ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic got7 บังเอิญได้รัก(Incidentally love)

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่9 บังเอิญโลกกลม(3)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 57


    ตอนที่ 9 บังเอิญโลกกลม(3)

     

    (มาร์ค)

     

                    หลังจากที่ผมสั่งเจ้าคนที่อยู่หน้าตึกเรียบร้อยแล้ว ผมก็วิ่งเข้ามาภายในตัวอาคารเก่าหลังนี้ทันที  หลายคนคงสงสัยว่าผมว่าทำอะไรที่นี่....

    เมื่อครึ่งชัวโมงก่อน...

    มาร์คฮยอง...ช่วยผมด้วย

    ผมรับสายจากแบมแบม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรเขาก็พูดขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

    เกิดอะไรขึ้น แบมแบม

    ที่ตึกเก่าหลังโรงเรียน...ผมอยู่ที่นี่ครับ

    แบมแบมพูดเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องไห้

    ใจเย็นนะแบมแบม...ไม่ต้องกลัว พี่จะรีบไปหา

    ค..ครับ...ฮยอง..มาเร็วๆนะครับ

    ผมวางสายจากแบมแบมแล้วรีบตรงไปที่ตึกนั่นทันที  โดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร จนได้พบกับคนที่อยู่ด้านหน้าของตึก ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไรหรืออยู่ห้องไหน แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรู้จักผมเลย..ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมพูดไปแบบนั้น หนึ่งชั่วโมง...ถ้าชั้นยังไม่ออกมาช่วยโทร.แจ้งตำรวจที

    นี่ผมขอความช่วยเหลือกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไงกัน  ตอนนี้...ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เลย

                    ผมเดินขึ้นมายังชั้น 2  ของตึกหลังจากที่เดินสำรวจชั้นแรกแล้วไม่เจออะไร...แบมแบมไปอยู่ที่ไหน...นี่คือคำถามแรกเมื่อผมมาถึงที่นี่  ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อที่จะกดหาเจ้าน้องตัวแสบ

    ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด

    ผมรอสายซักพักก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย

    แบมแบม นายอยู่ไหนน่ะ

    ผมชิงพูดก่อน แต่ปลายสายก็ยังเงียบ...ชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วแฮะ...

    แบมแบม  นายได้ยินพี่มั้ย

    .......................................

    ปลายสายยังคงเงียบอยู่  ผมเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆจึงพยายามเงี่ยหูฟังเพราะรู้สึกว่าจะได้ยินเสียงแว่วๆมาจากปลายสาย

    ......(พวกแกไม่น่ารนหาที่เลย)....

    ...ไม่ไช่เสียงแบมแบม...นี่คือความคิดแรกของผม

    ....(จับมาให้หมด....แล้วจัดการทีเดียว)...

    ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

    หลังจากคำพูดสุดท้ายจบลงสายก็ถูกตัดไป

    หมับ

    ผมหันควับทันทีเมื่อมีใครซักคนวางมือบ่นบ่าผม  หมัดของผมเตรียมง้างขึ้นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปพบกับตัวต้นเหตุ...คนที่เจอหน้าตึกนี่...

    เฮ้ย!  ใจเย็น..ชั้นเอง

    เขายกมือขึ้นมาปรามผม ทำให้ผมค่อยๆลดหมัดลงอย่างโล่งใจ

    เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอ

    เจ้าคนนั้นถามผมอย่างสงสัย

    ชั้นจำได้ว่าบอกให้นายรออยู่ด้านนอกนี่

    ผมพูดกับเขา 

    ชั้นจำเป็นต้องฟังนายด้วยหรอ

    เขาพูดเสียงนิ่งๆ  แล้วหันมองไปรอบๆ ผมเลิกสนใจแล้วเดินไปข้างหน้าแต่ก็ไม่วายที่เขาจะตามมา

    นายจะตามมาทำไม

    ผมถามโดยที่ไม่หันไปมองเขา

    แค่บังเอิญจะไปทางเดียวกัน  มันไม่ได้หมายความว่าชั้นตามนายซะหน่อย

    น้ำเสียงกวนๆของเขาทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรผมก็จำต้องดึงตัวเขาเข้ามาหาผมทันที ทำให้คนที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซล้มลงกับพื้น ส่วนผมใช้เท้าถีบคนที่มาใหม่ไม่ประสงค์ดีทันทีเมื่อจนอีกฝ่ายหงายหลังทำให้ไม้ที่เตรียมง้างจะฟาดเจ้าคนเมื่อกี้ล่วงหล่นไปด้วย

    ทำอะไรของนายน่ะ!”

    คนที่ถูกดึงที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเงยหน้าขึ้นมาโวยวายกับผม  แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีอีกคนหนึ่งล้มจุกอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก 

    นั่นใครน่ะ!”

    คนที่ทำท่าจะโวยวายกับผมเมื่อครู่รีบลุกขึ้นแล้วตะโกนถามออกไป...มันคงจะตอบหรอกนะ...แต่ด้วยใบหน้าที่ถูกคลุมด้วยหมวกโม่งสีดำทำให้ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร  ไม่นานนักฝ่ายที่ไม่ประสงค์ดีก็ลุกขึ้นแล้วคว้าไม้เตรียมฟาดพวกเราอีก

    เฮ้ย!”

    ทั้งผมและเจ้าคนข้างๆต่างก็หลบทันทีเมื่ออีกฝ่ายฟาดไม้มา

    ย่าส์!”

    ผลั่ก!

    เป็นผมที่ใช้เท้าฟาดไปที่กลางหลังอีกฝ่ายที่ไม่ประสงค์ดี  ตึก ตึก ตึก..

    ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางนี้ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเป็นพวกไหนทำให้ผมและเขาพากันวิ่งก่อนที่พวกนั้นจะมาถึง

    พวกนั้นเป็นนักเรียนอยู่เลยนะ ทำไมถึงทำรุนแรงขนาดนี้เนี้ย

    เจ้าคนข้างๆพูดขึ้นขณะที่เรากำลังวิ่งอยู่  ที่เจ้านี่รู้ก็เพราะว่าฝ่ายที่จะทำร้ายเราใส่ชุดนักเรียนเหมือนกับเราครับเพียงแต่ปิดบังใบหน้าเท่านั้น

    นายชื่ออะไร

    ผมถามเขาออกไปโดยที่เท้ายังไม่หยุดวิ่ง  ทั้งที่รู้ว่าไม่ไช่เวลาแต่อย่างน้อยผมก็ควรรู้ว่าคนที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันชื่ออะไร

    จูเนียร์

    เจ้านั่น  ไม่ซิ...จูเนียร์พูดออกมาโดยไม่โต้แย้งอะไร ขณะที่เท้าของผมกำลังวิ่งอยู่ ผมก็คิดไปถึงเรื่องของแบมแบมที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง  ผมล่ะเป็นห่วงน้องคนนี้จริงๆ  ถึงแม้ว่าเราจะไม่ไช่พี่น้องกันแท้ๆแต่เราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ  ผมรู้...ว่าเด็กคนนี้ขี้กลัวแค่ไหน  แล้วทำไมเด็กขี้กลัวแบบนั้นถึงกล้าเข้ามาในที่แบบนี้ได้นะ... 

    นี่มาร์ค...

    ผมหยุดวิ่งแล้วหันไปหาจูเนียร์ที่อยู่ๆก็หยุดกระทันหันแล้วเรียกผม

    มีอะไร

    ผมถามเขากลับไป

    รู้สึกไม่ค่อยดีเลยว่ะ...นี่เรากำลังวิ่งไปไหนกันหรอ

    คำถามของเขาทำให้ผมมองไปยังทางข้างหน้า...นั่นสิ นี่เราจะวิ่งไปไหน...

    ชั้นว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นที่นี่แน่ๆ  ถ้าขืนเรามัวแต่วิ่งหนีอยู่แบบนี้เราก็จะไม่รู้เรื่องอะไรกันเลยนะ

    คำพูดของเขาทำให้ผมคิดได้ว่าผมมาที่นี่ทำไม...ต้องหาแบมแบมให้เจอ...

    นายกล้าเสี่ยงมั้ย

    ผมถามเขาออกไปเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้  จูเนียร์ทำสีหน้างงๆ

    เสี่ยงยังไงหรอ

    ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ  นายเคยได้ยินม่ะ

    จูเนียร์ตกใจเมื่อเขารู้ความหมายคำว่าเสี่ยงของผม  เพราะผมมั่นใจว่าแบมแบมต้องอยู่กับคนพวกนั้นแน่ๆ 

    นายจะเสี่ยง...เพียงเพราะความอยากรู้เท่านั้นเองหรอ

    ไม่ไช่เพราะความอยากรู้...แต่เพราะชั้นมีคนสำคัญที่จะต้องหาให้เจอ

    แล้วถ้าหาไม่เจอล่ะ...ถ้าสมมติว่าทุกอย่างที่นายคิดมันผิดหมดล่ะนายจะทำยังไง

    จูเนียร์ถามผมกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    แล้วถ้ามันถูกล่ะ...นายคิดว่าชั้นจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตเหรอที่ไม่ทำมัน

    ผมตอบกลับ  จูเนียร์ที่ตอนแรกมีท่าทีจะคัดค้านกลับมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่

    ถ้านายจะหนีไปก็ได้นะ...ชั้นไม่โทษนายหรอก เพราะยังไงเราก็เพิ่งรู้จักกัน

    ที่ผมพูดไม่ไช่ประชด  แต่ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ

    ไม่ล่ะ

    นี่คือคำตอบที่เขาตอบผมกลับมา  คำตอบนั้นทำให้ผมสงสัยนิดหน่อย

    ชั้นก็ไม่อยากจะเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกัน

    หลังจากที่เงียบไปเขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง  ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ  เราสองคนยืนหยุดอยู่กับที่ได้ซักพักแล้ว  อีกไม่นานพวกนั้นก็คงจะวิ่งมาถึงพวกเรา

    ตึก ตึก ตึก

    เป็นอย่างที่คิดไว้จริงเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยซักพักก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเราทั้งสองคนมาล้อมเราไว้ ....พวกนี้เป็นใครกันนะ....คำถามนี้ดังขึ้นมาในหัวผมจนผมอยากจะเข้าไปกระชากหมวกโม่งดำที่พวกนั้นใช่พรางหน้าไว้ออก

    ใจเย็นมาร์ค

    เหมือนจูเนียร์จะรู้ว่าผมคิดอะไรเขาจึงจับแขนผมไว้แล้วพูดกับผมเบาๆ

    จับมันมา

    หนึ่งในกลุ่มนั่นบอก  จากนั้นก็มีคนสี่คนเขามาจับแขนเราสองคนไว้

    จับมันไปมัดไว้รวมกัน...อยากรนหาที่กันดีนัก

    คนเดิมกับที่สั่งเมื่อตอนแรกพูดขึ้นอีกครั้ง...เจ้านี่ ดูท่าจะเป็นหัวโจกซินะ...

    แกจับน้องชั้นไปไช่มั้ย

    ผมถามเป็นการลองเชิง เจ้านั่นหันหน้ามามองผมทันที

    น้องแก...คนไหนล่ะ  รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีตัวสอดหลายคนเหลือเกิน

    คำพูดของเจ้านั่นทำให้ผมสงสัย...มีใครที่อยู่ที่นี่อีกงั้นหรอ...

    หรือแกจับเพื่อนชั้นไปด้วย!”

    คราวนี้เป็นจูเนียร์ที่ตะโกนถามออกไป...ที่เจ้านี่ยอมเสี่ยงกับผมก็เพราะจะช่วยเพื่อนงั้นเหรอ...

    หึ  ไว้ถึงที่พวกแกก็ไปดูเองแล้วกัน

    มันพูดแค่นั้นแล้วเดินนำออกไป  ส่วนพวกที่เหลือก็เดินตามไปเช่นเดียวกันรวมถึงผมสองคนที่ถูกพวกของมันลากเอาไปด้วย  ไม่นานนักพวกมันก็มาหยุดตรงห้องเรียนร้างห้องหนึ่งที่อยู่สุดทางเดินชั้นสอง  เมื่อประตูถูกเปิดออกพวกผมสองคนก็ถูกผลักเข้าไปทันที

    มาร์คฮยอง!”

    ผมหันไปตามเสียงเรียกทันที  แล้วต้องตกใจเมื่อภาพที่ผมเห็นคือเด็กผู้ชายห้าคนที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้อยู่ที่มุมห้องโดยหนึ่งในนั้นคือคนที่ผมตามหาอยู่

    แบมแบม!”

    ผมวิ่งตรงไปหาเด็กตัวเล็กที่ใบหน้าเปอะเปลื้อนด้วยน้ำตา  แล้วกอดปลอบเขาทันที

    เจบี!”

    คราวนี้เป็นเสียงจูเนียร์ที่ดังอยู่ไม่ไกลจากผมนัก  ผมหันไปดูจูเนียร์ที่ตอนนี้พยายามเขย่าร่างใครซักคนที่นอนหมดสติอยู่  จะว่าไปคนอื่นๆที่ถูกจับมาต่างก็หมดสติกันทั้งนั้นจะเหลือก็แต่แบมแบมที่ยังไม่เป็นอะไร  ผมกอดผู้เป็นน้องพลางลูบหัวไปเรื่อยๆ  แล้วสังเกตมองรอบๆห้อง...ยังมีอีกคนหนึ่งนี่...ผมชะงักเมื่อหันไปเห็นอีกฟากเป็นผู้ชายที่สภาพดูสบั่กสบอมมากคนหนึ่งบนเสื้อผ้ามีแต่คราบเลือด สภาพของเขาเหมือนคนไม่รับรู้อะไรแล้ว

    จับมันมัดไว้

    หลังจากเสียงสั่งของคนที่คาดว่าเป็นหัวหน้า  ทั้งผมและจูเนียร์ต่างก็ถูกจับแยกออกมาแล้วมัดมือมัดเท้าเหมือนกับคนอื่นๆ

    จูเนียร์ฮยอง!”

    คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายตัวโตที่เหมือนจะเพิ่งฟื้นขึ้นมาพูดขึ้น  ไม่ไช่แค่คนเดียวหรอกครับแต่คนที่เหลือก็เริ่มฟื้นขึ้นมากันแล้ว

    คิมยูคยอม...นายมาอยู่นี่ได้ไง

    จูเนียร์ถามกลับ  เจ้าเด็กยักษ์ที่ชื่อยูคยอมดูยังงงๆอยู่จึงได้แต่ส่ายหัวไปมา

    ทำไมซวยอย่างนี้วะ

    เสียงจากคนที่นั่งข้างๆยูคยอมพูดขึ้น  เจ้านี่ก็ดูท่าจะมึนกว่าคนอื่น เอ๊ะหรือว่าหน้าเจ้านี่มันมึนเอง

    นายกำลังนินทาชั้นในใจอยู่ไช่มั้ย

    ตาตี่ๆของเจ้านั่นหรี่มองมาที่ผม...มันอ่านใจคนออกด้วยหรอวะ...ถึงผมคิดผมก็ไม่พูดออกไปหรอกครับเพราะผมไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่ไม่รู้จักกันซักเท่าไหร่  ผมละความสนใจจากเจ้าคนหน้ามึนแล้วหันมาหาแบมแบมที่ตอนนี้เอาหัวพิงกับไหล่ของผม

    ไม่ต้องกลัวนะ...พี่อยู่นี่แล้ว

    แบมแบมเงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มให้เหมือนรับรู้สิ่งที่ผมพูด  แค่นี้แหละที่ผมต้องการแค่ได้เห็นรอยยิ้มเด็กคนนี้

    จะเอายังไงกับพวกมันดี

    หนึ่งในกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีนั้นพูดขึ้น

    มันยังไม่จบ  เจ้าคนที่เข้ามาที่นี่อีกคนอยู่ไหน

    ....อีกคนหนึ่งงั้นหรอ  ยังมีใครโชคร้ายอีกหรอ...

    คนของเราจับมันได้แล้ว เดี๋ยวคงมา

    หลังจบบทสนทนานั้น  ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาพร้อมกับผลักร่างของผู้ชายที่คาดว่าถูกพูดถึงเมื่อซักครู่มาทางผม

    ย่าส์! บอกให้เบาๆไงวะ!”

    เจ้านั่นโวยวายแล้วหันมาทางพวกผม

    นี่อย่าบอกนะว่าถูกจับมาหมดนี่เลย  โอ้มายก๊อดด!”

    ท่าทางแอคติ้งโอเวอร์ของเจ้านี่ช่างไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เลย  ซักพักเจ้าคนที่โวยวายก็ถูกมัดเหมือนกับพวกผม

    หวัดดีทุกคน ชั้นชื่อแจ็คสัน หวังนะ

    หมอนั่นแนะนำตัวเอง  ทำให้คนอื่นๆต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ...มันไช่เวลามั้ยเนี่ย...

    โอ๊ะ! นั่นเจ้าลิงเมากล้วยนี่

    หมอนั่นทักเมื่อหันไปหาเด็กผู้ชายที่หน้ามึนๆ  ส่วนเจ้าคนที่ถูกทักกลับมีสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่อยากรู้จัก

    คนไร้มารยาท

    เด็กหน้ามึนตอกกลับ  แต่เหมือนคนที่ทักเมื่อกี้จะไม่ได้ยิน  ผมเลิกสนใจพวกนั้นแล้วหันไปดูอีกฝ่ายที่จับพวกเรามาเดินไปที่คนที่นอนซมอยู่อีกฟากหนึ่ง  หนึ่งในนั้นใช่เท้าเขี่ยร่างที่สะบักบอมแต่ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่รู้สึกอะไร

    มันตายหรือยังวะ

    เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งผิดปกติ

    ชินโจว...

    ผมหันไปตามเสียงนั้น  เป็นเจ้าเด็กยักษ์ที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจไม่ต่างจากคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆผม

    นายรู้จักเขาหรอ

    ผมถามแบมแบม

    ครับ...เขาอยู่ห้องเดียวกับผมแล้วก็ยูคยอม

    ยูคยอมหรอ..

    ผมพูดทวนแล้วหันไปมองเจ้าเด็กยักษ์นั่นอีกครั้ง...ยูคยอมที่แบมแบมพูดคงจะเป็นเจ้านี่...

    เอาไงดีวะ

    หึ...ไม่เห็นยาก

    ผมเห็นพวกนั้นปรึกษาอะไรกันซักพักแล้วหันมามองทางพวกผม...รู้สึกรางไม่ดีเลยแฮะ...เหมือนเรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แหงๆ  ผมไม่รู้จะว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เพราะอยู่ๆพวกนั้นก็เดินออกจากห้องนี้ไป  ประตูถูกปิดสนิทไม่นานนักก็มีควันสีขาวโพยพุ่งเข้ามาในห้องที่พวกเราอยู่

    เฮ้ย!  ไฟไหม้เหรอวะ

    เจ้าคนที่ชอบโวยวายตะโกนขึ้น แล้วทุกคนก็มีท่าทีร้อนรนซักพักผมก็เริ่มรู้สึกมึนๆเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ

    มาร์คฮยอง...

    แบมแบมพูดแค่นั้นแล้วสลบไป  ตอนนี้ตาผมพล่าเลือนไปหมดภาพทุกอย่างดับวูบลง นี่มันเรื่องวุ่นวายอะไรกัน  ผมได้แต่ภาวนาขอให้ตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงความฝัน....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×