คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่10 เพื่อนร่วมชะตากรรม
ตอนที่ 10 เพื่อนรวมชะตากรรม
(แบมแบม)
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไป ผมสะบัดหัวเพื่อไล่ความมึนก่อนที่จะมองไปรอบๆ แต่ละคนยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา ที่ผมฟื้นก่อนคนอื่นคงเป็นเพราะพี่ชายที่สลบอยู่ข้างๆ...มาร์คฮยอง...เพราะเพราะพี่เขาบอกให้ผมเอาหน้าซุกไว้ที่อกเขาทำให้ผมได้รับผลกระทบจากยาสลบที่คนพวกนั้นใช้เพียงเล็กน้อย ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่กันนะ ผมลองคิดทบทวนย้อนไปเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน ระหว่างทางที่ผมกำลังจะไปห้องเรียนบังเอิญเห็นยูคยอมรีบไปที่หลังโรงเรียน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ขาทั้งสองข้างของผมก้าวตามเขาไปจนกระทั่งถึงอาคารหลังนี้ จากนั้นผมก็ตามเข้าเขาไปข้างใน แต่คงช้าไปเพราะผมดันหลงกับยูคยอม ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องหนึ่งพอก้าวเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งสภาพของเขาตอนนั้นดูแย่มาก...ชินโจว...เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆผมก็ได้รู้ทันทีว่าเขาคือเพื่อนร่วมห้องของผม แม้เราจะไม่เคยคุยกันก็เถอะแต่ผมก็จำเขาได้ ผมตัดสินใจแบกร่างของเขาออกมาเพราะผมรู้สึกว่าถ้ามัวรีรออยู่จะไม่เป็นการดีแน่ๆ ผมพยายามพาร่างไร้สติของชินโจวออกมาแต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างเอาซะเลยเมื่อจู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาดักข้างหน้าผม พอผมจะหันกลับไปก็มีอีกกลุ่มมาขวางไว้ ใบหน้าของพวกเขาถูกปิดบังไปด้วยหมวกโม่ง “จับมันไว้” เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของใครซักคนก็มีคนเข้ามาจับตัวผมไว้แล้วแยกชินโจวออกไป ถึงผมจะดิ้นมากแค่ไหนก็สู้แรงของพวกเขาไม่ได้...ไม่น่าเกิดมาตัวเล็กเลยจริงๆ... พวกเขาจับผมกับชินโจวกับมาที่ห้องเดิมแล้วเหวี่ยงผมอย่างแรง หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปเฝ้าหน้าห้องผมจึงหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหามาร์คฮยองทันที คนๆเดียวที่ผมจะพึ่งได้ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากพวกเขาที่เดินเข้ามาก็ตรงมายึดมือถือผมไป ไม่นานนักผมก็เห็นพวกเขาพาร่างที่หมดสติของคนสองคนเข้ามาแล้วเหวี่ยงสองคนนั้นลงกับพื้น...ยูคยอม...ผมตกใจเมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องที่ผมแอบตามมานอนอยู่ตรงหน้ากับผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จัก และหลังจากนั้นพวกเขาก็พาผู้ชายอีกคนที่สลบไสลไม่แพ้กันเข้ามา....คนพวกนี้คืออาชญากรหรือไง...ความคิดนี้ทำให้ผมกลัวมากจนอยากจะร้องไห้ ตอนนี้ผมไม่อยากให้มาร์คฮยองมาที่นี่แล้วล่ะเพราะมันอันตรายเกินไป แต่เหมือนคำขอของผมจะไม่เป็นผลเมื่อผมเห็นพวกนั้นพากันออกไปจากห้องอีกครั้ง จะเหลือก็เพียงคนสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง...ต้องเป็นมาร์คฮยองแน่ๆ...และก็เป็นนริงอย่างที่ผมคิดเมื่อพวกเขาพาพี่ชายของผมมา ทันทีที่มาร์คฮยองเห็นผมสีหน้าเขาดูตกใจมากและวิ่งเข้ามากอดผมทันที
เป็นเวลาเนิ่นนานที่ผมนั่งคิดเรื่องราวก่อนหน้านี้ ผมหันไปดูทุกๆคนอีกครั้งจะทุกคนเริ่มขยับตัวกันบ้างแล้ว ผมหันไปหาพี่ชายที่อยู่ข้างๆแล้วใช้มือเขย่าเขาเพื่อให้รู้สึกตัว...จะว่าไป ผมถูกมัดอยู่ไม่ไช่หรอ...เมื่อมองที่มือและเท้าของตัวเองผมก็หันไปมองคนอื่นๆ...พวกเราถูกแก้มัดแล้วนี่...
“แบมแบม”
ผมละจากความสนใจเมื่อครู่แล้วหันไปหาต้นเสียงที่สบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึน
“มาร์คฮยอง เป็นไงบ้าง”
มาร์คฮยองลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้า ซักพักเขาก็ชะงักไปแล้วสังเกตที่มือและเท้าของตัวเองเหมือนผม
“นายแก้มัดให้พี่หรอ”
ผมส่ายหน้าหลังจากที่มาร์คฮยองถามผม คนอื่นๆที่ตอนนี้ฟื้นขึ้นมากันหมดแล้วต่างก็พากันสงสัย ผมหันไปหายูคยอมที่ตอนนี้กำลังเขย่าร่างของชินโจวอยู่
“ชินโจว! นายได้ยินฉันมั้ย”
ยูคยอมยังคงเรียกเพื่อนของเขาไปเรื่อยๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ!”
คราวนี้คนที่ตาเฉี่ยวๆเป็นคนสบถขึ้นมา
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่เจบี”
อีกคนที่นั่งข้างๆเขาถามขึ้น
“ก็เจ้าเด็กมาปัญหานั่นเรียกมานะซิ”
คนที่ชื่อเจบีโบ้ยไปทางยูคยอม ดูท่าพวกเขาจะรู้จักกัน
“เพื่อนนายเป็นไงบ้างยูคยอม”
คนที่ถามเจบีเมื่อกี้เดินเข้าไปถามยูคยอมแล้วนั่งลงข้างๆเขา
“เขาไม่ตอบผมเลยฮยอง”
น้ำเสียงของยูคยอมดูเศร้ามาก จนผมอดที่จะเดินไปหาเขาไม่ได้
“จะไปไหนแบมแบม”
มาร์คฮยองถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมลุกขึ้น
“พวกเขาอยู่ห้องเดียวกับผมครับ”
พูดจบผมก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆยูคยอม เขาหันมามองผมแว้บหนึ่งแล้วก็หันกลับไปมองยังร่างเพื่อนของเขา ชินโจวดูแย่มากๆ ตอนนี้หน้าเขาซีดมากจนผมหน้าเสีย
“เราพาเขาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
มาร์คฮยองเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น ทุกคนต่างพากันเห็นด้วย
“แล้วพวกนั้นล่ะ...พวกมันอาจจะอยู่ข้างนอกก็ได้นะ”
คนที่ดูหน้ามึนๆพูดขึ้นมา ตอนนี้พวกเราทุกคนมายืนรวมกันเหมือนจะช่วยกันคิดหาทาง
“มีใครมีมือถือไหม”
คนที่ชื่อเจบีถามขึ้น แต่ทุกคนก็พากันส่ายหัว
“พวกมันยึดของฉันไปแล้ว เพิ่งจะถอยมาใหม่เลยนะนั่น ให้ตายเถอะ”
คนที่โดนจับมาคนสุดท้ายบ่นยืดยาว...เขานี่ขี้โวยวายชะมัด...
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าด้านนอกทำให้พวกเราทุกคนหันไปมองทางเดียวกัน
“หรือจะเป็นพวกนั้น”
คนที่หน้ามึนๆตาตี่ๆพูดขึ้นมา
“เดี๋ยวพวกแกเจอมาเฟียฮ่องกงแน่”
คนที่ขี้โวยวายเตรียมง้างหมัดรอ พวกเราที่เหลือต่างพากันตั้งท่าเตรียมตัวลุยเต็มที่ ผมถูกมาร์คฮยองดึงมาอยู่ข้างหลังก็ได้แต่แอบมองอย่างกล้าๆกลัวๆ ซักพักกลุ่มคนที่เข้ามากลับไม่ไช่คนกลุ่มเดิมที่จับพวกเรามาแต่เป็นพวกอาจารย์กับตำรวจ ที่มีสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นพวกเรา
“ชินโจว!”
ซักพักก็มีหญิงชายคู่หนึ่งที่ดูมีอายุแวกพวกอาจารย์ออกมาแล้วร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของชินโจว
“ลูกแม่!...ทำไมเป็นอย่างนี้..”
เธอเข้ามากอดร่างของชินโจวแล้วร้องไห้คร่ำครวญ...แม่ของชินโจวงั้นเหรอ...
“พวกเธอทำอะไรเขา!”
คราวนี้เป็นผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นพ่อของชินโจวมองมาทางพวกเราแล้วตวาดขึ้นทำให้พวกอาจารย์ต้องเขามาห้าม
“ใจเย็นๆก่อนครับ ยังไงเราก็ต้องสอบถามพวกเขาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
ครูฮงเป็นคนพูดขึ้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับครู”
“เอาไว้คุยกันทีหลังนะจินยอง....ฉันว่ารีบพาชินโจวไปโรงพยาบาลก่อนเถอะคะ”
ครูซอนบอกคนที่ชื่อจนยอง แล้วหันกลับไปพูดกับพ่อแม่ของชินโจว หลังจากที่ชินโจวถูกพาออกไปภายในห้องก็เหลือแค่ครูใหญ่ ครูปาร์ค และตำรวจอีกสองสามคน กำลังจ้องมองมาที่พวกเรา
“ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่”
ครูใหญ่เป็นคนเอ่ยปากถาม
“มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเลยครับ ถ้าผมเล่าไปครูคงไม่เชื่อแน่ๆ มันบังเอิญมากจริงๆที่พวกเรามาอยู่ที่นี่ จะว่าไปผมยังตกใจไม่หายเลยนะครับ”
“นั่นซินะ ความจริงฉันก็ตกใจเหมือนกันที่เจอเธออยู่ที่นี่ แจ็คสัน หวัง”
ครูใหญ่ตอบกลับทันทีหลังจากคนที่ชื่อแจ็คสัน หวัง หรือเจ้าคนชอบโวยวายพูดจบ
“ถ้างั้น ผมคงต้องขอสอบปากคำเด็กๆพวกนี้หน่อยนะครับ”
ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาแล้วหันมามองทางพวกเรา
“พวกเราไม่ได้ทำร้ายเขานะครับ”
ผู้ชายที่ดูท่าทางใจดีที่ชื่อจินยองค้านขึ้นทันที
“ฉันก็ไม่บอกว่าพวกเธอเป็นคนทำซักหน่อยนะ ก็แค่สอบปากคำผู้ต้องสงสัย”
“ความสงสัยของคุณตำรวจก็คือเชื่อว่าพวกเราเป็นคนทำไปแล้วครึ่งหนึ่งไม่ไช่หรอครับ”
คนที่หน้ามึนๆพูดขึ้น...ใช่แล้วล่ะ ไม่ไช่แค่เขาที่รู้สึกแต่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าใครๆต่างก็ปักใจเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่งว่าพวกเราเป็นคนทำ....
“นี่พวกเธออย่าเสียมารยาทนะ...เอาเป็นว่าพวกเธอทั้งหมดตามครูมาที่ห้องปกครองแล้วเราจะได้เริ่มสอบสวนกันซักทีว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร”
ครูใหญ่พูดจบก็เดินนำไปเป็นคนแรก จากนั้นคนอื่นๆก็เดินตามออกไปเหลือก็แค่ครูปาร์คที่ยังยืนดูพวกเราอยู่
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!”
แจ็คสันเริ่มโวยวายอีกครั้ง ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มีอารมณ์ไม่ต่างกัน
“ไปกันเถอะ”
มาร์คฮยองพูดแล้วจูงมือผมออกมา พอคนอื่นๆเห็นก็ทยอยตามกันมา ผมมองทุกๆคนที่เดินตามมาอย่างไม่เต็มใจนัก
“คิดอะไรอยู่”
คำถามสั้นๆของมาร์คฮยองทำให้ผมหันกลับไปมองตามเสียงนั้น
“เปล่าหรอก...แค่คิดว่าทำไมต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย มันไม่มีเหตุผลเลยซักนิด ทั้งๆที่เดินอีกนิดก็จะถึงห้องเรียนแล้วแท้ๆ แต่ทำไมกันนะผมถึงเลือกที่จะมาทางนี้”
ผมพูดตามที่ตัวเองคิดจริงๆ
“แล้วเพราะอะไรล่ะ...ที่ทำให้นายมาทางนี้”
“ก็แค่...รู้สึกไม่ค่อยดีที่จะปล่อยให้เจ้านั่นมาคนเดียว”
ผมพูดแล้วหันไปมองยูคยอมที่ตอนนี้ดูซึมๆ คงเพราะเป็นห่วงชินโจวซินะ
“ความรู้สึกนั่นแหละ”
จู่ๆมาร์คฮยองก็พูดขึ้นมาอีกครั้งแล้วหันหน้ามามองผม
“ความรู้สึกนั่นแหละคือเหตุผล...เหมือนกับฉันที่รู้สึกเป็นห่วงนายและรู้สึกว่าปล่อยให้นายอยู่คนเดียวไม่ได้ยังไงล่ะ”
คำพูดของมาร์คฮยองทำให้ผมตื้นตันเอามากๆ พี่ชายคนนี้มันจะคอยเป็นห่วงเป็นใยผมเสมอเลยซินะ จากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกแค่ขอให้มีมาร์คฮยองอยู่ข้างๆก็พอแล้ว แค่นี้...ผมก็ไม่กลัวแล้วล่ะ ถ้าความรู้สึกที่มาร์คฮยองพูดขึ้นมันคือเหตุผลผมก็คงต้องยอมรับมันแล้วล่ะ
(แจ็คสัน)
“มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ”
ผมเกียจคำพูดนี้ที่สุด ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเวลาที่ผมพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นคำพูดนี้มักจะได้ยินอยู่เสมอมันเหมือนแปลว่า มันไม่น่าเชื่อนะ อะไรประมาณนี้น่ะครับ ตอนนี้ผมไม่ซิยังมีคนอื่นที่ร่วมชะตากรรมต้องสงสัยเดียวกันอีกหกคนพวกเราอยู่ที่ห้องปกครองที่แอร์เย็นเฉียบ มีครูใหญ่นั่งมองพวกเราอยู่ที่หน้าห้องและมีครูอีกสองสามคนคอยเฝ้าสังเกตการณ์ ยังไม่พอนะครับยังมีตำรวจอีกสามคนกำลังจ้องหน้าพวกผมเหมือนกับกำลังจะจับผิด
“ฉันจะถามเธออีกครั้งนะ แจ็คสัน หวัง เธอไปทำอะไรที่นั่น”
ตำรวจหน้าโหดถามผมพร้อมกับจ้องเขม็ง
“ก็ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าผมโดดเรียน แล้วบังเอิญเดินเข้าไปเจอะกับพวกอันธพาลโม่งดำ มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เนี่ยขนผมยังไม่หายลุกเลยนะครับ”
ผมพูดแล้วทำท่าที่คิดว่าน่าสงสารที่สุด
“ทำท่าแบบนั้นใครจะไปเชื่อ”
ไม่ทันที่ผมจะได้โชว์บีบน้ำตาก็มีเสียงแว่วๆมาจากข้างๆตัว...เจ้าลิงเมากล้วยนี่เอง...
“แกน่ะหยุดพูดไปเลย นี่ฉันกำลังจะช่วยพวกเราทุกคนอยู่นะเฟ้ย”
“ช่วยยังไงมิทราบ ทำหน้ายังกะสุนัขดมอุนจิแบบนั้นใครจะไปสงสาร”
เจ้าลิงเมากล้วยนี่ปากร้ายชะมัด ผมเลิกสนใจแล้วหันไปทำตาใสปิ๊งพยายามจะบีบน้ำตาให้คุณตำรวจเห็น แต่ยังไม่ทันที่หยาดแรกจะไหลคุณตำรวจหน้าโหดก็หันไปหาเจ้าลิงเมากล้วยที่ยืนหน้าบูดอยู่ข้างๆผม
“แล้วเธอล่ะเข้าไปทำไม”
“ผมบังเอิญได้ยินเสียงคนเรียกให้ช่วยก็เลยเดินเข้าไป”
เหตุผลของเจ้านั่นก็ไม่เห็นจะต่างจากผมซักเท่าไหร่เลย
“แล้วทำไมเธอไม่โทรเรียกตำรวจล่ะ เธอคิดตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หรือไง”
“ผมไม่ได้เอามือถือไปครับ”
“สรุปว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกแล้วซินะ”
ตำรวจพูดแค่นั้นแล้วเดินไปสอบสวนคนต่อไปซึ่งเป็นเจ้าเด็กยักษ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกับคนที่ถูกทำร้าย ตำรวจหน้าโหดมองเจ้านั่นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วจับที่ปกคอเสื้อที่มีสัญลักษณ์แสดงระดับชั้น
“อยู่ปีหนึ่งเหรอ...ทำไมถึงเข้าไปในนั้นได้ล่ะ”
“เธอเคยมีเรื่องกับชินโจวมาก่อนใช่ไหม คิม ยูคยอม”
ยังไม่ทันที่ตำรวจจะได้ถาม ครูใหญ่ก็พูดขึ้นซะก่อนทำให้คนอื่นๆต่างหันไปมองเจ้าเด็กที่ชื่อยูคยอมนั่นเป็นตาเดียว
“มีเรื่องงั้นเหรอ...เธอไม่ถูกกับเขาไช่ไหม”
ตำรวจหันมาถามเจ้านั่นอีกครั้งแต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังไม่ตอบอะไร
“แต่เขาดีกันแล้วนะครับ เรื่องก่อนหน้านั้นมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว”
คนข้างๆยูคยอมจู่ๆก็พูดแทรกขึ้นมา เจ้านี่รู้สึกว่าผมจะเคยเห็นหน้านะเหมือนจะอยู่ปีเดียวกับผม
“พอเถอะจูเนียร์ฮยอง...ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ”
ใช่แล้ว...เจ้านั่นชื่อจูเนียร์รู้สึกว่าจะสอบได้อันดับหนึ่งของระดับชั้นตลอดและยังเป็นนักเรียนดีเด่นอีกด้วย อย่างเจ้านั่นไม่น่าจะมาอยู่ที่ห้องนี้ได้เลยนะ
“การที่พวกเธอบอกว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่แม้มันจะดูเชื่อถือยากไปซักหน่อย แต่ทางตำรวจจะพยายามหาหลักฐานแล้วก็ข้อสรุปให้เร็วที่สุดแล้วกันนะ ระหว่างนี้พวกคุณควรจะทำอย่างไรกับเด็กพวกนี้กันครับ”
หลังจากที่ตำรวจพูดกับพวกเราจบก็หันไปทางครูใหญ่
“เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มากเลยนะ เพราะผู้ปกครองทางฝ่ายนั้นดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ”
ครูใหญ่ทำท่าครุ่นคิด
“แต่ยังไงซะเด็กพวกนี้ก็เป็นนักเรียนนะครับ”
ครูคนที่น่าตาตลกๆพูดสวนขึ้นมา เอ....ผมจำชื่อเขาไม่ได้แฮะ
“ป่านนี้ผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆคงจะรู้กันหมดแล้วว่าโรงเรียนเรามีอันธพาล แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าให้ลูกพวกเขามาโรงเรียนอีกเหรอคะ”
ครูคนที่เป็นเลขาครูใหญ่พูดเสริมขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไรไหมครับถ้าเราจะพักการเรียนเด็กพวกนี้ไปก่อนซักระยะหนึ่ง”
คราวนี้เป็นตำรวจหน้าโหดพูดแนะ...ก็ดีนะ ไม่มาเรียนก็ดี...ทั้งๆที่ผมคิดแบบนี้มาตลอดแต่ทำไมพอได้ยินว่าจะพักการเรียนจริงๆ ผมถึงยิ้มไม่ออกนะ
“ได้ยังไงล่ะครับ เด็กพวกนี้ไม่ได้เป็นอันธพาลซักหน่อย”
“แต่พวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่นะคะครูปาร์ค”
“แค่ผู้ต้องสงสัย...ไม่ไช่ผู้ต้องหานะครับ”
คำพูดของครูปาร์คที่ดูจริงจังทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากัน ทำไมครูคนนี้ถึงต้องเถียงเพื่อพวกเราด้วยนะ
“ผมขอร้องแหละครับ...ถ้าเด็กพวกนี้เป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ พวกเราจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตเหรอครับที่ทำแบบนี้กับเขา อย่าเอาภาพที่เห็นมาตัดสินทุกอย่างซิครับ”
หลังจากครูปาร์คพูดจบทั้งตำรวจและครูใหญ่ก็มีสีหน้าสลดเล็กน้อย ย้ำ...เพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
“พวกเธอกลับไปห้องเรียนก่อน”
หลังจากครุ่นคิดซักพักครูใหญ่ก็บอกให้พวกเรากลับไปที่ห้องเรียน ผมเดินออกมาแล้วมองหน้าแต่ละคนจะว่าไปยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนี่นา
“นี่ทุกคน”
เสียงเรียกของผมทำให้พวกเขาหันมามองเป็นตาเดียว
“สวัสดี...ฉันชื่อแจ็คสัน หวังนะ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมชะตากรรม”
“ก็แนะนำไปแล้วนี่ จะพูดอีกทำไม”
ผมหันไปตามเสียงนั้น...เจ้าลิงเมากล้วยอีกแล้ว...
“ก็ดูท่าทางพวกนายจะยังจำชื่อฉันไม่ได้ไงล่ะ...โดยเฉพาะนาย ยองแจ ฉันเจอนายครั้งสองแล้วนะ”
ผมชี้ที่หน้ามึนๆของเขาที่ตอนนี้กำลังตกใจอะไรซักอย่าง
“จำชื่อได้ด้วยเหรอ”
“ฉันไม่ไช่ปลาทองนะจะได้ความจำสั้น”
ผมพูดกับเขาจบผมก็หันไปหาคนอื่นๆต่อ...โอ๊ะ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักจัง...ผมเดินไปที่เจ้าเด็กคนที่ตัวเล็กที่สุดผมว่าเจ้านี่น่ารักดีนะ
“หวัดดี นายชื่ออะไรเหรอ”
ผมทักเขาแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังงงๆอยู่
“แบมแบมไปเรียนเถอะ”
ยังไม่ทันที่เด็กน้อยของผมจะได้พูดอะไร ก็มีคนพูดแทรกพอผมเงยหน้ามองเขาก็เจอกับหน้าตาที่ไม่หล่อ...ไช่ครับไม่เห็นจะหล่อเลยซักนิดดด...
“ผมชื่อแบมแบมครับ ส่วนนี่มาร์คฮยอง”
ผมละความสนใจจากใบหน้าขี้เหร่นั่นแล้วหันกลับมามองเจ้าตัวเล็ก...น่ารักน่าฟัดเสียจริง...เห็นแล้วอยากมีน้องชายบ้างจังเลย
“ไปเถอะแบมแบม”
เจ้าคนชื่อมาร์คนั่นจูงมือแบมแบมออกไปทันที...เชอะ น่าหมั่นไส้ชะมัด...พอผมหันกลับไปหาคนอื่นที่เหลือกับเจอแค่เจ้าลิงเมากล้วยยองแจที่ยืนหน้ามึนอยู่คนเดียว
“อ้าว หายไปไหนกันแล้วล่ะ”
“ใครจะไปสนใจคนเพี้ยนๆกันล่ะ”
พูดแค่นั้นยองแจก็เดินหนีผมไปอีกคน แต่ก็ช่างเถอะเพราะอย่างไรผมก็ต้องได้เจอคนพวกนี้อีกแน่ๆไม่ไช่เพราะอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่เพราะผมมีความรู้สึกว่าเรากำลังร่วมชะตากรรมเดียวกันต่างหาก
ความคิดเห็น