ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #25 : บทสุดท้ายของโชคชะตา(จบภาค **ลิขิตแห่งดวงดาว)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 48


    ตอนที่ 24   บทสรุปของโชคชะตา



                                       มันคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างของฉันที่เดินโซซัดโซเซแทบ ไม่เป็นท่า กลิ่นคาวเลือด ที่คละคลุ้งปนเป ไม่รู้ว่าของฉันหรือของแฮรี่ แม้เป็นช่วงกลางวัน แต่เงาของต้นไม้ใหญ่ที่ครอบคลุมผืนของป่าต้องห้ามกลับไม่แตกต่างกับเวลากลางคืนเลย

    พลังคาถาที่ของฉันมีอำนาจต่อกรกับดัมเบิลดอร์ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่นั่นมาได้อย่างไร ฉันสามารถต้านพลังของดัมเบิลดอร์ได้ แต่ร่างกายที่บาดเจ็บปางตายไม่อาจที่จะรับมันไหว

    ฉันใช้คาถาเรียกสัตว์พิษทั้งหลายออกมากมายได้ พลังที่เหนือขีดจำกัดไร้ซึ่งที่มาและที่ไป

    ยังวนเวียนอยู่ในทุกอนูในร่างกาย ......ไอเวอรี่ ตอนนี้เธอไปไหน ทำไมสติฉันถึงกลับแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ฉันไม่เห็นใครนอกจากตัวตนของตัวเอง



                                            ฉันแทงแฮรี่..กลิ่นคาวเลือดยังคละคลุ้ง มือยังเปื้อนเลือด ฉันยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาดู...แฮรี่..ฉันทำกับเขาได้อย่างไรกัน...ภาพที่ฉันเห็นสิ่งที่ฉันเคยอยากหลบเลี่ยงที่สุดมันกลับเกิดขึ้นจนได้....น้ำตาฉันไหลโดยไม่รู้ตัว.....นึกถึงสภาพของเพอซี่สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของเฮอร์ไมโอนี่คือเพอซี่ถูกงูพิษกัด แฮรี่จวนเจียนตาย ฉันนั่งทรุดหมดแรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธาร

    แล้วฉันล่ะ...ฉันจะเป็นอย่างไรต่อไป ภาพอันเลือนลางของไอเวรี่มาปรากฎอยู่ตรงหน้า

    แววตาอาฆาตแค้น..แทบลุกเป็นไฟด้วย ภาพที่เคยเป็นหญิงสาวที่งดงามบัดนี้ เริ่มกลายเป็นแม่มดที่อัปลักษณ์ผิวหนังเหี่ยวย่น ราวกับเสื้อผ้ายับๆไม่อาจที่จะเรียกว่าหน้าของคนได้ มีเพียงผมยุ่งเหยิงสีแดงเพลิงที่ยังบ่งบอกว่าเธอเคยชื่อไอเวรี่ เสียงแหบแห้งดังราวจะพิฆาตฝ่ายหนึ่งให้อาสันต์ไปข้างหนึ่ง



                                 “เลวมาก....เจ้าเด็ก..เลว...มันให้อะไรเธอกิน.....เพอซี่ถ้าข้าไม่ฆ่ามัน..ข้าไม่ใช่ชื่อไอเวรี่...”

    ฉันมองร่างแม่มดที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะออกมา แม้แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่

    “คุณรู้ไอเวรี่....สิ่งเดียวที่ไม่สามารถทำให้ คุณไม่อาจอยู่ที่ร่างนี้ได้เพียงสิ่งเดียว คือศิลาอาถรรพ์...ยาที่เพอซี่ให้กินไม่ใช่มีแต่ต้นเลือดพิษ...เขาหลอกคุณแล้วไอเวรี่......หึ..หึ..มีส่วนผสมของศาอาถรรพ์”

    ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขาดเป็น..ช่วง



                              “สารเลว...มันทำแผนการณ์ของข้าเกือบพังพินาศเพราะมัน ไม่อย่างนั้น ข้าสามารถจัดการกับดัมเบิลดอร์ได้แล้ว...อีกสิบวัน เดือนจะดับถึงเมื่อนั้น ก็จะไม่มีใครขัดขวางการกลับมาของข้าได้...”

    ฉันได้แต่ยิ้มเยียด มองร่างจางๆอย่างสมเพช

    “แต่น่าเสียดาย...นี่ยังไม่ใช่คืนเดือนมืด พลังของศิลาอาถรรพ์ยังอยู่รอบๆ ตัวฉัน กลิ่นอายปีศาจไม่อาจทำอะไรฉันได้ คุณเช่นกัน...”

    “จินนี่ เจ้าอย่าอวดดีนักเลย...อีกไม่นานเจ้าต้องหายสาปสูญไปตลอดกาล”

    ดวงตาสีเลือดปูดถลึงมอง เสียงแหบแห้งอาฆาต

    ฉันลืมตามองบนท้องฟ้า ด้วยความว่างเปล่า      



                             “ฉันรู้ตัวมานานแล้วไอเวรี่.....ทางเดียวที่จะยุติทุกอย่างคือตัวฉันเอง ถ้าฉันต้องตาย คุณเองก็จะต้องกลับมาไม่ได้ตลอดกาล...”

    ภาพเลือนลางของแม่มดเฒ่า กลายเป็นควันสัดำทะมึน พลังรังสีอำหิตแผ่รอบๆตัว ฉันแทบอยากหายไปจากโลกนี้ฉันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความทรมาน

    “ไม่....มมม”    ควันดำกลุ่มใหญ่หมุนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว  แล้วพุ่งผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว ลอยหายไปในอากาศ ร่างฉันรู้สึกปวดร้าวอย่างสุดขีดอีกครั้งก่อนที่จะหมดสติไป

        .......ฉันวิ่งตรงไปยังร่างแฮรี่ที่นอนจมกองเลือด เลือดสีแดงไหลทะออกมาราวกับสายน้ำที่ไม่มีวันหมด.....ไม่แฮรี่...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร...



        ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้

        ดวงตาสีท้องทะเลลืมตาขึ้นช้าๆ หันมาสบตากับฉันยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน

        เขาลุกขึ้นยื่นมือมา    ฉันยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้…

    ..ไปด้วยกันเถอะจินนี่.....ไปกับฉันด้วยกัน...

        ฉันยิ้มทั้งน้ำตา

    แฮรี่....แฮรี่...ฉันจะไปกับเธอ..ฉันจะไปกับเธอแฮรี่...

        มือที่ไร้ซึ่งเรียวแรงยื่นออกไป ลอยคว้างในความว่างเปล่า.....แต่ก่อนที่มือจะหมดแรง มือหนึ่งกับคว้ามือฉันไว้ มือหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางจิตใจหนาวเหน็บ ว่างเปล่า

        “จินนี่...จินนี่..” เสียงหนึ่งเรียกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรู้สึกถึงหยาดน้ำตาอุ่นๆ

        ฉันลืมตาขึ้นช้าๆภาพเลือนลาง ชายหนุ่มเลือนลางจ้องมองอย่างอ่อนโยน อบอุ่น

    “แฮรี่...แฮรี่...”

    แล้วฉันชะงักงงงันไปชั่วครู่





        “แฮรี่....ฉันนึกว่าเธอคือแฮรี่.ขอโทษ.เดรโก....”

    เมื่อฉันจ้องเขานานกว่าที่จะรู้ว่าคือชายหนุ่มผมสีทอง เขาได้แต่เงียบ มองดูฉันด้วยความหวงใย ไม่อาจที่ฝืนยิ้มได้

        “คิดว่าจะเรียกชื่อผิดซะแล้ว...”

        ฉันเพียงแต่มองเขาอย่างมึนงงไม่อาจมีคำพูดใดได้อีก ได้แต่สบสบเขานิ่งงัน..จนได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งขยับตัว  หญิงสาวอีกคน  ยื่นหน้ามาใกล้ๆดวงตาโปนโต ผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงไม่เคยเปลี่ยน มองดูฉันอย่างโล่งอก

        “เธอฟื้นแล้วจินนี่”

        ฉันหันมามองลูน่าอย่างเชื่องช้า นานกว่าจะยิ้มให้เธอ ลูน่าแทบไม่อยากสบตากับฉัน เธอฝืนยิ้ม น้อยๆ

        “พวกเธอหาฉันเจอจนได้...ฉันควรจะดีใจไหมนะ”

        “เชอะ...มันเป็นแผนที่ยอดแย่มากที่สุด...เธอหลอกล่ออาจารย์ใหญ่ด้วยวิธีนี้หรือ...ฉันเกลียดเธอมากเลยรู้ไหม..”

        ลูน่ากระแทกเสียง ทำเป็นร่าเริงแต่ก็ขัดกับแววตาของเธอ เดรโกปลายสายตามองลูน่าปรามๆ

        “มันไม่ใช่แผนหรอกลูน่า...นั่นคือจินนี่อีกคน หรืออาจไม่ใช่เธอเลยก็ได้ ไม่มีใครต่อกรกับดัมเบิลดอร์ได้ขนาดนี้”

        เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ฉันสบตากับเขา

        “แล้วเธอไม่กลัวฉันหรือ เมื่อกี้เธอ เกือบตายเพราะฉัน”

        ฉันถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เดรโก สบตากับลูน่า ด้วยสีหน้าวิตก

    ลูน่าเหมือนมีอะไรติดคอ หลบตาไปทางอื่น ฉันมองเดรโกอย่างสงสัย

        “เกิดอะไรขึ้นหรือ...มีใครเป็นอะไรไปเพราะฉันหรือเปล่า แฮรี่..ใช่ไหม” ฉันถามด้วยควมร้อนรน

        “เปล่าหรอกจินนี่ คือฉันหมายถึงว่าแฮรี่ไม่เป็นอะไรแล้ว น้ำตานกฟิกนิกส์ช่วยเขาได้จากบาดแผลภายนอก....แต่..”

        ฉันหัวใจแทบสลายนึกถึงเพอซี่ขึ้นมาทันที

    “เพอซี่..เพอซี่..ใช่ไหม”



        เดรโก หลุบตาลง ต่ำ แล้วพยักหน้า

        “เขาถูกงูพิษร้ายแรง ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ตอนนี้เพอซี่ยังไม่รู้สึกตัว เขาไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นตอนดัมเบิลดอร์ เสนป ทุกคนกำลังหาทางช่วยชีวิตเขาอยู่”

        จิตใจฉันชาไปอีกครั้ง มองออกไปอย่างเหม่อลอย เดรโกบีบต้นแขนฉันเบาๆ

        “พวกเขาวุ่นวายขนาดนั้น ไม่อย่างนั่นฉันกับลูน่าคงออกมา จากปราสาทไม่ได้แน่ เธอวางใจเถอะจินนี่พี่ชายเธอต้องปลอดภัย”

        เขาพูดปลอบใจ ฉันพยักหน้าช้าๆ

        “แล้ว ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง...ฉันหมายถึงว่าเธอคงจะดีใจที่ เห็นของสิ่งนี้”

    ลูน่ายื่นมือมามีของสิ่งหนึ่งอยู่ในมือ ฉันมองดาบที่ถูกมัดด้วยผ้าสีดำ ฉันมองที่มือลูน่า ในใจมีความหวังอีกครั้ง

        เดรโก มองดูสิ่งของในมือลูน่าอย่างแปลกใจ แต่ไม่พูดอะไร

        “เธอทำสำเร็จลูน่า เธอเยี่ยมมากจริงๆ ดาบกริฟฟินดอร์เธอเอามันมาได้จริง”

        ฉันบอกด้วยความร่าเริงอีกครั้ง ลูน่าหันมาสบตากับเพื่อนทั้งสอง

        “ก็คงได้แผนชั่วๆจากพวกเธอสองคนนั้นแหละ ถึงได้ดาบมาง่ายๆ ฉันรอพวกเขาออกมาจากห้องพร้อมพรีเฟค พวกเขาเดินเข้าๆออกๆห้องอาจารย์ใหญ่แทบทั้งคืน จนฉันคิดว่าหมดหวังแล้ว”

    ฉันยื่นมือรับดาบ เดรโกช่วยดึงผ้าออก มันเป็นดาบที่มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง

        

                       “พวกเธอรู้ประวัติดาบเล่มนี้ไหม..”

    ฉันมองคมดาบ ที่ปรากฎคำว่ากริฟฟินดอร์ หันไปถามทุกคน

        “ความจริงดาบเล่มนี้ไม่ใช่เป็นเพียงของแต่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์เท่านั้น ดาบนี้ถูกหลอมขึ้นเพื่อตัวแทนของพ่อมดทั้งสี่ที่จะกำจัดปีศาจ หรือคนที่ถูกปีศาจครอบงำจิตใจ พ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในสมัยนั้นช่วยกันหลอมขึ้นจากศิลาอรรพ์ที่อยุ่ใต้พื้นพิภพที่ร้อนระอุ กับเหล็กไหลจากที่เย็นที่สุด ช่วยกันหลอมเหนือประตูมรณะ จากพลังคาถาอาคมที่แกร่งกล้า

        ดาบนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขา ฮอกวอตส์ตั้งอยูเหนือปากประตูทางเข้าหลังจากที่เขากำจัดไอเวรี่ได้สมัยนั้น เขาต้องปักดาบไว้เหนือฮอกวอตส์ตลอดมา พลังของศิลาอาถรรพ์สามารถข่มกลิ่นอายปีศาจได้

        แต่อย่างไรก็ตามหน้าที่เดียวของดาบเล่มนี้คือรอคอยทำหน้าที่ของมัน รอคอยนายของมันที่แท้จริง นายของมันใครก็ได้ที่มีโชคชะตาเดียวกับมันนะที่แห่งนี้  เพื่อฆ่าคนที่มันต้องฆ่า”

        ฉันสบตากับชายหนุ่มข้างหน้านิ่งแล้ว ส่งด้ามดาบให้ในมือเขา ยิ้มด้วยความว่างเปล่า สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป

        

                       ฉันจับมือที่สั่นเทาของเขาไว้แน่น “จินนี่”

        “ภาระของมันยังไม่จบ......” เขาจ้องฉันเขม็ง แทบไม่อยากเชื่อตัวเอง

    “แฮรี่....นี่เป็นหน้าที่ของเธอ..หน้าที่ที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้...”

        ลูน่ามองเพื่อนทั้งสองอย่างงงงัน ร่างของเดรโก เริ่มค่อยๆเปลี่ยน ผมสีทองเริ่มกลายเป็นผมสีดำ บาดแผลเป็นเริ่มปรากฏชัดกลางหน้าผาก ฉันมองรูปสายฟ้าที่ปรากฎบนหน้าผากของเขา ดวงตาของเขามีหยดน้ำตาไหลเป็นทาง

        ปลายดาบเล่มยาวที่คมกริบทะลุผ่านตัวฉันอย่างรวดเร็ว มือของฉันจับมือของเขาไว้แน่น

    จนไม่อาจทนฝืนได้อีก ดวงตาของแฮรี่ เบิ่งกว้าง

        “ไม่.....ไม่......จินนี่..ไม่จินนี่...ทำไมเธอต้องทำแบบนี้”

    บัดนี้ร่างของชายหนุ่มผมสีทองกลับกลายเป็น ร่างที่แท้จริงของแฮรี่ พอตเตอร์

        เขาประคองร่างของฉันอย่างระมัดระวัง ฉันสบตาเขายิ้มอย่างโล่งใจเป็นครั้งแรก

    “แฮรี่....ฉันดีใจที่เป็นเธอ ฉันไม่เคยจำเธอผิด ดวงตาของเธอ สายตาของเธอ ความรู้สึกที่อยู่ใกล้ๆ เธอ”

        แววตาเขาปวดร้าวทรมานอย่างที่สุด เขาดึงร่างกอดฉันไว้แนบอก ร้องไห้โฮ ออกมาอย่างไม่อายใคร

        “ทำไม ทำไมเธอต้อง ต้องทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย ยัยเด็กโง่”

    มือลูบแก้มฉันเบาๆ  ฉันยื่นมือหาเขาแฮรี่ รับกุมไว้เบาๆ

        “อย่าเสียใจ เลยนะ นี่เป็นโชคชะตาของเรา”

        



                         “ไม่จินนี่....ไม่มีโชคชะตา...พวกเราจะเป็นคนกำหนดมันเอง” แฮรี่ตะโกนเสียงดัง

    ฉันยิ้มมองเขา ยื่นมือที่เต็มไปด้วยสีแดงฉาน ลูบแก้มเขา

        “เธอยังมีครอบครัว.....อีก.... เฟร็ด กับจอร์จตลกมากนะ เขาจะต้องทำให้เธอหัวเราะได้ทุกวัน บิลเท่มากนะมักมีไอเดียดีๆเสมอ ชาลีเก่งควิดดิช...... เขามีเทคนิคที่เธอต้องทึ่ง ....

        ส่วนเพอซี่เธออาจไม่ค่อยสนิทหน่อยนะเขาก็แค่มีโลกส่วนตัวมากไป  แต่เธอต้องอยู่กับรอนมากๆนะ เขาออกจะอ่อนไหว....พ่อคงชอบถ้าเธอเล่าเรื่องพวกมักเกิ้ลให้ฟังบ่อยๆ

        แต่แม่ล่ะ..ไม่ล่ะ แม่แย่หน่อยคงทำใจยาก แม่ปิดบังเรื่องเวลาเกิดของฉัน แต่ฉันรู้พวกเธอคงจะช่วยกันได้ ก็แม่ลูกชายตั้งเจ็ดคนนะ  เธอคงจะดีใจที่มีแม่ใจดี...แม่แคร์เธอมากกว่าพวกเราอีกนะ”

        แฮรี่ซบหน้าลงที่แก้มฉัน กอดฉันแน่น

    “พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง บ้าน บ้านโพรงกระต่ายไม่มีเธอจะมีความสุขได้อย่างไร ขาดเธอทุกคนจะมีชีวิตได้อย่างไร ไม่มีเด็กผู้หญิงแก้มแดงๆที่คอยแอบดูฉัน ไม่มีเด็กผู้หญิงที่เสียงเจื้อยแจ๋ว ช่างขี้ประจบ ขี้งอน ฉันจะอยู่บ้านนั้นได้อย่างไร

    ตลอดมา ตลอดมาฉันไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าทุกที่ที่เธอไปเธอจะอยู่กับฉันด้วยทุกที่ ทุกเวลา อย่าให้มันจบอย่างนี้ เรายังไม่ได้เริ่มต้นด้วยกันเลย”

    ฉันสะอื้นออกมา ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เขายิ่งกอดฉันแน่นกว่าเดิม

    “ขอโทษ แฮรี่...ขอโทษทุกคน...นี่คือวิถีทางของฉัน..แฮรี่ ทุกคนย่อมเติบใหญ่และมีวิถีทางของตนเอง บอกดัมเบิลดอร์ เขารู้ว่าควรจัดการกับร่างนี้อย่างไร”



        แฮรี่ได้แต่ส่ายหน้า

    กลุ่มควันสีดำใหญ่  ลอยอยู่เหนือร่างของฉัน หมุนราวกับพายุใหญ่

        แฮรี่เหลือบมองด้วยสายตาโกรธแค้น แววตาลุกโชน ยื่นไม่ไม้กายสิทธืขึ้นเหนือศรีษะ

    “อะวาดา เคดาฟ –รา”

    คาถาคำสาปพิฆาตถูกปล่อยออกไปอย่างสุดกำลัง ลำแสงของคาถาที่ร้ายแรงที่สุดพุ่งตรงไปยังกลุ่มควันดำ พร้อมกับเสียงแหลมกรีดร้องโหยหวนดังเหนือศรีษะ เมื่อเสียงหายไป พร้อมกลุ่มควันแตกสลายไป เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ จนเสียงลูน่าร้องดังขึ้น

    “ไม่จินนี่...เธอ...ไม่”



                         แฮรี่ทรุดตัวลง ข้างๆร่างของฉัน ยื่นมือลูบแก้มที่ขาวซีด ฉันลืมตาอย่างเหนื่อยอ่อน

    “แฮรี่...แฮรี่...ฉัน...ดีใจมากที่ได้พบเธอ..ดีใจที่ได้เห็นเธอ..ที่บ้านโพรงกระต่าย..แต่ฉันไม่กล้า..ไม่กล้าคุยกับเธอ....”

    เสียงฉันเบาหวิวเหมือนล่องลอย ภาพต่างๆผ่านเขามาเหมือนความฝัน มือฉันยกออกไปอย่างไร้ความรู้สึกมือหนึ่งกุมมือฉันไว้เบาๆ

    “ฉันอยู่ที่นี่...ฉันอยู่ตรงนี้...ฉันจะพูดกับเธอทุกวัน มองเธอทุกวัน..”

    “แฮรี่...แฮรี่..” ชื่อของเขายังก้องอยู่ในความรู้สึกครั้งสุดท้าย

    ริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงมาจุมพิตอย่างแผ่วเบาพร้อมหยาดน้ำตา ไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล

    แล้วนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเหมือนปลดปล่อยจากพันธการณ์ทั้งปวง ฉันเป็นอิสระ จากทุกอย่าง แล้วรู้ว่าทุกคนจะต้องมีทางเดินของตัวเอง วีถีทางที่ต้องเผชิญกันต่อไป .....



    *****************จบ (ภาค ลิขิตแห่งดวงดาว)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×