ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic got7 บังเอิญได้รัก(Incidentally love)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่7 บังเอิญโลกกลม(1)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 57


    ตอนที่ 7  บังเอิญโลกกลม(1)

    (ยองแจ)

     

                    การที่เราได้พบเจอและรู้จักใครซักคนหนึ่งผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่โลกมันกลมเกินไปหรือเพราะโชคชะตาเองที่กำหนดให้มันเป็นอย่างนั้น  ถ้าเป็นเพราะโลกมันกลมผมก็จะปล่อยให้มันผ่านไป แต่ถ้าเป็นเพราะโชคชะตาผมควรจะปล่อยทุกสิ่งให้ผ่านพ้นไปหรือจะหยุดเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นดี  หนังสือหน้าเดิมๆที่ผมเปิดมันครั้งแล้วครั้งเล่า อ่านจนรู้ว่าในแต่ละหน้ามันบรรยายถึงอะไรบ้าง  เพราะชั้นไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากที่จะทำอะไรคนเดียวไงล่ะ คำพูดของเจ้าคนท่าทางแปลกๆเมื่อตอนเช้าจู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม

    เฮ้อ.....

    ผมถอนใจแล้วมองไปนอกหน้าต่าง เห็นใครๆต่างก็สนุกสนานพูดคุยเล่นกัน ผมก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้างนะ แต่...คงไม่มีใครอยากจะพูดคุยกับผมหรอก ผมมันก็แค่เด็กบ้านนอก  ผมลุกเดินออกมาจากห้องเรียนทั้งๆที่อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงชั่วโมงเรียนแล้ว  ผมเดินมาเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายจนถึงอาคารเรียนเล็กๆหลังหนึ่ง อาคารที่เป็นตึกเก่าๆแต่ก็ยังพอใช้การได้ แต่ตอนนี้คงไม่มีใครอยากใช้แล้วล่ะดูสภาพตอนนี้ซิกลายเป็นที่เก็บของไปซะแล้ว

    อ๊ากกกก!”

    ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังลอดออกมาจากภายในตึก...หรือว่า ผมจะเจอกับคุณผีเฮี้ยนซะแล้ว ไม่เอานะ ชเว ยองแจคนนี้ยังไม่อยากรู้จักกับผี....ผมคิดได้ดังนั้นผมจึงรีบหันหลังกลับเตรียมตัววิ่งหนีทันที

    ชะ...ช่วยด้วย..ใครก็ได้ ช่วยด้วย...

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าก็มีเสียงเดิมพูดขึ้น ถ้าเกิดไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่กำลังจะถูกทำร้ายล่ะ  ผมเริ่มไม่แน่ใจซะแล้วล่ะครับ  จากที่จะวิ่งหนีผมกลับตัดสินใจค่อยๆเดินเข้าไปข้างใน ภายในตัวอาคารก็มีสภาพไม่ต่างกับด้านนอกเท่าไหร่คือทั้งอับทั้งเก่า ไม่รู้ว่าโรงเรียนจะเก็บอาคารนี้ไว้ทำไมกันนะ ทั้งเก่าทั้งหลอน 

    อั่กก..แค่กๆ!”

    เสียงนี้อีกแล้ว เสียงเหมือนคนถูกซ้อมเลย  ผมค่อยๆเดินตามเสียงนั้นไปจนหยุดอยู่ที่ห้องเรียนเก่าๆห้องหนึ่งที่มีแสงลอดออกมาเล็กน้อย

    เฮ้ย! พอเถอะว่ะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก

    มีเสียงหนึ่งพูดขึ้น ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆกับประตู ที่พอมีช่องเล็กๆในเห็นภาพภายในได้บ้าง  ภาพที่ผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสภาพสบั่กสบอมมากๆนอนกระอั่กเลือดอยู่กับพื้นที่สกปรก  โดยมีผู้ชายประมาณ 3-4 คน ยืนล้อมรอบอยู่ แต่ผมไม่เห็นหน้าว่าเป็นใครเพราะช่องที่มีให้ผมแอบดูนั้นมันเล็กเกินไปจะเห็นก็แค่ขาของพวกเขาเท่านั้น...เอาไงดีวะ ยองแจเอ๊ย....

    ผมเริ่มลนลานไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งได้ยินเสียงที่พวกนั้นรุมทำร้ายอีกคนที่อยู่บนพื้นมันยิ่งทำให้ผมตื่นกลัวขึ้นไปอีก...แจ้งตำรวจ  ต้องแจ้งตำรวจ....

    นี่คือสิ่งแรกที่ผมคิดได้แล้วควานหามือถือในกระเป๋ากางเกง...ไม่มี  มือถือไปอยู่ไหนวะ...ให้มันได้อย่างนี้ซิยังกับในละครที่เวลาฉุกเฉินขึ้นมาทีไรมือถือพากันหายหมด นี่ถ้ามาสิบคนก็จะลืมมือถือกันสิบคนให้ตายเถอะเอาไงดีวะ...ต้องไปตามคนมาช่วย....คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบกลับตัวเพื่อจะวิ่งไปตามคนมาช่วย

    โครม!  ด้วยความไม่ทันระวังทำให้ผมวิ่งชนกับโต๊ะเก่าๆที่ตั้งอยู่ระเกะระกะล้มระเนระนาดจนตัวเองล้มฟุปลงกับพื้น

    เฮ้ย! เสียงอะไรวะ ไปดูดิ๊

    ผมรีบลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามา...เอาไงดี เอาไงดี ยองแจเอ๊ย เพื่อนก็ไม่มีแล้วยังจะมีศัตรูอีก...ผมวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งอยู่ส่วนไหนของตึกเพียงแค่วิ่งโดยไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวเองให้รอดซะก่อน...ผมจะรอดไหมนะ ฮือๆ...

     

    (ยูคคยอม)

     


    ...ออกมาหาชั้นที่ตึกร้างหน่อย...

    ชินโจว

    จู่ๆผมก็ได้รับข้อความจากเพื่อนในห้องที่ผมค่อนข้างสนิทคนหนึ่ง...ชินโจว... หลังจากที่ได้รับข้อความผมก็บึ่งไปยังจุดหมายทันที  ทั้งที่ใกล้จะถึงชั่วโมงเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เมื่อมาถึงตึกร้างที่อยู่เกือบสุดหลังโรงเรียนผมก็มองหาชินโจวทันที แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

    ชินโจว

    ผมเรียกเสียงไม่ดังมากนัก เพราะถ้าเขาเป็นคนนัดผมมาจริงๆเขาก็น่าจะอยู่แถวๆนี้

    นี่ ชินโจว นายอยู่ไหนน่ะ

    ผมเรียกเขาอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือความว่างเปล่า...หรือว่าเราจะโดนแกล้ง...ผมคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินกลับ แต่ทว่าผมกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากภายในตึก

    โครม!

    หยุด นะเว้ย!!”

    เสียงที่ผมได้ยินน่าจะมาจากเสียงล้มของอะไรซักอย่าง  แต่เสียงที่ตามหลังมานี่ซิมันเริ่มแปลกๆซะแล้ว

    ...เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น....

    ผมไม่รีรอรีบวิ่งเข้าไปภายใจตึกนั้นทันที  เพราะถ้าขืนเขาชักช้าอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาแน่ๆ...ใช่แล้ว  ชินโจวอาจจะอยู่ในนั้น....

    ชินโจว! นายอยู่ไหนน่ะ!”

    คราวนี้ผมเรียกเสียงดังขึ้นอีก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ซักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครซักคนวิ่งตรงมาทางนี้...อาจจะเป็นชินโจว...เมื่อคิดได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนตัวเอง ผมก็รีบวิ่งสวนไปทางที่ได้ยินเสียงฝีเท้านั้นทันที

    เฮ้ย!”

    ผมตกใจเมื่อคนที่ผมคาดว่าจะเป็นเพื่อนตัวเองกลับไม่ไช่...ใครวะ...คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวผมโดยอัตโนมัติ ผมมองหน้ามึนๆของคนข้างที่มีท่าทีตื่นตกใจสภาพเหมือนกับวิ่งหนีอะไรมา 

    นายเป็นใครน่ะ

    ผมถามเขาออกไป เขาชักสีหน้าเล็กน้อย

    นายได้เป็นพวกเดียวกันกับพวกนั้นมั้ย

    เขาไม่ได้ตอบคำถามผม แต่กลับเป็นฝ่ายที่ถามผมกลับมาแทน

    พวกไหน  นี่นายวิ่งหนีใครมา

    ผมถามพร้อมกับมองไปข้างหลังเขาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาวิ่งหืดกระหอบมาอย่างนี้

    แย่แล้ว!...นี่รีบหนีกันเถอะ เดี๋ยวพวกมันตามมาทัน

    หมอนั่นพูดจบก็รีบกระชากมือผมวิ่งทันที

    เกิดอะไรขึ้นเนี่ย  ชั้นงงไปหมดแล้วนะ

    ผมถามขณะที่กำลังวิ่งอยู่

    วิ่งไปก่อนเถอะน่า

    แล้วนี่นายจะวิ่งไปถึงไหน วิ่งมาทางนี้มายิ่งไกลกับทางออกนะ

    ผมพูดเมื่อเห็นว่าเราทั้งคู่ วิ่งมาทางที่ไม่ไช่ทางออก

    แล้วไม่บอกแต่แรกล่ะ

    เขาหยุดวิ่งแล้วหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ...สรุปผมผิด...

    ตามมานี่

    ผมบอกแล้วเดินนำมา  ผมพาเขาเดินมาที่ห้องเรียนที่อยู่ใกล้ๆพอเปิดประตูเข้าไปภายในมีทั้งฝุ่น ทั้งกลิ่นอับ  เราทั้งคู่ต่างก็จามไปตามๆกัน ผมเห็นเขาใช้มือปัดไล่ฝุ่นไปมาแล้วทำหน้าแหยๆ

    ...หูึ พวกเด็กอนามัย...

    นี่นายกำลังใช้คำหยาบคายด่าชั้นในใจอยู่ใช่มั้ย

    เขาพูดพร้อมกับใช้ตาตี่ๆหรี่มองผมอย่างจับผิด  ผมได้ยักไหล่แล้วเดินหนีมาอย่างไม่สนใจ ในห้องนี้น่าจะมีที่ให้ซ่อนซักที่ซิ ผมมองหาสิ่งที่น่าจะใช้หลบภัยได้

    แย่แล้ว...พวกมันกำลังมาทางนี้

    หมอนั่นหันมาบอกกับผมหลังจากที่เขาชะโงกหน้าไปดูที่ประตู

    มานี่  มาแอบใต้นี้

    ผมเรียกให้เขาเข้ามาใต้โต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่าโต๊ะอื่นคาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะของครูที่ไม่ใช่แล้ว

    ยี้..สกปรก

    ท่าทางขยะแหยงของเขาทำให้ผมนึกหมั่นไส้ขึ้นมา

    อยากสกปรกเพราะฝุ่นหรืออยากสกปรกเพราะเลือดเลือกเอา

    ชิส์...เป็นแค่เด็กปีหนึ่ง อย่ามาทำอวดดีไปหน่อยเลย

    ...เขารู้ได้ไง...

    ดาวบนปกเสื้อนายไง

    เขาบอกหลังจากที่สังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของผม  แล้วผมก็มองที่ปกเสื้อของเขา...ปีสองหรอ...

    มันไปไหนแล้ววะ!”

    เราสองคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาแล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่พวกเราใช้ซ่อนตัวอยู่

    ถ้าเกิดมันเห็นพวกเราแล้วจะทำไงวะ

    อีกเสียงหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

    ก็อัดมันให้ยับเหมือนกับเจ้านั่นไงล่ะ

    เฮ้ย!  แย่แล้วว่ะ มีคนมาพาเจ้านั่นไปแล้ว

    จู่ๆก็มีคนหนึ่งวิ่งมาพูดด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ ผมกับ...ใครวะนั่งอยู่ด้วยกันตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อเลย...

    ยองแจ

    คนตรงหน้าผมพูดเสียงเบาๆ โดยที่สายตาของเขายังคงเฝ้าสังเกตคนตรงหน้าห้องอยู่

    นายอ่านใจคนเป็นด้วยหรอ

    เงียบเถอะน่า

    เขาพูดตัดรำคาญ

    มันเป็นใครวะ

    ผมละจากความสนใจเมื่อครู่ แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่คนพวกนั้นกำลังคุยกัน

    ชั้นไม่รู้ พอไปถึงก็ไม่เห็นเจ้านั่นอยู่แล้ว สงสัยคงมีคนพามันหนีออกไปแล้วแน่เลย ทำไงดีวะ

    มันคงยังไม่ได้ออกจากตึกนี้ไปหรอก

    ไปดักพวกมันที่ทางออกแล้วโทรบอกพวกเราให้มาเพิ่ม  เหมือนเรื่องนี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วว่ะ

    ซักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้น  ผมกับยองแจรอจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครย้อนกลับมาแล้วจึงพากันเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างระมัดระวัง

    นี่...มีใครที่อยู่ที่นี่นอกจากพวกเราอีกหรอ

    ผมถามคนที่เป็นรุ่นพี่

    เท่าที่รู้...มีอีกคนที่โดนซ้อมอยู่ที่ชั้น 2  แล้วก็...อีกคนที่เพิ่งเข้ามาช่วยเขาออกไป

    ยองแจพูดแล้วหันมามองทางผม

    แล้วนายเข้ามาที่นี่ทำไมหรอ

    เขาถามผมต่อผมจึงหยิบมือถือแล้วโชว์ข้อความที่ได้รับให้เขาดู เป็นข้อความของชินโจวที่ส่งมาให้ผม

    ชินโจว...คือใครน่ะ

    เพื่อนผมเอง...แต่ผมหาเขาไม่เจอ

    หวังว่าจะไม่ไช่คนที่ถูกซ้อมปางตายนั่นนะ

    คำพูดของเขาทำให้ผมเริ่มเอะใจ  ถ้านี่เป็นข้อความที่ชินโจวส่งมาให้ผมจริงแล้วเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน...ผมว่าเรื่องนี้เริ่มไม่ธรรมดาซะแล้วซิ  ตอนนี้เหมือนผมกำลังแก้ปริศนาอะไรซักอย่าง จากที่แค่จะมาหาเพื่อนกลายเป็นว่ามาเจอกับคนหน้ามึนที่กำลังวิ่งหนีกลุ่มคนปริศนาที่ดูเหมือนจะอันตราย แล้วยังจะมีคนที่ถูกซ้อมอีก  ตอนนี้ผมเริ่มสับสนเหตุการณ์ต่างๆทำให้ผมงงไปหมดแล้ว....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×