ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทสุดท้ายของโชคชะตา(จบภาค **ลิขิตแห่งดวงดาว)
ตอนที่ 24  บทสรุปของโชคชะตา
                                  มันคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างของฉันที่เดินโซซัดโซเซแทบ ไม่เป็นท่า กลิ่นคาวเลือด ที่คละคลุ้งปนเป ไม่รู้ว่าของฉันหรือของแฮรี่ แม้เป็นช่วงกลางวัน แต่เงาของต้นไม้ใหญ่ที่ครอบคลุมผืนของป่าต้องห้ามกลับไม่แตกต่างกับเวลากลางคืนเลย
พลังคาถาที่ของฉันมีอำนาจต่อกรกับดัมเบิลดอร์ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่นั่นมาได้อย่างไร ฉันสามารถต้านพลังของดัมเบิลดอร์ได้ แต่ร่างกายที่บาดเจ็บปางตายไม่อาจที่จะรับมันไหว
ฉันใช้คาถาเรียกสัตว์พิษทั้งหลายออกมากมายได้ พลังที่เหนือขีดจำกัดไร้ซึ่งที่มาและที่ไป
ยังวนเวียนอยู่ในทุกอนูในร่างกาย ......ไอเวอรี่ ตอนนี้เธอไปไหน ทำไมสติฉันถึงกลับแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ฉันไม่เห็นใครนอกจากตัวตนของตัวเอง
                                        ฉันแทงแฮรี่..กลิ่นคาวเลือดยังคละคลุ้ง มือยังเปื้อนเลือด ฉันยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาดู...แฮรี่..ฉันทำกับเขาได้อย่างไรกัน...ภาพที่ฉันเห็นสิ่งที่ฉันเคยอยากหลบเลี่ยงที่สุดมันกลับเกิดขึ้นจนได้....น้ำตาฉันไหลโดยไม่รู้ตัว.....นึกถึงสภาพของเพอซี่สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของเฮอร์ไมโอนี่คือเพอซี่ถูกงูพิษกัด แฮรี่จวนเจียนตาย ฉันนั่งทรุดหมดแรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธาร
แล้วฉันล่ะ...ฉันจะเป็นอย่างไรต่อไป ภาพอันเลือนลางของไอเวรี่มาปรากฎอยู่ตรงหน้า
แววตาอาฆาตแค้น..แทบลุกเป็นไฟด้วย ภาพที่เคยเป็นหญิงสาวที่งดงามบัดนี้ เริ่มกลายเป็นแม่มดที่อัปลักษณ์ผิวหนังเหี่ยวย่น ราวกับเสื้อผ้ายับๆไม่อาจที่จะเรียกว่าหน้าของคนได้ มีเพียงผมยุ่งเหยิงสีแดงเพลิงที่ยังบ่งบอกว่าเธอเคยชื่อไอเวรี่ เสียงแหบแห้งดังราวจะพิฆาตฝ่ายหนึ่งให้อาสันต์ไปข้างหนึ่ง
                            “เลวมาก....เจ้าเด็ก..เลว...มันให้อะไรเธอกิน.....เพอซี่ถ้าข้าไม่ฆ่ามัน..ข้าไม่ใช่ชื่อไอเวรี่...”
ฉันมองร่างแม่มดที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะออกมา แม้แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่
“คุณรู้ไอเวรี่....สิ่งเดียวที่ไม่สามารถทำให้ คุณไม่อาจอยู่ที่ร่างนี้ได้เพียงสิ่งเดียว คือศิลาอาถรรพ์...ยาที่เพอซี่ให้กินไม่ใช่มีแต่ต้นเลือดพิษ...เขาหลอกคุณแล้วไอเวรี่......หึ..หึ..มีส่วนผสมของศาอาถรรพ์”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขาดเป็น..ช่วง
                          “สารเลว...มันทำแผนการณ์ของข้าเกือบพังพินาศเพราะมัน ไม่อย่างนั้น ข้าสามารถจัดการกับดัมเบิลดอร์ได้แล้ว...อีกสิบวัน เดือนจะดับถึงเมื่อนั้น ก็จะไม่มีใครขัดขวางการกลับมาของข้าได้...”
ฉันได้แต่ยิ้มเยียด มองร่างจางๆอย่างสมเพช
“แต่น่าเสียดาย...นี่ยังไม่ใช่คืนเดือนมืด พลังของศิลาอาถรรพ์ยังอยู่รอบๆ ตัวฉัน กลิ่นอายปีศาจไม่อาจทำอะไรฉันได้ คุณเช่นกัน...”
“จินนี่ เจ้าอย่าอวดดีนักเลย...อีกไม่นานเจ้าต้องหายสาปสูญไปตลอดกาล”
ดวงตาสีเลือดปูดถลึงมอง เสียงแหบแห้งอาฆาต
ฉันลืมตามองบนท้องฟ้า ด้วยความว่างเปล่า     
                        “ฉันรู้ตัวมานานแล้วไอเวรี่.....ทางเดียวที่จะยุติทุกอย่างคือตัวฉันเอง ถ้าฉันต้องตาย คุณเองก็จะต้องกลับมาไม่ได้ตลอดกาล...”
ภาพเลือนลางของแม่มดเฒ่า กลายเป็นควันสัดำทะมึน พลังรังสีอำหิตแผ่รอบๆตัว ฉันแทบอยากหายไปจากโลกนี้ฉันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความทรมาน
“ไม่....มมม”    ควันดำกลุ่มใหญ่หมุนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว  แล้วพุ่งผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว ลอยหายไปในอากาศ ร่างฉันรู้สึกปวดร้าวอย่างสุดขีดอีกครั้งก่อนที่จะหมดสติไป
    .......ฉันวิ่งตรงไปยังร่างแฮรี่ที่นอนจมกองเลือด เลือดสีแดงไหลทะออกมาราวกับสายน้ำที่ไม่มีวันหมด.....ไม่แฮรี่...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร...
    ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้
    ดวงตาสีท้องทะเลลืมตาขึ้นช้าๆ หันมาสบตากับฉันยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
    เขาลุกขึ้นยื่นมือมา    ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้
..ไปด้วยกันเถอะจินนี่.....ไปกับฉันด้วยกัน...
    ฉันยิ้มทั้งน้ำตา
แฮรี่....แฮรี่...ฉันจะไปกับเธอ..ฉันจะไปกับเธอแฮรี่...
    มือที่ไร้ซึ่งเรียวแรงยื่นออกไป ลอยคว้างในความว่างเปล่า.....แต่ก่อนที่มือจะหมดแรง มือหนึ่งกับคว้ามือฉันไว้ มือหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางจิตใจหนาวเหน็บ ว่างเปล่า
    “จินนี่...จินนี่..” เสียงหนึ่งเรียกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรู้สึกถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆ
    ฉันลืมตาขึ้นช้าๆภาพเลือนลาง ชายหนุ่มเลือนลางจ้องมองอย่างอ่อนโยน อบอุ่น
“แฮรี่...แฮรี่...”
แล้วฉันชะงักงงงันไปชั่วครู่
    “แฮรี่....ฉันนึกว่าเธอคือแฮรี่.ขอโทษ.เดรโก....”
เมื่อฉันจ้องเขานานกว่าที่จะรู้ว่าคือชายหนุ่มผมสีทอง เขาได้แต่เงียบ มองดูฉันด้วยความหวงใย ไม่อาจที่ฝืนยิ้มได้
    “คิดว่าจะเรียกชื่อผิดซะแล้ว...”
    ฉันเพียงแต่มองเขาอย่างมึนงงไม่อาจมีคำพูดใดได้อีก ได้แต่สบสบเขานิ่งงัน..จนได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งขยับตัว  หญิงสาวอีกคน  ยื่นหน้ามาใกล้ๆดวงตาโปนโต ผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงไม่เคยเปลี่ยน มองดูฉันอย่างโล่งอก
    “เธอฟื้นแล้วจินนี่”
    ฉันหันมามองลูน่าอย่างเชื่องช้า นานกว่าจะยิ้มให้เธอ ลูน่าแทบไม่อยากสบตากับฉัน เธอฝืนยิ้ม น้อยๆ
    “พวกเธอหาฉันเจอจนได้...ฉันควรจะดีใจไหมนะ”
    “เชอะ...มันเป็นแผนที่ยอดแย่มากที่สุด...เธอหลอกล่ออาจารย์ใหญ่ด้วยวิธีนี้หรือ...ฉันเกลียดเธอมากเลยรู้ไหม..”
    ลูน่ากระแทกเสียง ทำเป็นร่าเริงแต่ก็ขัดกับแววตาของเธอ เดรโกปลายสายตามองลูน่าปรามๆ
    “มันไม่ใช่แผนหรอกลูน่า...นั่นคือจินนี่อีกคน หรืออาจไม่ใช่เธอเลยก็ได้ ไม่มีใครต่อกรกับดัมเบิลดอร์ได้ขนาดนี้”
    เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ฉันสบตากับเขา
    “แล้วเธอไม่กลัวฉันหรือ เมื่อกี้เธอ เกือบตายเพราะฉัน”
    ฉันถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เดรโก สบตากับลูน่า ด้วยสีหน้าวิตก
ลูน่าเหมือนมีอะไรติดคอ หลบตาไปทางอื่น ฉันมองเดรโกอย่างสงสัย
    “เกิดอะไรขึ้นหรือ...มีใครเป็นอะไรไปเพราะฉันหรือเปล่า แฮรี่..ใช่ไหม” ฉันถามด้วยควมร้อนรน
    “เปล่าหรอกจินนี่ คือฉันหมายถึงว่าแฮรี่ไม่เป็นอะไรแล้ว น้ำตานกฟิกนิกส์ช่วยเขาได้จากบาดแผลภายนอก....แต่..”
    ฉันหัวใจแทบสลายนึกถึงเพอซี่ขึ้นมาทันที
“เพอซี่..เพอซี่..ใช่ไหม”
    เดรโก หลุบตาลง ต่ำ แล้วพยักหน้า
    “เขาถูกงูพิษร้ายแรง ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ตอนนี้เพอซี่ยังไม่รู้สึกตัว เขาไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นตอนดัมเบิลดอร์ เสนป ทุกคนกำลังหาทางช่วยชีวิตเขาอยู่”
    จิตใจฉันชาไปอีกครั้ง มองออกไปอย่างเหม่อลอย เดรโกบีบต้นแขนฉันเบาๆ
    “พวกเขาวุ่นวายขนาดนั้น ไม่อย่างนั่นฉันกับลูน่าคงออกมา จากปราสาทไม่ได้แน่ เธอวางใจเถอะจินนี่พี่ชายเธอต้องปลอดภัย”
    เขาพูดปลอบใจ ฉันพยักหน้าช้าๆ
    “แล้ว ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง...ฉันหมายถึงว่าเธอคงจะดีใจที่ เห็นของสิ่งนี้”
ลูน่ายื่นมือมามีของสิ่งหนึ่งอยู่ในมือ ฉันมองดาบที่ถูกมัดด้วยผ้าสีดำ ฉันมองที่มือลูน่า ในใจมีความหวังอีกครั้ง
    เดรโก มองดูสิ่งของในมือลูน่าอย่างแปลกใจ แต่ไม่พูดอะไร
    “เธอทำสำเร็จลูน่า เธอเยี่ยมมากจริงๆ ดาบกริฟฟินดอร์เธอเอามันมาได้จริง”
    ฉันบอกด้วยความร่าเริงอีกครั้ง ลูน่าหันมาสบตากับเพื่อนทั้งสอง
    “ก็คงได้แผนชั่วๆจากพวกเธอสองคนนั้นแหละ ถึงได้ดาบมาง่ายๆ ฉันรอพวกเขาออกมาจากห้องพร้อมพรีเฟค พวกเขาเดินเข้าๆออกๆห้องอาจารย์ใหญ่แทบทั้งคืน จนฉันคิดว่าหมดหวังแล้ว”
ฉันยื่นมือรับดาบ เดรโกช่วยดึงผ้าออก มันเป็นดาบที่มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง
   
                  “พวกเธอรู้ประวัติดาบเล่มนี้ไหม..”
ฉันมองคมดาบ ที่ปรากฎคำว่ากริฟฟินดอร์ หันไปถามทุกคน
    “ความจริงดาบเล่มนี้ไม่ใช่เป็นเพียงของแต่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์เท่านั้น ดาบนี้ถูกหลอมขึ้นเพื่อตัวแทนของพ่อมดทั้งสี่ที่จะกำจัดปีศาจ หรือคนที่ถูกปีศาจครอบงำจิตใจ พ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในสมัยนั้นช่วยกันหลอมขึ้นจากศิลาอรรพ์ที่อยุ่ใต้พื้นพิภพที่ร้อนระอุ กับเหล็กไหลจากที่เย็นที่สุด ช่วยกันหลอมเหนือประตูมรณะ จากพลังคาถาอาคมที่แกร่งกล้า
    ดาบนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขา ฮอกวอตส์ตั้งอยูเหนือปากประตูทางเข้าหลังจากที่เขากำจัดไอเวรี่ได้สมัยนั้น เขาต้องปักดาบไว้เหนือฮอกวอตส์ตลอดมา พลังของศิลาอาถรรพ์สามารถข่มกลิ่นอายปีศาจได้
    แต่อย่างไรก็ตามหน้าที่เดียวของดาบเล่มนี้คือรอคอยทำหน้าที่ของมัน รอคอยนายของมันที่แท้จริง นายของมันใครก็ได้ที่มีโชคชะตาเดียวกับมันนะที่แห่งนี้  เพื่อฆ่าคนที่มันต้องฆ่า”
    ฉันสบตากับชายหนุ่มข้างหน้านิ่งแล้ว ส่งด้ามดาบให้ในมือเขา ยิ้มด้วยความว่างเปล่า สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
   
                  ฉันจับมือที่สั่นเทาของเขาไว้แน่น “จินนี่”
    “ภาระของมันยังไม่จบ......” เขาจ้องฉันเขม็ง แทบไม่อยากเชื่อตัวเอง
“แฮรี่....นี่เป็นหน้าที่ของเธอ..หน้าที่ที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้...”
    ลูน่ามองเพื่อนทั้งสองอย่างงงงัน ร่างของเดรโก เริ่มค่อยๆเปลี่ยน ผมสีทองเริ่มกลายเป็นผมสีดำ บาดแผลเป็นเริ่มปรากฏชัดกลางหน้าผาก ฉันมองรูปสายฟ้าที่ปรากฎบนหน้าผากของเขา ดวงตาของเขามีหยดน้ำตาไหลเป็นทาง
    ปลายดาบเล่มยาวที่คมกริบทะลุผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว มือของฉันจับมือของเขาไว้แน่น
จนไม่อาจทนฝืนได้อีก ดวงตาของแฮรี่ เบิ่งกว้าง
    “ไม่.....ไม่......จินนี่..ไม่จินนี่...ทำไมเธอต้องทำแบบนี้”
บัดนี้ร่างของชายหนุ่มผมสีทองกลับกลายเป็น ร่างที่แท้จริงของแฮรี่ พอตเตอร์
    เขาประคองร่างของฉันอย่างระมัดระวัง ฉันสบตาเขายิ้มอย่างโล่งใจเป็นครั้งแรก
“แฮรี่....ฉันดีใจที่เป็นเธอ ฉันไม่เคยจำเธอผิด ดวงตาของเธอ สายตาของเธอ ความรู้สึกที่อยู่ใกล้ๆ เธอ”
    แววตาเขาปวดร้าวทรมานอย่างที่สุด เขาดึงร่างกอดฉันไว้แนบอก ร้องไห้โฮ ออกมาอย่างไม่อายใคร
    “ทำไม ทำไมเธอต้อง ต้องทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย ยัยเด็กโง่”
มือลูบแก้มฉันเบาๆ  ฉันยื่นมือหาเขาแฮรี่ รับกุมไว้เบาๆ
    “อย่าเสียใจ เลยนะ นี่เป็นโชคชะตาของเรา”
   
                    “ไม่จินนี่....ไม่มีโชคชะตา...พวกเราจะเป็นคนกำหนดมันเอง” แฮรี่ตะโกนเสียงดัง
ฉันยิ้มมองเขา ยื่นมือที่เต็มไปด้วยสีแดงฉาน ลูบแก้มเขา
    “เธอยังมีครอบครัว.....อีก.... เฟร็ด กับจอร์จตลกมากนะ เขาจะต้องทำให้เธอหัวเราะได้ทุกวัน บิลเท่มากนะมักมีไอเดียดีๆเสมอ ชาลีเก่งควิดดิช...... เขามีเทคนิคที่เธอต้องทึ่ง ....
    ส่วนเพอซี่เธออาจไม่ค่อยสนิทหน่อยนะเขาก็แค่มีโลกส่วนตัวมากไป  แต่เธอต้องอยู่กับรอนมากๆนะ เขาออกจะอ่อนไหว....พ่อคงชอบถ้าเธอเล่าเรื่องพวกมักเกิ้ลให้ฟังบ่อยๆ
    แต่แม่ล่ะ..ไม่ล่ะ แม่แย่หน่อยคงทำใจยาก แม่ปิดบังเรื่องเวลาเกิดของฉัน แต่ฉันรู้พวกเธอคงจะช่วยกันได้ ก็แม่ลูกชายตั้งเจ็ดคนนะ  เธอคงจะดีใจที่มีแม่ใจดี...แม่แคร์เธอมากกว่าพวกเราอีกนะ”
    แฮรี่ซบหน้าลงที่แก้มฉัน กอดฉันแน่น
“พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง บ้าน บ้านโพรงกระต่ายไม่มีเธอจะมีความสุขได้อย่างไร ขาดเธอทุกคนจะมีชีวิตได้อย่างไร ไม่มีเด็กผู้หญิงแก้มแดงๆที่คอยแอบดูฉัน ไม่มีเด็กผู้หญิงที่เสียงเจื้อยแจ๋ว ช่างขี้ประจบ ขี้งอน ฉันจะอยู่บ้านนั้นได้อย่างไร
ตลอดมา ตลอดมาฉันไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าทุกที่ที่เธอไปเธอจะอยู่กับฉันด้วยทุกที่ ทุกเวลา อย่าให้มันจบอย่างนี้ เรายังไม่ได้เริ่มต้นด้วยกันเลย”
ฉันสะอื้นออกมา ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เขายิ่งกอดฉันแน่นกว่าเดิม
“ขอโทษ แฮรี่...ขอโทษทุกคน...นี่คือวิถีทางของฉัน..แฮรี่ ทุกคนย่อมเติบใหญ่และมีวิถีทางของตนเอง บอกดัมเบิลดอร์ เขารู้ว่าควรจัดการกับร่างนี้อย่างไร”
    แฮรี่ได้แต่ส่ายหน้า
กลุ่มควันสีดำใหญ่  ลอยอยู่เหนือร่างของฉัน หมุนราวกับพายุใหญ่
    แฮรี่เหลือบมองด้วยสายตาโกรธแค้น แววตาลุกโชน ยื่นไม่ไม้กายสิทธืขึ้นเหนือศรีษะ
“อะวาดา เคดาฟ รา”
คาถาคำสาปพิฆาตถูกปล่อยออกไปอย่างสุดกำลัง ลำแสงของคาถาที่ร้ายแรงที่สุดพุ่งตรงไปยังกลุ่มควันดำ พร้อมกับเสียงแหลมกรีดร้องโหยหวนดังเหนือศรีษะ เมื่อเสียงหายไป พร้อมกลุ่มควันแตกสลายไป เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ จนเสียงลูน่าร้องดังขึ้น
“ไม่จินนี่...เธอ...ไม่”
                    แฮรี่ทรุดตัวลง ข้างๆร่างของฉัน ยื่นมือลูบแก้มที่ขาวซีด ฉันลืมตาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แฮรี่...แฮรี่...ฉัน...ดีใจมากที่ได้พบเธอ..ดีใจที่ได้เห็นเธอ..ที่บ้านโพรงกระต่าย..แต่ฉันไม่กล้า..ไม่กล้าคุยกับเธอ....”
เสียงฉันเบาหวิวเหมือนล่องลอย ภาพต่างๆผ่านเขามาเหมือนความฝัน มือฉันยกออกไปอย่างไร้ความรู้สึกมือหนึ่งกุมมือฉันไว้เบาๆ
“ฉันอยู่ที่นี่...ฉันอยู่ตรงนี้...ฉันจะพูดกับเธอทุกวัน มองเธอทุกวัน..”
“แฮรี่...แฮรี่..” ชื่อของเขายังก้องอยู่ในความรู้สึกครั้งสุดท้าย
ริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงมาจุมพิตอย่างแผ่วเบาพร้อมหยาดน้ำตา ไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล
แล้วนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเหมือนปลดปล่อยจากพันธการณ์ทั้งปวง ฉันเป็นอิสระ จากทุกอย่าง แล้วรู้ว่าทุกคนจะต้องมีทางเดินของตัวเอง วีถีทางที่ต้องเผชิญกันต่อไป .....
*****************จบ (ภาค ลิขิตแห่งดวงดาว)
                                  มันคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างของฉันที่เดินโซซัดโซเซแทบ ไม่เป็นท่า กลิ่นคาวเลือด ที่คละคลุ้งปนเป ไม่รู้ว่าของฉันหรือของแฮรี่ แม้เป็นช่วงกลางวัน แต่เงาของต้นไม้ใหญ่ที่ครอบคลุมผืนของป่าต้องห้ามกลับไม่แตกต่างกับเวลากลางคืนเลย
พลังคาถาที่ของฉันมีอำนาจต่อกรกับดัมเบิลดอร์ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่นั่นมาได้อย่างไร ฉันสามารถต้านพลังของดัมเบิลดอร์ได้ แต่ร่างกายที่บาดเจ็บปางตายไม่อาจที่จะรับมันไหว
ฉันใช้คาถาเรียกสัตว์พิษทั้งหลายออกมากมายได้ พลังที่เหนือขีดจำกัดไร้ซึ่งที่มาและที่ไป
ยังวนเวียนอยู่ในทุกอนูในร่างกาย ......ไอเวอรี่ ตอนนี้เธอไปไหน ทำไมสติฉันถึงกลับแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ฉันไม่เห็นใครนอกจากตัวตนของตัวเอง
                                        ฉันแทงแฮรี่..กลิ่นคาวเลือดยังคละคลุ้ง มือยังเปื้อนเลือด ฉันยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาดู...แฮรี่..ฉันทำกับเขาได้อย่างไรกัน...ภาพที่ฉันเห็นสิ่งที่ฉันเคยอยากหลบเลี่ยงที่สุดมันกลับเกิดขึ้นจนได้....น้ำตาฉันไหลโดยไม่รู้ตัว.....นึกถึงสภาพของเพอซี่สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของเฮอร์ไมโอนี่คือเพอซี่ถูกงูพิษกัด แฮรี่จวนเจียนตาย ฉันนั่งทรุดหมดแรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธาร
แล้วฉันล่ะ...ฉันจะเป็นอย่างไรต่อไป ภาพอันเลือนลางของไอเวรี่มาปรากฎอยู่ตรงหน้า
แววตาอาฆาตแค้น..แทบลุกเป็นไฟด้วย ภาพที่เคยเป็นหญิงสาวที่งดงามบัดนี้ เริ่มกลายเป็นแม่มดที่อัปลักษณ์ผิวหนังเหี่ยวย่น ราวกับเสื้อผ้ายับๆไม่อาจที่จะเรียกว่าหน้าของคนได้ มีเพียงผมยุ่งเหยิงสีแดงเพลิงที่ยังบ่งบอกว่าเธอเคยชื่อไอเวรี่ เสียงแหบแห้งดังราวจะพิฆาตฝ่ายหนึ่งให้อาสันต์ไปข้างหนึ่ง
                            “เลวมาก....เจ้าเด็ก..เลว...มันให้อะไรเธอกิน.....เพอซี่ถ้าข้าไม่ฆ่ามัน..ข้าไม่ใช่ชื่อไอเวรี่...”
ฉันมองร่างแม่มดที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะออกมา แม้แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่
“คุณรู้ไอเวรี่....สิ่งเดียวที่ไม่สามารถทำให้ คุณไม่อาจอยู่ที่ร่างนี้ได้เพียงสิ่งเดียว คือศิลาอาถรรพ์...ยาที่เพอซี่ให้กินไม่ใช่มีแต่ต้นเลือดพิษ...เขาหลอกคุณแล้วไอเวรี่......หึ..หึ..มีส่วนผสมของศาอาถรรพ์”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขาดเป็น..ช่วง
                          “สารเลว...มันทำแผนการณ์ของข้าเกือบพังพินาศเพราะมัน ไม่อย่างนั้น ข้าสามารถจัดการกับดัมเบิลดอร์ได้แล้ว...อีกสิบวัน เดือนจะดับถึงเมื่อนั้น ก็จะไม่มีใครขัดขวางการกลับมาของข้าได้...”
ฉันได้แต่ยิ้มเยียด มองร่างจางๆอย่างสมเพช
“แต่น่าเสียดาย...นี่ยังไม่ใช่คืนเดือนมืด พลังของศิลาอาถรรพ์ยังอยู่รอบๆ ตัวฉัน กลิ่นอายปีศาจไม่อาจทำอะไรฉันได้ คุณเช่นกัน...”
“จินนี่ เจ้าอย่าอวดดีนักเลย...อีกไม่นานเจ้าต้องหายสาปสูญไปตลอดกาล”
ดวงตาสีเลือดปูดถลึงมอง เสียงแหบแห้งอาฆาต
ฉันลืมตามองบนท้องฟ้า ด้วยความว่างเปล่า     
                        “ฉันรู้ตัวมานานแล้วไอเวรี่.....ทางเดียวที่จะยุติทุกอย่างคือตัวฉันเอง ถ้าฉันต้องตาย คุณเองก็จะต้องกลับมาไม่ได้ตลอดกาล...”
ภาพเลือนลางของแม่มดเฒ่า กลายเป็นควันสัดำทะมึน พลังรังสีอำหิตแผ่รอบๆตัว ฉันแทบอยากหายไปจากโลกนี้ฉันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความทรมาน
“ไม่....มมม”    ควันดำกลุ่มใหญ่หมุนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว  แล้วพุ่งผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว ลอยหายไปในอากาศ ร่างฉันรู้สึกปวดร้าวอย่างสุดขีดอีกครั้งก่อนที่จะหมดสติไป
    .......ฉันวิ่งตรงไปยังร่างแฮรี่ที่นอนจมกองเลือด เลือดสีแดงไหลทะออกมาราวกับสายน้ำที่ไม่มีวันหมด.....ไม่แฮรี่...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร...
    ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้
    ดวงตาสีท้องทะเลลืมตาขึ้นช้าๆ หันมาสบตากับฉันยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
    เขาลุกขึ้นยื่นมือมา    ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้
..ไปด้วยกันเถอะจินนี่.....ไปกับฉันด้วยกัน...
    ฉันยิ้มทั้งน้ำตา
แฮรี่....แฮรี่...ฉันจะไปกับเธอ..ฉันจะไปกับเธอแฮรี่...
    มือที่ไร้ซึ่งเรียวแรงยื่นออกไป ลอยคว้างในความว่างเปล่า.....แต่ก่อนที่มือจะหมดแรง มือหนึ่งกับคว้ามือฉันไว้ มือหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางจิตใจหนาวเหน็บ ว่างเปล่า
    “จินนี่...จินนี่..” เสียงหนึ่งเรียกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรู้สึกถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆ
    ฉันลืมตาขึ้นช้าๆภาพเลือนลาง ชายหนุ่มเลือนลางจ้องมองอย่างอ่อนโยน อบอุ่น
“แฮรี่...แฮรี่...”
แล้วฉันชะงักงงงันไปชั่วครู่
    “แฮรี่....ฉันนึกว่าเธอคือแฮรี่.ขอโทษ.เดรโก....”
เมื่อฉันจ้องเขานานกว่าที่จะรู้ว่าคือชายหนุ่มผมสีทอง เขาได้แต่เงียบ มองดูฉันด้วยความหวงใย ไม่อาจที่ฝืนยิ้มได้
    “คิดว่าจะเรียกชื่อผิดซะแล้ว...”
    ฉันเพียงแต่มองเขาอย่างมึนงงไม่อาจมีคำพูดใดได้อีก ได้แต่สบสบเขานิ่งงัน..จนได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งขยับตัว  หญิงสาวอีกคน  ยื่นหน้ามาใกล้ๆดวงตาโปนโต ผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงไม่เคยเปลี่ยน มองดูฉันอย่างโล่งอก
    “เธอฟื้นแล้วจินนี่”
    ฉันหันมามองลูน่าอย่างเชื่องช้า นานกว่าจะยิ้มให้เธอ ลูน่าแทบไม่อยากสบตากับฉัน เธอฝืนยิ้ม น้อยๆ
    “พวกเธอหาฉันเจอจนได้...ฉันควรจะดีใจไหมนะ”
    “เชอะ...มันเป็นแผนที่ยอดแย่มากที่สุด...เธอหลอกล่ออาจารย์ใหญ่ด้วยวิธีนี้หรือ...ฉันเกลียดเธอมากเลยรู้ไหม..”
    ลูน่ากระแทกเสียง ทำเป็นร่าเริงแต่ก็ขัดกับแววตาของเธอ เดรโกปลายสายตามองลูน่าปรามๆ
    “มันไม่ใช่แผนหรอกลูน่า...นั่นคือจินนี่อีกคน หรืออาจไม่ใช่เธอเลยก็ได้ ไม่มีใครต่อกรกับดัมเบิลดอร์ได้ขนาดนี้”
    เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ฉันสบตากับเขา
    “แล้วเธอไม่กลัวฉันหรือ เมื่อกี้เธอ เกือบตายเพราะฉัน”
    ฉันถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เดรโก สบตากับลูน่า ด้วยสีหน้าวิตก
ลูน่าเหมือนมีอะไรติดคอ หลบตาไปทางอื่น ฉันมองเดรโกอย่างสงสัย
    “เกิดอะไรขึ้นหรือ...มีใครเป็นอะไรไปเพราะฉันหรือเปล่า แฮรี่..ใช่ไหม” ฉันถามด้วยควมร้อนรน
    “เปล่าหรอกจินนี่ คือฉันหมายถึงว่าแฮรี่ไม่เป็นอะไรแล้ว น้ำตานกฟิกนิกส์ช่วยเขาได้จากบาดแผลภายนอก....แต่..”
    ฉันหัวใจแทบสลายนึกถึงเพอซี่ขึ้นมาทันที
“เพอซี่..เพอซี่..ใช่ไหม”
    เดรโก หลุบตาลง ต่ำ แล้วพยักหน้า
    “เขาถูกงูพิษร้ายแรง ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ตอนนี้เพอซี่ยังไม่รู้สึกตัว เขาไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นตอนดัมเบิลดอร์ เสนป ทุกคนกำลังหาทางช่วยชีวิตเขาอยู่”
    จิตใจฉันชาไปอีกครั้ง มองออกไปอย่างเหม่อลอย เดรโกบีบต้นแขนฉันเบาๆ
    “พวกเขาวุ่นวายขนาดนั้น ไม่อย่างนั่นฉันกับลูน่าคงออกมา จากปราสาทไม่ได้แน่ เธอวางใจเถอะจินนี่พี่ชายเธอต้องปลอดภัย”
    เขาพูดปลอบใจ ฉันพยักหน้าช้าๆ
    “แล้ว ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง...ฉันหมายถึงว่าเธอคงจะดีใจที่ เห็นของสิ่งนี้”
ลูน่ายื่นมือมามีของสิ่งหนึ่งอยู่ในมือ ฉันมองดาบที่ถูกมัดด้วยผ้าสีดำ ฉันมองที่มือลูน่า ในใจมีความหวังอีกครั้ง
    เดรโก มองดูสิ่งของในมือลูน่าอย่างแปลกใจ แต่ไม่พูดอะไร
    “เธอทำสำเร็จลูน่า เธอเยี่ยมมากจริงๆ ดาบกริฟฟินดอร์เธอเอามันมาได้จริง”
    ฉันบอกด้วยความร่าเริงอีกครั้ง ลูน่าหันมาสบตากับเพื่อนทั้งสอง
    “ก็คงได้แผนชั่วๆจากพวกเธอสองคนนั้นแหละ ถึงได้ดาบมาง่ายๆ ฉันรอพวกเขาออกมาจากห้องพร้อมพรีเฟค พวกเขาเดินเข้าๆออกๆห้องอาจารย์ใหญ่แทบทั้งคืน จนฉันคิดว่าหมดหวังแล้ว”
ฉันยื่นมือรับดาบ เดรโกช่วยดึงผ้าออก มันเป็นดาบที่มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง
   
                  “พวกเธอรู้ประวัติดาบเล่มนี้ไหม..”
ฉันมองคมดาบ ที่ปรากฎคำว่ากริฟฟินดอร์ หันไปถามทุกคน
    “ความจริงดาบเล่มนี้ไม่ใช่เป็นเพียงของแต่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์เท่านั้น ดาบนี้ถูกหลอมขึ้นเพื่อตัวแทนของพ่อมดทั้งสี่ที่จะกำจัดปีศาจ หรือคนที่ถูกปีศาจครอบงำจิตใจ พ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในสมัยนั้นช่วยกันหลอมขึ้นจากศิลาอรรพ์ที่อยุ่ใต้พื้นพิภพที่ร้อนระอุ กับเหล็กไหลจากที่เย็นที่สุด ช่วยกันหลอมเหนือประตูมรณะ จากพลังคาถาอาคมที่แกร่งกล้า
    ดาบนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขา ฮอกวอตส์ตั้งอยูเหนือปากประตูทางเข้าหลังจากที่เขากำจัดไอเวรี่ได้สมัยนั้น เขาต้องปักดาบไว้เหนือฮอกวอตส์ตลอดมา พลังของศิลาอาถรรพ์สามารถข่มกลิ่นอายปีศาจได้
    แต่อย่างไรก็ตามหน้าที่เดียวของดาบเล่มนี้คือรอคอยทำหน้าที่ของมัน รอคอยนายของมันที่แท้จริง นายของมันใครก็ได้ที่มีโชคชะตาเดียวกับมันนะที่แห่งนี้  เพื่อฆ่าคนที่มันต้องฆ่า”
    ฉันสบตากับชายหนุ่มข้างหน้านิ่งแล้ว ส่งด้ามดาบให้ในมือเขา ยิ้มด้วยความว่างเปล่า สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
   
                  ฉันจับมือที่สั่นเทาของเขาไว้แน่น “จินนี่”
    “ภาระของมันยังไม่จบ......” เขาจ้องฉันเขม็ง แทบไม่อยากเชื่อตัวเอง
“แฮรี่....นี่เป็นหน้าที่ของเธอ..หน้าที่ที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้...”
    ลูน่ามองเพื่อนทั้งสองอย่างงงงัน ร่างของเดรโก เริ่มค่อยๆเปลี่ยน ผมสีทองเริ่มกลายเป็นผมสีดำ บาดแผลเป็นเริ่มปรากฏชัดกลางหน้าผาก ฉันมองรูปสายฟ้าที่ปรากฎบนหน้าผากของเขา ดวงตาของเขามีหยดน้ำตาไหลเป็นทาง
    ปลายดาบเล่มยาวที่คมกริบทะลุผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว มือของฉันจับมือของเขาไว้แน่น
จนไม่อาจทนฝืนได้อีก ดวงตาของแฮรี่ เบิ่งกว้าง
    “ไม่.....ไม่......จินนี่..ไม่จินนี่...ทำไมเธอต้องทำแบบนี้”
บัดนี้ร่างของชายหนุ่มผมสีทองกลับกลายเป็น ร่างที่แท้จริงของแฮรี่ พอตเตอร์
    เขาประคองร่างของฉันอย่างระมัดระวัง ฉันสบตาเขายิ้มอย่างโล่งใจเป็นครั้งแรก
“แฮรี่....ฉันดีใจที่เป็นเธอ ฉันไม่เคยจำเธอผิด ดวงตาของเธอ สายตาของเธอ ความรู้สึกที่อยู่ใกล้ๆ เธอ”
    แววตาเขาปวดร้าวทรมานอย่างที่สุด เขาดึงร่างกอดฉันไว้แนบอก ร้องไห้โฮ ออกมาอย่างไม่อายใคร
    “ทำไม ทำไมเธอต้อง ต้องทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย ยัยเด็กโง่”
มือลูบแก้มฉันเบาๆ  ฉันยื่นมือหาเขาแฮรี่ รับกุมไว้เบาๆ
    “อย่าเสียใจ เลยนะ นี่เป็นโชคชะตาของเรา”
   
                    “ไม่จินนี่....ไม่มีโชคชะตา...พวกเราจะเป็นคนกำหนดมันเอง” แฮรี่ตะโกนเสียงดัง
ฉันยิ้มมองเขา ยื่นมือที่เต็มไปด้วยสีแดงฉาน ลูบแก้มเขา
    “เธอยังมีครอบครัว.....อีก.... เฟร็ด กับจอร์จตลกมากนะ เขาจะต้องทำให้เธอหัวเราะได้ทุกวัน บิลเท่มากนะมักมีไอเดียดีๆเสมอ ชาลีเก่งควิดดิช...... เขามีเทคนิคที่เธอต้องทึ่ง ....
    ส่วนเพอซี่เธออาจไม่ค่อยสนิทหน่อยนะเขาก็แค่มีโลกส่วนตัวมากไป  แต่เธอต้องอยู่กับรอนมากๆนะ เขาออกจะอ่อนไหว....พ่อคงชอบถ้าเธอเล่าเรื่องพวกมักเกิ้ลให้ฟังบ่อยๆ
    แต่แม่ล่ะ..ไม่ล่ะ แม่แย่หน่อยคงทำใจยาก แม่ปิดบังเรื่องเวลาเกิดของฉัน แต่ฉันรู้พวกเธอคงจะช่วยกันได้ ก็แม่ลูกชายตั้งเจ็ดคนนะ  เธอคงจะดีใจที่มีแม่ใจดี...แม่แคร์เธอมากกว่าพวกเราอีกนะ”
    แฮรี่ซบหน้าลงที่แก้มฉัน กอดฉันแน่น
“พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง บ้าน บ้านโพรงกระต่ายไม่มีเธอจะมีความสุขได้อย่างไร ขาดเธอทุกคนจะมีชีวิตได้อย่างไร ไม่มีเด็กผู้หญิงแก้มแดงๆที่คอยแอบดูฉัน ไม่มีเด็กผู้หญิงที่เสียงเจื้อยแจ๋ว ช่างขี้ประจบ ขี้งอน ฉันจะอยู่บ้านนั้นได้อย่างไร
ตลอดมา ตลอดมาฉันไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าทุกที่ที่เธอไปเธอจะอยู่กับฉันด้วยทุกที่ ทุกเวลา อย่าให้มันจบอย่างนี้ เรายังไม่ได้เริ่มต้นด้วยกันเลย”
ฉันสะอื้นออกมา ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เขายิ่งกอดฉันแน่นกว่าเดิม
“ขอโทษ แฮรี่...ขอโทษทุกคน...นี่คือวิถีทางของฉัน..แฮรี่ ทุกคนย่อมเติบใหญ่และมีวิถีทางของตนเอง บอกดัมเบิลดอร์ เขารู้ว่าควรจัดการกับร่างนี้อย่างไร”
    แฮรี่ได้แต่ส่ายหน้า
กลุ่มควันสีดำใหญ่  ลอยอยู่เหนือร่างของฉัน หมุนราวกับพายุใหญ่
    แฮรี่เหลือบมองด้วยสายตาโกรธแค้น แววตาลุกโชน ยื่นไม่ไม้กายสิทธืขึ้นเหนือศรีษะ
“อะวาดา เคดาฟ รา”
คาถาคำสาปพิฆาตถูกปล่อยออกไปอย่างสุดกำลัง ลำแสงของคาถาที่ร้ายแรงที่สุดพุ่งตรงไปยังกลุ่มควันดำ พร้อมกับเสียงแหลมกรีดร้องโหยหวนดังเหนือศรีษะ เมื่อเสียงหายไป พร้อมกลุ่มควันแตกสลายไป เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ จนเสียงลูน่าร้องดังขึ้น
“ไม่จินนี่...เธอ...ไม่”
                    แฮรี่ทรุดตัวลง ข้างๆร่างของฉัน ยื่นมือลูบแก้มที่ขาวซีด ฉันลืมตาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แฮรี่...แฮรี่...ฉัน...ดีใจมากที่ได้พบเธอ..ดีใจที่ได้เห็นเธอ..ที่บ้านโพรงกระต่าย..แต่ฉันไม่กล้า..ไม่กล้าคุยกับเธอ....”
เสียงฉันเบาหวิวเหมือนล่องลอย ภาพต่างๆผ่านเขามาเหมือนความฝัน มือฉันยกออกไปอย่างไร้ความรู้สึกมือหนึ่งกุมมือฉันไว้เบาๆ
“ฉันอยู่ที่นี่...ฉันอยู่ตรงนี้...ฉันจะพูดกับเธอทุกวัน มองเธอทุกวัน..”
“แฮรี่...แฮรี่..” ชื่อของเขายังก้องอยู่ในความรู้สึกครั้งสุดท้าย
ริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงมาจุมพิตอย่างแผ่วเบาพร้อมหยาดน้ำตา ไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล
แล้วนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเหมือนปลดปล่อยจากพันธการณ์ทั้งปวง ฉันเป็นอิสระ จากทุกอย่าง แล้วรู้ว่าทุกคนจะต้องมีทางเดินของตัวเอง วีถีทางที่ต้องเผชิญกันต่อไป .....
*****************จบ (ภาค ลิขิตแห่งดวงดาว)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น