คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่16 เรื่องบางอย่าง
ตอนที่ 16 เรื่องบางอย่าง
(ปาร์ค จินยอง)
“จูเนียร์ ความฝัน...อยากจะเข้ามหาวิทยาลัย แจบอม ความฝัน...ไม่มี แจ็คสัน ความฝัน ไม่เขียน ยองแจ ไม่เขียน มาร์ค ไม่เขียน แบมแบม ไม่เขียน อะไรกันนะเจ้าเด็กพวกนี้”
ผมวางเอกสารที่เพิ่งอ่านเมื่อครู่ลงบนโต๊ะแล้วใช้มือข้างหนึ่งหนวดขมับตัวเองเพื่อจะช่วยให้หายเครียดได้บ้าง หลังจากที่ผมให้พวกเขากรอกประวัติตัวเองแต่ก็ไม่มีซักคนที่จะเขียนความฝันของพวกเขาลงไปในนั้น
“เครียดอะไรเหรอคะครูปาร์ค”
ครูซอนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆผมหันมาถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็...ไม่เชิงหรอกครับ แค่ไม่เข้าใจอะไรนิดหน่อย”
“เรื่องเด็กๆในห้องเหรอคะ”
ผมพยักหน้าเบาๆให้กับเธอ
“จะว่าไปเด็กพวกนั้นดูร่าเริงขึ้นมากเลยนะคะ”
ผมหันไปมองครูซอนที่ตอนนี้นั่งกอดอกพิงตัวกับเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ สีหน้างงๆของผมทำให้เธอหลุดขำเล็กน้อย
“ฉันเคยเป็นครูประจำชั้นของต้วน อี้เอิ้นตอนเขาอยู่ปี 1 ค่ะ”
ผมทำหน้าเข้าใจทันทีที่ครูซอนอธิบาย
“อ๋อ...มาร์คน่ะเหรอครับ”
“ฉันไม่เคยได้ยินครูในโรงเรียนเรียกชื่อเล่นของเด็กมาก่อนเลยนะคะ เพิ่งมีครูปาร์คนี่แหละที่เรียกเขาแบบนั้น”
“ก็ชื่อจริงของเด็กพวกนั้นเรียกยากชะมัด เรียกชื่อเล่นมันดูสนิทดีด้วยครับ”
ใช่ครับที่ผมมักจะใช่ชื่อเล่นเรียกพวกเขาเพราะผมเป็นพวกไม่ชอบอะไรที่มันยากๆ และอีกอย่างผมอยากจะสนิทกับพวกเขาให้มากๆ
“อี้เอิ้นน่ะ...เมื่อก่อนเขาเงียบมากเลยนะคะ ไม่พูดกับใครเลยซักคนถึงจะหัวดีกีฬาเก่งดูเพอร์เฟคทุกอย่างแต่ฉันก็รู้สึกว่าเขาขาดอะไรไปซักอย่าง”
“ชีวิตชีวาไงล่ะครับ”
“คงอย่างนั้นแหละค่ะ...แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เขาขาดไปในตอนนั้นมันค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละน้อย”
ผมมองครูซอนที่พูดถึงลูกศิษย์ด้วยรอยยิ้ม แววตาและรอยยิ้มของครูซอนที่มีแฝงไปด้วยความจริงใจและความห่วงใย ถึงครูในโรงเรียนนี้จะไม่เห็นด้วยกับผมซักเท่าไหร่แต่อย่างน้อยคงมีครูซอนคนหนึ่งที่ยังคงอยู่ข้างผม ทั้งผมและครูซอนนั่งคุยกันไปซักพัก ครูคิมก็เดินมานั่งที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งเมื่อผมเห็นเขาผมจึงลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเขาทันที ครูคิมหันมาทำหน้างงๆกับพฤติกรรมของผม
“มีอะไรเหรอครับ ครูปาร์ค”
“คือ...ผมมีเรื่องอยากจะถามน่ะครับ”
ครูคิมมองผมด้วยสีหน้าสงสัย ก็คงต้องสงสัยอยู่หรอกเพราะร้อยวันพันปีผมไม่ค่อยจะพูดคุยกับบรรดาพวกครูด้วยกันซักเท่าไหร่นอกจากครูซอน อาจเพราะผมมาทีหลังเขาและความคิดแปลกกว่าเขาก็ได้
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
ครูคิมพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
“เรื่องของแจ็คสันน่ะครับ”
พอผมพูดจบครูคิมก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
“แจ็คสันทำไมเหรอครับ”
“ระหว่างครูคิมกับแจ็คสันมีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ”
ผมตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ครูคิมถอนหายใจก่อนพูดต่อ
“เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนที่ครูปาร์คจะเข้ามาสอนที่นี่น่ะครับ ตอนนั้นผมเป็นครูประจำชั้นของแจ็คสัน ผมกับเขาสนิทกันมากเลยครับ แต่เพราะเกิดเรื่องบางอย่างผมกับเขาก็เลย....”
ครูคิมหยุดพูดแล้วก้มมองที่ขาขวาของเขา ถ้ามองเผินๆขาของเขาก็ปกติเหมือนคนทั่วไป
“เกิดอะไรกับขาของครูเหรอครับ”
“ก็แค่ครูคิมทำโทษแจ็คสันเรื่องโกงข้อสอบ เด็กนั่นเลยไปบอกพ่อของเขาที่เป็นหัวหน้าแก็งมาเฟียให้มาทำร้ายครูคิมไงล่ะคะ”
ผมหันไปตามเสียงของผู้มาใหม่ก็พบว่าเป็นรองครูใหญ่ที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่
“มันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ”
ครูคิมพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนว่ารองครูใหญ่จะไม่ใส่ใจที่จะฟังเธอกลับหันหน้ามามองทางผม
“มันเป็นเรื่องในอดีตที่ครูปาร์คไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ”
“แต่ว่า...”
“นี่ก็ได้เวลาสอนแล้วนะคะ ไม่ไปดูเด็กๆของคุณหน่อยเหรอคะ”
รองครูใหญ่พูดตัดบท ผมมองครูคิมที่มีสีหน้าลำบากใจซักพัก ก่อนจะลุกกลับไปโต๊ะตัวเอง
“ได้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่าคะ”
ครูซอนถามผมทันทีที่ผมกลับมาที่โต๊ะ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันไปหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ตอนนั้นฉันยังไม่เข้ามาเหมือนกันค่ะ”
เธอตอบเหมือนรู้ว่าผมจะถามเรื่องอะไร
“ทำไมไม่ลองไปถามแจ็คสันดูล่ะคะ ฉันว่าเขาดูเป็นคนเปิดเผยดีออก”
“เจ้านั่นถึงภายนอกจะเหมือนคนที่อ่านง่าย แต่ภายในของเขาผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไรอยู่”
“ไม่มีใครอยากเก็บเรื่องที่ไม่สบายใจไว้คนเดียวหรอกนะคะ”
คำพูดของครูซอนทำให้ผมต้องคิดใหม่ ใช่แล้ว...ไม่มีใครอยากจะเก็บไว้คนเดียวหรอกเรื่องที่ไม่สบายใจ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกพูดเรื่องนั้นกับใคร
“ขอบคุณนะครับ ครูซอน ผมไปก่อนนะครับ”
ผมพูดกับเธอก่อนที่จะลุกออกไป แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเรียนหรรษาของตัวเอง เมื่อมาถึงหน้าห้องผมก็ได้ยินเสียงโวกเวกดังออกมาจากภายใน แต่อย่าเพิ่งนึกว่าพวกเขาทะเลาะกันหรือตีกันอยู่นะครับ เพราะเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องภาพที่ผมเห็นก็คือแจ็คสันยืนเต้นอยู่กลางห้อง แบมแบมกับยูคยอมนั่งขำจนท้องแข็ง จูเนียร์กับมาร์คส่ายหน้ายิ้มๆ ยองแจทำหน้าเหมือนจะอ้วก ส่วนเจบีหัวหน้าห้องเอามือกุมขมับแต่ก็มีรอยยิ้มเล็กผุดออกมา แม้จะดูวุ่นวายไปบ้างแต่ผมก็คิดว่ามันยังดีกว่าปล่อยให้ห้องเงียบต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองโดยไม่สนใจใคร
“อะแฮ่ม...นั่งทีได้แล้วเด็กๆ”
ผมแสร้งทำเป็นพูดเสียงดุ
“โย่ว..ว หวัดดีคร้าบบบ”
แจ็คสันหันมาทำท่าตะเบะใส่ผมโดยไม่สนใจเสียงดุที่ผมพยายามทำเลยซักนิด
“วันนี้มาครบครับ”
เจบีรายงานผมทันทีที่ทุกคนนั่งที่เรียบร้อย
“วันนี้เราจะออกไปไหนกันหรือเปล่าครับ”
แบมแบมยกมือถามด้วยความกระตือรือร้น
“วันนี้เราจะเรียนกันในห้อง”
หลังจากผมพูดจบเด็กๆอย่างแบมแบม ยูคยอมและยองแจต่างทำหน้าเซงๆไปตามๆกัน อย่างนี้แหละครับเด็กๆมักจะชอบออกไปเจอโลกกว้าง
“วันนี้...ครูจะให้จับคู่กัน อืม...ครูว่าครูจับให้เองดีกว่า”
เมื่อเด็กได้ยินสิ่งที่ผมพูดต่างคนก็ต่างบ่นระงมไปตามๆกันจนผมอดกลั้นขำไม่ได้
“มาร์คคู่กับจูเนียร์นะ”
“ครับ”
จูเนียร์ขานรับแม้จะงงๆอยู่บ้าง
“ยองแจคู่กับเจบีนะ”
“หา..าา ให้ผมคู่กับหัวหน้าอิมเนี่ยนะ”
ยองแจทำท่าโอดครวญ
“ย่าส์...เจ้าแตงกวาคู่กับฉันมันจะเป็นไงหะ”
“เปล่าคร้าบบ”
ยองแจตอบเสียงอ่อยๆ
“ส่วนยูคยอมเธอคู่กับแบมแบมนะ”
“แล้วผมล่ะครับ ยังเหลือผมอีกคนนะ”
แจ็คสันโวยวายขึ้นทันทีเมื่อผมพูดจบ ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา
“ก็คู่กับครูไง เอาล่ะ...ย้ายที่ไปนั่งกับคูของตัวเองซะ”
ผมสั่งจากนั้นก็เดินแจกสมุดโน้ตให้กับทุกคนก่อนจะเดินไปนั่งข้างหน้าแจ็คสัน
“สมุดที่ครูแจกให้ พวกเธอเขียนชื่อเป็นเจ้าของได้เลยนะ ครูจะให้พวกเธอเขียนเรื่องราวที่อยากรู้ของเพื่อนตรงหน้า หรือสิ่งที่อยากจะบอกเพื่อน ไม่ว่าอยากจะพูดอยากจะบอกอะไรก็ให้เขียนลงไปให้หมดนะ”
“เรื่องที่อยากบอกเหรอ”
แจ็คสันพูดทวนเบาๆ ผมมองหน้าเขาซักพักก่อนสูดหายใจลึกๆเพื่อเตรียมที่จะถามเขาในสิ่งที่ผมอยากรู้
“ผมขอถามครูก่อนนะครับ”
ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากเขาก็ก่อนชิงขอถามก่อนผมพยักหน้าให้เขา
“ทำไม...ครูถึงไม่ให้ผมคู่กับแบมแบมล่ะครับ”
ผมแทบอยากจะเขกหัวเขาทันทีที่ได้ยินคำถามจากปากของเขา เจ้านี่เคยคิดอะไรที่มันจริงจังบ้างไหมนะ
“แล้วทำไมเธอถึงอยากคู่กับแบมแบมนักล่ะ คู่กับครูมันไม่ดีหรือไง”
“ก็ผมอยากรู้เรื่องของแบมแบมนี่ครับ ก็...เขาน่ารักออก หรือครูคิดว่าไม่”
แจ็คสันพูดพร้อมกับพยักเพยิดให้ผมหันไปดูแบมแบมที่กำลังนั่งหัวเราะร่าอยู่กับยูคยอม
“เธอไม่มีเรื่องอื่นที่อยากรู้อีกเหรอ ถามครูได้นะ”
“ไม่มีนี่ครับ ผมไม่รู้จะถามเรื่องอะไร”
คำพูดของเขาทำให้ผมถึงกับเซง แต่จะให้ยอมแพ้ก็ไม่ได้
“งั้นครูมีเรื่องที่อยากบอก เธอเตรียมจดให้ดีล่ะ”
“ครูไม่ต้องบอกหรอกครับ ผมขี้เกียจจด”
โป๊ก! ผมใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปเขกหัวเขา เจ้านี่มันกวนจริงๆ
“ครูครับ! เขกหัวผมแบบนี้ถ้าผมเกิดไม่สูงขึ้นจะทำไง”
“ไม่ต้องพูดมาก จดเรื่องที่ครูอยากบอกเดี๋ยวนี้”
“บังคับกันชัดๆ”
แจ็คสันยังคงบ่นไปเรื่อยๆ
“เรื่องที่ครูอยากบอกก็คือ...เรื่องที่ครูอยากจะทำ”
“เรื่องที่อยากทำ?”
แจ็คสันทวนคำพูดของอีกครั้ง
“เรื่องที่ครูอยากจะทำมาตลอดแต่ไม่มีโอกาศได้ทำซักที...จริงๆแล้วครูอยากจะเปิดคอนเสริตแหละ”
“What!”
เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ ผมได้แต่ยิ้มเขินๆ ก็ผมเขินจริงๆนี่น่าที่ต้องพูดเรื่องที่คิดว่าจะไม่ได้พูด
“แปลกใช่ไหมล่ะ แต่มันเป็นเรื่องที่ครูอยากทำจริงๆนะ อยากจะร้องเพลง อยากจะลองเป็นดาวอยู่บนเวทีซักครั้งหนึ่ง เนี่ยครูบอกเธอแค่คนเดียวเลยนะ”
ประโยคหลังผมทำท่ากระซิบเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน แจ็คสันทำหน้าอึ้งๆกับความคิดของผมซักพันก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม
“ครูก็อยากทำอะไรแปลกๆเหมือนกันผมเลย”
“จริงเหรอ”
“ครับ...ผมน่ะจริงๆแล้วมีความฝันแล้วก็สิ่งที่อยากทำอยู่นะ”
แจ็คสันหน้ามีลับลมคมนัย ทำให้ผมอยากรู้สิ่งที่เขาจะพูดมากขึ้น
“ผมอยากจะเป็นแรปเปอร์ที่เก่งที่สุด”
เขาพูดด้วยตาเป็นประกาย
“เธอแรปเป็นด้วยเหรอ”
“ครูยังไม่รู้อะไร...ผมน่ะแอบฝึกซ้อมทุกวันเลยน้าาา เอางี้...ถ้าวันไหนที่ครูเปิดคอนเสริตขึ้นมาครูต้องชวนผมไปฟิชเชอริ่งด้วยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว สัญญา”
ผมกำมือทุบที่หน้าอกตัวเองเพื่อแสดงถีงคำสัญญาและให้เขาได้เชื่อมั่นในคำพูดของผม
“เอ่อ...ครูมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากถาม”
ผมตัดสินใจถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป
“เรื่องของเธอกับครูคิม”
พอผมพูดประโยคนี้จบ แจ็คสันก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ...บอกครูได้ไหม”
แจ็คสันยังคงสงบนิ่งไม่พูดอะไร
“แจ็คสัน...”
“ครูไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ”
จากที่เงียบมานานแจ็คสันก็พูดขัดผมทันที
“ทำไมล่ะ มันเป็นเรื่องที่อึดอัดไม่ไช่เหรอ ทำไมถึงไม่พูดออกมาล่ะ”
“ผมกำลังพยายามลืมมันต่างหาก”
เสียงเศร้าๆของแจ็คสันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาแน่ๆ
“เธอ...พูดกับครูได้นะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องรู้ไง!”
แจ็คสันตะคอกใส่ผมจนคนอื่นๆในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ผมเห็นเขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนลุกออกไปในทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับครู”
จูเนียร์เดินเข้ามาหาผมแล้วเอ่ยปากถามเป็นคนแรก
“เปล่าหรอก ครูแค่คิดว่าเพื่อนของเธอกำลังเจอปัญหาหนักอยู่ พวกเธอ...มีใครรู้เรื่องของแจ็คสันบ้างมั้ย”
ผมหันไปถามเด็กๆที่ยืนทำหน้างงๆกันอยู่ ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ผมเห็นวันแรกเขาก็อยู่กับยองแจแล้ว”
จูเนียร์ชี้ไปทางยองแจที่ทำหน้าเหมือนจะหลับอยู่ตลอดเวลา
“ผมก็แค่บังเอิญรู้จักเขาก่อนคนอื่นแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง แต่เรื่องอื่นของเขาผมไม่รู้หรอกครับ”
เจ้าตี๋น้อยอธิบาย
“แจ็คสันฮยองเขาเป็นอะไรเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเขาน่ากลัวอย่างนี้มาก่อนเลย”
แบมแบมพูดเสียงอ่อยๆ เขาคงจะตกใจจริงๆนั่นแหละที่เห็นเพื่อนที่เคยร่าเริงตลอดเวลามาโหมดดาร์กแบบนั้น
“ครูอยากรู้เรื่องอะไรของเขาเหรอครับ”
จูเนียร์ถามผมอีกครั้ง
“มีใครรู้เรื่องระหว่างเขากับครูคิมบ้างไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมถามออกไปแบบนั้นเพราะอยากรู้จริงๆ ยิ่งเห็นสีหน้าเด็กนั่นก่อนจะลุกออกไปผมยิ่งรู้สึกไม่ดีที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ทำอะไรเลย
“ผมเคยได้ยินเพื่อนในห้องพูดว่า ครูคิมเคยถูกลูกน้องของพ่อแจ็คสันทำร้ายจนขาของเขาได้รับบาดเจ็บ”
ผมหันไปหาจูเนียร์ทันทีที่เขาพูดจบ
“นี่เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“ใช่ นายรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอจูเนียร์”
ประโยคหลังเป็นเจบีที่ถามตามผม จูเนียร์กรอกตาไปมาอย่างเซงๆ
“นายเคยรู้เรื่องอะไรกับเขาบ้างเนี่ย...เอ่อ ผมแค่ได้ยินที่เพื่อนในห้องเล่าให้ฟังน่ะครับส่วนรายละเอียดผมไม่รู้อะไรมาก”
จูเนียร์หันโวยใส่เจบีแล้วค่อยหันมาพูดกับผม
“ลองไปถามเพื่อนของเขาดูมั้ยล่ะครับ”
จู่ๆยองแจก็พูดเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเขาน่ะเหรอ”
“ครับ...เพื่อนที่ชื่อ...นิค ครับ ผมเคยเห็นเขาอยู่ด้วยกัน”
ยองแจพูดหลังจากที่พยายามนึกชื่ออยู่ซักพัก
“นิคเหรอ...ขอบใจมากนะยองแจ เอิ่ม ทุกคนด้วย เดี๋ยวครูมานะ”
ผมบอกพวกเขาก่อนที่จะลุกออกมา ไม่ว่าเธอกำลังติดอยู่กับเรื่องอะไร ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่หนักแค่ไหน แต่รอครูก่อนนะ ครูจะช่วยแบกเรื่องพวกนั้นไว้เอง
(ยูคยอม)
หลังจากที่ครูปาร์ครีบเร่งออกจากห้องไปพวกเราก็มานั่งรวมกลุ่มกัน ต่างคนต่างนิ่งเงียบไม่มีใครพูดกับใครก่อน เหมือนต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ย๊ากกกก!”
ผลั๊ว! ฝ่ามือเล็กๆของแบมแบมที่นั่งอยู่ข้างๆผมฝาดเข้ามาที่หัวผมเต็มแรงเมื่อจู่ๆผมก็ตะโกนออกไป
“แกจะตะโกนทำไมเจ้ายักษ์! ตกใจหมด”
แบมแบมพูดบ่นผมหน้ามุ่ย
“แล้วแกจะตบหัวฉันทำไมเนี่ย เจ็บนะ!”
ผมแว้ดกลับ
“ที่แบมแบมตบน่ะยังน้อยไป เป็นฉันนะจะยันให้ติดผนังเลย เป็นบ้าไปแล้วหรือไงจู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา”
จูเนียร์ฮยองพูดซ้ำเติมผมอีกคน
“ก็ทุกคนนั่นแหละ เงียบกันจนน่าอึดอัด มีอะไรทำไมไม่พูดกันออกมาล่ะ ผมคิดตามไม่ทันนะ”
พอผมพูดจบทุกคนก็หันมองหน้ากันเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
“บ้าชิบ ทำไมฉันต้องมานั่งคิดมากกับพวกแกด้วยเนี่ย”
เจบีฮยองจู่ๆก็สบดขึ้นผมและจูเนียร์ต่างมองหน้ากันเพราะไม่เคยเห็นพี่ชายคนนี้เป็นแบบนี้มาก่อน
“นี่นาย...คิดเรื่องแจ็คสันอยู่เหรอ”
จูเนียร์ฮยองแกล้งถาม เจบีฮยองมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าแสดงอาการแบบไหนออกไป
“คิดสนใจคนอื่นด้วยเหรอเนี่ย”
ผมแซะเจบีฮยองอีกคนจนเจ้าตัวใช่มือทั้งสองข้างผลักหัวผมกับจูเนียร์ฮยองพร้อมกัน
“ก็ฉันเป็นหัวหน้าห้องนี่”
เจบีฮยองพยายามอธิบายเก้ๆกังๆ จนผมและจูเนียร์ฮยองกลั้นขำแทบไม่อยู่ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อมีใครบางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“ฉันเห็นนายถอนหายใจหลายครั้งแล้วนะ เดี๋ยวก็อายุสั้นหรอกเจ้าแตงกวา”
เจบีฮยองเบี่ยงประเด็นไปคุยกับยองแจฮยองที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
“คนขี้โวยวายคนนั้น หายไปไหนนะ”
“หมายถึง...แจ็คสันน่ะเหรอ”
จูเนียร์ฮยองถามคนที่พูดเมื่อครู่ได้แต่พยักหน้าช้าๆ คงเป็นห่วงซินะ ก็ยองแจฮยองรู้จักกับแจ็คสันฮยองก่อนใครนี่น่า
“แจ็คสันฮยองไม่อยู่ห้องเงียบชะมัด”
คราวนี้เป็นแบมแบมพูดขึ้นอีกคน
“คิดถึงเขาเหรอ”
มาร์คฮยองที่นั่งถัดจากแบมแบมหันมาถามเจ้าตัว ถ้าผมฟังไม่ผิดน้ำเสียงติดจะขุ่นๆอยู่หน่อยๆนะ
“ก็แจ็คสันฮยองตลกแล้วก็ใจดีด้วยนี่ครับ มาร์คฮยองไม่ห่วงแจ็คสันฮยองเหรอครับ”
พอมาร์คฮยองถูกแบมแบมถามกลับเขาก็ถอนใจออกมาเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องห่วง...แต่ก็คงจะปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้”
“งั้นเราไปหาแจ็คสันฮยองกันมั้ยครับ”
ผมเสนอทุกคนเงยหน้ามามองหน้าผม
“นายรู้จักบ้านเขาเหรอ”
แบมแบมถามด้วยความสงสัย
“เราก็ไปขึ้นรถสายพัค โนยองซิ โนยองฮยองต้องรู้แน่ว่าบ้านแจ็คสันฮยองอยู่ที่ไหน”
เหมือนทุกคนจะเห็นด้วยกับความคิดของผม
“ฉลาดเหมือนกันนี่เจ้ายักษ์ ไม่เสียแรงที่เลี้ยงมา”
เจบีฮยองใช้มือยีหัวผมจนหัวฟูไปหมด
“ได้ข่าวว่าจูเนียร์ฮยองเลี้ยงผมมามากกว่านะ จริงมั้ย อ่อมม่า”
ชะโงกไปล้อจูเนียร์ฮยองจนเจ้าตัวทำตาถลนเหมือนจะกินผมให้ได้ ส่วนคนอื่นๆก็ได้แต่ยิ้มหัวเราะไปตามๆกัน ห้องเราต้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะซินะถึงจะน่าอยู่ ถ้าขาดใครไปคนหนึ่งคงจะแย่แน่ๆเพราะฉะนั้นผมจะพยายามรักษามิตรภาพบนโลกใบใหม่ของผมให้ดีที่สุด แจ็คสันฮยองไม่ว่าฮยองไปอยู่ที่ไหน ฮยองรู้ไว้นะว่าทุกคนพร้อมที่จะไปตามฮยองกลับมาเสมอรอก่อนนะ
ความคิดเห็น