คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่9 บังเอิญโลกกลม(3)
ตอนที่ 9 บังเอิญโลกกลม(3)
(มาร์ค)
หลังจากที่ผมสั่งเจ้าคนที่อยู่หน้าตึกเรียบร้อยแล้ว ผมก็วิ่งเข้ามาภายในตัวอาคารเก่าหลังนี้ทันที หลายคนคงสงสัยว่าผมว่าทำอะไรที่นี่....
เมื่อครึ่งชัวโมงก่อน...
“มาร์คฮยอง...ช่วยผมด้วย”
ผมรับสายจากแบมแบม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรเขาก็พูดขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น แบมแบม”
“ที่ตึกเก่าหลังโรงเรียน...ผมอยู่ที่นี่ครับ”
แบมแบมพูดเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องไห้
“ใจเย็นนะแบมแบม...ไม่ต้องกลัว พี่จะรีบไปหา”
“ค..ครับ...ฮยอง..มาเร็วๆนะครับ”
ผมวางสายจากแบมแบมแล้วรีบตรงไปที่ตึกนั่นทันที โดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร จนได้พบกับคนที่อยู่ด้านหน้าของตึก ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไรหรืออยู่ห้องไหน แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรู้จักผมเลย..ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมพูดไปแบบนั้น “หนึ่งชั่วโมง...ถ้าชั้นยังไม่ออกมาช่วยโทร.แจ้งตำรวจที”
นี่ผมขอความช่วยเหลือกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไงกัน ตอนนี้...ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เลย
ผมเดินขึ้นมายังชั้น 2 ของตึกหลังจากที่เดินสำรวจชั้นแรกแล้วไม่เจออะไร...แบมแบมไปอยู่ที่ไหน...นี่คือคำถามแรกเมื่อผมมาถึงที่นี่ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อที่จะกดหาเจ้าน้องตัวแสบ
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด
ผมรอสายซักพักก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย
“แบมแบม นายอยู่ไหนน่ะ”
ผมชิงพูดก่อน แต่ปลายสายก็ยังเงียบ...ชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วแฮะ...
“แบมแบม นายได้ยินพี่มั้ย”
“.......................................”
ปลายสายยังคงเงียบอยู่ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆจึงพยายามเงี่ยหูฟังเพราะรู้สึกว่าจะได้ยินเสียงแว่วๆมาจากปลายสาย
“......(พวกแกไม่น่ารนหาที่เลย)....”
...ไม่ไช่เสียงแบมแบม...นี่คือความคิดแรกของผม
“....(จับมาให้หมด....แล้วจัดการทีเดียว)...”
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
หลังจากคำพูดสุดท้ายจบลงสายก็ถูกตัดไป
หมับ
ผมหันควับทันทีเมื่อมีใครซักคนวางมือบ่นบ่าผม หมัดของผมเตรียมง้างขึ้นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปพบกับตัวต้นเหตุ...คนที่เจอหน้าตึกนี่...
“เฮ้ย! ใจเย็น..ชั้นเอง”
เขายกมือขึ้นมาปรามผม ทำให้ผมค่อยๆลดหมัดลงอย่างโล่งใจ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอ”
เจ้าคนนั้นถามผมอย่างสงสัย
“ชั้นจำได้ว่าบอกให้นายรออยู่ด้านนอกนี่”
ผมพูดกับเขา
“ชั้นจำเป็นต้องฟังนายด้วยหรอ”
เขาพูดเสียงนิ่งๆ แล้วหันมองไปรอบๆ ผมเลิกสนใจแล้วเดินไปข้างหน้าแต่ก็ไม่วายที่เขาจะตามมา
“นายจะตามมาทำไม”
ผมถามโดยที่ไม่หันไปมองเขา
“แค่บังเอิญจะไปทางเดียวกัน มันไม่ได้หมายความว่าชั้นตามนายซะหน่อย”
น้ำเสียงกวนๆของเขาทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรผมก็จำต้องดึงตัวเขาเข้ามาหาผมทันที ทำให้คนที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซล้มลงกับพื้น ส่วนผมใช้เท้าถีบคนที่มาใหม่ไม่ประสงค์ดีทันทีเมื่อจนอีกฝ่ายหงายหลังทำให้ไม้ที่เตรียมง้างจะฟาดเจ้าคนเมื่อกี้ล่วงหล่นไปด้วย
“ทำอะไรของนายน่ะ!”
คนที่ถูกดึงที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเงยหน้าขึ้นมาโวยวายกับผม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีอีกคนหนึ่งล้มจุกอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
“นั่นใครน่ะ!”
คนที่ทำท่าจะโวยวายกับผมเมื่อครู่รีบลุกขึ้นแล้วตะโกนถามออกไป...มันคงจะตอบหรอกนะ...แต่ด้วยใบหน้าที่ถูกคลุมด้วยหมวกโม่งสีดำทำให้ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร ไม่นานนักฝ่ายที่ไม่ประสงค์ดีก็ลุกขึ้นแล้วคว้าไม้เตรียมฟาดพวกเราอีก
“เฮ้ย!”
ทั้งผมและเจ้าคนข้างๆต่างก็หลบทันทีเมื่ออีกฝ่ายฟาดไม้มา
“ย่าส์!”
ผลั่ก!
เป็นผมที่ใช้เท้าฟาดไปที่กลางหลังอีกฝ่ายที่ไม่ประสงค์ดี ตึก ตึก ตึก..
ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางนี้ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเป็นพวกไหนทำให้ผมและเขาพากันวิ่งก่อนที่พวกนั้นจะมาถึง
“พวกนั้นเป็นนักเรียนอยู่เลยนะ ทำไมถึงทำรุนแรงขนาดนี้เนี้ย”
เจ้าคนข้างๆพูดขึ้นขณะที่เรากำลังวิ่งอยู่ ที่เจ้านี่รู้ก็เพราะว่าฝ่ายที่จะทำร้ายเราใส่ชุดนักเรียนเหมือนกับเราครับเพียงแต่ปิดบังใบหน้าเท่านั้น
“นายชื่ออะไร”
ผมถามเขาออกไปโดยที่เท้ายังไม่หยุดวิ่ง ทั้งที่รู้ว่าไม่ไช่เวลาแต่อย่างน้อยผมก็ควรรู้ว่าคนที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันชื่ออะไร
“จูเนียร์”
เจ้านั่น ไม่ซิ...จูเนียร์พูดออกมาโดยไม่โต้แย้งอะไร ขณะที่เท้าของผมกำลังวิ่งอยู่ ผมก็คิดไปถึงเรื่องของแบมแบมที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ผมล่ะเป็นห่วงน้องคนนี้จริงๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ไช่พี่น้องกันแท้ๆแต่เราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมรู้...ว่าเด็กคนนี้ขี้กลัวแค่ไหน แล้วทำไมเด็กขี้กลัวแบบนั้นถึงกล้าเข้ามาในที่แบบนี้ได้นะ...
“นี่มาร์ค...”
ผมหยุดวิ่งแล้วหันไปหาจูเนียร์ที่อยู่ๆก็หยุดกระทันหันแล้วเรียกผม
“มีอะไร”
ผมถามเขากลับไป
“รู้สึกไม่ค่อยดีเลยว่ะ...นี่เรากำลังวิ่งไปไหนกันหรอ”
คำถามของเขาทำให้ผมมองไปยังทางข้างหน้า...นั่นสิ นี่เราจะวิ่งไปไหน...
“ชั้นว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นที่นี่แน่ๆ ถ้าขืนเรามัวแต่วิ่งหนีอยู่แบบนี้เราก็จะไม่รู้เรื่องอะไรกันเลยนะ”
คำพูดของเขาทำให้ผมคิดได้ว่าผมมาที่นี่ทำไม...ต้องหาแบมแบมให้เจอ...
“นายกล้าเสี่ยงมั้ย”
ผมถามเขาออกไปเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ จูเนียร์ทำสีหน้างงๆ
“เสี่ยงยังไงหรอ”
“ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ นายเคยได้ยินม่ะ”
จูเนียร์ตกใจเมื่อเขารู้ความหมายคำว่าเสี่ยงของผม เพราะผมมั่นใจว่าแบมแบมต้องอยู่กับคนพวกนั้นแน่ๆ
“นายจะเสี่ยง...เพียงเพราะความอยากรู้เท่านั้นเองหรอ”
“ไม่ไช่เพราะความอยากรู้...แต่เพราะชั้นมีคนสำคัญที่จะต้องหาให้เจอ”
“แล้วถ้าหาไม่เจอล่ะ...ถ้าสมมติว่าทุกอย่างที่นายคิดมันผิดหมดล่ะนายจะทำยังไง”
จูเนียร์ถามผมกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วถ้ามันถูกล่ะ...นายคิดว่าชั้นจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตเหรอที่ไม่ทำมัน”
ผมตอบกลับ จูเนียร์ที่ตอนแรกมีท่าทีจะคัดค้านกลับมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ถ้านายจะหนีไปก็ได้นะ...ชั้นไม่โทษนายหรอก เพราะยังไงเราก็เพิ่งรู้จักกัน”
ที่ผมพูดไม่ไช่ประชด แต่ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่ล่ะ”
นี่คือคำตอบที่เขาตอบผมกลับมา คำตอบนั้นทำให้ผมสงสัยนิดหน่อย
“ชั้นก็ไม่อยากจะเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกัน”
หลังจากที่เงียบไปเขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เราสองคนยืนหยุดอยู่กับที่ได้ซักพักแล้ว อีกไม่นานพวกนั้นก็คงจะวิ่งมาถึงพวกเรา
ตึก ตึก ตึก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยซักพักก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเราทั้งสองคนมาล้อมเราไว้ ....พวกนี้เป็นใครกันนะ....คำถามนี้ดังขึ้นมาในหัวผมจนผมอยากจะเข้าไปกระชากหมวกโม่งดำที่พวกนั้นใช่พรางหน้าไว้ออก
“ใจเย็นมาร์ค”
เหมือนจูเนียร์จะรู้ว่าผมคิดอะไรเขาจึงจับแขนผมไว้แล้วพูดกับผมเบาๆ
“จับมันมา”
หนึ่งในกลุ่มนั่นบอก จากนั้นก็มีคนสี่คนเขามาจับแขนเราสองคนไว้
“จับมันไปมัดไว้รวมกัน...อยากรนหาที่กันดีนัก”
คนเดิมกับที่สั่งเมื่อตอนแรกพูดขึ้นอีกครั้ง...เจ้านี่ ดูท่าจะเป็นหัวโจกซินะ...
“แกจับน้องชั้นไปไช่มั้ย”
ผมถามเป็นการลองเชิง เจ้านั่นหันหน้ามามองผมทันที
“น้องแก...คนไหนล่ะ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีตัวสอดหลายคนเหลือเกิน”
คำพูดของเจ้านั่นทำให้ผมสงสัย...มีใครที่อยู่ที่นี่อีกงั้นหรอ...
“หรือแกจับเพื่อนชั้นไปด้วย!”
คราวนี้เป็นจูเนียร์ที่ตะโกนถามออกไป...ที่เจ้านี่ยอมเสี่ยงกับผมก็เพราะจะช่วยเพื่อนงั้นเหรอ...
“หึ ไว้ถึงที่พวกแกก็ไปดูเองแล้วกัน”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินนำออกไป ส่วนพวกที่เหลือก็เดินตามไปเช่นเดียวกันรวมถึงผมสองคนที่ถูกพวกของมันลากเอาไปด้วย ไม่นานนักพวกมันก็มาหยุดตรงห้องเรียนร้างห้องหนึ่งที่อยู่สุดทางเดินชั้นสอง เมื่อประตูถูกเปิดออกพวกผมสองคนก็ถูกผลักเข้าไปทันที
“มาร์คฮยอง!”
ผมหันไปตามเสียงเรียกทันที แล้วต้องตกใจเมื่อภาพที่ผมเห็นคือเด็กผู้ชายห้าคนที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้อยู่ที่มุมห้องโดยหนึ่งในนั้นคือคนที่ผมตามหาอยู่
“แบมแบม!”
ผมวิ่งตรงไปหาเด็กตัวเล็กที่ใบหน้าเปอะเปลื้อนด้วยน้ำตา แล้วกอดปลอบเขาทันที
“เจบี!”
คราวนี้เป็นเสียงจูเนียร์ที่ดังอยู่ไม่ไกลจากผมนัก ผมหันไปดูจูเนียร์ที่ตอนนี้พยายามเขย่าร่างใครซักคนที่นอนหมดสติอยู่ จะว่าไปคนอื่นๆที่ถูกจับมาต่างก็หมดสติกันทั้งนั้นจะเหลือก็แต่แบมแบมที่ยังไม่เป็นอะไร ผมกอดผู้เป็นน้องพลางลูบหัวไปเรื่อยๆ แล้วสังเกตมองรอบๆห้อง...ยังมีอีกคนหนึ่งนี่...ผมชะงักเมื่อหันไปเห็นอีกฟากเป็นผู้ชายที่สภาพดูสบั่กสบอมมากคนหนึ่งบนเสื้อผ้ามีแต่คราบเลือด สภาพของเขาเหมือนคนไม่รับรู้อะไรแล้ว
“จับมันมัดไว้”
หลังจากเสียงสั่งของคนที่คาดว่าเป็นหัวหน้า ทั้งผมและจูเนียร์ต่างก็ถูกจับแยกออกมาแล้วมัดมือมัดเท้าเหมือนกับคนอื่นๆ
“จูเนียร์ฮยอง!”
คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายตัวโตที่เหมือนจะเพิ่งฟื้นขึ้นมาพูดขึ้น ไม่ไช่แค่คนเดียวหรอกครับแต่คนที่เหลือก็เริ่มฟื้นขึ้นมากันแล้ว
“คิมยูคยอม...นายมาอยู่นี่ได้ไง”
จูเนียร์ถามกลับ เจ้าเด็กยักษ์ที่ชื่อยูคยอมดูยังงงๆอยู่จึงได้แต่ส่ายหัวไปมา
“ทำไมซวยอย่างนี้วะ”
เสียงจากคนที่นั่งข้างๆยูคยอมพูดขึ้น เจ้านี่ก็ดูท่าจะมึนกว่าคนอื่น เอ๊ะหรือว่าหน้าเจ้านี่มันมึนเอง
“นายกำลังนินทาชั้นในใจอยู่ไช่มั้ย”
ตาตี่ๆของเจ้านั่นหรี่มองมาที่ผม...มันอ่านใจคนออกด้วยหรอวะ...ถึงผมคิดผมก็ไม่พูดออกไปหรอกครับเพราะผมไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่ไม่รู้จักกันซักเท่าไหร่ ผมละความสนใจจากเจ้าคนหน้ามึนแล้วหันมาหาแบมแบมที่ตอนนี้เอาหัวพิงกับไหล่ของผม
“ไม่ต้องกลัวนะ...พี่อยู่นี่แล้ว”
แบมแบมเงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มให้เหมือนรับรู้สิ่งที่ผมพูด แค่นี้แหละที่ผมต้องการแค่ได้เห็นรอยยิ้มเด็กคนนี้
“จะเอายังไงกับพวกมันดี”
หนึ่งในกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีนั้นพูดขึ้น
“มันยังไม่จบ เจ้าคนที่เข้ามาที่นี่อีกคนอยู่ไหน”
....อีกคนหนึ่งงั้นหรอ ยังมีใครโชคร้ายอีกหรอ...
“คนของเราจับมันได้แล้ว เดี๋ยวคงมา”
หลังจบบทสนทนานั้น ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาพร้อมกับผลักร่างของผู้ชายที่คาดว่าถูกพูดถึงเมื่อซักครู่มาทางผม
“ย่าส์! บอกให้เบาๆไงวะ!”
เจ้านั่นโวยวายแล้วหันมาทางพวกผม
“นี่อย่าบอกนะว่าถูกจับมาหมดนี่เลย โอ้มายก๊อดด!”
ท่าทางแอคติ้งโอเวอร์ของเจ้านี่ช่างไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เลย ซักพักเจ้าคนที่โวยวายก็ถูกมัดเหมือนกับพวกผม
“หวัดดีทุกคน ชั้นชื่อแจ็คสัน หวังนะ”
หมอนั่นแนะนำตัวเอง ทำให้คนอื่นๆต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ...มันไช่เวลามั้ยเนี่ย...
“โอ๊ะ! นั่นเจ้าลิงเมากล้วยนี่”
หมอนั่นทักเมื่อหันไปหาเด็กผู้ชายที่หน้ามึนๆ ส่วนเจ้าคนที่ถูกทักกลับมีสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่อยากรู้จัก
“คนไร้มารยาท”
เด็กหน้ามึนตอกกลับ แต่เหมือนคนที่ทักเมื่อกี้จะไม่ได้ยิน ผมเลิกสนใจพวกนั้นแล้วหันไปดูอีกฝ่ายที่จับพวกเรามาเดินไปที่คนที่นอนซมอยู่อีกฟากหนึ่ง หนึ่งในนั้นใช่เท้าเขี่ยร่างที่สะบักบอมแต่ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่รู้สึกอะไร
“มันตายหรือยังวะ”
เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งผิดปกติ
“ชินโจว...”
ผมหันไปตามเสียงนั้น เป็นเจ้าเด็กยักษ์ที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจไม่ต่างจากคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆผม
“นายรู้จักเขาหรอ”
ผมถามแบมแบม
“ครับ...เขาอยู่ห้องเดียวกับผมแล้วก็ยูคยอม”
“ยูคยอมหรอ..”
ผมพูดทวนแล้วหันไปมองเจ้าเด็กยักษ์นั่นอีกครั้ง...ยูคยอมที่แบมแบมพูดคงจะเป็นเจ้านี่...
“เอาไงดีวะ”
“หึ...ไม่เห็นยาก”
ผมเห็นพวกนั้นปรึกษาอะไรกันซักพักแล้วหันมามองทางพวกผม...รู้สึกรางไม่ดีเลยแฮะ...เหมือนเรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แหงๆ ผมไม่รู้จะว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เพราะอยู่ๆพวกนั้นก็เดินออกจากห้องนี้ไป ประตูถูกปิดสนิทไม่นานนักก็มีควันสีขาวโพยพุ่งเข้ามาในห้องที่พวกเราอยู่
“เฮ้ย! ไฟไหม้เหรอวะ”
เจ้าคนที่ชอบโวยวายตะโกนขึ้น แล้วทุกคนก็มีท่าทีร้อนรนซักพักผมก็เริ่มรู้สึกมึนๆเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ
“มาร์คฮยอง...”
แบมแบมพูดแค่นั้นแล้วสลบไป ตอนนี้ตาผมพล่าเลือนไปหมดภาพทุกอย่างดับวูบลง นี่มันเรื่องวุ่นวายอะไรกัน ผมได้แต่ภาวนาขอให้ตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงความฝัน....
ความคิดเห็น