ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #26 : จินนี่ วีสลีย์ ภาค 2 ตอน ความลับในห้องนิรภัย(1)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 48




    ตั้งแต่ตอนที่ 26 เป็น จินนี่ วีสลีย์ภาค 2   ตอนความลับในห้องนิรภัย



    เนื้อเรื่องจะต่อจาก จินนี่ วีสลีย์ ภาค แรก



    แต่การดำเนินเรื่องจะไม่เหมือนเดิมแล้ว



    ภาคนี้จะเป็นแนวสืบสวนกว่าภาคแรก จะออกมาแบบไหน ก้ติดตามกันเลยนะค่ะ



    *********************************************





    จินนี่ วีสลีย์ ตอนความลับในห้องนิรภัย (1)



    ตอนที่ 1  เวลาที่ผ่านไป



        ในความฝันที่แสนยาวนานและหนาวเหน็บ เหมือนจะล่องลอยผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในโลกแห่งความฝันสีจางๆ เหมือนมีเสียงผู้คนรอบข้างผ่านเข้า เสียงที่แสนจะอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหวัง น้ำตาแห่งความยินดีและความเศร้าสร้อยไม่อาจลบเลือน



        ฝันร้ายได้ผ่านไปแล้ว ฝันที่แสนจะวุ่นวาย สับสน และเจ็บปวด มันผ่านไปพร้อมกับกาลเวลา เพียงแต่ฉันไม่อาจที่จะตื่นจากความฝันนี้ได้

        มีเพียงจุมพิตที่แสนอบอุ่นที่แผ่ซ่านถึงหัวใจ ร่องรอยอันเลือนลาง

        เสียงคุ้นเคยบางอย่างแว่วมา พร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่แก้ม

        

                  “อรุณสวัสดิ์จ๊ะลูกแม่ เช้าแล้วนะจ๊ะ วันนี้ท้องฟ้าสดใส”



    พร้อมกับเสียงสดใสเดินไปที่หน้าต่างเพื่อเปิดผ้าม่านให้แสงอาทิตย์สอดส่องเข้ามา ยังร่างที่อยู่บนเตียง

        “วันนี้เป็นวันสำคัญนะจ๊ะ...พี่ๆของลูกจะกลับมาฉลองให้รอน กับ แฮรี่ ที่ได้เข้ารอบชิงมา แฮรี่คงมีของมาฝากลูกตามเคย”

        น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสุข ทำให้ฉันอดยินดีไปด้วยไม่ได้ แต่ชื่อนั่นก็ทำให้ฉันอดหวั่นไหวไม่ได้....แฮรี่...ชื่อนี้....เหมือนไม่อาจลบเลือนได้

        ฉันรู้สึกถึงมืออวบๆโอบอุ้มฉันขึ้นมา

        “แล้ววันนี้ลูกแม่ต้องสวยกว่าทุกๆวัน เพราะวันนี้นอกจากแฮรี่จะกลับแล้ว ยังมีเพื่อนหนุ่มผมสีทองของลูกกลับมาด้วยอีกคน  แม่ไม่เข้าใจเลย สามคนนี้ดันมาสนิทกันได้ยังไงไม่รู้...ทะเลาะกันประจำ...อยากให้ลูกมาเห็นหน้าตอนที่พวกเขาต้องมาร่วมทีมเดียวกัน เฮ้ย..ตลกดีทีเดียว ไม่มีใครยอมใคร”

        เสียงเธอบอกไปพร้อมกับมือที่ง้วน เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกสาวคนเล็กอย่างคล่องแคล่ว

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกมา

        หญิงร่างท้วมหันหน้ามองที่ประตุพร้อมทั้งร้องอย่างดีใจ เมื่อเห็นผู้ก้าวผ่านประตูมา    “รอน...เฮอร์มี่...แฮรี่”

        ชายหนุ่มหญิงสาววัยรุ่นทั้งสาม  ยิ้มให้อย่างดีใจเช่นกัน เดินเข้าไปหามารดา

    “แม่ครับ พวกเรากลับมาแล้ว”

        เธอวางร่างฉันให้นอนลงอีกครั้ง รอนเข้ามากอดมารดา ตามด้วยเฮอร์ไมโอนี่ และแฮรี่

        

                       “แม่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ยังไม่ได้หวีผมเลย ไม่นึกพวกเธอจะกลับกันมาเร็วแบบนี้”  

    รอนมองดูน้องสาว



        “เธอเป็นยังไงบ้างครับ” รอนถามแม่ มอลลี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ายิ้มออกมา

    “ก็เหมือนเดิมละจ๊ะ แต่ดูซิวันนี้ดูเหมือนจินนี่สดใสเป็นพิเศษ คงรู้ว่าพวกเธอจะกลับมาแล้วแน่ๆ”

        รอนสบตากับเฮอร์ไมโอนี่ มองดูเพื่อนรักที่มองร่างของน้องสาวบนเตียงนอน

        นางมอลลี่มองลูกสาวอีกครั้ง

        “ผมยังไม่ได้หวีเลย จะรับแขกได้อย่างไร จริงซิไหนว่าเพื่อนลูกจะมาอีกคน”

    “เขา จะตามมาเย็นนี้ค่ะ เห็นว่าต้องแวะกลับบ้านก่อน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแทน ยิ้มกับแม่เพื่อนสนิท

        “ตายล่ะเห็นที ต้องเตรียมอาหารเพิ่มแล้ว” นางวีสลีย์บอกท่าทางร้อนใจ

    เฮฮร์ไมโอนี่ สบตากับรอนอมยิ้ม



        “หนูจะช่วยค่ะ แต่เราไปดูของฝากคุณป้ากันก่อนค่ะ รอนซื้อมาให้เยอะเลย”

    เธอบอกพร้อมกับดึงหวีที่อยู่ในมือของนางมอลลี่ ส่งให้แฮรี่ดื้อๆ

        รอนยิ้มที่มุมปากก่อนเดินตาม มารดาและเฮอร์ไมโอนี่ ออกนอกห้องนอนของน้องสาว

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีดำที่ยาวถึวต้นคอแต่ดูยังเหมือนไม่เคยสัมผ้สกับหวีมาหลายวัน ปิดบังแผลเป็นสัญลักษณ์ที่แสนจะเจ็บปวดของเขา

    แม้ว่าเรื่องราวเลวร้ายต่างๆได้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่หลงเหลือคือร่องรอย มันเป็นแผลเป็นภายในใจของทุกคนที่ไม่อาจลบเลือน

        เขาก้มมองดูหญิงสาวผมสีเพลิงยาวสยาย พิจดูใบหน้าที่ยังหลับสนิท เธอเพียงแค่หลับไป  สีหน้าที่ดูสงบราวกับไม่เคยเกิดเรื่องใดๆขึ้น

        ชายหนุ่มมองอยู่นานก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากหญิงสาวที่นอนบนเตียงสีชมพู อย่างแผ่วเบา

        “ได้โปรด...ตื่นเถอะจินนี่ ....สามปีที่เธอหลับ..มันยาวนานเกินไปแล้ว..ได้โปรดตื่นขึ้นมาต่อว่าฉัน...แต่อย่าปล่อยให้ชั้นทรมานอย่างนี้เลย”

        แฮรี่พยุงร่างที่ไร้สติให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกกว้างของเขา

        แล้วล้วงมือในกระเป๋าเสื้อ หยิบแหวนวงทองเกลี้ยงเนื้อดี ออกมา



    “ก่อนฉันแข่งวันหนึ่ง ฉันเองตั้งใจว่าน่าจะหาของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับเธอ...ไม่ซิมันพิเศษสำหรับเรา”

    เขาเงียบไป ก้มดูแหวนที่อยู่ในมือตนเอง

        “เธอจำได้ไหมว่าวันนี้คือวันอะไร มันเป็นวันแรกที่เราพบกัน วันนี้เรารู้จักกันครบสิบปีแล้วรู้ไหม วันแรกที่ฉันมาบ้านโพรงกระต่าย วันนั้นเธอลงมาจากบนบ้านเมื่อเธอเห็นชั้นครั้งแรก เธอหน้าแดงตกใจมาก รีบวิ่งกลับขึ้นบนบ้าน”

        แฮรี่ยิ้มจับมือเรียวยาวอ่อนนุ่มที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา บีบมือเบาๆ

    “น่าแปลกใจผ่านมาหลายปีแต่ ชั้นกลับจำภาพนั้นได้อย่างแม่นยำ ทั้งๆที่เมื่อก่อน ชั้นคิดว่ามันไม่สำคัญอะไรเลย   แล้วเกือบทุกๆปีในวันเกิดของฉันก็จะมาอยู่ที่นี่ อยู่ที่บ้านแห่งเดียวของฉัน แห่งเดียวที่ฉันเรียกว่าครอบครัวได้เต็มปาก.....จินนี่เธออยู่ใกล้ฉันแค่นี้...อยู่ในทุกส่วนของจิตใจของฉัน แต่ฉันไม่เคยรู้ จนเกือบต้องสูญเสียเธอไป....เธออาจจะโกรธฉันอยู่....ฉันไม่ขอให้เธอให้อภัย แต่...”

    เสียงเขาหายไปในลำคอ ดวงตาเริ่มแดงๆ เขาก้มมองดูนิ้วมือเธอแล้ว

    จับมือเบาๆขึ้นมาสวมแหวนที่นิ้วนางซ้ายให้เธอ

        

                “ฉันรู้ว่านี่อาจเป็นการบังคับเธอหน่อยๆนะ แต่ถ้าเธอไม่ต้องการมัน ก็ตื่นขึ้นมาคืนฉันเองเถอะ”

        ชายหนุ่มร่างสูงจับร่างหญิงสาวนอนเหมือนเดิม เขานั่งมองข้างเตียง ก้มลงจูบนิ้วมือเบาๆ

        “เธอไม่ยอมคืนแสดงว่าเธอรับปากชั้นแล้วนะ .....แล้วเมื่อเธอตื่นขึ้นมาฉันมีแผนการณ์สำหรับพวกเรามากมาย”

        เขาจับจ้องที่ดวงหน้าของเธอ...แล้วยิ้มจางๆ  

    แล้วทันใดนั้นมีเสียงดัง....ป๊อก....ดังมาจากด้านหลังเขา

    แฮรี่ไม่หันกลับไป....สีหน้าเงียบขรึมลง..เพียง แค่เหลือบมองด้วยหางตา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขรึมๆ



        “ที่นี่ไม่ใช่บ้านนาย เที่ยวใช้คาถาหายตัว มาแบบนี้ได้อย่างไร”



    เสียงหัวเราะเบาๆมาดังมา ชายหนุ่มผมสีทองยาวถึงบ่า มัดผมลวกๆไว้ด้านหลัง สวมแว่นตากันแดดสีดำในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนสีซีด ขาดๆที่หัวเข่า ยืนกอดอก แล้วสาวเท้าช้าๆเดินมาข้างๆเตียง

        ถ้าเขาไม่ใช่คนดัง เป็นซีกเกอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกคนหนึ่ง ป่านนี้เพื่อนเก่าๆหลายคนคงจำเขาไม่ได้ หรือแม้แต่ตอนนี้ ภายนอกสำหรับคนอื่นเดรโก มัลฟอยยังเป็นคนหยิ่งยะโสไม่เปลี่ยน  แต่ถ้าคุณเดินสวนกับเขากลางทาง คงไม่ใครสะกิดใจว่าเป็นเคยชายหนุ่มที่เจ้าสำอางที่สุด เดรโก มัลฟอย...

        “ใครจะไปนึกว่า จะมีใครมาอ้อดอ้อนกันในห้องกลางวันแสกๆแบบนี้ แล้วทำอะไรที่มัดมือชกด้วย”

        

                        แฮรี่ขบกรามแน่นรีบลุกขึ้น จ้องหน้าเดรโกทันที

        “เดรโก....นาย”

    เดรโกยิ้มเยียดๆ เบ้ปาก    

    “นายโกรธที่ชั้นพูดแทงใจดำละซิ”

        “ยังไม่มีใครเชิญนายมาที่นี่....หึ...นายคงพาลที่ไม่ได้ลงเล่นเองละซิ เพราะชั้นพาทีมชนะ” แฮรี่ตอบโต้ พูดถึงเหตุการณ์ในการแข่งควิดดิชในลีคที่เพิ่งจบลงไปไม่กี่วัน

        “ถ้าวันนั้น ชั้นไม่เจ็บซะก่อน นายไม่ได้ลงแน่”

        เดรโกเถียง แล้วเมินหน้าไปทางอื่น แฮรี่มองตาขวางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างอดทน

        เดรโกเหมือนจะรู้ตัว เขาเดินมาที่ร่างเพื่อนก่อนนั่งลงบนเตียงที่ร่างนั้นนอนอยู่ ถามน้ำเสียงต่ำลง

        “เธอเป็นยังไงบ้าง....ยังไม่เปลี่ยนเลยใช่ไหม”

        เดรโกเปลี่ยนเรื่องพูด

    แฮรี่ นิ่งสักครู่ก่อนพยักหน้ารับ เดรโกเหลือบมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนาง เขาหัวเราะเบาๆอีก

    “แหวนนายมันเชยแหลกเลย”



    แฮรี่จ้องหน้าเพื่อนคู่แค้น



    “มีสักวันไหม ที่นายไม่ต้องมาออกความคิดเห็น ถึงแหวนนี้มันจะเชยแต่เธอก็ยินดีที่จะรับของของฉัน”

    เดรโกมองอย่างท้าทาย ล้วงหยิบของในกระเป๋ากางเกง พร้อมนำกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา เขาเปิด ฝาข้างในเป็นจี้พลอยแดงรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

    “นี่แหละที่ผู้หญิงอยากได้”

    แฮรี่มองตามอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าจี้สร้อยคอนี้เป็นงานละเอียดและมีราคาชิ้นหนึ่ง

    “นายเอามาทำไม”

    “ของขวัญจินนี่ไง ทีนายให้ได้ ชั้นก็ให้ได้เหมือนกัน นายไม่ต้องมามองชั้นแบบนั้น ความจริงนายกับจินนี่ยังไม่เป็นอะไรกัน แต่ใครๆก็รู้ ว่าตอนนั้นเธอคบกับชั้นอยู่”



    “จินนี่ไม่อยากได้ของของนายหรอกมัลฟอย”

    เขาบอกหยันๆเสียงดัง

    แต่ชายหนุ่มผมสีทอง ก็โน้มตัวลงไปสวมสร้อยให้เธอไม่สนใจเพื่อนที่ยืนมองเข่นเขี้ยวอยู่ข้างๆ ด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายืนมองเฉยๆ แล้วแฮรี่อดที่จะขำไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆ ของเพื่อนคู่แค้นที่ไม่สามารถที่จะสวมสร้อยคอให้จินนี่ได้ถนัด เพราะติดผมสีแดงเพลิงยาว



    ชายหนุมผมสีทองสีหน้ายุ่งยากขึ้น เหลือบมองมาทางเพื่อน

    “นี่นายใจคอจะไม่มาช่วยกันบ้างเลยหรือไง ต้องบอกคุณนายวิสลีย์แล้วผมเธอนะยาวเกินไปแล้วน่าจะตัดได้แล้ว”

    เขาบ่นอุบ มือก็แกะผมที่พันกับสร้อยคอ

    แฮรี่รีบ เดินมาข้างเตียงด้วยอีกคน

    “เฮ้ย..มัลฟอย นายทำเธอเจ็บอยู่นะ” ชายหนุ่มผมดำยุ่งๆ ขมวดคิ้ว กับหน้าตัวเอง ปัดมือเพื่อนคู่แค้น ออก

    เดรโกหลิ่วตาขวางให้ ที่ แฮรี่แย่งสร้อยไป

        

                “แฮรี่ นายเองก็ทำเธอเจ็บนะ ชั้นทำเองดีกว่านายไม่ต้องยุ่ง”



                        มัลฟอยดึงสร้อยที่ติดผมกลับไปอีก แฮรี่ไม่ยอมดึงกลับมาทางตัวเอง ทั้งคู่จ้องตากันแทบจะให้ตายไปข้างหนึ่ง ทั้งสองยื้อสร้อยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดทั้งสองคนเพราะดูเหมือนสร้อยยิ่งพันกับผมแน่นยิ่งขึ้น

        ทั้งสองมองดูผลงานของตัวเองนิ่ง หันสบตากัน เดรโกไหวไหล่ อึ้งๆ แล้วหัวเราะเบาๆ พร้อมกับแฮรี่    “ใครจะมาคิดว่าสักวันชั้นต้องมาทะเลาะกับนายเพราะเรื่องนี้”

        เดรโกพึมพัม มองดูสร้อยคอที่ยังติดอยู่ในผมหญิงสาว

        “ถ้างั้น เออ...นายจัดการเองละกัน” แฮรี่บอกไม่เต็มเสียง เดรโกเดินมาตบบ่าแฮรี่

        “ชั้นไม่อยากใช้คาถากับเธอ อาจมีผลร้ายมากกว่า เออ..เรามาช่วยกันค่อยๆแกะออกก็ได้ ก่อนที่ รอนขึ้นมา”

        แฮรี่หัวเราะหึในลำคอก่อนนั้งคุกเข่าข้างๆเธอ จับผมขึ้นมาเบาๆ เขาจ้องมองหน้าที่ขาวซีดของหล่อน

        เดรโกมองนิ่งเงียบเช่นกัน



          “เธอแค่หลับไปเท่านั้น....” แฮรี่ลูบผมสีแดงเพลิงนุ่มสลวย ของหล่อนด้วยความทนุถนอม



    “จินนี่เธอคงไม่เคยรู้ตัวว่า เธอทำให้ชีวิตพวกเราเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน”



                                 แฮรี่เอ่ยลอย ๆ แต่เดรโกรู้ว่านี่มันเป็นความรู้สึกจากใจจริง สามปีที่เธอหลับไปช่วงเวลาที่ขาดหาย ความสัมพันธ์ที่ดูยุ่งเหยิงและซับซ้อน ระหว่างครอบครัวมัลฟอย วีสลีย์ และพอตเตอร์ กว่าทุกคนจะเข้าใจ การร่วมมือปราบลอร์ดโวลเดอร์มอร์อย่างจำใจในปีที่เจ็ดของฮอกวอตส์ ไม่อาจทำให้ความสัมพันธ์หมางเมินเย็นชาได้อย่างเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มีใครที่จะยอมรับมิตรภาพใหม่ได้อย่างสนิทใจ

    พวกเขาเลยต้องอยู่ในสภาพที่ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ยอมอยู่ลีคทีมเดียวกัน แต่ไม่ยอมลงพร้อมกัน ยอมไปปาร์ตี้เดียวกันแต่ไม่ยอมถ่ายรูปด้วยกัน หรือแม้แต่ที่เขาเข้าๆ ออกๆบ้านโพรงกระต่ายได้



    มันก็ตลกสำหรับเขาที่เคยเห็นที่นี่เป็นรังหนู แต่เขาเลิกมาที่นี่ไม่ได้ เลิกมาไม่ได้จริงๆ…



    “แฮรี่...แฮรี่...”



                เสียงเดรโก เรียกเพื่อนขรึมๆ ดวงตาของเขาหรี่ลง แฮรี่รีบหันมองสบตากับเดรโก อย่างร้อนรน แล้วหันกลับมองร่างของจินนี่ มองดูเปลือกตาที่เริ่มขยับ

    “เดรโก...นายเห็นใช่ไหม..”

    ชายหนุ่มร่างสูง ขยับตัวเอื้อมมือจับชีพจร



    “มือขยับด้วย...” แฮรี่ร้องเสียงหลงอย่างตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด



    “เธอ...กำลังจะฟื้น....จินนี่...จินนี่....ชั้นจะไปตามทุกคนมาก่อน”



    แฮรี่บอกพร้อมทั้งผลุนผลันลุกออกไป แต่ยังไม่วายที่สบตาเดรโกเชิงขอร้อง ฝากดูแลเมื่อแฮรี่ลุกออกไปหายตัวจากห้องในทันที เดรโกขยับตัวเข้าแทนที่เขาจับจ้องหน้าเธอไม่อาจวางตา เขาเองบอกไม่ถูกว่าตนเองดีใจสักแค่ไหนเช่นกัน แต่เขาเพียงได้แต่ยิ้มน้อยๆให้กับตัวเอง เลื่อนมือจากที่จับข้อมือหล่อนลง มาบีบมือที่อ่อนนุ่มเบาๆ

    แล้วสิ่งที่ชายหนุ่มต้องนิ่งตะลึงงัน เมื่อดวงตาสีน้ำตาลลืมตาจ้องมองดูเขา ดวงตาที่ไม่เคยตื่นตลอดสามปีกำลังสบตากับเขา ด้วยความสับสน ตื่นกลัว

    มัลฟอยยื่นมือสั่นระริกของตนสัมผัสกับแก้มหล่อนอย่างอ่อนโยน แล้วดึงร่างบอบบางของเธอสวมกอดด้วยความลืมตัว



    “จินนี่...เธอ...”



    “เดรโก....นายทำอะไร”



    เสียงดังเข้มมาจากข้างหลัง เดรโกสะดุ้งหันมองตามเสียง เห็นแฮรี่ยืนขบกรามแน่น มองเขาตาขวาง



    **************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×