ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เรื่องวุ่นๆที่ชานชลาเก้า เศษสามส่วนสี่
ตอนที่9    เรื่องวุ่นๆที่ชานชลาเก้า เศษสามส่วนสี่
   
    การที่ฉันออกมายอมรับเปิดเผยบางเรื่องในวันนั้น มันทำให้ครอบครัวฉันเหมือนถูกระเบิดลูกใหญ่ลงกลางบ้านเฟร็ด กับ จอร์จเหมือนถูกสาป ไม่มีการคุยเล่นเสียงหัวเราะ หรือว่าการทดลองแปลกๆ
    รอน แฮรี่ เฮอร์ไมโอนี่ขลุกอยู่ในห้องของรอนตลอดเวลา กว่าที่จะเข้ามาในห้องนอนก็ดึกมาก ฉันแกล้งหลับเธอจึงขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆฉัน แม่เองวุ่นวายกับเรื่องเตรียมของทั้งวันในวันเปิดเทอมจึงไม่มีโอกาสสังเกตพวกเราผิดปกติ
    การเดินทางไปสถานีรถไฟเหมือนความว่างเปล่า มีเพียงเสียงคุยกันเบาๆของเฮอร์ไมโอนี่ กับจอร์จ ฉันยืนอยู่กับแม่ตลอดเวลาไม่พยายามมองหน้าหรือสบตากับใคร มันจะเป็นวันที่เงียบที่สุดก็ว่าได้ ถ้าที่ชานชาลาเก้า  เศษสามส่วนสี่ ไม่ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงผมสีทองเรียบ ท่าทางหยิ่งยะโสตามแบบของ  เดินมากับผู้หญิงวัยกลางคน ผอมสูง ผมสีบรอน มวยผมเป็นระเบียบ    และ....เพอซี่
    “เพอซี่...!!” แม่เรียกพร้อมเอามือปิดปากด้วยความตกใจ ฉันจับแขนแม่ไว้ มองเพอซี่ด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยบอกฉันมาก่อนว่าจะมาที่นี่
    สายตาที่เย็นเยียบของเขามองมาที่เฮอร์ไมโอนี่ หยุดอยู่ที่แฮรี่ ที่ขบกรามแน่น จ้องเพอซี่กลับอย่างไม่เกรงกลัว
    “ฉันว่าพวกนายควรห่างครอบครัวเราได้แล้วนะ พวกเลือดสกปรกอย่างพวกนาย”
ฉันตกใจกับคำพูดของเพอซี่ ฉันรู้ว่าเขาต้องทำให้ทุกคนเกลียด แต่การกระทำของพวกเรามันก็สร้างความเจ็บปวดมากพออยู่แล้ว ไม่อยากให้เขาต้องตอกย้ำด้วยคำพูดอะไรอีก
“เพอซี่...ทำไมลูกพูดอย่างนี้กับแฮรี่ เขาเหมือนน้องชายลูกคนหนึ่งนะ”
เสียงของแม่สั่นเครือ
เฟร็ดจ้องหน้าพี่ชายด้วยความเจ็บปวด ถลันจะไปชกเพอซี่ แต่จอร์จจับแขนของเฟร็ดกระชากกลับ
“พอแล้วน่าเฟร็ด แค่นี่ยังแย่ไม่พออีกหรือ” เฟร็ดท่าทางอึดฮัด มองแม่ที่ขอบตาแดงๆ แล้วสะบัดมือออก ระงับอารมณ์โกรธอย่างที่สุด เขาไม่อยากมีเรื่องต่อหน้าแม่ ที่หัวใจแทบสลายไปแล้ว
“เฟร็ด  จอร์จพาแม่กลับไปก่อน”
รอนหันมาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สงบอย่างที่สุดจนเหมือนไม่ใช่รอนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันรู้สึกถึงคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ภายใต้ผิวน้ำที่สงบ
จอร์จหันมาสบตากับรอนพยักหน้า แล้วดึงแขนแม่เบาๆไปทางเขา สบตากับฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“แม่เรากลับบ้านกันนะ..เฟร็ดนายมาช่วยฉัน”
จอร์จหันมาบอกเฟร็ด หันมามองท่างเพอซี่และรอน
“พวกนายก็รีบขึ้นรถไฟซะ...คงส่งได้แค่นี้” จอร์จดึงแม่หันหลังกลับ
“เดี๋ยวก่อน มอลลี่” เสียงสูงเล็กที่อยู่ใกล้ๆกันเอ่ยขึ้น คุณนายมัลฟอยเดินมาหาแม่ฉัน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน แม่ฉันหันกลับไปมอง
“นาซิลซ่า”
นางยิ้มให้แม่ฉันด้วยสายตาเศร้า ระคนตื้นตัน คงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นคุณนายมัลฟอยยิ้ม เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า
“มอลลี่ ..ดีใจที่ยังมีคนเรียกชื่อนี่อยู่..”
แม่ฉันไม่ตอบได้แต่พยักหน้า
“ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ให้อภัยชั้น และไม่อยากคุยกับชั้น” แม่ถอนหายใจมองเพอซี่
“ฉันก็แค่...อยากบอกกับเธอว่า...ฉันจะดูแลลูกชายเธอเอง”
แม่สบตากับคุณนายมัลฟอยอีกครั้งแล้วหันหลังกลับเดินออกไปเงียบๆ
วันนี้คงเป็นวันช็อคโลกของทุกคนอีกวันหนึ่ง แม่รู้จักกับคุณนายมัลฟอย ไม่ใช่ซิไม่ใช่แค่รู้จัก มีสายสัมพันธ์ลึกๆบางอย่างที่พวกเราไม่เคยรู้
นางหันมามองฉัน ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ยื่นมือจับมือฉันเบาๆ
“จินนี่....ชื่อเธอเพราะมาก” นางกวาดสายตามองฉัน
“เมื่อก่อนฉันเคยคุยกับแม่เธอ ว่าถ้าใครมีลูกสาวจะให้ชื่อนี้....”
“คุณเป็นเพื่อนแม่หรือค่ะ”
นางพยักหน้า
“เคยเป็น ตอนนี้เราเป็นแค่คนที่เคยรู้จัก”
ฉันสบตากับนาง
“เมื่อก่อนฉันเคยหวังว่า ลูกๆของพวกเราจะกลายเป็นเพื่อนสนิทเหมือนพี่น้องกันได้” นางมองเดรโก ลูก ที่ยืนมองดูมารดาเงียบ
“จินนี่!” เสียงรอนเรียกชื่อฉันเข้มเหมือนเตือนฉัน
“ฉันรู้...ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก..” คุณนายมัลฟอย บอกเสียงเบาๆ
ฉันนิ่งจ้องหน้าคุณนายมัลฟอยเหมือนตัดสินใจ
“ไม่มีทาง...เราไม่มีทาง..เป็นพันธมิตรกับพวกมัลฟอย”
เสียงรอนตะโกนออกมาเสียงดัง จนทุกคนหันมอง มองมาทางเดรโกอย่างโกรธแค้น  “จินนี่  ! ขึ้นรถไฟ” รอนสั่งเสียงดัง
เดรโกมองรอนหยันๆ
“แม่อย่าเสียเวลาเลย”
นางมองลูกชาย เหมือนหนักใจ
“ช่างเถอะนะ...บางทีมันก็เป็นความหวังเลื่อนลอย”
รอนมองเดินมาหาฉันอย่างหมดความอดทน ฉุดมือฉันให้ถอยออกมา
“ขึ้นรถไฟเดี๋ยวนี้...” รอนคำรามน่ากลัว
แต่ฉันหยุดนิ่ง รอนหันมองหน้าฉันอย่างงงงัน สับสน คาดไม่ถึง แปลกใจ
“ไม่......จิน...นี่...” รอนคลางออกมาเบาๆ 
ฉันหันไป มองเดรโก แล้วสบตากับนางมัลฟอยอีกครั้ง แล้วสะบัดมือออกจากพี่ชาย
“ได้ซิค่ะ หนูยินดีเป็นเพื่อนกับเดรโก....ถ้าเขาไม่รังเกียจนะ”
ตอนท้ายฉันเหลือบไปมองเดรโก ที่มองฉันอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ฉันยิ้มให้เขา
เดรโก ไหวไหล่น้อยๆ เหลือบมองรอน
“อือ...ก็ได้นะ...แต่พวกเธอควรจะสะสางเรื่องในครอบครัวให้เรียบร้อยก่อน”
เขาเดินมาทางมารดา สวมกอดเบาๆแล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง
“ผมไปล่ะฮะ...แล้วแม่ไม่ต้องคิดมากนะ..รักษาตัวด้วย”
แล้วเขาผละตัวออกไป ท่ามกลางผู้คนในสถานีรถไฟ
นางมัลฟอยบอกลา
“ขอบใจเธอมากนะจินนี่ ฉันคงต้องไปแล้ว ดีใจที่ได้เจอเธอนะ”
แล้วเดินผละออกไปอีกคน
ทุกคนมองมาที่เพอซี่ เขาเดินมาใกล้ๆฉันโผเข้ากอดแน่น
“จินนี่....เธอดูแย่มากๆนะ”
“หนูเป็นห่วงพี่คะ” ฉันกระซิบเบาๆ
“พวกเขารู้แล้วใช่ไหม...”เพอซี่ถาม
“มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วค่ะพี่....แต่ถึงยังไงเราก็คาดการณ์ไว้แล้วไม่ใช่หรือ” ฉันบอก
เพอซี่ คลายกอดฉันหันมามองที่รอน แฮรี่ แล้วเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันรู้หลายเรื่องพวกนายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่มันไม่สำคัญไม่ใช่หรือ ที่สำคัญพวกนายต้องยอมรับสภาพเราตอนนี้ให้ได้”
รอนมองตาขวางกับเพอซี่ เขาพุ่งมาหาเพอซี่ขณะไม่ทันระวังตัว ชกอัดเข้าที่หน้าพี่ชายจนหน้าหงาย เซถลาล้มไปหลายฟุต
“เออ..ใช่ ไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจอะไรเลย”
เขาตามไปอัดลำตัวพี่ชายอีกทุกคนมองตะลึง
“นายจะเป็นอะไร ก็เป็นไปคนเดียวซิ” เขาตามไปซัดหน้าอีก จนเลือดเพอซี่ไหลกลบปาก
เพอซี่ไม่โต้ตอบ ปาดเลือดที่ปาก แล้วหัวเราะเบาๆ
“เอาซิ..ซัดเลยถ้านายต้องการ” เขาพยายามพยุงตัวขึ้น
“นายคิดว่าฉันจะไม่กล้าหรือ..”รอนพุ่งตัวไปหาอีก พร้อมปล่อยหมัดไม่ยั้ง
“หมัดนี้สำหรับทุกคนในครอบครัว”
“แล้วหมัดนี้เรื่องที่ นายเอาอะไรฝังไปในหัวน้องสาวคนเดียวของพวกเรา”
เพอซี่นอนแผ่หราบนชานชลา เฮอร์ไมโอนี่มาดึงแขนรอนไว้
“พอ พอ..แล้วรอน..หยุดเถอะ..”
เธอร้องไห้ออกมา สวมกอดเขาแน่น
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ ฉันก็เสียใจมากเหมือนเธอ ถ้าเธอเจ็บปวดฉันก็เจ็บปวดมากยิ่งกว่าเธอ แต่เธออย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยนะ”
รอนนิ่ง สายตามองเพอซี่เริ่มสงบลง รู้สึกถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆที่ไหลเปียกชื้นบนเสื้อผ้าเขา
แฮรี่มองทั้งสองนิ่ง เขาเองก็รู้ตัวดีว่าคงไม่มีคำปลอบใจใดๆให้กับเพื่อนรักได้ดีเท่านี้แล้ว
“ฉันอยากอยู่คนเดียว” รอนบอกเสียงเคร่งขรึม ดึงเฮอร์ไมนี่ออกอย่างสุภาพ
“ให้ฉันอยู่ด้วยเถอะรอน ตอนนี้ชั้นไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว ชั้นสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆไม่รบกวนเธอ”
รอนไม่เหลือบมองฉันเขาก้าวเดินผ่านฉันอย่างช้าๆเหมือนไม่มีตัวตนอยู่
แฮรี่ไม่ได้ตามไปด้วย มองมาทางเพอซี่แต่เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว มีเพียงคราบเลือดสีแดงบนพื้น
เขาเบนสายตามองมาทางฉัน อย่างเยาะหยัน
“จินนี่....สิ่งนี้ใช่ไหมที่เธอต้องการ...ถ้าอย่างนั่นเธอทำสำเร็จแล้ว”
เขาไม่ได้ต่อว่าฉันมากกว่านี้ แต่สายตาของเขามองฉัน  มันมีความหมายยิ่งกว่าคำต่อว่ามากมาย...
..
   
    การที่ฉันออกมายอมรับเปิดเผยบางเรื่องในวันนั้น มันทำให้ครอบครัวฉันเหมือนถูกระเบิดลูกใหญ่ลงกลางบ้านเฟร็ด กับ จอร์จเหมือนถูกสาป ไม่มีการคุยเล่นเสียงหัวเราะ หรือว่าการทดลองแปลกๆ
    รอน แฮรี่ เฮอร์ไมโอนี่ขลุกอยู่ในห้องของรอนตลอดเวลา กว่าที่จะเข้ามาในห้องนอนก็ดึกมาก ฉันแกล้งหลับเธอจึงขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆฉัน แม่เองวุ่นวายกับเรื่องเตรียมของทั้งวันในวันเปิดเทอมจึงไม่มีโอกาสสังเกตพวกเราผิดปกติ
    การเดินทางไปสถานีรถไฟเหมือนความว่างเปล่า มีเพียงเสียงคุยกันเบาๆของเฮอร์ไมโอนี่ กับจอร์จ ฉันยืนอยู่กับแม่ตลอดเวลาไม่พยายามมองหน้าหรือสบตากับใคร มันจะเป็นวันที่เงียบที่สุดก็ว่าได้ ถ้าที่ชานชาลาเก้า  เศษสามส่วนสี่ ไม่ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงผมสีทองเรียบ ท่าทางหยิ่งยะโสตามแบบของ  เดินมากับผู้หญิงวัยกลางคน ผอมสูง ผมสีบรอน มวยผมเป็นระเบียบ    และ....เพอซี่
    “เพอซี่...!!” แม่เรียกพร้อมเอามือปิดปากด้วยความตกใจ ฉันจับแขนแม่ไว้ มองเพอซี่ด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยบอกฉันมาก่อนว่าจะมาที่นี่
    สายตาที่เย็นเยียบของเขามองมาที่เฮอร์ไมโอนี่ หยุดอยู่ที่แฮรี่ ที่ขบกรามแน่น จ้องเพอซี่กลับอย่างไม่เกรงกลัว
    “ฉันว่าพวกนายควรห่างครอบครัวเราได้แล้วนะ พวกเลือดสกปรกอย่างพวกนาย”
ฉันตกใจกับคำพูดของเพอซี่ ฉันรู้ว่าเขาต้องทำให้ทุกคนเกลียด แต่การกระทำของพวกเรามันก็สร้างความเจ็บปวดมากพออยู่แล้ว ไม่อยากให้เขาต้องตอกย้ำด้วยคำพูดอะไรอีก
“เพอซี่...ทำไมลูกพูดอย่างนี้กับแฮรี่ เขาเหมือนน้องชายลูกคนหนึ่งนะ”
เสียงของแม่สั่นเครือ
เฟร็ดจ้องหน้าพี่ชายด้วยความเจ็บปวด ถลันจะไปชกเพอซี่ แต่จอร์จจับแขนของเฟร็ดกระชากกลับ
“พอแล้วน่าเฟร็ด แค่นี่ยังแย่ไม่พออีกหรือ” เฟร็ดท่าทางอึดฮัด มองแม่ที่ขอบตาแดงๆ แล้วสะบัดมือออก ระงับอารมณ์โกรธอย่างที่สุด เขาไม่อยากมีเรื่องต่อหน้าแม่ ที่หัวใจแทบสลายไปแล้ว
“เฟร็ด  จอร์จพาแม่กลับไปก่อน”
รอนหันมาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สงบอย่างที่สุดจนเหมือนไม่ใช่รอนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันรู้สึกถึงคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ภายใต้ผิวน้ำที่สงบ
จอร์จหันมาสบตากับรอนพยักหน้า แล้วดึงแขนแม่เบาๆไปทางเขา สบตากับฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“แม่เรากลับบ้านกันนะ..เฟร็ดนายมาช่วยฉัน”
จอร์จหันมาบอกเฟร็ด หันมามองท่างเพอซี่และรอน
“พวกนายก็รีบขึ้นรถไฟซะ...คงส่งได้แค่นี้” จอร์จดึงแม่หันหลังกลับ
“เดี๋ยวก่อน มอลลี่” เสียงสูงเล็กที่อยู่ใกล้ๆกันเอ่ยขึ้น คุณนายมัลฟอยเดินมาหาแม่ฉัน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน แม่ฉันหันกลับไปมอง
“นาซิลซ่า”
นางยิ้มให้แม่ฉันด้วยสายตาเศร้า ระคนตื้นตัน คงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นคุณนายมัลฟอยยิ้ม เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า
“มอลลี่ ..ดีใจที่ยังมีคนเรียกชื่อนี่อยู่..”
แม่ฉันไม่ตอบได้แต่พยักหน้า
“ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ให้อภัยชั้น และไม่อยากคุยกับชั้น” แม่ถอนหายใจมองเพอซี่
“ฉันก็แค่...อยากบอกกับเธอว่า...ฉันจะดูแลลูกชายเธอเอง”
แม่สบตากับคุณนายมัลฟอยอีกครั้งแล้วหันหลังกลับเดินออกไปเงียบๆ
วันนี้คงเป็นวันช็อคโลกของทุกคนอีกวันหนึ่ง แม่รู้จักกับคุณนายมัลฟอย ไม่ใช่ซิไม่ใช่แค่รู้จัก มีสายสัมพันธ์ลึกๆบางอย่างที่พวกเราไม่เคยรู้
นางหันมามองฉัน ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ยื่นมือจับมือฉันเบาๆ
“จินนี่....ชื่อเธอเพราะมาก” นางกวาดสายตามองฉัน
“เมื่อก่อนฉันเคยคุยกับแม่เธอ ว่าถ้าใครมีลูกสาวจะให้ชื่อนี้....”
“คุณเป็นเพื่อนแม่หรือค่ะ”
นางพยักหน้า
“เคยเป็น ตอนนี้เราเป็นแค่คนที่เคยรู้จัก”
ฉันสบตากับนาง
“เมื่อก่อนฉันเคยหวังว่า ลูกๆของพวกเราจะกลายเป็นเพื่อนสนิทเหมือนพี่น้องกันได้” นางมองเดรโก ลูก ที่ยืนมองดูมารดาเงียบ
“จินนี่!” เสียงรอนเรียกชื่อฉันเข้มเหมือนเตือนฉัน
“ฉันรู้...ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก..” คุณนายมัลฟอย บอกเสียงเบาๆ
ฉันนิ่งจ้องหน้าคุณนายมัลฟอยเหมือนตัดสินใจ
“ไม่มีทาง...เราไม่มีทาง..เป็นพันธมิตรกับพวกมัลฟอย”
เสียงรอนตะโกนออกมาเสียงดัง จนทุกคนหันมอง มองมาทางเดรโกอย่างโกรธแค้น  “จินนี่  ! ขึ้นรถไฟ” รอนสั่งเสียงดัง
เดรโกมองรอนหยันๆ
“แม่อย่าเสียเวลาเลย”
นางมองลูกชาย เหมือนหนักใจ
“ช่างเถอะนะ...บางทีมันก็เป็นความหวังเลื่อนลอย”
รอนมองเดินมาหาฉันอย่างหมดความอดทน ฉุดมือฉันให้ถอยออกมา
“ขึ้นรถไฟเดี๋ยวนี้...” รอนคำรามน่ากลัว
แต่ฉันหยุดนิ่ง รอนหันมองหน้าฉันอย่างงงงัน สับสน คาดไม่ถึง แปลกใจ
“ไม่......จิน...นี่...” รอนคลางออกมาเบาๆ 
ฉันหันไป มองเดรโก แล้วสบตากับนางมัลฟอยอีกครั้ง แล้วสะบัดมือออกจากพี่ชาย
“ได้ซิค่ะ หนูยินดีเป็นเพื่อนกับเดรโก....ถ้าเขาไม่รังเกียจนะ”
ตอนท้ายฉันเหลือบไปมองเดรโก ที่มองฉันอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ฉันยิ้มให้เขา
เดรโก ไหวไหล่น้อยๆ เหลือบมองรอน
“อือ...ก็ได้นะ...แต่พวกเธอควรจะสะสางเรื่องในครอบครัวให้เรียบร้อยก่อน”
เขาเดินมาทางมารดา สวมกอดเบาๆแล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง
“ผมไปล่ะฮะ...แล้วแม่ไม่ต้องคิดมากนะ..รักษาตัวด้วย”
แล้วเขาผละตัวออกไป ท่ามกลางผู้คนในสถานีรถไฟ
นางมัลฟอยบอกลา
“ขอบใจเธอมากนะจินนี่ ฉันคงต้องไปแล้ว ดีใจที่ได้เจอเธอนะ”
แล้วเดินผละออกไปอีกคน
ทุกคนมองมาที่เพอซี่ เขาเดินมาใกล้ๆฉันโผเข้ากอดแน่น
“จินนี่....เธอดูแย่มากๆนะ”
“หนูเป็นห่วงพี่คะ” ฉันกระซิบเบาๆ
“พวกเขารู้แล้วใช่ไหม...”เพอซี่ถาม
“มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วค่ะพี่....แต่ถึงยังไงเราก็คาดการณ์ไว้แล้วไม่ใช่หรือ” ฉันบอก
เพอซี่ คลายกอดฉันหันมามองที่รอน แฮรี่ แล้วเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันรู้หลายเรื่องพวกนายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่มันไม่สำคัญไม่ใช่หรือ ที่สำคัญพวกนายต้องยอมรับสภาพเราตอนนี้ให้ได้”
รอนมองตาขวางกับเพอซี่ เขาพุ่งมาหาเพอซี่ขณะไม่ทันระวังตัว ชกอัดเข้าที่หน้าพี่ชายจนหน้าหงาย เซถลาล้มไปหลายฟุต
“เออ..ใช่ ไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจอะไรเลย”
เขาตามไปอัดลำตัวพี่ชายอีกทุกคนมองตะลึง
“นายจะเป็นอะไร ก็เป็นไปคนเดียวซิ” เขาตามไปซัดหน้าอีก จนเลือดเพอซี่ไหลกลบปาก
เพอซี่ไม่โต้ตอบ ปาดเลือดที่ปาก แล้วหัวเราะเบาๆ
“เอาซิ..ซัดเลยถ้านายต้องการ” เขาพยายามพยุงตัวขึ้น
“นายคิดว่าฉันจะไม่กล้าหรือ..”รอนพุ่งตัวไปหาอีก พร้อมปล่อยหมัดไม่ยั้ง
“หมัดนี้สำหรับทุกคนในครอบครัว”
“แล้วหมัดนี้เรื่องที่ นายเอาอะไรฝังไปในหัวน้องสาวคนเดียวของพวกเรา”
เพอซี่นอนแผ่หราบนชานชลา เฮอร์ไมโอนี่มาดึงแขนรอนไว้
“พอ พอ..แล้วรอน..หยุดเถอะ..”
เธอร้องไห้ออกมา สวมกอดเขาแน่น
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ ฉันก็เสียใจมากเหมือนเธอ ถ้าเธอเจ็บปวดฉันก็เจ็บปวดมากยิ่งกว่าเธอ แต่เธออย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยนะ”
รอนนิ่ง สายตามองเพอซี่เริ่มสงบลง รู้สึกถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆที่ไหลเปียกชื้นบนเสื้อผ้าเขา
แฮรี่มองทั้งสองนิ่ง เขาเองก็รู้ตัวดีว่าคงไม่มีคำปลอบใจใดๆให้กับเพื่อนรักได้ดีเท่านี้แล้ว
“ฉันอยากอยู่คนเดียว” รอนบอกเสียงเคร่งขรึม ดึงเฮอร์ไมนี่ออกอย่างสุภาพ
“ให้ฉันอยู่ด้วยเถอะรอน ตอนนี้ชั้นไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว ชั้นสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆไม่รบกวนเธอ”
รอนไม่เหลือบมองฉันเขาก้าวเดินผ่านฉันอย่างช้าๆเหมือนไม่มีตัวตนอยู่
แฮรี่ไม่ได้ตามไปด้วย มองมาทางเพอซี่แต่เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว มีเพียงคราบเลือดสีแดงบนพื้น
เขาเบนสายตามองมาทางฉัน อย่างเยาะหยัน
“จินนี่....สิ่งนี้ใช่ไหมที่เธอต้องการ...ถ้าอย่างนั่นเธอทำสำเร็จแล้ว”
เขาไม่ได้ต่อว่าฉันมากกว่านี้ แต่สายตาของเขามองฉัน  มันมีความหมายยิ่งกว่าคำต่อว่ามากมาย...
..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น