ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM] OTAKU BOY ~

    ลำดับตอนที่ #5 : OTAKU BOY - 04 -

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 57



     
      - 04 –
     
     
     
      “ถึงแล้วครับคุณชานซอง”
     
      เสียงซึลองพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบพร้อมกับรถที่หยุดการเคลื่อนไหว ทำให้คนถูกเรียกงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาแบบงงๆ ที่นี่ที่ไหน แล้วอะไร ทำไมชานซองถึงมาอยู่ในรถแทคยอนได้
     
      “คุณชานซอง ถึงคอนโดคุณแทคยอนแล้วครับ”
     
      ชานซองกะพริบตาปริบๆ นึกออกแล้ว...
     
      ไอ้แทคมันเรียกให้เขามาหาเพราะวันนี้มันว่างช่วงเช้า เลยส่งซึลองให้ขับรถไปรับตั้งแต่ไก่โห่ จะบ้าตาย.. มันว่างช่วงเช้า แต่เขาไม่ได้ว่างนี่ เขาต้องเข้างานตอนเจ็ดโมง วันนี้ทำงานวันแรกด้วยเหอะ เป็นทีมงานสตาฟของไอดอลคุณ-นูนอที่แทคยอนฝากฝังไว้ ..ซึ่งเขาไม่ได้ขอ
     
      ชานซองบอกขอบคุณซึลองที่ขับรถมารับแล้วก้าวออกจากรถ หยีตาสู้แสงยามเช้า มองขึ้นไปบนคอนโดหรูย่านชองดัมที่แทคยอนเป็นทั้งเจ้าของและผู้พักอาศัย โดยที่เจ้าตัวจะพักอาศัยอยู่ในชั้นสิบเก้าและยี่สิบ ชั้นที่เหลือก็ให้คนมาซื้อ
     
      ถามว่าทำไมชานซองไม่มาอยู่คอนโดของไอ้แทค ก็เพราะมันเป็นคอนโด ‘หรู’ สำหรับคนรวยน่ะสิ ชั้นนึงมีห้องพักแค่สามห้องเท่านั้นเอง แต่ละห้องจะใหญ่แค่ไหนคิดดูละกัน
     
      แต่เห็นว่ามันเหมา อยู่สองชั้นแบบนั้นก็เถอะ จริงๆแล้วมันอยู่คนเดียวนะ พ่อกับแม่ของแทคยอนอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ห่างออกไปต่างหาก แล้วตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพราะต้องไปบริหารโรงแรมที่นั่น
     
      เกือบจะครบสูตรลูกคนรวยที่น่าสงสาร ขี้เหงา พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ 
      ...แต่ติดที่ว่ามันเป็นโอตาคุน่ะนะเลยสงสารไม่ลง
    แถมรู้จักกันมาสิบปีไม่เห็นมันจะเหงาซักนิด ตามไอดอลอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันตั้งแต่สมัยเรียนยันทำงาน 
     
      ชานซองเดินเข้าไปในลิฟท์สว่างโทนสีน้ำตาลและทองดูหรูหรา แล้วกดชั้นสิบเก้าซึ่งเป็นเพนท์เฮ้าส์พร้อมกดรหัสผ่านที่อยู่ใกล้ๆหมายเลข

    ใช่ย่อยนะแทคยอน ถ้าไม่มีรหัสก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นของมันไม่ได้ เว่อร์มาก 
     
      ประตูลิฟท์เปิดออก ชานซองก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้างใหญ่ แล้วเขาจะหาไอ้แทคเจอมั้ยวะเนี่ย ห้องเงียบยังกะห้องร้าง เชฟกับแม่บ้านมันไปไหน?
      มีเชฟส่วนตัว เจ๋งปะล่ะ ไม่รวยทำไม่ได้นะเนี่ย
     
      เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ท่าทางแทคยอนคงจะรู้ว่าเขามาถึงแล้ว
      “แกอยู่ไหน” ชานซองกรอกเสียงตอบแบบไปหงุดหงิด นี่อยู่ในบ้านเพื่อนยังต้องโทรถามว่ามันอยู่ไหน เหลือจะเชื่อ!
     
      “ฉันอยู่ชั้นยี่สิบ ขึ้นมาทีดิ้”
     
      คนร่างสูงเบ้หน้า ชั้นยี่สิบ.... นั่นมันชั้นลับของมันเลยนะ นอกจากชานซองและคนสนิทก็แทบไม่มีใครรู้เลยว่ามีชั้นนั้นด้วยเพราะลำพังแค่ชั้นนี้ชั้นเดียวมันก็ใหญ่พอแล้ว และชั้นยี่สิบมันเป็นชั้นที่ไอ้แทคเอาไว้เก็บของสะสมเกี่ยวกับไอดอลที่ตัวเองชอบ
     
      นี่มันขึ้นทำอะไรของมันในวันทำงานแบบนี้ฟระ?
      ชาร์ตพลังกับคอลเลคชั่นโฟโต้บุคไอดอลสาวในชุดว่ายน้ำเหรอ? หรือว่ามันเพิ่งดูคอนเสิร์ตไอดอลผู้หญิงแบบมาราธอนสิบสองชม.จบ?
     
      ไม่ว่าจะทำอะไร ชานซองล่ะไม่อยากจะไปชั้นยี่สิบเลยจริงๆ ขนลุก...
     
     
      คนร่างสูงเดินทะลุห้องโถง เข้าไปในห้องหรูทรงโค้งมนกว้างขวางที่ปูพื้นไม้ปาร์เก้ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเป็นแนวยาวไปทั้งชั้น มองลงไปเห็นวิวของกรุงโซลที่ต่ำลงไปจนเป็นจุดเล็กนิดเดียว 
      แล้วไอ้ห้องบ้านี่มีแกรนด์เปียโนตั้งอยู่หลังเดียวเท่านั้น... ทำเป็นหรู สะเหล่อมาก เล่นเปียโนก็ไม่เป็น ที่เอามาตั้งเนี่ยเพราะไอดอลหลายๆคนของมันเค้าเล่นเปียโนเป็นเท่านั้นแหละ เลยอยากซื้อมาตั้งเพื่อจะได้ดูใกล้ชิดและเข้าถึงไอดอลตัวเองอีกนิดนึง แค่นั้นแหละ 
      แต่ชานซองแอบคิดว่าเหตุผลมันปัญญาอ่อนมากกกกก เงินมันเหลือสินะเลยเอามาใช้แบบไม่คิดเนี่ย!!
     
      เขาเริ่มออกเดิน เดิน และเดิน (ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ที่โรงยิมหรืออะไร ใหญ่เกิน!) เลี้ยวไปทางขวามือของห้องทรงกลม ผ่านห้องหนังสือ ห้องทำงาน และเมื่อเลี้ยวขวาไปอีกก็เป็นห้องนอนเล็ก ชานซองเดินเข้าไปแล้วเปิดประตูที่อยู่ในห้องนอนเล็กนั่นอีกที เจอกับบันไดวนที่เป็นทางขึ้นไปชั้นยี่สิบ
     
      ใช่ นี่แหละคือทางเข้าลับของดินแดนสนธยา ดินแดนของโอตาคุอย่างแทคยอน..
    กว่าจะมาถึงนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลยใช่มั้ยล่ะ บอกแล้วแค่ชั้นเดียวก็เกินพอ
     
      ทางเข้ามาอยู่ในห้องเล็กของห้องนอนอีกทีเพราะจะได้ไม่มีใครรู้ง่ายๆ จริงๆแล้วมันไม่ได้อายใครหรอก พราวลี่พรีเซ้นท์ขนาดนี้ มันแค่หวงของสะสมของไอดอลของมันเท่านั้น 

      ฉันว่าบางทีแกควรจะอายมากกว่ามาหวงของนะไอ้แทค...
     
      ชานซองเดินขึ้นบันไดวน แต่เมื่อขึ้นไปก็ถึงกับร้องว๊าก 
      รูปอิจนูนอขนาดเท่าตัวจริงแปะเป็นวอลเปเปอร์ในห้องโถง ยืนเรียงกันสี่รูปด้วยท่าทางต่างๆ ...เปลี่ยนอีกแล้ว ครั้งล่าสุดที่มาเห็นว่าเป็น AKB48 อยู่เลย (วอลเปเปอร์ไอดอลสาว 48 คนเรียงเต็มทั้งผนัง น่าขนลุกที่สุด..) (และก่อนหน้านั้นก็เป็นวอลเปเปอร์รูปทีอาร่า โซนยอชิแด และอีกนับไม่ถ้วน) ไม่ว่าจะขึ้นมาที่นี่กี่รอบก็ไม่ชินจริงๆ
     
      “แทค!” ชานซองตะโกนเรียก
     
      แทคยอนส่งเสียงตอบรับ ไม่นานร่างใหญ่ๆนั้นก็ปรากฏกายขึ้น คนที่มีดีกรีเป็นผู้บริหารของบริษัทอยู่ในสภาพหัวกระเซิง ใส่กางเกงนอนสีเหลืองลายจุด และเสื้อยืดตัวโคร่งสีเหลืองเขียนว่า I LOVE NUNEO โอวววววว... หมดกันท่านผู้บริหารที่น่าเกรงขาม ชานซองล่ะรู้สึกเพลียแทนพนักงานที่บริษัทจริงๆ
     
      “แกใส่ชุดนี้นอนเหรอ”
     
      “เปล่า เมื่อคืนว่าจะหาแผ่นดีวีดีเดบิวของนูนอมาดูอะเลยแต่งตัวเตรียมไว้ แต่หาไม่เจอ รื้อไปรื้อมาเลยดันนั่งดูโซนยอชิแดแทนอะ” แทคยอนเอามือเกาคางหยุกหยิกๆ “เผลอหลับบนโซฟาในห้องดูทีวีด้วย เมื่อยสุดๆ”
     
      มิน่าล่ะ ถึงใส่ชุดเชียร์นูนอซะเต็มยศ.. ไม่ว่าจะไปดูคอนเสิร์ตจริงๆหรือแม้แต่กระทั่งดูแผ่นอยู่ที่บ้าน มันมักจะใส่ชุดเชียร์พร้อมป้ายไฟและตะโกนโหวกเหวกอย่างบ้าคลั่ง
      เต็มที่กับชีวิตในเรื่องไอดอลเสมอ ไอ้แทคยอน
     
      แทคยอนหันหลังกลับแล้วเดินนำไป บอกว่าให้ไปห้องโฮมเทียร์เตอร์พลางเกาหัวแรกๆ บ่นงึมงำว่ามีเรื่องจะวานให้ทำหน่อย ชานซองเดินตามไปอย่างว่าง่ายฟังคนร่างใหญ่ตรงหน้าบ่นด้วยความเคยชิน
     
      พอเดินเลี้ยวเข้าห้องถัดไป ชานซองถึงกับอ้าปากค้าง เพราะครั้งที่แล้วที่ขึ้นมาที่นี่ ห้องมันไม่ใช่แบบนี้.. 
     
      ปกติแทคยอนจะแบ่งห้องเก็บของไอดอลไว้ทั้งหมดสองห้องใหญ่ๆ (รวมห้องโฮมเทียร์เตอร์ที่ใช้เก็บพวกดีวีดีและซีดีก็เป็นสาม) เก็บพวกคอลเลคชั่นสาวน้อยในชุดว่ายน้ำ พวกของกู้ดส์หน้าคอนเสิร์ต มีโปสเตอร์และสินค้าต่างๆวางปะปนกัน อาจจะแบ่งไว้เป็นวงๆว่าตู้โชว์นี้ของเกิร์ลกรุ๊ปวงไหน โดยจะแบ่งอย่างเรียบร้อยทั้งสองห้อง 
      แต่นี่มัน...
     
      ห้องที่เคยมีของเกิร์ลกรุ๊ปนั้นหายไป ผนังด้านหนึ่งเป็นรูปใบหน้าจุนโฮขนาดใหญ่ โปสเตอร์ รวมถึงของในห้องทั้งหมดก็มีแต่สีส้มและสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของจุนโฮ ผนังห้องอีกด้านเป็นตู้กระจก เก็บนิตยสารและรวมถึงซีดีบางส่วนไว้
     
    นี่แกบ้ากว่าตอนบ้าเกิร์ลกรุ๊ปอีกนะ...
      “แทค... ของไอดอลคนอื่นอะ หายไปไหนแล้ว”
     
      ชานซองคิดถึงคอลเลคชั่นโฟโต้บุคและดีวีดีไอดอลสาวในชุดว่ายน้ำที่แทคยอนเคยหวงนักหวงหนา ขอยืมกลับไปดูยังไม่ให้เลย ขี้งกมากไอ้ดำ
     
      “หา? อ้อ เอาไปกองๆรวมกันอยู่อีกห้องน่ะ ฉันจะทำห้องนี้เป็นห้องนูนอ แต่ของยังมีไม่เยอะ เพราะนูนอเพิ่งเดบิวได้สามสี่เดือนเอง”
     
      คนร่างสูงกลอกตาขณะที่มองไปรอบห้อง ของไอดอลที่เคยล้ำค่าถูกใช้คำว่า ‘เอาไปกอง’ ไว้ในอีกห้อง อิจนูนอเอฟเฟกต์รุนแรงเหลือเชื่อ ทำให้แทคมันยกห้องๆหนึ่งให้เป็นห้องของคนๆนั้นได้ ...เป็นเอามาก
     
      แทคยอนพยักหน้าให้ตามไปในห้องทางซ้ายมือ เป็นห้องขนาดใหญ่เท่ากับห้องชั้นล่างที่ใช้วางแกรนด์เปียโน เพียงแต่ชั้นบนนี้ผนังฝั่งที่เป็นกระจกมีผ้าม่านกำมะหยี่สีเขียวเข้มปิดอยู่ ผนังฝั่งตรงข้ามเป็นผ้าใบขนาดใหญ่ชนิดเดียวกับที่ใช้ฉายภาพยนตร์แต่มีขนาดเล็กกว่า ผนังอีกสองด้านที่เหลือเป็นตู้กระจกรวบรวมแผ่นดีวีดีคอนเสิร์ต ดีวีดีไอดอลทั้งหลายแหล่ สภาพห้องรกไปด้วยดีวีดีหลายร้อยแผ่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น คงเป็นผลจากการรื้อหาของเมื่อคืนสินะ
     
      แทคยอนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เกาหัวแกรกๆ “อ้าว ไม่มีแฮะ สงสัยอยู่ห้องคอม”
      “อะไรของแกวะ ตื่นยังเนี่ย”
      “ตามมาเหอะน่า” คนร่างใหญ่พูดแล้วหาว 
     
      ทั้งคู่เดินผ่านทางเดินยาวที่มีตู้กระจกใส่ฟิกเกอร์ตัวการ์ตูน ทะลุไปที่ห้องเก็บของไอดอลห้องใหญ่ โฟโต้บุคสาวๆในชุดว่ายน้ำ สินค้าหน้าคอนเสิร์ตและซีดีของเกิร์ลกรุ๊ปเรียงอัดแน่นกันอยู่ในชั้น ยังคงแบ่งไว้เป็นโซนๆไปตามแต่ละวงโดยเรียงลำดับตัวอักษร บนผนังมีโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นอัดกรอบเรียงไว้อย่างดี
      คนร่างสูงมองแบบอึ้งๆ
      มาห้องแทคยอนทีไร ตรึงตราตรึงใจในความบ้าคลั่งของมันเสมอ..
       มันชอบใคร มันได้ลายเซ็น ได้ตามจนเค้าจำหน้ามันได้ทู๊กกกกคน เส้นใหญ่เหลือเกิน
     
      ชานซองเดินตามเพื่อนไปยังห้องทางขวามือซึ่งเป็นห้องคอมพิวเตอร์ ภายในห้องมีโต๊ะตัวยาววางอยู่สองตัวใหญ่ๆ โต๊ะตัวแรกมีเครื่องคอมพิวเตอร์และหน้าจอคอมเรียงกันอยู่ประมาณเก้าจอ (ชานซองไม่รู้ว่าเวลามันใช้ห้องคอมที่นี่ มันแบ่งสมองแบ่งตาเพื่อดูยังไง) ส่วนตัวที่สองมีเพียงกล่องใบใหญ่กับโน้ตบุควางอยู่เท่านั้น
      และนั่น.. ที่ข้างๆโต๊ะคอมพิวเตอร์ มีโปสเตอร์อิจนูนอแปะอยู่อีกแล้ว มันไม่หลอนบ้างเหรอวะ? รูปจุนโฮแม่งทั้งชั้นเลยเนี่ย!
     
      “โอ๊ะ อยู่นี่จริงด้วย..” แทคยอนพูด แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนร่างใหญ่หยิบขึ้นมารับด้วยภาษาเกาหลี ก่อนที่จะพูดตอบกลับไปอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ หันมามองชานซองที่ยืนนิ่งๆแล้วยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าต้องรับสายนี้ก่อน
     
      แหมมมม.. พ่อนักธุรกิจ คุยเรื่องงานเป็นภาษาอังกฤษแต่เช้า พ่อคนใหญ่คนโตในชุดลายจุดนูนอ
     
      แทคยอนวางสาย เดินไปที่โต๊ะตัวที่สองซึ่งมีกล่องใบใหญ่สีครีมวางอยู่ รวมถึงโน้ตบุคสีขาวสุดหรูมีรูปแอปเปิ้ลที่ชานซองเห็นแล้วแทบน้ำลายไหล มือหนาเปิดฝาโน้ตบุคก่อนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น
     
      น้องแอปเปิ้ลของแทคยอนร้องว่า ‘อิจนูนอ ไดสึกิ’ 
     
      คนร่างสูงหันขวับ มองหน้าไอ้เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้สึกแปลกหรือขนลุกกับเสียงนี้เลย
     
      “เสียงอะไรอะ”
     
      แทคยอนเลิกคิ้วสูง “อ๋อ ฉันไปให้ที่ร้านทำให้น่ะ มีเสียงตั้งหลายแบบแน่ะ นายอยากฟังตอนเอายูเอสบีเสียบมั้ย”
     
      “คนทำแม่งโคดเก่ง ทำเสียงคล้ายๆนูนอให้ด้วย”
      “เวลาลด-เพิ่มเสียงก็มีด้วยแหละ”
      “ตอนลบ recycle bin ก็มี ฟังนะๆ”
     
      ไม่พูดเปล่า โชว์ให้ดูอีกต่างหาก
      แทคยอนคลิกเมาส์ขวาที่ไอคอนรูปถังขยะ แล้วเลือก ‘empty recycle bin’
      เสียงร้องแบบโมเอะดังขึ้น คล้ายเสียงจุนโฮแบบที่ไอ้แทคยอนโฆษณาไว้เป๊ะ
     
      ‘คิโมจิ๊...’
     
      ชานซองอ้าปากค้าง มองหน้าไอ้คนที่อวดความสามารถของคอมตัวเองอย่างภูมิใจ ฉันรู้ว่าแกคลั่งอิจนูนอ แต่นี่มันเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะไอ้โอตาคุยักษ์.. 
      ชานซองหันไปมองโปสเตอร์จุนโฮแล้วเอามือกุมหัว ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าไอ้แทคยอนมันทำอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้คงอยากตายแน่ๆ 
     
      “เอ่อ.... เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ทีนี้นายจะบอกฉันได้ยังว่าเรียกฉันมาทำไม?”
     
      “ฉันจะให้แกเอาของไปให้นูนอให้หน่อย” แทคยอนตอบสั้นๆ มือหนายังคงพิมพ์ที่คีย์บอร์ดรัวๆ “เนี่ยๆ วางอยู่บนโต๊ะเนี่ย เอาไปที เดี๋ยวฉันขอส่งอีเมลล์ไปให้ป๊าก่อน จะเอารายละเอียดเรื่องสร้างโรงแรมน่ะ”
     
      “กล่องเนี้ย?” คนร่างสูงร้องเสียงหลง ชี้ไปที่กล่องใบใหญ่ คือมันใหญ่จริงๆนะ! 
      แล้วอีกอย่างนะ ชานซองเป็นสตาฟโว้ย ไม่ใช่ไปรษณีย์!
     
      “เออ กล่องนั้นแหละ เอาไปให้นูนอที บอกว่าของขวัญจากแทคยอน”
      “มันหนักนะ”
      “อย่าบ่นมากได้มั้ย ยกลงไปเลยแล้วก็ไปหาไรกินไป๊ ป่านนี้เชฟเข้ามาแล้วมั้ง”
     
      ชานซองเบะปาก เอาของกินมาเบี่ยงเบนประเด็นเหรอ เฮอะ... แต่ก็หิวจริงๆแหละ แล้วเชฟบ้านแทคยอนเก๊าะดันทำอาหารอร่อยสุดยอดซะด้วยสิ แฮร่
     
      คนร่างสูงยกกล่องใบใหญ่สีครีมเดินออกจากห้องคอมพิวเตอร์ แล้วเลี้ยวไปตรงทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยฟิกเกอร์ จริงๆแล้วจากห้องคอมพิวเตอร์นั้นสามารถเดินผ่านห้องเก็บของไอดอลไปสู่ห้องโถงได้ง่ายกว่า แต่ในใจลึกๆเขายังไม่อยากลงไปชั้นล่างเร็วขนาดนั้น... 
     
      ขายาวๆนำชานซองให้เข้ามาในห้องที่เก็บคลังสินค้าของจุนโฮอีกครั้ง
      ดวงตาคมมองไล่ไปทั่วห้องตั้งแต่ตู้กระจกที่ยังติดตั้งไม่เสร็จ ถุงถั่วสีส้มและสีเหลืองที่วางไว้กลางห้อง จนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงผนังรูปใบหน้าของอี จุนโฮขนาดใหญ่ ใบหน้านั้นยิ้มกลับมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู น่ารักซะจนชานซองต้องแอบอมยิ้มกับตัวเอง
    เดินออกจากห้องเก็บของสะสมของจุนโฮก็เป็นห้องโถงที่มีวอลเปเปอร์ขนาดเท่าตัวจริงของไอดอลคนเดิม ใส่ชุดแตกต่างกันไปจำนวนสี่ชุด คนร่างสูงมาหยุดมองรูปที่ใส่ชุดกระโปรงสีส้มและผูกโบว์ไว้ที่หัว ...ชุดในคอนเสิร์ตนั้นสินะ
     
      ชานซองแบกกล่องไว้ด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างเอื้อมไปแตะรูปโบว์ที่ผนัง และไล่ลงมาจิ้มพวงแก้มกลมๆที่เห็นแล้วถึงกับหัวเราะพรืด ตอนยิ้มแล้วแก้มกลมจริงๆ..
     
      “ชานซองงงงงง อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกแอบจิ๊กของนูนอของฉันน่ะ หา!!!”
     
      เสียงแทคยอนตะโกนดังข้ามห้องเพนท์เฮาส์มาจนชานซองสะดุ้ง กล่องใบใหญ่หลุดมือหล่นลงทับเท้า คนร่างสูงชักมือออกจากรูปภาพขนาดเท่าตัวจริงของ ‘นูนอ’ ที่แทคมันหวงนักหวงหนาพลางกระโดดเหย็งๆกุมเท้าที่ปวดร้าวของตัวเอง 
     
      ไอ้กล่องบ้านี่มันหนักจริงว้อย! เจ็บอะ เจ็บ เจ็บ เจ็บ!
     
      “เสียงอะไรดังโครมคราม แกไม่ได้ทำกล่องของขวัญฉันหล่นใช่มั้ย!?”
      “ไม่ได้ทำ ฉันแค่ล้ม!” ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง บอกว่าล้มไปแหละวะ ตัวเขาก็ไม่ใช่เล็กๆ ถ้าล้มไปจริงคงดังได้อยู่
      “ห้ามล้มใส่ของนูนอของฉัน แล้วห้ามจิ๊กของนูนอนะว้อยยยยยย!”
      “ไอ้บ้า ใครจะอยากเอาของแกไป!!!”
     
      ชานซองตะโกนกลับ หยิบกล่องที่หล่นเมื่อครู่แล้วรีบลงบันไดวน
    เมื่อกี้เขาทำอะไรน่ะ เอามือแตะโบว์ แตะแก้มอูมๆในรูปภาพนั้นทำไม?
      เดินผ่านฟิกเกอร์ ผ่านรูปสาวๆในชุดว่ายน้ำในห้องไอดอลห้องแรกไม่ยักจะเป็นแบบนี้ กะอีแค่รูปไอดอลผู้ชายขนาดเท่าตัวจริงหน้าตาเป๋อเหลออย่างอิจนูนอ ทำไมเขาถึงได้หยุดมอง ...และคิดว่าน่ารักไปได้นะ ให้ตายสิ!
     
     
     
      สิบโมงสิบสามนาที ...มาสายจนได้ ไอ้แทคยอนบ้า!!!
     
      เพราะแทคมันไม่ยอมให้ซึลองมาส่ง มันบอกว่าถ้ามาส่งแล้วมันไม่มีรถไปทำงาน ใช่ซี๊ ชานซองมาสายมันไม่หนักหนาเท่าผู้บริหารไม่มีรถไปทำงานนี่ ใช่ซี๊....
      แถมก่อนมานี่ก็ยังรัวคำถามและออกคำสั่งดูแลฝากฝังนูนอไม่จบไม่สิ้นจนหูชา น่ารำคาญที่สุด สั่งแต่ประโยคเดิมๆ
     
      “ชานซอง แกดูให้ด้วยนะว่านูนอของฉันเค้าเหนื่อยมั้ย ต้องการพักผ่อนหรือต้องการอะไรมั้ย คอยดูแลให้ดีนะ”
      “ถ้าขาดเหลืออะไรต้องบอกฉันนะ ฉันจะเอาไปให้”
      “วันนี้มีซ้อมเต้นใช่ปะ นายต้องดูและเรื่องน้ำดื่มนะ อย่าให้ขาด”
      “ฉันไม่อยากเชื่อใจแกเลยว่ะ กลัวแกดูแลนูนอได้ไม่ดี เอางี้ดีกว่า ก่อนไปทำงานฉันจะแวะไปหา”
     
      ไอ้ประโยคสุดท้ายแหละเป็นตัวการที่แท้จริงที่ทำให้ชานซองมาทำงานสาย
      เพราะมัวแต่เถียงกับแทคยอนอยู่นานสองนานว่าไม่ให้มันมา ส่วนเจ้าตัวก็ยืนยันอยู่ได้ว่าจะมา มันอยากเจอหน้านูนอเพื่อเป็นกำลังใจก่อนไปทำงาน วันนี้มันมีเจรจาธุรกิจ มันมีธุระ มันต้องการกำลังใจ
      ธุรกิจป๊าแกดำรงอยู่ได้มาตั้งยี่สิบสามสิบปีโดยไม่มีนูนอ แต่ตอนนี้มาบอกว่าทำไม่ได้ถ้าไม่ได้เจอหน้านูนอเนี่ยนะ โอยยยย ชานซองอยากจะบ้า
      เถียงกันเกือบชั่วโมงจนในที่สุดฝ่ายนั้นก็ยอมแพ้ เพราะเลขาที่บริษัทโทรมาเรื่องงาน ทำให้แทคยอนต้องเข้าบริษัทเร็วขึ้น ไอ้ผู้บริหารทำหน้าไม่พอใจ แก้มป่องปากจู๋แล้วกำชับสั้นๆว่าให้ดูแลนูนอให้ดีที่สุด
     
      แต่ก็ยังไม่วายพูดกลับมาอีกว่า “ถ้าการเจรจาวันนี้สำเร็จ ฉันจะแวะไปนะ"
     
      ชานซองได้แต่ภาวนาให้ลูกค้ามันเรื่องมาก ป๊ามันโทรมา ม๊าเฟสไทม์คิดถึงลูกแทค หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้แทคยอนไม่มีเวลาว่าง สาธุ...
     
      คนร่างสูงเดินเข้าบริษัททั้งๆที่ถือกล่องใบใหญ่ ทำหน้าเหลอหลาอย่างงงๆจนผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ ชานซองจึงบอกชื่อตัวเองไป คนที่ถามเลิกคิ้วที่อยู่ใต้กรอบแว่นสูงขึ้น
     
      “ฉันชางมิน ผู้จัดการส่วนตัวของคุณและนูนอ”
     
      ผู้จัดการส่วนตัวของนิชคุณและจุนโฮหรี่ตามองคนร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า มองของในมือหอบใหญ่ที่ขนมาจนหลังค่อม
      “ไปทำอะไรมา ตอนนี้นูนอกับนิชคุณอยู่ที่ห้องซ้อมแล้วนะ นายต้องมาเตรียมห้อง เตรียมผ้าขนหนูตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว” ชางมินพูดดุๆ มองลอดกรอบแว่นมามองสตาฟหน้าใหม่อย่างชานซองแบบไม่พอใจ 
     
      โอวววววว สวรรค์โปรด มาทำงานวันแรกก็สาย และป๊ะกับผู้จัดการส่วนตัวที่ดุแบบนี้อีก ให้ตายเต๊อะ
     
      “เอ่อ..” ชานซองหน้าเสีย “แทคยอนเรียกตัวไปครับ”
      ในเวลาแบบนี้ เอาชื่อไอ้แทคมาใช้ละกันวะ!
     
      แล้วก็ไม่เคยผิดหวัง ชื่อไอ้อ๊กตาคุหลายบุคลิกนี่หากินได้เสมอ เพราะชานซองเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวของไอดอลกระตุกน้อยๆ
      “ง...งั้นไปที่ห้องซ้อมได้แล้ว อยู่ชั้นสี่นะ ห้องที่สาม ส่วนห้องฝั่งตรงข้ามอูยองซ้อมอยู่ ห้ามเข้าผิดล่ะ อูยองเค้าจริงจังกับการซ้อม ห้ามรบกวน”
      “ครับ”
      “แล้วนั่นหอบกล่องอะไรมา ถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามเอาเข้านะ!”
      “แทคยอนฝากมา..”
      “....อย่าลืมบอกนูนอละกัน โอเค ไปได้แล้ว!” ชางมินสั่งด้วยใบหน้าหงุดหงิด
      ....แต่ชานซองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมีแต่คนเกรงใจไอ้โอตาคุนี่จัง มันไปทำอะไรอีท่าไหนวะ
     
      ชานซองโค้งให้พี่ชางมินแล้ววิ่งตื๋อไปขี้นลิฟท์ เมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย คนร่างสูงมองหาห้องซ้อม ห้องที่สาม ห้องที่สาม ..อ๊ะ เจอแล้ว! ส่วนห้องตรงข้ามนี่หมายเลขสี่ ห้องซ้อมของไอดอลอันดับหนึ่งอย่างคุณวี้สินะ?
     
      อูยองเค้าจริงจังกับการซ้อม ห้ามรบกวน’
     
      ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ชานซองแอบเอียงตัว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ประตูของหมายเลขสี่ให้มากที่สุด ได้ยินเสียงเพลงลอยออกมาแว่วๆ
     
      Girl you're so one in a million, You are’
      ‘Baby you're the best I ever had ’
     
      เหล่เข้าไปในช่องกระจกเล็กๆ เห็นอูยองซ้อมเต้นด้วยท่วงท่าที่ทั้งเท่และพลิ้วอย่างกับมีพลังลมในตัว อูววววว เท่ชะมัดเลยไอ้คุณวี้ สมกับที่เป็นไอดอลอันดับหนึ่งในตอนนี้จริงๆ ทำสีผมใหม่ซะด้วย บ๊ะ! บลอนด์เชียว คุณวี้ผมบลอนด์
     
      ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลย ตาวี้นี่ท่าทางจะเป็นพวกต้องการสมาธิขั้นสูงจริงจัง
      แต่มองดีๆแล้วกลับไม่ได้มีแค่คุณวี้คนเดียวแฮะ.. นั่นมันไอ้ตี๋เจย์ที่เจอที่คอนเสิร์ตเมื่อสองวันก่อน? หมอนั่นมันนั่งขัดสมาธิดูอูยองซ้อมอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาคู่ตี่ๆคมๆนั่นมองคนที่เต้นอยู่ด้วยแววตาเป็นประกาย แววตาแบบเดียวแบบที่แทคยอนใช้มองอิจนูนอของมันเป๊ะ ....แล้วทำไมไอ้นี่มานั่งดูอูยองซ้อมได้วะ? ไหนบอกห้ามใครรบกวนไง?
      คนที่นั่งอยู่เหมือนจะรู้สึกถึงสายตาของคนนอกที่มองเข้ามาจึงหันมาทางประตู ใบหน้ากวนๆของแจบอมหงิกทันที่ที่เห็นว่าใคร คงมีความรู้สึกแปลกใจไม่ต่างกับคนที่อยู่นอกห้องเท่าไหร่ 
     
      ไอ้ตัวใหญ่คนนั้นมาอยู่นี่ได้ไง!? นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับให้แฟนคลับมาเพ่นพ่านได้นะ!!!! และถึงแจบอมจะเป็นแฟนคลับเหมือนกันก็เถอะ แต่ระดับนี้แล้ว ฉันมันเป็นแฟนคลับระดับวีไอพีว้อย!
     
      เมื่อถูกจ้องมองเหมือนทำอะไรผิด ชานซองรีบหลบฉาก หันหลังกลับเข้าไปในประตูห้องซ้อมหมายเลขสามโดยไม่เคาะก่อน ร่างใหญ่โซเซ กล่องใบใหญ่ที่ไอ้คุณแทคยอนฝากมาพลัดหลุดมือดังโครมอีกครั้ง นิชคุณที่กำลังซ้อมอยู่ในห้องนั้นถึงกับสะดุ้งโหยง หันมามองอย่างตกใจ
     
      “เฮ้ย! ฉันซ้อมอยู่นะ โผล่มาแบบนี้เสียมารยาท!”
     
      เสียงแว้ดของนิชคุณดังขึ้นทันที่ที่เข้าไป ไอดอลทั้งคู่อยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงวอร์ม มีเหงื่อท่วมตัว เมื่อเห็นว่าคนเข้ามาเป็นชานซอง คนทั้งคู่ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไอ้หมอนี่มันแฟนคลับไม่ใช่เหรอ???? 
     
      “นายมาทำอะไรน่ะ” นิชคุณพูด ทำหน้าบึ้งแล้วเดินไปกดปิดเครื่องเล่นเพลง หยิบผ้าขนหนูสีขาวซับเหงื่อ
     
      “เอ่อ ฉัน.. ผมเป็นสตาฟใหม่ที่มาดูแลคุณสองคน ฝากตัวด้วยครับ” ชานซองพูดเบาๆ ค่อยๆหยิบกล่องที่หล่นขึ้นมา ไอ้หยา.. แทคมันจะว่าอะไรมั้ยถ้ารู้ว่าเขาทำกล่องมีค่าของมันหล่นเนี่ย สองรอบด้วยเนี่ย
     
      ไอดอลทั้งคู่เบิกตากว้างขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำว่า ‘สตาฟคนใหม่’
      จุนโฮเองรู้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วว่าชานซองมาเป็นสตาฟ ขณะเดียวกันพี่ชางมินเองก็บอกไว้ว่าจะมีสตาฟคนใหม่ที่จะมาคอยดูแลคนทั้งคู่ตลอดเวลา ฟังแล้วตะหงิดๆว่ามีสตาฟแบบนั้นด้วยเรอะ ปกติสตาฟทุกคนก็ดูแลเขาเท่าเทียมกัน ไม่มีใครที่ได้ตำแหน่ง ‘ดูแล’ ไอดอลเฉพาะเจาะจงซะหน่อย (จุนโฮไม่รู้หรอกว่าที่มันมีตำแหน่งนี้เพราะแทคยอนล้วนๆ)
      คนร่างอวบได้แค่สงสัยเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าคนๆนั้นจะเป็นชานซอง ใครจะไปคิดว่าคนที่เพิ่งได้งานนี่จะมาเป็นคนดูแลเขาและนิชคุณ ปกติสตาฟใหม่ๆเค้าไม่ได้ทำงานร่วมกับศิลปินแบบนี้นี่นา แล้วนี่ดูแลแบบส่วนตัวอีกนะ..
     
      ส่วนนิชคุณไม่รู้เพราะคืนนั้นเมา จำอะไรไม่ได้ ทีมงานรวมถึงจุนโฮเล่าถึงคืนที่มีเรื่องให้ฟังแล้ว แต่เรื่องสตาฟคนใหม่นี่ยังไม่ได้พูดถึงเพราะไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ

    แต่พอได้เห็นชานซองแบบนี้ก็ถึงกับช็อค มองผ่านหลังคนร่างสูงไปทางประตูเหมือนสังหรณ์อะไรบางอย่าง
      ...ปกติแล้วมีไอ้โย่งนี่จะต้องมีไอ้บ้าตัวดำๆอีกคนตามมานี่
    อย่าบอกว่าไอ้สองซี้นี่มันจะมาเป็นสตาฟแบบแพคคู่นะ ไม่ม้างงงง
     
      “นายเนี่ยนะ ทำไมต้องเป็นนายอ้ะ” นิชคุณสะบัดหน้าแล้วถามเสียงเหวี่ยงๆ
      “ก็.. ผมเข้ามาทำงานแทนสตาฟคนนั้นที่โดนไล่ออกไปไง”
     
      “ไล่ออกแล้วไง ทำไมต้องเป็นนายที่มาแทนอ้ะ นายเป็นแฟนคลับไม่ใช่เหรอ”
     
      ไม่ทันจะตอบ สตาฟผู้หญิงผมสั้นคนที่ชานซองเห็นเมื่อคืนวันที่มีเรื่องก็เดินเข้ามาในห้อง กวักมือเรียกไอดอลหน้าสวยที่ตอนนี้ทำหน้ามู่ทู่ปนเปกับงุนงง
      “น้องคุณคะ คุณแทคยอนจะเข้ามาที่บริษัท น้องคุณมากับพี่หน่อย”
     
      นิชคุณเบิกตากว้าง
      จุนโฮเบิกตากว้าง
      ชานซองเอามือกุมหัว มันมาจริงๆ... ไม่ทำการทำงานรึไงไอ้บ้า!!!
     
      “ทำไมคุณต้องไปด้วยล่ะครับ” นิชคุณพูด ชักสีหน้าไม่พอใจ “ก็ให้จุนโฮไปสิ มันชอบจุนโฮไม่ใช่เหรอ”
      “เอ่อ... ก็ใช่ค่ะ แต่น้องคุณต้องมากับพี่ก่อน ไปขอโทษคุณแทคยอนเรื่องเมื่อคืนนั้นกับพี่เดี๋ยวนี้” 
      “พี่ขอโทษไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณต้องไปอีกอ้ะ ไม่ไป คุณไม่ชอบมัน”
      “น้องคุณ!”
     
      สตาฟเริ่มทำหน้าไม่พอใจกับความดื้อรั้นของไอดอล เดินมาดึงแขนนิชคุณให้ออกเดินตามทั้งที่เจ้าตัวยังบ่นและเหวี่ยงไม่เลิก
     
      “คุณบอกแล้วว่าคุณจำไม่ได้ ทำไมต้องไปขอโทษด้วยล่ะ คุณไม่ผิดซักหน่อย”
      “แล้วพี่ครับ ทำไมไอ้โย่งนี่มาเป็นสตาฟได้ล่ะ ทำไมล่ะ!”
     
      นิชคุณบ่นแล้วเดินลงส้นตึงๆตามออกไป ทิ้งให้ชานซองยืนเป็นใบ้กินอยู่กับจุนโฮที่กะพริบตาปริบๆ เหงื่อไหลลงมาตามคาง มือยังคงถือไมค์จากที่ซ้อมเมื่อครู่อยู่
      ตั้งแต่ชานซองเข้ามาในห้อง จุนโฮไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
      คนร่างสูงก้มมองของในอ้อมแขนตัวเองก็เหมือนจะนึกได้ เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เม้มปากเป็นเส้นตรง มองชานซองตาไม่กะพริบ
     
      “อ่า... นี่แทคยอนฝากมาให้นาย เอ่อ ให้คุณครับ”
      จุนโฮเอียงคอ ยิ้มน้อยๆ “เรียกฉันยังไงก็ได้ ไม่ต้องพูดครับก็ได้น่า”
      ชานซองพยักหน้า รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองเริ่มจะร้อนฉ่าขึ้นมา ทำไมวะ!
      “ชานซอง... ใช่มั้ย?”
      “อื้อ”
      จุนโฮโค้งตัวลงเพื่อแนะนำตัวอย่างสุภาพ “อิจนูนอ หรืออี จุนโฮ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากตัวด้วยนะ”
     
      คนร่างสูงโค้งตัวอย่างทุลักทุเลเพราะกล่องใบใหญ่ที่ถืออยู่ พูดพึมพำกลับไปว่า “ฮวาง ชานซอง ยินดีที่ได้รู้จัก ..อีกที"
     
      “อ้อ ฝากขอบคุณคุณแทคยอนเรื่องของด้วยนะ” จุนโฮพูดยิ้มๆ เอามือปาดเหงื่อที่ไหลลงมาทั่วทั้งใบหน้า “แต่เอาไปวางไว้ตรงมุมห้องก่อนได้รึเปล่า เดี๋ยวฉันยังต้องซ้อมเต้นต่ออีกน่ะ”
     
      ชานซองทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
      แต่พอหันไปเห็นคนตัวเล็กที่ยังคงยืนเอามือป้ายคอตัวเองไปมา คนร่างสูงจึงเดินไปทางกองผ้าขนหนูที่อยู่ไม่ไกล หยิบมาผืนหนึ่ง รวมถึงขวดน้ำที่วางอยู่ข้างๆก่อนจะเดินเข้าไปหาจุนโฮแล้วยื่นให้
      ไอดอลร่างอวบพูดพึมพำว่าขอบคุณ หยิบผ้าขนหนูไปเช็ดตามใบหน้า
     
      “พักก่อนก็ได้นี่ นิชคุณยังไม่มาเลย” ชานซองพูดเบาๆ
     
      “ไม่ได้หรอก” จุนโฮตอบ หยิบขวดน้ำในมือชานซองแล้วดื่มอึกใหญ่ “เดี๋ยวฉันตามพี่คุณไม่ทัน ฉันยิ่งเป๋อๆอยู่ เป็นโรคตื่นเวทีน่ะ ทำยังไงก็ไม่หาย”
      คนร่างสูงหัวเราะพรืด ทำเอาคนที่ดื่มน้ำอยู่ตวัดตาเล็กๆมองอย่างงอนๆ
      “ขำแบบนี้แสดงว่าเห็นด้วยใช่มั้ยล่ะ”
      “อือ” ชานซองตอบตามตรงแล้วหัวเราะ “เห็นๆอยู่ เวลาอยู่บนเวทีแล้วนายชอบหลุดทำหน้าเป๋อเหลอทุกที”
      จุนโฮผลักอกคนตรงหน้าด้วยขวดน้ำดังอั้ก “ฉันจะบอกให้พี่ชางมินตัดเงินเดือนนาย พูดจาไม่ให้กำลังใจกันเลย!”
      “เฮ้ๆ ฉันเพิ่งทำงานวันแรกนะ!”
     
      คนตัวเล็กยิ้มกว้าง ดวงตาคู่นั้นเล็กหยีจนเหมือนยิ้มไปด้วย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นมิตร
      ช่างแตกต่างจากนิชคุณ คนๆนั้นวางท่าและขี้วีนเป็นที่สุด แบ่งชั้นอย่างชัดเจนว่าตัวเองเป็นไอดอลและเขาเป็นแค่ทีมงานคนนึง แต่กับจุนโฮ เขาทำเหมือนกับว่าชานซองเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก ไม่ได้ทำตัวว่าตัวเองเป็นไอดอลที่ต้องเหนือกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว
     
      “นี่ชานซอง”
     
      คนถูกเรียกเลิกคิ้วสูง รับขวดน้ำและผ้าจนหนูที่จุนโฮส่งมาให้มาถือไว้ 
      จุนโฮหันหลังให้ เริ่มเต้นทั้งๆที่ไม่มีดนตรี สบตากับชานซองผ่านกระจกบานใหญ่
     
      “ถามหน่อยสิ ทำไมผู้ชายอย่างนายถึงมาเป็นแฟนคลับวงฉันล่ะ”
     
      คนถูกถามเม้มปาก เอียงคอ ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ..ก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับซักหน่อย ตอบยังไงดีหว่า? แต่ชานซองก็คือชานซอง สมกับที่แทคยอนเคยด่าว่า ‘ไอ้ปากไม่มีหูรูด’ เพราะเป็นคนปากไว พูดไม่เคยคิด
      ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เผลอพูดตอบกลับไปแบบที่ยั้งตัวเองไม่ทัน
     
      “ฉันเปล่านะ ฉันโดนแทคยอนมันลากมาเฉยๆ ฉันเพิ่งรู้จักพวกนายวันนั้นแหละ”
     
      คนพูดเอามือปิดปาก รู้ตัวว่าพลาดไปแบบที่ไม่น่าให้อภัย คำตอบแย่มากไอ้ฮวางชานซอง! ตอบแบบนี้ไม่ว่าใครก็เสียความรู้สึกทั้งนั้นแหละ โอยยย สมองช้ากว่าปากตลอด!!!
     
      ยิ่งเห็นใบหน้าของจุนโฮในกระจกยิ่งรู้สึกผิด
      จุนโฮหยุดซ้อมเต้น ก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากคู่นั้นเม้มเป็นเส้นตรง
     
      “อ้อ..” เสียงของไอดอลพูดกลับเบาๆ "จริงๆฉันก็ไม่ได้ดังขนาดนั้นนี่เนอะ เข้าใจละ"
      “คือ.. ไม่ใช่นะๆ แต่ฉันแค่.....”
     
      “ฉันจะซ้อมต่อแล้ว นายออกไปเถอะ ฉันไม่มีสมาธิ” จุนโฮเงยหน้าขึ้น พูดแทรกขึ้นมา ใบหน้านั้นมีแววเจ็บปวดเล็กๆ แต่ยังคงยิ้มกว้าง “แล้วก็ช่วยเปิดเพลงก่อนออกไปด้วยนะ”
     
      ชานซองยังคงยืนอยู่กับที่ รู้สึกผิดกับคำตอบของตัวเอง
      อยากจะอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายอะไร ..หงุดหงิดตัวเองชะมัด 
      “ไม่งั้นฉันจะบอกพี่ชางมินนะว่านายทำงานไม่ได้เรื่อง” ไอดอลตัวเล็กยังคงพูดเล่น หัวเราะแหะๆ
     
      “จุนโฮ...”
     
      คนถูกเรียกหันมามองตรงๆ เป็นครั้งที่สองที่ผู้ชายคนนี้เรียกเขาด้วยชื่อจริง
    และแต่ละครั้งที่เรียก เสียงมักจะอ่อนโยนแบบนี้เสมอ...
     
      ชานซองยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร เสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอกก็ใกล้เข้ามา เสียงนั้นที่คนทั้งคู่จำได้แม่น
      .. อ๊ก แทคยอน ..
     
      “ชานซอง ชานซองนายอยู่ไหน! นูนอ.. ชานซองงงงง”
     
    เสียงต่อไปก็จำได้ดี เสียงนิชคุณ
      “นี่ นาย แก คุณ! ไอ้คุณแทคยอน นายไม่ใช่คนเกี่ยวข้องกับที่นี่ห้ามเข้ามานะ นายแทคยอน!” 
      “นิชคุณอย่าเซ่ ชานซอง! อ้าว นายไม่ใช่ชานซองนี่ ไม่ใช่ห้องนี้แฮะ”
      “ฉันซ้อมเต้นอยู่ นายเป็นใคร ออกไป!” เสียงอูยองดังขึ้นมาอีกคน
     
      คนร่างสูงที่อยู่ในห้องกับไอดอลอีกคนเอามือกุมหัว เห็นแววความวุ่นวายมาแต่ไกล ไม่ว่าแทคยอนไปที่ไหนที่นั่นก็ต้องเสียงดังยังกับบ้านจะแตกให้ได้สินะ  
     
      มีแทคยอนอยู่ที่ไหน มีความวุ่นวายอยู่ที่นั่น...
     
      ประตูเปิดผางออก แทคยอนที่อยู่ในชุดสูทหรูเตรียมพร้อมไปทำงานเดินเข้ามา แววตาเป็นประกาย ถือดอกกุหลาบช่อใหญ่มาด้วย มีไอดอลหน้าสวยที่ตอนนี้ใบหน้าถมึงทึงตามมาอยู่ข้างหลัง
     
      แทคยอนยิ้มกว้างมองผ่านชานซองไปยังจุนโฮที่หน้าซีดอยู่ คนตัวเล็กค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ชานซอง กะจะให้คนร่างสูงที่ยืนอยู่เป็นเกราะกำบัง ยกมือขึ้นเกาะชายเสื้อของคนที่ยืนอยู่
      “บังให้ฉันทีนะ..” จุนโฮเงยหน้าขึ้นมองชานซอง ดวงตาคู่เล็กฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
     
      “ชานซองนายอยู่นี่เอง!” แทคยอนตะโกนเสียงดัง เดินดุ่มๆเข้ามาที่คนร่างสูง เอามือผลักเพื่อนตัวเองให้ออกไป เผยให้เห็นเป้าหมายที่แท้จริงที่อยู่ข้างหลัง
      “หลบไปสิแก! นูนอคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ” โอตาคุร่างใหญ่ในชุดสูทยื่นดอกไม้ให้ “ดอกไม้สำหรับคุณครับ”
     
      ชานซองเลิกคิ้วสูง ทำเป็นเรียกหาเขาแต่จริงๆแล้วตามหานูนอ ไม่เนียนว่ะแทค ไม่เนียน ร่างสูงดึงแขนเพื่อนแสนบ้าคลั่งของตัวเองให้ห่างออกมา กระซิบถามเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันสองคน
     
      “มาทำไมเนี่ย” 
      “บอกแล้วไงเล่าว่าอยากมาเจอนูนอ” 
      “แล้วแกขึ้นมาได้ไง”
      “เพราะว่าฉันคือ อ๊ก แทคยอน คนที่เป็นสปอนเซอร์ของคุณ-นูนออย่างเป็นทางการ” แทคยอนพูดแล้วยิ้มกว้าง ยักคิ้วถี่ๆแบบน่าหมั่นไส้ “เจ๋งมั้ยล่ะ ฉันได้เป็นสปอนเซอร์แล้ว เพิ่งได้เป็นสดๆร้อนๆ เซ็นสัญญามะกี้เลย”
     
      โอวววววว นี่มันถึงขั้นได้เป็นสปอนเซอร์แล้วเหรอ ไอ้คุณอ๊ก!
      เข้าใจแล้วว่าทำไมพนักงานและทีมงานทุกคนถึงกลัวชื่อแกกันจัง
     
      นิชคุณและจุนโฮลอบมองตากันด้วยใบหน้าตกใจ ขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘สปอนเซอร์เนี่ยนะ!?’
     
      “นูนอครับ ดอกไม้ครับ” แทคยอนพูดอีกครั้งด้วยเสียงปกติ หันไปยิ้มให้ไอดอลคนโปรด
      จุนโฮละสายตาจากไอดอลรุ่นพี่แล้วหันมายิ้มแหยๆ รับดอกไม้ไปพร้อมกับพูดขอบคุณในลำคอ เมื่อเหลือบตาไปมองนิชคุณ เห็นไอดอลหน้าสวยกำลังยืนปั้นหน้ายิ้มอย่างสุดความสามารถหลังจากโดนมองข้ามหัวเป็นรอบที่ล้านแปด ก่อนที่จะเปิดปากถามพี่ชายเพื่อเบี่ยงประเด็น 
     
      “พี่คุณเคลียร์กับคุณแทคยอนแล้วเหรอ”
      “ไม่เลยครับนูนอ นิชคุณไม่ได้ขอโทษผมเลย แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่แคร์” คนร่างใหญ่ตอบแทนไอดอลอีกคนที่โดนถาม ส่งสายตาหวานเยิ้มมองไปที่อิจนูนอเพียงคนเดียว
     
    ชานซองแอบเห็นว่าคนหน้าสวยนั้นหลับตาแน่นแล้วหายใจลึกๆก่อนที่จะลืมตามาพร้อมกับสีหน้าใหม่แบบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากไอดอลขี้วีนกลายเป็นไอดอลสุดแสนเพอร์เฟค
     
      “ก็เมื่อคืนคุณจำไม่ได้ว่าทำอะไรนี่” นิชคุณพูดและทำสุ้มเสียงใสซื่อ เรียกแทนตัวเองว่า ‘คุณ’เพิ่มความน่ารัก “เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะครับคุณแทคยอน ที่ตะโกนว่าเรื่องขึ้นมาที่นี่น่ะ ก็ทุกคนกำลังซ้อมอยู่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณแทคยอนเข้ามาได้”
     
      แม่เจ้า เอาออสการ์ไปเถอะ สร้างภาพโคดเก่ง
      ทีอยู่ต่อหน้าชานซองที่มีดีกรีเป็นแค่ทีมงานล่ะวีนจั๊งงงง วีนจัง
     
      แต่ถ้าไม่ใช่นูนอพูด ไอ้คนไร้มารยาทก็ยังคงตอบแบบไร้มารยาทอยู่เช่นเดิม...
     
      “ช่างเถอะ ผมเองก็ไม่อยากจำหรอกครับ”
     
      คนร่างใหญ่พูดจบ ชานซองก็ตบหัว ‘ท่านผู้บริหาร’ ดังป้าบ
      รู้ว่าแกชอบนูนอ เฉยๆกับนิชคุณ แต่มันชักเลยเถิดไปใหญ่แล้วนะไอ้แทค เสียมารยาท...
      แต่คนโดนตบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรือทำไมถึงโดนตบ กลับหันไปส่งสายตาน่าหมั่นไส้ใส่คนตบซะงั้น  ทำแก้มป่อง? งอนชานซองแบบนี้มันคิดว่าน่ารักเหรอวะ? 
     
      คนร่างสูงเหล่ตามองจุนโฮ แอบขำเล็กๆ ก็หน้าของไอดอลคนนั้นกับหน้าของเขาตอนเห็นแทคยอนทำแก้มป่องมันอารมณ์เดียวกันเป๊ะ
     
      ....สยดสยองเป็นที่สุด
     
      แต่เมื่อหันไปเห็นว่านิชคุณเริ่มจะอดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ จุนโฮจึงเข้ามาพูดแทรก
      “ขอโทษนะครับ คุณแทคยอนกับชานซองออกไปก่อนได้มั้ย ผมยังต้องซ้อมกันอีกนาน ขอโทษจริงๆนะ”
     
      แทคยอนหันขวับ ยิ้มกว้างแบบล่องลอย “เพื่อนูนอ ได้เสมอครับ ตั้งใจซ้อมนะครับ ผมจะคอยดูไลฟ์นะครับ”
     
      ชานซองเห็นแววตาอ้อนวอนของคนร่างเล็กที่ส่งมา จึงช่วยลากแทคยอนออกไปอีกแรง ไอ้คนตัวใหญ่นี่มันบ้าไม่จบไม่สิ้น มาทั้งชุดทำงานเนี่ยนะ โอ๊ยยยย คอยดูนะไอ้ดำ ฉันจะฟ้องป๊าแก!
     
     
     
      เพื่อนซี้ร่างสูงโย่งทั้งคู่เดินออกไป นิชคุณกระทืบเท้าดังตึงเพื่อระบายอารมณ์ที่อดกลั้นเมื่อครู่ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าไอดอลรุ่นน้องแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ให้ทั้งสองคนอยู่เงียบๆ แบบสงบสุขอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้ตลอดไปก็เถอะ..
     
      ชีวิตของเขาทั้งคู่ไม่มีทางสงบสุขง่ายๆถ้าหากมีแฟนบอยอย่างแทคยอนคนนั้นอยู่ โดยเฉพาะคอนนี้มันเลื่อนขั้นมาเป็นสปอนเซอร์แบบนี้
      อ่า ไม่หรอก ชีวิตของนิชคุณยังคงดีกว่าจุนโฮเป็นแน่ อันนี้เขามั่นใจ
     
      คนหน้าสวยมองไอดอลรุ่นน้องที่เดบิวคู่กันด้วยอาการปลงๆ ชีวิตจุนโฮช่างอาภัพดีแท้ เป็นไอดอลคู่กับเขาก็มีแฟนคลับน้อยกว่า(มันแน่อยู่แล้ว) และหนึ่งในนั้นดันเป็นแฟนบอยน่ากลัวแบบนี้อีก เฮอะ เฮอะ
     
      จุนโฮหันมายิ้มให้คนที่มองอยู่อย่างใจดี ใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามแก้ม
     
      เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ทำหน้าเครียด เดี๋ยวก็จะร้องไห้ ไอ้เจ้าเด็กนี่ช่างอ่อนหัดต่อการเป็นไอดอลจริงๆ
     
      “ซ้อมต่อมั้ย” นิชคุณถาม สลัดใบหน้ายิ้มแย้มแบบไอดอลเมื่อครู่หายไปทันที
     
      ใช่สิ ต้องแบบนิชคุณ หรเวชกุลคนนี้สิ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นไอดอล อยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องรักษาใบหน้าไว้ ต้องมีสปิริตเสมอ ไม่ใช่มาเป๋อเหลอตลอดเวลา
     
      “พี่คุณ ไม่เหนื่อยเหรอ?”
      “ซ้อมอะ? ไม่หรอก นายเหนื่อยรึไง ซ้อมไปนิดเดียวเองนะ”
      “ไม่ใช่เรื่องซ้อม” คนร่างเล็กทำจมูกดุกดิก “ผมหมายถึงการที่พี่ต้องรักษาภาพพจน์แบบนี้ตลอดเวลาน่ะ”
      นิชคุณชักสีหน้า ไม่พอใจเล็กๆที่ถูกทักเรื่องการวางตัว “ฉันเป็นไอดอลฉันก็ต้องรักษาภาพพจน์สิ”
      “เป็นตัวของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ” จุนโฮถามซื่อๆ “โดนคุณแทคยอนพูดจาไม่ดีใส่ พี่จะยังยิ้มอยู่ทำไม ไม่รู้สึกแย่รึไงอะ?”
      “ใครจะไม่รู้สึกแย่ แม่งโคตรเสียมารยาท อยากจะด่าจะตาย”
      “แล้วทำไมไม่ทำล่ะ?”
     
      ก็บอกแล้วไงว่าฉันต้องรักษาภาพพจน์น่ะ! แล้วไอ้นี่มันเป็นสปอนเซอร์นะเว้ย แกไม่ได้ยินรึไงเล่า!!!” คนหน้าสวยตะคอกใส่ ทำเอารุ่นน้องถึงกับผวา แต่ใบหน้านั้นยังคงมุ่งมั่น ไม่ขยาดกับเสียงดุของรุ่นพี่ง่ายๆ
     
      “ทีวันนั้นพี่ยังอาละวาดคุณแทคยอนเลย อ้วกใส่ด้วยซ้ำ”
      “ก็บอกแล้วว่าฉันเมาน่ะ!!! ใครจะไปบังคับตัวเองได้ล่ะ!”
     
      นิชคุณเขวี้ยงผ้าขนหนูลงบนพื้น แกเป็นใครห๊ะไอ้เด็กอ่อนหัดอี จุนโฮ?
     
      เขาเป็นไอดอลหน้าสวยและไอดอลรูปหล่ออันดับหนึ่งทั้งๆที่เพิ่งเดบิว แกน่ะเป็นใคร? ไอ้คนที่ได้อันดับยี่สิบอย่างนายน่ะมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน? นิชคุณทุ่มเทกับการเป็นไอดอลและรักษาภาพพจน์ให้ดูดีตลอดมาตั้งเท่าไหร่ แล้วมันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ เขาได้รับความนิยมกว่าจุนโฮตั้งเยอะ เพราะเจ้านั่นมันเป๋อๆ ทำหน้าเหลอหลาตลอดเวลายังไงล่ะ
     
      จุนโฮทำหน้ามู่ทู่ที่โดนนิชคุณตวาดใส่ แต่ก็ไม่ถืออะไรมากมายเพราะรู้ว่าคนๆนี้เป็นยังงี้อยู่แล้ว ขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่นิสัยลึกๆน่ะไม่เลวร้ายอะไรหรอก อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี ทำไมจะไม่รู้
     
      “แค่แนะนำเฉยๆ พี่คุณก็..”
     
      ทั้งสองคนหยุดคุย สายตาเหลือบไปเห็นวัตถุทรงกลมสีดำๆโผล่มาจากประตูช้าๆ ตอนแรกถึงกับใจหายวาบ คิดว่าไอ้โรคจิตแทคยอนโผล่มาอีก
     
      แต่ปรากฏว่าเป็นหัวของปาร์ค แจบอม แฟนคลับนัมเบอร์วันของไอดอลอูยองที่เป็นรุ่นพี่ ตามอูยองจนสนิทในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน และถือว่าเป็นคนที่สนิทพอสมควรของพวกเขาทั้งคู่
      ...จะว่าไปหมอนี่มันก็จิตพอๆกับแทคยอนแหละวะ
     
      คนหน้าตี๋หรี่ตามองนิ่งๆ แล้วยกมือกวักพร้อมเรียกเสียงเบา
      “หน่อมแน้ม มานี่ดิ้ๆๆ”
     
      ไอดอลทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ใครวะหน่อมแน้ม?
      นิชคุณเอียงคอ ชี้ที่ตัวเองเป็นเชิงถามว่าใช่เขารึเปล่า แต่แจบอมสะบัดหน้าอย่างหงุดหงิดพร้อมจุ๊ปาก
     
      “ไม่ใช่แก ลำยอง ฉันหมายถึงนูนอว้อย นูนอหน่อมแน้ม มานี่ๆ”
     
      คนหน้าสวยอ้าปากค้าง ลำยอง อะไรลำยอง ใครลำยอง?
      แค่คออ่อนเท่านั้น เขาไม่ได้ขี้เหล้านะไอ้ปาร์คแจบอม ไอ้แฟนคลับหน้าจืด! 
      เป็นแค่คนสนิทของอูยองแล้วคิดเหรอว่าจะมาพูดจาแบบนี้กับนิชคุณได้น่ะ?
     
      จุนโฮหันมายิ้มงงๆให้นิชคุณที่กระทืบเท้าตึงๆแสดงความไม่พอใจแบบไร้เสียง ก่อนที่จะวิ่งเหยาะๆไปหาคนเรียกที่อยู่หน้าประตู 
      “หน่อมแน้ม ฉันรู้ความลับของนาย” แจบอมพูดทันทีเมื่อจุนโฮเดินไปถึงตัว
      “เอ่ออออ ทำไมต้องหน่อมแน้มอะ”
      “ก็นายท่าทางหน่อมแน้มแบ่วแบ๊วจะตาย” แจบอมพูดเรียบๆ 
      “แล้วทำไมพี่คุณ...”
      “อ้าว นายก็เห็นนี่ว่าเมื่อคืนนั้นนิชคุณลำยองแค่ไหน”
     
      “ผมเปล่าลำยองนะ ผมแค่คออ่อนเท่านั้นแหละ!” คนที่ถูกพูดถึงแว้ดลั่น พลางหันหลังให้คนทั้งคู่ กลับไปซ้อมเต้นแบบไม่มีเสียงเพลงอยู่คนเดียว
     
      แขนขาก็ขยับตามดนตรีและเนื้อเพลงที่อยู่ในหัว แต่สายตานั้นจับจ้องอยู่ที่คนสองคนตรงหน้าประตูโดยมองผ่านกระจก อยากรู้ว่าคนทั้งคู่คุยอะไรกัน
      ปาร์ค แจบอม ผู้เป็นทั้งแฟนคลับและคนสนิทของอูยอง ไอดอลรุ่นพี่ของตัวเอง
      รุ่นพี่บ้าบออะไร มันอายุน้อยกว่าด้วยซ้ำ แค่เข้าวงการก่อนเท่านั้นแหละ เฮอะ.. ไอ้ตี๋นี่ก็นะ งานการไม่ทำรึไง เอาแต่ตามอูยองต้อยๆ ชีวิตแกจะทุ่มเทกับการเป็นแฟนบอยไปถึงไหน?
     
      ไอ้รุ่นพี่(ในวงการ)อย่างคนหน้ากลมคนนั้นก็ด้วยเถอะ ชอบลากไอ้แฟนบอยหน้าจืดคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ไม่รู้จักคำว่าเส้นกั้นระหว่างแฟนคลับกับไอดอลรึไง เป็นไอดอลมาก็นาน แล้วนี่ที่ทางค่ายไม่ว่าอะไรเรื่องนี้ก็เพราะแกหาเงินให้ค่ายได้มากสุดหรอกนะ!
     
      แล้วนี่เค้าคุยอะไรกันน่ะ?
     
      แจบอมทำหน้าเชิดๆออกแนวไม่พอใจและดูเหมือนจะข่มจุนโฮเล็กๆ ไอ้ไอดอลรุ่นน้องของตัวเองก็ดูตัวเล็กกระจ้อยร่อยไปทันที(ทั้งที่ตัวใหญ่กว่าไอ้หน้าจืดคนนั้น)
     
      จุนโฮเอ้ยยยยย นายจะยอมให้คนอื่นข่มไปถึงไหน
     
      เพียงแค่ไม่นาน จุนโฮก็เดินกลับมา ใบหน้าซื่อๆนั้นฉายแววงุนงงผสมกับลำบากใจแปลกๆ ส่วนไอ้ตี๋นั่นหายไปแล้ว สงสัยไปดูอูยองซ้อมอีกล่ะสิ ไอ้สตอล์คเกอร์ คอยดู วันหลังนิชคุณจะฟ้องพี่จินยองว่าอูยองให้แกเข้ามาอีกแล้ว

     
      “พี่แจบอมว่ายังไงเหรอ”
     
      ไอดอลรุ่นน้องส่ายหน้าดุกดิก “ม... ไม่มีอะไร แค่ทักทายนิดหน่อยน่ะ”
      จุนโฮพูดแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหน้าเงียบๆ ได้ยินดังนั้นนิชคุณจึงยักไหล่แบบไม่สนใจที่จะต่อความยาวสาวความยืด เดินไปเปิดเพลงเพื่อซ้อมอีกครั้ง แต่คนตอบคำถามที่ยืนนิ่งๆนั่นคงยังใจยังเต้นแรงเมื่อนึกถึงบทสนทนากับแฟนคลับนัมเบอร์วันของอูยองเมื่อครู่
     
      “นี่หน่อมแน้ม ฉันรู้ว่านายชอบไอ้สตาฟใหม่นั่นนะหน่อมแน้ม ฉันเห็นตั้งแต่งานปาร์ตี้แล้วด้วย”
      “ผ...ผมเป็นผู้ชายนะ จะไปชอบชานซองได้ยังไง”
      “ผีเห็นผีมันดูกันออกว้อย ถ้าแกไม่อยากให้ฉันปากโป้งนะ ต้องวางแผนให้ฉันใกล้ชิดกับอูยองมากๆ เข้าใจม้า?”
      “สนิทกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ทำเองเล่า!!!”
     
      “....ถ้าทำได้ฉันจะมาขอแกมั้ยวะถามจริง"



    - to be continued -


    Ps. แปลนห้องเพนท์เฮ้าส์ของแทคยอนทั้ง 2 ชั้นค่ะ ><
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×