ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #19 : เดรโก มัลฟอย

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 47


    ตอนที่19 เดรโก มัลฟอย



        การเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เหมือนกับไม่มีจุดมุ่งหมาย เพียงแต่ฉันไม่อยากหยุดเดิน ชายหนุ่มร่างสูงผมสีทองเดินตามอย่างเงียบๆ ไม่มีคำถามหรือคำพูดใดๆออกมาจากปากของเขาเช่นกัน



        เขาเองก็คงพอใจที่จะได้ใช้ความคิดคนเดียว ท่ามกลางต้นไม้ที่สูงใหญ่ บดบังปราสาทที่เก่าแก่อายุนับพันปีที่ตั้งตระหง่านทามกลางแนวภูเขาสูง แล้วค่อยๆลับตาหายไปกับต้นไม้สูงใหญ่



        ป่าต้องห้ามที่ทุกคนหวาดเกรง ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับที่เด็กนักเรียนเล่าขานกันไม่รู้จบ ที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เป็นที่ต้องห้ามของนักเรียนฮอกวอตส์ทุกคน และในทุกปีจะมีการสังกำชับทุกครั้ง



        แต่ก็มีเด็กนักเรียนที่บ้าบิ่นไม่น้อย ที่กล้าลองดีแอบเข้ามา แต่เกือบจะทุกคนที่ยังไปไม่ถึงไหนแล้วเตลิดกลับไปด้วยความสยองขวัญ

        แต่ในนักเรียนกลุ่มนี้คงไม่รวมแฮรี่ หรือรอน ที่มาที่นี่หลายครั้ง

    พวกเขาเล่าวีรกรรมมากมาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่าต้องห้ามอย่างสนุกสนาน



        แต่พวกเขาจะรู้ไหมว่าน้องสาวของเขาคนนี้ถือว่า ป่าต้องห้ามเหมือนบ้านหลังที่สอง ของฉันพวกเขาจะรู้ไหมว่าแท้จริงลึกไปในป่าต้องห้าม ที่เกินกว่าที่ที่นักเรียนในฮอกวอตส์เคยข้ามผ่านเข้าไปเป็นเช่นไร ผู้ที่ผ่านเข้าแล้วคงไม่คิดจะเดินผ่านป่าแห่งนี้เป็นครั้งที่สองแน่

        ฉันมาหยุดที่ลำธารสายเล็กๆ กลางป่าต้องห้าม หันมามองเดรโก อีกครั้ง

        “ไม่มีคำถามหรือ...”



    เดรโก มัลฟอย มองรอบๆอย่างสงบ

        “เรื่องอะไร....”

        “ยาพิษ...นั่น.... มันเป็นยาพิษของฉัน”

    เดรโกยิ้มที่มุมปาก



    “ ฉันอาจจะฆ่านกฮูกเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง” ฉันมองเขาอย่างชั่งใจ

    “ยาที่เธอเรียกมันว่าลูกกวาด หรือที่เธอจะหาซื้อได้ที่ร้าน ฮันนี่ดุก”

    เขาพูดอย่างไม่เดือดร้อน



    “ถ้าเธอคิดจะหาทางฆ่านกฮูกสักตัว หรือทั้งโรงนกฮูก ลูกกวาดนั้นคงไม่จำเป็น”

    เขามองจ้องไปข้างหน้า ที่อากาศเย็นเยือก



        “หรือเธอเป็นคนโง่ขนาดนั้น สำหรับคนอื่นมันเป็นยาพิษ แต่สำหรับเธอมันมีค่ามากกว่านั้น แล้วจะให้ชั้นพูดอะไรได้อีก เมื่อเห็นเธอกินมันกับตา”

        ฉันนั่งลงริมธารกวักน้ำเล่น

        “เธอเคยถามฉันใช่ไหมว่าตอนที่อาการฉันกำเริบต้องกินกี่เม็ด”

    เขาพยักหน้า นั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใกล้กัน



        “ตอนนี้ชั้นรู้คำตอบแล้ว..”

        เดรโกตอบเบาๆ หันมองฉัน

        “ฉันกังวลไม่น้อยเลย ยานั้นมันเป็นยาชุดสุดท้ายของฉัน สี่เม็ดสุดท้าย วันนั้นฉันแค่อยากส่งข่าวถึงเพอซี่ หยิบมันออกมาดู แต่ใครจะนึกว่าจะเจอแฮรี่ กับโชที่โรงนกฮูกนั่น



        พวกเค้าทำให้ฉันประสาทนิดๆ เลยทำยาเม็ดนึงหล่นใส่ที่รางให้น้ำ ก็แค่เท่านั้น แต่ก็

    น่าแปลก เมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้หรอกว่ามันมีพิษร้ายแรงแค่ไหน….”

    ฉันยิ้มน้อยๆ สายตามองดูเงาสะท้อนของตัวเอง เหมือนเห็นตัวตนของตัวเองอีกด้านหนึ่ง ที่พร้อมจะมาแทนที่ ได้ทุกเมื่อ

        ฉันเงยหน้ามองเดรโกที่ยืนขึ้น



        “น่าแปลกใจนะ เมื่อก่อนรอนเคยเล่าให้ฟังว่าเธอกลัวรนราน เมื่อต้องเข้ามาในป่าต้องห้าม”

    นานกว่าที่เดรโกจะตอบ เหมือนใช้ความคิด



        “ใช่สินะ...ความจริงควรเป็นอย่างนั้น...ชั้นลืมความรู้สึกนั้นไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    มองนิ่งไปยังข้างหน้าที่เขาเพิ่งสังเกต



        “ชั้นเดินมาถึงใจกลางของป่าต้องห้าม....โดยไม่รู้สึกตัว....หรือว่าคำตอบบางอย่างอาจอยู่ใกล้ๆ ตัวนี้เอง”

        เสียงของเดรโกเบาหวิวเหมือนพูดกับตัวเอง

    “ใช่......บางอย่างที่น่าากลัวกว่าป่าต้องห้าม....มันล้อมรอบตัวเราอยู่ เหมือนเชือกที่มัดเราจนดิ้นไม่หลุด......ตัวเธอเองล่ะมั่งที่น่ากลัวกว่าป่านี้.จินนี่....”



        ท้ายสุดเขาเหลือบมองฉันด้วยสายตาสงบ

        “ความจริงชั้นอยู่กับความน่ากลัวมาตลอดชีวิต....ศาสตร์มืด ...พ่อ ผู้เสพความตาย...มันเข้ามาอยู่ในตัวฉันโดยไม่รู้ตัว...สิ่งที่พ่อบอกว่ามันคือวิถีทางแห่งสายเลือดบริสุทธิ์....โดยการทำร้ายทุกคนรอบข้าง ทำลายทุกคนที่ขัดขวาง....ฉันไม่เข้าใจ...ฉันสับสน...สิ่งที่แม่คอยย้ำเตือนมันคนละทางกับที่ชั้นคิด.แต่ชั้นกลับไม่ใส่ใจเลย จนกระทั่งรอยยิ้มที่เคยสดใสของแม่...เจือนหายไป”

    ดวงตาเขาเจ็บปวดเมื่อจมดิ่งไปไปกับความทรงจำที่ปวดร้าว



        “แล้วขณะที่ชั้นกำลังจะหลงทางอยู่นั้น ชั้นได้เห็นเค้ากำลังทำร้ายแม่ เมียของเค้าที่ต้องฝืนทนอยู่กับเค้าเพราะลูกเลวๆคนนี้......”

        ฉันมองเขานิ่ง ยิ้มเศร้าๆ เขาหันมายิ้มกับฉัน

        “เดรโกความจริงเมื่อก่อนฉันก็เกลียดเธอจริงๆก็เธอร้ายขนาดนั่น แต่ต่อมาหลังจากที่เกิดเรื่องกับตัวเอง ฉันกลับรู้สึกไม่โกรธเธอเลย...”



        ฉันเงียบสักครู่ก่อนพูดต่อ

        “เพราะฉันมีความรู้สึกว่าพวกเราเป็นคนประเภทเดียวกัน...”

    “ประเภทเดียวกัน....เธอหมายถึงอะไร...”



        “คนที่ยืนอยู่ปากเหว....คนที่ยืนอยู่ระหว่างสีขาวกับสีดำ...”

    เขาเงียบ....หันหลังให้ฉัน ผมสีทองที่เคยหวีเรียบร้อยเริ่มยาวมาถึงต้นคอ ร่างกายเขาสูงขึ้นหลายเซ็น

    นานแล้วที่ฉันลืมหยุดดูคนข้างๆ เมื่อนึกขึ้นได้ทุกคนเองต่างเปลี่ยนแปลงแล้วเติบโตตามกาลเวลา

        รวมทั้งรอน แฮรี่ เพอซี่ เฮอร์ไมโอนี่ หรือทั้งตัวฉันด้วย

    มองมาทางฉัน

        ฉันส่ายศีรษะ

        “เธอจะมาถามอะไรกับคนที่ยังตอบตัวเองไม่ได้อย่างฉัน..แต่ถ้าเธอถามฉันคนนี้ละก็..ฉันก็บอกว่า...ฉันเชื่อมั่นในความรักของแม่เธอ..



        หรืออีกสักพักจินนี่อีกคนออกมา เค้าคงพูดให้เธอยึดมั่นในความคิดของพ่อเธอ....เรื่องนี้ฉันตอบแทนเธอไม่ได้แน่นอน”

        เดรโกเงียบไปอีก ฉันเรียกเขาอีกครั้ง

        “อือ...มาทางนี้เถอะ ที่ฉันนัดเธอมาที่มีบางอย่างอยากให้ดู”

        ฉันเดินเลี้ยวออกไปอีกด้านหนึ่งไม่ไกลจากจุดเดิมนัก แล้วหยุดเดิน เงยหน้ามองเดรโกที่ยืนตาเบิกกว้าง มองภาพข้างหน้า เขาใช้คาถาลูมอส เพื่อเพิ่มแสงสว่าง ที่ปลายไม้กายสิทธ์



        ซากของเจ้าแมงมุมยักษ์นับเป็นสิบๆตัว ยืนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวกลิ่นสาบเหม็นฉุนตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ

        “อะไรกัน...แมงมุมยักษ์” เสียงของเดรโก อดที่จะสั่นดูสยดสยองภาพที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้ ที่นี่เหมือนซากสุสานแมงมุมหลายสิบหลายร้อยซาก ที่เรียงรายอยู่ เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง



        “มันเป็นแค่ซากเท่านั้นเอง แมงมุมพวกนี้ตายไปหมดแล้ว”

        “เธอ....เธอฆ่ามันเองหรือจินนี่...” เขาถามน้ำเสียงเบาหวิว ยังจ้องไปยังซากแมงมุมตัวหนึ่ง ที่เหมือนยังมีชีวิต

        “มันยังไม่ตาย..” ชายหนุ่มพูดอีกครั้ง



        “มันตายด้วยคาถาคำสาปพิฆาต...อะวาดา เคดาฟ-รา พวกมันยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายแล้ว”

        ฉันยื่นไม้กายสิทธ์ ไปสัมผัสซากมัน ก็ล้มทันที

        เดรโกถึงกับเหงื่อท่วม มองมาทางฉันไม่อย่างงงงัน

    “ยามที่พลังถูกปลดปล่อยออกมา ฉันควบคุมพลังได้ยากมากแล้ว....มันน่าแปลกใจนะทั้งๆที่ฉันเองพยายามจะไม่ใส่ใจกับคาถา แต่ยิ่งนับวันพลังที่ปล่อยออกไป กลับรุนแรงมากขึ้น”



        เดรโกได้แต่นิ่งเขากลับคิดอะไรไม่ออก เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

        “แล้วตอนนี้เธอนึกถึงภาพตอนที่ฉันกลายเป็นอีกคนโดยสมบูรณ์ออกหรือยัง..หรือ ทำไมทั้งพ่อเธอหรือลอร์ดโวลโดมอร์ถึงอยากได้ร่างของผู้เกิดมาดวงมฤตยูนัก”



        ฉันเงยหน้ามองดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ เสยผมที่ปรกหน้าผาก

        “ในดวงดาวนับล้านดวง ที่ส่องประกายอยู่นั้น ดวงดาวแห่งความตายมันซ่อนตัวอยู่ หลับไหล รอเวลาเพื่อส่องแสงเจิดจ้าราวกับแสงเพลิงอีกครั้ง”



        พวกเราตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

        “ทำไมเธอไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับแฮรี่ เขาเป็นคนเดียวที่เผชิญหน้ากับคนที่รู้ว่าใครมาหลายครั้งแล้ว....”

        “ไม่ได้หรอกเดรโก แฮรี่ กับ ลอร์ดโวลเดอมอร์มีสายโยงบางอย่างที่ใกล้ชิดกันเกินไป...เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างที่แฮรี่ล่วงรู้ ฉันเสี่ยงไม่ได้ เวลาของฉันที่เหลือเพียงอยู่น้อยนิด อาจจะไม่มีเหลืออยู่เลย และ....”

        ฉันหยุดพูดไป...

        เดรโกยิ้มที่ริมฝีปาก



        “แต่ก็ยอมบอกฉัน....ที่มีความเสี่ยงมากกว่าเสียอีก”

        ฉันมองเขาขรึมๆ

        “แล้วฉันจะเดิมพันครั้งสุดท้ายกับเธอเดรโก...ฉันจะบอกความลับของคาถาที่เหนือกว่าคาถาคำสาปพิฆาต....มันเป็นคาถาที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต...”

        เขาสบตาฉันนิ่ง.....มีหลายอย่างที่บางครั้งการเงียบ มันคือคำถามและคำตอบอยู่ในตัวมันเอง

    จนในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ



        สายตาฉันกรอกไปข้างๆเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่รวดเร็ว

        “ระวัง หลบไปเดรโก.....อะวาดา เคดาฟ-รา”

    ฉันพูดไม่ทันขาดคำ รีบชี้ไม้กายสิทธิ์ ไปทางเดรโก มัลฟอย เขาคอยระวังตัวอยู่แล้ว หลบฉากออกจากลำแสงที่พุ่งออกมาจากไม้ไปยังด้านหลังเขา ลำแสงพุ่งทะลุแมงมุมยักษ์ ขาดใจตายในเสี้ยววินาทีนั้นเอง



        เดรโก หันมองตามเขานิ่งตะลึงมองภาพข้างหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    แล้วหันมองฉันด้วยความตกใจ ฉันยิ้มเย็นชา อย่างสะใจ



        “นี่ไงพลังแห่งบาซิลิสก์ และดวงดาว...แห่งความตาย”

        เดรโกขบฟันแน่น แม้อากาศไม่ร้อนอบอ้าว แต่เหงื่อที่หน้าผากเขากลับไหลเป็นทาง

    เหลือบมองอีกทางด้วยหางตาเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่นไหวบางอย่างเช่นกัน

    “สตูเปฟาย”



    ไม้กายสิทธิ์ชี้ ลำแสงพุ่งไปทางพุ่มไม้ แมงมุมยักษ์ตัวใหญ่กว่ากระโจนเข้ามาแล้วหยุดแข็งหยุดนิ่ง แต่ชั่วครู่มันก็เริ่มขยับขาได้อีก

        เดรโกมองมันยังไม่ยอมจำนน

        “มันยังขยับได้...”เขาตะโกน พร้อมวิ่งหลบไปอีกทางเมื่อมันเดินตรงปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ฉันยืนมองรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อเห็นเขาวิ่งหลบไปมา

        “เจ้าตัวนี้ฉันยกให้เธอนะ ท่าทางมันจะเป็นตัวแม่ที่ฉันเพิ่งฆ่าลูกๆมันไปหลายตัวเมื่อวันก่อน”

        เดรโกวิ่งมาตั้งหลักที่ลานกว้างได้ เขาหยุดมอง ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นเตรียมพร้อม

    แม้ว่าเขาฝึกฝนมามากมายก็จริง แต่โอกาสในการต่อสู้จริงๆกลับไม่มี และครั้งนี้มีโอกาสที่จะได้วัดความสามารถที่แท้จริง สายตาที่มุ่งมั่นเกินกว่าครั้งใดๆ คาถาที่เปล่งออกไปอย่างสุดกำลังเมื่อ เจ้ายักษ์แปดขาก้าวข้ามอยู่เหนือศีรษะเขา



        “อิมเปริโอ!!”คาถาสะกดใจทำให้เจ้าแมงมุมยักษ์นิ่ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ก่อนขาดใจตาย

        เดรโก ยืนนิ่งเคลื่อนไหวจน เจ้าแมงมุมยักษ์ล้มลงข้างๆ เพียงเฉียดฉิว

        ฉันมองดูซากแมงมุมที่บิดเบี้ยวด้วยความทรมานก่อนตาย

        “ไม่เลวนะสำหรับครั้งแรก”

    เขาหายใจหอบ มองฉันอย่างไม่พอใจ



        “สนุกมากใช่ไหมจินนี่” เขากัดฟันกรอด แต่ฉันยิ้มอย่างสบายใจ

        เสียงดังมาจากพุ่มไม้ทางเดินอีกครั้ง พวกเราหันตามเสียงทันที ชายร่างใหญ่ปรากฎตัวท่ามกลางแสงสลัวยามตอนกลางคืน

        “แฮกริด”

    ฉันกับเดรโกพูดพร้อมๆกัน มองแฮกริดที่มองเราอย่างตะลึงเช่นกัน

    เดรโกแทบลืมหายใจ...

        

        “แฮกริด หรือ...” ฉันหรี่ตามองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

        “คุณมาได้ยังไง......”

        ฉันถาม แฮกริดยกโคมไฟส่อง

        “เป็นเธอจริงๆด้วยจินนี่ วีสลีย์....คนที่ฆ่าลูกหลานอาราก็อก....คนที่ทำลายป่าต้องห้ามให้เป็นสุสาน”

        ฉันสบตากับแฮกริด

    “ฉันถามทองส์ เขาดูท่าทางหวาดกลัว....แต่เขาก็เผลอพูดออกมาจนได้ แม่มดผู้มีผมสีแดงเพลิง ผู้มากับดวงดาวแห่งความตาย ฆ่าแมงมุมในป่าต้องห้าม…ฉันไม่เคยเชื่อ....จนได้มาเห็นกับตาตัวเอง”

    “คุณรู้รื่องดวงดาว...ทำไม..”

    เสียงฉันเข้มขึ้น ขบกรามแน่น



    ร่างใหญ่ทำท่าฮึดฮัด

    “อ่า.....กลับไปกับชั้น...ไปหาดัมเบิลดอร์......เขากำลังมา”

    “พวกเราอธิบายได้ แฮกริด” เดรโกยกมือห้าม

    ฉันยิ้มเยียบ ชี้ไม้ไปที่แฮกริด

    “เสียใจด้วยแฮกริดแต่ฉันไม่มีอะไรอธิบาย..”

    เดรโกมองฉันร้องเตือน

        “จินนี่เธอกำลังจะทำอะไร..”

    แต่ฉันไม่สนใจ



    “แล้วฉันยัง.ไม่พร้อมที่จะพบกับดัมเบิลดอร์ตอนนี้”

        ฉันท่องคาถา พร้อมชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงไปยังร่างยักษ์ลำแสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งตรงไปที่

    แฮกริดอย่างรวดเร็ว อย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว และคงคิดไม่ถึงที่ฉันจะทำกับเขาได้เลือดเย็นแบบนี้

    .................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×