คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : what does the kiss mean?
“อืม...”
เปลือกตาของฉันค่อยๆ ปรือขึ้นทีละน้อย
ที่นี่ที่ไหนกันนะ...
ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องที่เป็นโทนสีขาวสะอาด
ดูเหมือนที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลนะ เอ๋? แล้วใครมานอนฟุบอยู่ข้างๆ ฉันกันล่ะ
ผู้ชายผมสีดำสนิทกับลังหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ
เตียงฉัน ดูจากลักษณะแล้วเหมือนกับ... อีตาบ้ายูกิ
พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นทำเอาฉันไม่อยากจะเชื่อเลย...
ยูกิ ปกตินายเป็นคนเย็นชาพูดน้อยก็จริง... แต่ว่า
เวลาโกรธทำไมนายถึงน่ากลัวขนาดนั้นนะ... ช่างต่างกับตอนนี้ซะจริง
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปากฉัน
คงเป็นนายสินะที่พาฉํนมาถึงที่นี่ ขอบคุณจริงๆ
ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนก่อเรื่องแต่นายก็ยังอุตส่าห์ช่วยฉัน
“ยูกิ...” ฉันรู้สึกได้เลยว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้นช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
แต่นั่นก็ทำให้คนข้างๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจ้องหน้าฉัน
“ยัยบ้าเอ้ย...” เขาขมวดคิ้วมุ่น
“กว่าจะตื่นนะ” ก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาสวมแล้วกดปุ่มเรียกหมอมาดูอาการของฉัน
“ฉันออกไปรอข้างนอกละกัน” พอหมอเข้ามานายยูกิก็ขอตัวออกไปข้างนอกห้อง
“เดี๋ยว!” ฉันตะโกนรั้งเขาไว้
“ขอบคุณนะ... -///-”
“อืม -_-”
แกร๊ก ปัง!~
“อาการเป็นยังไงบ้างครับ”
คุณหมอสุดหล่อ(แม้อายุจะมากไปนิด)ถามฉันอย่างเป็นกันเอง
“ก็ดีแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวคุณก็กลับบ้านได้ หมอให้ยาไว้กับเพื่อนของคุณแล้วนะครับ
ขอให้ทานยาตามที่หมอสั่งให้ครบ อีกอย่างก็ขอให้คุณมาตรวจตามนัดด้วยนะครับ” คุณหมอยิ้มอบอุ่นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
แกร้ก!
เขาเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามสไตล์ไม่เหลือเค้าโครงของอีตายูกิเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เลย
“อะนี่ยา หมอเขาฝากเอาไว้”
เขาชูถุงยาให้ฉันดู ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋า
“อะ... อืม ขอบใจนะ”
ฉันลุกออกจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
อีตายูกิจะรู้เรื่องทั้งหมดหรือยังนะ แต่ทำไมดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยล่ะ เฮ้อ! แต่ช่างเถอะก็เรามันไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรนักนี่นา
...
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถสุดหรูของอีตายูกิ
เพื่อเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเราทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
เขาน่ะไม่แปลกหรอก ฉันสิแปลกอยู่ใกล้เขาแล้วเกร็งจนทำตัวไม่ถูกเลย
“อ่า... คือ” ฉันเริ่มต้นบทสนทนา
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
“อือ -_-”
“นายจะกลับบ้านเลยเหรอ”
“อือ -_-”
“ไม่แวะที่ไหนก่อนเหรอ”
“อือ -_-”
“-*-”
รู้สึกเหมือนกับว่าหมอนี่ลืมพกวิญญาณมาด้วย
เลยพูดได้แค่คำว่า ‘อือ’ ฮึ่ยหงุดหงิดชะมัดเลย
“คือฉัน...
ขอโทษนะที่เมื่อตอนเย็นพูดจาไม่ดีใส่”
...แต่ตอนนี้ก็คงได้แค่พูดดีๆ
กับหมอนี่ไปก่อนก็แล้วกัน
“อืม... เช่นกัน”
“นายรู้หรือเปล่าว่าฉัน...”
ฉันเริ่มเปิดประเด็นในเรื่องที่สงสัยว่าเขา... รู้หรือเปล่า
“...เป็นโรคหัวใจ” อีตายูกิตอบเสียงเรียบ
พอฉันหันไปมองหน้าเขาก็พบว่าแววตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย
แต่ก็ถูกกลบเกลื่อนไปด้วยแววตาเฉยเมยอย่างเคย
“นายรู้...”
“อืม...” เขาครางเบาๆ ที่ลำคอ
เหมือนกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับตัวฉัน...
...และฉันได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮะๆๆ ถูกรู้ความลับซะแล้วสิเรา”
ฉันส่งยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย “นายไม่โกรธที่ฉันปิดบังใช่มั้ย”
“ฉันจะโกรธเธอทำไม”
อีตายูกิเลี้ยวรถเข้าซอยๆ หนึ่งที่ฉันรู้ว่าไม่ใช่ทางกลับบ้าน
“เธอควรโกรธฉันที่ตะหวาดใส่หน้าเธอจนอาการกำเริบไม่ใช่เหรอ”
เอี้ยด!
เขาหยุดรถ ก่อนจะเปิดประตูก้าวเท้าลงไปตามทางเดินที่ว่างเปล่า
“อะ... อืม นั่นสินะ”
ว่าแล้วฉันก็รีบเดินลงจากรถตามเขา
ก็พบว่าเบื้องหน้านั้นเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ฉันจึงได้รู้ว่าเขามาจอดรถบนสะพานนั่นเอง
“แม่น้ำนี่สวยจังเลยนะถ้าได้มากับคนที่เรารักคงจะมีความสุขมากๆ
เลยล่ะ”
“เหรอ...” เขาพูดเสียงเรียบ
ฉันหันหน้าไปมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาทางแม่น้ำต่อ
“นี่ยูกิ...” ฉันเรียกเขาเบาๆ
“อะไร”
“นายเคยคิดว่าตัวเองโชคดีบ้างมั้ย”
“ไม่...”
“เหรอ...
งั้นฉันก็คงเรียกได้ว่าไม่มีโชคเลยล่ะมั้ง”
“ทำไมล่ะ”
“ก็นายน่ะมีทั้งคุณอามิ
มีบ้านหลังใหญ่โต มีเงินทองมากมาย อีกทั้งยัง...”
“ถ้าเธอเห็นว่าฉันโชคดีตรงที่มีเงินทองมากมายแล้วล่ะก็
คิดผิดแล้วล่ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เขาก็แทรกขึ้น
“ไม่ใช่แค่นั้น
นายก็ยังมีแม่ไม่ใช่เหรอ”
“เฮอะ!” เขาพ่นลมหายใจแรงๆ
ก่อนจะหันหน้าไปทางแม่น้ำเช่นเดียวกับฉัน
“แม่ที่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาว่างแบบนั้นน่ะ
ฉันยอมไม่มีดีกว่า”
“แล้วท่านทำเพื่อใครล่ะ”
“!!??”
“ไม่ใช่เพื่อนายหรอกเหรอ”
“...”
“เฮ้อ! ฉันอิจฉานายจริงๆ เลย ให้ตายสิ”
ฉันยิ้มเศร้าๆ ให้กับฟ้ากว้าง “พ่อแม่ของฉันน่ะ ท่าน... เสียไปแล้วล่ะ”
“...!”
“ฉันรู้สึกว่าเหมือนกับได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปซะแล้ว
ก็นะ... เราทุกคนมีพ่อแม่เพียงแค่สองคนนี่นา ฮะๆ”
“.!!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบฉันจึงพูดต่อ
“คิดถึงพ่อแม่จังเลย ท่านคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้านี้แน่ นายคิดงั้นมั้ยล่ะ”
“อืม... งั้นมั้ง”
“เพราะงั้น...
ฉันถึงอยากให้นายรักแม่ให้มากๆ ไงล่ะ ตอนนี้เวลาของท่านยังเหลือนะ
จงทำในสิ่งที่ไม่เคยทำก่อนที่มัน... ฮึก! จะสายไป”
...หยดน้ำใสๆ ไหลลงมาอาบแก้มทั้งที่ฉันพยายามไม่ให้มันไหลแล้วเชียว
แต่มันกลั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ
ดีนะที่ตรงนี้มันมืดทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตน้ำตาบนใบหน้าของฉัน
“นึกแล้วมันก็เศร้านะ”
ฉันหันไปมองข้างกาย ชายหนุ่มผมดำสนิทกำลังยืนสัปหงกอย่างน่าเอ็นดู อะอ้าว! ปล่อยให้ฉันยืนเศร้าพูดคนเดียวตั้งนานนะ
อีตาบ้าเอ้ย!
...ถึงแม้ว่านายจะดูเย็นชาแต่ลึกๆ
แล้วนายเองก็อาจมีมุมที่ทุกคนไม่รู้ก็ได้ ...เหมือนอย่างตอนนี้ไง
ฉันไม่รู้ตัวว่าจ้องเขาไปนานเท่าไหร่
แต่ฉันก็หลบสายตาไปจากใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นไม่ได้ ขนตางอนยาวหนาเป็นแพ
จมูกที่โด่งเวอร์อย่างกับสันเขื่อน กับริมฝีปากสีแดงสดที่ดูน่าจุ๊บ =.,= อ๊ายยย!!! นี่ฉันคิดอะไรอยู่กันนะ!
หมอนี่หล่อมากจริงๆ แหละ
หน้าตาที่ดูหล่อเหลาช่างขัดกับนิสัยเย็นชาซะเหลือเกิน อ๊ะ! ลืมบอกไป ไอ้ไฝเล็กๆ
ตรงมุมปากนั่นน่ะ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เขาน่าหลงใหลยิ่งขึ้นอีก
ฉันปล่อยให้เขายืนหลับอยู่อย่างนั้น
ส่วนสายตาก็จับจ้องอยู่ตรงแม่น้ำเบื้องหน้าแทนใบหน้าของเขา
ความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเศร้า
เหงา โดดเดี่ยว ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังอยู่ในโหมดไหนกันแน่ ตั้งแต่พ่อแม่จากฉันไป
ฉันก็อยู่กับน้ามาโดยตลอด
ฉันรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคหัวใจเมื่อหกปีก่อน
เพราะอาการมันเพิ่งกำเริบครั้งแรกตอนที่รู้ว่าพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต...
น้ามูนเองก็รู้ดีจึงพยายามหาเงินมารักษาฉันทำให้ฐานะทางบ้านเริ่มแย่ลงทุกที
จนน้าต้องพาฉันให้ย้ายมาอยู่กับน้าที่บ้านคุณอามิ
“ชีวิตฉัน...
ทำไมมันเศร้าอย่างนี้นะ”
“หือ?” อีตายูกิครางเบาๆ
อันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขารู้สึกตัวแล้ว
“อ๊ะ!” ฉันรีบปาดน้ำตา “ขอโทษนะที่ทำให้นายตื่น”
“อือ...” เขาบิดขี้เกียจ “นี่ฉันหลับไปนานเท่าไหร่
-_-”
“ก็ประมาณ 10 นาทีได้”
“เหรอ...”
“อืม...
นายจะกลับเลยหรือเปล่านี่ก็สองทุ่มแล้วนะ”
“สองทุ่มเธอก็นอนแล้วเหรอ -_-”
เขาเอามือขวาเท้าคางกับราวสะพาน
ก่อนเอียงหัวมาถาม
“เปล่านอนย่ะ
ฉันกลัวว่าถ้าอยู่ที่นี่นานๆ ฉันจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเอา ฮะๆ”
ฉันพูดติดตลกกลบเกลื่อนความรู้สึก
“บ้าหรือเปล่า -_-”
ฉึก! แทงใจนี่เขาหลอกด่าฉันงั้นเหรอ T_T “อุตส่าห์ได้เกิดมาแท้ๆ คิดจะตายไปเพื่ออะไร”
“ก็ในเมื่อต้องอยู่คนเดียวนี่นา
มันเหงานายรู้ป่ะ”
“รู้สิ
ฉันเองก็ต้องอยู่คนเดียวมานานหลายปี”
เขาหันหน้าไปทางแม่น้ำแทนที่จะมองหน้าฉัน
-*-
“เพราะแม่นั่นแหละ”
เฮ้ย! ไหงวกกลับมาเรื่องนี้อีกล่ะเนี่ย เพิ่งเคลียร์กันหยกๆ
เมื่อกี๊นี้เองนะ ไม่ได้ๆ ต้องเปลี่ยนเรื่องด่วน
“อ่า... ดาวสวยดีนะ”
“ก็เหมือนทุกวัน”
อีตาบ้า! นี่นายไม่คิดจะมีอารมณ์โรแมนติกบ้างเลยหรือไงกัน
รู้ตัวหรือเปล่าว่านายกำลังทำให้ฉันเซ็งนะ
“แต่วันนี้มันไม่เหมือนนะ ดูดีๆ สิ”
ฉันคะยั้นคะยอให้เขามองตามนิ้วที่ฉันชี้ขึ้นไปบนฟ้า “นั่นไงๆ ดาวดวงนั้นสวยจังนะ”
“...”
“เห็นมั้ยๆ สวยมั้ยล่ะ”
“อือ... สวย”
ทำไมตอนเขาพูดว่าสวยต้องจ้องมาที่ฉันล่ะ
ฉันเองก็เขินเป็นเหมือนกันนะ >///<
“แบบแปลกๆ” ง่ะ! =()= ที่แปลกหมายความว่าไง
อ๋อรู้ละนายหมายถึงดาวใช่ป่ะ ฉันรู้ๆ (ไม่ยอมรับความจริง)
“แต่มันก็ยังสวยในสายตาฉันอยู่ดีนั่นแหละน่า”
“อะๆ ไม่เถียง” เขายกมือขึ้นเสยผม “จะกลับหรือยัง”
“ตามใจนายสิ”
“-_-” เขาตีหน้าตาย “ฉันยังไม่อยากกลับ”
“อะ... อือ” ฉันรู้หรอกน่า...
เหตุผลที่นายไม่อยากกลับน่ะ
“ก็แล้วแต่นายสิ ฉันยังไงก็ได้”
“-_-”
นี่นายทำหน้าเป็นแบบเดียวเหรอไง! อีตาบ้าเอ้ย!
“เฮ้! ยูกิ” เพราะงั้นฉันจึงเรียกเขาให้หันหน้ามาสนใจฉัน
“อะไร -_-”
“ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไรล่ะ -_-”
“ทำไมนายถึงต้องทำหน้าตายด้วยล่ะ”
ฉันรู้ว่านั่นเป็นคำถามที่โง่มาก แต่คนมันอยากรู้อะ ขอแค่ให้เขาเป็นคนตอบแค่นั้น
“ก็นี่มันนิสัยของฉันนี่
หรือเธอจะให้ฉันเปลี่ยน”
“อ่า... ไม่ต้องหรอก
แค่นี้นายก็ดูดีแล้วล่ะ ^^”
ฉันไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง
ซึ่งพอรู้ตัวตอนนี้ก็เกิดอาการหน้าแดงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เหรอ...”
“อะ... อืม! >///< เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
ฉันทำท่าว่าจะเดินไปทางรถของนายยูกิที่จอดอยู่เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
หมับ!
ฉันรู้สึกเหมือนมีใครคว้าข้อมือของฉันเอาไว้
ก่อนที่ร่างของฉันจะค่อยๆ หมุนไปเผชิญหน้ากับบุคคลดังกล่าว แล้วหลังจากนั้น...
จุ๊บ!
...ริมฝีปากสีแดงสดของเขาก็ประกบลงบนริมฝีปากบางของฉันทำเอาฉันตาเบิกโพลงอย่างตกใจ...
นะ... นายทำอะไรน่ะ O///O
อีตายูกิจูบฉัน! เราจูบกันนานมากจนฉันแทบหายใจไม่ออก
ใบหน้านิ่งภายใต้แว่นตากรอบหนานั่นสื่ออะไรมากกว่าที่ฉันคิด
แต่ฉันคิดเท่าไหร่ก็คงไม่ออก เพราะ...
ความคิดของฉันได้ถูกกลืนหายไปกับรสจูบของชายผู้ได้ชื่อว่าเย็นชาสุดขั้วนั่นเอง
Oh kisss!~
ความคิดเห็น