ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic got7 บังเอิญได้รัก(Incidentally love)

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่18 ดาวลูกไก่

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 58


    ตอนที่ 18 ดาวลูกไก่

     

    (แบมแบม)

     

    แบมแบมมมม  นายเล่นเกมส์นี้ยังอ่าา

    เสียงกระเง้ากระงอดของยูคยอมทำให้ผมเงยหน้าจากมือถือตัวเองหันมาหาเขาที่ตอนนี้มานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 

    น่าสนุกแฮะ...ขอเล่นบางดิเจ้ายักษ์

    ผมพูดพร้อมแบมือขอของในมือจากเขา ยูคยอมย่นจมูกแล้วใช้มือบิดแก้มของผม

    เจ็บนะ! เจ้าบ้า

    ผมร้องออกมาพร้อมกับฝาดมือไปบนไหล่ของเขาแต่ดูเหมือนว่าเจ้าเพื่อนตัวยักษ์นี่จะไม่สะเทือนซักนิด อะไรกันขนาดตีเต็มแรงเลยนะเนี่ย เจ้านี่มันถึกจริงๆ

    อืมมมว่าแต่พวกฮยองหายไปไหนกันหมดเนี่ย

    ยูคยอมถามผมเขาคงเห็นว่าภายในห้องเหลือแค่ผมกับยองแจฮยอง

    ครูปาร์คเรียกน่ะ...ว่าจะคุยเรื่องแผนการเรียนอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ

    ยองแจฮยองหันหน้ามาอธิบายยูคยอมพยักหน้าแล้วก็ อือๆเหมือนพยายามจะเข้าใจ

    พวกฮยองปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้วนี่น่า  คงต้องคิดเรื่องต่อมหาลัยกันอยู่แน่ๆ

    ผมพูดขณะที่สายตาก็จับจ้องเกมส์ในมือถือ เล่นยากชะมัดเลย

    ถ้าเกิดพวกฮยองไม่อยู่พวกเราคงเหงาแน่ๆเลยเนอะ

    คำพูดของยูคยอมทำให้นิ้วที่กำลังสัมผัสหน้าจอมือถือของผมหยุดชะงัก คำว่าเหงาเนี่ย...มันเศร้าชะมัดเลย

    แบมแบม  แบมแบม!”

    ห๊ะ!”

    ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆยูคยอมก็ตะโกนใส่ผม

    เป็นอะไรอ่ะ...ฉันเรียกนายตั้งนานแล้วนะ

    เปล่า...ฉันแค่...กำลังเล่นเกมส์อยู่ไง เนี่ยเห็นมั้ยตายเลย เพราะนายเลยเจ้ายักษ์!”

    ผมแสร้งโวยวายยูคยอมจนเจ้าตัวทำหน้าเหรอหรา

    นี่ไปหาอะไรกันที่โรงอาหารกันเถอะ

    ยองแจฮยองชวน ผมกับยูคยอมก็พยักหน้าตอบรับ เพราะยังไงซะก็ไม่มีใครเรื่องแผนการเรียนอะไรนั่นคงต้องคุยกันอีกยาว จะให้อยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อเกินไป  ไม่นานนักพวกเราทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงโรงอาหารที่ตอนนี้มีนักเรียนบางส่วนลงมาหาอะไรกินช่วงพักเบรคเหมือนกันกับพวกเรา

    แบมแบ๊มมมม

    หมับ! เสียงแหลมๆของคนที่ผมรู้จักดีตะโกนมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดกอดผมจากทางด้านหลัง

    จีมิน!”

    ผมเรียกเธออย่างแปลกใจจีมินปล่อยผมให้ยืนปกติก่อนที่เจ้าตัวจะอ้อมมายืนยิ้มแฮะๆตรงหน้าผม

    พักเบรคเหรอ

    ผมถามเธอต่อ

    ใช่แล้ว...ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวันคิดถึงนายจังเลย

    ขอโทษทีนะ...ที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอน่ะ

    ผมพูดเสียงอ่อยๆเพราะเมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหนผมกับจีมินจะตัวติดกันตลอด

    เฮ้ย...ไม่เป็นไร  ฉันโอเค อย่างน้อยฉันก็มียัยนี่เป็นเพื่อน

    จีมินพูดพร้อมกับเข้าไปคล้องแขนผู้หญิงอีกคนที่มากับเธอ เยรินงั้นเหรอ...นี่สนิทกันแล้วซินะโล่งอกไปที...

    นี่คิม ยูคยอม! นายได้แกล้งเพื่อนฉันอีกหรือเปล่าห๊ะ!”

    จีมินหันไปชี้หน้าคาดคั้นยูคยอมที่ทำหน้าเอือมๆอยู่

    พอได้แล้วยัยเอ๋อ  จะหมดเวลาพักเบรคแล้ว

    เยรินเข้ามาปัดมือของจีมินที่กำลังจะจิ้มตายูคยอมลง จนจีมินจิ๊ปากด้วยความขัดใจเล็กน้อย

    ไปก็ได้...ไปก่อนนะแบมแบม เดี๋ยวว่างๆฉันจะไปหาที่ห้องน้าาา

    จีมินโบกมือลาผมเล็กน้อยก่อนเดินกลับห้องเรียนไปพร้อมกับเยริน

    เป็นเพื่อนที่ร่าเริงดีนะ

    ยองแจฮยองพูดขึ้นขณะที่พวกเรากำลังจะเดินไปหาโต๊ะนั่งหลังจากที่ได้ขนมกันมาเต็มไม้เต็มมือ

    จีมินน่ะร่าเริงเสมอแหละครับ...ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนเธอก็มักจะยิ้มได้เสมอ จนบางครั้งผมก็อดทึ่งเธอไม่ได้เหมือนกัน

    แต่บางทีเธอก็เหมือนบ้านะ

    นายว่าเพื่อนฉันเหรอห๊ะ!”

    ผมแว๊ดใส่ยูคยอมที่มักจะชอบพูดขัดผมตลอด จนยองแจฮยองอดขำพวกเราไม่ได้ พวกผมนั่งกินไปคุยกันไปได้ซักพัก จู่ๆก็มีน้ำสาดมาที่โต๊ะพวกเราจนเสื้อของพวกเราเปียกไปหมด เมื่อผมหันไปหาต้นเหตุก็เป็น คน กลุ่มเดิมที่เคยหาเรื่องยองแจฮยองตอนนั้น แย่ล่ะซิ...พวกฮยองไม่อยู่ด้วย

    ไง...พวกเด็กมีปัญหา  พวกพี่ๆแกไปไหนซะแล้วล่ะ

    เมื่อพวกนายจะเลิกทำแบบนี้ซักทีฮะ!”

    ยองแจฮยองตะโกนออกมาอย่างโกรธๆ แต่คนพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจเลยซักนิดพวกเขากลับเขยิบเข้าใกล้พวกเราเรื่อยๆ โดยรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยพวกเราเลยซักคน

    ครั้งที่แล้วยังไม่ได้เอาคืนเลย  แสบนักนะพวกแก

    คนที่เหมือนจะเป็นหัวโจกในนั้นเดินขึ้นมาจนหยุดตรงหน้าของผม ขาผมเริ่มก้าวไม่ออกมือไม้สั่นไปหมดทั้งๆที่พยายามจะข่มความกลัวเอาไว้ เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ

    ไปให้ห่างเพื่อนฉันซะไอ้พวกนักเลง

    ยูคยอมพูดพร้อมกับดึงมือของผมหลบไปข้างหลังแล้วเอาตัวเองขึ้นมาบังผมแทน

    ผั๊วะ! หมัดหลุนๆที่พวกนั้นส่งมาทำให้ยูคยอมถึงกับล้มลง ผมกับยองแจฮยองรีบเข้ามาดูคนที่ล้มไปด้วยความเป็นห่วง ยูคยอมใช่ข้อมือปาดที่มุมปากของตัวเอง เลือด...มีเลือดออกด้วย

    อย่าทำพวกเขานะ! พวกแกไม่ชอบฉันคนเดียวไม่ไช่เหรอ!”

    ยองแจฮยองเอาตัวมาบังผมกับยูคยอมเอาไว้

    เดี๋ยวผมจัดการเองครับ...ยองแจฮยองหลับไปก่อน

    ยูคยอมใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจับแขนยองแจฮยองให้มายืนข้างๆผม จากนั้นเขาก็วิ่งตรงไปซัดกับกลุ่มของฝ่ายตรงข้าง ผั๊วะ! ผั๊วะ!  ยูคยอมเข้าไปชกกับคนพวกนั้นจนอีกฝ่ายล้มไป แต่ใช่ว่าพวกนั้นจะหยุดยังไงซะคนก็มากกว่า ไม่มีทางที่ยูคยอมคนเดียวจะสู้ได้หรอก

    พอเถอะยูคยอม...พอแล้ว

    ผมพูดเสียงสั่นแล้วจับแขนยูคยอมไว้แน่นเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะลุกขึ้นไปสู้กับพวกนั้นอีก ตอนนี้ไม่ไช่แค่มุมปากที่เลือดออกเท่านั้น แม้แต่หางคิ้วก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาด้วย ผมกลัว...กลัวมากจริงๆนะ

    แก....

    ยองแจฮยองกัดฟันกรอดก่อนวิ่งเข้าไปชกพวกนั้นอีกคน แต่ก็เหมือนเดิมพวกนั้นช่วยกันรุมยองแจฮยองแล้วโยนมาทางผม ผมรีบเข้าไปพยุงยองแจฮยองสภาพไม่ต่างอะไรกับยูคยอม

    ไง...แกจะเอาด้วยมั้ยเจ้าตัวเล็ก

    หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาคุกเข่าข้างหน้าผมแล้วจับหน้าผมพลิกไปมา หมับ! หงั่ม!

    โอ๊ยย! ไอเด็กบ้า

    ผั๊วะ! ผมโดนคนเมื่อครู่ใช้หลังมือตบหน้าหลังจากที่ดึงมือเขามางับ...เจ็บชะมัดเลย...มันเจ็บจนผมอยากจะร้องไห้

    แบมแบม!  เป็นอะไรมั้ย

    ยูคยอมถามผมอย่างเป็นห่วง เขาชะงักไปนิดคงเพราะเห็นเลือดที่มุมปากผมไหลออกมา ยูคยอมนิ่งเงียบ...เงียบจนดูน่ากลัว ยองแจฮยองเข้ามากอดเราทั้งสองคนไว้

    แก...!”

    ยูคยอมอย่านะ!...พอแล้วยูคยอม  เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก

    ผมกอดเอวยูคยอมเพื่อที่จะรั้งเขาไว้ไม่ให้เขากระโจนเข้าไปหาพวกนั้น ยองแจฮยองก็ช่วยจับไหล่เขาไว้อีกคนผมแอบเห็นฮยองเขาเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วย

    ฮึ!  อ่อนชะมัด  ไปเหอะ

    พูดแค่นั้น คนใจร้ายพวกนั้นก็พากันเดินออกไปพร้อมกับสีหน้าเยาะเย้ย ดูถูก มองพวกเราเหมือนเป็นคนไร้ค่า เกลียด...ผมเกลียดคนพวกนั้นที่สุด 

                    พวกผมพากันมาที่ห้องกลับมาที่ห้องเรียนด้วยสภาพสะบักสะบ่อม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพวกฮยองกลับมากันแล้วแต่ไร้วี่แววของครูปาร์ค  พวกฮยองเมื่อหันมาเห็นสภาพพวกผมจากที่กำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานสีหน้ากลับเปลี่ยนไปในทันที มาร์คฮยองวิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรกพร้อมกับสำรวจร่างกายผม

    เกิดอะไรขึ้น!”

    เจบีฮยองถามขึ้นทันทีที่วิ่งมาถึงตัวพวกเรา

    ใครมันกล้าทำกับพวกนายแบบนี้บอกมานะ

    แจ็คสันฮยองจับที่ไหล่ยองแจฮยองแล้วแค่นถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

    แบมแบม...ใครทำ

    น้ำเสียงมาร์คฮยองตอนนี้ดูน่ากลัวสุดๆ จนผมอดกลัวไปด้วยไม่ได้

    เราอย่างเพิ่งถามอะไรเลย พาพวกนี้ไปทำแผลกันก่อนเถอะ

    จูเนียร์ฮยองพูดเพื่อทำร้ายความอึมครึมที่กำลังเกิดขึ้นแล้วพาพวกผมไปที่ห้องพยาบาล

    โอ๊ย! เบาๆซิครับจูเนียร์ฮยอง

    เจ้ายูคยอม ตัวออกจะใหญ่โดนไปแค่นี้ทำมาเป็นร้อง

    ก็มันเจ็บจริงๆนี่ครับ

    ยูคยอมยังคงบ่นไปเรื่อยๆ ส่วนแจ็คสันฮยองก็พยายามจะทำแผลให้กับยองแจฮยองเหมือนกันแต่ดูจะเก้ๆกังเกินไปจนเจบีฮยองต้องช่วยทำให้เอง ส่วนผมก็มีมาร์คฮยองนี่แหละครับที่คอยทำแผลให้อย่างเบามือ มาร์คฮยองน่ะมือเบามากเลยนะครับ...เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตอนเด็กๆจัง ตอนนั้นเวลาผมวิ่งเล่นจนหกล้มมาร์คฮยองก็จะคอยทำแผลให้ผมแบบนี้เสมอ

    เจ็บมากมั้ย

    เสียงนิ่งของมาร์คฮยองทำให้ผมสะดุ้งออกจากความคิดตัวเอง

    ก็นิดหน่อยครับ ซี๊ด...

    ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมาร์คฮยองแต่แอลกอฮอล์ที่แผลตรงมุมปากของผม

    จะไม่บอกจริงๆเหรอว่าใครทำ

    แม้สายตาคนถามจะโฟกัสอยู่แค่แผลที่กำลังทายาแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าสายตาคู่นั้นดูน่ากลัวแค่ไหน มาร์คฮยองไม่ไช่คนที่จะแสดงความรู้สึกต่างๆของตัวเองให้คนอื่นได้เห็นง่ายๆหรอก...ถ้าคนที่ไม่สนิทจริงก็จะไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  แต่ผมรู้นะว่าตอนนี้พี่ชายคนนี้กำลังระงับความโกรธอยู่แน่ๆ

    เป็นเพราะผมเอง...พวกนั้นเกลียดผมมาตั้งแต่แรกแล้ว

    ทุกคนหันไปมองยองแจฮยองที่พูดด้วยเสียงเศร้าๆ ผมเห็นพวกฮยองมีแววตาที่เปลี่ยนไปต่างจากเมื่อครู่ ทุกคนกำมือแน่นเหมือนพร้อมที่จะลุยในทันที ผมเอื้อมมือไปกุมของมาร์คฮยองที่กำลังสั่นด้วยความโกรธ

    ผมไม่เป็นไรครับ...ผมหายเจ็บแล้ว  เพราะฉะนั้นมาร์คฮยองไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ...พวกฮยองก็ด้วย

    จะไม่ให้ทำอะไรได้ไง...ในเมื่อพวกนายเจ็บขนาดนี้  พวกเราเป็นพี่นะ...จะไม่ให้ทำอะไรเลยได้ไง!”

    แจ็คสันฮยองพูดเสียงสั่น ยองแจฮยองจับแขนของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาใจเย็นๆ

    เรื่องนี้ต้องบอกให้พวกครูรู้...พวกนั้นจะได้ไม่กล้าทำอีก

    พวกครูน่ะไม่เชื่อพวกเราหรอก

    เจบีฮยองพูดสวนขึ้นทันที่ที่จูเนียร์ฮยองพูดจบ  นั่นซินะ...ไม่มีครูคนไหนเชื่อพวกเราหรอก  ขนาดตอนที่พวกเราโดนรุม ทั้งๆที่น่าจะมีครูซักคนมาช่วยห้าม แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่า

    ฮั๊ดเช่ย!

    เสื้อเปียกกันแบบนี้เดี๋ยวเป็นหวัดกันแน่เลย

    จูเนียร์ฮยองพูดหลังจากผมจามออกมา จะว่าไปเสื้อพวกเราเปียกอยู่นี่น่า

    เฮ้อ...ช่วยไม่ได้แฮะ  เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน  พวกนายกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเดี๋ยวเรื่องทางนี้พวกเราจัดการเอง

    เจบีฮยองพูดสรุป

    ถ้าจะให้กลับบ้านสภาพนี้คนที่บ้านคงตกใจแน่เลย

    ผมพูดเพราะไม่อยากให้คุณน้าที่บ้านต้องเป็นห่วง เพราะถ้าคุณน้าเห็นสภาพผมแม่ผมก็ต้องรู้แล้วเป็นห่วงผมมากแน่ๆ

    ฉันก็ยังไม่อยากกลับบ้านไปด้วยสภาพแบบนี้เหมือนกัน เดี๋ยวลุงก็ถามอีกว่าไปทำอะไรมา

    ยองแจฮยองพูดขึ้นอีกคนเพราะคงคิดแบบเดียวกันกับผม

    งั้นก็ไปบ้านฉันซิ

    ยูคยอมเสนอ

    พูดได้เต็มปากเต็มคำนะเจ้ายักษ์ว่าบ้านนาย  ได้ข่าวว่าทุกวันนี้มีฉันที่ดูแลอยู่คนเดียวนะ

    จูเนียร์ฮยองพูดจิกกัด

    ก็ดีนะงั้นพวกเราโดดเรียนไปบ้านของพวกนายดีกว่า  เพราะฉันก็ขี้เกียจกลับบ้านเหมือนกัน

    ย่าส์...แจ็คสันบ้านฉันไม่ไช่สถานที่ท่องเที่ยวนะ  อีกอย่างมันไม่ไช่บ้านซะด้วยซ้ำ มันเป็นห้องพัก เล็กๆ เว้ย

    จูเนียร์ฮยองพูดพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดแจ็คสันฮยองอีกคน

    ให้พวกเขาไปเถอะครับจูเนียร์ฮยอง...ดูหน้าพวกนั้นซิจะร้องไห้อยู่แล้ว

    พวกผมทำหน้าตาให้น่าสงสารสุดชีวิตเมื่อจูเนียร์ฮยองมองมา

    ฮือๆๆๆ...จูเนียร์นายไม่สงสารฉันเหรอ ได้โปรดดดด พลีสสส

    เวอร์ไปแล้วเจ้ามันดู  เออๆไปก็ไป  เจบีนายไม่คิดจะห้ามพวกมันบ้างเหรอ

    ไม่ล่ะ...คนบ้าแบบพวกนี้ฉันจัดการไม่ไหวหรอก ฮึๆ

    เจบีฮยองพูดอย่างขำๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ส่วนจูเนียร์ฮยองก็ได้แต่นั่งกุมขมับจนยูคยอมที่อยู่ข้างๆนั่งขำท้องแข็ง ผมเห็นมาร์คฮยองมองทุกคนด้วยรอยยิ้มผมก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย ดูเหมือนว่าฮยองคงจะหายเครียดลงบ้างแล้ว

                    พวกผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอพักของพวกจูเนียร์ฮยอง แต่ก่อนที่จะมาเจบีฮยองซึ่งรับผิดชอบเป็นหัวหน้าห้องก็ไม่ลืมที่จะโทร.รายงานครูประจำชั้นของพวกเราเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    โห...ห้องใหญ่เหมือนกันนี่

    เมื่อเปิดเข้ามาในห้องแจ็คสันฮยองก็วิ่งไปตะโกนกลางห้องเป็นคนแรก แต่อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำตามนะครับ เพราะแต่ละคนต่างก็เมินแจ็คสันฮยองแล้วเดินไปหาที่นั่ง

    ตกลงพวกนายจะค้างที่นี่จริงๆไช่ไหม

    จูเนียร์ฮยองถามย้ำอีกครั้งหลังจากที่พวกผมตกลงกันว่าคืนนี้จะขออาศัยค้างที่ห้องนี้

    มาถึงนี่แล้วยังจะถามอีก

    แจ็คสันฮยองพูดกวนๆ

    แล้วยังไงต่อ..จะนอนกันยังไงหมดเนี่ย

    จูเนียร์ฮยองท้าวเอวแล้วพูดนิ่งๆ ผมมองไปรอบๆห้องนี้เพื่อสำรวจที่นี่มีสามห้องนอน ตรงกลางห้องที่พวกเรานั่งรวมกันอยู่เป็นเหมือนห้องโถง ซึ่งถัดไปมีครัวเล็กๆ อืม...น่าอยู่ดีแฮะ

    แบมแบมนายนอนกับฉันก็ได้นะ

    ยูคยอมเขยิบเข้ามานั่งใกล้ผมแล้วพูดขึ้น

    ได้ไงเจ้ายักษ์...นายจะเอาเบเบี๋ของฉันไปคนเดียวได้ไงฮะ

    จู่ๆแจ็คสันฮยองก็พูดโผ่งขึ้นมา

    น้องฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่

    โอ๊ะ...อี้เอิ้นจัง  งั้นนายนอนข้างนอกไปนะ เดี๋ยวฉันจะพาแบมแบมไปนอนกับฉันเอง แบร่

    นายอยากโดนดีไช่ไหมฮะ...เจ้ามันดู

    งั้นก็นอนด้วยกันหมดนี่เลยซิครับ

    ผมพูดขัดก่อนที่ทั้งสองคนจะตีกันไปมากกว่านี้

    นายหมายถึงให้นอนข้างนอกกันหมดนี่เลยเหรอ

    จูเนียร์ฮยองถามผมอย่างลังเล ผมพยักหน้าให้เขาอย่างกระตือรือร้นเพราะผมน่ะคิดว่าต้องสนุกแน่ๆถ้าได้นอนกับทุกคน

    จะดีเหรอ...ห้องก็มีตั้งสามห้องนะ

    เจบีฮยองมานั่งข้างหน้าผมแล้วถามย้ำ ดูๆไปแล้วเขาก็เหมือนคนใจดีมากเลยนะ ถ้าไม่ติดว่าเขาชอบทำหน้านิ่งๆเหมือนกับมาร์คฮยองบ่อยไปหน่อย

    ก็ถ้านอนแยกกัน  เราก็จะไม่ได้นอนคุยกันนะครับ ผมน่ะไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเพื่อนแบบนี้มาก่อน ผมก็เลยอยากจะใช้เวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันครับทุกคนให้มีค่าและสนุกที่สุดครับ

    พูดไปผมก็เผลอยิ้มตามไปด้วยเพราะนั่นมันเป็นความรู้สึกของผมจริงๆที่คิดมาตลอด

    ก็ดีนะ  ผมก็อยากจะได้นอนรวมกับเพื่อนดูซักครั้ง แต่ผมไม่นอนข้างคนนอนดิ้นนะ

    ยองแจฮยองพูดสนับสนุน จนคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

    ก็ได้...แต่ตอนนี้เจ้าเด็กน้อยทั้งสามคนต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะ...เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาคงไม่มีใครอยากจะนอนรวมด้วยแน่ๆ

    จูเนียร์ฮยองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ฟังแล้วดูอบอุ่น เหมือนอ่อมม่าอย่างที่ยูคยอมเคยพูดไว้จริงๆ พวก ผมสามคนถูกไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของยูคยอม จูเนียร์ฮยองเลือกเสื้อผ้าของตัวเองมาให้ผมกับยองแจฮยองเพราะคิดว่าคงจะใกล้เคียงกับไซส์พวกผมที่สุดแล้ว เพราะจะให้ใส่ของยูคยอมก็ดูจะใหญ่เกินไปเพราะเจ้ายักษ์เนี่ยตัวเล็กซะที่ไหน

    ขนาดของจูเนียร์ฮยองไซส์เล็กสุดนายยังใส่หลวมเลยนะแบมแบม  ทำไมถึงได้โตช้าแบบนี้ล่ะ

    ทันทีที่ผมเปลี่ยนชุดเสร็จยูคยอมก็พูดแขวะผมทันที ผมจึงคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือฝาดไปที่หลังของเขาอย่างหมันไส้

    ชิส์...ใครจะไปเจริญเติบโตไว้ยังกับยักษ์ไว้อย่างนายล่ะ จริงมั้ยครับ...ยองแจฮยอง

    ผมหันไปหากำลังเสริมที่นั่งหัวเราะแฮะๆอยู่บนเตียงของยูคยอม

    อืม...ยูคยอมฉันก็ว่านายโตเกินวัยจริงๆนั่นแหละ ถามจริงนายกินอะไรเข้าไปเหรอ

    ฮยองอ่า...อย่าเอาแต่เข้าข้างแบมแบมซิ

    ยูคยอมกระโดดนั่งข้างยองแจฮยองแล้วเอาหัวถูไปมาที่ไหล่ของยองแจฮยอง จนยองแจฮยองจั๊กจี๋จึงใช้มือดันหัวโตๆของเขาออก

    เด็กๆ  อย่ามัวแต่เล่นออกมากินข้าวกันได้แล้ว

    เสียงเรียกของจูเนียร์ฮยองที่ดังมาจากด้านนอกทำให้พวกผมรีบวิ่งออกไปเพราะตอนนี้แต่ละคนคงจะหิวไม่แพ้กัน เมื่อมาถึงที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ในห้องครัวพวกเราก็เริ่มลงมือกินกันทันที

    อร่อยจังใครเป็นคนทำเนี่ย

    ก็ช่วยๆกันน่ะ...อร่อยไช่ไหมล่ะเจ้าตัวเล็ก

    เจบีฮยองพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

    ชิส์...ฮยองไม่เห็นพูดกับผมแบบนี้มั้งเลย

    ยูคยอมที่นั่งอยู่ข้างๆผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนผมอดขำไม่ได้กับท่าทางที่ไม่เข้ากับตัวเอาซะเลย นี่เหรอ คิม ยูคยอมที่ใครต่างก็มองเป็นเด็กเกเรชอบใช้กำลัง

    นายก็ทำตัวให้น่ารักเหมือนแบมแบมก่อนซิ...นี่นายโตแซงพวกฉันเกินไปแล้วนะ

    แทนที่จะเป็นเจบีฮยองตอบกลับเป็นจูเนียร์ฮยองที่พูดออกมาแทน

    จูเนียร์ฮยองก็ด้วยเหรอ...อะไรกัน ทุกคนโอ๋กันแต่เจ้าตัวเล็กเนี่ยนี่ยังไม่รู้ใช่ม่ะว่าเจ้าเนี่ยแสบแค่ไหน

    แบมแบมของฉันเป็นเด็กดีจะตาย...นายอย่ามาใส่ร้ายนะ

    แจ็คสันฮยองตะโกนข้ามฟากโต๊ะมาคุยด้วยอีกคน

    คึคึ...ยูคยอมอย่าน้อยใจน้าาาา  ยังไงฉันก็รักนายนะ

    ผมใช้มือตบบ่าเขาแล้วพูดขำๆ ยูคยอมหันมามองหน้าผมแล้วกระโจนเข้ากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัว

    ย๊ากกกก!เจ้ายักษ์แกกล้าดียังไงมากอดเบบี๋ของฉัน

    แจ็คสันฮยองวิ่งมางัดมือของยูคยอมออกทันที

    ปล่อยมือจากน้องฉันซะเจ้าเด็กยักษ์

    มาร์คฮยองหันมาแงะมือปลาหมึกของยูคยอมอีกคนส่วนคนอื่นๆนอกจากจะไม่ช่วยผมแล้วยังหัวเราะกันเหมือนเป็นเรื่องสนุกอีกต่างหาก

     

    ดับไฟแล้วนะ

    พอเจบีฮยองกดปิดสวิซไฟเสร็จก็เดินกลับมานอนที่ทันที  ตอนนี้ล่วงเลยเวลาเข้านอนมาได้ซักพักแล้วแต่กว่าพวกผมจะจัดที่นอนแล้วตกลงกันได้ว่าใครนอนตรงไหนก็ใช้เวลาไปมาก จนสรุปได้ว่าเจบีฮยองนอนริมสุดถัดมาเป็นจูเนียร์ฮยอง  ยองแจฮยอง  แจ็คสันฮยอง มาร์คฮยอง ผม แล้วก็ยูคยอม ตอนแรกแจ็คสันฮยองจะนอนข้างผมแต่โดนยูคยอมกับมาร์คฮยองจองไว้ซะก่อนยองแจฮยองก็เลยจับให้แจ็คสันฮยองนอนข้างๆ แม้จะโวยวายบ้างแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงตัวเรียบร้อย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมใครๆถึงชอบเล่นกับผมนักทั้งๆที่เมื่อก่อนเพื่อนในห้องไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้ผมเลยด้วยซ้ำ

    หลับยางงง

    ไม่หลับก็เพราะฮยองนั่นแหละ

    ยองแจฮยองพูดเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแจ็คสันฮยองก็พูดขึ้นท่ามกลางความมืด

    ก็มันไม่ชินนี่...รู้สึกแปลกๆแฮะที่ได้นอนกับเพื่อนแบบนี้

    งั้นนายก็ออกไปนอนกลางถนนไป หน้าหอฉันน่ะ

    จูเนียร์ฮยองพูดด้วยน้ำเสียงประชด

    ฉันไม่ไช่หมานะ...พวกนายนี่มันไม่เข้าใจฟิลลิ่งเลยจริงๆ

    ฮึๆ

    มาร์ค!นั่นนายหัวเราะฉันเหรอ

    ฉันเปล่า

    มาร์คฮยองปากแข็ง ที่ผมรู้เพราะผมนอนอยู่ข้างๆฮยอง มาร์คฮยองหัวเราะออกมาจริงๆแม้ใครอาจจะไม่เห็นแต่แค่เพียงในความมืดผมเห็นนะ...แววตาที่เปล่งประกายของฮยองที่ไม่เคยมีมาก่อน

    โอ๊ะ...มีดาวด้วยเหรอ

    ผมใช้นิ้วชี้ไปบนเพดานห้องที่ตอนนี้มีดาวเรืองแสงอยู่

    อ๋อ...ยูคยอมมันเอาขึ้นไปติดน่ะ แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้มองมัน ทั้งๆที่มันอยู่ในห้องตลอด

    เจบีฮยองอธิบายให้ผมฟัง

    สวยจัง...

    ผมใช้มือทำท่าหยิบดาวพวกนั้นเล่น

    ชอบเหรอ

    ยูคยอมที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วพูดขึ้น

    อืม...ฉันน่ะชอบดวงดาวที่สุดเลย ชอบ...ที่มันไม่ได้อยู่ดวงเดียวบนโลกใบนี้ แม้ว่าบางดวงอาจจะไม่ส่องแสง แต่ฉันก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ดวงเดียว

    นั่นซินะ...แต่ดาวในห้องนี้มันน้อยไปหน่อย  งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อมาติดอีกดีกว่า ติดให้ทั่วห้องไปเลยเนอะแบมแบม

    ยูคยอมหันหน้ามาแล้วพูดกับผม

    ฮยองด้วยเดี๋ยวฮยองไปซื้อมาติดให้อีกนะ

    แจ็คสันฮยองก็ไปติดห้องตัวเองซิ! อย่ามายุ่งกับห้องผมนะ

    พวกนายไม่ต้องยุ่งหรอก  เดี๋ยวฉันซื้อไปติดในห้องนอนน้องฉันเองก็ได้

    ก็ไหนมาร์คฮยองบอกว่ามันรกไง

    มาร์คฮยองหันมองผมขวับเมื่อผมพูดเรื่องจริงออกมา  เพราะเมื่อก่อนผมก็เคยบอกว่าอยากจะได้ดาวมาติดในห้องตัวเองเยอะ แต่มาร์คฮยองก็จะบอกตลอดว่ามันรกกลัวผมจะดูดาวจนไม่ยอมนอน

    ฮะๆๆๆ มาร์คนี่นายเป็นพี่ชายใจร้ายจังเลยนะ  แบมแบมเดี๋ยวต่อไปมาอยู่บ้านฮยองก็ได้นะ

    พวกนายเมื่อไหร่จะนอนกันซักทีฮะ!”

    เจบีฮยองคงทนพวกเราคุยกันไม่ไหวจู่ๆถึงตะโกนขึ้นมาแต่ใช่ว่าจะมีใครกลัวซะที่ไหน

    คร่อก ฟี้...

    เสียงกรนของใครบางคนทำให้พวกเราต่างหันมองหน้ากัน

    อ๊ะ...เจ้าแตงกวานี่แกหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

    ผมเห็นเจบีฮยองชะโงกดูยองแจฮยองเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น ส่วนจูเนียร์ฮยองก็ดูเหมือนจะหลับไปแล้วเหมือนกันเพราะผมเห็นเจบีฮยองดึงผ้าห่มที่กองอยู่ช่วงขาขึ้นมาห่มให้เขา ก่อนที่เจบีฮยองจะเอ่ยปากพูดต่อ

    นอนกันได้แล้ว

    สิ้นเสียงของหัวหน้าอิม พวกเราต่างก็เงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนทำหน้าอย่างไร หรือหลับกันไปแล้วหรือยัง ผมได้แต่นอนมองดาวบนเพดานไปเรื่อยๆ แล้วคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวของพวกเราที่ได้เดินทางมาพบกัน ได้รู้จักกัน จนเป็นเพื่อนกัน ผมไม่เคยรู้สึกว่าการนอนจะเป็นเรื่องสนุกแบบนี้เลย และก็ไม่เคยคิดว่าการตื่นขึ้นมาแล้วไปโรงเรียนจะกลายเป็นเรื่องที่อยากทำไปซะได้ เมื่อก่อนผมรู้สึกแย่มากกับการที่ต้องคิดว่าวันพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีกแล้วนะ  แต่ตอนนี้ผมกลับลืมความรู้สึกกับความคิดแบบนั้นไปแล้ว เพราะผมมีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตในทุกๆวัน มีแรงบันดาลใจที่จะตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้  บนเพดานมีกลุ่มดาวที่ยูคยอมติดมันเอาไว้ มันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่กลุ่มดาวนั้นอยู่รวมกันทั้งเจ็ดดวง ผมชอบจัง...ชอบดวงดาวกลุ่มนั้น มันเหมือนกับว่าจะไม่มีวันจากกันไปไหน 


    อัพแล้วน้าาาาา   อย่าลืมเม้นเพื่อให้กำลังใจคนแต่งหน่อยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×