คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่7 บังเอิญโลกกลม(1)
ตอนที่ 7 บังเอิญโลกกลม(1)
(ยองแจ)
การที่เราได้พบเจอและรู้จักใครซักคนหนึ่งผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่โลกมันกลมเกินไปหรือเพราะโชคชะตาเองที่กำหนดให้มันเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นเพราะโลกมันกลมผมก็จะปล่อยให้มันผ่านไป แต่ถ้าเป็นเพราะโชคชะตาผมควรจะปล่อยทุกสิ่งให้ผ่านพ้นไปหรือจะหยุดเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นดี หนังสือหน้าเดิมๆที่ผมเปิดมันครั้งแล้วครั้งเล่า อ่านจนรู้ว่าในแต่ละหน้ามันบรรยายถึงอะไรบ้าง “เพราะชั้นไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากที่จะทำอะไรคนเดียวไงล่ะ” คำพูดของเจ้าคนท่าทางแปลกๆเมื่อตอนเช้าจู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม
“เฮ้อ.....”
ผมถอนใจแล้วมองไปนอกหน้าต่าง เห็นใครๆต่างก็สนุกสนานพูดคุยเล่นกัน ผมก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้างนะ แต่...คงไม่มีใครอยากจะพูดคุยกับผมหรอก ผมมันก็แค่เด็กบ้านนอก ผมลุกเดินออกมาจากห้องเรียนทั้งๆที่อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงชั่วโมงเรียนแล้ว ผมเดินมาเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายจนถึงอาคารเรียนเล็กๆหลังหนึ่ง อาคารที่เป็นตึกเก่าๆแต่ก็ยังพอใช้การได้ แต่ตอนนี้คงไม่มีใครอยากใช้แล้วล่ะดูสภาพตอนนี้ซิกลายเป็นที่เก็บของไปซะแล้ว
“อ๊ากกกก!”
ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังลอดออกมาจากภายในตึก...หรือว่า ผมจะเจอกับคุณผีเฮี้ยนซะแล้ว ไม่เอานะ ชเว ยองแจคนนี้ยังไม่อยากรู้จักกับผี....ผมคิดได้ดังนั้นผมจึงรีบหันหลังกลับเตรียมตัววิ่งหนีทันที
“ชะ...ช่วยด้วย..ใครก็ได้ ช่วยด้วย...”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าก็มีเสียงเดิมพูดขึ้น ถ้าเกิดไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่กำลังจะถูกทำร้ายล่ะ ผมเริ่มไม่แน่ใจซะแล้วล่ะครับ จากที่จะวิ่งหนีผมกลับตัดสินใจค่อยๆเดินเข้าไปข้างใน ภายในตัวอาคารก็มีสภาพไม่ต่างกับด้านนอกเท่าไหร่คือทั้งอับทั้งเก่า ไม่รู้ว่าโรงเรียนจะเก็บอาคารนี้ไว้ทำไมกันนะ ทั้งเก่าทั้งหลอน
“อั่กก..แค่กๆ!”
เสียงนี้อีกแล้ว เสียงเหมือนคนถูกซ้อมเลย ผมค่อยๆเดินตามเสียงนั้นไปจนหยุดอยู่ที่ห้องเรียนเก่าๆห้องหนึ่งที่มีแสงลอดออกมาเล็กน้อย
“เฮ้ย! พอเถอะว่ะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
มีเสียงหนึ่งพูดขึ้น ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆกับประตู ที่พอมีช่องเล็กๆในเห็นภาพภายในได้บ้าง ภาพที่ผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสภาพสบั่กสบอมมากๆนอนกระอั่กเลือดอยู่กับพื้นที่สกปรก โดยมีผู้ชายประมาณ 3-4 คน ยืนล้อมรอบอยู่ แต่ผมไม่เห็นหน้าว่าเป็นใครเพราะช่องที่มีให้ผมแอบดูนั้นมันเล็กเกินไปจะเห็นก็แค่ขาของพวกเขาเท่านั้น...เอาไงดีวะ ยองแจเอ๊ย....
ผมเริ่มลนลานไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งได้ยินเสียงที่พวกนั้นรุมทำร้ายอีกคนที่อยู่บนพื้นมันยิ่งทำให้ผมตื่นกลัวขึ้นไปอีก...แจ้งตำรวจ ต้องแจ้งตำรวจ....
นี่คือสิ่งแรกที่ผมคิดได้แล้วควานหามือถือในกระเป๋ากางเกง...ไม่มี มือถือไปอยู่ไหนวะ...ให้มันได้อย่างนี้ซิยังกับในละครที่เวลาฉุกเฉินขึ้นมาทีไรมือถือพากันหายหมด นี่ถ้ามาสิบคนก็จะลืมมือถือกันสิบคนให้ตายเถอะเอาไงดีวะ...ต้องไปตามคนมาช่วย....คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบกลับตัวเพื่อจะวิ่งไปตามคนมาช่วย
โครม! ด้วยความไม่ทันระวังทำให้ผมวิ่งชนกับโต๊ะเก่าๆที่ตั้งอยู่ระเกะระกะล้มระเนระนาดจนตัวเองล้มฟุปลงกับพื้น
“เฮ้ย! เสียงอะไรวะ ไปดูดิ๊”
ผมรีบลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามา...เอาไงดี เอาไงดี ยองแจเอ๊ย เพื่อนก็ไม่มีแล้วยังจะมีศัตรูอีก...ผมวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งอยู่ส่วนไหนของตึกเพียงแค่วิ่งโดยไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวเองให้รอดซะก่อน...ผมจะรอดไหมนะ ฮือๆ...
(ยูคคยอม)
...ออกมาหาชั้นที่ตึกร้างหน่อย...
ชินโจว
จู่ๆผมก็ได้รับข้อความจากเพื่อนในห้องที่ผมค่อนข้างสนิทคนหนึ่ง...ชินโจว... หลังจากที่ได้รับข้อความผมก็บึ่งไปยังจุดหมายทันที ทั้งที่ใกล้จะถึงชั่วโมงเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เมื่อมาถึงตึกร้างที่อยู่เกือบสุดหลังโรงเรียนผมก็มองหาชินโจวทันที แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ชินโจว”
ผมเรียกเสียงไม่ดังมากนัก เพราะถ้าเขาเป็นคนนัดผมมาจริงๆเขาก็น่าจะอยู่แถวๆนี้
“นี่ ชินโจว นายอยู่ไหนน่ะ”
ผมเรียกเขาอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือความว่างเปล่า...หรือว่าเราจะโดนแกล้ง...ผมคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินกลับ แต่ทว่าผมกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากภายในตึก
โครม!
“หยุด นะเว้ย!!”
เสียงที่ผมได้ยินน่าจะมาจากเสียงล้มของอะไรซักอย่าง แต่เสียงที่ตามหลังมานี่ซิมันเริ่มแปลกๆซะแล้ว
...เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น....
ผมไม่รีรอรีบวิ่งเข้าไปภายใจตึกนั้นทันที เพราะถ้าขืนเขาชักช้าอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาแน่ๆ...ใช่แล้ว ชินโจวอาจจะอยู่ในนั้น....
“ชินโจว! นายอยู่ไหนน่ะ!”
คราวนี้ผมเรียกเสียงดังขึ้นอีก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ซักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครซักคนวิ่งตรงมาทางนี้...อาจจะเป็นชินโจว...เมื่อคิดได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนตัวเอง ผมก็รีบวิ่งสวนไปทางที่ได้ยินเสียงฝีเท้านั้นทันที
“เฮ้ย!”
ผมตกใจเมื่อคนที่ผมคาดว่าจะเป็นเพื่อนตัวเองกลับไม่ไช่...ใครวะ...คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวผมโดยอัตโนมัติ ผมมองหน้ามึนๆของคนข้างที่มีท่าทีตื่นตกใจสภาพเหมือนกับวิ่งหนีอะไรมา
“นายเป็นใครน่ะ”
ผมถามเขาออกไป เขาชักสีหน้าเล็กน้อย
“นายได้เป็นพวกเดียวกันกับพวกนั้นมั้ย”
เขาไม่ได้ตอบคำถามผม แต่กลับเป็นฝ่ายที่ถามผมกลับมาแทน
“พวกไหน นี่นายวิ่งหนีใครมา”
ผมถามพร้อมกับมองไปข้างหลังเขาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาวิ่งหืดกระหอบมาอย่างนี้
“แย่แล้ว!...นี่รีบหนีกันเถอะ เดี๋ยวพวกมันตามมาทัน”
หมอนั่นพูดจบก็รีบกระชากมือผมวิ่งทันที
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ชั้นงงไปหมดแล้วนะ”
ผมถามขณะที่กำลังวิ่งอยู่
“วิ่งไปก่อนเถอะน่า”
“แล้วนี่นายจะวิ่งไปถึงไหน วิ่งมาทางนี้มายิ่งไกลกับทางออกนะ”
ผมพูดเมื่อเห็นว่าเราทั้งคู่ วิ่งมาทางที่ไม่ไช่ทางออก
“แล้วไม่บอกแต่แรกล่ะ”
เขาหยุดวิ่งแล้วหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ...สรุปผมผิด...
“ตามมานี่”
ผมบอกแล้วเดินนำมา ผมพาเขาเดินมาที่ห้องเรียนที่อยู่ใกล้ๆพอเปิดประตูเข้าไปภายในมีทั้งฝุ่น ทั้งกลิ่นอับ เราทั้งคู่ต่างก็จามไปตามๆกัน ผมเห็นเขาใช้มือปัดไล่ฝุ่นไปมาแล้วทำหน้าแหยๆ
...หูึ พวกเด็กอนามัย...
“นี่นายกำลังใช้คำหยาบคายด่าชั้นในใจอยู่ใช่มั้ย”
เขาพูดพร้อมกับใช้ตาตี่ๆหรี่มองผมอย่างจับผิด ผมได้ยักไหล่แล้วเดินหนีมาอย่างไม่สนใจ ในห้องนี้น่าจะมีที่ให้ซ่อนซักที่ซิ ผมมองหาสิ่งที่น่าจะใช้หลบภัยได้
“แย่แล้ว...พวกมันกำลังมาทางนี้”
หมอนั่นหันมาบอกกับผมหลังจากที่เขาชะโงกหน้าไปดูที่ประตู
“มานี่ มาแอบใต้นี้”
ผมเรียกให้เขาเข้ามาใต้โต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่าโต๊ะอื่นคาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะของครูที่ไม่ใช่แล้ว
“ยี้..สกปรก”
ท่าทางขยะแหยงของเขาทำให้ผมนึกหมั่นไส้ขึ้นมา
“อยากสกปรกเพราะฝุ่นหรืออยากสกปรกเพราะเลือดเลือกเอา”
“ชิส์...เป็นแค่เด็กปีหนึ่ง อย่ามาทำอวดดีไปหน่อยเลย”
...เขารู้ได้ไง...
“ดาวบนปกเสื้อนายไง”
เขาบอกหลังจากที่สังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของผม แล้วผมก็มองที่ปกเสื้อของเขา...ปีสองหรอ...
“มันไปไหนแล้ววะ!”
เราสองคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาแล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่พวกเราใช้ซ่อนตัวอยู่
“ถ้าเกิดมันเห็นพวกเราแล้วจะทำไงวะ”
อีกเสียงหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
“ก็อัดมันให้ยับเหมือนกับเจ้านั่นไงล่ะ”
“เฮ้ย! แย่แล้วว่ะ มีคนมาพาเจ้านั่นไปแล้ว”
จู่ๆก็มีคนหนึ่งวิ่งมาพูดด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ ผมกับ...ใครวะนั่งอยู่ด้วยกันตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อเลย...
“ยองแจ”
คนตรงหน้าผมพูดเสียงเบาๆ โดยที่สายตาของเขายังคงเฝ้าสังเกตคนตรงหน้าห้องอยู่
“นายอ่านใจคนเป็นด้วยหรอ”
“เงียบเถอะน่า”
เขาพูดตัดรำคาญ
“มันเป็นใครวะ”
ผมละจากความสนใจเมื่อครู่ แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่คนพวกนั้นกำลังคุยกัน
“ชั้นไม่รู้ พอไปถึงก็ไม่เห็นเจ้านั่นอยู่แล้ว สงสัยคงมีคนพามันหนีออกไปแล้วแน่เลย ทำไงดีวะ”
“มันคงยังไม่ได้ออกจากตึกนี้ไปหรอก”
“ไปดักพวกมันที่ทางออกแล้วโทรบอกพวกเราให้มาเพิ่ม เหมือนเรื่องนี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วว่ะ”
ซักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้น ผมกับยองแจรอจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครย้อนกลับมาแล้วจึงพากันเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างระมัดระวัง
“นี่...มีใครที่อยู่ที่นี่นอกจากพวกเราอีกหรอ”
ผมถามคนที่เป็นรุ่นพี่
“เท่าที่รู้...มีอีกคนที่โดนซ้อมอยู่ที่ชั้น 2 แล้วก็...อีกคนที่เพิ่งเข้ามาช่วยเขาออกไป”
ยองแจพูดแล้วหันมามองทางผม
“แล้วนายเข้ามาที่นี่ทำไมหรอ”
เขาถามผมต่อผมจึงหยิบมือถือแล้วโชว์ข้อความที่ได้รับให้เขาดู เป็นข้อความของชินโจวที่ส่งมาให้ผม
“ชินโจว...คือใครน่ะ”
“เพื่อนผมเอง...แต่ผมหาเขาไม่เจอ”
“หวังว่าจะไม่ไช่คนที่ถูกซ้อมปางตายนั่นนะ”
คำพูดของเขาทำให้ผมเริ่มเอะใจ ถ้านี่เป็นข้อความที่ชินโจวส่งมาให้ผมจริงแล้วเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน...ผมว่าเรื่องนี้เริ่มไม่ธรรมดาซะแล้วซิ ตอนนี้เหมือนผมกำลังแก้ปริศนาอะไรซักอย่าง จากที่แค่จะมาหาเพื่อนกลายเป็นว่ามาเจอกับคนหน้ามึนที่กำลังวิ่งหนีกลุ่มคนปริศนาที่ดูเหมือนจะอันตราย แล้วยังจะมีคนที่ถูกซ้อมอีก ตอนนี้ผมเริ่มสับสนเหตุการณ์ต่างๆทำให้ผมงงไปหมดแล้ว....
ความคิดเห็น