คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่14 เริ่มแกะรอย
ตอนที่ 14
(แบมแบม)
“กันต์พิมุก”
“คร้าบบ”
ผมขานรับหลังจากที่หัวหน้าอิมเช็คชื่อผม หลายคนคงสงสัยว่าทำไมจู่ๆหัวหน้าอิม แจบอม ถึงเช็คชื่อนักเรียนในห้อง ก็เพราะได้รับคำสั่งของครูประจำชั้นนิสัยแปลกๆของพวกเรายังไงล่ะครับ ไม่ไช่แค่เช็คชื่อเท่านั้น แจบอมฮยองยังต้องคอยจดรายละเอียดต่างๆของสมาชิกในห้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ชอบ หรือเรื่องอื่นๆ
“มาครบครับ”
หลังจากที่ แจบอมฮยองเช็คชื่อเสร็จก็รายงานครูปาร์คทันที
“วันนี้เราจะเรียนอะไรกันครับ”
เป็นยองแจฮยองที่ยกมือขึ้นถามด้วยความกระตือรือร้น
“แกนี่จะเป็นเด็กเรียนไปถึงไหนกันเนี่ย”
แจ็คสันฮยองแขวะขึ้นทันทีที่ยองแจฮยองพูดจบ ผมได้แต่ขำพวกเขาเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็มักจะเห็นพวกเขาเถียงกันตลอดเวลาแม้แต่เรื่องเล็กๆ
“จินยอง...ช่วยเอานี้ไปแจกเพื่อนหน่อยซิ”
ครูปาร์คส่งเอกสารให้กับจูเนียร์ฮยองที่ลุกออกไปรับ
“ประวัติเหรอ”
มาร์คฮยองอ่านข้อความที่อยู่บนเอกสารทันทีที่ได้รับมันรวมถึงผมด้วย
“ให้กรอกประวัติเนี่ยนะ”
ผมเห็นแจ็คสันฮยองพลิกกระดาษไปมาแล้วบ่นเล็กน้อย
“วันนี้ครูจะให้พวกเธอเขียนประวัติส่วนตัวส่งครูนะ...และขอข้อมูลที่เป็นความจริงเท่านั้นนะห้ามเขียนเพื่อส่งๆไปเท่านั้น”
ครูปาร์คอธิบาย ผมสังเกตเห็นเขาก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือซักพักแล้วถอนหายใจ
“อืม...เขียนกันไปก่อนนะ เดี๋ยวครูต้องไปประชุมก่อน ห้ามออกไปเพ่นพล่านข้างนอกกันนะ”
“พวกเราไม่ไช่ลูกหมานะครับ จะได้เที่ยวเพ่นพล่าน”
แจ็คสันฮยองค้านขึ้น
“ใครใช้ให้เอาไปเปรียบกับลูกหมากันล่ะ”
ครูปาร์คพูดขำๆ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้พวกเรางงงวยกับเจ้ากระดาษแผ่นเดียวตรงหน้าที่ได้รับมา
“มาร์คฮยองเขียนเสร็จแล้วเหรอ”
ผมถามเมื่อเห็นว่าคนข้างๆ วางปากกาที่เพิ่งจะเขียนเสร็จ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาเริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่
“อืม”
เขายังคงตอบสั้นๆเช่นเดิม ด้วยความอยากรู้ผมจึงชะโงกหน้าไปดูกระดาษของมาร์คฮยอง
“นี้นะเสร็จแล้ว”
“ใช่”
“แล้วความฝันล่ะไม่เขียนลงไปเหรอ”
“ก็...ไม่รู้จะเขียนอะไรลงไป”
ผมกลับมามองกระดาษในมือตัวเองอีกครั้ง จะว่าไปผมก็เหมือนกับมาร์คฮยองนั่นแหละไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปในคำถามนั้น
“Baby…เขียนเสร็จแล้วเหรอขอฮยองดูหน่อยซิ”
แจ็คสันฮยองหันมาหาผมแล้วชะโงกดูที่กระดาษของผม
“ยังไม่เขียนคำตอบข้อนี้เหมือนกันเหรอ”
เขาชี้มาตรงหัวข้อคำถามที่ยังไม่มีคำตอบในกระดาษของผม
“ฮยองก็ยังไม่เขียนเหรอครับ”
ผมถามเขากลับ
“ก็ยังไม่เขียนทั้งแผ่นนั่นแหละ”
ยองแจฮยองพูดแทรกขึ้นมาโดยที่แจ็คสันฮยองยังไม่ทันจะอ้าปากตอบผม
“มีซักเรื่องไหมที่นายจะไม่ขัดฉันน่ะ”
“แล้วมีซักเรื่องไหมที่ฮยองจะทำเหมือนกับคนอื่นเข้าบ้าง”
“ย๊ากกก เจ้าลิงเมากล้วย”
“โอ๊ยยยย เจ็บนะ”
ยองแจฮยองร้องเสียงดัง เมื่อแจ็คสันฮยองเข้าไปบีบแก้มเขา ผมมองภาพตรงหน้าแล้วส่ายหัวอย่างขำๆ พอมองไปทางมาร์คฮยองผมก็เห็นว่าเขาก็กำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน ผมว่าช่วงนี้มาร์คฮยองมักจะยิ้มบ่อยๆและพูดมากขึ้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันแต่ผมก็ชอบนะที่เป็นแบบนี้
“เอาล่ะ...พวกนายถ้าเสร็จแล้วก็เอามาส่งที่จูเนียร์นะ”
แจบอมฮยองจู่ๆก็พูดขึ้น แม้แต่จูเนียร์ฮยองที่กำลังเขียนอยู่ถึงกับสะดุ้งไปด้วย
“เรื่องไรมาโบยให้ฉันล่ะนายเป็นหัวหน้าห้องนะ”
“ก็ฉันไม่ว่างนี่”
แจบอมฮยองพูดแล้วเก็บกระเป๋าเตรียมจะเดินออกจากห้องไป
“แล้วนี่นายจะไปไหนมันยังไม่หมดชั่วโมงเรียนเลยนะ”
“ฉันจะไปธุระ”
หัวหน้าห้องทำท่าจะเดินไปแต่ก็ถูกจูเนียร์ฮยองดึงเสื้อไว้
“นายจะมีธุระอะไรนักหนา....นี่นายคิดจะโดดเรียนอีกแล้วใช่มั้ย”
“วันๆเราก็ไม่ได้เรียนอะไรกันอยู่แล้วนี่...จะเป็นไรไปถ้าฉันจะใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น”
คำพูดของแจบอมฮยองสร้างความสงสัยให้กับทุกคนแม้แต่มาร์คฮยองเองยังมีเครื่องหมายคำถามปรากฎขึ้นบนใบหน้าเลย
“ก็ได้...ไปเหอะ”
จู่ๆจูเนียร์ฮยองก็ปล่อยมือจากเสื้อแจบอมฮยองแล้วก้มหน้าเขียนกระดาษตรงหน้าต่อ แจบอมฮยองขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินออกไปจากห้อง
“ทำไมฮยองปล่อยไปง่ายจัง”
ยูคยอมเป็นคนพูดขึ้น จูเนียร์ฮยองวางปากกาแล้วเงยหน้ามองเขา
“ใครบอกว่าฉันจะปล่อยไปง่ายๆ”
พูดแค่นั้นแล้วจูเนียร์ก็เก็บกระเป๋าของตัวเองเตรียมตัวจะสะพายออกไป
“ฮยองจะไปไหนน่ะ”
“ก็จะตามเจ้านั่นไปไง”
ยูคยอมพยักหน้าช้าๆแล้วลุกขึ้น
“แล้วแกจะไปไหน”
จูเนียร์ฮยองถามกลับ
“ก็ไปด้วยไง ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจบีฮยองจะไปที่ไหน”
“งั้นฉันไปด้วย!”
แจ็คสันยกมือขึ้นแล้วตะโกนเสียงดัง จนยองแจฮยองต้องเอามืออุดหูทำสีหน้าเบื่อๆ
“ผมด้วย”
ผมยกมือขึ้นอีกคนแล้วหันไปหามาร์คฮยองที่ยกมือขึ้นด้วยเหมือนกัน
“เอางั้นเหรอ”
จูเนียร์ฮยองถามอย่างลังเล
“ก็เออน่ะซิ...มีกันแค่เจ็ดคนไปไหนก็ต้องไปด้วยกันซิ”
แจ็คสันฮยองพูดอย่างร่าเริง
“แต่เราก็ต้องบอกครูปาร์คก่อนนะ...ไม่งั้นถ้าครูมาไม่เจอพวกเราคงเป็นห่วงแย่”
ยองแจฮยองทำหน้าครุ่นคิดก่อนพูดขึ้นมาซึ่งทั้งผมแล้วทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เราก็เขียนไว้บนกระดานซิ”
ยูคยอมชี้ไปที่กระดานหน้าห้อง แล้วก็เป็นจูเนียร์ฮยองที่เป็นคนเขียน จากนั้นพวกเราก็รีบตามแจบอมฮยองไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ซักนิดว่าถูกตาม ผมและทุกๆคนตามแจบอมฮยองมาห่างๆจนถึงทางเลี้ยวไปหลังโรงเรียน
“เจ้านั่นเข้าไปในนั้นทำไมวะ”
แจ็คสันฮยองชะโงกออกไปดูแล้วพูดอย่างสงสัยเมื่อเห็นคนที่พวกเรากำลังตามเดินเข้าไปในตึกเก่าที่ทำให้พวกกลายเป็นผู้ต้องสงสัย
“หรือว่าคิดจะหาคำตอบ”
มาร์คฮยองพูดด้วยสีหน้าจริงจัง พวกเราทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วพากันเข้าไปข้างใน พอเข้ามาในตัวอาคารพวกเราก็คลาดกับแจบอมฮยองแล้ว
“เจ้าเจบีไปไหนแล้วล่ะ”
จูเนียร์ฮยองพูดอย่างหงุดหงิด คงเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแจบอมฮยองเหมือนกับวันนั้นแน่ๆ
“คงจะอยู่ในนี้นั่นแหละ”
มาร์คฮยองตบไหล่เบาๆเป็นเชิงบอกไม่ให้คิดมาก ส่วนผมก็เดินสำรวจดูรอบๆโดยมียูคยอมอยู่ข้างๆ
“นี่ยูคยอมฉันว่าจะถามนายตั้งนานแล้วล่ะ...ว่าทำไมวันนั้นนายถึงเข้ามาในนี้ล่ะ”
ยูคยอมหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนหันกลับไปแล้วถอนหายใจ
“วันนั้นน่ะนะ...ฉันแค่มาตามที่หมอนั่นส่งข้อความมาก็เท่านั้น”
“หมายถึง...ชินโจวน่ะเหรอ”
ผมถามย้ำยูคยอมพยักหน้าช้าๆ
“เดี๋ยวนะ...นายบอกว่าได้รับข้อความจากคนที่บาดเจ็บปางตายนั่นน่ะเหรอ”
ยองแจฮยองที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกเราจู่ๆก็พูดขึ้น
“ใช่ครับ”
ยูคยอมตอบสั้นๆ ยองแจฮยองขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำตอบ เขาทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่างแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร จู่ๆแจบอมก็โผลออกมาจากห้องๆหนึ่งเขาทำตาโตเหมือนตกใจเมื่อเห็นพวกเรา
“พวกแกมาทำอะไรกันที่นี่เนี่ย”
เขาชี้มาทางพวกเราแล้วพูดโวยวาย
“ฉันต้องถามแกมากกว่านะคำถามนั้น”
จูเนียร์ฮยองชี้หน้าแล้วพูดโวยวายเช่นเดียวกัน
“ก็นะ...จะให้อยู่รอพวกตำรวจเฉยๆมันดูจะเอื่อยเฉื่อยเกินไปฉันก็เลยอยากจะลองทำอะไรดูซักหน่อย”
“โดยที่ไม่ชวนพวกเรานี่นะ...นี่หัวหน้าอิม นายคิดว่านายโดนใส่ร้ายคนเดียวหรือไง”
แจ็คสันฮยองเท้าเอวพูดอย่างหาเรื่องตามแบบฉบับของเขา
“ฉันก็แค่ยังไม่แน่ใจว่าจะลองสืบดูดีหรือเปล่า...เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเราเหมือนมันจะไม่ได้มีแค่นักเรียนที่ก่อเรื่องเท่านั้นน่ะซิ”
คำพูดของแจบอมฮยองทำให้ผมนึกสงสัย
“นายรู้ได้ไง”
จูเนียร์ฮยองถามเพื่อให้อธิบาย
“วันนั้นก่อนที่ฉันจะสลบไป...ฉันบังเอิญเห็นรอยสักที่ข้อมือขวาของพวกมันคนหนึ่ง”
“แต่โรงเรียนเราไม่อนุญาติให้นักเรียนสักนี่น่า”
ผมพูดเพราะพอจะรู้กฎของโรงเรียนอยู่บ้าง
“เพราะงั้นถึงคิดว่าเป็นคนนอกโรงเรียนซินะ”
จูเนียร์ฮยองพูดเมื่อเข้าใจสิ่งที่หัวหน้าห้องอธิบาย แล้วหันไปมองยูคยอมก่อนเอ่ยปากถาม
“คิม ยูคยอม...นายรู้อะไรเกี่ยวกับคนพวกนี้บ้างหรือเปล่า”
“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะครับ”
“นายเป็นเพื่อนกับคนที่ถูกทำร้ายนี่น่า ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างเหรอ”
แจ็คสันฮยองคาดคั้นอีกคน
“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนักหรอกเพราะพวกเรา...เพิ่งสนิทกันเอง”
น้ำเสียงยูคยอมดูเศร้ามากจนทุกคนจับสังเกตได้ จึงพยายามจะเปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องอื่น แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยเรื่องที่ค้างคาตั้งแต่เมื่อตอนที่คุยกับยูคยอม
“ยองแจฮยองก่อนหน้านี้ทำไมถึงต้องตกใจตอนที่ยูคยอมบอกว่าได้รับข้อความจากชินโจวล่ะครับ”
ยองแจฮยองเลิกคิ้วแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“ก็วันนั้นฉันว่าฉันน่าจะเป็นคนแรกที่เข้าไปเจอชินโจวนะ”
“แล้วฮยองก็วิ่งมาเจอกับผม”
ยูคยอมพูดเสริม
“ใช่ฉันเจอกับนายที่เพิ่งจะเข้ามา แต่ที่น่าแปลกก็คือ...ชินโจวส่งข้อความให้นายได้ยังไงในเมื่อตอนที่ฉันเห็นชินโจวไม่มีแรงแม้จะกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ”
พอยองแจฮยองพูดจบพวกเราทุกคนต่างมองหน้ากัน
“แสดงว่ามีคนจงใจส่งข้อความหายูคยอม”
มาร์คฮยองวิเคราะห์
“เป็นไปได้ไหมว่าเป้าหมายของพวกมันอีกคนก็คือ...ยูคยอม”
หลังจากแจบอมฮยองพูดจบพวกเราก็หันไปมองยูคยอมเป็นตาเดียว
“ย่าส์...เจ้ายักษ์นี่แกไปสร้างเรื่องไว้กับใครที่ไหนอีก”
จูเนียร์ฮยองเดินเข้าไปชี้หน้าคาดโทษยูคยอมทันที
“ป่าวนะฮยอง ถึงผมจะมีเรื่องบ่อยๆแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ใครโกรธแค้นหรอกนะ ถ้าเจบีฮยองกับแจ็คสันฮยองก็ว่าไปอย่าง”
ยูคยอมโบ้ย คนที่โดนโบ้ยทั้งสองต่างทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องแต่ก็โดนมาร์คฮยองกับยองแจฮยองกันเอาไว้
“ใครจะกล้ามาโกรธแค้นคนใจดีมีเมตตาอย่างฉันกันฮะเจ้ายักษ์”
แจ็คสันฮยองโวยวาย
“โอ๊ยยย พวกหัวคิดไม่ออกแล้วอ่ะ...ฮยองไปกินข้าวกันเหอะ”
ผมชวนเพราะรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆคงเพราะนี่เป็นเวลาเที่ยงแล้วด้วย
“โอ้ววว...Baby หิวแล้วเหรอ ได้ๆไปกินข้าวกันนะ”
แจ็คสันฮยองพูดพร้อมกับเข้ามาคล้องแขนผมแล้วพาเดินไปคนอื่นๆก็เดินตามๆกันมาโดยมาร์คฮยองยืนเดินขนาบอีกข้างของผม
“ถ้าเป็นไปได้ปล่อยให้น้องฉันเดินดีๆ จะดีกว่านะ”
มาร์คฮยองพูดแขวะแจ็คสันฮยองที่ตอนนี้แทบจะอุ้มผมไปอยู่แล้ว
“ชิส์ อิจฉาล่ะซิที่Baby ไม่สนใจนายแล้ว”
“ฮึ ใครจะไปอิจฉาคนอย่างนายกัน”
“คนอย่างฉันมันเป็นอย่างไง”
“ก็...”
“เอ่อ...ถึงโรงอาหารแล้วไปหาที่นั่งกันเถอะครับ”
ผมพูดห้ามทัพแล้วคล้องแขนทั้งสองคนเดินไปที่โต๊ะอาหารที่ยังว่างอยู่ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่ผมได้นั่งกินข้าวกับเพื่อนเยอะขนาดนี้ พอพวกเราได้ที่นั่งกันแล้วทุกคนก็ตกลงกันว่าให้ผมนั่งจองโต๊ะเอาไว้โดยที่มาร์คฮยองเป็นคนไปซื้อข้าวให้ผม นั่งไปซักพักยองแจฮยองเดินกลับมาเป็นคนแรกในมือถือถาดข้าวพร้อมกับน้ำอีกหนึ่งแก้ว แต่เหมือนว่าเขาจะงงว่าโต๊ะอยู่ตรงไหนเนื่องจากคนเยอะมากผมจึงกวักมือเรียกเขาพอยองแจฮยองเห็นเขาก็ยิ้มแล้วเดินมาทางนี้ทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินมาถึงก็มีนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งประมาณสาม-สี่คนมาชนยองแจฮยองจนล้มลงไปถาดข้าวที่ถือมาหกใส่เสื้อผ้าจนเลอะเทอะ ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหายองแจฮยองทันที
“แกเดินประสาอะไรฮะ!”
เมื่อผมไปถึงนักเรียนหนึ่งในนั้นก็กระชากคอเสื้อยองแจฮยองขึ้นมาแล้วตะคอกใส่หน้า
“นึกว่าใครเด็กมกโพนี่เอง ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่ห้องเด็กมีปัญหาแล้วนี่”
ผู้ชายอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันเดินเข้ามาผลักให้ยองแจฮยองล้มลงไปอีกครั้ง
“เป็นไรไหมฮะ”
ผมเข้าไปประคองยองแจฮยองให้ลุกขึ้นแล้วถามด้วยความเป็นห่วงแทนที่ยองแจฮยองจะตอบกลับมาเขากลับเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
“โอะ เดี๋ยวนี้มีเพื่อนด้วยเหรอ ว่าแต่เป็นเด็กมีปัญหาเหมือนกันหรือเปล่าล่ะเนี่ย”
ผู้ชายคนเดียวกันกับที่ผลักยองแจฮยองเข้ามาจับหน้าผมแล้วบีบจนรู้สึกเจ็บขึ้นมาแม้ว่าผมจะพยายามสะบัดออกแต่ดูเหมือนว่าผมจะมีแรงน้อยเกินไป
“ฮึ่ย! ปล่อยเขานะ”
ยองแจฮยองผลักผู้ชายคนนั้นออกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซเกือบล้ม
“เดี๋ยวนี้กล้าสู้แล้วเหรอวะ”
อีกคนปรี่เข้ามาเตรียมง้างหมัดจะชกยองแจฮยองแต่ไม่ทันที่หมัดนั้นจะมาถึงก็มีใครปากคนใช้เท้าถีบเขาจนล้มลงไปกองกับพื้น ผมมองคนที่เข้ามาช่วยพวกเราก็พบว่าเป็นมาร์คฮยองที่เป็นคนจัดการคนเมื่อครู่ส่วนคนอื่นที่เหลือก็วิ่งเข้ามาดูพวกเรา
“กล้าทำน้องฉันเหรอ”
ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงมาร์คฮยองเรียบนิ่งและดูน่ากลัวมาก รวมถึงคนอื่นๆด้วยที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบตึงพร้อมที่จะมีเรื่องได้ตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่จูเนียร์ฮยองที่รักษากฎตลอด
“ฮึ พวกเด็กมีปัญหาเหมือนกันงั้นซิ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเจ้าเด็กมกโพจะมีเพื่อนกับเขาด้วย หรือว่าคบไปเพราะไม่มีใครจะคบแล้ว”
“พวกแกน่ะซิเด็กมีปัญหา กล้าดียังไงมาแกล้งเพื่อนฉันน่ะฮะ!”
แจ็คสันฮยองตลาดเสียงดังพร้อมถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะกระโจนเข้าไปมีเรื่องได้ตลอดเวลา ผมหันไปหายองแจฮยองที่ตอนนี้ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ ถ้าเดาไม่ผิดผมว่าพวกนั้นต้องอยู่ห้องเดียวกับยองแจฮยองแน่ๆ นี่คงจะเป็นสิ่งที่ยองแจฮยองต้องเจอมาตลอดซินะเป็นความเหงาที่วนเวียนอยู่รอบตัวพี่ชายคนนี้ตลอด เมื่อผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่ยองแจฮยองต้องเจอมันทำให้ผมนึกถึงตัวเองขึ้นมามือของผมเลื่อนไปจับมือของยองแจฮยองเพื่อให้กำลังใจเขา ยองแจฮยองหันหน้ามามองผม
“ไม่เป็นนะครับ พวกเราไม่ทิ้งฮยองหรอก”
ผมพูดพร้อมกับบีบมือเขาเบาๆ ยองแจฮยองส่งยิ้มมาให้ผม
“พวกเด็กมีปัญหาคิดว่ามีเรื่องกันครูจะเข้าข้างใครอย่างนั้นเหรอ”
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นอีก ผมรู้สึกไม่ชอบพวกเขาเลย ไม่ชอบที่พวกเขาคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น
“ใครจะสนกันล่ะ...ฉันสนแค่ว่าใครจะเจ็บมากกว่ากันเท่านั้นแหละ”
คราวนี้เป็นแจบอมฮยองที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะโมโห
“ใช่แล้ว...ยังไงซะพวกเราก็เป็นเด็กมีปัญหาอยู่แล้วจะมีปัญหาเพิ่มอีกซักเรื่องคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
แจ็คสันฮยองพูดยียวนจนอีกฝ่ายเริ่มจะหวาดๆ จากที่เหมือนจะมีเรื่องกันพวกนั้นกลับเป็นฝ่ายล่าถอยกลับไปในที่สุด
“เอาล่ะ...ไปกินข้าวกันเถอะ แจ็คสันนายไปซื้อข้าวให้ยองแจใหม่ซิ”
จูเนียร์ฮยองหันไปสั่งแจ็คสันฮยอง
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ...มาร์คก็ยืนอยู่ทำไมไม่ใช้ล่ะ”
“ก็มาร์คเพิ่งจะซื้อข้าวมาให้แบมแบม นายนั่นแหละไปซื้อให้ยองแจใหม่เลย”
แจ็คสันฮยองทำท่าจะเถียงอีกครั้งแต่จูเนียร์ชี้หน้าเป็นเชิงว่าถ้านายไม่ทำตายแน่เขาจึงยอมไปถึงจะมีบ่นบ้างเล็กน้อย เมื่อพวกเรามาถึงที่โต๊ะก็เริ่มลงมือทานข้าวกันทันทีโดยที่แจ็คสันฮยองวิ่งถือถาดข้าวมาให้ยองแจฮยองใหม่
“โอะ แบมแบมทำใหม่ตรงแก้มแดงๆล่ะ”
ยูคยอมชี้มาที่แก้มของผมทำให้มาร์คฮยองและคนอื่นๆหันมามองเป็นตาเดียว พอผมคลำดูก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาคงเพราะตอนที่โดนพวกนั้นบีบแน่ๆ
“สงสัยตอนโดนพวกรุ่นพี่พวกนั้นบีบแน่เลย”
“ฉันจะไปฆ่ามัน”
มาร์คฮยองพูดนิ่งๆทำท่าจะลุกขึ้นแต่ผมกับจูเนียร์ฮยองที่นั่งข้างๆช่วยกันจับเอาไว้
“ผมไม่เป็นไรครับมาร์คฮยอง”
ผมพูดเพื่อให้พี่ชายคนนี้สบายใจขึ้น
“หน็อย! เจ้าพวกนั่นอย่าให้เจออีกนะ กล้าดียังไงมาแกล้งเบบี๋กับลิงของฉัน”
“ผมไม่ไช่ลิงซักหน่อยนะ”
ยองแจฮยองสวนขึ้นทันควันแล้วกินข้าวที่อยู่ในจานต่อ
“โถ...เจ้าลิงน้อย ไม่งอนน้าาาา ถ้าเกิดมีใครมาแกล้งนายอีกรีบตะโกนเรียกฮยองเลยนะ เดี๋ยวฮยองจะไปช่วยเอง”
แจ็คสันฮยองลูบหัวยองแจฮยองเป็นเชิงล้อๆ จนอีกฝ่ายหน้าบึ้ง
“คิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์แมนหรือไง”
ยองแจพูดพร้อมกับตักข้าวคำโตใส่ปาก ส่วนคนอื่นๆก็หัวเราะตามกับการเถียงกันของคู่นี้ไปด้วย
“แล้วเราน่ะ ตัวแค่นี้ยังจะเข้าไปช่วยเขาอีกนะ ถ้าเกิดเจ็บไปมากกว่านี้จะทำไง”
มาร์คฮยองหันมาดุผม
“จะให้ผมทิ้งเพื่อนให้อยู่ตรงนั้นคนเดียวได้ไงกันล่ะ”
“ขอบใจนะแบมแบม”
ยองแจฮยองพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
“ขอบใจแต่แบมแบม ไม่คิดจะขอบใจฉันบ้างเลยหรือไง เนี่ยฉันอุตส่าห์ตวาดเจ้าพวกนั้นไปนะ แล้วข้าวจานนี้ฉันก็เป็นคนไปซื้อมาให้นายเลือกที่ไม่มีแตงกว่าด้วยนะ”
“ได้ข่าวว่าฉันใช้ให้ไปซื้อไม่ไช่เหรอ”
จูเนียร์ฮยองพูดสวนทันทีที่แจ็คสันฮยองโวยวาย
“ผมด้วยนะ เมื่อกี้ผมก็เข้าไปยืนกันไม่ให้พวกนั้นเข้ามาทำร้ายฮยองกับแบมแบมนะ”
ยูคยอมพูดอวดขึ้นอีกคนจนตอนนี้กลายเป็นแต่ละคนต่างอวดว่าใครช่วยอะไรยองแจฮยองบ้าง จากตอนแรกที่ยองแจฮยองซึมๆอยู่กลายเป็นหัวเราะอย่างมีความสุข รวมถึงผมและทุกๆคนด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มีวันที่ผมมีเพื่อนให้นั่งคุยมากมายแบบนี้
“ทุกคนขอบใจนะที่ไม่ทิ้งฉันน่ะ”
สิ้นเสียงของยองแจฮยองพวกเราต่างยิ้มให้กันแล้วก็ก้มหน้ากินข้าวด้วยรอยยิ้ม นี่ซินะความรู้สึกของการมีเพื่อนที่เรามั่นใจว่าเขาจะไม่ทิ้งเรา แม้เราจะสนิทกันได้ไม่นานแต่ผมกลับรู้สึกเชื่อใจและรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่มีพวกเขาอยู่ด้วย
(ปาร์ค จินยอง)
เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน
หลังจากที่ผมประชุมเสร็จผมก็รีบบึ่งกลับมาที่ห้องเรียน เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบเพียงความว่างเปล่าผมเดินไปจนถึงกระดานหน้าห้องที่มีลายมือของเด็กๆเขียนโน้ตเอาไว้
“พวกเราไปทำธุระ เดี๋ยวมาครับ” จูเนียร์
“สอนไปก่อนเลยครับ ไม่ต้องรอ” แจ็คสัน
“เชิญนอนพักตามสบายครับ” ยูคยอม
“ผมจะตามพวกเขาไปครับ”ยองแจ
“ครูปาร์คครับ รักนะครับ”แบมแบม
“เดี๋ยวมา” มาร์ค
นี่โน้ตของพวกนายเหรอ...ฉันอยากจะบ้า
ความคิดเห็น