คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าชาย
เจ้าชาย
ยามรุ่งอรุณ กลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นโชยมาแตะที่ปลายจมูก ปลุกวาเลนท์เซียให้ตื่นจากห้วงนิทรา ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนหนาวเหน็บในยามเช้า ทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทา อาจเป็นเพราะผ้าคลุมไหลผืนบางนั้นไม่สามารถปกคลุ่มร่างกายของเธอให้อบอุ่นจากสายลมหนาวได้
ภายในห้องอันกว้างใหญ่ หญิงสาวมองไปรอบๆห้องนั้นก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังระเบียงหน้าต่างของห้อง
ดอกไม้ในสวนของปราสาท ทำให้เธอนึกหวนกลับไปยังช่วงเวลาอันแสนสุขของเธอ และ ครอบครัว ดอกไม้นานาพันธุ์ที่เธอและท่านแม่ของเธอ บรรจงปลูกขึ้นมา ในครานี้ดอกไม้เหล่านั้นเจริญเติบโตขึ้นมากแล้ว
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะที่ดังมาจากทางด้านของประตู เรียกสติที่ตกอยู่ในภวังค์ในเธอรู้สึกตัว
“วาเลนท์เซีย เจ้าตื่นหรือยัง?” เสียงอันคุ้นหูเอ่ยขึ้น ทั้งที่เธอยังไม่ได้เปิดประตูเสียด้วยซ้ำ
“ราเควล์ นั่นเจ้าหรือ?” ฉันเอ่ยถาม
“ใช่ ข้าเอง” เมื่อราเควล์ตอบ เธอก็เปิดประตูไม้ขนาดใหญ่ออก และภาพที่เธอเห็นนั้นคือ ราเควล์ยืนยิ้มต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูเสียแล้ว
“อรุณสวัสดิ์” ราเควล์พูดพร้อมกับมอบรอยยิ้มมิตรภาพให้กับเธออีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรแต่เช้าอย่างนั้นหรือ?” เธอถาม
“เจ้าชายต้องการพบกับเจ้าโดยด่วน ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หรือเจ้าไปทำเรื่องอะไรไว้อย่างนั้นหรือ?” และสิ่งที่เขาราเควล์บอกกับเธอ ทำให้ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติทางระบบหายใจของตนเอง อาจเพราะความเป็นกังวลที่จะเข้าพบกับบุคคลที่เป็นกบฏ ลอบสังหารท่านพ่อและท่านแม่ หรือเป็นเพราะ ใบหน้าเคร่งขรึมที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของชายหนุ่มคนดั่งกล่าวเมื่อคืนนั้น ที่ทำให้เธอ รู้สึกหวั่นเกรง “วาเลนท์เซีย เจ้ายังฟังข้าอยู่ไหม?” ราเควล์เอ่ยทักขึ้นอีกครั้ง
“ขอบใจเจ้ามากที่มาบอกข้าแต่เช้า ไม่นานข้าจะตามไป” และเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่หญิงสาวต้องการ รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
หลังจากที่ราเควล์เดินจากไป สิ่งแรกที่ฉุกคิดได้นั้นคือการแต่งตัวเพื่อยั่วยวนแก่สายตา
วาเลนท์เซียเดินทอดน่องไปตามทางยาวของแนวปราสาท ผู้คนมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยเห็น
เธอเดินเรื่อยจนเวลาต่อมา เธอหยุดอยู่ยัง ทางเข้าของท้องพระโรง สถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ที่เธอเคยเต้นรำเพื่อเป็นการแสดงถวายท่านพ่อ และ ท่านแม่ เนื่องในวันเกิดวันครบรอบอายุสิบสามปีของเธอ
เธอย่างกรายเข้าไปในท้องพระโรงอย่างเชื่องช้า และแล้วทุกสายตาก็จ้องมองมาที่เธอ
“ยินดีต้อนรับ วาเลนท์เซีย” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหน้าของเธอ เป็นผู้ชายร่างใหญ่แข็งแกร่ง ดูไปช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน
“นี่เจ้า นะหรือคือราชาแห่งอนาตาเซีย” เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง ชายหนุ่มผู้นั้นที่เธอพบกับเขา ในเวลานี้เขาได้ขึ้นไปนั่งอยู่ยังตำแหน่งที่ท่านพ่อของเธอเคยประทับอยู่
นี่นะหรือ กบฏแผ่นดิน
“เหอะ! คาดไม่ถึงสินะ สาวน้อย” แววตาและวาจาเย้ยหยันของเขามองไปยังวาเลนท์เซียอย่างดูถูกดูแคลน “ไม่เพคะ! หากแต่หม่อมฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าท่านจะเป็นราชา” คำพูดไม่กี่คำของเธอที่แฝงไปด้วยนัยความแค้น เธอจ้องมองไปยังตาคู่นั้นของเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“ข้าบอกกับเจ้าแล้ว ว่าเจ้าควรจะเรียกข้าว่าเจ้าชาย”
“เพคะ เจ้าชาย!” อาจจะต้องกัดฟันดังกรอดในการเอ่ยสนทนากับเจ้ากบฏนั่น แต่เพื่อทุกอย่างที่ได้คืนมาแล้วนั้น อาจจะคุ้มเสียยิ่งกว่า วาเลนท์เซียคิดในใจ
“วาเลนท์เซีย นั่นคือชื่อของเจ้าใช่หรือไม่?”
“เพคะ นั่นคือชื่อเสียงเรียงนามของข้า”
“ไพเราะยิ่งนัก ข้าขอแสดงความยินดีที่ได้รู้จักนามของเจ้า ส่วนข้า เจ้าชายกาเรทธ์” เพียงแต่เขาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อย่างไม่เกรงต่อสิ่งใด เขาคิดว่าเขาคือผู้ที่จะสามารถชนะทุกอย่างเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ หญิงสาวตระหนักเสมอว่าเขาคงจะภาคภูสิใจ ที่สามารถแย่งชิงทุกสิ่งอย่างของท่านพ่อของธอไป
“ขอบพระทัย เพคะเจ้าชาย ที่ยอมลดศักดิ์อันสูงส่งเผื่อสนทนากับหญิงสามัญชนต่างเมืองอย่างข้า”
“ข้าไม่ถือตัวกับผู้ใด” ในบรรยากาศที่มาคุนั้น วาแลนท์เซียและกาเรทธ์ฟาดฟันกันด้วยนัยน์ตาที่ไม่เกรงกลัวซึ่งกันและกัน
“ท่านมิถือตัว ช่างเป็นองค์ราชาที่น่าเลื่อมไสเสียจริง” เนื่องจากนัยน์ตาห้ามปรามของราเควล์ วาเลนท์เซียจึงต้องเปลี่ยนศัพท์นามนำหน้าชื่อของกาเรทธ์
“จะเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นหญิงสามัญชนหรือจะเป็นนางซ่องนางโรง ข้าก็ไม่ถือตัวเพราะทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนเช่นกันทั้งนั้น” ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างนั้นทำให้รู้ว่ากาเรทธ์จงใจกล้าวหาเธอโดยตรง
ข้ายอมฟังถ้อยคำดูถูกเช่นนั้นเพื่อนสิ่งใดกัน วาเลนท์เซียคิดในใจ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอถวายตัวเพื่อเป็นข้าทาสบริวารของเจ้าชายด้วยนะเพคะ” เธอมอบรอยยิ้มมุมปากให้กับชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า ก่อนจะน้อมตัวลงเพื่อถวายความเคารพผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่ง อนาตาเซีย
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีหญิงงามอย่างเธอ มาขอเข้าเฝ้าเพื่อที่จะถวายตัวเป็นทาส ช่างน่าแปลกเสียจริงๆ”
“หากแต่ข้าก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน ว่าจะได้เข้าเฝ้าเจ้าชายเพื่อเหตุนี้ แต่ข้าไม่มีทางเลือก”
“อย่างนั้นหรือ แต่เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่า เจ้าเข้าถวายตัวให้กับข้านั้น ก็เปรียบว่าเจ้าได้เป็นนางถวายตัวของข้าแล้ว เจ้าจะยอมเสียศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?” นัยน์ตาไม่ไว้วางใจนักของกาเรทธ์บ่งบอกว่าเขาไม่ไว้ใจวาเลนท์เซียเลยสักนิด
“ข้าบอกกับเจ้าชายแล้ว ว่าข้าไม่มีทางเลือก ข้าเดินทางมาไกลจากต่างเมือง เดินทางเข้ามายัง อนาตาเซียแต่เพียงผู้เดียว ในอาณาจักรแห่งนี้ข้ารู้จักเพียงราเควล์” ราเควล์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกหญิงสาวกล่าวถึง “เจ้าชายจะยังทรงใจกับหญิงสาวตัวคนเดียวไร้ซึ่งญาติมิตรอย่างข้าเชียวหรือ” การใช้มายาเพื่อลวงให้อีกฝ่ายหลงเชื่อ เป็นสิ่งไม่ดี แต่เป็นความคิดที่ฉลาดนักสำหรับหญิงสาว “หญิงงามอย่างเจ้า มิน่าทำตัวเช่นนี้เลย” กาเรทธ์เอ่ย
“หากแต่ข้ามีทางเลิกอื่นใด ข้าจะไม่ยอมทำลายศักดิ์ศรีตนเองเช่นนี้หรอก” หญิงสาวกล่าวในขณะที่ยังไม่ลดละสายตาออกจากชายหนุ่ม
“เหตุใดเจ้าจึงอยากเป็นนางถวายตัวของข้านัก” กาเรทธ์ไถ่ถามอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน
“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าข้าไม่ทางเลือก”
“หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่มีปัญหาเพราะข้าเป็นชายข้าย่อมไม่เสียหาย แต่หญิงอย่างเจ้า คงจะเสียหายมิน้อย” กาเรทธ์ยังคงสร้างความกดดันให้กับวาเลนท์เซียอย่างต่อเนื่อง
“ข้าขอยืนยัน!” หญิงสาวตะคอกด้วยน้ำสียงแข็งกร้าว พร้อมกับลุกพรวดพลาดออกไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เสียงประตูไม้ขนาดใหญ่ของ ท้องพระโรงปิด ความเงียบสงัดที่กอบกุมในใจของกาเรทธ์ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ ว่าวาเลนท์เซีย หญิงงามจากแดนไกลนั้นต้องสิ่งใดกันแน่ และการที่หญิงสาวผู้ที่มีนัยน์ตาแข็งกร้าวเช่นนี้จะมาเสนอตัวเป็นนางถวายตัวให้กับเขานั้นเห็นจะเป็นเรื่องยาก
“เจ้าชาย พระองค์จะทรงทำเช่นไรต่อไป?” ราเควล์ สหายคนสนิทเอ่ยถามกาเรทธ์
“ข้าก็จะรับข้อเสนอของนางสิ ข้าก็อยากจะรู้นักว่านางจะเก่งจริงอย่างที่ปากว่าหรือไม่” กาเรทธ์
ล่าวพร้อมกับพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น
“แต่ข้าว่านางดูไร้เดียงสา” ราเควล์ยังคงพยามยามเกลี้ยกล่อมให้กาเรทธ์เปลี่ยนแปลงความคิด
“ข้าว่า นางดูมีบางอย่างที่ต่างไปจากหญิงอื่น นางดูเย้อหยิ่งและหวงศักดิ์ศรี แต่นางกับมายื่นข้อเสนอเพื่อเป็นนางถวายตัวให้ข้า เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรือ?”
“แต่ข้าว่า แววตาของนางดูไร้ความรู้สึก เหมือนกับนางมีเรื่องเลวร้ายอยู่ภายในใจ นางคงต้องการหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไปเสียมากกว่า”
“ข้าว่านะ เจ้าเลิกปกป้องนางเสียเถอะ เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะทนข้าได้สักแค่ไหน!”
เมื่อกาเรทธ์พูดจบ ราเควล์ก็ถอนหายในเฮือกใหญ่ เพราะความดื้อรั้นของเจ้าชายผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา
“นางพักอยู่ที่ใด?” กาเรทธ์เอ่ยถามก่อนที่ราเควล์จะเดินออกจากท้องพระโรงไป
“นางพักอยู่ที่เรือนตะวันออก” ราเควล์ตอบทั้งที่หันหลังให้กับเพื่อนสนิทของตน
“ช้าว่านางดูจะไว้ใจเจ้านะราเควล์ ฉะนั้นเจ้าจงไปบอกนางย้ายมาอยู่วังใน เรือนใกล้ๆข้า ”
หลังจากที่กาเรทธ์พูดจบนั้น ราเควล์ก็เดินออกไปอย่างเงียบเฉย ไม่มีแม้แต่เสียงถอนลมหายใจเหมือนกับครั้งไหนๆ
ห้วงของความรู้สึกในเวลานี้นั้น วาเลนท์เซียรู้สึกรังเกียจจิตใจของตนเองเหลือเกินที่ได้กล่าวถ้อยคำที่น่ารังเกียจนั้นออกไป เพียงเพราะว่าต้องการจะเอาชนะกาเรทธ์ชายหนุ่มที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตของเธอ
‘สิ่งเดียวที่ข้าต้องการ คือข้าต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้าคืนมา เจ้าคนชั่วคนนั้นไม่สมควรที่จะยืนอยู่ยังบัลลังก์ของท่านพ่อของข้าเลยแม้แต่น้อย’
ความรู้สึกของหญิงสาวยังคงแข็งกร้าว
ภายในจิตใต้สำนึกถึงแม้จะมีความเคียดแค้น แต่ยังแฝงไปด้วยความว่างเปล่าที่ยากจะทำความเข้าใจได้ เพียงเพราะว่า รอยแผลภายในอดีตนั้นได้สร้างความร้าวฉานภายในจิตใจทำให้เด็กสาวในครั้งนั้น เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่จมอยู่กับปมของความแค้น
หากเปรียบเทียบแล้วเธอคงเป็นหญิงสาวที่น่าสงสารมากที่สุด เพราะเธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และด้วยเส้นทางที่ไม่มีแม้แต่ทางเลือก เธอจึงต้องก้าวผ่านช่วงเวลาที่ตกต่ำของชีวิต เพื่อเข้าเป็นนางถวายตัวกับชายที่นางเรียกเขาว่า ‘กบฏ’
แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณทอจ้า ปลุกวาเลนท์เซียให้ตื่นจางภวังค์ของความเศร้า คราบน้ำตาที่เปียกแก้มยังคงมีให้เห็นอยู่ทุกวัน จนเธอเริ่มจะคุ้นชินกับเพื่อนสนิทที่ตื่นขึ้นมาก็ได้พบกันแล้ว
ถึงแม้ภายในใจจะหม่นหมองมากเท่าไร แต่เธอไม่เคยลืมเลยว่า เธอมาที่นี่เพื่อสิ่งใด การอาบน้ำและแต่งตัวอย่างเธอถวายตัวนั้นคือสิ่งที่ศักดิ์เจ้าหญิงไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอจะสนใจไปเพื่ออะไร ในเมื่อผู้คนในเมืองนี้ต่างถูกล้างสมอง และจำเธอไม่ได้เสียแล้ว
ทางเดินที่ลาดยาวเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่แล้วทุกสายตาก็จับจ้องมองมาที่เธออย่างสงสัย อาจเป็นเพราะเครื่องประทินโฉมของเธอนั้นช่างสะดุดตาผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มก็ต่างสงสัยโห่ร้องใส่เธอพันละวัน
“ข้าว่าเจ้าไม่ควรแต่งตัวมาเพื่อล้อตาล้อใจชายในเมืองนี้นักหรอกนะ” เสียงอันคุ้นชินจากทางด้านหลัง
“ข้าก็ไมเห็นว่าจะแปลก ที่เมืองของข้าหญิงชาวเมืองก็แต่งตัวเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น หรือเจ้าว่ามันแปลกไปหรือ?” วาเลนท์เซียเอ่ยถามราเควล์
“เจ้าลองมองไปรอบๆ เจ้าจะเห็นถึงความแตกต่าง”
“ข้าก็ไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหน” หญิงสาวกล่าวก่อนจะยิ้มยียวนให้กับชายหนุ่มอย่างไม่แยแส
“เจ้าเป็นหญิงประเภทใดกัน บางครั้งเจ้าก็แลดูอ่อนต่อโลก แต่บางครั้งเจ้าก็ดูกร่านโลกเสียเกินหญิง”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ราเควล์” หญิงสาวยังคงยิ้มอย่างยียวน
“ข้าไม่ไว้ใจเจ้าวาเลนท์เซีย” จากชายหนุ่มที่ดูจะเป็นคนยิ้มง่าย ในเวลานี้คงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เขาจะยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เพราะสิ่งที่วาเลนท์เซียได้กระทำไปนั้น ช่างไม่น่าไว้วางใจไปเสียทุกอย่าง
“นั่นก็เป็นความคิดส่วนของเจ้านะ แล้วแต่เจ้าจะคิดก็แล้วกัน ข้าไปล่ะ” เธอกล่าวก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนสีหน้าแคลงใจของชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“หวังว่าเจ้าคงไม่ผลักตนเองลงเหวหรอกนะ วาเลนท์เซีย” ราเควล์พึมพำอย่างเรียบเฉย แต่ร่างบางของหญิงสาวคงไม่มีโอกาสได้ยิน
ณ ตำหนักวังหลวง ที่ประทับของเจ้าชายกาเรทธ์
“นี่เจ้า ! เจ้า !” เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกวาเลนท์เซียจากทางด้านหลัง แต่ด้วยความที่เสียงนั้นไม่ได้เอ่ยเรียกชื่อสียงเรียงนามของเธอ เธอจึงไม่แน่ใจนักว่าเสียงนั้นเรียกเธอหรือไม่
เธอหันไปมองทางต้นเสียง พบหญิงสาวในชุดชาวเมือง ดวงตากลมโตดำขลับ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางอมชมพู ของเธอช่างทำให้เธอดูสวยงามและมีเสน่ห์นัก
“เจ้าเรียกข้าหรือ ?” วาเลนท์เซียเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วเข้าใส่ตนเอง
“ใช่ เจ้านั่นแหละ เจ้าชายกำลังให้พวกข้าออกตามหาเจ้าอยู่” หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดชาววังกล่าวบอกเธอก่อนที่จะเดินนำหน้าเธอไปตามทางลาดยาวของทางเข้าตำหนัก
“ตามหาข้างั้นหรือ? แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหญิงที่เจ้าชายต้องการพบนั่นคือข้า?”
“มีเจ้าเพียงผู้เดียวที่กล้าทำเรื่องราวที่หญิงชาวเมืองนางอื่นๆนั้นไม่กล้าทำ และอีกอย่างนั้นเรื่องของเจ้า หญิงสาวต่างเมือง ที่เข้าถวายตัวกับเจ้าชายโดยไร้สาเหตุนั้น ไม่เรื่องที่ไม่เคยปรากฏที่อนาตาเซ๊ยมาก่อนเลย” หญิงชาววังอธิบายให้วาเลนท์เซียฟัง
“งั้นหรือ ? อย่างไรก็ขอบใจเจ้ามากที่บอกข่าวคราวแก่ข้า ข้าชื่อวาเลนท์เซีย ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับมอบรอยยิ้มหวานให้กับเพื่อนใหม่
“ข้าชื่อ ซีเรีย .. ข้าพาเจ้ามาถึงที่หมายแล้ว ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ ไว้พบกันคราวหน้าก็แล้วกันเพื่อนใหม่ของข้า” ซีเรียยิ้มให้กับวาเลนท์เซียพร้อมกับเดินจากไป
หลักจากที่ซีเรียเดินจากไป คงจะได้เวลาแล้วที่เธอจะต้องก้าวผ่านความเกรงกลัว เพื่อเข้าไปหากาเรทธ์
ก๊อก ก๊อก
วาเลนท์เซียเคาะประตูเพื่อมารยาท และเพื่อเป็นการให้เกียรติ แก่ผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าตนเองในเวลานี้
“มาแล้วหรือ เจ้าหญิงของข้า ?” กาเรทธ์เอ่ยหลังจากที่วาเลนท์เซียเปิดประตูไม้ขนาดใหญ่ของตำหนักเข้าไป
เธอมองไปยังร่างสูงของกาเรทธ์ก่อนจะถวายบังคมด้วยการย่อเข่าอย่างสง่างาม ดวงตาเรียวสวยตวัดมองใบหน้าของชายหนุ่มอย่างพิสมัย ริมฝีปากบากผมชมพูอวบอิ่ม อมยิ้มหวายอย่างเย้ายวน
“เจ้าชายให้คนไปตามข้าหรือ?” เธอเอ่ยชายหนุ่มพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาอย่างว่าง่าย
“ข้าเฝ้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” กาเรทธ์ใช้มือข้างหนึ่งของเขาคว้าเข้าที่ขอมือเรียวของวาเลนท์เซีย พร้อมกับออกแรงดึงให้ร่างบางเสียหลักและตรงเข้ามาหา
“ท่านต้องการข้างั้นหรือ ?” หญิงสาวเอ่ยถาม ด้วยสีหน้าแววตายั่วยวนนัก คงจะเป็นเรื่องยากถ้าหากชายฉกรรจ์อย่างกาเรทธ์นั้นจะหักห้ามจิตใจไว้ได้
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไป แต่กลับเข้าประทับริมฝีปากร้อนระอุของตนเข้ากับริมฝีปากบางของหญิงสาวอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาส่งผ่านเข้าเพื่อสำรวจความหวานเฉกเช่นชอกโกแลตร้อนภายในร่างของหญิงสาว มือาของหน้าซุกไซ้ไปทั่วร่าง พร้อมกับฉีกเสื้อผ้าที่ถูกตัดเย็บมาอย่างปราณีตขาดกระจุยกระจาย
กาเรทธ์ใช้วงแขนอันแข็งแกร่งของตนช้อนร่างเล็กของวาเลนท์เซียไว้แอบอกและยกร่างของเธอไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ แต่ริมฝีปากของเขากลับไม่ได้เลิกราจากการประทับจูบลงบนใบหน้าของหญิงสาวเลย
เขาวางเธอลงอย่างอ่อนโยนก่อนจะทาบทับร่างของเธอด้วยร่างกายที่แข็งแรงของเขา ริมฝีปากร้อนระอุผละออกจากริมฝีปากบางของเธอ ก่อนจะให้ความสนใจกับต้นคอยาวระหงนั่น เขาดูดด่ำรสชาติความหอมของน้ำหอมกลิ่นพิเศษที่หญิงชาวเมืองธรรมดาจะได้ใช้พรมร่างกาย และยิ่งกลิ่นเหล่านี้ถูกพรมไว้ยังร่างของวาเลนท์เซีย ยิ่งน่าพิสมัยนัก
กาเรทธ์ผละออกจากร่างของหญิงสาวเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง จากร่างที่ยืนแน่นิ่งยอมให้เขาประทับริมฝีปาก แต่ในเวลานี้กลับดิ้นพล่าน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเปียกเต็มเนียนแก้มขาวเนียนของเธอ
กาเรท์ผละออกด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเล็กน้อย ที่ร่างบางตรงหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่อาจยับยั้งได้ ความไม่เข้าใจกำลังเข้ากอบกุมหัวใจของเขา อาจเป็นเพราะความเป็นสุภาพบุรุษที่ได้สาบาลตนไว้แล้วว่า จะไม่ยอมขืนใจหญิงสาวผู้ใดก็ตามที่ไม่พร้อมจะร่วมนอนกับตน
“วาเลนท์เซีย ทำไมเจ้าไม่ยอมข้า เจ้าถวายตัวให้ข้าแล้ว เจ้าจะผิดคำพูดอย่างนั้นหรือ ?” กาเรทธ์เอ่ยถามหลังจากที่ผละออกจากร่างบางนั้น
“ข้าเพิ่งจะคิดได้ว่า ข้าไม่ควรยอมเสียความเป็นหญิงบริสุทธิ์ เพื่อคนชั่วอย่างเจ้า” ด้วยความขาดสติวาเลนท์เซียจึงปล่อยน้ำตาที่เก็บกลั้นเอาไว้ออกมา พร้อมพูดจาต่อว่ากาเรทธ์อย่างไม่ทันรู้ตัว
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” ราเกทธ์ตวาดลั่น
“เจ้ายังไม่รู้ตัวเจ้าอีกหรือว่าเจ้านั้นจิตใจเลวร้ายเพียงใด เจ้าทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์ไปมากมายเท่าไหร่ เจ้าไม่เคยสำนึกบ้างเลยหรือ?” วาเลนท์เซียยังคงกล่าวต่อว่าทั้งนั้นตาที่เปียกแก้ม
“เจ้าว่าข้าเองนะวาเลนท์เซีย เจ้าจงจำคำพูดของเจ้าไว้ เจ้าว่าข้าเลวร้าย ข้าชั่วช้า ได้ ! ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าได้กล่าวไว้เพราะข้าถือว่าเจ้าต้องการ อย่าได้บังอาจมาทำปากดีต่อข้า เจ้าคือนางโลม นางโลมที่ไร้ศักดิ์ศรี !” ราเกทธ์ตวาดลั่นอีกครั้ง ก่อนจะเดินหนีร่างบางที่เปลือยเปล่าไป
วาเลนท์เซียปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้ง ก่อนจะแบบหน้าลงที่หมอนใหญ่สีขาว ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว และความแค้น
เธอไม่รู้เลยว่ายังมีใครอีกคนหนึ่งที่คอยมองเธออยู่ตลอดเวลา และในเวลานี้เมื่อเสียงสะอื้นของเธอดังระงมไปทั่วห้อง ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกับถูกคมมืดกรีดลงไปที่หัวใจ
ราเควล์ไม่อาจเดินจากไปได้ ถ้าหากเสียงร้องไห้ของเพื่อนคนใหม่ของเขายังคงร้องไห้ด้วยเสียงที่สั่นระริก เขาคงทำได้เพียงแค่รอเวลาให้หญิงสาวอ่นเพลียหมดแรงจากการร้องไห้ และหลับไป
ความคิดเห็น