คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF]Once Upon a Time in Finland Ver. Special Happy New Year 2008 ch.1
Title : Once Upon a Time in
Author : girlushine
Category : Romance /Erotic
Pairing : Kibum x Donghae [KiHae]
Rating : YAOI : PG -
Author notes : ฟิคเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นระหว่างการไปเที่ยวปีใหม่ คือไม่ได้ไปฟินแลนด์ 555
แต่ก่อนไปได้ดูรายการที่เค้าพาไปเที่ยวเลยถูกใจ ยังไงมันก็แค่ SF ก็ลองอ่านเล่นๆ
ถือซะว่าเป็นของขวัญจากไรเตอร์ละกันนะฮับ . .
ประเทศฟินแลนด์
ดินแดนหมื่นทะเลสาบ . .
และต้นกำเนิด . . เรื่องราวของ . . ซานต้าครอส
คุณลองจินตนาการตามดูสิ . .
ภูมิอากาศอบอุ่น หนาวเย็นในแบบไทกาหรือกึ่งขั้วโลก
หิมะสีขาวโพลนปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ ต้นสนต้นใหญ่มหึมาสูงตะหง่าน
ลานสกีกว้าง . . ผืนธารน้ำที่แข็งตัว . . ใส . . และเย็นเฉียบ . .
ตุ๊กตาหิมะที่ถูกปั้นแต่งขึ้น . . ด้วยความคิดสร้างสรรค์ . . และสรรสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
พาหนะสำหรับเดินทางที่ไม่ใช่แค่ สัตว์ . . แต่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก อย่าง . . กวางเรนเดียร์ . . หรือสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้
และ . . เมืองแลปแลนด์
เมือง . . ที่สามารถตอบรับความหวังของเด็กๆทั่วโลกได้ . . ด้วยรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตขึ้นให้กลายเป็นหมู่บ้านซานตาครอส
ซักครั้งก็คงดี . . ซักครั้งถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนก็คงดีสินะ . .
///////////////////////////////////~*
“ทงเฮ อย่าขึ้นไปเลยมันเย็นมากแล้วนะ!”
ดวงตากลมแป๋วเว้าวอนเพื่อนรักตรงหน้าพร้อมไปกับการทั้งดึงทั้งรั้งแขนเล็กๆของเจ้าของชื่อไว้
แต่เจ้าตัวคงจะดื้อดึงมากพอตัวแหละนะถึงทำให้คนรั้งไว้ต้องค้อนหน้าคว่ำด้วยเหนื่อยหน่ายเหลือจะทน
“แป๊บเดียวเองซองมิน! เนี่ย ถ้าซองมินไม่รั้งเราไว้ เราก็จะได้รีบไปรีบกลับไง!”
ร่างบางสะบัดแขนออกแรงๆจนแทบจะเสียหลักล้มลงไป แต่ก็คุ้มแหละนะเพราะยังไงก็สามารถ
หลุดจากการถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้สำเร็จ
“โธ่!~ ทงเฮ! อย่าขึ้นไปเลย อากาศมันชักดูแปรปรวน ฉันกลัวว่า....”
“พอเลยซองมิน! อย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อยเลย”
และแล้วคนตัวเล็กในชุดเตรียมพร้อมสู้กับความหนาวทั้งหมวก เสื้อกางเกง ผ้าพันคอ หรือแม้แต่รองเท้าสีแดงแปร๊ด
ก็วาดขาก้าวขึ้นไปนั่งบนสโนโมบิลคันใหญ่คู่ใจพร้อมสตาร์ทเครื่อง . .
“เนี่ยฟ้าออกจะโปร่งซองมินอย่าคิดมากน่า เราไปละนะ!”
“ดะ เดี๋ยวก่อน . . ทงเฮ . . ทงเฮ!!!!”
พูดจบก็ไม่รีรอการถูกฉุดรั้งไว้แต่อย่างใด . .
มือเล็กบิดคันเร่งแรงๆก่อนจะขับออกไปอย่างเร็วโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของซองมินอีก
.
.
.
.
“ฮ๊า!!! วิเศษที่สุด!!! อะไรจะมีความสุขเท่านี้น๊า!!”
และเมื่อเดินทางมาได้ซักยี่สิบนาทีซึ่งไกลจากบ้านพักพอควร ทงเฮก็เริ่มชะลอความเร็วให้ลดลงเพื่อดื่มด่ำ
กับบรรยากาศดีๆรอบข้างที่เต็มไปด้วยต้นสนใหญ่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มือเล็กข้างหนึ่งจับแฮนด์เอาไว้มั่น
และอีกข้างก็ไขว่คว้าหาปุยหิมะขาวนวลคล้ายนุ่นที่ค่อยๆโรยตัวลงมาพลางอ้าปากงับเล่นอย่างสนุกสนาน
ราวกับกำลังชิมไอศกรีมเย็นเฉียบรสหวานก็ไม่ปาน
“เอ๋ ทำไมอากาศมันชัก . . แปลกๆล่ะ???”
และเหมือนรับรู้ได้ถึงกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่ลู่ลมไปมาดูน่ากลัว
ทงเฮจึงหยุดรถลงเพื่อรอดูและจับทิศทางลม นัยต์ตาสีอ่อนซุกซนกวาดมองไปทั่ว
นอกจากสีขาวของหิมะแล้วก็คงจะมีแต่ต้นสนสูงตะหง่านที่เรียงกันเป็นตับดูแน่นและหนาทึบ
นั่นแหละมั้งที่คอยอยู่เป็นเพื่อนจนทำรู้สึกวังเวงแปลกๆ ขาตั้งของรถถูกเอาลงแต่เครื่องที่ติดอยู่
ก็ยังคงไม่ถูกดับแต่อย่างใด ร่างบางห่อตัวพลางกระชับมือกอดอกไว้หลวมๆและนั่งแช่อยู่ซักพัก
ก่อนจะตัดสินใจก้าวลงจากสโนโมบิล . .
“แย่แล้วสิ . . ทำไมตรงนี้มันไม่เหมือนเมื่อวานที่เคยมาเลยล่ะ??”
หลังจากเดินสำรวจไปได้ไม่กี่ก้าว ใบหน้าสวยก็เริ่มเจื่อนลงทันทีเมื่อรู้สึกถึงร่องรอยของหิมะ
ที่ทับถมกันแปลกๆเหมือนกับบริเวณนี้เคยเกิดแลนด์สไลด์มาก่อน . .
กรึง!!
และแล้วเสียงประหลาดเหมือนเครื่องจักรหมดแรงทำงานก็ดังมาจากด้านหลัง
ทงเฮรีบหันกลับไปมองแล้วก็พบว่าสโนโมบิลที่ตัวเองได้อาศัยมาเกิดเครื่องดับลง
“อ้าว!!!?? ฉันจอดนานไปรึไงเนี่ย?”
ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าพาหนะสีสวยที่พาเค้าขึ้นมา ก่อนจะขึ้นไปนั่งและลองสตาร์ทใหม่
.
. .
. . .
. . . .
. . . . .
. . . . . . !!
. . . . . >0< !!!
“ไม่จริง!!! ไม่จริงอะ นี่มันสูงน๊า!!! ฉันไม่อยากติดอยู่ที่นี่คนเดียว!!!”
ร่างบางตะโกนโวยวายอย่างสุดเสียงเมื่อเริ่มรู้ว่าความซวยกำลังมาเยือน . .
และไม่ว่าจะลองสตาร์ทกี่ครั้ง . . ก็ยังคงเหมือนเดิม . . ไม่ติด
“โอ๊ย!! ทำไมจะต้องมาเสียเอาตอนนี้ด้วย!!!”
ขาเล็กๆเดินเตะหิมะกระจัดกระจายเพราะชักหงุดหงิดและโมโห ก็ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสโนโมบิลคันเก่ง
และสภาพอากาศมันก็ช่างไม่เป็นใจซักอย่าง
จากนั้นเวลาก็หมุนไป . . . จนท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสนั้นเริ่มสลัวขุ่นมัวด้วยกลุ่มเมฆหมอกสีเทาพัดมาพาครึ้ม
หิมะ . . ที่แค่โปรยปรายให้ได้ชุ่มฉ่ำในตอนแรกก็กลับตกลงมาแรงขึ้น ๆ คล้ายกับเม็ดฝนเม็ดใหญ่พาให้คนที่อยู่ใต้ฟ้า
ได้ตัวเปียกปอนไปหมด
“ฮึก.......ไม่เอานะ.....อย่าทำอย่างนี้สิ.......ติดเถอะนะ...ฮึก.....ซองมิน.....ช่วยเราด้วย”
และใบหน้าที่เป็นกังวลและห่วงใยของเพื่อนรักก็ลอยมาให้ได้รู้สึกสำนึกผิด
ทงเฮถอดแว่นอันใหญ่ที่สวมไว้อยู่ออกก่อนจะปาดน้ำตาที่รินออกมาเป็นทางเหมือนเด็กขี้แย . .
“ฮึก.....ฉันยังไม่อยากตาย....ฮึก...ซองมิน...ฮึก..มาช่วยฉันที”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังระงมทั่วบริเวณแต่ก็คงไม่ดังพอที่จะเอาชนะเสียงลมหวีดหวิวที่พัดปั่นป่วนโหมกระโชก
ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆไปได้ ถึงตอนนี้แม้ว่าสติสัมปัชชัญญะจะลดน้อยถอยลงไปเท่าไหร่
แต่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดยังพอมี ร่างบางจึงตัดสินใจเคลื่อนย้ายตัวไปนั่งทรุดแพะพิงอยู่กับลำต้นของสนใหญ่
โดยอาศัยกิ่งก้านและใบของมันที่แผ่ออกเป็นที่หลบพายุหิมะ . . แต่อุณหภูมิที่เริ่มลดลงเรื่อยๆและเสื้อผ้าหนาที่ตอนนี้
เปียกชุ่มอย่างไม่สามารถจะช่วยบรรเทาความหนาวได้นี่สิ . . มันช่างน่าหวั่นใจ . . ร่างบางกระชับอ้อมกอดตัวเองเอาไว้แน่น
. . หนาวจนสั่นสะท้าน . . รู้สึกเหมือนกำลังจะแข็งตาย
หนาวจังเลย . . ซองมิน . . เราขอโทษ . .
เราน่าจะเชื่อซองมินตั้งแต่แรก . .
ซองมินไม่โกรธเรานะ . . . .
ซองมิน เรารัก ซองมิน . . ซองมินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา . .
และในที่สุดทงเฮก็ไม่สามารถทัดทานกับสภาพอากาศที่เลวร้ายได้
. . ดวงตาคู่สวยเริ่มปรือลงช้าๆด้วยหนักอึ้งและจึงผล็อยหลับลงไปอย่างเหนื่อยล้าและอ่อนแรง
.
.
.
.
.
.
แผล็บ ๆ . . แผล็บ ๆ . .
“อื้อ...อื้ม.....”
เปลือกตาบางที่ปิดสนิทอยู่ค่อยๆเปิดขึ้นและกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัสให้รับกับภาพตรงหน้า
ความชื้นแฉะที่เปียกบนผิวแก้มส่งผลให้ทงเฮขยับตัวอย่างช้าๆ
“คุณครับ คุณครับ คุณเป็นอะไรมั้ย?”
เสียงใครกัน . . เสียงซานตาครอสงั้นหรอ ?
ไม่จริงใช่มั้ย ? ถ้าฉันไม่ได้ฝัน ฉันก็คงจะตายแล้ว . . แต่คนอย่างฉันได้ขึ้นสวรรค์เนี่ยนะ . .
แต่ว่า . . ซานต้าไม่ได้อยู่บนสวรรค์นี่ . . แล้วเสียงนั่นเป็นของใครกัน . . ?
“คุณ ๆ คุณไหวมั้ย?”
เสียงหนาทุ้มยังคงพร่ำเรียกต่อไปโดยหวังที่จะให้คนที่นอนยังไม่ได้สติดีรู้สึกตัว
“อื้ม .... คะ คุณเป็นใครน่ะ ? .. แล้ว อ๊ะ.... น้องหมา ..คิกๆ.... จั๊กจี้ ~”
ใบหน้าสวยหลบหลีกไปมาด้วยคงเป็นเพราะเจ้าสัตว์ที่ว่ามันกำลังลวมลามทงเฮ
โดยการเลียหูเลียหน้าตาและแม้กระทั่งปากแดงๆไปมาจนร่างบางต้องขยับตัวหนี
“เรนเดียร์ ออกไป!!!”
และเสียงหนาทุ้มนั่นที่สั่งอย่างหนักแน่นให้เจ้าสุนัขชื่อเรนเดียร์ออกไปนั้น ก็ดูจะเรียกความสนใจให้ทงเฮ
หันกลับมามองหลังจากกลิ้งตัวไปหลบมุดอยู่ใต้กองหมอนหนานุ่มบนเตียงกว้างได้ดี
“ขอโทษครับ พอดีผมเลี้ยงมันอย่างนี้จนมันเคยตัวนะครับ”
ทงเฮลุกขึ้นมองคนแปลกหน้าด้วยท่าทีและสีหน้างุนงงเล็กน้อย ร่างเล็กเอียงคอมองจนเพลิน
ใบหน้าหล่อคมค่อนไปทางน่ารักด้วยแก้มอูมๆ รอยยิ้มอบอุ่นแบบเต็มแก้มที่ส่งผลให้ดวงตากลมสีดำสนิท
หยีเสียจนดูเหมือนอาตี๋เมืองฝรั่งในชุดเสื้อสเว็ตเตอร์สีขาว . . และภาษาพูดที่ทงเฮฟังรู้เรื่องอย่างชัดแจ้งเต็มสองหู
โดยไม่ต้องอาศัยล่ามประจำตัวอย่างเพื่อนรักที่มาด้วยกันแปลให้ . . . ใช่ . . . คนๆนี้เป็นคนเกาหลี
แล้วที่นี่บ้านไม้ท่อนซุงหลังโต . . กับเตียงนุ่มๆที่ตัวเองกำลังนอนอยู่
รอดตายแล้วล่ะสิ! แล้วแถมคนช่วยชีวิตยังหล่อมากมายซะอย่างนี้อีก . . ตกลงยังจะตะโกนว่า
อะไรจะมีความสุขเท่านี้!! ได้อยู่ใช่มั้ย ??
“คุณครับๆ คุณไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ??”
และแล้วก็ถูกปลุกตื่นจากภวังค์จนได้เมื่อใบหน้าของคนที่หลงใหลอยู่เมื่อครู่ขยับเข้ามาใกล้จนเว้นระยะไว้เหลือแค่คืบ
“อะ อืม ไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันไว้”
ใบหน้าสวยก้มงุดๆหลบสายตาที่มองมาอย่างเคอะเขิน ผิวแก้มที่แดงฝาดรับกับอากาศหนาวยิ่งดูขึ้นสีจัดเข้าไปใหญ่
คนที่ให้ที่พักอาศัยและให้ความช่วยเหลือจะรู้บ้างรึป่าวนะ ว่าคนตรงนี้หัวใจมันกำลังเต้นโครมครามๆจนแทบจะ
พังครืนทะลุออกมานอกอก
“จริงๆต้องขอบคุณเจ้าเรนเดียร์นะครับ เพราะมันบังเอิญไปพบคุณเข้าในระหว่างเวลาเดินเล่นของมัน”
คิบอมหันมองไปยังสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ตัวสีขาวขนฟูตัวใหญ่ที่นั่งกระดิกหางให้อยู่ปลายเตียง
ก่อนจะกลับมาส่งยิ้มนุ่มๆให้กับร่างบางที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางหันไปยิ้มและโบกมือให้เจ้าขนปุยตัวโตนั่น
เป็นเชิงขอบคุณ
“อ่อ ผมลืมแนะนำตัว . . ผมคิม คิบอมครับ”
ร่างสูงยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อทักทายอย่างเป็นทางการกับมิตรภาพใหม่
“อะ .. อืม ฉันชื่อทงเฮ ลี ทงเฮ”
ทงเฮยื่นมือไปจับตอบพร้อมกับรอยยิ้มหวานระคนเขิน แต่แล้วก็ต้องหน้าร้อนฉ่าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
จนต้องรีบชักมือกลับไวๆเมื่อคิบอมกระชับมือทงเฮไว้ทั้งแน่นและนานมากเกินไป . . ก็เกรงว่าหัวใจจะวายไปก่อนน่ะสินะ
“เรนเดียร์มันมาฉุดกระชากลากถูผมใหญ่ จนผมต้องขับสโนโมบิลฝ่าพายุหิมะตามมันไป แล้วก็ไปพบกับคุณเข้า”
“......”
ร่างสูงเล่าไปพลางขยับตัวออกมาจากเตียงจนฟูกที่ยุบตัวลงไปกลับเด้งขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้านวมผืนหนา
ที่ร่นลงมาบริเวณเอวของทงเฮห่มให้คนที่นั่งเคลิ้มพิงตัวกับหัวเตียง
“อืม ขอบคุณ . . เอ่อ แล้ว . .”
ร่างบางดึงผ้าห่มกระชับอุ่นให้ตัวเองอีกแรงพลางก้มลงมองดูเสื้อไหมพรมสีเทาตัวสวยที่สวมใส่อยู่ . .
“อ่อ คือ ผมต้องขอโทษที่ถือวิสาสะนะครับ แต่ผมคงให้คุณนอนทั้งเปียกๆอย่างนั้นไม่ได้”
คิบอมระบายยิ้มให้บางๆพลางก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษ
“คือ ฉันไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่อยากจะขอบคุณก็เท่านั้นน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ . . ถ้าอย่างนั้นคุณทานซุปนี่ซักหน่อยนะครับ แล้วจะได้นอนพักผ่อน”
คิบอมหยิบชามเซรามิกสีขาวที่บรรจุซุปอุ่นข้นสีส้มอ่อนพร้อมชิ้นแครอทหั่นขนาดลูกเต๋าเล็กๆโรยหน้า
บนโต๊ะไม้ข้างเตียงให้ทงเฮรับไว้ ก่อนจะค่อยๆบรรจงจัดแจงวางผ้ากันเปื้อนสีฟ้าเข้มลายสก็อตวาง
ลงบนตักทงเฮทันทีที่เจ้าตัวขึ้นขยับนั่งขัดสมาธิให้ดูถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น
“คุณใจดีจัง คือฉัน . . เอ่อ . . ฉะ . . ฉันเกรงใจ . . ”
ร่างบางยังคงอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าทานของที่รับมา
“อย่าเกรงใจไปเลยครับ ถือซะว่าผมเป็นเพื่อนใหม่ของคุณไง . .”
คิบอมเอื้อมมือไปจับที่มือทงเฮเพื่อให้คนตัวเล็กเริ่มตักซุป
“อะ...อืม ขะ ขอบคุณอีกครั้งนะ”
หัวใจแทบจะแหวกอกออกมาเต้นเร่าๆ ร่างบางดึงมือออกจากการถูกเกาะกุมเร็วๆ
พลางเสตาหลบด้วยหวั่นไหวจนคิบอมอดจะยิ้มขำไม่ได้
“’งั้นทานเยอะๆนะครับ^^”
ความใจดีของเจ้าของบ้านที่น่ารักช่างสร้างความประทับใจพาให้หัวใจดวงน้อยทงเฮพองโตทุกครั้งที่บังเอิญสบตา
หรือเผอิญถูกเนื้อต้องตัวกันโดยไม่ตั้งใจ มือเล็กหยิบจับช้อนถือไว้ก่อนค่อยๆจะพยายามเอียงตัวเล็กน้อยเพราะกลัวว่า
ท่าทีการรับประทานของตัวเองจะตลกเกินไป และความกังวลสารพัดก็แล่นริ้วที่ขึ้นมาในสมองจนแทบจะไม่เป็นอันกิน
ท่าทางดูอึดอัดของทงเฮสำหรับคิบอมที่นั่งมองอยู่แม้ว่าเค้าจะรู้สึกได้ แต่ก็เพราะความน่ารักของคนตัวเล็กจึงยาก
ที่จะตัดใจยอมปล่อยให้ร่างบางอยู่คนเดียว พอๆกับทงเฮที่แม้ตัวเองเหมือนจะตกอยู่ในสภาพลำบากนิดหน่อย
ในการกินแต่ก็เต็มใจที่จะให้คิบอมนั่งอยู่ใกล้ๆเช่นกัน
และในระหว่างมื้ออาหารของผู้พึ่งพิง คิบอมก็พยายามชวนทงเฮพูดคุยเพื่อสร้างความเป็นกันเอง
โดยอยากให้ทงเฮเปิดใจและทำตัวตามสบายมากขึ้น จนทงเฮเองก็ยอมรับว่าเค้ารู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้
มากขึ้นเรื่อยๆและรวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใครมาก่อน . .
“ทำไมคิบอมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”
เริ่มจะยอมเปิดปากถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ขึ้นมาบ้างหลังจากเป็นฝ่ายนิ่งเงียบ
คอยฟังและส่งยิ้มหวานให้คิบอมมาอยู่นาน
“ทุกปีพอถึงช่วงเทศกาลคริสมาสต์ผมก็มักจะขอพ่อแม่มาอยู่ที่นี่น่ะครับ”
คิบอมยิ้มไปตอบไปพลางเอื้อมมือไปหยิบชามซุปจากมือทงเฮทันทีอย่างไม่รีรอให้ร่างบางขอให้ช่วย
เมื่อเห็นว่าซุปในชามหมดเกลี้ยงจนทงเฮต้องก้มหัวให้อีกสองสามครั้งอย่างแสดงความขอบคุณ
“แล้วพ่อแม่ไม่ว่าหรอ ?? ปีใหม่ทั้งทีท่านน่าอยากจะอยู่กับคิบอมนะ”
แววตาซุกซนช่างสงสัยยังคงจ้องมองคิบอมตาไม่กระพริบเหมือนอยากรู้อยากเห็นเสียมากมาย
“ฮะๆ ครับ ท่านคงชินแล้วน่ะครับ ท่านรู้ว่าผมรักที่นี่มาก แล้ว ....ผมหวงที่นี่มากด้วยนะ”
ถึงตอนนี้ทงเฮหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิดยังไงบอกไม่ถูก
ในใจก็ได้แต่คิดว่าคิบอมคงจะจำใจหน้าดูที่ยอมพาคนอย่างตัวเองเข้ามาเหยียบในบ้านสุดรัก
ใบหน้าสวยสลดไปทันตาอย่างไม่เก็บอาการส่งผลให้คิบอมแอบลอบขำเล็กๆอย่างเอ็นดู
“.....แต่กับทงเฮผมเต็มใจนะ ยังไงก็พักอยู่กับผมจนกว่าพายุหิมะจะสงบแล้วกันนะครับ”
คิบอมวาดยิ้มกว้างอย่างดูดีให้จนทงเฮสำลักความหล่อตัวแทบลอย ร่างบางมองตามร่างสูงทุกอิริยาบถ
ไม่ว่าจะหันหลังเดินไปเลิกม่านที่หน้าต่างเพื่อให้ดูความรุนแรงของพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำด้านนอก
หรือจะเดินกลับมารินน้ำในกระบอกเก็บน้ำร้อนสีเงินลงแก้วแล้วยื่นให้
“อะ....อืม...”
มือเล็กรับแก้วมาถือไว้กับตัวก่อนจะก้มจรดริมฝีปากลงกับขอบแก้วมนอย่างไม่ยอมสบตา
ร่างสูงยิ้มมุมปากนิดๆอย่างรู้ทันปฏิกิริยาเขินอายก่อนจะค่อยๆถอนตัวออกไปจากห้องพร้อมกับหยิบ
ชามเปล่าไปเก็บยังห้องครัว
“เฮ้อๆ..ทงเฮ ทำไมแกเป็นคนอย่างนี้น๊า แกจะเขินไปไหนนักหนาเนี่ย!”
บ่นงึมงำทำหน้าง้ำงออยู่กับตัวเองก่อนจะเริ่มยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม ....
“โอ๊ยๆ ร้อนๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!”
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าควันฟุ้งออกอย่างนั้นมันบ่งถึงอุณหภูมิของน้ำในแก้วได้ดีแต่ก็ยังดันทุรังดื่มเข้าไปเต็มคำ
จนลวกปากพองให้ได้สะดุ้งกระชากแก้วออกจากปากเร็วๆจนหกรดมือ . . นั่นยิ่งทำให้หนักเข้าไปใหญ่
“ทงเฮ!!!!”
และก็ทันท่วงทีเมื่อร่างสูงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องอย่างตื่นตกใจเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย
คิบอมถลาตัวเข้าไปนั่งด้านข้างจนเตียงยวบ นัยต์ตาคมกวาดมองรอบแล้วก็เห็นหยดน้ำที่หกเลอะ
ทั้งผ้าปูที่นอนและเสื้อตัวอุ่นของร่างบางจึงรีบดึงกระดาษทิชชู่ในกล่องบนโต๊ะใกล้เตียงมาซับให้
“ร้อนๆๆ อ๊า...ปากพองเลย!!”
ทงเฮอ้าปากพลางแลบลิ้นออกมา มือเล็กพัดโบกไวๆด้วยหวังว่าลมเล็กน้อยนั่นจะสามารถ
บรรเทาอาการเจ็บปวดที่ลิ้นระบมได้
“มานี่!”
แล้วก็เท่าทันใจคิดเมื่อคิบอมโน้มคอทงเฮเข้ามาประกบปาก เรียวลิ้นอุ่นแทรกซึมลึกเข้าไปเกี่ยวกระหวัด
กับลิ้นพองของอีกคนในโพรงปากอ่อนนุ่มทั้งเร่าร้อน หนักหน่วงและเนิ่นนานราวกับว่าวิธีนี้จะเป็นหนทาง
เดียวที่จะสามารถสลายความเจ็บปวดให้จางหายไปได้
“เป็นยังไงบ้างครับ!!? ดีขึ้นรึยัง!!??”
คิบอมถอนริมฝีปากออกและถามไถ่ด้วยสีหน้าที่ยังคงเป็นห่วงไม่หาย
“อะ อืม...ดีขึ้นแล้ว”
ร่างบางนั่งหอบหน้าแดงซ่าน ริมฝีปากสีหวานที่ตึงอิ่มมีเลือดซึมนิดๆด้วยคงเป็นเพราะแรงจูบของอีกคน
. . . ใครเค้าใช้ให้รักษากันด้วยวิธีนี้เล่าคิม คิบอม
“ดีจัง! ผมตกใจหมดเลย”
มืออุ่นทาบลงที่แก้มใสพลางใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงแตะลงที่ริมฝีปากบางเฉียบที่ช้ำเล็กน้อยอย่างแผ่เบา
สีหน้าและท่าทีเป็นห่วงมากผิดแผกจากการปฎิบัติต่อคนที่เพิ่งรู้จักกันมันทำให้ทงเฮรู้สึกมึนหัวติ้วๆลมแทบจับ
. . ให้ตายเถอะเฟิร์สคิสนะ หรืออีกคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดากัน . . ต่อให้อยู่เมืองฝรั่งและเป็นวัฒนธรรมที่เค้า
อาจจะเคยชิน . . แต่กับทงเฮไม่ใช่นี่ . .
“เอ่อ ....คือ”
ร่างบางอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ลมหายใจเริ่มติดๆขัดๆ . . จากที่ไม่ได้เป็นอะไรก็เริ่มรู้สึกเหมือนไข้จะจับก็เพราะ
ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเนี่ยแหละ
“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ เดี๋ยวผมออกไปเอาน้ำธรรมดามาให้คุณดื่มแทนดีกว่านะ”
น้ำเสียงยังคงเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่เมื่อครู่หล่นวูบเหมือนตกจากที่สูง . .
ดวงตากลมใสมองตามแผ่นหลังอีกคนจนเค้าเคลื่อนตัวออกไปนอกห้องถึงได้พรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
“ฮ๊า! อะไรกันเล่าคุณคิม คิบอม นั่นจูบแรกของฉันเลยน๊า”
กำปั้นเล็กๆทุกลงกับหมอนนิ่มที่ดึงมาวางไว้บนตักอย่างขัดใจกับอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคิบอม
แต่ . . ใครจะรู้ว่าอาการแปลกๆแบบนี้ไม่ใช่กับทงเฮเท่านั้นหรอกที่เป็น
เพียงแต่คนที่มายืนหน้าแดงแปร๊ดลามไปถึงหูแล้วทรุดลงนั่งพิงหลังกับบานประตูห้องอย่างคิบอมน่ะ
. . เก็บอาการเก่งกว่าก็เท่านั้นเอง
แผล็บ ๆ แผล็บ ๆ . . .
“อึ๋ย...~! อะไรเล่าเรนเดียร์ ห้ามเลียปากนะ!!”
ดูท่าเจ้าเรนเดียร์มันจะรู้ทันว่าตอนนี้เจ้านายของมันอารมณ์ดีขนาดไหน จึงลุกขึ้นจากที่นอนอุ่น
บริเวณหน้าเตาผิงไฟเข้ามาคลอเคลียเล่นพลางแลบลิ้นยาวๆเปื้อนน้ำลายเหนียวเหนอะเลีย
ที่แก้มป่องๆให้นัวเนียไปหมด . . และก็เป็นอย่างที่ออกคำสั่งแหละนะ ห้ามเลียปาก . .
ก็ใครอยากจะให้รสชาติหวานล้ำที่เพิ่งได้ลองลิ้มชิมมาอย่างเหมือนลักไก่เล็กๆจางหายไปเร็วนักกันล่ะ
“ฮะๆ พอเลยแก ... ไปนอนทางนู๊นนะวันนี้ ห้ามนอนในห้อง วันนี้ต้องให้คนสวยเค้านอนเข้าใจมั้ย?”
มือใหญ่ลูบเบาๆอย่างเอ็นดูบนหัวเจ้าเรนเดียร์ไปพลางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว . .
และสายตาก็เหลือบมองไปยังนอกหน้าต่าง . . และปฏิทินบนผนังที่ถูกกากบาททับวันที่เลยผ่านมา
จนมาหยุดอยู่ตรงวันที่ 30 ซึ่งก็ตรงกับวันนี้ . .
“ถ้าพายุหิมะสงบหลังปีใหม่ก็คงจะดีสิ”
2Be con
ปล. คาดว่าสองตอนจบฮับ^^
ความคิดเห็น