ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My lovely cool guy. เผลอไปรักได้ไง โอ้ย! โรคหัวใจจะกำเริบ

    ลำดับตอนที่ #3 : นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 58


    ฉันเดินออกมาจากห้องอีตายูกิด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หน็อยแน่ะ! ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเหม็นขี้หน้าใครได้มากเท่านี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ!

    ฉันเดินลงบันไดหินอ่อนอย่างช้าๆ แต่สง่างาม ฮ่าๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลยล่ะ แถมยังได้อยู่บ้านหลังโตโอ่อ่าอีกล่ะก็... =_=

    ...ฝันที่จะได้เป็นเจ้าหญิงก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม! ^^

    “ลูน่า มาช่วยน้าทำกับข้าวหน่อยสิ”

    เพล้ง~! ฝันอันงดงามของฉันมีวันได้ดับสลาย เมื่อน้ามูนเรียกฉันให้ช่วยทำกับข้าว ฮือๆ ฉันอยากเป็นเจ้าหญิงอะ แงๆๆๆๆ

    “ค่ะๆ จะไปเดี๋ยวนี้ TOT” เพราะงั้นฉันเลยรีบเดินลงบันได ก่อนที่น้าจะโวยวายไปมากกว่านี้ เฮ้อ... อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวควายให้ลูกท่านเล่น เอ... ว่าแต่ลูกคุณอามินี่ใครกันนะ

    “ลูน่าเร็วเข้าสิ!” เสียงของน้าทำให้ความคิดทั้งหมดสลายไป แล้วตามมาด้วยความคิดที่ว่าต้องรีบแล้ว~

    “ค่า!

     

    เฮ้อ... กว่าจะเสร็จเล่นเอาซะเหนื่อยเลย

    หลังจากที่ช่วยน้ามูนทำอาหารเสร็จ ฉันก็เดินโต๋เต๋ออกมาจากห้องครัว ก่อนจะสังเกตเห็นประตูบานเล็กสีดำสนิทอยู่ตรงใต้บันได เอ๋?

    ขวับ! -_-+ +-_- ขวับ! ชิ้ง...

    เหลียวซ้ายแลขวา ไม่มีคนอยู่ (ทำอย่างกับโจร) เอาฟระ ลองเข้าไปดูก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา

    แอ้ด~

    ฉันเปิดประตูให้มีเสียงเบาที่สุด โชคดีนะเนี่ยที่มันไม่ได้ล็อคน่ะ ไม่งั้นคงหมดสนุกแน่เลย

    บานประตูสีดำนั้นถูกเปิดออก เผยให้เห็นบันไดทางลงหลายขั้นซึ่งทำให้ฉันรู้เลยว่านี่คือทางไปห้องใต้ดินชัวร์ๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนกับมีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่ช่างมันเถอะ

    ตึก ตึก

    ฉันเดินลงบันไดช้าๆ ทีละขั้น เนื่องจากมันมืดมากจนแทบมองไม่เห็นทาง หากแต่เท้าของฉันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป

    โอย... เหนื่อยๆๆ ลิ้นห้อยแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่มันจะถึงสักทีล่ะเนี่ย มืดก็มืด หนาวก็หนาว เอ... ออกไปดีมั้ยนะ...

    ควับ!

    เหลียวมองข้างหลัง...

    วิ้ววววว~

    เสียงลมพัดหวีดหวิวบวกกับความมืดที่ค่อยเริ่มปกคลุมบริเวณนี้ทำเอาฉันขนลุกซู่ แงๆ ทำไมถึงน่ากลัวอย่างนี้เนี่ย ไม่เอาๆ เลิกคิดแบบนี้แล้วเดินต่อไปข้างหน้าดีกว่า ฮือๆ T_T

    อ้ะ! นั่นไงเจอประตูอีกบานแล้ว

    แอ้ด~

    เมื่อประตูบานดังกล่าวได้ถูกเปิดออก ดวงตาของฉันก็เบิกโพลงทันที

    ...ชั้นหนังสือที่มีมากกว่าสิบชั้นตั้งเรียงรายอยู่ตามผนังห้องโทนสีน้ำตาลอ่อน ตรงกลางมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งอ่านหนังสือตั้งอยู่ด้วย แปลก... นี่มันห้องอะไรกันแน่นะ

    พลันสายตาที่เฉียบคมของฉันก็ปะทะเข้ากับหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่ชั้นบนสุดของชั้นหนังสือ หนังสือเล่มนั้นมีสีดำสนิท ซึ่งแตกต่างกับหนังสือเล่มอื่นๆ โดยสิ้นเชิง ลองหยิบมาดูดีกว่า

    แต่... สภาพฉันมันไม่เอื้ออำนวย ชั้นหนังสือนั่นสูงราวๆ สามเมตรเห็นจะได้ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

    ปิ๊ง! ป่อง!

    ฉันนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะลากตู้เหล็กขนาดใหญ่ที่เพิ่งสังเกตเห็นและเก้าอี้สำหรับนั่ง มาวางไว้ตรงหน้าชั้นหนังสือ

    “เอาล่ะ...”

    ฮึ้บ! อะฮ้า! ขึ้นมาได้แล้วไชโย้ เอ้า... เอื้อมมือไปอีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น

    พรึ่ดดด!!

    แต่... ไม่รู้ว่าเป็นเวรหรือกรรม ที่เท้าของฉันมันดันลื่นไถลลงจากตู้เหล็กมะหันตะภัยนั่นเสียได้ เวรสิคะ... พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูน่าด้วย แงๆๆ

    “กรี๊ดดด!!!” ด้วยความที่ฉันตกใจจึงรีบหลับตาปี๋และลืมตัวแหกปากร้องดังลั่น ฮือๆ จบแล้วชีวิตวัยรุ่นที่แสนสั้นของฉัน TOT

    ฟึ่บ! ตุบ!

    ร่างของฉันตกลงบนพื้นที่อ่อนนุ่มแทน หืม... >_< มะ... เมื่อกี๊มันอะไรกันน่ะ ตรงพื้นนี่นุ่มขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

    “แฮ่กๆ” ฉันปรือตาขึ้นช้าๆ หายใจอย่างเหนื่อยหอบ เมื่อหันไปมองข้างกายก็พบกับอีตายูกิที่กำลังยืนอุ้มฉันหน้าตายอยู่

    อ้ากกกกก!!!

    “เข้ามาทำอะไรในนี้” เขาขยับปากพูดช้าๆ ในขณะที่อ้อมแขนแข็งแรงไม่ยอมปล่อยฉันจากอ้อมแขน

    “อ่า... คือฉันเข้ามาเดินเล่นน่ะ” แถไปเรื่อยยัยลูน่า เขาต้องเชื่อสิ

    “เดินเล่นเนี่ยนะ” เขาทำหน้าจับผิด “เดินเล่นแล้วทำไมถึงไปยุ่งกับชั้นวางหนังสือล่ะ”

    อ่า... หมดคำแก้ตัว หมดคำบรรยายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากไอ้หมอนี่จะเป็นคนที่หน้าตายเย็นชาแล้วยังเป็นคนที่จ้องจับผิดคนอื่นได้ดีอีกด้วย

    “เอ่อ... คือ...”

    ตึกตัก ตึกตัก

    อ๊า~ หัวใจฉันเต้นแรงอีกแล้ว จนฉันกลัวว่าเขาอาจจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงเหมือนรัวกลองของฉัน... อา...

    ดูแววตานั่นสิ ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ถึงแม้จะมีแว่นกรอบหนาบดบังอยู่ก็ตามเหอะ อ๊ายยย! อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้จัง >///<

    ฉันก้มหน้างุดลงบนอกของเขา เอ๋? ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาจะเต้นแรงเหมือนกันเลยนะเนี่ย คงไม่ใช่... มั้ง?...

    “ทีหลังระวังตัวหน่อยละกัน” เขาพูดพึมพำอะไรสักอย่าง ก่อนจะวางฉันลงบนพื้นอย่างปลอดภัย

    “เอ่อ... คือฉันอยากรู้ว่าห้องนี้มันห้องอะไรเหรอ”

    “ก็ห้องอ่านหนังสือของฉันน่ะสิ ถามมาได้”

    สตันท์เลยค่ะ! หน็อยอีตานี่ ฉันอุตส่าห์คิดว่าจะพูดดีกับนายแล้วนะ ดันมาได้ยินอย่างนี้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะพูดดีกับนายอีก เชอะ!

    “ย่ะ ขอบใจนะ” ฉันกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินบิดตูดออกไปจากห้องอ่านหนังสือนั่น หน็อย! อีตาบ้า อีตาพิลึก คนเขาอุตส่าห์ใจเต้น อย่าหวังว่าฉันจะหวั่นไหวกับนายอีกนะยะ ชิ!

     

    ในที่สุดเวลาอาหารค่ำก็มาถึง ฉันเดินลงบันไดด้วยท่าทีที่สง่างามราวเจ้าหญิงโลโซ =.,= ทำไมน่ะเหรอก็เพราะชุดที่แสนเซอร์ กับหน้าตาที่แสนธรรมดานี่สิ มันช่างไม่เข้ากับเจ้าหญิงเลยซักกะติ๊ด T_T

    “อ้าวลูน่า มาแล้วเหรอ” คุณอามิเรียกฉันอย่างเป็นกันเอง “มาทานข้าวกับน้าสิ”

    “ค่ะๆ”

    ฉันนั่งลงตรงข้ามกับอีตายูกิ ทำไงได้ล่ะก็ในเมื่อมีที่ว่างอยู่ที่เดียวนี่นา ฮือๆ

    กับข้าวทั้งหมดถูกแจกแจงลงบนโต๊ะอาหาร โดยที่น้ามูนรับหน้าที่จัดจานข้าวให้กับฉัน ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้ามูนเป็นแม่บ้านของบ้านหลังนี้น่ะ มิน่าล่ะน้ามูนถึงอยากให้ฉันมาอยู่กับแก

    “ขอบคุณนะคะน้ามูน” ฉันยกมือไหว้ “น้าไม่ทานด้วยกันเหรอคะ”

    “ไม่หรอกจ้ะ ลูน่าทานกับคุณอามิแล้วก็คุณยูกิเถอะจ้ะ” น้ามูนปฏิเสธก่อนจะโค้งคำนับคุณอามิแล้วเดินไปทางห้องครัว

    “หนูรู้จักยูจังหรือยังจ้ะ” จู่ๆ คุณอามิก็โพล่งขึ้นมากลางวง อะไร... ใครคือยูจัง?

    “ใครเหรอคะ”

    “ลูกของน้าที่น้าฝากหนูดูแลไงจ้ะ ยูจังน่ะเป็นคนที่เงียบๆ ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนความจริงน้าอยากให้หนูเป็นเพื่อนกับยูจังมากกว่าจะบอกว่าเป็นผู้ดูแลนะ”

    คุณอามิอธิบายยาวเหยียด งั้นก็หมายความว่าคุณอามิจงใจจะให้ฉันมาเป็นเพื่อนกับยูจังอะไรนั่นของคุณอามิ แทนที่จะเป็นพี่เลี้ยงเหรอ

    “แล้วไหนล่ะคะ ยูจัง...”

    ฉันเหลียวมองรอบๆ ก็ไม่พบใครนอกจากคุณอามิ กับอีตาหน้าตายยูกิ

    “ฮะๆ ก็นี่ไงจ้ะยูจัง” คุณอามิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผายมือเฉลยว่าใครคือยูจังของแก

    ยูจังของคุณอามิก็คือ... อีตาหน้าตายยูกิ

    โอ้มายก็อดดดด!!!

    “อะไรนะคะ O()O” ฉันตกใจตาเบิกโพลงอ้าปากหวอไปหลายนาที ดีนะที่ฉันยังไม่ทันได้กินข้าวไม่งั้นคงพุ่งกระจายไปทั่วโต๊ะแล้วล่ะ

    “แมลงวันจะบินเข้าปากแล้ว ยัยบ๊อง” อีตายูกิยื่นมือมาดันคางฉันขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปหาคุณอามิ

    “นี่เหรอครับเพื่อนที่คุณแม่บอกจะหามาให้ผม”

    “จ้ะๆ แม่คิดว่าลูกคงจะเหงาน่ะ...”

    “ขอบคุณฮะ แต่ไม่จำเป็น” เขาพูดเสียงเย็น นั่นทำให้คุณอามิหน้าซีดเผือด

    “ตะ... แต่แม่เป็นห่วงยูจังนะ”

    “หึ!” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ถ้าเป็นห่วงจริงคงไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวหรอก”

    ปัง!

    เขาตบโต๊ะดังปัง ทำเอาฉันกับคุณอามิตกใจตัวสั่น ทำไมนายถึงน่ากลัวอย่างนี้เนี่ย

    “ผมไม่หิว ไปล่ะ” เขาส่งสายตาเย็นชาให้คุณอามิ ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องตัวเอง

    “ฮึกๆ” คุณอามิน้ำตาซึม พลางบ่นพึมพัม “นั่นสินะฉันผิดเอง”

    “นี่มันจะมากไปแล้วนะ!” เป็นฉันเองที่อารมณ์เดือด “คุณอามิทำผิดแค่ไหนเชียว ถึงให้อภัยกันไม่ได้”

    “ก็ฉัน...” คุณอามิปาดน้ำตา “มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาดูแลเขา ปล่อยให้แม่บ้านดูแลแทนตั้งแต่เขายังเด็กเลยล่ะ นี่ฉัน... เป็นแม่ที่แย่มากจริงๆ”

    ยิ่งได้ยินคุณอามิพูดแบบนั้นฉันยิ่งโกรธ ยูกินายแย่มากที่ทำให้แม่ตัวเองต้องร้องไห้ ฉันยอมไม่ได้!

    “เอาล่ะคุณอามิรออยู่ทีนี่นะคะ เดี๋ยวหนูจะไปอธิบายให้เขาเข้าใจเอง” ฉันบอกปุบปับแล้ววิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว...

    ตึกตึก ตึกตึก

    ยูกิ... นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ นายจะปล่อยให้แม่ตัวเองต้องร้องไห้ไม่ได้!

    ในที่สุดตอนนี้ฉันก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูห้องอีตายูกิ เอาฟระเป็นไงเป็นกัน

    ก๊อกๆ

    “ยูกิ เปิดประตูหน่อย”

    เงียบ...

    ก๊อกๆๆๆ

    “ยูกิ เปิดประตูให้ฉันหน่อย”

    อีกฝ่ายยังคงเงียบ

    ปัง!ๆๆๆๆๆๆๆ

    “อีตาบ้าเปิดประตูนะ!” เปรี๊ยะ!! เส้นแห่งความอดทนของฉันขาดผึงแล้วนะ ฉันรัวกำปั้นไปที่ประตูไม่ยั้ง นี่ถ้าเกิดนายยังไม่เปิดล่ะก็...

    ผ่าง!

    จู่ๆ เจ้าของห้องก็กระชากประตูให้เปิดออกอย่างแรง ทำให้ฉันที่ไม่ทันได้ตั้งตัวตกใจร่างกายเอนไปข้างหน้าพอดี๊พอดี

    ตุบ!

    แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันได้อยู่ในอ้อมกอดของนายยูกิ ที่ตอนนี้บนร่างกายของเขาเหลือเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น กรี๊ด!

    “เคาะทำไมนักหนา” เขาก้มหน้าลงมามองฉัน “น่ารำคาญ”

    ฉันไม่สนใจในคำพูดของเขา และผละออกจากอกเขาเพื่อสังเกตร่างกายของเขาทีละส่วน

    อกล่ำนิดๆ แถมด้วยซิกแพคอันแสนเซ็กซี่แบบพวกนักกีฬา กับหุ่นที่ดีเวอร์ชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ โอ้! *()*

    นี่ฉันกำลังเห็นผู้ชายโป๊ และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในห้องของเขาสองต่อสอง อ๊ายยย! ใจเต้น

    “มีธุระอะไร” เสียงของอีตายูกิทำให้ฉันหลุดจากความคิดของตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องค้างคากับอีตานี่อยู่

    “นาย! ทำไมถึงไปว่าแม่ตัวเองแบบนั้นล่ะ รู้มั้ยว่าคุณอามิเสียใจมากแค่ไหน” ฉันจ้องหน้าเขาเขม็ง ความจริงฉันก็เป็นพวกไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักเท่าไหร่หรอก แต่มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

    “แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ...”

    ปี๊ด! -*-

    รู้สึกเหมือนกับว่าเส้นเลือดในสมองของฉันกำลังเต้นตุบๆ ด้วยความโกรธแล้วนะ...

    “ใช่! ฉันไม่เกี่ยว แต่ฉันทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคุณอามิร้องไห้ด้วยฝีมือลูกชายของตัวเอง อีกทั้งยังไม่ยอมให้อภัยในความผิดอีก”

    “อย่างเธอจะไปรู้อะไร” เขาหลบตาต่ำและพยายามดันฉันออกนอกห้อง

    “รู้สิ รู้ดีด้วย” ฉันยังดื้อด้านไม่ยอมออก “ฉันรู้ว่านายนี่เกิดมาโชคดีที่มีแม่คอยอยู่เคียงข้าง ถึงแม้ท่านจะไม่ค่อยได้ดูแลแต่ท่านก็ทำให้นายได้เกิดมาไม่ใช่เหรอ สำนึกในบุญคุณบ้างสิ!

    “เธอไม่รู้อะไรเลย... แล้วมาพูดมากน่ารำคาญชะมัด”

    “ฉันน่ารำคาญแล้วมันผิดหรือไง!!! นายต่างหากที่ทำตัวน่ารำคาญยิ่งกว่า กะอีแค่เกิดมามีฐานะดีกว่านิดหน่อยคิดว่าฉันจะไม่กล้าสู้หน้าเหรอ!

    “นี่เธอ...”

    “นายน่ะไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจะทำอะไรหัดใช้เหตุผลซะบ้างสิ ไม่ใช่เอะอะก็ใช้แต่อารมณ์ หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่แบบนี้น่ะ มิน่าล่ะถึงไม่มีใครคบ!!!” ฉันบัลดาลโทสะเผลอไปตะโกนใส่หน้าเขา... ความจริงฉันแทบไม่รู้ตัวเลยต่างหากว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ที่รู้ๆ คือบุคคลที่ฉันเพิ่งด่าเขาออกไปกำลังยืนจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง

    “เธอตะโกนใส่หน้าฉันเหรอ” อีตายูกิขยับแว่นแล้วจ้องฉันด้วยแววตาเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความอำมหิต

    “เธอรู้ไหมฉันเกลียดการที่ถูกตะโกนใส่หน้า แถมยังด่าฉันเป็นชุดๆ แบบเธอ!”

    “อะ...”

    “ออกไปให้พ้น!!!!!” เขาตวาดใส่หน้าฉันเสียงดังจนฉันน้ำตาร่วง ฉันไม่ชอบการที่ถูกตวาดเสียงดัง แถมยังเป็นอีตาหน้าหล่อที่ปกติจะทำหน้าตายตลอดเวลาแล้วล่ะก็...

    น่ากลัวจัง...

    “ยูกิ!...

    “ฉันบอกให้ออกไปไง!!!!!

    ทั้งน้ำเสียงและแววตาแข็งกร้าวของเขาทำให้ฉันพูดไม่ออก ฉันไม่ชินกับใบหน้าแบบนี้อยู่แล้วอีกทั้ง... คำพูดของอีตานี่ที่บีบหัวใจฉันตลอดเวลาแล้วมัน...

    ตึกตัก ตึกตัก

    “โอ๊ะ! เฮือก!!!”

    จู่ๆ ฉันก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมากะทันหัน หายใจแทบ... ไม่ออก เฮือก!

    “เธอ... ลูน่า...” ...นั่นเสียงอีตายูกิเหรอ

    “อา...”

    ตุบ!

    ร่างของฉันร่วงลงบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ตอนนี้ฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร แม้แต่ลืมตาก็ยังลืมไม่ขึ้นเลย เป็นอีกแล้วเหรอ... อาการแบบนี้

    “เธอ...”

    ...นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×