ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #22 : ทายาท

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 48


    ตอนที่ 21  ทายาท





                    นานนับพันปีที่ฮอกวอตส์โรงเรียนแห่งเวทมนต์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เหล่าพ่อมดแม่มดน้อยได้เรียนเวทมนต์อย่างถูกต้อง แต่พ่อมดแม่มดทั้งหลายต่างไม่รู้ความจริงแน่ชัดว่าแท้จริงฮอกวอตส์มีจุดประสงค์ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น



    ในอดีตกาลมนุษย์และเหล่าพ่อมดแม่มดต่างอยู่ด้วยกันอย่างสันติ แต่ในเวลาความตายโดยไมทราบสาเหตุได้เกิดขึ้นมากมาย  สร้างความหวาดระแวงของมนุษย์ที่มีต่อเวทมนต์ทั้งหลาย   การตามล่าพ่อมดแม่มด    ทำให้การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายได้เริ่มขึ้น



    แต่มีพ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสี่คนในยุคนั้นคือก็อดดริก กริฟฟินดอร์,เฮลก้า  ฮัฟเฟิลพัฟ,โรวีน่า เรเวนคลอ และซัลลาซาร์ สลิธีริน รู้สึกถึงความผิดปกติ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วทุกหนแห่งระหว่างมักเกิ้ลกับเหล่าพ่อมดนั้นมีการวางแผนการอย่างแยบยล เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างสองเผ่าพันธุ์



    พวกเขาได้รวบรวมกำลังพลลับเพื่อสืบสาวเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้วในวันหนึ่งพวกเขาก็พบกับคำตอบที่น่าตื่นตระหนก เป็นอย่างยิ่ง  ภายใต้ความรุนแรงแท้จริงมีสาเหตุเกิดจากดวงดาวที่สาบสูญ  ดาวนั้นคือดาวมฤตยู เมื่อวงโคจรระหว่างดวงดาว มฤตยู กับ โลก มาตรงกันเมื่อนั่น ปะตูทางเข้าอาณาจักรแห่งความตายจะเปิดขึ้น เหล่าปีศาจจะฟื้นจากความตาย  นั่นมันแทบไม่มีความเป็นไปได้ ที่ดวงดาวเพียงจุดเล็กๆบนท้องฟ้าสามารถมีอิทธิพล ต่อโลกมนุษย์ได้เพียงนี้



    แต่ทุกอย่างเป็นไปแล้ว กลิ่นอายปีศาจที่ชั่วร้ายเข้าครอบงำไอเวรี่ แม่มดที่ฝักในศาสตร์มืด และถวายตัวรับใช้ความชั่วทั้งมวล เพื่อความยิ่งใหญ่ ความกระหายในการเข่นฆ่า ทำให้เกิดการนองเลือดไป



    พ่อมดทั้งสี่ร่วมมือกันต่อสู้ แม้มีพลังอำนาจเพียงใด แต่ไม่อาจต่อต้านพลังอำนาจของดวงดาวได้ ทั้งสี่เกือบเอาชีวิตไม่รอด และขณะเดียวกันมีแม่มดเฒ่าผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับลูกแก้วพยากรณ์

    “ข้า...มาสายไปหรือนี้...”

    แม่มดเฒ่าหลังค่อมจมูกงุ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นแห่งกาลเวลา  เดินหลังค้อมถือไม้เท้า หยุดมองพ่อมดแม่มดทั้งสี่ที่บาดเจ็บ ทั้งสี่สบตากันมองแม่มดชราอย่างหวาดระแวง



    “ท่านเป็นใคร..”



    เฮลก้า  ฮัฟเฟิลพัฟ แม่มด ผมสีน้ำตาลเข้มแววตาองอาจราวกับนักรบชายเ อ่ยถามขึ้น

    แม่มดเฒ่ายกมือปิดปากไออย่างรุนแรง หรี่ตามองมาทาง เฮลก้า



    “แม้เจ้าจะเป็นหญิง แต่ท่าทางเจ้ากล้าหาญยิ่งนัก สายตาเจ้าไม่มีแววหวาดเกรง....สมกับเป็นผู้ถูกเลือก..”

    เพื่อนรักทั้งสี่ต่างงงงัน



        “ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านเป็นใครกันแน่”

    โรวีน่า เรเวนคลอ แม่มดที่ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งที่มีใบหน้างดงามไร้ที่ติ  ผมสีทองยาวทอประกายยามต้องแสงจันทร์ นางหันมาสบตากับแม่มดแปลกหน้า

        

    “ข้าเป็นเพียงผู้นำสาร นำสารแห่งการทำนายมาบอกพวกเจ้า ผู้ถูกเลือกทั้งสี่..”

    ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นชี้ไม้กายสิทธิ์ ไปที่แม่มดเฒ่า



        “เจ้าเป็นคนของไอเวรี่...แม่มดที่ชั่วร้ายมีแผนการอะไรอีก”

    แม่เฒ่าหัวเราะเสียงดัง เหลือบมองผู้พูดอย่างไม่เกรงกลัว

        “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคือซัลลาซาร์ สลิธีริน  แววตาราวกับพญางู...แต่เจ้าเก็บความโอหังอวดดีไว้เผชิญหน้ากับศัตรูเถอะ ไม่อย่างนั้น เจ้าจะพาทุกคนลำบาก”



        นางมองดู สบตากับชายหนุ่มทุกคน แล้วมาหยุดที่พ่อมดคนสุดท้าย

        “เจ้าดูสุขุมรอบคอบกว่าทุกๆคน เจ้าคงคือก็อดดริก กริฟฟินดอร์  ดวงตาราชสีห์ เจ้าสมกับเป็นผู้นำเหล่าพ่อมดอย่างแท้จริง”

        “ถ้าท่านไม่ใช่คนของไอเวอรี่ ท่านมีจุดประสงค์ใดกันแน่”

        “เราบอกแล้วว่าเราเป็นเพียงผู้นำสารจากคำทำนายให้พวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสี่คือผู้ถูกเลือกให้ปกป้องโลกมนุษย์ และโลกแห่งเวทมนต์ ถ้าพวกเจ้าต้องการให้พ้นภัยครั้งนี้จงตามหาประตูทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ กับโลกปีศาจ ดวงดาวแห่งความตายเข้าใกล้โลกมากเกินไปทำให้ประตูมรณะเปิด หาทางปิดประตูแห่งนี้ให้ได้ก่อนคืนเดือนดับ ไม่อย่างนั้นพื้นแผ่นดินจะปกคลุมด้วยกลิ่นอายปีศาจ ความหายนะจะเกิดทั่วทุกย่อมหญ้า”



        พ่อมดแม่มดทั้งสี่สีหน้าวิตก

    “ท่านบอกว่าจะเกิดการนองเลือด แล้วที่นี่ยังมีความตายไม่พอหรือ”

    ซัลลาซาร์ สลิธีริน  พูดอย่างฉุนเฉียว



        “นี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของไอปีศาจ พวกเจ้ามีเวลาอีกสิบวันก่อนถึงวันนั้น จงตามหาของบางอย่าง เพื่อหลอมเป็นดาบเล่มหนึ่ง”

        แม่มดบอกเดินย่องๆ ไปมา ข้างหน้าบุคคลทั้งสี่ ที่นิ่งเงียบฟัง



        “ก่อนที่จะบอกกับพวกเจ้าข้ามีเรื่องที่อยากบอกกับพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสี่จงจำไว้การที่พวกเจ้าทั้งสี่ได้มาอยู่รวมกันในวันนี้ เป็นเพื่อนรักต่างเป็นเพราะโชคชะตาของพวกเจ้าเอง จงเชื่อในน้ำใจของเพื่อนและความบริสุทธ์ของมิตรภาพ ไม่ว่าเกิดเรื่องใดๆในอนาคต จงนึกถึงคำพูดของข้าไว้ พวกเจ้าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้”



        พ่อมดทั้งสี่แม้ไม่ได้ตอบ แต่ทุกคนต่างสบตากัน สัญญาให้แก่กันและกันโดยไม่ต้องเอ่ยออกมาแล้ว

        แม่มดเฒ่ากล่าวต่อ



    “สิ่งของอย่างแรกที่เจ้าต้องไปหาคือศิลาอาถรรพ์”

    “ศิลาอาถรรพ์?? มันคืออะไรกันแน่” เฮลก้า ถามขึ้นอย่างสงสัย

    “เป็นก้อนหิน ที่มีอายุนับหมื่นปีเกิดขึ่นอยู่เพียงที่แห่งเดียวคือใต้ภูเขาไฟเมฟิส”

    โรวีน่า เรเวนคลอ ตอบแทนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด



    “เล่ากันว่าถ้านำไปผสมกับตัวยาสามารถรักษาได้ทุกโรค และที่ยิ่งกว่านั้นคือสามารถรักษาคนให้ฟื้นจากความตายได้”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการการหลอมดาบ” เฮลก้ายังถามต่อ

    แม่มดเฒ่าทอดสายตามองดูทุ่งกว้าง ถอนหายใจ



    “เพราะว่าศิลานั้นมาจากใต้พื้นพิภพที่ร้อนที่สุดเมื่อนำมาหลอมแล้วสามารถกำจัดกลิ่นอายปีศาจได้”



    “เราจะเข้าไปในภูเขาไฟได้อย่างกัน  ไม่ถึงครึ่งทางเราคงกลายเป็นเศษผงแล้ว” สริธีลีนพูด

    “นั่นเป็นปัญหาของพวกเจ้า ไม่ใช่ของเรา”

    ผู้ส่งสารบอกด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด



    กริฟฟินดอร์นิ่งอยู่นานกว่าจะถอนหายใจออกมา

    “เราคงไม่ต้องไปถึงเมฟิสหรอก ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน”

    เพื่อนทั้งสามต่างมองหน้ากริฟฟินดอร์เป็นตาเดียว



        “อยู่ที่ไอเวรี่.นางเป็นผู้เก็บรักษาไว้...ครอบครัวนางเป็นหมอยามาหลายชั่วอายุคน ในสมัยก่อนข้าเคยเห็น”

    แม้ว่าก็อดดริก กริฟฟินดอร์ จะพูดจบไปนานแล้วแต่เพื่อนทั้งสามก็ยังไม่ละสายตาออก

        “เรารู้จักท่านมานาน แต่ท่านไม่เคยบอกว่ารู้จักแม่มดชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน”



        “นางเติบโตมากับข้า เมื่อก่อนนางไม่เป็นเช่นนี้ แต่หลังจากที่ครอบครัวนางถูกมนุษย์กล่าวหาว่าครอบครัวนางเป็นปีศาจจับพ่อแม่ พี่ชายน้องชาย บูชายัณห์เผาทั้งเป็นจึงเปลี่ยนไป”



        “ฟังจากน้ำเสียงของท่านยังอาวรณ์นางไม่น้อย มิน่าตอนต่อสู้กันข้าเห็นท่านออมมือหลายครั้ง”  ซัลลาซาร์ตำหนิไม่พอใจอย่างชัดเจน

        “ซัลลาซาร์…..ข้าขอโทษพวกท่าน..ที่ทำให้พวกท่านพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย ข้าเพียงอยากช่วยนาง ท่านผู้เฒ่า..นางมีโอกาสที่จะกลับเป็นเหมือนเดิมไหม”

        กริฟฟินดอร์รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง

    “นางเป็นคนขายวิญญาณให้กับพวกปีศาจเอง  ไม่อาจมีใครช่วยนางได้ แต่มีทางเดียวที่จะปลดปล่อยนางจากอำนาจปีศาจทั้งปวง คือหลอมดาบให้เสร็จ แล้วฆ่านางซะ วิญญาณนางจะไม่ถูกครอบงำ”



        น้ำเสียงแหบแห้งเสียงดังกร้าว ทำให้คนฟังถึงกับเงียบกริบ

    “เมื่อได้ศิลาอาถรรพ์ จงหาเหล็กไหลจจากทางเหนือ เหล็กที่หลับไหลในที่เยือกเย็นที่สุด นำไปหลอมดาบรวมกันที่ปากประตูปีศาจ พลังของศิลาที่ร้อนที่สุด กับพลังเย็นจะช่วยดูบซับกลิ่นอายปีศาจได้ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่พวกเจ้าต้องร่วมมือกำจัดแม่มดไอเวอรี่ให้ได้”



        “ท่านพูดเหมือนกับง่าย ถ้าศิลาอาถรร สามารถช่วยดูดซับกลิ่นอายปีศาจได้ ทำไมศิลานั่นอยู่กับนางแม่มดนั่นแล้ว ไม่เห็นช่วยนางได้”

        ฮักเก้ลถามพาลๆ อดหัวเสียไม่ได้ แม่มดยิ้มเยียด

    “ถามได้ดี   แต่ข้าจะถามเจ้ากลับถ้าเจ้าวางยาไว้ภายนอก จะสามารถรักษาโรคภายในได้อย่างไรกัน”

    ฮักเกิ้ลได้แต่ยิ้มเยียด ก้มหน้ายอมรับ



        โรวีน่าตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก็อดดริก สีหน้าเคร่งเครียด

        “ไม่ว่าพวกเจ้าจะสามารถฆ่าไอเวรี่ได้หรือไม่ก็ตาม จงสร้างสิ่งที่ก่อสร้างที่จะปิดปากประตูปีศาจไว้จะช่วยป้องกันได้ทางหนึ่ง ดาบที่หลอมขึ้นจงไว้ที่นั่นตลอดกาล แล้ว ที่สำคัญพวกเจ้าต้องค้นหาทายาทผู้เฝ้าประตูถ้าเผื่อวันหนึ่งดาวปีศาจโคจรกลับมาพวกเขามีหน้าที่ ต้องสานต่องานของพวกเจ้า”



        แม้ทั้งสี่ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย คำถาม แต่ก้ไม่มีใครที่จะเอ่ยปากถามออกมา

    พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ภาระที่ยิ่งใหญ่นี้ แม้จะลำบากก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ พวกเขาอาจรู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ว่ามีภาระกิจที่สำคัญรอพวกเขาอยู่



        “พวกเจ้ารีบไปทำในสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำเถอะ เวลาเริ่มน้อยไปทุกทีแล้ว”

    แม่มดเฒ่าบอกทุกคนด้วยความเหนื่อยอ่อนร่างสั่นเทา  กริฟฟินดอร์มองด้วยความเป็นห่วง



        “ท่าน...เป็นอย่างไรบ้าง”



        “เราหมดหน้าที่แล้ว ภาระกิจเราเสร็จสิ้นแล้ว...พวกท่านต้องสานต่ออีกสิบวันถ้าพวกท่านสามารถปิดประตูได้ หายนะครั้งนี้จะผ่านพ้นไปดวงดาวจะพ้นวงโคจร แต่อย่านิ่งนอนใจสักวันมันจะกลับมาอีก”

        ร่างแม่เฒ่าล้มลง แต่กริฟฟินดอร์รับไว้ ร่างแก่ชราเริ่มเปลี่ยนเป็นหญิงสาวผมแดงยาวถึงเอว กริฟฟินดอร์มองร่างอย่างตะลึง

        “ไอเวรี่....ไอเวรี่..ทำไม...เจ้า..”

        มือขาวซีดยื่นให้ก็อดดริก เขายื่นมือบีบแต่เหมือนมีบางอย่างอยู่ในมือ



        “ก็อดดริกนี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำให้เธอ พลังของศิลาอาถรรต์ช่วย ฉันให้มีสติครั้งสุดท้าย จงช่วยปลดปล่อยวิญญาณฉัน วิญาณอีกส่วนของฉันที่ชั่วร้าย”



        “ไม่ไอเวรี่ ชั้นทำไม่ได้ชั้นทำไม่ได้ชั้นฆ่าเธอได้อย่างไรกัน”

    “เธอต้องช่วยฉันนะก็อดดริก....สัญญาอย่าใจอ่อนนะ  จงอย่าคิดถึงฉัน แต่ให้คิดถึงสิ่งที่ฉันทำ แล้วพลังความรัก บริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับความชั่วร้ายได้”



    ร่างหญิงสาวค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงกลุ่มควันจางๆ

        ก็อดดริกพ่อมดที่ยิ่งใหญ่นั่งนิ่ง เพื่อนทั้งสามยืนมองสบตากันก่อนที่ซัลลาซาร์ จะจับบ่าเตือนสติเบาๆ

        “รีบไปกันเถอะ ตอนนี้ร่างของเธออาจรู้ตัว”



        ก็อดดริก  คลายมือศิลาสีทับทิมใสก้อนหนึ่งอยู่ในมือของเขา เขาถึงกับจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง มือสั่นระริก พูดอย่างหนักแน่น

        “ไอเวรี่...ฉันสัญญาฉันจะช่วยปลดปล่อยเธอจากความชั่วร้ายทั้งมวล ด้วยตัวฉันเอง”



    *******************************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×