คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่5 เด็กมีปัญหา(4)
ตอนที่ 5 เด็กมีปัญหา(4)
“อีกแล้วนะ คิม ยูคยอม...ทำไมเธอถึงชอบใช้ความรุนแรงนักนะ”
เสียงบ่นเดิมๆของครูฮงยังคงยืดยาวเหมือนเดิม ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องพักครูตั้งแต่ผมเดินตามครูฮงมาผมก็โดนบ่นมาตลอดทาง...ชินซะแล้วล่ะ เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนเรื่องแบบนี้...
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”
คำเดิมๆที่ผมใช้ตอบทุกครั้งที่เกิดเรื่อง มันไม่ใช่คำแก้ตัวที่ผมใช้พูดเพื่อให้มันผ่านไป แต่ที่ผมพูดเพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
“เฮ้อ...เอาล่ะครั้งนี้ครูจะยอมเชื่อเธออีกครั้งแล้วกัน หวังว่าผู้ปกครองของ...เอ่อ...เพื่อนเธอชื่ออะไรนะ”
“แบมแบมครับ”
ผมตอบ...อะไรกันแม้แต่ครูก็จำชื่อเจ้านี่ไม่ได้หรอเนี่ย นั่นซินะเด็กที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแบบนั้นใครจะไปจำได้...
“อืมชื่อแบมแบมงั้นเหรอ เฮ้อ...ถ้าผู้ปกครองของแบมแบมไม่เอาเรื่องก็ดีซินะ ยังไงเธอก็ลองไปขอโทษเขาดูก่อนล่ะกัน”
“ครับ”
ผมรับคำแล้วทำความเคารพครูฮงก่อนเดินออกมา
“เฮ้อ...จะให้ขอโทษเนี่ยนะ ใครจะไปทำ”
ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องเรียนของตัวเอง พอเข้ามาก็เห็นทุกครั้งเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้ว ผมเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะตัวเองเพื่อเก็บกระเป๋า แล้วเหลือบมองโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่างตรงช่วงหลังห้องก็พบว่าไม่มีกระเป๋าอยู่แล้ว...เจ้านั่นคงกลับไปแล้วซินะ...
“เฮ้...ยูคยอม วันนี้เจ๋งว่ะแกล้งไม่คิดว่านายจะอยากแกล้งเจ้านั่นเหมือนกัน”
มินวอนเพื่อนร่วมห้องเริ่มพูดกับผมเป็นคนแรก
“ชั้นไม่ได้แกล้ง”
ผมตอบขณะที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า
“ไม่ต้องมาอำหรอกน่า...เล่นผลักซะเต็มแรงขนาดนั้น”
มินวอนพูดอย่างเริงร่าจนผมเริ่มรำคาญเลยตัวปัญหาด้วยการเดินหนีออกไป แต่ไม่วายที่เจ้านั่นจะวิ่งตามมาอีก
“อ้าวยูคยอม...วันนี้เจ๋งสุดๆเลยว่ะ”
คราวนี้เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก มันเป็นอย่างนี้ประจำแหละครับเมื่อผมมีเรื่องอะไรคนอื่นๆก็มักจะมาสนใจแต่เรื่องของผมแล้วก็ต่างตีความกันไปผิดๆเพราะเห็นว่าผมเป็นเหมือนพวกชอบใช้กำลังพวกเด็กผู้ชายเลยมักจะให้ผมเป็นเหมือนลูกพี่ ด้วยความที่ผมตัวสูงที่สุดและดูเหมือนกล้าที่สุด
“เนี่ยวันนี้ชั้นเห็นกับตาเลยนะว่ายูคยอมผลักเจ้าเปี๊ยกนั้นจนหงายหลังเลย”
“เสียดายว่ะ ไม่เห็นตอนนั้น ฮ่าาาา”
เสียงพูดคุยของเจ้าพวกนี้ช่างน่ารำคาญชะมัดจนผมต้องหยิบหูฟังในกระเป๋าขึ้นมาใส่ไว้
“นี่ยูคยอม...วันนี้ไปเจ๋งๆกันมั้ย”
“ยูคยอม คิม ยูคยอม”
ผมแกล้งไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนั้นพูดแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อหวังว่าจะไปถึงป้ายรถเมล์ให้เร็วที่สุด
“สงสัยเข้าโลกส่วนตัวอีกแล้วแหงๆ”
“อย่างนี้ทุกทีซิน่า...นายเป็นลูกพี่พวกเราเลยนะสนใจกันบ้างดิ”
สองคนนั้นยังคงพูดไม่หยุด...ฮึ ลูกพี่งั้นเหรอใครขอกันล่ะ...
“จะบอกให้นะที่เรายอมให้นายเพราะเห็นว่านายตัวใหญ่กว่าก็เท่านั้นแหละเจ้าบื้อเอ้ย”
“ย่าส์...มินวอน แกพูดงี้เดี๋ยวก็โดนอัดหรอก”
“มันไม่ได้ยินหรอกน่า”
ไม่ได้ยินงั้นเหรอ ผมหยุดเดินแล้วหันหน้าไปหาสองคนนั่น จนทั้งคู่สะดุ้งทำท่าเหมือนตกใจสุดขีด...แค่นี้เองนะ ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ...
“เอ่อ..คือ...”
มินวอนเริ่มพูดตะกุกตะกัก
“รถมาแล้ว ชั้นไปล่ะนะ”
ผมพูดเพียงแค่นั้นแล้วขึ้นรถเมล์ไปทันที เมื่อขึ้นมาบนรถเมล์ผมก็มองหาที่นั่งทันที
“ยูคยอม...ทางนี้”
ผมหันไปทางเสียงเรียกเมื่อครู่ก็พบว่าจูเนียร์ฮยองชี้ให้ไปนั่งข้างๆเขาที่มันยังว่างอยู่ซึ่งเบาะข้างหน้าเป็นเจ้าเปี๊ยกที่ผมเพิ่งทำร้ายร่างกายเมื่อตอนบ่าย...เจ้าแบมแบม...
“ทำไมนายมาช้าจัง เกือบไม่ทันรถแล้วเห็นมั้ย”
ผมโดนจูเนียร์ฮยองบ่นทันทีเมื่อก้นสัมผัสกับเบาะ
“เอ่อ...พอดีมีเรื่องนิดหน่อยครับ”
ผมพยายามพูดอ้อมๆแต่ก็ไม่ได้โกหก เพราะผมรู้ว่าถึงโกหกอย่างไงฮยองคนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี
“งั้นเหรอ...”
จูเนียร์ฮยองพูดแค่นั้น จนผมคิดว่ามันผิดปกติแต่จะว่าไปทำไมวันนี้เจบีฮยองถึงยังไม่กลับปกติจะกลับพร้อมกับจูเนียร์ฮยองตลอดเลยนี่
“แขนไปโดนอะไรมาน่ะแบมแบม”
ผมละจากความสนใจเมื่อครู่เลยมองไปยังเบาะข้างหน้าผม เห็นผู้ชายที่นั่งข้างๆแบมแบมถามเจ้าตัวขึ้น
“เอ่อ...ผมล้มตอนเรียนพละครับ”
“ล้มเองหรอ”
คำถามที่ถูกถามที่แบมแบมอีกครั้ง...หมอนั่นจะตอบว่าไงกันนะ....
“ครับ”
ครับงั้นเหรอทำไมไม่บอกไปล่ะว่าโดนแกล้งเหมือนที่คนอื่นๆทำกันไงล่ะ...ฮึ หรือเพราะเห็นว่าชั้นอยู่ใกล้เลยไม่กล้าบอกไป...
“แกเป็นอะไรน่ะยูคยอม”
ผมสะดุ้งตัวนิดนึงก่อนหันไปหาจูเนียร์ฮยอง
“ก็เปล่านี่”
“เปล่าอะไร...ชั้นเห็นแกนั่งเหม่ออยู่พักนึงแล้ว นี่แกกำลังคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วใช่ม่ะ”
จูเนียร์ฮยองใช้นิ้วชี้มาที่หน้าผมเหมือนกับคาดคั้น
“นี่ฮยองจะใส่ร้ายอะไรผมอีกเนี่ย”
“ชั้นเนี่ยนะใส่ร้ายนาย...ชั้นออกจะเป็นพี่ที่แสนดีไม่มีพี่ในไส้ของนายที่เอานายมาปล่อยทิ้งไว้กับชั้น เฮ้อ...ช่างเป็นเวรเป็นกรรมของชั้นแท้ๆคนนึงก็เด็กมีปัญหาส่วนอีกคนก็ฟันมีปัญหา”
จูเนียร์ฮยองพูดยืดยาวจนผมต้องหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ไว้ รถเมล์เคลื่อนตัวออกไปเรื่อยๆบางครั้งก็จอดให้คนลงบางครั้งก็จอดรับคนขึ้น เวลาผ่านมาซักพักก็ถึงป้ายที่พวกผมจะต้องลง ขณะที่ผมกำลังเดินลงรถผมก็สังเกตเห็นว่าที่นั่งเบาะข้างหน้าผมนั่นว่างเปล่า...เจ้านั่น ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แล้วทำไมผมต้องสนใจด้วย...
“เฮ้อ...”
ผมถอนหายใจยาวๆเมื่อถึงห้องที่ผมมาอาศัยเขาอยู่อันที่จริงผมก็ช่วยแชร์ค่าห้องด้วยเหมือนกันครับ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าห้องนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจูเนียร์ฮยองเจ้าระเบียบไปเสียแล้ว ขนาดเจบีฮยองยังต้องยอม
“ยังไม่ทันแก่เลยทำไมถึงถอนใจยาวขนาดนั้นล่ะ”
จูเนียร์ฮยองเดินมานั่งบนโซฟาข้างๆกับผมแล้วพูดขึ้นโดยที่สายตาจับจ้องที่ภาพในทีวี
“เหนื่อย”
คำสั้นๆที่ผมอยากจะพูดออกมาวันละหลายๆครั้ง แต่ไม่รู้จะพูดไปทำไมในเมื่อไม่มีใครอยากจะรับรู้
“เหนื่อยงั้นหรอ...กายเหนื่อยหรือใจเหนื่อยกันล่ะ”
จูเนียร์ฮยองถามต่อด้วยน้ำเสียงลอยๆคล้ายว่ากำลังพูดกับตัวเองไปด้วย
“วันนี้ผมทำให้เพื่อนต้องเจ็บตัวอีกแล้วล่ะ...”
“แล้วเขาเป็นอะไรมากมั้ยล่ะ”
คราวนี้จูเนียร์ฮยองหันหน้ามาหาผม
“ผมเห็นเลือดเขาออกนิดหน่อย...แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเจ็บมากมั้ย เขาจะเจ็บมากมั้ยนะฮยอง...ถ้าฮยองล้มไปแบบนั้นฮยองจะเจ็บมั้ย”
ผมพูดเสียงสั่นสองมือของผมจับกันแน่น ซักพักผมก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆจากมือคนข้างๆที่กำลังลูกหัวผมอยู่ จูเนียร์ฮยองกำลังปลอบผมอยู่ซินะ
“เจ็บซิเลือดออกขนาดนั้นน่ะ...”
จูเนียร์ฮยองตอบผมมา...นั่นซินะ ต้องเจ็บอยู่แล้ว เจ้านั่นตัวเล็กนิดเดียวเองทำไมจะไม่เจ็บล่ะ...
“แต่เดี๋ยวก็หาย...เพราะมันเจ็บแค่ที่แผลนี่ ไม่ได้เจ็บที่ตรงนี้ซักหน่อย”
จูเนียร์ฮยองชี้มาที่อกข้างซ้ายของผม
“หมายถึงนมน่ะเหรอ”
ป้าป! จากมือที่ลูบหัวเบาๆกลายเป็นตบมาอย่างแรง
“หัวใจเว้ย! แกนี่มันน่านัก เศร้าไปคนเดียวเลยไป”
“งือ...ฮยองอ่ะอยู่เป็นเพื่อนก่อนดิ”
ผมดึงมือจูเนียร์ฮยองไว้ตอนที่เขาทำท่าจะเดินหนีไป จนเขาเซกลับมานั่งที่เดิมแล้วโวยวายผมใหญ่
“ย่าส์...นี่แกจะฆ่าชั้นหรอ เจ้าเด็กมีปัญหา”
“โธ่ฮยองอ่ะ..ก็ผมกำลังมีปัญหาจริงๆนี่”
ผมเห็นจูเนียร์ฮยองนวดขมับตัวเองซักพักก่อนหันกลับมาหาผม
“ถ้าแกไม่ได้ตั้งใจก็บอกเขาไปซิว่าไม่ได้ตั้งใจเรื่องจะได้จบๆ”
“ก็มันไม่กล้านิ ให้ไปต่อยคนยังกล้าซะกว่า”
คำพูดของผมทำให้จูเนียร์ฮยองเกือบจะฟาดผมอีกทีนึงแต่ผมยกมือห้ามไว้ซะก่อน
“การที่แกเข้าไปต่อยคนนั่นไม่ได้เรียกว่ากล้าโว้ย...เขาเรียกว่าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ไม่มีสติ ไม่มีความคิด ชอบใช้แต่กำลัง พวกมีสมองใส่ไว้ให้นักหัว”
“เฮ้ย...นี่ด่าป่ะเนี่ย”
“สอนเว้ยไม่ได้ด่า”
...มาเป็นชุดเนี่ยนะไม่ได้ด่า...ผมได้แต่คิดครับถ้าขืนพูดออกไปเนี่ยมีหวังโดนด่าหูชาแน่เลย
“นี่คิมยูคยอม...มันจะไปยากอะไรนักหนาแค่เดินไปบอกเขาว่าขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่ไม่กล้า...แต่กลัวเขาไม่เชื่อ”
ผมพูดเบาๆแต่ก็พอที่พี่ชายข้างๆจะได้ยิน
“แล้วนายเคยลองพูดไปหรือยังล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยลองนะ...เมื่อก่อนผมมักจะพูดทุกครั้งตอนแรกพวกเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรชั้นเข้าใจนายนะ...แต่พอลับหลังพวกเขากลับไปบอกคนอื่นว่าผมน่ะมันนักเลงชัดๆชอบใช้แต่กำลัง”
ผมพูดสิ่งที่อัดอั้นมานานเพราะเป็นอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
“แต่สุดท้ายนายก็ได้อธิบายนะ...นายลองคิดดูซิระหว่างการที่นายพูดอธิบายแล้วผลลัพธ์ออกมาคือพวกเขาอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ กับการที่นายปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไปโดยไม่ได้อธิบายอะไรเลยแล้วสุดท้ายพวกเขาก็ไม่เข้าใจนาย...คิดว่าอย่างไหนมันดีกว่ากันล่ะ”
“ผม...”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อมันจริงอย่างที่ฮยองพูดทุกอย่าง จู่ๆก็เหมือนน้ำตาจะไหลออกมา
“ลองเสี่ยงอีกซักครั้งซิยูคยอม”
...ลองเสี่ยงดูงั้นหรอ ผมควรจะลองเสี่ยงดูอีกซักครั้งใช่ไหม...
ผมมองหน้าจูเนียร์ฮยองซักพักแล้วพยักหน้า จูเนียร์ฮยองยิ้มให้ผมแล้วกอดเพื่อให้กำลังใจผม ผมมองแผ่นหลังเล็กๆของพี่ชายคนนี้แล้วพาลให้คิดว่าจูเนียร์ฮยองนี่สุดยอดจริงๆตัวก็เล็กกว่าเขาแต่กล้าที่จะคิดกล้าที่จะทำกล้าที่จะแก้ปัญหาต่างๆด้วยตัวเอง ฮยองคนนี้เคยมีปัญหาที่แก้ไม่ได้บ้างหรือเปล่านะ
ความคิดเห็น