คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่18 ดาวลูกไก่
ตอนที่ 18 ดาวลูกไก่
(แบมแบม)
“แบมแบมมมม นายเล่นเกมส์นี้ยังอ่าา”
เสียงกระเง้ากระงอดของยูคยอมทำให้ผมเงยหน้าจากมือถือตัวเองหันมาหาเขาที่ตอนนี้มานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“น่าสนุกแฮะ...ขอเล่นบางดิเจ้ายักษ์”
ผมพูดพร้อมแบมือขอของในมือจากเขา ยูคยอมย่นจมูกแล้วใช้มือบิดแก้มของผม
“เจ็บนะ! เจ้าบ้า”
ผมร้องออกมาพร้อมกับฝาดมือไปบนไหล่ของเขาแต่ดูเหมือนว่าเจ้าเพื่อนตัวยักษ์นี่จะไม่สะเทือนซักนิด อะไรกันขนาดตีเต็มแรงเลยนะเนี่ย เจ้านี่มันถึกจริงๆ
“อืมมมว่าแต่พวกฮยองหายไปไหนกันหมดเนี่ย”
ยูคยอมถามผมเขาคงเห็นว่าภายในห้องเหลือแค่ผมกับยองแจฮยอง
“ครูปาร์คเรียกน่ะ...ว่าจะคุยเรื่องแผนการเรียนอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ”
ยองแจฮยองหันหน้ามาอธิบายยูคยอมพยักหน้าแล้วก็ อือๆเหมือนพยายามจะเข้าใจ
“พวกฮยองปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้วนี่น่า คงต้องคิดเรื่องต่อมหา’ลัยกันอยู่แน่ๆ”
ผมพูดขณะที่สายตาก็จับจ้องเกมส์ในมือถือ เล่นยากชะมัดเลย
“ถ้าเกิดพวกฮยองไม่อยู่พวกเราคงเหงาแน่ๆเลยเนอะ”
คำพูดของยูคยอมทำให้นิ้วที่กำลังสัมผัสหน้าจอมือถือของผมหยุดชะงัก คำว่าเหงาเนี่ย...มันเศร้าชะมัดเลย
“แบมแบม แบมแบม!”
“ห๊ะ!”
ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆยูคยอมก็ตะโกนใส่ผม
“เป็นอะไรอ่ะ...ฉันเรียกนายตั้งนานแล้วนะ”
“เปล่า...ฉันแค่...กำลังเล่นเกมส์อยู่ไง เนี่ยเห็นมั้ยตายเลย เพราะนายเลยเจ้ายักษ์!”
ผมแสร้งโวยวายยูคยอมจนเจ้าตัวทำหน้าเหรอหรา
“นี่ไปหาอะไรกันที่โรงอาหารกันเถอะ”
ยองแจฮยองชวน ผมกับยูคยอมก็พยักหน้าตอบรับ เพราะยังไงซะก็ไม่มีใครเรื่องแผนการเรียนอะไรนั่นคงต้องคุยกันอีกยาว จะให้อยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อเกินไป ไม่นานนักพวกเราทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงโรงอาหารที่ตอนนี้มีนักเรียนบางส่วนลงมาหาอะไรกินช่วงพักเบรคเหมือนกันกับพวกเรา
“แบมแบ๊มมมม”
หมับ! เสียงแหลมๆของคนที่ผมรู้จักดีตะโกนมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดกอดผมจากทางด้านหลัง
“จีมิน!”
ผมเรียกเธออย่างแปลกใจจีมินปล่อยผมให้ยืนปกติก่อนที่เจ้าตัวจะอ้อมมายืนยิ้มแฮะๆตรงหน้าผม
“พักเบรคเหรอ”
ผมถามเธอต่อ
“ใช่แล้ว...ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวันคิดถึงนายจังเลย”
“ขอโทษทีนะ...ที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอน่ะ”
ผมพูดเสียงอ่อยๆเพราะเมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหนผมกับจีมินจะตัวติดกันตลอด
“เฮ้ย...ไม่เป็นไร ฉันโอเค อย่างน้อยฉันก็มียัยนี่เป็นเพื่อน”
จีมินพูดพร้อมกับเข้าไปคล้องแขนผู้หญิงอีกคนที่มากับเธอ เยรินงั้นเหรอ...นี่สนิทกันแล้วซินะโล่งอกไปที...
“นี่คิม ยูคยอม! นายได้แกล้งเพื่อนฉันอีกหรือเปล่าห๊ะ!”
จีมินหันไปชี้หน้าคาดคั้นยูคยอมที่ทำหน้าเอือมๆอยู่
“พอได้แล้วยัยเอ๋อ จะหมดเวลาพักเบรคแล้ว”
เยรินเข้ามาปัดมือของจีมินที่กำลังจะจิ้มตายูคยอมลง จนจีมินจิ๊ปากด้วยความขัดใจเล็กน้อย
“ไปก็ได้...ไปก่อนนะแบมแบม เดี๋ยวว่างๆฉันจะไปหาที่ห้องน้าาา”
จีมินโบกมือลาผมเล็กน้อยก่อนเดินกลับห้องเรียนไปพร้อมกับเยริน
“เป็นเพื่อนที่ร่าเริงดีนะ”
ยองแจฮยองพูดขึ้นขณะที่พวกเรากำลังจะเดินไปหาโต๊ะนั่งหลังจากที่ได้ขนมกันมาเต็มไม้เต็มมือ
“จีมินน่ะร่าเริงเสมอแหละครับ...ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนเธอก็มักจะยิ้มได้เสมอ จนบางครั้งผมก็อดทึ่งเธอไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่บางทีเธอก็เหมือนบ้านะ”
“นายว่าเพื่อนฉันเหรอห๊ะ!”
ผมแว๊ดใส่ยูคยอมที่มักจะชอบพูดขัดผมตลอด จนยองแจฮยองอดขำพวกเราไม่ได้ พวกผมนั่งกินไปคุยกันไปได้ซักพัก จู่ๆก็มีน้ำสาดมาที่โต๊ะพวกเราจนเสื้อของพวกเราเปียกไปหมด เมื่อผมหันไปหาต้นเหตุก็เป็น คน กลุ่มเดิมที่เคยหาเรื่องยองแจฮยองตอนนั้น แย่ล่ะซิ...พวกฮยองไม่อยู่ด้วย
“ไง...พวกเด็กมีปัญหา พวกพี่ๆแกไปไหนซะแล้วล่ะ”
“เมื่อพวกนายจะเลิกทำแบบนี้ซักทีฮะ!”
ยองแจฮยองตะโกนออกมาอย่างโกรธๆ แต่คนพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจเลยซักนิดพวกเขากลับเขยิบเข้าใกล้พวกเราเรื่อยๆ โดยรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยพวกเราเลยซักคน
“ครั้งที่แล้วยังไม่ได้เอาคืนเลย แสบนักนะพวกแก”
คนที่เหมือนจะเป็นหัวโจกในนั้นเดินขึ้นมาจนหยุดตรงหน้าของผม ขาผมเริ่มก้าวไม่ออกมือไม้สั่นไปหมดทั้งๆที่พยายามจะข่มความกลัวเอาไว้ เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ
“ไปให้ห่างเพื่อนฉันซะไอ้พวกนักเลง”
ยูคยอมพูดพร้อมกับดึงมือของผมหลบไปข้างหลังแล้วเอาตัวเองขึ้นมาบังผมแทน
ผั๊วะ! หมัดหลุนๆที่พวกนั้นส่งมาทำให้ยูคยอมถึงกับล้มลง ผมกับยองแจฮยองรีบเข้ามาดูคนที่ล้มไปด้วยความเป็นห่วง ยูคยอมใช่ข้อมือปาดที่มุมปากของตัวเอง เลือด...มีเลือดออกด้วย
“อย่าทำพวกเขานะ! พวกแกไม่ชอบฉันคนเดียวไม่ไช่เหรอ!”
ยองแจฮยองเอาตัวมาบังผมกับยูคยอมเอาไว้
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ...ยองแจฮยองหลับไปก่อน”
ยูคยอมใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจับแขนยองแจฮยองให้มายืนข้างๆผม จากนั้นเขาก็วิ่งตรงไปซัดกับกลุ่มของฝ่ายตรงข้าง ผั๊วะ! ผั๊วะ! ยูคยอมเข้าไปชกกับคนพวกนั้นจนอีกฝ่ายล้มไป แต่ใช่ว่าพวกนั้นจะหยุดยังไงซะคนก็มากกว่า ไม่มีทางที่ยูคยอมคนเดียวจะสู้ได้หรอก
“พอเถอะยูคยอม...พอแล้ว”
ผมพูดเสียงสั่นแล้วจับแขนยูคยอมไว้แน่นเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะลุกขึ้นไปสู้กับพวกนั้นอีก ตอนนี้ไม่ไช่แค่มุมปากที่เลือดออกเท่านั้น แม้แต่หางคิ้วก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาด้วย ผมกลัว...กลัวมากจริงๆนะ
“แก....”
ยองแจฮยองกัดฟันกรอดก่อนวิ่งเข้าไปชกพวกนั้นอีกคน แต่ก็เหมือนเดิมพวกนั้นช่วยกันรุมยองแจฮยองแล้วโยนมาทางผม ผมรีบเข้าไปพยุงยองแจฮยองสภาพไม่ต่างอะไรกับยูคยอม
“ไง...แกจะเอาด้วยมั้ยเจ้าตัวเล็ก”
หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาคุกเข่าข้างหน้าผมแล้วจับหน้าผมพลิกไปมา หมับ! หงั่ม!
“โอ๊ยย! ไอเด็กบ้า”
ผั๊วะ! ผมโดนคนเมื่อครู่ใช้หลังมือตบหน้าหลังจากที่ดึงมือเขามางับ...เจ็บชะมัดเลย...มันเจ็บจนผมอยากจะร้องไห้
“แบมแบม! เป็นอะไรมั้ย”
ยูคยอมถามผมอย่างเป็นห่วง เขาชะงักไปนิดคงเพราะเห็นเลือดที่มุมปากผมไหลออกมา ยูคยอมนิ่งเงียบ...เงียบจนดูน่ากลัว ยองแจฮยองเข้ามากอดเราทั้งสองคนไว้
“แก...!”
“ยูคยอมอย่านะ!...พอแล้วยูคยอม เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก”
ผมกอดเอวยูคยอมเพื่อที่จะรั้งเขาไว้ไม่ให้เขากระโจนเข้าไปหาพวกนั้น ยองแจฮยองก็ช่วยจับไหล่เขาไว้อีกคนผมแอบเห็นฮยองเขาเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วย
“ฮึ! อ่อนชะมัด ไปเหอะ”
พูดแค่นั้น คนใจร้ายพวกนั้นก็พากันเดินออกไปพร้อมกับสีหน้าเยาะเย้ย ดูถูก มองพวกเราเหมือนเป็นคนไร้ค่า เกลียด...ผมเกลียดคนพวกนั้นที่สุด
พวกผมพากันมาที่ห้องกลับมาที่ห้องเรียนด้วยสภาพสะบักสะบ่อม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพวกฮยองกลับมากันแล้วแต่ไร้วี่แววของครูปาร์ค พวกฮยองเมื่อหันมาเห็นสภาพพวกผมจากที่กำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานสีหน้ากลับเปลี่ยนไปในทันที มาร์คฮยองวิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรกพร้อมกับสำรวจร่างกายผม
“เกิดอะไรขึ้น!”
เจบีฮยองถามขึ้นทันทีที่วิ่งมาถึงตัวพวกเรา
“ใครมันกล้าทำกับพวกนายแบบนี้บอกมานะ”
แจ็คสันฮยองจับที่ไหล่ยองแจฮยองแล้วแค่นถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“แบมแบม...ใครทำ”
น้ำเสียงมาร์คฮยองตอนนี้ดูน่ากลัวสุดๆ จนผมอดกลัวไปด้วยไม่ได้
“เราอย่างเพิ่งถามอะไรเลย พาพวกนี้ไปทำแผลกันก่อนเถอะ”
จูเนียร์ฮยองพูดเพื่อทำร้ายความอึมครึมที่กำลังเกิดขึ้นแล้วพาพวกผมไปที่ห้องพยาบาล
“โอ๊ย! เบาๆซิครับจูเนียร์ฮยอง”
“เจ้ายูคยอม ตัวออกจะใหญ่โดนไปแค่นี้ทำมาเป็นร้อง”
“ก็มันเจ็บจริงๆนี่ครับ”
ยูคยอมยังคงบ่นไปเรื่อยๆ ส่วนแจ็คสันฮยองก็พยายามจะทำแผลให้กับยองแจฮยองเหมือนกันแต่ดูจะเก้ๆกังเกินไปจนเจบีฮยองต้องช่วยทำให้เอง ส่วนผมก็มีมาร์คฮยองนี่แหละครับที่คอยทำแผลให้อย่างเบามือ มาร์คฮยองน่ะมือเบามากเลยนะครับ...เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตอนเด็กๆจัง ตอนนั้นเวลาผมวิ่งเล่นจนหกล้มมาร์คฮยองก็จะคอยทำแผลให้ผมแบบนี้เสมอ
“เจ็บมากมั้ย”
เสียงนิ่งของมาร์คฮยองทำให้ผมสะดุ้งออกจากความคิดตัวเอง
“ก็นิดหน่อยครับ ซี๊ด...”
ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมาร์คฮยองแต่แอลกอฮอล์ที่แผลตรงมุมปากของผม
“จะไม่บอกจริงๆเหรอว่าใครทำ”
แม้สายตาคนถามจะโฟกัสอยู่แค่แผลที่กำลังทายาแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าสายตาคู่นั้นดูน่ากลัวแค่ไหน มาร์คฮยองไม่ไช่คนที่จะแสดงความรู้สึกต่างๆของตัวเองให้คนอื่นได้เห็นง่ายๆหรอก...ถ้าคนที่ไม่สนิทจริงก็จะไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมรู้นะว่าตอนนี้พี่ชายคนนี้กำลังระงับความโกรธอยู่แน่ๆ
“เป็นเพราะผมเอง...พวกนั้นเกลียดผมมาตั้งแต่แรกแล้ว”
ทุกคนหันไปมองยองแจฮยองที่พูดด้วยเสียงเศร้าๆ ผมเห็นพวกฮยองมีแววตาที่เปลี่ยนไปต่างจากเมื่อครู่ ทุกคนกำมือแน่นเหมือนพร้อมที่จะลุยในทันที ผมเอื้อมมือไปกุมของมาร์คฮยองที่กำลังสั่นด้วยความโกรธ
“ผมไม่เป็นไรครับ...ผมหายเจ็บแล้ว เพราะฉะนั้นมาร์คฮยองไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ...พวกฮยองก็ด้วย”
“จะไม่ให้ทำอะไรได้ไง...ในเมื่อพวกนายเจ็บขนาดนี้ พวกเราเป็นพี่นะ...จะไม่ให้ทำอะไรเลยได้ไง!”
แจ็คสันฮยองพูดเสียงสั่น ยองแจฮยองจับแขนของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาใจเย็นๆ
“เรื่องนี้ต้องบอกให้พวกครูรู้...พวกนั้นจะได้ไม่กล้าทำอีก”
“พวกครูน่ะไม่เชื่อพวกเราหรอก”
เจบีฮยองพูดสวนขึ้นทันที่ที่จูเนียร์ฮยองพูดจบ นั่นซินะ...ไม่มีครูคนไหนเชื่อพวกเราหรอก ขนาดตอนที่พวกเราโดนรุม ทั้งๆที่น่าจะมีครูซักคนมาช่วยห้าม แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่า
“ ฮั๊ดเช่ย! ”
“เสื้อเปียกกันแบบนี้เดี๋ยวเป็นหวัดกันแน่เลย”
จูเนียร์ฮยองพูดหลังจากผมจามออกมา จะว่าไปเสื้อพวกเราเปียกอยู่นี่น่า
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้แฮะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน พวกนายกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเดี๋ยวเรื่องทางนี้พวกเราจัดการเอง”
เจบีฮยองพูดสรุป
“ถ้าจะให้กลับบ้านสภาพนี้คนที่บ้านคงตกใจแน่เลย”
ผมพูดเพราะไม่อยากให้คุณน้าที่บ้านต้องเป็นห่วง เพราะถ้าคุณน้าเห็นสภาพผมแม่ผมก็ต้องรู้แล้วเป็นห่วงผมมากแน่ๆ
“ฉันก็ยังไม่อยากกลับบ้านไปด้วยสภาพแบบนี้เหมือนกัน เดี๋ยวลุงก็ถามอีกว่าไปทำอะไรมา”
ยองแจฮยองพูดขึ้นอีกคนเพราะคงคิดแบบเดียวกันกับผม
“งั้นก็ไปบ้านฉันซิ”
ยูคยอมเสนอ
“พูดได้เต็มปากเต็มคำนะเจ้ายักษ์ว่าบ้านนาย ได้ข่าวว่าทุกวันนี้มีฉันที่ดูแลอยู่คนเดียวนะ”
จูเนียร์ฮยองพูดจิกกัด
“ก็ดีนะงั้นพวกเราโดดเรียนไปบ้านของพวกนายดีกว่า เพราะฉันก็ขี้เกียจกลับบ้านเหมือนกัน”
“ย่าส์...แจ็คสันบ้านฉันไม่ไช่สถานที่ท่องเที่ยวนะ อีกอย่างมันไม่ไช่บ้านซะด้วยซ้ำ มันเป็นห้องพัก เล็กๆ เว้ย”
จูเนียร์ฮยองพูดพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดแจ็คสันฮยองอีกคน
“ให้พวกเขาไปเถอะครับจูเนียร์ฮยอง...ดูหน้าพวกนั้นซิจะร้องไห้อยู่แล้ว”
พวกผมทำหน้าตาให้น่าสงสารสุดชีวิตเมื่อจูเนียร์ฮยองมองมา
“ฮือๆๆๆ...จูเนียร์นายไม่สงสารฉันเหรอ ได้โปรดดดด พลีสสส”
“เวอร์ไปแล้วเจ้ามันดู เออๆไปก็ไป เจบีนายไม่คิดจะห้ามพวกมันบ้างเหรอ”
“ไม่ล่ะ...คนบ้าแบบพวกนี้ฉันจัดการไม่ไหวหรอก ฮึๆ”
เจบีฮยองพูดอย่างขำๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ส่วนจูเนียร์ฮยองก็ได้แต่นั่งกุมขมับจนยูคยอมที่อยู่ข้างๆนั่งขำท้องแข็ง ผมเห็นมาร์คฮยองมองทุกคนด้วยรอยยิ้มผมก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย ดูเหมือนว่าฮยองคงจะหายเครียดลงบ้างแล้ว
พวกผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอพักของพวกจูเนียร์ฮยอง แต่ก่อนที่จะมาเจบีฮยองซึ่งรับผิดชอบเป็นหัวหน้าห้องก็ไม่ลืมที่จะโทร.รายงานครูประจำชั้นของพวกเราเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“โห...ห้องใหญ่เหมือนกันนี่”
เมื่อเปิดเข้ามาในห้องแจ็คสันฮยองก็วิ่งไปตะโกนกลางห้องเป็นคนแรก แต่อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำตามนะครับ เพราะแต่ละคนต่างก็เมินแจ็คสันฮยองแล้วเดินไปหาที่นั่ง
“ตกลงพวกนายจะค้างที่นี่จริงๆไช่ไหม”
จูเนียร์ฮยองถามย้ำอีกครั้งหลังจากที่พวกผมตกลงกันว่าคืนนี้จะขออาศัยค้างที่ห้องนี้
“มาถึงนี่แล้วยังจะถามอีก”
แจ็คสันฮยองพูดกวนๆ
“แล้วยังไงต่อ..จะนอนกันยังไงหมดเนี่ย”
จูเนียร์ฮยองท้าวเอวแล้วพูดนิ่งๆ ผมมองไปรอบๆห้องนี้เพื่อสำรวจที่นี่มีสามห้องนอน ตรงกลางห้องที่พวกเรานั่งรวมกันอยู่เป็นเหมือนห้องโถง ซึ่งถัดไปมีครัวเล็กๆ อืม...น่าอยู่ดีแฮะ
“แบมแบมนายนอนกับฉันก็ได้นะ”
ยูคยอมเขยิบเข้ามานั่งใกล้ผมแล้วพูดขึ้น
“ได้ไงเจ้ายักษ์...นายจะเอาเบเบี๋ของฉันไปคนเดียวได้ไงฮะ”
จู่ๆแจ็คสันฮยองก็พูดโผ่งขึ้นมา
“น้องฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“โอ๊ะ...อี้เอิ้นจัง งั้นนายนอนข้างนอกไปนะ เดี๋ยวฉันจะพาแบมแบมไปนอนกับฉันเอง แบร่”
“นายอยากโดนดีไช่ไหมฮะ...เจ้ามันดู”
“งั้นก็นอนด้วยกันหมดนี่เลยซิครับ”
ผมพูดขัดก่อนที่ทั้งสองคนจะตีกันไปมากกว่านี้
“นายหมายถึงให้นอนข้างนอกกันหมดนี่เลยเหรอ”
จูเนียร์ฮยองถามผมอย่างลังเล ผมพยักหน้าให้เขาอย่างกระตือรือร้นเพราะผมน่ะคิดว่าต้องสนุกแน่ๆถ้าได้นอนกับทุกคน
“จะดีเหรอ...ห้องก็มีตั้งสามห้องนะ”
เจบีฮยองมานั่งข้างหน้าผมแล้วถามย้ำ ดูๆไปแล้วเขาก็เหมือนคนใจดีมากเลยนะ ถ้าไม่ติดว่าเขาชอบทำหน้านิ่งๆเหมือนกับมาร์คฮยองบ่อยไปหน่อย”
“ก็ถ้านอนแยกกัน เราก็จะไม่ได้นอนคุยกันนะครับ ผมน่ะไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเพื่อนแบบนี้มาก่อน ผมก็เลยอยากจะใช้เวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันครับทุกคนให้มีค่าและสนุกที่สุดครับ”
พูดไปผมก็เผลอยิ้มตามไปด้วยเพราะนั่นมันเป็นความรู้สึกของผมจริงๆที่คิดมาตลอด
“ก็ดีนะ ผมก็อยากจะได้นอนรวมกับเพื่อนดูซักครั้ง แต่ผมไม่นอนข้างคนนอนดิ้นนะ”
ยองแจฮยองพูดสนับสนุน จนคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็ได้...แต่ตอนนี้เจ้าเด็กน้อยทั้งสามคนต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะ...เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาคงไม่มีใครอยากจะนอนรวมด้วยแน่ๆ”
จูเนียร์ฮยองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ฟังแล้วดูอบอุ่น เหมือนอ่อมม่าอย่างที่ยูคยอมเคยพูดไว้จริงๆ พวก ผมสามคนถูกไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของยูคยอม จูเนียร์ฮยองเลือกเสื้อผ้าของตัวเองมาให้ผมกับยองแจฮยองเพราะคิดว่าคงจะใกล้เคียงกับไซส์พวกผมที่สุดแล้ว เพราะจะให้ใส่ของยูคยอมก็ดูจะใหญ่เกินไปเพราะเจ้ายักษ์เนี่ยตัวเล็กซะที่ไหน
“ขนาดของจูเนียร์ฮยองไซส์เล็กสุดนายยังใส่หลวมเลยนะแบมแบม ทำไมถึงได้โตช้าแบบนี้ล่ะ”
ทันทีที่ผมเปลี่ยนชุดเสร็จยูคยอมก็พูดแขวะผมทันที ผมจึงคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือฝาดไปที่หลังของเขาอย่างหมันไส้
“ชิส์...ใครจะไปเจริญเติบโตไว้ยังกับยักษ์ไว้อย่างนายล่ะ จริงมั้ยครับ...ยองแจฮยอง”
ผมหันไปหากำลังเสริมที่นั่งหัวเราะแฮะๆอยู่บนเตียงของยูคยอม
“อืม...ยูคยอมฉันก็ว่านายโตเกินวัยจริงๆนั่นแหละ ถามจริงนายกินอะไรเข้าไปเหรอ”
“ฮยองอ่า...อย่าเอาแต่เข้าข้างแบมแบมซิ”
ยูคยอมกระโดดนั่งข้างยองแจฮยองแล้วเอาหัวถูไปมาที่ไหล่ของยองแจฮยอง จนยองแจฮยองจั๊กจี๋จึงใช้มือดันหัวโตๆของเขาออก
“เด็กๆ อย่ามัวแต่เล่นออกมากินข้าวกันได้แล้ว”
เสียงเรียกของจูเนียร์ฮยองที่ดังมาจากด้านนอกทำให้พวกผมรีบวิ่งออกไปเพราะตอนนี้แต่ละคนคงจะหิวไม่แพ้กัน เมื่อมาถึงที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ในห้องครัวพวกเราก็เริ่มลงมือกินกันทันที
“อร่อยจังใครเป็นคนทำเนี่ย”
“ก็ช่วยๆกันน่ะ...อร่อยไช่ไหมล่ะเจ้าตัวเล็ก”
เจบีฮยองพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
“ชิส์...ฮยองไม่เห็นพูดกับผมแบบนี้มั้งเลย”
ยูคยอมที่นั่งอยู่ข้างๆผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนผมอดขำไม่ได้กับท่าทางที่ไม่เข้ากับตัวเอาซะเลย นี่เหรอ คิม ยูคยอมที่ใครต่างก็มองเป็นเด็กเกเรชอบใช้กำลัง
“นายก็ทำตัวให้น่ารักเหมือนแบมแบมก่อนซิ...นี่นายโตแซงพวกฉันเกินไปแล้วนะ”
แทนที่จะเป็นเจบีฮยองตอบกลับเป็นจูเนียร์ฮยองที่พูดออกมาแทน
“จูเนียร์ฮยองก็ด้วยเหรอ...อะไรกัน ทุกคนโอ๋กันแต่เจ้าตัวเล็กเนี่ยนี่ยังไม่รู้ใช่ม่ะว่าเจ้าเนี่ยแสบแค่ไหน”
“แบมแบมของฉันเป็นเด็กดีจะตาย...นายอย่ามาใส่ร้ายนะ”
แจ็คสันฮยองตะโกนข้ามฟากโต๊ะมาคุยด้วยอีกคน
“คึคึ...ยูคยอมอย่าน้อยใจน้าาาา ยังไงฉันก็รักนายนะ”
ผมใช้มือตบบ่าเขาแล้วพูดขำๆ ยูคยอมหันมามองหน้าผมแล้วกระโจนเข้ากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัว
“ย๊ากกกก!เจ้ายักษ์แกกล้าดียังไงมากอดเบบี๋ของฉัน”
แจ็คสันฮยองวิ่งมางัดมือของยูคยอมออกทันที
“ปล่อยมือจากน้องฉันซะเจ้าเด็กยักษ์”
มาร์คฮยองหันมาแงะมือปลาหมึกของยูคยอมอีกคนส่วนคนอื่นๆนอกจากจะไม่ช่วยผมแล้วยังหัวเราะกันเหมือนเป็นเรื่องสนุกอีกต่างหาก
“ดับไฟแล้วนะ”
พอเจบีฮยองกดปิดสวิซไฟเสร็จก็เดินกลับมานอนที่ทันที ตอนนี้ล่วงเลยเวลาเข้านอนมาได้ซักพักแล้วแต่กว่าพวกผมจะจัดที่นอนแล้วตกลงกันได้ว่าใครนอนตรงไหนก็ใช้เวลาไปมาก จนสรุปได้ว่าเจบีฮยองนอนริมสุดถัดมาเป็นจูเนียร์ฮยอง ยองแจฮยอง แจ็คสันฮยอง มาร์คฮยอง ผม แล้วก็ยูคยอม ตอนแรกแจ็คสันฮยองจะนอนข้างผมแต่โดนยูคยอมกับมาร์คฮยองจองไว้ซะก่อนยองแจฮยองก็เลยจับให้แจ็คสันฮยองนอนข้างๆ แม้จะโวยวายบ้างแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงตัวเรียบร้อย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมใครๆถึงชอบเล่นกับผมนักทั้งๆที่เมื่อก่อนเพื่อนในห้องไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้ผมเลยด้วยซ้ำ
“หลับยางงง”
“ไม่หลับก็เพราะฮยองนั่นแหละ”
ยองแจฮยองพูดเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแจ็คสันฮยองก็พูดขึ้นท่ามกลางความมืด
“ก็มันไม่ชินนี่...รู้สึกแปลกๆแฮะที่ได้นอนกับเพื่อนแบบนี้”
“งั้นนายก็ออกไปนอนกลางถนนไป หน้าหอฉันน่ะ”
จูเนียร์ฮยองพูดด้วยน้ำเสียงประชด
“ฉันไม่ไช่หมานะ...พวกนายนี่มันไม่เข้าใจฟิลลิ่งเลยจริงๆ”
“ฮึๆ”
“มาร์ค!นั่นนายหัวเราะฉันเหรอ”
“ฉันเปล่า”
มาร์คฮยองปากแข็ง ที่ผมรู้เพราะผมนอนอยู่ข้างๆฮยอง มาร์คฮยองหัวเราะออกมาจริงๆแม้ใครอาจจะไม่เห็นแต่แค่เพียงในความมืดผมเห็นนะ...แววตาที่เปล่งประกายของฮยองที่ไม่เคยมีมาก่อน
“โอ๊ะ...มีดาวด้วยเหรอ”
ผมใช้นิ้วชี้ไปบนเพดานห้องที่ตอนนี้มีดาวเรืองแสงอยู่
“อ๋อ...ยูคยอมมันเอาขึ้นไปติดน่ะ แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้มองมัน ทั้งๆที่มันอยู่ในห้องตลอด”
เจบีฮยองอธิบายให้ผมฟัง
“สวยจัง...”
ผมใช้มือทำท่าหยิบดาวพวกนั้นเล่น
“ชอบเหรอ”
ยูคยอมที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วพูดขึ้น
“อืม...ฉันน่ะชอบดวงดาวที่สุดเลย ชอบ...ที่มันไม่ได้อยู่ดวงเดียวบนโลกใบนี้ แม้ว่าบางดวงอาจจะไม่ส่องแสง แต่ฉันก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ดวงเดียว”
“นั่นซินะ...แต่ดาวในห้องนี้มันน้อยไปหน่อย งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อมาติดอีกดีกว่า ติดให้ทั่วห้องไปเลยเนอะแบมแบม”
ยูคยอมหันหน้ามาแล้วพูดกับผม
“ฮยองด้วยเดี๋ยวฮยองไปซื้อมาติดให้อีกนะ”
“แจ็คสันฮยองก็ไปติดห้องตัวเองซิ! อย่ามายุ่งกับห้องผมนะ”
“พวกนายไม่ต้องยุ่งหรอก เดี๋ยวฉันซื้อไปติดในห้องนอนน้องฉันเองก็ได้”
“ก็ไหนมาร์คฮยองบอกว่ามันรกไง”
มาร์คฮยองหันมองผมขวับเมื่อผมพูดเรื่องจริงออกมา เพราะเมื่อก่อนผมก็เคยบอกว่าอยากจะได้ดาวมาติดในห้องตัวเองเยอะ แต่มาร์คฮยองก็จะบอกตลอดว่ามันรกกลัวผมจะดูดาวจนไม่ยอมนอน
“ฮะๆๆๆ มาร์คนี่นายเป็นพี่ชายใจร้ายจังเลยนะ แบมแบมเดี๋ยวต่อไปมาอยู่บ้านฮยองก็ได้นะ”
“พวกนายเมื่อไหร่จะนอนกันซักทีฮะ!”
เจบีฮยองคงทนพวกเราคุยกันไม่ไหวจู่ๆถึงตะโกนขึ้นมาแต่ใช่ว่าจะมีใครกลัวซะที่ไหน
“คร่อก ฟี้...”
เสียงกรนของใครบางคนทำให้พวกเราต่างหันมองหน้ากัน
“อ๊ะ...เจ้าแตงกวานี่แกหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ผมเห็นเจบีฮยองชะโงกดูยองแจฮยองเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น ส่วนจูเนียร์ฮยองก็ดูเหมือนจะหลับไปแล้วเหมือนกันเพราะผมเห็นเจบีฮยองดึงผ้าห่มที่กองอยู่ช่วงขาขึ้นมาห่มให้เขา ก่อนที่เจบีฮยองจะเอ่ยปากพูดต่อ
“นอนกันได้แล้ว”
สิ้นเสียงของหัวหน้าอิม พวกเราต่างก็เงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนทำหน้าอย่างไร หรือหลับกันไปแล้วหรือยัง ผมได้แต่นอนมองดาวบนเพดานไปเรื่อยๆ แล้วคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวของพวกเราที่ได้เดินทางมาพบกัน ได้รู้จักกัน จนเป็นเพื่อนกัน ผมไม่เคยรู้สึกว่าการนอนจะเป็นเรื่องสนุกแบบนี้เลย และก็ไม่เคยคิดว่าการตื่นขึ้นมาแล้วไปโรงเรียนจะกลายเป็นเรื่องที่อยากทำไปซะได้ เมื่อก่อนผมรู้สึกแย่มากกับการที่ต้องคิดว่าวันพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีกแล้วนะ แต่ตอนนี้ผมกลับลืมความรู้สึกกับความคิดแบบนั้นไปแล้ว เพราะผมมีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตในทุกๆวัน มีแรงบันดาลใจที่จะตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ บนเพดานมีกลุ่มดาวที่ยูคยอมติดมันเอาไว้ มันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่กลุ่มดาวนั้นอยู่รวมกันทั้งเจ็ดดวง ผมชอบจัง...ชอบดวงดาวกลุ่มนั้น มันเหมือนกับว่าจะไม่มีวันจากกันไปไหน
อัพแล้วน้าาาาา อย่าลืมเม้นเพื่อให้กำลังใจคนแต่งหน่อยนะคะ
ความคิดเห็น