ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Fic - KiHae] For Special Day

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Why we can be kinfolk only? 1/3, KIBUM & DONGHAE

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 51


    Why we can be kinfolk only?

    คำแนะนำ :: ควรอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่ออรรถรสที่ดี และเนื้อเรื่องถูกเปลี่ยนพล็อค่ะ
    คำเตือน :: เรื่องนี้อาจมีคำหยาบเล็กน้อย ปานกลาง มาก ถึงมากที่สุด ....ขออภัยด้วยค่ะ ไรเตอร์อยากจะเถื่อน !

    user posted image

    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



    “สัดคิบอม! มึงไม่เอาบุหรี่บดแล้วผสมเบียร์แดกเลยล่ะ! อัดเข้าไปทั้งเหล้าทั้งบุหรี่เครื่องในพังหมดแล้วมั้งมึง!!”

    “มึงไม่รู้อะไรแล้วหุบตูดไปเลยไอ้เชี่ยคยูฮยอน ไอ้คิบอมมันกำลังเฮิร์ทหนักเว้ย! ต้องแดกเหล้าเคล้าบุหรี่ย้อมใจ”

    “เฮิร์ท? เรื่องเหี้ยอะไรวะ?”

    “ฮ่ะๆ ก็พี่สาว.....เอ้ย...ไม่ใช่ดิ...ก็พี่ชายคนสวยของมันดั๊น...ไปมีแฟน”

    “พี่ทงเฮอะนะ พี่ชายมีแฟนแล้วไงวะ! อย่าบอกนะว่าไอ้เชี่ยนี่มันอยากจะเข้าโหมดน้องชายที่แสนดี หวงพี่ไม่อยากให้พี่
    เห็นใครดีกว่ามัน อะไรเงี้ยเหรอวะ!?”

    “แหม่..ฉลาดพอได้นะมึง ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงว่ะ ไอ้คิบอมมันไม่ได้อยากจะเข้าโหมดน้องชายงี่เง่าที่หวงพี่ร๊อกก...กก
    แต่ไอ้ซาตานน้ำแข็งนี่มันเสือกไปหลงรักนางฟ้าที่จำแลงแปลงกายมาเป็นพี่ชายตัวเองว่ะ ฮ่า ฮ่า ๆ”

    “เฮ้ย! จริงดิ๊! ไม่ฮาละ มึงล้อกูเล่นละไอ้ชเว เอาดีๆ”

    “เอ้า! ถ้ามึงไม่เชื่อชเว ซีวอนสุดหล่อคนนี้มึงก็ถามมันดูเองดิ๊!”

    “ห่า! แม่งมีงี้ด้วยเหรอวะ รักพี่แบบชู้สาว (หนุ่ม) เนี่ยนะ!!? ว่าไงวะไอ้คิบอมจริงอย่างที่ไอ้ชเวพูดเหรอวะ!?”

    .
    .
    .


    “เออ .... กูรักพี่ตัวเองแล้วเป็นไง!!! ถ้าพวกมึงสองตัวไม่หุบปาก มึงเตรียมตัวหาบ้านใหม่ในโลกหน้าได้เลย!!”





    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



    ความมืดมิดของราตรีที่ไร้แสงจันทร์กำลังโอบล้อมห้องนอนขนาดเล็กจนยากที่จะมองเห็นได้โดยสะดวก ชายหนุ่มรูปร่าง
    สูงโปร่งในชุดนักศึกษาค่อยๆย่องเงียบเข้ามาภายในห้องและไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงโดยอาศัยความคุ้นชิน กลิ่นเหล้าและ
    บุหรี่ที่ติดตัวมาเหม็นคลุ้งตลบเป็นผลให้คนที่นอนหลับจับจองพื้นที่บนเตียงหลังอุ่นภายในห้องนั้นอยู่แล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้น
    เปลือกตาบางเปิดขึ้นเล็กน้อยหากแต่ยังคงกระพริบถี่ด้วยความง่วงงุน ถึงแม้จะมองเห็นไม่ชัดถนัดถนี่ในคราวเดียวนั้น
    แต่ก็แน่ใจได้ว่าเจ้าของเงาตะครุ่มๆที่ยืนจับจ้องตนอยู่นั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือขโมยขะโจรที่ไหน หากแต่เป็นน้องชาย
    ตัวดีที่โทรมารายงานเมื่อตอนหัวค่ำแล้วว่าคืนนี้จะไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน...กลับดึก..ให้นอนได้เลยโดยไม่ต้องอยู่รอ

    “อื้ม....คิบอม....กลับมาแล้วเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามแผ่วเบาในขณะที่มือเรียวบางกำลังจะเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่หัว
    เตียงแต่ทว่ายังไม่ทันจะได้แตะถึงสวิตซ์ก็โดนอีกคนปรามไว้ได้เสียก่อน ร่างสูงจับมือเล็กไว้พลางลดตัวลงนั่งด้านข้าง
    ก่อนจะถือวิสาสะอาศัยความที่เป็นพี่เป็นน้องแทรกตัวผ่านผ้าห่มผืนหนาเข้าไปนอนซุกและกักกอดร่างนุ่มนิ่มของพี่ชายเอาไว้

    “คิบอมอา..~ ทำไมวันนี้เมาเละเทะขนาดนี้ล่ะ? ดูสิกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่งี้เหม็นหึ่งเลย” ริมฝีปากบางกล่าวตำหนิติดชิดอยู่
    กับซอกคออีกคน ทงเฮพยายามจะยันตัวออกให้เป็นอิสระ แต่ยิ่งผลักไสคิบอมก็ยิ่งกระชับวงแขนเพิ่มเติมความอบอุ่นให้
    จนรู้สึกร้อนอบไปหมด .... น้องชายคนนี้จะผ่านไปซักกี่ปี นิสัยก็ไม่เคยโตขึ้นตามตัวเลย ...ขี้อ้อนเหมือนแต่ก่อนไม่มี
    ผิดเพี้ยน

    “คิบอมอา....ห้ามหลับนะ....ไปนอนห้องตัวเองสิ...ตัวเน่าขนาดนี้แล้วจะให้พี่นอนหลับได้ยังไง!” จะดุอีกซักกี่ทีเด็กดื้อก็
    ยังคงนอนนิ่งเงียบ นานเข้าก็ทำเอาพี่ชายที่แสนดีชักจะจนใจ สงสัยว่าคืนนี้คงจะต้องอดรนทนนอนสูดกลิ่นฉุนๆจากตัว
    อีกคนจนตัวเองเมาเองแล้วกระมัง ร่างบางขยับตัวนิดๆเป็นเชิงขอเพิ่มช่องว่างระหว่างกันให้ได้สบายตัวกว่านี้อีกซักหน่อย
    แต่คิบอมที่ยังคงไม่ได้หลับง่ายๆก็ดึงคนที่พยายามจะถดตัวถอยห่างให้กลับมานอนแนบอก และยังไม่ทันที่ทงเฮจะได้ร้อง
    โวยวายให้สมใจ ร่างสูงก็พลิกตัวเป็นฝ่ายขึ้นมาทาบทับ ล็อคลำแขนเล็กสองข้างกดไว้กับหมอนก่อนจะหยุดนิ่งจ้องลึกเข้า
    ไปในดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างด้วยความตกใจในระยะห่างที่ต่างฝ่ายต่างก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน

    “จะ...จะทำอะไรน่ะคิบอม?!” ร่างบางร้องเสียงหลง พยายามขัดขืนแต่ก็จนกำลังด้วยความที่เรี่ยวแรงนั้นมีน้อยกว่า
    และยิ่งสบกับดวงตาคู่คมที่แลเห็นได้ชัดเมื่อม่านบางเบาที่ปลิวขึ้นเพราะแรงลมเปิดโอกาสให้ไฟทางรอดผ่านเข้ามาก็ทำ
    เอาทงเฮหยุดชะงัก หัวใจดวงเล็กเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำอย่างชักจะควบคุมตัวเองไม่ได้

    .... คิบอมไม่ได้เมาจนขาดสติดังที่เข้าใจ นัยต์ตาคมหวานมั่นคงที่ซ่อนไว้ภายใต้เงามืดนั้นมันบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ....
    บางอย่างที่ทำให้ทงเฮหวั่นไหวอย่างไม่น่าให้อภัย บางอย่างที่ทงเฮเพียรพร่ำบอกกับตัวเองอยู่ในใจว่า....เป็นไปไม่ได้!

    “คิ...คิบอมอย่าล้อพี่เล่นน่า...นี่..เมามากก็ไปนอนสิ...พี่ไม่ดื้อแล้วก็ได้...อยากนอนกอดก็กอด..จะไม่ว่าแล้ว”

    ทงเฮยังคงทำใจดีสู้เสือ เบนหน้าหลบไปอีกทางอย่างไม่กล้าสู้สายตา หลับตาแน่นเมื่อรู้สึกว่าปลายจมูกของน้องชาย
    ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนอยู่ห่างจากผิวแก้มของตนไม่ถึงหนึ่งเซ็น

    “คิ...บอม...อย่า!....”

    “พี่รักเค้าจริงๆเหรอ?” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่กระซิบถามเบาบางอยู่แนบชิดเร้าให้หัวใจดวงเล็กเต้นแรงขึ้นแรงขึ้น
    ทงเฮลืมตามองปริบและเมื่อหวังจะหันกลับมาถามหาความหมายของประโยคแปลกๆนั้น ด้วยระยะที่ชิดใกล้ จึงทำให้จมูกโด่งได้รูป
    ของอีกคนเฉียดเข้าที่แก้มใส มาหยุดชนกับจมูกเชิดรั้น และริมฝีปากก็บังเอิญแตะสัมผัสกันพอดี ถึงแม้จะแผ่วเบาราวกับ
    มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง แต่มันก็พอจะทำให้หัวใจของคนทั้งสองพองโตได้ ทงเฮไม่กล้าขยับ ไม่กล้าที่จะตอบคำถาม
    หรือไม่กล้าแม้แต่กระทั่งจะหายใจ มีเพียงแค่ความเงียบงันเท่านั้นที่กำลังรายล้อมให้คนทั้งคู่ให้ได้รู้สึกอึดอัดอย่างไม่ควร
    เป็นในเวลานี้


    จนกระทั่งคิบอมเป็นฝ่ายเลือกที่จะทำลายความเงียบและความสัมพันธ์เฉกเช่นที่เป็นมาตลอดยี่สิบกว่าปีนั้นลงด้วย
    ประโยคสั้นๆเพียงประโยคเดียวว่า....

    .
    .
    .


    “ผมรักคุณ” และคำสารภาพรักที่เหมือนกับคำเฉลยของทุกสิ่งอย่างจู่ๆก็ถูกเผยขึ้นอย่างไม่มีการกล่าวอารัมภบท
    ทำเอาคนฟังนิ่งค้าง ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างด้วยอารมณ์ที่ช็อคไปเรียบร้อย และยังไม่ทันที่จะถามไถ่ออกไปอย่างใจคิด
    คิบอมก็แนบริมฝีปากลงจูบกลีบปากสีหวานอย่างอ่อนโยน และแม้ว่าสัมผัสวาบหวามรวมถึงตัวคนที่ฝากมันไว้จะเดินหายลับ
    ออกไปจากห้องแล้วก็ตามที แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหัวใจดวงเล็กก็ไม่อาจจะหยุดเต้นกระหน่ำได้เลยจริงๆ


    ผมรักคุณ...ทงเฮ....... ผมไม่เคยอยากเป็นน้องชายของคุณ ... ไม่เคย.... ไม่เคยเลยจริงๆ


    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



    นับจากวันนั้นก็ผ่านมาถึงสามวันสามคืนแล้วที่คิบอมทิ้งให้ทงเฮต้องอยู่กับความไม่เข้าใจ เรือนร่างเล็กนอนพลิกไปพลิกมา
    อยู่บนเตียงกว้างอย่างกระสับกระส่ายตามประสาคนคิดไม่ตก ที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าน้องชายตัวดีคนเดียวที่ทิ้งทุ่น
    ระเบิดโครมใหญ่ไว้แล้วก็หายต๋อมออกไปจากบ้าน พอโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ไปตามหาที่มหาวิทยาลัยก็เอาแต่หลบหน้า
    จะเป็นตายร้ายดีแค่ไหนก็รู้ได้แต่เพียงว่ายังอยู่ดีเพราะมีเพื่อนที่ชื่อคยูฮยอนคอยโทรมารายงานอยู่เนืองๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็น
    แบบนี้ไปซักอีกนานเท่าไหร่ คิบอมจะยอมกลับบ้านมาคุยกันให้รู้เรื่องเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

    “พ่อฮะ แม่ฮะ น้องคงกำลังสับสนใช่มั้ย? น้องคงกลัวว่าถ้าผมมีคนอื่นแล้วผมจะทิ้งเขาไปใช่มั้ย?” มือเล็กเอื้อมไปหยิบ
    กรอบรูปสีสวยขึ้นมาพินิจดู

    “แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ? ผมควรจะทำยังไง?” ดวงตารีเรียวจับจ้องภาพถ่ายครอบครัวสุขสันต์ของตนเมื่อครั้งที่อยู่กันพร้อมหน้า
    พร้อมตาก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด กว่าสี่ปีแล้วที่บิดาและมารดาบังเกิดเกล้าจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
    ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงทำให้คิบอมกับทงเฮต้องอยู่กันเพียงลำพังในบ้านหลังนี้กับทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้

    และในระหว่างที่กำลังนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเสียงมือถือก็ดังขึ้น มือเรียวล้วงเข้าไปใต้หมอนก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
    และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอสว่างก็ทำให้ทงเฮต้องเบ้ปากน้อยๆ

    ชเว ซึงฮยอน ...

    ร่างบางกระแทกลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์เซ็งๆ บรรจงวางกรอบรูปที่อยู่ในมือลงก่อนจะกลั้นใจกดรับสาย

    “อืม พี่ซึงฮยอน”

    ((( ทำเสียงแบบนี้อีกแล้วนะทงเฮ ))) ปลายสายตำหนิกลับทันทีที่ได้ยินเสียงเบื่อโลกของคนรัก

    “อย่าหาเรื่องน่า พี่ก็รู้ว่าทงเฮกำลังกลุ้ม” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงออกอาการว่าเบื่อสุดกู่ ก็สามวันมานี้แม้ว่าทงเฮจะ
    เหนื่อยแสนเหนื่อยเพราะเรียนหนักและไหนจะเครียดเรื่องน้องชายตัวดีอีก แต่คนรักหมาดๆที่เพิ่งตกลงคบกันจริงๆจังๆ
    ได้ไม่ถึงสัปดาห์อย่างซึงฮยอนก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยนอกจากเอาแต่บอกว่าอย่าเครียดๆแล้วก็คอยแต่จะตามตื้อให้
    ออกไปเที่ยวแก้เซ็งด้วยกันอยู่เรื่อยจนทงเฮชักจะนึกเสียใจที่ตัดสินใจคบกับรุ่นพี่คนนี้

    ((( ก็ไม่ได้จะหาเรื่อง เอาเถอะๆพี่ขอโทษ ก็เห็นว่าตามหาตัวน้องชายอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็เลยจะโทรมาบอกว่าพี่เจอ
    คิบอมอยู่ที่คลับไอ้แทยังมัน )))

    “YG club อะนะ!?” ดวงตาคู่เล็กที่กึ่งปิดกึ่งเปิดในระหว่างสนทนาเบิกกว้างขึ้นทันที

    ((( อืม จะให้พี่ไปรับมั้ย? )))

    “ไม่ต้องๆๆ ไม่ทันใจ เดี๋ยวทงเฮขับรถไปเอง งั้นอีกสิบห้านาทีเจอกันนะ!”

    ตั้งแต่ตกลงปลงใจคบกันก็คงมีคราวนี้ล่ะมั้งที่พ่อเพย์บอยสิ้นลายทำตัวมีประโยชน์ ร่างบางกดตัดสายไวๆก่อนจะจัดแจง
    เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นในโหมดท่องราตรี ขาเรียวก้าวข้ามบันไดที่ละขั้นสองขั้นลงไปยังชั้นล่าง ปิดบ้านเสร็จสรรพก็รีบถอยรถ
    คันงามและบึ่งไปยังพื้นที่เป้าหมายทันที


    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



    ณ คลับ YG เลื่องชื่อของรุ่นพี่ที่คณะของซึงฮยอนซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่กี่ร้อยเมตร สถานที่ที่เป็นที่นิยมของ
    เหล่าบรรดานักศึกษาว่างงานและไม่ค่อยจะมีที่ไปทั้งหลายในยามค่ำคืน คึกคักด้วยดนตรีหลากหลายแนวเพลง เฮฮา
    ปาร์ตี้ด้วยเครื่องดื่มมึนเมามากมายต่างราคา ... โดยมีแทยังอีกหนุ่มฮอตแห่งคณะวิศวกรรมที่คอยต้อนรับสม่ำเสมอ

    “ว่าไงน้องชายหนีพี่มาเที่ยวเหรอ?” ซึงฮยอนพอวางสายจากทงเฮเรียบร้อยก็ดิ่งตรงมาทักทายน้องชายของแฟนในทันที
    คิบอมที่กำลังเมาได้ที่เงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งมาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า และเมื่อรู้ว่ารอยยิ้มแสยะที่ประดับอยู่บนใบหน้า
    หล่อร้ายนั้นเป็นของใครชายหนุ่มก็สะบัดไหล่ไล่ฝ่ามือของแฟนพี่ที่ถือวิสาสะมาวางไว้ออกก่อนจะหันกลับไปดวดเหล้ารวด
    เดียวหมดแก้ว

    “น้องชายแฟนมึงนี่กวนตีนแล้วไง!”
    “ใจเย็น!” แขนยาวกางไปทำแนวกั้นเพื่อนสามสี่คนที่เตรียมพร้อมทุกเมื่อที่จะมีเรื่อง ซึงฮยองหันไปส่งซิกเป็นเชิงให้
    กองหนุนที่แกร่วไปเล็กน้อยกลับไปจับจองโต๊ะและสั่งเหล้าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างด้านข้างคิบอม

    “ไม่คิดจะทำความรู้จักกับพี่เขยหน่อยรึไง!”

    “เอ้ย!~ คิบอม! เหล้ามึงกูชงให้ละ เอาไปๆ เดี๋ยวให้กูถือนานกูเมื่อยนะมึง!” ดูท่าสถานการณ์จะไม่ดีเอามากๆ ซีวอนที่
    เห็นว่าเพื่อนรักกำไม้กำมือแน่น ถลึงตาเหมือนอยากจะฆ่าคนเต็มแก่จึงรีบยัดแก้วเหล้าใส่มือคิบอมเร็วๆ

    “เฮ่ยน้องชาย ทำท่าทำทางฟึดฟัดใส่พี่เขยอย่างนี้มันไม่สุภาพเลยนะ” ซึงฮยอนที่ยังไม่ยอมสงบปากสงบคำ
    แม้จะรู้ดีถึงอารมณ์ของคิบอมขณะนี้ พาดแขนไปวางยังพนักพิงด้านหลังของเขาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปแซวเสียงหยันอย่าง
    จงใจยั่วโมโห คิบอมหัวเราะหึในลำคอ พ่นลมออกจมูก เหลือบมองหางตาอย่างเหยียดๆแล้วจึงตัดปัญหาความขัดแย้งใน
    ใจของตัวเองด้วยการยกเหล้าขึ้นดื่มพอให้ใจเย็นลง .... ไม่อยากมีเรื่อง .... ยังไงเสียเขาก็คือคนที่พี่ชายรัก !

    “ฮ่ะ อ๊อๆๆ หรือว่าที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง นี่ ....? …” ชายหนุ่มยังคงจ้องเสี้ยวหน้าของคนที่ยัง
    ยกแก้วเหล้าจรดริมฝีปากไม่ได้หยุดอย่างไม่ลดละพร้อมกับเขยื้อนหน้าเข้าไปพูดหยอกให้ใกล้มากกว่าเดิม

    “ไม่ทำตัวงี่เง่าไปหน่อยรึไง .....รู้มั้ย..?..หนีออกจากบ้านอย่างนี้....




    .....มันพวกเด็กสามขวบเค้าทำกัน!”


    พลั่กส์!~

    จบประโยคที่ทำให้หมดความอดทน หมัดคมก็ถูกประโคมใส่เต็มแก้มซ้ายของเจ้าของคำพูด ซึงฮยอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้ม
    กลิ้งลงไปกองกับพื้นโดยกวาดเครื่องแก้วทั้งหมดบนโต๊ะตกแตกกระจายและโกยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสาวๆ
    ตามโต๊ะในร้านไปได้หลายเดซิเบล

    “ไอ้เหี้ย! มึงต่อยเพื่อนกู!” หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตะลุมบอลหนุบหนับกันกลางร้านโดยแม้แต่เจ้าของร้าน
    อย่างแทยังเองยังห้ามไม่ได้ คยูฮยอนที่เพิ่งมาถึง ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อนแต่ก็พอคาดเดาได้เมื่อเห็นหน้าของ
    ซึงฮยอนและผองเพื่อน ร่างสูงโปร่งจึงไม่รอช้า คยูฮยอนกระโจนเข้าไปร่วมวงก่อนจะกระโดดถีบหลังคนที่กำลังจะอาศัย
    จังหวะที่คิบอมกำลังนัวหมัดอยู่กับซึงฮยอนคิดไม่ซื่อหวังจะเอาขวดเบียร์ฟาดหัวเขาจนกระเด็นอักไปติดข้างฝา และก่อนที่
    ตำรวจจะแห่โล่กันมาหมดโรงพัก ทงเฮที่ตามคยูฮยอนเข้ามาติดๆจึงก้าวกระโดดขึ้นไปบนสเตทขนาดย่อมก่อนจะคว้าไมค์
    ของนักร้องนำที่ยืนลุ้นทำอย่างกับเชียร์มวยคู่สำคัญในสังเวียนมาแหกปากตะโกนลั่นใส่ลงไป

    “คิม คิบอม ชเวซึงฮยอน!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! ไม่งั้นไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!! ทั้งคู่เลย!!!!”

    ได้ผลชะงักดีนัก นอกจากเสียงที่ดังกึกก้องทำเอากระจกร้านแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว แสงสปอตไลท์ที่สาดส่องแน่วแน่
    บนเวทียังช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มคนที่ชกต่อยกันไม่เลิกราได้ดีทีเดียว ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ทงเฮ ค้างอยู่ท่าไหนก็ท่านั้น ...

    และคิบอมที่มีสภาพยับเยินไม่แตกต่างจากซึงฮยอนนักก็เป็นฝ่ายที่จะยอมจบก่อน ร่างสูงปล่อยมือออกจากคอเสื้อของอีกคน
    นัยต์ตาสีรัตติกาลมืดสนิทไม่ต่างจากหัวใจที่ดำหม่นจ้องมองคนตรงหน้าอย่างมาดร้าย คิบอมใช้หลังมือปาดคราบเลือดสี
    สดที่มุมปากออกก่อนจะปรับองศาของสายตาเบนไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่บนมินิสเตท ..... ความเจ็บปวดในแววตาที่ยากจะ
    หยั่งถึงอาการสาหัสของหัวใจทำเอาทงเฮที่รับไว้เจ็บจุกอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลล้วนหยุดนิ่ง จนเมื่อ
    คิบอมก้าวฉับออกไปจากร้าน ....สรรพสิ่งจึงเริ่มเคลื่อนไหว

    “คิบอม! คิบอมเดี๋ยวก่อน!” ทงเฮรีบส่งไมค์คืนให้เจ้าของ เตรียมจะวิ่งตามอีกคนที่เดินห่างออกไป หากแต่เสียดายที่
    โดนฝ่ามือหนารั้งไว้ได้เสียก่อน

    “จะไปไหนทงเฮ!?”

    “ปล่อยนะพี่ซึงฮยอน!! เพราะพี่ใช่มั้ย!? พี่ทำอะไร! คนอย่างคิบอมถึงเขาจะทำตัวแย่ไปบ้างแต่เค้าก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน!!…..”
    พูดถึงตรงนี้ทงเฮก็นิ่งไปช่วยอึดใจ และพอนึกถึงเรื่องราวพิพาทระหว่างกันเมื่อสามวันก่อนก็ทำให้ความคิด
    บางอย่างไหลวาบเข้าสู่สมอง แต่ไม่มีทางหรอกถึงคิบอมจะไม่ชอบขี้หน้าซึงฮยอน แต่คิบอมก็ไม่น่าจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
    ทงเฮรู้นิสัยของแต่ละคนดี !

    “ไม่รู้ล่ะ! แล้วถ้าคืนนี้นะ ....ถ้าคืนนี้! ทงเฮตามคิบอมกลับบ้านไม่ได้ เราเลิกกัน!!!” ฉิบหายแล้ว ! ซึงฮยอนสบถในใจ
    เห็นเขาทำตัวแบบนี้ แต่สาบานได้ว่าลี ทงเฮเป็นคนเดียวจริงๆที่เขายอมถวายให้หมดตัวหมดใจ ฉะนั้นประกาศิตที่ออก
    จากปากร่างบางจึงเป็นผลในทันที คนที่เจอคำอัปมงคลอย่างคำว่าเลิกเล่นงานจึงค่อยๆยอมผ่อนมือ ทงเฮกระแทกลม
    หายใจใส่แรงๆเพื่อบ่งบอกสถานะของตนที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากและชายหนุ่มจะต้องถูกตัดแต้มอย่างแน่นอน
    เจ้าของเรือนร่างบอบบางสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแรงๆก่อนจะวิ่งลับหายไปจากร้านโดยทิ้งผลงานของความวุ่นวายที่
    น้องชายเป็นคนร่วมก่อให้คนที่เหลือจัดการ

    “กูว่าพี่น้องคู่นี้ชักจะแปลกๆว่ะ ..... ” เพื่อนคนสนิทที่ตกลงหย่าศึกกับคยูฮยอนด้วยความจำเป็นเพราะโดนแทยังสั่ง
    เช็คบิลชาร์ทสิบเท่ากรณีที่คู่นี้เข้าไปคลุกวงในทำเอาตู้กระจกที่มีขวดบรั่นดีราคาแพงเรียงรายไว้ตกแตกไปหลายขวด
    เดินตรงมาตบลงตรงบ่าคนที่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังของคนรักค่อยๆหายไปจากสายตา

    “กูก็ว่างั้น ไอ้นรกนั่นมันทำอย่างกับหึงพี่ชายมัน!” เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายใช้ลิ้นดุนโพลงปากของตนที่กลบไปด้วย
    เลือดเค็มปร่าไปพลางนึกถึงการกระทำและสายตาน่าสมเพชในความรู้สึกที่คิบอมใช้มองทงเฮในความทรงจำ

    “แล้วมึงจะทำไงวะ!? เล่นกับสายเลือดเดียวกัน ยังไงไอ้นั่นมันก็ชนะใสๆกูว่า” ความคิดเห็นนี้เรียกให้ดวงตาคู่คมตวัดฉับ
    กลับมาหาคนพูด คิ้วสีเข้มขมวดตีกันยุ่งอย่างครุ่นคิด

    “หึ...ตอนนี้กูยังไม่รู้ว่ะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทงเฮจะต้องเป็นของกูคนเดียว!!”




    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


    “คิบอม! รอพี่ก่อนได้มั้ย!” ก็เพราะช่วงขาที่สั้นกว่าจึงทำให้ร่างบางอยู่ห่างจากคนที่เดินท่อมๆอย่างไม่สนใจลมฟ้าอากาศ
    เกือบๆจะร้อยเมตรได้ ทงเฮที่ชักเริ่มจะทั้งจุกและทั้งเหนื่อยจากการวิ่งตามหยุดขาของตนไว้เพียงเท่านั้นและยืนมองแผ่น
    หลังน้องชายที่เคลื่อนห่างออกไปทุกทีๆอย่างปล่อยวาง

    “บ้าที่สุดเลย!~ นี่คิดจะทำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน!! ไอ้น้องเฮงซวย!!” กุญแจรถคันสวยในมือบางถูกขว้างลงส่งๆกับ
    พื้นเพื่อระบายอารมณ์โกรธ ทงเฮย่อตัวลงนั่งกับฟุตบาทข้างทาง แต่ก็นั่งพักได้เพียงไม่นาน ก้อนเมฆดำทะมึนที่ลอยอยู่
    เหนือศรีษะก็โปรยเม็ดฝนลงมา จากตอนเริ่มแรกแค่เพียงบางๆก็กลับกลายเป็นเทซู่ลงมาทำเอาร่างบางเกือบจะฉุดตัวเอง
    ให้ลุกขึ้นและไปหลบอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะใกล้ๆแทบจะไม่ทัน

    “เออดี!! ฝนก็ดันตกอีก!! ดี!! ดีทุกอย่างเลย ทั้งน้องชาย ทั้งฝนฟ้า!!” คำประชดถูกสบถออกมาพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่
    ไหลอาบสองแก้มใส มาจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายสุดที่รักจะคิดจริงจังกับตนดังคำที่บอกเล่าเมื่อสาม
    วันก่อนจริง คนตัวเล็กลดตัวลงนั่งชันเข่ากับพื้นปูนของที่พักพิงคับแคบอย่างไม่ใส่ใจความเปรอะเปื้อนแม้ว่าน้ำฝนจะเริ่ม
    เจิ่งนองเข้ามาทุกขณะ ในตอนนี้การร้องไห้สำหรับทงเฮคงจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ดีที่สุดในการขจัดความ
    เครียดที่สร้างความอึดอัดคับอกคับใจ และยิ่งคิดไปว่าอนาคตระหว่างตนกับคิบอมจะเป็นเช่นไรต่อไปถ้าเกิดคิบอมไม่อยาก
    จะเป็นพี่เป็นน้องกับตนอีกแล้วจริงๆ เสียงฟ้าฝ่าดังกึกก้องในตอนนี้ก็ยังไม่อาจกลบเสียงสะอื้นร่ำไห้ได้

    ((( RRRRRrrrrRRRRrr ))) และเป็นซึงฮยอนอีกครั้งที่โทรเข้ามา ซึ่งทงเฮก็ไม่ลังเลที่จะกดตัดสายทิ้งและปิดเครื่องหนี
    ในทันที แต่การปิดเครื่องหนีของทงเฮนั้นก็ทำให้ใครอีกคนที่เป็นห่วงไม่แพ้กันต้องกระวนกระวายใจ คิบอมที่เห็นว่าพี่ชาย
    ไม่ตามเขามาอีกก็ชักจะเริ่มใจไม่ดีกลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับทงเฮ และยิ่งพอโทรเข้าก็ดันโทรไม่ติดบวกกับเห็นว่าฝนตก
    หนักขนาดนี้แล้วด้วย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะวิ่งตากฝนกลับมาโดยหวังว่าจะพบคนที่ต้องการตามหาอยู่ระหว่างเส้นทางที่
    เขาจากมา และก็เป็นตามที่คาดไว้จริงเมื่อสายตาคมไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งขดตัวสั่นเทิ้มอยู่ในตู้โทรศัพท์ข้าง
    เสาไฟฟ้าสว่าง ขายาวจึงรีบวิ่งย่ำน้ำเข้าไปหาอย่างไม่รอรี


    พรึ่บ! ประตูตู้โทรศัพท์ที่ทำจากกระจกใสถูกเปิดขึ้น ร่างสูงที่เพิ่งมาถึงเบียดเข้าไปยืนค้ำหัวคนที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นก่อนจะงับบานประตูลง

    “คิบอม!~” ใบหน้าสวยที่ฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาฉายแววว่าดีใจมาก ทงเฮลุกขึ้นยืนก่อนจะโถมกอดอีกคนไว้สุดแรงจนเนื้อ
    ตัวเปียกปอนตามไปด้วย

    “ปิดเครื่องทำไม! ผมเป็นห่วงแทบแย่!!” คิบอมดันตัวอีกคนออกมาจ้องหน้า มือใหญ่ที่เปียกชื้นประคองใบหน้าเรียวสวยไว้เต็มอุ้งมือ

    “ฮึก..เป็นห่วงกันด้วยเหรอ!? เป็นห่วงแล้วทำไมถึงทิ้งพี่ไว้คนเดียวล่ะ!! ฮึก...ทิ้งให้พี่อยู่บ้านคนเดียวตั้งสามวันสามคืน
    แล้วยังจะกลางทางอย่างนี้อีก!!” คำตัดพ้อคละเคล้าไปกับเสียงสะอึกสะอื้น รัตติกาลมืดจ้องมองใบหน้าของพี่ชายที่เปื้อน
    น้ำตาแล้วก็กัดริมฝีปากจนเจ็บ โกรธตัวเองเหลือเกินที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ความรู้สึกของตนเป็นใหญ่ทำร้ายใจพี่ชายสุดที่รักที่
    ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยจนต้องร้องไห้เสียใจขนาดนี้

    “ผม...ผมขอโทษ” นิ้วเรียวเกลี่ยหยดน้ำตาที่กำลังไหลกลิ้งลงมาบนผิวแก้มเนียนให้ นับวันหัวใจมันจะบังคับยากเย็นขึ้น
    ทุกทีๆ ทุกครั้งที่ใกล้มันก็ยิ่งทำให้หัวใจสั่นไหว เจ้าก้อนเนื้อดูแลยากตรงอกข้างซ้ายมันไม่เคยจำได้ซักครั้งว่าคนที่ยืนอยู่
    ตรงหน้าคือพี่ชายแท้ๆ และถ้าหากทงเฮไม่ทาบมือลงเพื่อยับยั้งริมฝีปากของเขาไว้ เขาก็คงจะลืมตัวและปล่อยใจให้
    ล่วงเกินพี่ชายสุดที่รักไปตามที่ใจปรารถนาเสียตอนนี้

    “คิบอมอย่าทำอย่างนี้เลย เราเป็นพี่น้องกันนะ” คำว่าพี่น้องอีกแล้ว .... คิบอมฟังแล้วก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
    อย่างหัวเสียเล็กน้อย ก็เข้าใจว่าความรักมันมีหลายรูปแบบ แต่กับทงเฮมันไม่ใช่ เขาไม่เคยคิดกับคนตรงหน้าแค่คำว่าพี่
    น้องได้เลยซักครั้ง การที่เขาอยู่กันตามลำพังกับทงเฮสองคนมาตลอดสี่ปีมันทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าเขาไม่ได้เกิดมา
    บนโลกนี้เพื่อที่จะรักทงเฮแค่เส้นตายที่ขีดไว้ตรงคำว่าพี่น้อง และวันนี้ถ้าทงเฮไม่ให้เขาข้ามเส้นนั้นไป เขาก็จะไม่ยอม
    กลับไปเริ่มต้นที่จุดเดิมเช่นกัน ถ้าเป็นมากกว่าพี่น้องไม่ได้ สู้เราไม่รู้จักกันเลยยังจะดีเสียกว่า แล้วหัวใจก็สั่งการให้
    น้องชายทำตามอำเภอใจ ร่างสูงรุกเข้าหาคนที่กำลังตัวสั่นเทาน้อยๆให้มากขึ้น ดันลำตัวบอบบางจนแผ่นหลังน่าทะนุ
    ถนอมนั้นแนบสนิทไปกับผนังกระจกที่ละอองน้ำเริ่มจับฝ้า

    “คิบอม อย่า” ทงเฮอิดออดอย่างถ้อยจริต ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าตัวเองขัดขืน หรือแสดงท่าทีต่อต้านให้มากกว่านี้ คิบอมก็คงจะ
    ไม่บังคับหรือฝืนความรู้สึกของเขาเป็นแน่แท้ แต่ก็ไม่รู้สินะ ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือหลบสายตา ตั้งแต่เมื่อไหร่
    ที่เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนให้คนตรงหน้ารับรู้ผ่านทางนัยต์ตาสุกใส เมื่อไหร่ที่หัวใจมันเต้นผิดจังหวะพอๆกับการที่จะ
    หายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องชายคนดี

    “สมมติถ้าผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่เลย พี่คิดว่าพี่จะรักผมได้มั้ย?” เสียงทุ้มชวนฟังกระซิบถามเบาๆ
    อยู่ข้างหู เป็นผลให้หยดน้ำจากเส้นผมสีดำขลับน่าอิจฉาหยดลงเคลียที่แก้มใส บ้างก็ตกกระทบไหล่บางจนเปียกชื้นยาม
    ที่คิบอมนั้นโน้มใบหน้าชิดมาใกล้มากกว่าเดิมทำเอาทงเฮรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งอยู่กลางทะเลสาบในฤดูหนาวด้วยความเย็น
    เฉียบจากหยดน้ำและคำถาม เจ้าของใบหน้าสวยอ่อนหวานค่อยๆฝืนความกลัวหันมาสบสายตา และก็ต้องพบว่าความเป็น
    ตัวตนที่มีเหลือเพียงน้อยนิดนั้นกำลังถูกดึงดูดให้จมดิ่งลงไปกับเจ้าของนัยต์ตาสีมืดสนิทตรงหน้าที่ถึงแม้รัตติกาลเบื้องบน
    ที่ว่าลึกลับกว่ายังไม่อาจเทียบเท่าได้

    “ตอบผมสิพี่ชาย ถ้าผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง เป็นเพื่อน เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือใครก็ตามที่ไม่มีสายเลือดเดียวกับพี่
    พี่จะรักผมได้รึเปล่า?”
    คำถามที่เหมือนต้องการจะย้ำหาคำตอบให้ได้นั้นไม่ได้ทำหน้าที่ของมันเลยแม้แต่น้อย
    เมื่อริมฝีปากที่ควรจะเอื้อนเอ่ยให้คำตอบได้ถูกคนป้อนคำถามช่วงชิงความเป็นอิสระไป คิบอมย้ำความรู้สึกของเขาที่
    ซื่อตรงต่อพี่ชายคนเดียวมาโดยตลอดผ่านรสสัมผัสอ่อนโยนที่เขาตั้งใจจะมอบให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้ทงเฮได้รับรู้ว่า
    ความรักที่มันล้นเอ่ออยู่ท่วมอกนั้นมันมีมากมายมหาศาลแค่ไหน

    “ผมรักพี่นะ”


    “ได้ยินมั้ย? ....พี่ทงเฮ”


    “รัก... รักมาตลอด”


    “มองผมบ้างได้มั้ย? มองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่รักพี่”


    “ไม่ใช่แค่น้องชายที่รักพี่ชาย”


    “รักผมบ้าง ได้โปรดเถอะทงเฮ”




    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::




    แสงสีทองอร่ามฟ้าถักทอขึ้นกระทบสรรพสิ่งบนโลกให้มองเห็นให้รับรู้ว่าอะไรสวยงามหรืออะไรไม่งามตา หยดน้ำฝนที่ค้าง
    คาอยู่บนใบไม้และกิ่งก้านสาขาสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆร่วงหล่นซึมซาบลงสู่พื้นดินให้ความชุ่มชื้น บ้างก็ระเหยล่องลอยไปตาม
    ห้วงอากาศหลวมรวมกับสายลมพัดพาไปให้รู้สึกเย็นชื่นกายเมื่อสัมผัสถึง เรือนร่างบอบบางที่นอนขดตัวเหมือนลูกแมวตัว
    เล็กอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดภายในห้องนอนที่ถูกเปิดหน้าต่างรับลมไว้ดึงผ้าห่มที่กอมอยู่ตรงเข่าขึ้นมาคลุมโปงหากแต่
    ความต้องการความอบอุ่นนั้นถูกขัดขวางจนทำให้ต้องจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อคนที่นอนอยู่ด้านข้างเลือกที่จะกระตุกผ้าผืน
    หนานั้นออกและใช้ผิวเนื้อของตนห่มเนื้อเปราะบางให้คนตัวเล็กแทน



    “คิบอมอา....ร้อน”

    “ร้อนรุ่ม?”

    “บ้าเหอะ!”

    ถึงจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอเหมือนไม่ชอบใจนักแต่ทงเฮก็ยอมพลีกายเป็นหมอนข้างนุ่มนิ่มให้คิบอมได้นอนกอดเล่นโดย
    ไม่เกี่ยงงอน มือใหญ่กดศรีษะของร่างในอ้อมกอดให้แนบลงมากับช่วงอกเขามากขึ้นก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมลำตัวของเขาทั้งคู่ไว้

    ♫♪♫♪♫♪♫♪ และนอนเล่นกันได้เพียงพัก เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นเรียกให้มือใหญ่ต้องเอื้อมไปตะปบปิดด้วยความ
    หงุดหงิดเล็กน้อย

    “อื้มม..ม ได้..เวลาตื่นไปเรียน...แล้วเหรอเนี่ย..?....ขี้เกียจจัง”

    “ก็ถ้าพี่ชายไม่อยากไปก็นอนต่อสิ ไม่เห็นจะยากเลย” ทงเฮกระดกหัวขึ้นมาก่อนจะเกยคางลงบนอกแกร่งพลางจ้องมอง
    คนที่กำลังจะตามใจเขาจนเหลิงแล้วก็อมยิ้มเขินๆ ก็ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อวานทั้งหน้าทั้งตัวมันก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างห้าม
    ไม่ได้ มาจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับน้องชายไป แต่แค่การกระทำที่เป็นอยู่ก็คงเพียงพอที่อีกคนจะเดา
    ออกได้ไม่ยากแล้วกระมัง


    “ผมรักพี่นะ”


    “ได้ยินมั้ย? ....พี่ทงเฮ”


    “รัก... รักมาตลอด”


    “มองผมบ้างได้มั้ย? มองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่รักพี่”


    “ไม่ใช่แค่น้องชายที่รักพี่ชาย”


    “รักผมบ้าง ได้โปรดเถอะทงเฮ”



    “ยิ้มอะไร?” คิบอมย้ำคำถามกับคนที่อมยิ้มทำหูทวนลมไม่เลิกอีกครั้ง ถามซ้ำแล้วยังทำเป็นพองลมที่แก้มใสๆใส่อีกสิน่า
    ทำน่ารักจนคนมองนึกหมั่นเขี้ยวอยากจะฟัดที่แก้มกลมๆนั่นให้หนำใจ แต่ก็ทำได้แค่คิดแหละนะ เพราะยังไม่ทันไรคนตัว
    เล็กคล่องแคล่วก็ยันตัวเองออกจากอ้อมกอดและวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว

    “พี่ทงเฮอา~” คิบอมออดเสียงดังๆไล่หลังคนที่ปิดประตูห้องน้ำดังโครม แต่ก็แปลกไม่ยักจะได้ยินเสียงกดล็อค
    คิบอมยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วจึงตลบผ้าห่มกองใหญ่ออกให้พ้นตัวและก้าวฉับตามร่างบางเข้าไปยังห้องน้ำ


    “เอ๊ะ!~ คิบอม! พี่จะอาบน้ำออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

    “ก็พี่ไม่เห็นล็อคประตูนี่ ก็แสดงว่าพี่อนุญาตให้ผมมาอาบด้วยใช่ปะล่ะ!” คนที่เพิ่งจะบีบยาสีฟันลงแปรงเตรียมจะทำความ
    สะอาดช่องปากในตอนเช้าถึงกับอ้าปากค้าง การที่เขาเคยชินกับการไม่ล็อคห้องน้ำในห้องนอนตัวเองนั้น มันทำให้เจ้าน้องชาย
    ตัวแสบมันคิดเลยเถิดอย่างนี้ไปได้อย่างไรกันนะ!?

    “คิบอมมม..ออกไปสิ! ไปอาบห้องตัวเองนู่น!” ทงเฮพยายามผลักไสคนตัวโตขี้อ้อนให้ออกไปจากห้องน้ำ แต่ก็ไม่สำเร็จ
    เอาแต่ใจดื้อด้านสมตัว แถมยังพิเรนยื่นข้อเสนอที่ทงเฮต้องจำใจยอมรับอย่างไม่มีการโต้แย้งใดๆอีกว่าถ้ายอมทำตามแล้ว
    คิบอมจะยอมออกไปจากห้องน้ำแต่โดยดี .....เอาละนะให้น้องชายแปรงฟันให้ ก็ยังดีกว่าให้น้องชายอาบน้ำให้ก็แล้วกัน!

    “อ้าปากกว้างๆสิพี่ชาย” คนที่โดยสั่งเหมือนเด็กอนุบาลทำหน้าง้ำแต่ก็ยอมอ้าปากให้กว้างขึ้นตามคำสั่ง คิบอมกั้นยิ้มเสีย
    จนเมื่อยหน้าและบรรจงแปรงฟันให้พี่ชายที่ยืนนิ่งแก้มแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกอย่างเบามือ

    “ยิงฟันซิ” ดูเหมือนจะเป็นการแยกเขี้ยวเสียมากกว่า คิบอมหลุดหัวเราะออกมาทำเอาคนที่มีฟองขาวกลิ่นมิ้นสดชื่นอยู่เต็มปาก
    ต้องฟาดลงที่ท่อนแขนหนักๆซักทีสองที

    “โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วๆ” และหลังจากปิดท้ายด้วยน้ำเปล่าและน้ำยาบ้วนปากที่คิบอมเป็นคนตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
    ทงเฮก็ทวงสัญญาคืน ร่างบางดันตัวคนที่ทำยื้อหยอกๆออกไปทิ้งไว้หน้าประตูและรีบปิดล็อคอย่างรวดเร็ว




    “ไอ้น้องบ้า!”

    “ผมได้ยินนะ!”

    “เรื่องของนาย!”

    เจ้าของเรือนร่างบอบบางที่ยืนพิงหลังอยู่กับบานประตูห้องน้ำยังคงหุบยิ้มไม่ได้ ทงเฮเดินไปที่หน้ากระจกพลางหยิบ
    แปรงสีฟันสีฟ้าใสของตนขึ้นมาดูเล่นแล้วก็ยิ้มหวานอยู่คนเดียว

    “ตลกน่าทงเฮ นายเป็นอะไรของนายเนี่ย!” ทำอย่างกับแปรงอันเล็กเป็นของร้อนในบัดดล ทงเฮเสียบมันกลับไปยังโหล
    เซรามิกลายการ์ตูนตามเดิมแล้วจึงขจัดความคิดฟุ้งซ่านที่ไหลเวียนอยู่ในหัวสมองด้วยการอาบน้ำให้สดชื่น และเมื่อ
    ออกมาอีกครั้งในชุดคลุมอาบน้ำก็พบว่าคนที่เขาทิ้งให้อยู่ด้านนอกได้เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว

    “คิบอมอา...กล้าดียังไงมารื้อ.....ของพี่กันเล่า!.....” คนที่เขินหน้าแดงกร่ำวิ่งเข้าไปรวบชั้นในและบ็อกเซอร์สีหวาน
    ของตนที่คิบอมวางพาดไว้บนเตียงที่ถูกเก็บเรียบร้อยอย่างอะหล่างฉ่างและเอามาหลบไว้ด้านหลัง

    “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” คนหน้าด้านหน้าทนยังทำยกยิ้มมุมปากดูไม่สะทกสะท้าน ทงเฮทำปลายตาค้อนใส่คิบอมเสียทีหนึ่ง
    แล้วจึงเดินกระแทกเท้าลงส้นปึงปังอย่างขัดใจไปฉวยเสื้อผ้าที่อีกคนแขวนไว้ให้กลับเข้าไปยังห้องน้ำอีกครั้งเพื่อแต่งตัว
    และหายไปไม่นานมากนักก็ปรากฏตัวออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงเอวต่ำสีน้ำตาลเข้มเต็มยศ แต่เจ้าน้องชาย
    ตัวดีนี่สิยังไงก็ยังคงอยู่ในชุดนอนชุดเดิม

    “หัวเราะอะไร ไม่ต้องมาขำเลยนะ แล้วตัวเองไม่มีเรียนรึไง ทำไมไม่ไปอาบน้ำ”

    “พี่ชายใจร้าย ผมช้ำไปทั้งตัวขนาดนี้ยังจะให้ผมไปเรียนอีกเหรอ?” คิบอมฉุดตัวเองลุกขึ้นนั่งและทำหน้าหงอจนทงเฮนึก
    สงสาร

    “ไหนดูหน่อยซิ” พอตั้งใจมองให้เห็นแจ้งจึงรู้จริงว่า รอยฟกช้ำจากการทะเลาะวิวาทเมื่อคืนมันชักจะหนักหนากว่าที่เห็น
    ในตอนแรก ทงเฮเดินเข้าไปหยุดยืนต่อหน้าคิบอมหวังจะขอดูบาดแผลแต่ก็โดนคนน้องรวบดึงให้ลงไปนั่งบนตักจนได้

    “คิบอมอา..~” ทงเฮทำเสียงอ่อนเมื่อคนที่กอดเอวเขาเอาไว้ขโมยหอมแก้มขาวๆของเขาไปหนึ่งที

    “หอมจัง” ตอนแรกยังทำท่าเหมือนจะตายอยู่แท้ๆแต่ก็กลับมาระรื่นได้เร็วเหลือเกิน

    “ผมขอโดดนะวันนี้ ไม่ไหวจริงๆมันมึนๆแล้วก็ปวดไปทั้งตัว” คนตัวโตพูดออดอ้อนเสียงอ่อนพลางซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก
    ปล่อยให้ทงเฮลูบเรือนผมสีเข้มของเขาไปเรื่อย

    “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ไปขอเล็คเชอร์ที่ซีวอนให้แล้วกันนะ” คิบอมยอมร่นตัวออกมาสบตาเมื่อทงเฮขืนตัวออกนิดๆ

    “มันคงจะได้ไปเรียนหรอก ไอ้คยูฮยอนก็เหมือนกัน นี่ตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังไม่ได้โทรหาพวกมันเลยว่าเป็นไงบ้าง” ทงเฮพยักหน้า
    รับอย่างเข้าใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ลืมไปเสียสนิทว่าเกลอซี้ของคิบอมอย่างโจ คยูฮยอน และชเวซีวอนก็ร่วมวงไป
    กับน้องชายตัวแสบของเขาด้วย

    “แล้วไหวมั้ย? เดี๋ยวพี่ทำข้าวต้มให้ดีกว่านะ พอทานเสร็จจะได้ทานยา”

    “อืม”

    “แต่ตอนนี้พี่ว่าทายาก่อนจะดีกว่า ดูสิเขียวปัดเลย” พูดจบคนตัวเล็กก็เดินหายออกไปจากห้องซักพักแล้วจึงกลับมาพร้อม
    หลอดยาแก้ฟกช้ำในมือ และเจลใสเนื้อเบาก็ถูกแต้มลงและถูกบรรจงทาอย่างถนอมทีละจุด ทั้งที่โหนกแก้ม มุมปาก
    และตามลำตัวของน้องชาย หลังจากนั้นพี่ชายที่แสนดีก็ทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เสียงในครัวดังได้พักก็เงียบลง
    พร้อมกับชามข้าวต้มอุ่นร้อนที่ส่งกลิ่นหอมได้ถูกเสิร์ฟที่กลางโต๊ะอาหาร

    “งั้นเดี๋ยวเที่ยงๆพี่จะรีบกลับมานะ วิชานี้พี่ไม่อยากโดดจริงๆ” แม้จะไม่อยากให้พี่ชายห่างตัวแม้ซักเสี้ยววินาที แต่คิบอมก็
    รู้ดีว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นจากพี่ชายนั้นมันมากเกินกว่าที่เขาจะเอาแต่ใจตัวเองได้อีกแล้ว ชายหนุ่มทำได้เพียงยิ้มบางๆและ
    พยักหน้าให้กับคนที่หยิบกุญแจรถเตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มร้อนด้วยท่าทีซังกะตายจน
    คนที่ยังพะว้าพะวงไม่ได้ไปซักทีอดจะเป็นห่วงไม่ได้

    จุ๊บ~ คิบอมปล่อยช้อนร่วงกระทบชามดังแกร๊งพลางยกมือจับแก้มตัวเองไว้


    “แล้วพี่จะรีบกลับนะ^^” ทงเฮส่งยิ้มหวานและโบกมือไหวๆก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากกรอบประตูบ้านทิ้งให้คิบอมนั่งยิ้มค้าง
    อยู่คนเดียวกับชามข้าว

    “กล้านะทงเฮ!” ร่างบางกระชับกระเป๋าคู่ใจที่เคียงบ่าไว้แน่นพร้อมกับสะบัดศรีษะไปมาเพื่อไล่ภาพความใจกล้าของตัวเองในหัว
    ขาเรียวยาวเดินก้าวไปยังประตูรั้วหน้าบ้านและเพียงกดสวิตซ์ที่มุมเสาประตูรั้วก็ถูกเลื่อนออก

    “เอ๊ะ? จดหมายอะไรเนี่ย” และยังไม่ทันจะหันหลังไปขึ้นรถ ดวงตาคู่สวยก็ไปสะดุดเข้ากับซองสีน้ำตาลในตู้จดหมาย
    ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะได้ ทงเฮเดินเข้าไปหยิบออกมาดูอย่างสงสัย และยิ่งเห็นสิ่งที่ถูกจ่าหน้าซองมีเพียงคำว่า ‘ทงเฮ’
    ก็ยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่ มือเล็กจึงไม่รั้งรอที่จะแกะมันออกดู





    ‘ถ้าไม่อยากให้รูปพวกนี้ถูกร่อนทั่วมหาวิทยาลัยและอินเตอร์เน็ทแล้วล่ะก็ เที่ยงคืนพบกันที่ชมรมถ่ายภาพ'







    TBC >>> END PART

    --------------------
    Girl '기범동해' ShiNe
    You are my everything

    user posted image user posted image

    http://kihaetown.9.forumer.com/index.php?act=idx
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×