ตอนที่ 2 : Welcome to our home.
ฉันเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง ก็เห็นทั้งหัวดำ หัวแดง หัวทอง และหัวสีควันบุหรี่ นั่งเรียงกันอยู่บนโซฟา เมื่อสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ฉัน... ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกจนได้
...นี่ ที่นี่ไม่มีผู้หญิงจริงๆ งั้นเหรอ????
“นั่งก่อนสิครับ”
“คะ... ค่ะ...” ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้ามของพวกเขาอย่างช้าๆ ก่อนจะนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ
“ผมต้องขอโทษแทนเจ้าพวกนี้ด้วยนะครับ เอาเป็นว่าพวกผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนเลยละกันนะ...ผมแทยัง” เด็กหนุ่มผมดำขลับที่พูดเพราะอยู่ตลอดเวลาเอ่ยแนะนำตัวเป็นคนแรก
“เป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลีครับ ผมชอบการเต้นมาก งานอดิเรกคือเต้นอยู่ในห้องคนเดียว ผมเกลียดของหวานและแมลงอย่าเอาพวกมันมาใกล้ผมเด็ดขาดนะครับ”
“...”
“ตาฉันแล้วเหรอ?” อีตาหัวแดงชี้หน้าตัวเองหลังจากที่แทยังส่งสายตาไปให้
“ฉันชื่อทีโอ งานอดิเรกคือฟังเพลง ชอบเล่นกลองและของหวาน แต่ฉันเกลียดช็อกโกแลต!!!”
เงอะ! พูดอย่างกับรู้ว่าฉันชอบช็อกโกแลตอย่างนั้นแหละ ...ว่าแต่ ทำไมนายต้องพูดจาห้วนๆ แถมประโยคหลังยังถลึงตาใส่ฉันอีกต่างหาก ดูท่าไม่ค่อยเป็นมิตรเลยแฮะ อีตาหัวแดง
“ฮ่าๆ นายเนี่ยเป็นตัวเองดีจังเลยนะ ที...” เด็กหนุ่มผมทองหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันชื่อกีตาร์ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ฉันเกลียดผักมากๆๆๆๆๆ และก็เกลียดการถูกแกล้งด้วย แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันน่ะชอบแกล้ง... เผลอๆ เธออาจจะโดนฉันแกล้งไม่รู้ด้วยนะ คิกๆ”
“=^=”
“เอ้า! ถึงตานายแล้ว...”
“...” เด็กหนุ่มที่สวมแว่นสีแดงขยับแว่นทีหนึ่งก่อนจะจ้องมาทางฉันเขม็ง “ฉัน... วิล ชอบแต่งเพลง และดื่มกาแฟ สิ่งที่เกลียดคืออาหารฝีมือของหมอนี่!”
วิลชี้นิ้วไปทางแทยัง “อ้าว... ไหงงั้นล่ะครับ”
“ไม่รู้... บอกไม่ถูก”
“...”
...ฉันเกิดอาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ ได้แต่นั่งอึ้งฟังพวกเขาทั้งสี่คนพูดกันอยู่เงียบๆ
ควับ!
“ถึงตาเธอแล้ว” ทำไมต้องมาสามัคคีพูดพร้อมกันด้วยคะ!? Y^Y
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ”
“ไม่เห็นต้องพูดเพราะก็ได้... ชิ” แล้วนายจะแขวะฉันทำไมมิทราบยะ อีตาหัวแดง!
“...” ฉันส่งสายตามองค้อนทีโอเล็กน้อย “ฉันชื่อเจอาร์ เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกา ฉันชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะฉันอยากเรียนที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ” ฉันโค้งนิดๆ ให้พวกเขาก่อนจะส่งยิ้มให้
“ถ้างั้นก็...” แทยังลุกขึ้นยืนไม่นานนักเพื่อนๆ ที่เหลือก็ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง
“ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่สู่บ้านหลังเล็กๆ หลังนี้นะ” พวกเขาทั้งสี่คนพูดพร้อมกันเสียงดังฟังชัด... อ้อ เหลืออีกคนหนึ่งที่พูดไม่ค่อยจะเต็มปากสักเท่าไหร่... ทีโอ
แทยังออกแนวสุภาพ ร่าเริง กีตาร์ก็ดูเจ้าเล่ห์ แถมเจ้าตัวยังบอกเองอีกว่าชอบแกล้ง วิลออกแนวลึกลับดูอาร์ตๆ แต่ที่ฉันสงสัยคืออีตาหัวแดง…
เขาดูเป็นคนไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนอื่นสักเท่าไหร่นัก หรือว่าแค่กับผู้หญิงกันนะ...?? หรือว่าเขาจะเป็นพวกที่เกลียดผู้หญิง หรือชอบผู้ชายอะไรแบบนั้นหรือเปล่า?
โอ๊ย! คิดแล้วก็เครียด ดูหน้าเขาตอนนี้สิ บูดยิ่งกว่าตูดลิงอีก ถ้าฉันคิดว่าเขาชอบผู้ชายเขาจะโกรธมั้ยนะ ...ไม่หรอกมั้งมันก็แค่ความคิดนี่นา ฮ่าๆ
อืม... เอาตามตรงพวกเขาก็ดูไม่ค่อยเลวร้ายสักเท่าไหร่นะ ฉันคิดแบบนั้น...
“...ฝากตัวด้วยนะคะ”
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็ได้เดินสำรวจไปรอบๆ หอพัก... ไม่ใช่สิแทบไม่เหมือนหอพักเลย เหมือนบ้านหลังเล็กๆ มากกว่า
ฉันหยุดนั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวเล็กที่ตั้งไว้บริเวณสวนหย่อมหลังหอพัก ฮ้า... สดชื่นจัง หายากนะสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบนี้น่ะ
“ฮืม... ฮื้ม...”
ฉันปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ก่อนจะฮัมเพลงในลำคอเบาๆ สงบจังเลยแฮะ... พอได้ฮัมเพลงเบาๆ คนเดียวในที่แบบนี้แล้ว รู้สึกดีจริงๆ
ฟิ้ววววว
“...”
สายลมอุ่นๆ ไล้ไปตามใบหน้าและร่างกายทีละส่วน กลิ่นจากดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ภายในสวนหอมละมุนอ่อนๆ เสียงใบไม้ที่ลู่ลมราวกับกำลังหยอกล้อ เหล่านกน้อยแข่งขันกันประสานเสียงอย่างเจื้อยแจ้ว บรรยากาศราวกับหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน...
...และต้องตื่นมาในโลกแห่งความเป็นจริง
“จ๊ะเอ๋!!!”
“ว๊าย! ตาเถรหก!!”
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีใครบางคนกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้าอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“โห... หน้าตาก็ออกจะเป็นคุณหนูไฮโซ มีดีกรีเป็นถึงลูกครึ่งอเมริกา แต่อุทานได้ไทยมากกกก -.-”
“อะ... อะไรเล่า มาทำคนเขาตกใจแล้วจะมาบ่นอีก”
“ฉันไม่ได้บ่นสักหน่อย”
“แล้วนายโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ทำไมกัน”
“เฮ้อ...” กีตาร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลูบผมตัวเองไปมา “ฉันจะมาชวนเธอไปทานข้าว”
“???”
“อาหารฝีมือแทยังมันน่ะนะ”
“แทยังทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” สงสัยกีตาร์จะเห็นฉันทำหน้างงจึงอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฉันเข้าใจ
“เพราะหอพักของเรามีแต่ผู้ชายไง ไอ้แทยังมันก็เคยได้เรียนทำอาหารมาก่อน หน้าที่นี้เลยเป็นของมัน... อ้อ อีกอย่างฉันว่าไอ้แทยังคงไม่ใช่ชายแท้แน่นอน เพราะสภาพของมันไม่ให้เลยอะ ฮ่าๆ”
“...ว่าไปนั่น เขาออกจะแมนนี่นา”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่... อืม หอพักที่นี่เพิ่งเปิดเหรอ?”
“อือ เปิดใหม่ปีนี้ปีแรกน่ะ แล้วก็ไม่มีผู้หญิงเลยสักคน... แต่โชคดีแล้วล่ะนะที่เธอย้ายมาอยู่น่ะ”
“หืม?? ดียังไง” ฉันขมวดคิ้วมุ่น อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ
“มีผู้หญิงอยู่ด้วยสบายใจดีออก แถมยังเป็นคนสวยอีกด้วยกระชุ่มกระชวยหัวใจตั้งเยอะ”
“บ้า!!”
“ฮ่าๆ เอ้าเข้าไปข้างในได้แล้ว ทุกคนรออยู่นะคนสวย” กีตาร์ยิ้มตาหยีก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในบ้าน บริเวณโต๊ะอาหารทุกคนที่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานเงียบกริบหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาพร้อมกีตาร์ อาหารหลากหลายชนิดถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
“นั่งก่อนครับเจอาร์” แทยังเจ้าเก่าผายมือไปอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
“อะ อื้อ...” ฉันเดินไปนั่งที่ของตัวเองช้าๆ พลางสายตาก็จับจ้องอยู่ที่พวกเขาทั้งสี่คนที่คราวนี้ก็จ้องฉันกลับอีกต่างหาก...
เฮ้อ... เกร็งอีกแล้วอะ T_T
“อาหารวันนี้เป็นฝีมือแทยังอีกเช่นเคยคร้าบๆๆๆๆ”
“จะเอคโค่เพื่อ?” ทีโอส่งสายตาจิกกัดใส่กีตาร์ จนอีกฝ่ายจ๋อยสนิท
“ไม่อยากทานเลยจริงๆ ว่ะ”
“โหย พูดอย่างนี้ผมเสียใจนะครับเนี่ย”
“ฉันก็พูดเป็นประจำก็เห็นนายยังทำเป็นประจำเลยนี่นา...”
“เอาน่าทั้งสองคน แทยังเป็นคนเดียวที่ทำอาหารเป็นนี่นา วิลนายเองก็เข้าใจหน่อยสิ” กีตาร์พยายามระงับสงครามขนาดย่อมภายในกลุ่ม “อีกอย่าง หลังจากนี้นายไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ เพราะมีผู้หญิงมาช่วยทำอาหารแล้ว”
ขวับ!
“!!??” รีบหันกลับไปมองแทบไม่ทัน ใครบอกนายว่าฉันจะช่วยทำอาหารกันฮะ!!!
“อ่า... เอาเป็นว่าทุกคนอยู่ในความสงบก่อนนะครับ”
“อะแฮ่ม... คือว่าตอนนี่พวกเรามีบางอย่างอยากจะบอกเธอน่ะ” กีตาร์ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเปิดประเด็นบทสนทนา
อะไรกัน... แค่จะคุยกันทำไมต้องเป็นทางการขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย ไม่เข้าใจคนพวกนี้เลยจริงๆ
“เอ้า... มีอะไรก็ว่ามาสิคะ รอฟังอยู่” ฉันหลับตานิ่งๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไรอีก แต่ดูท่าว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักทีจนฉันถึงกับได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองด้วยความตื่นเต้น
“เรื่องสำคัญที่ว่าน่ะ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะเข้าใจมันมั้ย แต่ว่ามันสำคัญมากจริงๆ ครับ” เมื่อได้ยินเสียงแทยังฉันจึงลืมตาขึ้นมามอง... ทำไมนายต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะเนี่ย
“และพวกเราก็หวังว่าเธอจะเข้าใจ... เพราะมันแลกมากับศักดิ์ศรีของพวกเราล่ะนะ” วิลขยับแว่นเช่นเคยก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อจากแทยัง
“เฮอะ! ความจริงฉันก็ไม่ได้ยอมรับหรอกนะ แต่ว่าในเมื่อมันเป็นความเห็นของทุกคน...ก็เลยต้อง... ชิ!” ทีโอส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่... อะไรกันเนี่ย มันชักทะแม่งๆ แล้วนะ
“เรื่องสำคัญน่ะ... คือว่า...” กีตาร์ลากเสียงยาว พร้อมๆ กับส่งสายตาไปให้เพื่อนที่เหลืออีกสามคนรับทราบ
“อะไรเหรอ?” สงสัยจริงๆ นะ พวกเขามีท่าทีแปลกๆ ไปตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว เรื่องสำคัญนั่นคืออะไร? รีบๆ บอกกันเร็วๆ สิ ฉันลุ้นมากเลยนะตอนนี้
ทั้งสี่คนพยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะเปล่งปากพูดประโยคสำคัญ... ประโยคสุดท้าย ออกมาพร้อมกัน...
“ได้โปรด... เป็นแฟนกันนะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
