ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic got7 บังเอิญได้รัก(Incidentally love)

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่11 โลกใบใหม่(1)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 57


    ตอนที่11 โลกใบใหม่(1)

     

    (ยูคยอม)

     

                    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมก็เหมือนตกเป็นเชลยที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนในโรงเรียนก็ต้องมีสายตาหลายคู่คอยจับจ้องมองผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด  ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับชินโจวอีกเลยเพราะเขาไม่ได้มาโรงเรียน จะไปหาที่บ้านผมก็ไม่มีความกล้าพอ  ไม่กล้าพอแม้จะก้าวเข้าห้องเรียน

    เฮ้อ...

    ผมถอนหายใจเมื่อสองขาของผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียน

    เฮ้อ...

    ผมหันไปหาต้นเสียงเมื่อครู่ปรากฎว่าเป็นเจ้าเปี๊ยกแบมแบมที่ยืนอยู่ข้างผม...ท่าทางเจ้านี่คงจะไม่อยากเข้าไปเหมือนกันล่ะสิ...หลังจากยืนหน้าห้องได้ซักพักแบมแบมก็เดินเข้าไปในห้อง  ผมได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั่นไป  แบมแบมยังคงทำตัวเป็นปกติแม้ว่ารอบข้างจะมองเข้าเป็นตัวประหลาดเช่นเดียวกับที่มองผม  ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนแล้วตรงไปยังที่นั่งของตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ

    แบมแบม...นายโอเคมั้ย

    จีมินเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาทักทายแบมแบม  ก็แน่ซิ...เพราะเจ้านี่มีเพื่อนแค่คนเดียวนี่น่า

    ฉันโอเค...ไม่เป็นอะไรหรอก

    ถึงแม้จะพูดออกไปอย่างนั้น  แต่ใครฟังก็รู้ว่าน้ำเสียงของเจ้านี่ไม่โอเคอย่างที่พูดแน่นอน

    ฉันเชื่อนายนะ

    คำพูดของจีมินดูหนักแน่น  จนทำให้ผมต้องหันไปมอง  ถึงเจ้านี่จะมีเพื่อนเพียงคนเดียวแต่กลับเป็นเพื่อนที่เรียกว่าเพื่อนแท้จริงๆ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรผมก็มักจะเห็นสองคนนี้อยู่เคียงข้างกันเสมอ  ต่างกับผมที่ถึงแม้จะมีคนห้อมล้อมแต่ดูตอนนี้ซิ...ขนาดเพื่อนที่คิดว่าจะเข้ามาทักทายกลับทำเมินเฉย  ผมหันกลับมาแล้วมองไปยังกลุ่มเพื่อนที่มักจะเข้ามาทักทายผมก่อนเสมอซึ่งตอนนี้พวกเขาทำเหมือนกับไม่รู้จักผม  ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผมหรือถามว่าผมเป็นอะไรไหมเลยซักคน

    นักเรียนเงียบกันได้แล้ว

    เสียงของครูที่เพิ่งเข้ามาพูดขึ้นทำให้บรรยากาศที่ดูวุ่นวายอยู่เมื่อครู่สงบลง

    วันนี้เดี๋ยวจับกลุ่มกันแล้ววิเคราะห์บทความที่ครูให้นะ  เอาล่ะ...จับกลุ่มแล้วหันโต๊ะเข้าหากันเลยนะ

    หลังจากครูพูดจบทุกคนก็ต่างพากันจับกลุ่มแล้วทำตามที่ครูบอก  ไม่นานนักทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเรียบร้อย...คงมีแค่ผมซินะที่อยู่คนเดียว..

    ครืด ครืด

    ผมหันไปมองด้านข้างของตัวเองทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีโต๊ะขยับเข้ามาใกล้  เมื่อผมหันไปก็พบกับเจ้าเปี๊ยกแบมแบมที่ขยับโต๊ะมาชิดกับผม ตามมาด้วยจีมิน

    ทำอะไรของนาย

    ผมถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ 

    ก็จับกลุ่มไง  ครูเขาสั่งไม่ได้ยินหรอ

    แบมแบมตอบกลับมาด้วยท่าทีกวนๆ  ส่วนจีมินหลังจากที่ขยับโต๊ะจนเข้าที่เข้าทางแล้ว  ก็หันมามองหน้าผม

    อะไรของเธอ

    ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าเพื่อนนายไปไหนหมด

    คำพูดตรงๆของเธอทำให้ผมชะงักไปนิด แล้วหันไปมองทางพวกนั้นที่ตอนนี้จับกลุ่มกันเรียบร้อยตั้งนานแล้ว  โดยที่พวกเขาไม่แม้จะหันมามองผมเลยซักนิด

    ขออยู่ด้วยคนสิ

    เสียงหนึ่งพูดขึ้นทำให้เราสามคนหันไปมอง...เยรินงั้นหรอ...

    เธอมาทำไมเนี่ย

    เป็นจีมินที่เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เยรินเพื่อนผู้หญิงในห้องนั่งลงในที่ว่างข้างๆเธอซึ่งอยู่ตรงข้ามกับผม

    กลุ่มอื่นเต็มหมดแล้ว

    เยรินพูดเสียงนิ่งๆ แล้วเปิดหนังสือเพื่อที่จะทำงานตามที่ครูสั่ง

    มองอะไรล่ะ  ช่วยกันทำสิ

    เยรินพูดขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าพวกเรากำลังมองเธออยู่

    ชิส์...เธอนี่มันมนุษย์ต่างดาวชัดๆ

    จีมินไม่วายจะหันไปจิกกัดคนข้างๆโดยที่อีกฝ่ายไม่สนใจ  ส่วนเจ้าแบมแบมที่ตอนแรกดูงงๆกลับเอาแต่ยิ้มร่า  แล้วก้มลงดูหนังสือเพื่อที่จะทำงานต่อให้เสร็จ

    ยากชะมัด  ฉันล่ะเกลียดที่สุดเลยการวิเคราะห์อะไรเนี่ย

    หลังจากนั่งทำไปซักพักจีมินก็ผลักหนังสือออกห่างตัวแล้วบ่นขึ้น

    แต่เธอไม่มีทางเลือก  เพราะเธอต้องทำมันต่อไป

    เยรินสวนกลับแล้วดึงหนึงสือที่จีมินผลักไสไปกลับมาที่เดิม

    ยัยมนุษย์ต่างดาว...เธอนี่มันวุ่นวายชะมัด

    เธอวุ่นวายกว่าฉันอีกนะ...ยัยมนุษย์กลายพันธ์

    ทั้งจีมินและเยรินต่างเถียงกันโดยไม่มีใครยอมใคร  จนผมเริ่มรำคาญหูฟังที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อถูกหยิบขึ้นมาสวมที่หูทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงนกระจอกของทั้งคู่

    ขอฟังบ้างสิ

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ให้คำตอบหูฟังที่อยู่อีกข้างก็ถูกคนข้างๆดึงไปใส่หูตัวเอง

    นายกลายเป็นคนกวนประสาทอย่างนี้เมื่อไหร่

    ผมพูดออกไปพอให้ได้ยินกันสองคน

    แล้วเมื่อก่อนฉันเป็นแบบไหนหรอ

    แบมแบมถามกลับโดยที่ไม่เงยหน้ามองผม

    เด็กน้อย

    คำพูดของผมทำให้แบมแบมถึงกลับหยุดชะงักแล้วเงยหน้างขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าขัดใจ

    ได้ข่าวว่าฉันอายุเท่านาย

    งั้นเหรอ...ทำไมฉันไม่คิดอย่างนั้นล่ะ

    ผมกวนเขาต่ออีกจนเจ้าแบมแบมกัดปากด้วยความไม่พอใจ...สนุกดีแฮะแกล้งเจ้านี่...

    คิม ยูคยอม...เจ้าเด็กยักษ์

    อะไรเหรอ...เจ้าหนูแบมแบ๊ม

    ผมทำเสียงล้อเลียนเจ้าเปี๊ยกออกไป  จนทำให้เจ้าตัวเริ่มควันออกหู...ท่าทางเจ้านี่จะไม่ชอบคำว่าเด็ก...

    ฉันจะบีบคอนาย...เจ้ายักษ์

    พูดจบแบมแบมก็ตรงเข้ามาบีบคอผมทันทีจนผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซจนหล่นเก้าอี้  ส่วนแบมแบมที่ได้แกล้งผมสำเร็จก็นั่งหัวเราะร่วนเสียงดัง เมื่อผมลุกขึ้นได้ก็ตรงไปล็อคคอเจ้าตัวแสบเพื่อเป็นการแก้แค้นทันที 

    โอ๊ย!...ยูคยอมมันเจ็บนะ

    แบมแบมร้องเสียงหลงแล้วพยายามจะทำผมกลับ  กลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนเล่นกันเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมามองเป็นตาเดียว  รวมทั้งครูที่กำลังพูดอธิบายอยู่หน้าห้องด้วย

    กันพิมุกต์  คิมยูคยอม! ออกไปยืนนอกห้องเดี๋ยวนี้

    สิ้นเสียงคำสั่งของครูทั้งผมและแบมแบมก็ถูกไล่ออกมายืนสำนึกผิดอยู่หน้าห้อง  ถ้าถามถึงจีมินกับเยรินสองคนนั่นก็เกือบจะโดนเหมือนกันแหละครับเพราะเอาแต่เถียงกันตลอด ขนาดว่าผมกับแบมแบมออกมายืนหน้าห้องแล้วสองคนนั้นก็ยังไม่หยุดเถียงกันเลย  ผมมองพวกนั้นขำๆแล้วหันกลับมามองแบมแบมที่ตอนนี้ไม่มีสีหน้าเศร้าแบบเมื่อเช้าแล้ว  จะว่าไปผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเหมือนกันนะที่ได้พูดคุยกับเจ้านี่  จะเรียกว่าพูดคุยก็ไม่ถูกเรียกว่าแกล้งแหย่กันจะถูกซะกว่า  เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทำไมเพียงแค่นี้มันกลับทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูกนะ

     

     

    (เจบี)

     

     

    นี่เจบี....ถ้าซักวันฉันไม่อยู่แล้วนายจะทำไงหรอ

    พูดอะไรของเธอ...ฉันจะอยู่ได้ไงถ้าไม่มีเธอน่ะ

    นาย...ทำทุกอย่างได้เพื่อฉันจริงหรอ

    ใช่สิ  ทุกอย่างเลย

    เฮือก

    ผมสะดุ้งตื่นหลังจากคิดว่าจะพักสายตานิดหน่อยกลับกลายเป็นว่าดันหลับจนฝันถึงเรื่องเก่าๆ  ผมใช้สองมือยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง  เมื่อรู้สึกดีขึ้นผมจึงลุกขึ้นเดินไปยังริมระเบียง  ตอนนี้ผมอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนครับ  ที่ผมมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและสายตาของผู้คนที่มองมาที่ผมด้วยความสงสัย  ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นทั้งผม  จูเนียร์  และยูคยอมก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่มเติมเลย  ด้วยความที่ทุกคนต่างก็เหนื่อยจนไม่อยากที่จะพูดอะไร  และอีกอย่างผมว่ายูคยอมก็คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้ใครฟังด้วย

    นายมาทำอะไรที่นี่

    ผมหันไปหาต้นเสียงที่พูดขึ้นมา  ก็พบว่าเป็นเจ้าจูเนียร์ที่ยืนกอดอกมองจ้องมาทางผม

    นี่เวลาเรียนไม่ไช่หรอ...

    ผมถามเขากลับ จูเนียร์ยังไม่พูดอะไรแต่กลับเดินมายืนข้างๆผมกลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่ริมระเบียงดาดฟ้าแล้วมองไปทิวทัศน์ข้างหน้า

    นายโดดเรียนเพื่อที่จะมามองวิวบนนี้น่ะหรอ

    จูเนียร์ถามออกมาโดยที่ไม่มองหน้าผม

    นายก็กำลังทำอยู่เหมือนกันไม่ไช่หรอ

    ฉันไม่เคยคิดที่จะโดดเรียนมาก่อนเลยนะเนี่ย

    จูเนียร์พูดกลับมา  นั่นซินะตั้งแต่ที่ผมรู้จักเพื่อนคนนี้มาเจ้านี่ไม่เคยจะทำผิดกฎโรงเรียนหรือคิดที่จะโดดเรียนเลยซักครั้ง

    เจบี...นายคิดว่าพวกเราจะเป็นไงต่อไป

    คำถามของจูเนียร์ทำให้ผมหันไปมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย

    การที่พวกเรากลายเป็นผู้ต้องสงสัย  ทุกคนเขาก็พากันมองว่าพวกเราเป็นตัวประหลาด  บอกตรงๆนะฉันไม่ชินเลยว่ะ

    ก็แค่ไม่สนใจก็หมดเรื่อง

    ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ทำให้จูเนียร์หันมามองหน้าผมทันที

    นายทำได้จริงๆเหรอ

    ฉันก็กำลังทำอยู่นี่ไง

    คำพูดของผมทำให้จูเนียร์มีสีหน้าเปลี่ยนไปนิด  แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้น

    นั่นซินะ...เพราะเป็นนายถึงทำได้  แต่รู้ไหมฉันน่ะทำไม่ได้หรอกนะ การที่มองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไปเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจขึ้น ฉัน...ทำไม่ได้จริงๆ

    ฉันว่าบางทีนายก็สนใจคนอื่นมากไปนะ  ความจริงตอกแรกถ้านายไม่ไปที่นั่นทุกอย่างรอบตัวนายมันก็จะเหมือนเดิม จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจนายเลยจริงๆว่าทำไมวันนั้นนายถึงโดดเรียนไปที่นั่นได้

    ผมพูดสิ่งที่ค้างคาในใจมาตลอด เพราะผมสงสัยจริงๆทั้งๆที่จูเนียร์ไม่ไช่คนที่จะหนีเรียนหรือเกเรอะไรเลยแต่ทำไมวันนั้นหมอนี่ถึงได้ไปที่นั่นได้นะ

    เพราะสิ่งที่ฉันสนใจไม่ไช่คนอื่น...แต่เป็นเพื่อนคนสำคัญต่างหาก

    ผมชะงักทันทีที่ได้ฟังสิ่งที่จูเนียร์พูด  แม้เขาจะไม่ได้หันมามองทางผมแต่ผมก็รู้ว่าเจ้านี่พูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ  ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปจูเนียร์ก็หันหลังเดินออกไป  ผมมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทค่อยๆไกลออกไป  อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากจะคว้าไหล่นั้นไว้ หรือเอ่ยปากเรียกให้หยุดก่อน มันเหมือนกับภาพซ้อนทับของใครบางคนที่เคยเดินหันหลังให้ผมแล้วจากไป

    จูเนียร์....อย่าเพิ่งไป

    ผมพูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา พูดออกไปทั้งๆที่เขาเดินออกไปแล้ว  ความรู้สึกแบบนี้มันแย่มากเลยมันเหมือนว่าเรากำลังจะโดนทอดทิ้ง  ผมหันกลับมาทางระเบียงอีกครั้งแล้วค่อยๆหลับตาเพื่อให้ลืมภาพเรื่องราวต่างๆไปให้หมดสิ้น

    อิมแจบอม

    เสียงจูเนียร์ซินะ...นี่ผมนึกถึงเสียงของเจ้านี่ได้ยังไงกัน

    แกจะยืนเป็นปลาตากแห้งจนถึงพรุ่งนี้เลยรึไง

    ผมลืมตาขึ้นทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าเสียงนั้นไม่ได้ดังอยู่ในความคิดแต่เป็นเสียงที่ดังอยู่ข้างตัว  เมื่อผมหันไปก็ผมกับจูเนียร์ที่ยืนทำหน้าหงุดหงิดนิดหน่อยคงเพราะจากการที่เขาเรียกผมเมื่อครู่

    นาย...ทำไมถึงกลับมาล่ะ

    คำถามที่ผมถามไปทำให้จูเนียร์ถอนใจออกมาเบาๆ

    ก็เห็นว่าเขาเลิกเรียนกันแล้ว เลยกลับมาถามว่าจะกลับบ้านเลยไหม  แต่ถึงนายตอบว่าไม่ฉันก็จะลากคอนายกลับไปอยู่ดีน่ะแหละ  หัดกลับไปดูแลเจ้าเด็กยักษ์นั่นบ้างซิปล่อยให้ฉันเลี้ยงมันคนเดียว  เหนื่อยนะเว้ย

    จูเนียร์พูดยืดยาวจนโยงไปถึงยูคยอม  แต่ไม่ว่าเขาจะโยงไปเรื่องไหนผมก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขากลับมาในตอนที่ผมต้องการคนอยู่ข้างๆ  จูเนียร์ก็ยังคือจูเนียร์ที่ยังคอยสนใจคนรอบข้าง ตอนแรกที่ผมคิดว่าไม่อยากให้เจ้าเพื่อนคนนี้สนใจอะไรมาก  ตอนนี้ผมชักไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นแล้วล่ะครับ  เพราะถ้าวันไหนที่จูเนียร์เลิกสนใจคนรอบข้างขึ้นมาจริงๆ  ผมคงเป็นคนแรกที่รู้สึกแย่ที่สุด

    กลับบ้านกันเถอะ  เดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว

    ผมพูดแล้วกอดคอจูเนียร์เดินไปด้วยกัน  แม้ตอนแรกเจ้านี่จะโวยวายไปบ้างแต่ซักพักก็อยู่นิ่งๆเดินไปพร้อมกับผมได้  ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หรือวันข้างหน้าจะต้องเจอกับปัญหาอะไรอีกบ้าง  แค่ผมรู้และมั่นใจว่าเพื่อนคนนี้จะคอยอยู่ข้างๆผมก็พอแล้ว 

                    เราสองคนขึ้นมาบนรถเมล์คันเดิมที่ขึ้นประจำ  แล้วก็เจอคนขับคนเดิมที่ชอบทำตัวแปลกๆ อันที่จริงผมจำชื่อเขาไม่ได้หรอกนะเพียงแต่ผมเจอเขาบ่อยจนจำหน้าได้ก็เท่านั้น  พอขึ้นมาบนรถจูเนียร์ก็เดินตรงไปยังเบาะหลังที่ว่างอยู่ทันที  พอผมจะเดิมตามไปกลับมีใครคนหนึ่งเดินแซงผมไปซะก่อนแล้วไปนั่งข้างเจ้านั่น  ผมไม่ได้สนใจอะไรจึงเดินไปนั่งฝั่งหนึ่ง

    หวัดดี

    จูเนียร์เริ่มทักคนข้างๆ  อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน

    รู้จักเขาด้วยหรอ

    ผมสะกิดถามจูเนียร์  ซึ่งพอจูเนียร์ฟังจบก็กลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ

    นี่นายจำเขาไม่ได้หรอ

    ผมส่ายหน้ากลับไปแทนคำตอบ

    เขาก็อยู่กับพวกเราตอนที่เกิดเรื่องไงล่ะ...นายนี่มันจริงๆเลย

    งั้นหรอ

    ผมได้แต่พูดแค่นั้นแล้วชะโงกหน้าไปมองคนอีกฝั่ง ท่าทางของผมคงทำให้จูเนียร์รำคาญเจ้านี่เลยดึงคอเสื้อผมเพื่อให้กลับมานั่งดีๆ

    แกนี่มันมองไม่เกรงใจชาวบ้านเลยนะ  เจบี

    ก็ฉันจำหน้าไม่ได้นี่

    แล้วผมกับจูเนียร์ก็เถียงกันซักพักจนรู้สึกว่าคนอีกฝั่งจะเริ่มรำคาญลุกขึ้นไปเรียกเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งแล้วลงรถไปด้วยกัน 

    โอ๊ะ  นั่นยูคยอมนี่

    ผมชี้ให้จูเนียร์ดูเมื่อเห็นว่าเจ้ายูคยอมนั่งอยู่กับเจ้าเด็กที่ลุกไปเมื่อครู่

    นี่นายเพิ่งเห็นรึไง

    นี่นายเห็นนานแล้วหรอ

    จูเนียร์ถอนหายใจแล้วหันมามองผมอย่างเซงๆ

    นายเห็นแล้วทำไมไม่เรียกเจ้านั่นมานั่งนี่ล่ะ

    ผมถามเขาอีกครั้ง

    ก็ฉันเห็นว่าเจ้านั่นกำลังคุยกับเพื่อนสนุกอยู่ก็เลยไม่อยากขัด

    เพื่อนหรอ...เจ้านั่นน่ะเหรอ

    ผมถามอย่างไม่แน่ใจ  เพราะปกติแล้วแม้เจ้านั่นจะมีเพื่อนอยู่บ้างแต่ก็เหมือนเป็นแค่คนรู้จักซะมากกว่าเจ้าเด็กนั่นไม่เคยจะคุยกับใครแบบที่เพื่อนเขาคุยกับเลยด้วยซ้ำ

    ยูคยอมน่ะ...เขามีเพื่อนแล้วนะ  เป็นเพื่อนที่ไม่ไช่แค่คนรู้จัก แต่เป็นเพื่อนจริงๆ

    คำพูดของจูเนียร์ทำให้ผมหันไปมองเจ้าเด็กยักษ์อีกครั้งแม้คนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนจะลงจากรถไปแล้วแม้เจ้านั่นจะนั่งคนเดียว  แต่ภาพที่ผมเห็นมันไม่ไช่ยูคยอมที่ผมเคยเห็น แต่เป็นยูคยอมกำลังยิ้มอย่างมีความสุขให้กับตัวเอง 

    เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านั่นนะ

    หืม...ยูคยอมน่ะเหรอ

    จูเนียร์ถามผมทันทีเมื่อผมพูดขึ้น

    ใช่...ปกติเจ้าเด็กนั่นน่ะ ไม่ไช่แบบนี้...ไม่ได้เห็นเจ้านั่นยิ้มได้แบบนี้มานานแล้วนะ

    ใช่ว่าผมจะไม่รู้จักยูคยอมเลย  ถึงผมจะไม่ค่อยสนใจใครแต่ผมก็พอรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของผมคนนี้เป็นแบบไหน  เจ้าเด็กยูคยอมน่ะ...ไม่ค่อยเข้าหาใครหรือพูดคุยกับใครแบบนี้หรอก

    ยูคยอมน่ะ...อาจกำลังจะก้าวเข้าโลกใหม่ของเขาอยู่ก็ได้นะ

    คำพูดของจูเนียร์ทำให้ผมละจากความคิดตัวเองแล้วหันไปมอง

    โลกใหม่...ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ

    ใครจะไปรู้ล่ะ...ของอย่างนี้ต้องดูกันไปอีกยาว  บางทีนะ...การที่พวกเราเจอกับเรื่องแบบนี้มันอาจจะไม่ไช่เรื่องบังเอิญก็ได้

    ผมขมวดคิ้วจนเจ้าจูเนียร์ถึงกลับกลั้นขำ

    นี่นายไม่เข้าใจจริงๆหรอเจบี

    ก็ไช่น่ะสิ...นายก็รู้ฉันเป็นพวกเข้าใจยาก ช่วยพูดอะไรที่มันเข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหม

    ผมบอกแล้วหันกลับมานั่งตามปกติ

    โชคชะตา

    โชคชะตา...คำนี้ทำให้ผมหันไปมองหน้าจูเนียร์อีกครั้ง

    โชคชะตา...อาจกำหนดให้พวกเราพบกันก็ได้

    ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย

    ผมพูดไปตามที่คิด  เพราะผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

    เมื่อก่อน...ฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ..แต่ตอนนี้หลายอย่างมันทำให้ฉันเริ่มอยากรู้ว่าโชคชะตาที่ว่าจะกำหนดให้พวกเราเจออะไรอีก

    แม้ผมจะรู้จักกับเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่เด็ก  แต่บางครั้งผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมยังไม่รู้จักเขาในบางมุม  บางครั้งจูเนียร์ก็เหมือนคนที่อ่านง่ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่  แต่บางครั้งผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน

     

    (ปาร์ค จินยอง)

                    วันที่อากาศเย็นแบบนี้มันทำให้ผมไม่อยากที่จะลุกขึ้นจากเตียงซักเท่าไหร่  แต่เพราะมีบางสิ่งที่ผมต้องไปเจอทุกวันมันทำให้ผมมีแรงที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง...นักเรียน...คำสั้นๆคำนี้มันทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในแต่ละวันแล้วต้องไปเจอกับพวกเด็กๆที่น่ารัก  ผมชื่อ ปาร์ค จินยอง ครับเป็นคุณครูแสนน่ารักของเด็กๆ  ผมที่งานที่โรงเรียนนี้มาหลายปีแล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินไปยังห้องพักครู ระหว่างทางผมมองบรรยากาศอันเงียบเชียบของโรงเรียน  ก็แหงล่ะ...ตอนนี้ยังเช้ามากๆอยู่เลยครับ จะมีนักเรียนมาเรียนซักกี่คน แต่ที่ผมต้องมาเช้าแบบนี้ก็เพราะได้รับข้อความจาก ครูใหญ่ให้มาประชุมด่วน

    สวัสดีครับ

    ผมกล่าวทักทายพร้อมโค้งตัวเล็กน้อยให้กับทุกๆคนที่ตอนนี้เหมือนจะมากันครบแล้ว

    เชิญนั่งค่ะ ครูปาร์ค...เอาล่ะ ถ้ามากันครบแล้วฉันขอพูดเรื่องที่เรามาประชุมกันเลยนะคะ

    หลังจากที่ครูใหญ่พูดกับผมจบ เขาก็หันไปพูดกับทุกคนต่อ

    อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้เกิดเรื่องกับนักเรียนของเราที่นัม ชินโจว ตอนนี้ชินโจวยังพักฟื้นอยู่ในห้อง ไอซียู หมอบอกร่างกายของเขาได้รับการกระทบกระเทือนจนบาดเจ็บสาหัส และไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่

    ครูใหญ่หยุดพูด เมื่อมีครูคนหนึ่งยกมือขึ้นเพื่อที่จะถาม

    ถ้างั้น...ทางโรงเรียนต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นไช่ไหมคะ

    เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่โรงเรียนควรทำอยู่แล้วค่ะ...แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ มีผู้ปกครองจำนวนมากโทรมาร้องเรียนให้ทางโรงเรียนจัดการกับนักเรียนที่ได้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด

    นักเรียนที่กระทำผิดเหรอ...นี่ทางโรงเรียนจับคนทำผิดได้แล้วหรอทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย

    เอ่อ...เราจับคนทำผิดได้แล้วหรอครับ

    หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ซักพักผมจึงยกมือถาม

    ก็นักเรียนเจ็ดคนนั่นไงคะ ครูปาร์ค

    ครูท่านหนึ่งที่นั่งข้างๆผมหันมาบอก

    แค่นักเรียนพวกนั้นอยู่ในเหตุการณ์...เราก็ตัดสินว่าเขาเป็นคนผิดแล้วเหรอครับ  ผมว่ามันเกินไปหน่อยนะครับ

    ผมค้านออกไปทันทีเพราะรู้สึกไม่เห็นด้วย

    จริงอย่างที่ครูปาร์คพูดนะคะ...เด็กพวกนั้นอาจจะแค่บังเอิญเข้าไปในนั้นก็ได้

    ครูซอนที่เหมือนจะเห็นด้วยกับผมพูดขึ้นอีกคน

    แต่ตามประวัติที่รวบรวมมา เด็กพวกนี้ต่างก็มีปัญหากันทั้งนั้นเลยนะคะ ทั้งเด็กเก็บกด เด็กเกเร  ถ้าขืนเรายังไม่ทำอะไร พวกผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ ต้องพากันย้ายลูกหลานของเขาออกจากโรงเรียนเราแน่เลยค่ะ

    รองครูใหญ่พูดขึ้นมา ทำให้ครูหลายคนต่างก็พยักหน้าเหมือนจะเห็นด้วย รวมทั้งครูใหญ่เองก็ด้วย

    ถ้างั้นเราคงปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้แล้วซินะ...ทางเดียวที่พอจะช่วยแก้ปัญหาได้คงต้องให้เด็กพวกนี้แยกออกจากเด็กคนอื่นๆ

    คำพูดของครูใหญ่ทำให้ทุกคนต่างก็เห็นด้วย โดยเฉพาะรองครูใหญ่

    เราควรให้เด็กพวกนี้พักการเรียนไปก่อนดีไหมคะ

    ไม่ได้นะครับ รองครูใหญ่

    ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อรองครูใหญ่พูดจบ

    ทำไมถึงไม่ได้ล่ะคะครูปาร์ค  ในเมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะแยกเด็กพวกนี้ออกมาจากเด็กคนอื่น

    ทางเดียวที่ไหนกันล่ะครับ...เราแยกให้เด็กพวกนั้นเรียนอีกห้องหนึ่งก็ได้นี่ครับ  เด็กๆจะได้ไม่เสียการเรียนด้วย อีกอย่างถ้าขืนเราทำแบบนั้นกับพวกเขา  เด็กๆคงเกลียดโรงเรียนไปตลอดชีวิตแน่ๆเลยครับ

    เพราะผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมจึงพูดออกไป ผมไม่อยากให้เด็กๆต้องเกลียดโรงเรียนหรือไม่อยากที่จะมาโรงเรียนอีกเลย

    ฉันเห็นด้วยกับครูปาร์คนะคะ...ถ้าเกิดเราพักการเรียนพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่มีความผิด ฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยค่ะ เด็กๆน่ะถึงทำผิดอย่างไรก็ต้องมาโรงเรียน

    ผมหันไปมองครูซอนทันทีที่เขาพูดจบอย่างรู้สึกขอบคุณที่ยังมีคนเห็นด้วยกับผม ผมสังเกตว่าครูใหญ่เริ่มจะมีท่าทีเห็นด้วย ผมจึงพูดเสริมขึ้นอีกครั้ง

    ให้พวกเขามาโรงเรียนเหมือนเดิมเถอะครับ...ให้พวกเขาได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองด้วยเถอะครับ

    เอางั้นก็ได้

    ครูใหญ่พูดออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่ซักพัก

    จะไม่เป็นไรแน่เหรอคะครูใหญ่...ถ้าแยกห้องออกมาแล้วใครจะดูแลเด็กพวกนี้ในเมื่อครูคนอื่นๆต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำกันทั้งนั้น

    รองครูใหญ่เริ่มโน้มน้าวครูใหญ่อีกครั้ง  ซึ่งผมหวังว่าครูใหญ่คงจะไม่เปลี่ยนใจ

    ก็ให้ครูปาร์คไงคะ...ตอนนี้ครูปาร์คแค่สอนวิชาประวัติศาสตร์ทั่วไปเพิ่มหน้าที่ครูประจำชั้นเข้าไปอีกอย่างคงไม่เป็นไรมั้งคะ

    ครูซอนเป็นคนเสนอขึ้นมา  ผมเนี่ยนะครูประจำชั้น...ถึงผมจะงงๆอยู่บ้างแต่เพื่อทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้นผมจึงพยักหน้าตอบรับไป

    ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้...ครูปาร์คฝากด้วยนะ

    ครูใหญ่พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปตามด้วยครูคนอื่นๆ 

    ทำไมถึงเสนอชื่อผมล่ะครับ

    ผมเดินเข้าไปถามครูซอนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง เธอจึงหันมายิ้มให้ผม

    ก็ฉันเห็นว่าไม่มีใครเหมาะเท่าครูปาร์คแล้วนี่คะ

    ผมเหรอครับเหมาะสม

    ผมชี้ที่ตัวเองอย่างสงสัย ครูซอนได้แต่ยิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่เพียงคนเดียว อะไรกันผู้หญิงคนนี้  เอาล่ะ...จากนี้ผมคงต้องเตรียมหลายๆอย่างเพื่อที่จะเป็นครูประจำชั้นแล้วล่ะ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ผมได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองเมื่อคิดขึ้นเมื่อก่อนนานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ทำหน้าที่นี้  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×