ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #20 : แฮรี่ พอตเดอร์

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 47


    ตอนที่ 20 แฮรี่ พอตเตอร์



        ฉันมองร่างที่ถูกสาปกลายเป็นหินของแฮกริด ดวงตาที่ยังเบิกกว้างด้วยความตกใจจ้องมองไปข้างหน้า เดรโกสีหน้าเคร่งเครียดมองร่างของแฮกริดด้วยความไม่สบายใจ



        “เขาจะเป็นอะไรไหม”

        “ไม่รู้สิ...แต่คงไม่เป็นอะไรมั่ง คราวก่อนทั้งเฮอร์ไมโอนี่ แล้วคุณนายนอริสยังไม่เป็นอะไร”

    ชายหนุ่มเหลือบมองดูฉัน



    “คราวที่แล้ว คราวนี้ คราวหน้า เธอพูดไม่เดือดร้อนอะไรเลย”

    ฉันคงได้แต่เงียบ หันไปยิ้มแต่ไม่รู้จะพูดอะไร



    “กว่าต้นแมนเดรกจะโต ฉันคงไม่ต้องตอบคำถาม อีกสักพัก”

    “ชั้นคิดถูกไหมนะที่เชื่อเธอ”



        “ทำไมจู่ๆเกิดเป็นห่วงเขาขึ้นมา ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอเกลียดเขา มาก ต้องการเล่นงานให้ถึงตายด้วยซ้ำ”



        เดรโกถึงกับพูดไม่ออก

        “นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีหรอกนะ มีแต่จะเพิ่มความยุ่งยาก”

    ฉันไหวไหล่น้อยๆเดินมองดูรอบๆร่างแฮกริด



    “ไม่รู้สินะ ก็จัดการเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง อย่างน้อยเขาก็ไม่เป็นอะไร เป็นหินไม่ต้องพูดมาก”

    “แล้วจะจัดการกับเขายังไง ปล่อยไว้กลางป่าอย่างนี้ไม่ดีแน่”

    เดรโกถาม ใช้ความคิดอย่างหนัก



    ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบ รู้สึกมีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ไม่ไกล

    ฉันสบตากับเดรโกทันที



    “หวังว่าคงไม่ใช่ดัมเบิลดอร์อย่างที่แฮกริดว่าหรอกนะ”

    ฉันบอกอย่างกังวลใจ



    “พวกเราคงไม่ต้องหาทางอะไรแล้ว มีคนจัดการให้พวกเราแล้ว”

    เดรโกพูดมองไปยังทิศทางที่มีเสียงคนเรียกชื่อแฮกริดอยู่ไม่ไกล

    “แฮกริด แฮกริด คุณอยู่ไหน..”



    ฉันสบตากับเดรโก หน้าเงียบขรึมยิ่งกว่าเดิม



    “เสียงเฮอร์ไมโอนี่ ยัยนี่มาทำอะไรแถวนี้” เขาบอกเสียงเข้ม ฉันมองรอบๆ



    “ใช้คาถาหายตัวได้ไหม.....”ฉันถามอย่างเริ่มร้อนรนเพราะเสียงใกล้เข้ามา

    “ก็พอได้.....เฮ้ย...นั่นเสียงของดัมเบิลดอร์ด้วย” เดรโกเครียดยิ่งขึ้น

    “ฉันนึกแล้วว่าแฮกริดต้องสงสัยเรื่องนี้แล้วบอกศจ.แน่”

    “เราต้องรีบไปแล้วจินนี่ เสียงใกล้เข้ามาแล้ว”

    ฉันพยักหน้า ท่องคาถาหายตัว พร้อมๆกับเดรโก

    ทันใดนั่นร่างของเฮอร์ไมโอนี่ ก็เดินมาถึง เธอจามหลายครั้งเพราะกลิ่นฉุนของของซากแมงมุม มองไปรอบๆด้วยความตกใจเมื่อเห็นซากแมงมุมเหล่านั่น



    “จินนี่...จินนี่ไปกันได้แล้ว” เสียงเดรโกเรียกเบาๆฉันลังเลห่วงเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา แต่ก็ต้องรีบจากไปเดี๋ยวนั้นเพราะได้ยินเสียงดัมเบิลดอร์เดินมา

    พร้อมๆกับได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกชื่อแฮกริดด้วยความตกใจ

    “แฮกริด...แฮกริดคุณเป็นอะไร...”

    เธอร้องไห้ออกมา เงยหน้ามองชายชราที่เดินเข้ามา

    “ศจ.ค่ะแฮกริด...”

    นั่นเป็นดังอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ฉันจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

    จะต้องรีบกลับหอเพราะคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่ฮอกวอตส์คงวุ่นวาย



    เมื่อกลับถึงปราสาทพวกเราต่างแยกย้ายกันกลับหอของตัวเองทันที ก่อนไปเดรโกหันมาหัวเราะทั้งๆที่ยังหายใจหอบจากการวิ่งระยะไกลมา

    “จินนี่...ถ้าเธอจะทำอะไรแผลงๆอีกล่ะก็ไม่ต้องเรียกอีกนะ”



    ฉันหันมายิ้มให้ก่อนวิ่งแยกกลับหอกริฟฟินดอร์ ฉันลังเลหยุดที่หน้าสุภาพสตรีอ้วนอีกครั้ง แต่นี้ก็คงไม่ดึกเกินไปกว่าที่ทุกคนจะสงสัย

    พอดีฉันเหลือบไปเห็นเชมัส เดินคุยมากับดีน หอบหนังสือปึกใหญ่คงเพิ่งกลับจากห้องสมุดมา พวกเขาชะงักเมื่อเห็นฉัน ฉันตัดสินใจใช้คาถาหายตัวอีกครั้ง แล้วเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องเล่นรวม

    นักเรียนปีสี่กลุ่มสุดท้ายเพิ่งเดินออกไป ดีนถามขึ้น



    “เชมัส นายรู้เรื่องที่แฮรี่ กับรอนผิดใจกันไหม วันนี้เขาเกือบมีเรื่องในวิชาพืชสมุนไพรอีก”

    ฉันนิ่งกับข่าวใหม่ ชะงักฟังทั้งสองคุยกันทันที



    “คงไม่ใช่แค่แฮรี่กับรอนหรอก เฮอร์มี่อีกคนวันนี้เห็นเธอแอบร้องไห้เกือบทั้งวัน ไม่รู้พวกนี้เล่นอะไรกัน เป็นเพื่อนกันแท้ๆ”

    ดีนเสริม มองเพื่อนสนิท เชมัสมองไปที่บันได แล้วเงียบเมื่อเห็นรอนเดินลงมาสีหน้าบึ้งตึง

    มีแฮรี่เดินตามไล่หลังมาติดๆ



    “รอน นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ นายจะทำเป็นเงียบ แล้วไม่สนใจแบบนี้ไม่ได้นะ”

    แฮรี่เดินมาดักหน้า รอนทุกคนเงียบเหลือบมองด้วยความสนใจ เชมัสเดินไปหาแฮรี่

    “พวกนายยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกหรือ....มีเรื่องอะไรกันนักหนา”

    รอนเดินลงมาแล้วไปนั่งบนโซฟา



    “ถ้านายโกรธชั้นเรื่องจินนี่ ชั้นขอโทษไปแล้ว”แฮรี่เดินมาหยุดที่ตรงหน้ารอนอีกครั้ง รอนลุกพรวด

    “กลับไปเตียงนายซะแฮรี่...นายเป็นคนพูดเองใช่ไหมว่านายไม่ผิด ก็ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษอะไรทั้งนั้น”



    “เอ้อ...แต่นายก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่สิชั้นไม่เข้าใจว่าพวกนายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่. .ทั้งจินนี่ ทั้งนาย....โอเคนะ..ถ้านายไม่คิดว่าชั้นเป็นเพื่อนแล้วก็ได้...แต่นายก็ไม่น่าไปว่าเฮอร์มี่อย่างนั้น”



    แฮรี่ระเบิดใส่รอน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแทบกลายเป็นสีเพลิง

    “ถ้านายเป็นห่วงก็



        “รอน...นายพูดสวยๆแบบนี้ได้ไง”

    แฮรี่ปล่อยหมัดชกเข้าที่หน้ารอน จนรอนหงายหลังนอนบนที่นั่งโซฟา เมื่อลุกขึ้นได้เขาเดินไปผลักอกจนแฮรี่เซไปหลายก้าว

        

    เชมัสกับดีนยืนมองนิ่งทำอะไรไม่ถูก มองดูทั้งสองตะลุมบอนกันอยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกออกมา ยืนหอบทั้งคู่ยืนมองตาขวาง เชมัสกับดีนเหมือนได้สติรีบไปหาเพื่อนทั้งสองจับแขนไว้คนละข้าง

    “แฮรี่ รอนใจเย็น เย็น..มีอะไรค่อยพูดกัน”



    ดีนหน้าตาตื่น ฉันยืนมองดูอยู่อย่างไม่สบายใจ

    ทั้งรอน และแฮรี่มองตากันอยู่สักครู่ก่อนหัวเราะออกมาพร้อมกันเบาๆ เชมัสและดีนมองงงๆอีกครั้ง

    “พวกนายเล่นอะไรกันอยู่แน่....”ดีนปล่อยแฮรี่ แล้วผลักเขาแรงๆไปหารอน

    “คือว่าพวกเรา...เบื่อๆกันนิดหน่อยไม่มีอะไรทำเลยมาชกกันเล่น”

    รอนตอบเอง เชมัสตบศีรษะเพื่อนเบาๆ



    “อย่างนี้ใช่ไหม เสียเวลาจริงๆ คืนนี้ชั้นมีงานทำอีกมาก....พรุ่งนี้ว่างจะมาชกกับนาย”

    ว่าแล้วเชมัสเดินไปหยิบหนังสือเรียนที่วางไว้ข้างๆบันได แล้วเดินขึ้นห้อง ดีนเดินตาม



        เมื่อเพื่อนทั้งสองขึ้นไปแล้ว แฮรี่กับรอนสบตายิ้มให้กันอีกครั้ง

    “ดีขึ้นไหมรอน...”



        แฮรี่ถามมองดูแก้มเพื่อนที่ช้ำ รอนปาดเลือดที่ริมฝีปาก

    “มือนายหนักชะมัดยาด...”รอนบอกเบาๆ แฮรี่ก้มลงเก็บแว่นตาที่ตกอยู่ข้างๆ จับดั้งจมูกตัวเอง

    “นายก็เหมือนกัน...จมูกชั้นเกือบหัก”แฮรี่บอก ทั้งคู่เงียบสบตากัน แล้วโผเข้ากอดกัน

        

    “ขอโทษนะแฮรี่...”รอนตบบ่าเพื่อน แฮรี่ผละตัวออก

    “ดีขึ้นหรือยัง...”เขาถามรอนอีกครั้ง

        

    รอนพยักหน้าทรุดนั่งตรงหน้าเตาผิงนั่น

    “เพิ่งรู้นะว่าการราวีมันก็ช่วยทำให้สบายใจขึ้นได้ แก้ปัญหาได้.เหมือนกัน..”

    แฮรี่เดินมานั่งข้างๆ





    “แต่ชั้นไม่อยากเกิดขึ้นอีก...” เขาเอนหลังพิงโซฟากำมะสีเลือดหมูที่อยู่ข้างๆ

    เหลือบมองดูรอนอีกครั้ง



    “รอน..ชั้นทนไม่ได้จริงๆ..การที่เพื่อนรักกันที่เราคิดว่าสนิทที่สุด  มาแป็นแบบนี้แต่จู่ๆกับไม่เข้าใจอะไรเลย..แล้วไม่รู้จะช่วยยังไงมันรู้สึกแย่มาก”

    รอนมองเปลวไฟ

    “ขอโทษแฮรี่..บางอย่างเรื่องบางเรื่องมันยากที่จะอธิบาย แต่ฉันขอร้องนายนะขอให้เชื่อใจชั้น...เท่านี้ก็พอ” พี่ชายหันมองกลับไปมองเพื่อนักอีกครั้ง แล้วยิ้มเขินๆไม่ได้



        “แฮรี่ นายอย่ามองชั้นแบบนั้นซิ....มันน่าขนลุกชะมัด”

    แฮรี่โผเข้ากอดรอนอีกครั้ง



        “ชั้นแค่อยากกอดนายนานๆ ชั้นอยากบอกนายว่าดีใจมากแค่ไหนที่ไม่ต้องทะเลาะกับนายอีก”

        รอนหัวเราะเบาๆ กรอกตามองรอบๆเมื่อแฮรี่รัดคอเขาแน่นขึ้น

        “เฮ้ย..แฮรี่เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น จะเข้าใจผิดนะ”

    แฮรี่ซบบ่ารอน

    “ก็ชั้นรักนายนี่”



    รอนถึงกับอุทานเสียงหลง ผลักอกแฮรี่ออกทันที จนไปนอนแผ่หลาข้างๆ

    “นี่ชั้นไม่ใช่เกย์นะโว้ย”รอนโวยวาย มองแฮรี่ที่หัวเราะออกมาเสียงดังมองรอน

    ลูบหน้าตัวเอง รอนมองงงๆ



    “ชั้นแค่อยากบอกนายว่า นายเป็นเพื่อนที่ชั้นรักที่สุด นายเป็นพี่น้อง และเป็นครอบครัวเดียวที่ชั้นมี”

    รอนมองแล้วหัวเราะออกมาอีกคน เขาใช้เท้าแตะขาแฮรี่เบาๆ

    “ทีหลังนายไม่ต้องบอกแบบนี้นะ ตกใจจะแย่แล้ว”

    แฮรี่ลุกขึ้นมาแล้วโผเข้ากอดรอนอีก



    “ถ้างั้น...นายก็ให้ชั้นกอดได้อีกใช่ไหม”

    ตอนแรกรอนจะผลักแฮรี่อีก แต่เขาก็เปลี่ยนใจนอกจากหัวเราะออกมาเบาๆ

    “นายมันขี้อ้อนชะมัด”



    “ตั้งแต่นายเป็นพรีเฟค นายก็เท่ขึ้นเยอะ”

    รอนกระพริบตาถี่ๆอีกครั้ง คราวนี้แฮรี่คลายกอดเขาล้มตัวนอนที่เดิม แล้วหัวเราะเสียงดัง

    “นายไม่ต้องอัดชั้นหรอก....ชั้นกลัวนายโกรธจะแย่อยู่แล้ว”เขายกมือห้ามรอน

    ฉันที่ยืนดูอยู่อดยิ้มอย่างสบายใจไม่ได้ ช่วงนี้ทุกคนคงต้องการเสียงหัวเราะมากกว่าปกติ มากกว่าครั้งไหนๆ....เพราะอีกไม่นานคงเกิดเรื่องใหญ่



      แล้วฉันจะบอกกับพวกเขาได้อย่างไรว่าเวลาของฉันแทบไม่เหลืออยู่แล้ว

        ฉันทรุดตัวนั่งลงข้างๆแฮรี่รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน

    ฉันมีคำขอโทษที่อยากบอกทุกคนอยากบอกกับเขา แต่ก็พูดไม่ออก

        “มีสเตอร์วีสลีย์...”



    จู่ๆเสียงของศจ.มักกอลนากัลดังขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดเล่นหันมองต้นเสียงที่เพิ่งเดินเข้ามา

    “อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”



    “ครับศจ. มีอะไรครับ” รอนถามใจไม่ดีขึ้นมา

    “อาจารย์ใหญ่ต้องการพบฟรีเฟค...”

    รอนหันหน้าสบตากับแฮรี่ สีหน้าเงียบขรึม

    “เออ..แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่กลับ”

    “มีสเกรนเจอร์อยู่กับอาจารย์ใหญ่แล้ว” ศจ.มักกอลนากัลตอบ หันมองแฮรี่

    “เธอก็ควรพักผ่อนได้แล้ว ช่วงนี้ดูเธอไม่สบายบ่อย”

    แฮรี่ไม่ตอบ มองรอนที่เดินตามอาจารย์ประจำหอ ออกไปจากห้องนั่งเล่นรวม







    ฉันอดใจหายไม่ได้ เรื่องเดียวที่จะเรียกพรีเฟคไปกลางดึกแบบนี้ ก็คงเป็นผลงานของฉันที่ก่อไว้ที่ป่าต้องห้าม

    ฉันเหลือบมองแฮรี่ที่ดูเคร่งเครียดขึ้น เขาเองก็คงพอเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก  เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นที่เดิม ก้มหน้าชันเข่าอย่างเหนื่อยล้า

        ฉันได้แต่นั่งมองเขาใกล้ๆแต่ไม่กล้าเอื้อมมือสัมผัสเขา

    “คืนนี้พักผ่อนเถอะแฮรี่ พรุ่งนี้พวกเรายังต้องเจออะไรกันอีกมาก”

        ฉันมองดูเขา เฝ้าแต่พร่ำบอกในใจเงียบๆคนเดียว

    ....................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×