที่มันแคบ ขาชนเบาะ พาดขึ้นไปก็สบายดีอยู่ไม่ใช้น้อย ไหนๆมาอยู่ที่เกาหลีก็หัดเกาหลีบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบเพราะอาจติดมาทำที่ประเทศไทยแล้วจะถูกมองว่าเสียมารยาทได้
สิ่งที่อยากจะบอกคือ ถึงแม้กิริยาท่าทางหลายๆอย่างของคนเกาหลีที่เราไม่ชอบหรือเห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้าประเทศเขาทำกันมาแบบนี้และเขาก็ยอมรับแบบนี้ เราเองไปอยู่เมืองเขาก็ต้องยอมรับให้ได้ ถ้าบางอย่างเราจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามก็ไม่ต้องไปทำตามแต่จะให้ไปตักเตือนเขา ไปทะเลาะกับเขาก็คงไม่ใช่ เพราะนั่นคือวัฒนธรรมและความเคยชินของเขา หากเราปรับตัวและทำความเข้าใจได้เราก็จะได้อยู่ประเทศเกาหลีใต้ได้อย่างมีความสุข
ถ้าจะใช้ชีวิตหลีกเลี่ยงเรื่อยๆอยู่แบบนี้ เวลาที่เหลือที่นี่ก็คงไม่ได้อะไร มีแต่จะเสียเวลา สู้กลับไทยไปเลยดีกว่า ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร เราก็เลย เริ่มลองเปิดใจกับวัฒนธรรมของเขา และเปิดใจกับอาหารของเขา ยังมีวัฒนธรรมอีกหลายๆอย่างที่แปลกๆที่ไม่เข้าใจ ในเมื่อมาอยู่ที่เกาหลีใต้เราก็ต้องเป็นคนเกาหลี เราถึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข การปรับตัวและการเปิดใจเป็นสิ่งสำคัญมากในการมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ หากไม่มีสองสิ่งนี้แล้ว เราก็คงได้แต่เป็นเราคนเดิมที่อยู่แต่ในกะลา และไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะมัวแต่ยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ
ปัจจุบันนี้ฉันทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เมื่อเข้ามาทำงานที่นี้ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมโครงการอาสาสมัครต่างประเทศกับIYF เพราะถ้าหากไม่ได้รับการฝึกฝนฉันคงไม่สามารถทำงานบริการด้วยใจได้ คงไม่สามารถมีความสุขในทุกๆวันได้ คงได้แต่บ่นๆคงได้แค่หยิ่งๆเชิดๆมั่นใจในตัวเองแล้วก็ใช้ชีวิตไปแบบไม่สนใจใคร เจอปัญหาที่ทำงานก็คงได้แต่บ่นและเป็นทุกข์กับมัน แต่ผ่านทางโครงการอาสาสมัครต่างประนี้ฉันกลับรู้สึกขอบคุณกับงานที่ทำอยู่ได้ ฉันยิ้มได้เมื่อมีปัญหา ฉันมีจิตใจที่ถ่อมลงและทำงานรับใช้คนอื่นๆได้ โดนว่าโดนดุก็ยอมรับได้ เพราะคนที่ยอมรับไม่ได้ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ IYF บอกไว้เสมอให้มีความคิดที่เหมือนผู้ใหญ่แต่ให้มีจิตใจที่เหมือนเด็กอยู่ตลอดเวลา คือจิตใจที่อยากรู้อยากเห็น จิตใจที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ ผ่านทางโครงการนี้ฉันได้รับประสบการณ์ดีและไม่ดีมากมายที่สุดท้ายแล้วมันคือ ของขวัญล้ำค่าสำหรับฉัน การดรอปเรียนไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเกาหลีใต้หนึ่งปีของฉันนั้นคุ้มค่ามาก ได้ผลกำไรระยะยาว ได้มาเป็นทรัพย์สินที่ใครก็แยกเอาจากฉันไปไม่ได้ ได้สร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ฉันใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจได้ จากคนที่เคยคิดว่าตัวเองอยู่สูงสุดให้มาเป็นคนที่ต่ำที่สุด จากคนที่ไม่รู้จักคำว่าขอบคุณให้มาเป็นคนที่ขอบคุณกับทุกๆสิ่งที่ได้รับ จากคนที่มองเห็นแต่ตัวเองให้มาเป็นคนที่มองเห็นคนอื่นก่อน การไปเป็นอาสาสมัครต่างประเทศกับIYF คือสิ่งหนึ่งที่คุณควรทำก่อนอายุ30ปี แล้วคุณจะได้พบอีกโลกหนึ่งที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ความคิดเห็น