คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่12 โลกใบใหม่(2)
ตอนที่ 12 โลกใบใหม่(2)
(แจ็คสัน)
ประกาศรายชื่อนักเรียนห้องพิเศษ
1. ชเว ยองแจ ห้อง 2-A
2. หวัง แจ็คสัน ห้อง 3-C
3. ต้วน อี้เอิ้น ห้อง 3-B
4. อิม แจบอม ห้อง 3-A
5. ปาร์ค จินยอง ห้อง 3- A
6. กันต์พิมุก ภูวกุล ห้อง 1-B
7. คิม ยูคยอม ห้อง 1-B
“อะไรกันวะ”
ผมสบถทันทีที่เห็นชื่อของตัวเองเด่นหลาอยู่บนบอร์ด
“เห็นรายชื่อแล้วเหรอหวังคง”
ผมหันไปทำหน้าเซ็งๆเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆพูดขึ้น
“แกจะไปอยู่กับฉันหรือเปล่าล่ะ นิคคุง”
“ขอบายว่ะ...ว่าแต่เข้าจัดห้องพิเศษให้นายเลยเหรอเนี่ย เพราะอะไรกันน่ะ”
นิคถามผมขณะที่อ่านรายชื่อบนบอร์ด
“ห้องพิเศษอะไรกันล่ะ โรงเรียนนะไม่ไช่โรงพยาบาล ทำไมต้องจัดอะไรให้วุ่นวายด้วยก็ไม่รู้”
ผมพูดต่ออย่างเซ็งๆ ถ้าเดาไม่ผิดผมว่าคงไม่พ้นเรื่องบ้าบอที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานนี้แน่ๆ
“เอาน่า...คิดซะว่าย้ายห้องเรียนชั่วคราวก่อนล่ะกัน”
นิคตบบ่าผมเป็นเชิงปลอบใจแล้วเดินออกไปปล่อยให้ผมยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่เพียงคนเดียว
“อย่าให้รู้ว่าไปแอบหัวเราะเยาะฉันลับหลังนะ!”
ผมตะโกนตามหลังไปติดๆแล้วหันมาที่ป้ายประกาศต่อเพื่ออ่านให้แน่ใจว่าเป็นชื่อตัวเองจริงหรือไม่
“หนวกหูชะมัด”
ผมหันไปมองด้านข้างตัวเองเมื่อรู้สึกว่ามีใครมายืนข้างๆแล้วบ่นอะไรซักอย่าง
“โอ๊ะ เจ้าลิงเมากล้วยนี่เอง เมื่อตะกี้นายว่าฉันเหรอ”
“ผมว่าคนที่ตะโกนต่างหาก ฮยองตะโกนหรือเปล่าล่ะ”
เขาเถียงทำทีที่ผมพูดจบ
“เปล่าฉันไม่ได้ตะโกน ฉันแค่พูดเสียงดัง”
ผมพูดแก้ตัวทันทีเหมือนกัน
“จะไปไหนอ่ะ”
ผมถามเขาเมื่อเห็นว่าเจ้าลิงน้อยกำลังจะหันหลังเดินหนีไป
“ผมจะไปเข้าเรียน”
“ห้องเรียนไปทางนี้ ห้องเรียนพิเศษน่ะ”
คำพูดของผมเหมือนจะทำให้เจ้านี้ซึมไปนิดสงสัยคงจะไปสะกิดต่อมอะไรแน่ๆ
“เอ่อ...ไปห้องเรียนกันเถอะ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันแล้วนะ ชเว ยองแจ”
ผมพูดพร้อมกับเดินไปกอดคอเขา แล้วพยายามจะลากเขาไปกับผมแต่ยองแจก็ดิ้นจนหลุดจากผมไป
“เราไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
ยองแจพูดหน้ามุ่ย
“ก็เริ่มเป็นนี่ไง ไป...เดี๋ยวเขาเรียนสาย”
ผมเข้าไปลากอีกครั้งแล้วพาเดินไปยังห้องเรียน ยองแจคงจะรำคาญเลยปล่อยให้ผมกอดคอเขาตามสบาย เมื่อถึงห้องเรียนที่บอกไว้ตามประกาศยองแจก็สบัดแขนผมออกทันทีแล้วเดินเข้าไปหาที่นั่ง ที่ตอนนี้ภายในห้องเหมือนจะมากันครบแล้ว ผมเดินตรงเข้าไปนั่งที่ข้างๆเจ้าลิงน้อยแม้เจ้านี่จะมีบ่นบ้างว่าผมจะตามมาทำไมแต่เขาก็ไม่ไล่ผมไป
“หวัดดีทุกคน”
ผมตะโกนทักทาย แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะฟังผมซักคน ให้มันได้อย่างนี้ซิ...เจ้าพวกนี้เหมือนไม่มีชีวิตชีวากันเลย
“ไม่มีใครเขาอยากรู้จักฮยองหรอก...แล้วก็ช่วยอยู่เงียบๆด้วยนะผมอายเขา”
ยองแจหันมาพูดกับผมเป็นเชิงติ
“รู้จักคนหน้าตาดีอย่างฉันมันน่าอายตรงไหน ชิส์นายนี่มันน่าเบื่อชะมัด ฉันไปทำความรู้จักกับคนอื่นดีกว่า”
ผมพูดแล้วลุกออกจากที่นั่งเพื่อที่จะไปพูดคุยกับคนอื่นๆ ปล่อยให้เจ้าลิงเมากล้วยนั่งเมาอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“โอ๊ะ แบมแบม ฉันดีใจนะที่เจอนาย”
ผมทักเด็กน้อยน่ารักที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลังผมที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ ดูเหมือนแบมแบมจะงงๆ อาจเพราะเขายังจำชื่อผมไม่ได้ก็ได้
“ฉันแจ็คสันไง”
“อ๋อ...ครับ”
พูดแค่นั้นเด็กน้อยน่ารักก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ผมอยากจะสนิทกับเด็กคนนี้จังเลย อาจเป็นเพราะผมไม่มีน้องชายและอยากมีน้องชายมากพอเห็นเด็กน่ารักแบบนี้ผมก็เลยเอ็นดูเป็นพิเศษ ผมหันไปลากเก้าอี้จากอีกโต๊ะเพื่อมานั่งข้างแบมแบม
“นี่เล่นอะไรอยู่เหรอ”
ผมพยายามชวนเขาคุย
“เล่นเกมส์อยู่ครับ”
เขาตอบโดยที่ไม่เงยหน้ามามองผม ผมได้แต่นั่งมองแก้มกลมๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว เห็นแล้วอยากกัดจังเลย
“แบมแบม มานั่งนี่มา”
ผมหลุดจากภวังค์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆแบมแบมพูดขึ้น จะว่าไปมีคนนั่งข้างแบมแบมด้วยเหรอทำไมผมถึงไม่สังเกต พอผมหันไปมองก็ปรากฎว่าเป็นเจ้าคนที่ไม่หล่อตอนนั้นนั่นเองมิน่าล่ะผมถึงไม่สังเกต
“มาร์คฮยองอยากนั่งตรงนี้เหรอ”
แบมแบมพูดแค่นั้นแต่ก็ยอมลุกขึ้นเพื่อสลับที่กับเจ้าคนไม่หล่อที่ชื่อมาร์ค ผมเห็นแบบนั้นก็เลยลุกขึ้นเพื่อจะเดินอ้อมไปอยู่ข้างแบมแบม
“ถ้าเป็นไปได้นายช่วยกลับไปนั่งที่จะดีมาก”
มาร์คพูดกับผมโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ชิส์หยิ่งชะมัด
“นี่นายไล่ฉันเหรอ”
ผมเท้าเอวแล้วถามเขา
“ยังจะถามเขาอีก”
เสียงยองแจพูดขึ้นเบาๆ แต่ก็พอที่ผมจะได้ยิน
“นี่ยองแจนายเป็นเพื่อนฉันก็ต้องเข้าข้างฉันซิ”
“เพื่อนบ้าอะไรกันล่ะ ผมแค่โชคร้ายที่ได้รู้จักกับฮยองแค่นั้นเองนะ”
ยองแจพูดเสียงดังขึ้นกลายเป็นว่าตอนนี้กลายเป็นผมกับยองแจกำลังเถียงกันเอง
“การรู้จักฉันมันเป็นเรื่องโชคร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ มันเป็นโชคดีของนายต่างหากล่ะ”
“พวกนายช่วยอยู่เงียบๆกันหน่อยได้ไหม”
ผมหันไปหาต้นเสียงเมื่อครู่ที่พูดขึ้น เป็นจูเนียร์เด็กเรียนนี่เองสงสัยพวกผมคงจะไปรบกวนการอ่านหนังสือของเจ้านั่นแน่เลย
“โอเค โทษที นาย...ช่วยอุดหูซักสองสามนาทีได้ไหม ขอฉันจัดการกับเจ้าลิงนี่ก่อน”
ผมบอกเขาแต่ดูเหมือนจูเนียร์จะไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบที่หูเพื่อเป็นการตัดปัญหา ส่วนเจ้าคนที่นั่งข้างจูเนียร์ก็เอาแต่หลับอย่างเดียวโดยไม่สนใจอะไร ส่วนคนอื่นๆก็ดูเหมือนจะทำเช่นเดียวกันกับจูเนียร์ยกเว้นแบมแบมที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถืออย่างเดียว ผมหันมาหายองแจอีกครั้ง
“เอาล่ะ เจ้าลิงเมากล้วยพูดมาซิว่ารู้จักกับฉันแล้วมันโชคร้ายตรงไหน”
“เสียงดัง วุ่นวาย น่ารำคาญ จบม่ะ”
ยองแจเสียงดังใส่ผมอีกครั้ง
“ก็มันเป็นสไตล์ของฉันเว้ย”
“สไตล์บ้าบออะไรล่ะ”
“นายน่ะซิบ้า..”
คำพูดของผมหยุดลงเมื่อมีผู้มาใหม่เดินเข้ามาในห้อง ครูที่หน้าตาตลกเดินเข้ามาแล้วมองหน้าพวกเรา
“คุยอะไรกันเสียงดังเชียวเด็กๆ นั่งที่ได้แล้วได้เวลาเรียนแล้วนะ”
ผมกับยองแจมองหน้ากันก่อนที่จะต่างคนต่างนั่งที่ของตัวเอง
“สวัสดีเด็กๆทุกคน จากวันนี้เป็นต้นไปขอต้อนรับสู่ห้องเรียนพิเศษ และครูจะเป็นครูประจำชั้น ไม่ซิครูประจำห้องของพวกเธอนะ ฝากตัวด้วยนะ”
ครูพูดแล้วทำหน้ายิ้มแป้น แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครสนใจเลยซักนิด
“เอาล่ะ...เรามาเริ่มเช็คชื่อกันก่อนดีกว่านะ”
“แค่นับเอาก็พอแล้วมั้งครับมีแค่เจ็ดคนแค่นี้”
ผมพูดเสนอออกไปเพราะไม่อยากชอบอะไรที่มันยุ่งยาก
“ถ้านับเอาแล้วครูจะรู้ได้ไงล่ะว่าพวกเธอชื่ออะไรกันบ้าง เราต้องทำความรู้จักกันนะรู้ไหม”
“งั้นเหรอครับ...ผมหวัง แจ็คสันครับ”
ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้น
“อืม...หวัง แจ็คสัน นะ แล้วไหน ชเว ยองแจ ยกมือขึ้นหน่อยซิ”
“ครับ”
ยองแจยกมือด้วยท่าทีเซ็งๆ
“อิม แจบอม”
สิ้นเสียงครูเรียก ผมเห็นว่าจูเนียร์กำลังเขย่าเพื่อนของเขาให้ตื่นซักพักเพื่อนของเขาก็ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลืมสะลืมแล้วยกมือขึ้นงงๆ เจ้านั่นซินะอิม แจบอม
“ปาร์ค จินยอง โอ๊ะ ชื่อเหมือนฉันเลยแฮะ”
พอเรียกชื่อจูเนียร์เสร็จครูก็พูดเสริมขึ้น จูเนียร์ได้แต่ยกมือแล้วยิ้มบางๆตามสไตล์นักเรียนดีเด่น ครูคนนี้ชื่อ ปาร์ค จินยองงั้นเหรอ ทำไมผมไม่เห็นจะจำได้เลยนะ
“ต้วน อี้เอิ้น”
ชื่อใครวะ แปลกจัง ผมหันไปรอบๆก็เห็นว่าเป็นคนข้างหลังผมที่ยกมือขึ้น อ๋อที่แท้ก็มาร์คคนขี้เหร่นั่นเอง
“ต้วน อี้เอิ้น หุหุ”
ผมพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าคนข้างหลังจะได้ยินเพราะผมรู้สึกว่ามีเท้าถีบมาที่เก้าอี้ของผม
“คิม ยูคยอม อืม...เธออยู่ปี 1 ซินะ”
ผมหันไปดูคนที่นั่งโต๊ะข้างหน้าจูเนียร์ที่นั่งอยู่คนเดียว ก็เจ้าเด็กยักษ์นั่งอยู่ ปี 1 อะไรตัวใหญ่ชะมัด
“คนสุดท้าย กันต์พิมุก”
“คร้าบบ”
เสียงใสดังมาจากด้านหลังผมถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นชื่อของแบมแบม
“อืม...มากันครบแล้วซินะ งั้นวันนี้เราจะเริ่มเรียนอะไรกันก่อนดีล่ะ เรามี สามระดับชั้นอยู่ในห้องเดียวกันการเรียนคงจะลำบากกันหน่อยนะ”
ครูปาร์คพูดพร้อมกับเปิดหนังสือไปมา
“เราไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้นี่ครับ เพราะยังไงซะพวกเราก็เหมือนถูกพักการเรียนอยู่แล้ว”
ผมพูดออกไปตามที่คิด
“ถ้าถูกพักการเรียนพวกเธอก็ต้องอยู่บ้านซิ แต่นี่พวกเธออยู่ที่โรงเรียนแล้วก็แต่งชุดนักเรียนอยู่ด้วย ฉะนั้นพวกเธอก็ต้องเรียนเข้าใจไหม”
“ก็แค่นักเรียนที่ถูกแบ่งแยก เพราะผู้ปกครองของเด็กคนอื่นไม่อยากให้พวกเราไปทำร้ายลูกหลานของพวกเขาไม่ไช่เหรอครับ”
เสียงพูดนิ่งๆของอิม แจบอมทำให้ทุกคนหันไปมองรวมถึงผมด้วย
“ถ้าชินโจวไม่ฟื้นขึ้นมาพวกเราก็ต้องถูกมองเป็นคนผิดอยู่ดี”
คราวนี้เป็นยูคยอมที่พูดขึ้นผมเห็นจูเนียร์เอื้อมมือไปตบบ่าเขาเบาๆเหมือนเป็นเชิงให้กำลังใจ
“คนเราทุกคนต่างก็เคยถูกมองเป็นคนผิดกันทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าใครจะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปอย่างไร พวกเธอก็เหมือนกัน”
คำพูดซึ้งๆที่ดูขัดกับหน้าตาของครูปาร์คทำให้แต่ละคนได้แต่นิ่งคิด รวมถึงผมด้วย
“ครูว่า ครูมีวิชาพิเศษให้พวกเธอเรียนแล้วล่ะ”
ครูปาร์คพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ผมว่าหน้าตาเขาดูไม่ค่อยหน้าไว้วางใจเท่าไหร่ แล้ววิชาพิเศษที่ว่ามันวิชาอะไรกัน
(ปาร์ค จินยอง)
หลังจากที่ผมบอกเด็กๆว่าจะสอนวิชาพิเศษให้พวกเขา แต่ละคนมีสีหน้าที่สงสัยกันอยู่บ้างแต่ก็มีบางคนที่ฟังผ่านๆไปไม่ได้สนใจอะไร ผมพาเด็กๆมาที่ป้ายรถเมล์ ตลอดทางที่เดินมาไม่มีใครถามอะไรผมซักคำยกเว้นแจ็คสัน ที่เขาดูอยากรู้แล้วก็ช่างสงสัยในทุกเรื่อง ผมและเด็กๆยืนรอซักพักก็มีรถประจำทางที่ต้องการมาจอด ใช่คันนี้จริงๆด้วยผมมองที่รถแล้วมองเลยไปยังคนขับ พัค โนยอง เพื่อนรักของผม โน ยองยิ้มให้ผมก่อนพยักหน้าเป็นเชิงให้ขึ้นรถ ผมจึงหันไปบอกเด็กๆ
“เราจะไปไหนกันครับเนี่ย”
เมื่อขึ้นมาบนรถแจ็คสันก็เริ่มถามเป็นคนแรก วันนี้ช่างบังเอิญจริงๆที่ไม่มีคนขึ้นรถมาคงเป็นเพราะเป็นเวลาช่วงสายแล้ว บนรถจึงมีแต่ผมและพวกเด็กๆ
“วันนี้รบกวนหน่อยนะ โนยอง”
ผมหันไปบอกเพื่อน ผมกับโนยองเรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน เราผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมาย
“จะพาเด็กๆไปทัศนศึกษากันเหรอ”
โนยองเอ่ยปากถามขณะที่เขากำลังขับรถ
“ก็ไม่เชิงหรอก แค่จะพาไปเรียนรู้อะไรนิดหน่อย ตอนนี้ฉันได้เป็นครูประจำชั้นของพวกเขาแล้วนะ”
ผมที่ตอนนี้ย้ายมานั่งที่ใกล้กับคนขับได้ตอบเขากลับไปพร้อมกับพูดอวดเขา ผมรู้ว่าโนยองต้องรู้สึกอิจฉาผมอยู่นิดๆแน่ๆ
“ดีจังนะ มันเป็นเหมือนความฝันของนายเลยนี่...ฉันนึกว่านายจะลืมมันไปแล้วซะอีก ความฝันพวกนั้น”
“ถึงมันจะนานมากแล้ว แต่ก็ไม่มีซักวันที่ฉันจะลืมสิ่งที่อยากทำมาตลอดชีวิต”
ผมพูดแล้วหันไปมองเด็กๆที่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะนั่งนิ่งๆแล้วมองไปนอกต่าง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาแต่ละคนคิดอะไรอยู่ เมื่อมองไปนอกหน้าต่างแล้วพวกเขาเห็นอะไรกันบ้าง สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้ตอนนี้ไม่ไช่วิชาในหนังสือเรียน แต่เป็นวิชาของการใช้ชีวิต การแก้ปัญหา และการมองสิ่งต่างๆให้เข้าใจ
“เด็กๆ ตอนนี้พวกเธอเห็นอะไรที่ข้างนอกหน้าต่างเหรอ”
ผมเริ่มคำถาม ทุกคนต่างหันมามองหน้าผมงงๆ
“ก็เห็นคนไงครับ”
เป็นแจ็คสันที่ตอบเป็นคนแรก ส่วนคนอื่นๆหันไปมองนอกหน้าต่างอีกรอบ
“ก็...ร้านค้า แล้วก็ฟุตบาท”
คราวนี้เป็นจูเนียร์ที่ตอบกลับมา ส่วนคนอื่นๆไม่มีใครพูดอะไร
“โนยอง ช่วยจอดตรงนี้แปปได้ไหม”
ผมหันไปบอกเพื่อนคนขับ โนยองได้แต่พยักหน้าแล้วทำตาม
“พวกเธอเห็นเจ้าของร้านตรงนั้นไหม”
ผมชี้ไปยังร้านขายตุ๊กตาแมวตัวเขียวหน้าตาประหลาดที่มีพ่อค้ายืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าร้าน
“ก็แค่พ่อค้านิสัยแย่”
ยองแจพูดโดยที่สายตาเขายังคงมองที่เจ้าของร้านคนนั้น
“นั่นซิ...ความจริงเขาเป็นพ่อค้าก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าซิ อย่างนี้ใครเขาจะอยากซื้อกันล่ะ”
แจ็คสันพูดขึ้นอีกคน
“เขาไม่ได้นิสัยแย่หรอกนะ...บางทีเขาอาจกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้”
“ครูรู้ได้ไงครับ...รู้จักเขาเหรอ”
แจ็คสันถามผมด้วยความสงสัย
“แทคยอน!”
ผมตะโกนเจ้าของร้านที่ชี้ให้พวกเด็กๆดู พอแทคยอนเห็นผมก็เปลี่ยนสีหน้าแล้ววิ่งยิ้มร่ามาหาผมตรงหน้าต่างที่ผมยืนอยู่
“หวัดดีครับ”
แทคยอนทำท่าตะเบะใส่ผมตามสไตล์กวนๆของเขา
“เด็กๆบนรถคันนี้เขาสงสัยว่าทำไมเจ้าของร้านอย่างเธอถึงทำหน้ามุ่ยไม่รับแขกอย่างนั้นล่ะ”
“ใครบอก...ครูสงสัยคนเดียวต่างหากครับ”
แจ็คสันสวนขึ้นทันทีเมื่อผมพูดจบ
“อ๋อ...ก็ผมมองดูสภาพอากาศวันนี้แล้วเหมือนฝนจะตกผมก็เลยกังวลนิดหน่อยครับ...ก็วันนี้ผมต้องเอาอ๊คแคท ไปแจกเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาล ถ้าเกิดวันนี้ฝนตกรถขนของคงจะเข้าไปแน่ๆเลยครับ”
คำอธิบายของแทคยอนเหมือนจะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้น
“เป็นห่วงเด็กๆซินะ”
“ครับ...ก็ผมรักเด็กนี่ครับ”
แทคยอนพูดพร้อมกับทำหน้าแบ๊วสุดๆ จนเด็กๆต่างหลุดขำออกมา
“โอเค...งั้นฉันไปก่อนนะต้องพาเด็กๆไปเรียนต่อ”
“โชคดีครับ...ครูเนี่ยยังเหมือนเดิมเลยนะครับ”
ผมยิ้มให้กับแทคยอนก่อนที่จะบอกให้โนยองออกรถต่อไป
“ทำไมถึงบอกให้พวกเราหยุดดูพ่อค้าคนนั้นล่ะครับ”
จูเนียร์ถามผม
“ฉันก็แค่อยากให้พวกเธอรู้ ว่าบางครั้งคนเราก็มีโอกาสมองความตั้งใจของคนอื่นผิดไปแค่เพียงเรามองเขาแค่ภายนอก หรือมองในสิ่งที่เราเห็นอยู่ขณะนั้น”
“ก็เหมือนที่พวกเรามองพี่เขาใช่ไหมครับ”
จูเนียร์พูดเหมือนเริ่มเข้าใจ
“แล้วก็เหมือนที่คนอื่นมองพวกเราตอนนี้”
ยองแจพูดเสริมแล้วทำหน้าหงอย
“ไม่เป็นไรหรอก...ซักวันคนอื่นๆต้องเข้าใจพวกเธอ อาจจะไม่เร็วเหมือนที่พวกเธอเข้าใจแทคยอน แต่คงจะไม่ช้าไปตลอดชีวิตหรอกเชื่อครูนะ”
“พวกเรายังเชื่อครูได้เหรอครับ...ในเมื่อครูก็คิดกับพวกเราเหมือนคนอื่นๆ”
ผมหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นคิม ยูคยอมที่เป็นคนพูด และเด็กคนอื่นๆก็คงคิดแบบเดียวกัน สงสัยผมคงต้องสอนอะไรเด็กพวกนี้อีกเยอะ เพราะเหมือนปัญหาจะไม่ได้เริ่มเพียงเพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ผมว่าเด็กพวกนี้คงเจอกับปัญหาบางอย่างที่สะสมมานาน จนไม่อยากจะเชื่อหรือไว้ใจใคร
“พัค โนยอง พรุ่งนี้ฉันขอเช่ารถของนายได้ไหม”
ผมหันไปถามเพื่อนรัก
“ได้ซิ ยินดีรับใช้”
โนยองพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ผมผ่านกระจก เรื่องต่อจากนี้ไปคงต้องค่อยๆคลี่คลายกันไปแล้วล่ะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องช่วยให้เด็กๆให้ได้ ในฐานะครูประจำชั้น และเพื่อนของพวกเขา ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ช่วยซักหน่อย ความคิดนี้ทำให้ผมหันไปมองพัค โนยองอีกครั้ง เพื่อนคนนี้แหละที่พร้อมจะช่วยเหลือผมเสมอ
ความคิดเห็น