ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic got7 บังเอิญได้รัก(Incidentally love)

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่12 โลกใบใหม่(2)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 57


    ตอนที่ 12 โลกใบใหม่(2)

     

    (แจ็คสัน)

     

    ประกาศรายชื่อนักเรียนห้องพิเศษ

    1.  ชเว  ยองแจ          ห้อง 2-A 

    2.  หวัง  แจ็คสัน        ห้อง 3-C

    3.  ต้วน  อี้เอิ้น            ห้อง 3-B

    4.  อิม  แจบอม           ห้อง  3-A

    5.  ปาร์ค  จินยอง       ห้อง 3- A

    6.  กันต์พิมุก  ภูวกุล   ห้อง 1-B

    7.  คิม  ยูคยอม            ห้อง 1-B

     

    อะไรกันวะ

    ผมสบถทันทีที่เห็นชื่อของตัวเองเด่นหลาอยู่บนบอร์ด 

    เห็นรายชื่อแล้วเหรอหวังคง

    ผมหันไปทำหน้าเซ็งๆเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆพูดขึ้น

    แกจะไปอยู่กับฉันหรือเปล่าล่ะ นิคคุง

    ขอบายว่ะ...ว่าแต่เข้าจัดห้องพิเศษให้นายเลยเหรอเนี่ย เพราะอะไรกันน่ะ

    นิคถามผมขณะที่อ่านรายชื่อบนบอร์ด

    ห้องพิเศษอะไรกันล่ะ  โรงเรียนนะไม่ไช่โรงพยาบาล ทำไมต้องจัดอะไรให้วุ่นวายด้วยก็ไม่รู้

    ผมพูดต่ออย่างเซ็งๆ ถ้าเดาไม่ผิดผมว่าคงไม่พ้นเรื่องบ้าบอที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานนี้แน่ๆ

    เอาน่า...คิดซะว่าย้ายห้องเรียนชั่วคราวก่อนล่ะกัน

    นิคตบบ่าผมเป็นเชิงปลอบใจแล้วเดินออกไปปล่อยให้ผมยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่เพียงคนเดียว

    อย่าให้รู้ว่าไปแอบหัวเราะเยาะฉันลับหลังนะ!”

    ผมตะโกนตามหลังไปติดๆแล้วหันมาที่ป้ายประกาศต่อเพื่ออ่านให้แน่ใจว่าเป็นชื่อตัวเองจริงหรือไม่

    หนวกหูชะมัด

    ผมหันไปมองด้านข้างตัวเองเมื่อรู้สึกว่ามีใครมายืนข้างๆแล้วบ่นอะไรซักอย่าง

    โอ๊ะ  เจ้าลิงเมากล้วยนี่เอง  เมื่อตะกี้นายว่าฉันเหรอ

    ผมว่าคนที่ตะโกนต่างหาก ฮยองตะโกนหรือเปล่าล่ะ

    เขาเถียงทำทีที่ผมพูดจบ 

    เปล่าฉันไม่ได้ตะโกน  ฉันแค่พูดเสียงดัง

    ผมพูดแก้ตัวทันทีเหมือนกัน

    จะไปไหนอ่ะ

    ผมถามเขาเมื่อเห็นว่าเจ้าลิงน้อยกำลังจะหันหลังเดินหนีไป

    ผมจะไปเข้าเรียน

    ห้องเรียนไปทางนี้ ห้องเรียนพิเศษน่ะ

    คำพูดของผมเหมือนจะทำให้เจ้านี้ซึมไปนิดสงสัยคงจะไปสะกิดต่อมอะไรแน่ๆ

    เอ่อ...ไปห้องเรียนกันเถอะ  ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันแล้วนะ ชเว ยองแจ

    ผมพูดพร้อมกับเดินไปกอดคอเขา แล้วพยายามจะลากเขาไปกับผมแต่ยองแจก็ดิ้นจนหลุดจากผมไป

    เราไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ยองแจพูดหน้ามุ่ย

    ก็เริ่มเป็นนี่ไง ไป...เดี๋ยวเขาเรียนสาย

    ผมเข้าไปลากอีกครั้งแล้วพาเดินไปยังห้องเรียน ยองแจคงจะรำคาญเลยปล่อยให้ผมกอดคอเขาตามสบาย  เมื่อถึงห้องเรียนที่บอกไว้ตามประกาศยองแจก็สบัดแขนผมออกทันทีแล้วเดินเข้าไปหาที่นั่ง ที่ตอนนี้ภายในห้องเหมือนจะมากันครบแล้ว ผมเดินตรงเข้าไปนั่งที่ข้างๆเจ้าลิงน้อยแม้เจ้านี่จะมีบ่นบ้างว่าผมจะตามมาทำไมแต่เขาก็ไม่ไล่ผมไป

    หวัดดีทุกคน

    ผมตะโกนทักทาย แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะฟังผมซักคน ให้มันได้อย่างนี้ซิ...เจ้าพวกนี้เหมือนไม่มีชีวิตชีวากันเลย

    ไม่มีใครเขาอยากรู้จักฮยองหรอก...แล้วก็ช่วยอยู่เงียบๆด้วยนะผมอายเขา

    ยองแจหันมาพูดกับผมเป็นเชิงติ

    รู้จักคนหน้าตาดีอย่างฉันมันน่าอายตรงไหน ชิส์นายนี่มันน่าเบื่อชะมัด  ฉันไปทำความรู้จักกับคนอื่นดีกว่า

    ผมพูดแล้วลุกออกจากที่นั่งเพื่อที่จะไปพูดคุยกับคนอื่นๆ ปล่อยให้เจ้าลิงเมากล้วยนั่งเมาอยู่ตรงนั้นคนเดียว 

    โอ๊ะ แบมแบม ฉันดีใจนะที่เจอนาย

    ผมทักเด็กน้อยน่ารักที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลังผมที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ ดูเหมือนแบมแบมจะงงๆ อาจเพราะเขายังจำชื่อผมไม่ได้ก็ได้

    ฉันแจ็คสันไง

    อ๋อ...ครับ

    พูดแค่นั้นเด็กน้อยน่ารักก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ผมอยากจะสนิทกับเด็กคนนี้จังเลย อาจเป็นเพราะผมไม่มีน้องชายและอยากมีน้องชายมากพอเห็นเด็กน่ารักแบบนี้ผมก็เลยเอ็นดูเป็นพิเศษ ผมหันไปลากเก้าอี้จากอีกโต๊ะเพื่อมานั่งข้างแบมแบม

    นี่เล่นอะไรอยู่เหรอ

    ผมพยายามชวนเขาคุย

    เล่นเกมส์อยู่ครับ

    เขาตอบโดยที่ไม่เงยหน้ามามองผม ผมได้แต่นั่งมองแก้มกลมๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว เห็นแล้วอยากกัดจังเลย

    แบมแบม  มานั่งนี่มา

    ผมหลุดจากภวังค์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆแบมแบมพูดขึ้น จะว่าไปมีคนนั่งข้างแบมแบมด้วยเหรอทำไมผมถึงไม่สังเกต พอผมหันไปมองก็ปรากฎว่าเป็นเจ้าคนที่ไม่หล่อตอนนั้นนั่นเองมิน่าล่ะผมถึงไม่สังเกต

    มาร์คฮยองอยากนั่งตรงนี้เหรอ

    แบมแบมพูดแค่นั้นแต่ก็ยอมลุกขึ้นเพื่อสลับที่กับเจ้าคนไม่หล่อที่ชื่อมาร์ค  ผมเห็นแบบนั้นก็เลยลุกขึ้นเพื่อจะเดินอ้อมไปอยู่ข้างแบมแบม

    ถ้าเป็นไปได้นายช่วยกลับไปนั่งที่จะดีมาก

    มาร์คพูดกับผมโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ชิส์หยิ่งชะมัด

    นี่นายไล่ฉันเหรอ

    ผมเท้าเอวแล้วถามเขา

    ยังจะถามเขาอีก

    เสียงยองแจพูดขึ้นเบาๆ แต่ก็พอที่ผมจะได้ยิน

    นี่ยองแจนายเป็นเพื่อนฉันก็ต้องเข้าข้างฉันซิ

    เพื่อนบ้าอะไรกันล่ะ  ผมแค่โชคร้ายที่ได้รู้จักกับฮยองแค่นั้นเองนะ

    ยองแจพูดเสียงดังขึ้นกลายเป็นว่าตอนนี้กลายเป็นผมกับยองแจกำลังเถียงกันเอง

    การรู้จักฉันมันเป็นเรื่องโชคร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ  มันเป็นโชคดีของนายต่างหากล่ะ

    พวกนายช่วยอยู่เงียบๆกันหน่อยได้ไหม

    ผมหันไปหาต้นเสียงเมื่อครู่ที่พูดขึ้น เป็นจูเนียร์เด็กเรียนนี่เองสงสัยพวกผมคงจะไปรบกวนการอ่านหนังสือของเจ้านั่นแน่เลย

    โอเค  โทษที นาย...ช่วยอุดหูซักสองสามนาทีได้ไหม ขอฉันจัดการกับเจ้าลิงนี่ก่อน

    ผมบอกเขาแต่ดูเหมือนจูเนียร์จะไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบที่หูเพื่อเป็นการตัดปัญหา  ส่วนเจ้าคนที่นั่งข้างจูเนียร์ก็เอาแต่หลับอย่างเดียวโดยไม่สนใจอะไร  ส่วนคนอื่นๆก็ดูเหมือนจะทำเช่นเดียวกันกับจูเนียร์ยกเว้นแบมแบมที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถืออย่างเดียว ผมหันมาหายองแจอีกครั้ง

    เอาล่ะ  เจ้าลิงเมากล้วยพูดมาซิว่ารู้จักกับฉันแล้วมันโชคร้ายตรงไหน

    เสียงดัง  วุ่นวาย น่ารำคาญ จบม่ะ

    ยองแจเสียงดังใส่ผมอีกครั้ง 

    ก็มันเป็นสไตล์ของฉันเว้ย

    สไตล์บ้าบออะไรล่ะ

    นายน่ะซิบ้า..

    คำพูดของผมหยุดลงเมื่อมีผู้มาใหม่เดินเข้ามาในห้อง ครูที่หน้าตาตลกเดินเข้ามาแล้วมองหน้าพวกเรา

    คุยอะไรกันเสียงดังเชียวเด็กๆ   นั่งที่ได้แล้วได้เวลาเรียนแล้วนะ

    ผมกับยองแจมองหน้ากันก่อนที่จะต่างคนต่างนั่งที่ของตัวเอง

    สวัสดีเด็กๆทุกคน จากวันนี้เป็นต้นไปขอต้อนรับสู่ห้องเรียนพิเศษ และครูจะเป็นครูประจำชั้น ไม่ซิครูประจำห้องของพวกเธอนะ ฝากตัวด้วยนะ

    ครูพูดแล้วทำหน้ายิ้มแป้น  แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครสนใจเลยซักนิด

    เอาล่ะ...เรามาเริ่มเช็คชื่อกันก่อนดีกว่านะ

    แค่นับเอาก็พอแล้วมั้งครับมีแค่เจ็ดคนแค่นี้

    ผมพูดเสนอออกไปเพราะไม่อยากชอบอะไรที่มันยุ่งยาก

    ถ้านับเอาแล้วครูจะรู้ได้ไงล่ะว่าพวกเธอชื่ออะไรกันบ้าง  เราต้องทำความรู้จักกันนะรู้ไหม

    งั้นเหรอครับ...ผมหวัง  แจ็คสันครับ

    ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้น

    อืม...หวัง  แจ็คสัน นะ   แล้วไหน ชเว ยองแจ  ยกมือขึ้นหน่อยซิ

    ครับ

    ยองแจยกมือด้วยท่าทีเซ็งๆ

    อิม แจบอม

    สิ้นเสียงครูเรียก  ผมเห็นว่าจูเนียร์กำลังเขย่าเพื่อนของเขาให้ตื่นซักพักเพื่อนของเขาก็ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลืมสะลืมแล้วยกมือขึ้นงงๆ  เจ้านั่นซินะอิม แจบอม

    ปาร์ค จินยอง  โอ๊ะ ชื่อเหมือนฉันเลยแฮะ

    พอเรียกชื่อจูเนียร์เสร็จครูก็พูดเสริมขึ้น  จูเนียร์ได้แต่ยกมือแล้วยิ้มบางๆตามสไตล์นักเรียนดีเด่น ครูคนนี้ชื่อ ปาร์ค จินยองงั้นเหรอ ทำไมผมไม่เห็นจะจำได้เลยนะ

    ต้วน  อี้เอิ้น

    ชื่อใครวะ  แปลกจัง  ผมหันไปรอบๆก็เห็นว่าเป็นคนข้างหลังผมที่ยกมือขึ้น อ๋อที่แท้ก็มาร์คคนขี้เหร่นั่นเอง

    ต้วน  อี้เอิ้น หุหุ

    ผมพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าคนข้างหลังจะได้ยินเพราะผมรู้สึกว่ามีเท้าถีบมาที่เก้าอี้ของผม

    คิม  ยูคยอม อืม...เธออยู่ปี 1 ซินะ

    ผมหันไปดูคนที่นั่งโต๊ะข้างหน้าจูเนียร์ที่นั่งอยู่คนเดียว  ก็เจ้าเด็กยักษ์นั่งอยู่ ปี 1 อะไรตัวใหญ่ชะมัด

    คนสุดท้าย  กันต์พิมุก

    คร้าบบ

    เสียงใสดังมาจากด้านหลังผมถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นชื่อของแบมแบม

    อืม...มากันครบแล้วซินะ  งั้นวันนี้เราจะเริ่มเรียนอะไรกันก่อนดีล่ะ เรามี สามระดับชั้นอยู่ในห้องเดียวกันการเรียนคงจะลำบากกันหน่อยนะ

    ครูปาร์คพูดพร้อมกับเปิดหนังสือไปมา

    เราไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้นี่ครับ   เพราะยังไงซะพวกเราก็เหมือนถูกพักการเรียนอยู่แล้ว

    ผมพูดออกไปตามที่คิด 

    ถ้าถูกพักการเรียนพวกเธอก็ต้องอยู่บ้านซิ  แต่นี่พวกเธออยู่ที่โรงเรียนแล้วก็แต่งชุดนักเรียนอยู่ด้วย ฉะนั้นพวกเธอก็ต้องเรียนเข้าใจไหม

    ก็แค่นักเรียนที่ถูกแบ่งแยก  เพราะผู้ปกครองของเด็กคนอื่นไม่อยากให้พวกเราไปทำร้ายลูกหลานของพวกเขาไม่ไช่เหรอครับ

    เสียงพูดนิ่งๆของอิม แจบอมทำให้ทุกคนหันไปมองรวมถึงผมด้วย

    ถ้าชินโจวไม่ฟื้นขึ้นมาพวกเราก็ต้องถูกมองเป็นคนผิดอยู่ดี

    คราวนี้เป็นยูคยอมที่พูดขึ้นผมเห็นจูเนียร์เอื้อมมือไปตบบ่าเขาเบาๆเหมือนเป็นเชิงให้กำลังใจ

    คนเราทุกคนต่างก็เคยถูกมองเป็นคนผิดกันทั้งนั้นแหละ  อยู่ที่ว่าใครจะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปอย่างไร  พวกเธอก็เหมือนกัน

    คำพูดซึ้งๆที่ดูขัดกับหน้าตาของครูปาร์คทำให้แต่ละคนได้แต่นิ่งคิด รวมถึงผมด้วย

    ครูว่า  ครูมีวิชาพิเศษให้พวกเธอเรียนแล้วล่ะ

    ครูปาร์คพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ผมว่าหน้าตาเขาดูไม่ค่อยหน้าไว้วางใจเท่าไหร่ แล้ววิชาพิเศษที่ว่ามันวิชาอะไรกัน

     

    (ปาร์ค จินยอง)

                     หลังจากที่ผมบอกเด็กๆว่าจะสอนวิชาพิเศษให้พวกเขา  แต่ละคนมีสีหน้าที่สงสัยกันอยู่บ้างแต่ก็มีบางคนที่ฟังผ่านๆไปไม่ได้สนใจอะไร  ผมพาเด็กๆมาที่ป้ายรถเมล์ ตลอดทางที่เดินมาไม่มีใครถามอะไรผมซักคำยกเว้นแจ็คสัน  ที่เขาดูอยากรู้แล้วก็ช่างสงสัยในทุกเรื่อง  ผมและเด็กๆยืนรอซักพักก็มีรถประจำทางที่ต้องการมาจอด ใช่คันนี้จริงๆด้วยผมมองที่รถแล้วมองเลยไปยังคนขับ  พัค โนยอง เพื่อนรักของผม  โน ยองยิ้มให้ผมก่อนพยักหน้าเป็นเชิงให้ขึ้นรถ  ผมจึงหันไปบอกเด็กๆ

    เราจะไปไหนกันครับเนี่ย

    เมื่อขึ้นมาบนรถแจ็คสันก็เริ่มถามเป็นคนแรก  วันนี้ช่างบังเอิญจริงๆที่ไม่มีคนขึ้นรถมาคงเป็นเพราะเป็นเวลาช่วงสายแล้ว  บนรถจึงมีแต่ผมและพวกเด็กๆ

    วันนี้รบกวนหน่อยนะ โนยอง

    ผมหันไปบอกเพื่อน  ผมกับโนยองเรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน เราผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมาย

    จะพาเด็กๆไปทัศนศึกษากันเหรอ

    โนยองเอ่ยปากถามขณะที่เขากำลังขับรถ

    ก็ไม่เชิงหรอก แค่จะพาไปเรียนรู้อะไรนิดหน่อย ตอนนี้ฉันได้เป็นครูประจำชั้นของพวกเขาแล้วนะ

    ผมที่ตอนนี้ย้ายมานั่งที่ใกล้กับคนขับได้ตอบเขากลับไปพร้อมกับพูดอวดเขา ผมรู้ว่าโนยองต้องรู้สึกอิจฉาผมอยู่นิดๆแน่ๆ

    ดีจังนะ  มันเป็นเหมือนความฝันของนายเลยนี่...ฉันนึกว่านายจะลืมมันไปแล้วซะอีก ความฝันพวกนั้น

    ถึงมันจะนานมากแล้ว  แต่ก็ไม่มีซักวันที่ฉันจะลืมสิ่งที่อยากทำมาตลอดชีวิต

    ผมพูดแล้วหันไปมองเด็กๆที่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะนั่งนิ่งๆแล้วมองไปนอกต่าง  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาแต่ละคนคิดอะไรอยู่  เมื่อมองไปนอกหน้าต่างแล้วพวกเขาเห็นอะไรกันบ้าง  สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้ตอนนี้ไม่ไช่วิชาในหนังสือเรียน  แต่เป็นวิชาของการใช้ชีวิต  การแก้ปัญหา และการมองสิ่งต่างๆให้เข้าใจ

    เด็กๆ  ตอนนี้พวกเธอเห็นอะไรที่ข้างนอกหน้าต่างเหรอ

    ผมเริ่มคำถาม ทุกคนต่างหันมามองหน้าผมงงๆ

    ก็เห็นคนไงครับ

    เป็นแจ็คสันที่ตอบเป็นคนแรก ส่วนคนอื่นๆหันไปมองนอกหน้าต่างอีกรอบ

    ก็...ร้านค้า แล้วก็ฟุตบาท

    คราวนี้เป็นจูเนียร์ที่ตอบกลับมา ส่วนคนอื่นๆไม่มีใครพูดอะไร

    โนยอง ช่วยจอดตรงนี้แปปได้ไหม

    ผมหันไปบอกเพื่อนคนขับ  โนยองได้แต่พยักหน้าแล้วทำตาม

    พวกเธอเห็นเจ้าของร้านตรงนั้นไหม

    ผมชี้ไปยังร้านขายตุ๊กตาแมวตัวเขียวหน้าตาประหลาดที่มีพ่อค้ายืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าร้าน

    ก็แค่พ่อค้านิสัยแย่

    ยองแจพูดโดยที่สายตาเขายังคงมองที่เจ้าของร้านคนนั้น

    นั่นซิ...ความจริงเขาเป็นพ่อค้าก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าซิ อย่างนี้ใครเขาจะอยากซื้อกันล่ะ

    แจ็คสันพูดขึ้นอีกคน

    เขาไม่ได้นิสัยแย่หรอกนะ...บางทีเขาอาจกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้

    ครูรู้ได้ไงครับ...รู้จักเขาเหรอ

    แจ็คสันถามผมด้วยความสงสัย

    แทคยอน!”

    ผมตะโกนเจ้าของร้านที่ชี้ให้พวกเด็กๆดู  พอแทคยอนเห็นผมก็เปลี่ยนสีหน้าแล้ววิ่งยิ้มร่ามาหาผมตรงหน้าต่างที่ผมยืนอยู่

    หวัดดีครับ

    แทคยอนทำท่าตะเบะใส่ผมตามสไตล์กวนๆของเขา

    เด็กๆบนรถคันนี้เขาสงสัยว่าทำไมเจ้าของร้านอย่างเธอถึงทำหน้ามุ่ยไม่รับแขกอย่างนั้นล่ะ

    ใครบอก...ครูสงสัยคนเดียวต่างหากครับ

    แจ็คสันสวนขึ้นทันทีเมื่อผมพูดจบ

    อ๋อ...ก็ผมมองดูสภาพอากาศวันนี้แล้วเหมือนฝนจะตกผมก็เลยกังวลนิดหน่อยครับ...ก็วันนี้ผมต้องเอาอ๊คแคท ไปแจกเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาล ถ้าเกิดวันนี้ฝนตกรถขนของคงจะเข้าไปแน่ๆเลยครับ

    คำอธิบายของแทคยอนเหมือนจะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้น

    เป็นห่วงเด็กๆซินะ

    ครับ...ก็ผมรักเด็กนี่ครับ

    แทคยอนพูดพร้อมกับทำหน้าแบ๊วสุดๆ จนเด็กๆต่างหลุดขำออกมา

    โอเค...งั้นฉันไปก่อนนะต้องพาเด็กๆไปเรียนต่อ

    โชคดีครับ...ครูเนี่ยยังเหมือนเดิมเลยนะครับ

    ผมยิ้มให้กับแทคยอนก่อนที่จะบอกให้โนยองออกรถต่อไป

    ทำไมถึงบอกให้พวกเราหยุดดูพ่อค้าคนนั้นล่ะครับ

    จูเนียร์ถามผม

    ฉันก็แค่อยากให้พวกเธอรู้  ว่าบางครั้งคนเราก็มีโอกาสมองความตั้งใจของคนอื่นผิดไปแค่เพียงเรามองเขาแค่ภายนอก หรือมองในสิ่งที่เราเห็นอยู่ขณะนั้น

    ก็เหมือนที่พวกเรามองพี่เขาใช่ไหมครับ

    จูเนียร์พูดเหมือนเริ่มเข้าใจ

    แล้วก็เหมือนที่คนอื่นมองพวกเราตอนนี้

    ยองแจพูดเสริมแล้วทำหน้าหงอย

    ไม่เป็นไรหรอก...ซักวันคนอื่นๆต้องเข้าใจพวกเธอ  อาจจะไม่เร็วเหมือนที่พวกเธอเข้าใจแทคยอน แต่คงจะไม่ช้าไปตลอดชีวิตหรอกเชื่อครูนะ

    พวกเรายังเชื่อครูได้เหรอครับ...ในเมื่อครูก็คิดกับพวกเราเหมือนคนอื่นๆ

    ผมหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นคิม ยูคยอมที่เป็นคนพูด และเด็กคนอื่นๆก็คงคิดแบบเดียวกัน สงสัยผมคงต้องสอนอะไรเด็กพวกนี้อีกเยอะ เพราะเหมือนปัญหาจะไม่ได้เริ่มเพียงเพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ผมว่าเด็กพวกนี้คงเจอกับปัญหาบางอย่างที่สะสมมานาน  จนไม่อยากจะเชื่อหรือไว้ใจใคร

    พัค  โนยอง  พรุ่งนี้ฉันขอเช่ารถของนายได้ไหม

    ผมหันไปถามเพื่อนรัก

    ได้ซิ  ยินดีรับใช้

    โนยองพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ผมผ่านกระจก  เรื่องต่อจากนี้ไปคงต้องค่อยๆคลี่คลายกันไปแล้วล่ะ  ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องช่วยให้เด็กๆให้ได้ ในฐานะครูประจำชั้น และเพื่อนของพวกเขา  ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ช่วยซักหน่อย  ความคิดนี้ทำให้ผมหันไปมองพัค  โนยองอีกครั้ง  เพื่อนคนนี้แหละที่พร้อมจะช่วยเหลือผมเสมอ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×