ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินนี่ วีสลีย์

    ลำดับตอนที่ #1 : Ginny Weasley ภาค 1ลิขิตของดวงดาว (1)สัญญาณอันตราย

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 48


    Fic com เรื่องจินนี่   วิสลีย์  ภาค 1 ลิขิตของดวงดาว



            ตอนที่1 สัญญาณอันตราย



             ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ฉันเฝ้าถามตัวเองว่าต้องการอะไร ความรู้สึกว่างเปล่ายามต้องอยู่คนเดียว หลังจากที่เกิดเรื่องในห้องแห่งความลับเมื่อสี่ปีที่แล้ว ทำให้ฉันนั้นตระหนักดีว่า จิตใจฉันนั้นอ่อนแอเพียงใด ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย

    ทอม รีดเดิ้ลเข้ามาครอบงำจิตใจจนเกือบทำให้คนอื่นได้รับอันตราย  ฉันเป็นคนเปิดห้องแห่งความลับมีเพียงแฮรี่ พอตเตอร์คนเดียวที่รู้ความลับนี้



            เขาอาจรักษาความลับของฉันพอๆกับเห็นฉันเป็นเด็กไม่รู้จักโต....แล้วมันก็เท่านั้นในสายตาเขา

             แน่นอนสำหรับฉันแล้วเป็นเพียงน้องสาวคนสุดท้องของบ้านที่มีพี่ชายคอยปกป้อง

    เป็นเพียงเด็กหญิงที่อ่อนแอตลอดเวลา ฉันไม่กล้าคิดหรือทำถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย



           “นั่นมันอันตรายสำหรับเธอนะจินนี่” ซึ่งฉันมักจะได้ยินประจำ  เหมือนกับว่าพวกเขาจะคอยคุ้มครองฉันแต่แท้จริงแล้วกลับไม่เคยมีใครเข้าใจฉันเลยว่าต้องการอะไร หรืออยากได้อะไรบ้าง บางครั้งก็รู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าชอบที่พวกเขาดูแลแบบนี้หรือไม่ หรือต้องการเป็นตัวของตัวเอง  แต่บางครั้งการทำให้ตัวเองเขลาก็รู้สึกได้ประโยชน์ ฉันมักนั่งดูพี่ๆเล่นควิกดิช หรือฝึกคาถายากๆตั้งแต่เด็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วใครจะมาใส่ใจว่าฉันขี่ไม้กวาดได้ตั้งแต่หกขวบ หรือเสกคาถาของปีสี่ปีห้าได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าปีหนึ่งด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ คาถาเก่าๆตำราเก่าๆของพี่ๆมีประโยชน์กว่าที่ทุกคนรู้



           พี่บิล กับพี่ชาลี ต่างเติบโตและมีหนทางของตัวเอง เฟร็ดกับจอร์ชก็สมกับเป็นคู่แฝดที่แยกกันไม่ออก แต่เขามักมีอะไรแปลกๆมาให้พวกเราหัวเราะได้เสมอ รอนพี่ชายที่วัยไล่เลี่ยกัน เขาเหมือนเพื่อนมากกว่าพี่ชาย แต่ตั้งแต่เขาเข้าปีหนึ่งที่โรงเรียนฮอกวอตส์ชีวิตของเขาก็มีแต่ แฮรี่ กับ เฮอไมโอนี่ ฉันเด็กไปสำหรับกลุ่มเขา



          ส่วนพี่เพอซี่  ตอนนี้ทุกคนในบ้านหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อนี้ ชื่อเขาอ่อนไหวเกินไปสำหรับทุกคนที่บ้าน เขาเตลิดไปไกล ....ไปไกลเกินกว่าทุกคนจะเข้าใจ สำหรับครอบครัววีสลีย์ และภาคี เขาเป็นคนหลงทาง แต่สำหรับฉันเขากำลังเดินทางลัดต่างหาก มันอันตรายเกินกว่าที่ฉันจะพูดออกไป หรือจะห้ามไม่ให้ทำอะไร  ฉันจะไม่พูดหรือเอ่ยชื่อพี่ชายคนนี้ให้ครอบครัวได้ยิน ไม่ใช่เพราะว่าฉันเกลียดพี่ชาย ...แต่เพราะฉันสัญญากับเขา....มันเป็นความลับของเรา...





            ตอนนี้สำหรับฉันอะไรก็ไม่สำคัญอีก เมื่อก่อนฉันเคยคิดน้อยใจว่าทำไมต้องใช้ของมือเก่าของคนอื่น และอีกหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องแฮรี่ด้วย ตอนนั้น หรือก่อนหน้านั้นฉันเคยได้ยินเรื่องของเด็กชายที่รอดพ้นจากความตาย ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แฮรี่ พอร์ตเตอร์

    แล้วจนมาพบเธอฮีโร่สำหรับฉัน เด็กผู้ชายที่มีแผลเป็นรูปสายฟ้าที่หน้าผาก เธอมายืนต่อหน้าฉันแล้วกลายเป็นเพื่อนสนิทของรอน ฉันสนใจเธอ แต่นั่นเป็นเรื่องของเด็กๆที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือแยกแยะอะไรได้ เมื่อเติบโตแล้วตาสว่างขึ้น ก็พบว่าคนอีกครึ่งโลกก็สนใจเธอ แล้วที่สำคัญคนที่เธอสนใจไม่ใช่ฉัน..แล้วทุกอย่างมันก็ไม่สำคัญ

    แตอย่างน้อยตอนนี้ฉันสามารถเลือกได้ เลือกที่จะไม่ใช้ของมือสองของใคร





                  ไมเคิลคือทางเลือกของฉันเขาสนใจฉันและขอนัดฉัน อย่างน้อยที่สุดฉันก็ตั้งใจะคบเขาอย่างจริงจัง แต่มันลงเอยที่จบกัน แล้วฉันก็เติบโตขึ้นอีกก้าว

            ดีน โทมัสก้าวเข้ามาพร้อมๆกับการจากไปของไมเคิล ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าดีนเขาชอบฉันมานานแล้ว เขาอาจเกรงใจรอน หรือ เห็นว่าฉันยังเด็กไปจึงไม่กล้าพูด ที่สำคัญดูรอนไม่พอใจมากเมื่อฉันลองพูดเล่นๆเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา

            เฟร็ดกับจอร์จมีท่าทีที่สนับสนุนมากกว่ารอน  อาจเป็นเพราะดีนเข้ามาตีสนิทกับพี่ชายทั้งสองอยู่



            “เธอน่าจะโอเคกับเขานะ เพราะเขาก็นิสัยดี ฐานะทางบ้านก็ดี”

    เฟร็จพูดสนับสนุนเต็มที่มองนกฮูกที่กำลังบินออกไป ฉันถึงกับหน้าเบ้ตอบอย่างฉุนๆ



            “หนูไม่คิดจะคบกับใครเพราะว่ามีเงินหรอก”

            “เรารู้หรอกน่าจินนี่ แค่ล้อเล่น..แต่เค้าก็นิสัยไม่เลวนะ”จอร์จพูดโอบไหล่เอาใจ พวกเราหันมองที่ประตู แฮรี่กับรอนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น แฮรี่เพิ่งมาถึงบ้านโพรงกระต่ายเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา แม่ไปรับมาด้วยตัวเองโดยไม่ให้คนอื่นตามไปด้วยเพราะจากประสบการณ์ในปีที่ผ่านๆมา ทำให้เกิดปัญหามากมาย

            รอนถามขึ้น “ได้ยินว่าอะไร...ดีน..หรือ.”

    เฟร็ดหันมาตอบอย่างสบายใจ “ใช่..เราคุยเรื่องดีนเพื่อนนายอยู่”

            ฉันหันไปมองตาขวางกับพี่ฝาแฝดแต่ไม่ได้ผล

        แฮรี่มองอย่างงงๆแต่ไม่ได้พูดอะไร จอร์จบอกแทน

            “เราว่าให้จินนี่ควรคบกับดีน เขานิสัยดีร่าเริงออก”



    รอนร้องเสียงหลงมองฉันตาเขียว



        “ว่าไงนะเธอจะคบกับดีนหรือ...จะบ้าไปหรือเปล่าเธอเพิ่งเลิกกับไมเคิลได้ไม่นานนะ”

    ฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่กล้ามองแฮรี่ที่ยืนเงียบอยู่ เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน

        ฉันมองไปที่รอนพูดอย่างโมโหไม่ทันคิด “หนูโตแล้วนะ จะคบกับใครก็เรื่องของหนู”

    ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว ฉันรู้ว่ามีสายตากำลังมองตาม หนึ่งในนั้นก็คือแฮรี่ เขาคงคิดว่าฉันเป็นเด็กไม่รู้จักโต

        หลังจากนั้นก็มีจดหมายจากดีนมาส่งบ่อยขึ้น ฉันเองก็ตอบเขาเพราะว่าเขาคุยสนุก แต่ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร แล้วก็ยังโกรธรอนไม่หายจึงไม่ยอมคุยด้วย จนแม่สงสัยจึงถามเรื่องราว



            “จินนี่ติดต่อกับดีน ทั้งๆที่เพิ่งเลิกกับไมเคิล” รอนรีบฟ้องกลางโต๊ะอาหาร



            “พี่อย่ามายุ่งเรื่องนี้ ได้ไหม” ฉันตอบอย่างโมโห แม่หันมาทางฉัน

            “เดี๋ยวก่อนนะจ๊ะ ลูกหมายถึงอะไร จินนี่คบใคร” ฉันสบตากับรอนอ้ำอึ้ง

        “น้องคบกับเพื่อนรอนครับ ชื่อ ดีน โทมัสเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทผลิตอุปกรณ์ควิดดิชที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ครับ” จอร์ชตอบแทน

    “แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ส่งจดหมายมาหาวันละสิบฉบับไงครับ” เฟร็ดเสริมเรียบๆเหลือบมองมาทางฉัน แม่เงียบไปสักพักพูดไม่ออก เหลือบมองทางแฮรี่ กระแอมเบาๆ



        ฉันแทบอยากใช้วิชาหายตัวไปเสียตอนนี้ ถ้าไม่กลัวใครรู้เสียก่อน แต่เรื่องก็จบลงเพราะพ่อกลับมา ทุกคนหันไปสนใจฟังข่าวในกระทรวง ฉันเหลือบมองดูแฮรี่ที่ตั้งใจฟังเรื่องของพ่อ ไม่มีท่าทีที่จะติดใจเรื่องของฉันเลย



        ดูเหมือนเรื่องของฉันยังไม่หมดไปจากความคิดรอนง่ายๆ ฉันได้ยินเขาเถียงกับเฟร็ดอีกตอนออกจากห้องครัว

        “รอนนายทำไมถึงคิดอะไรมาก จินนี่เป็นสาวแล้ว ก้ต้องการคนคุ้มครอง”

        ฉันได้ยินเสียงหึจากรอน



        “จินนี่นะหรือต้องการให้ใครคุ้มครอง...พี่น่าจะได้เห็นน้องสาวที่อ่อนแอต่อสู้กันเมื่อครั้งที่แล้ว”

        “ก็นั่นไงล่ะรอนแสดงว่านายก็ยอมรับว่า จินนี่โตแล้วแล้วเลิกโกรธเรื่องนี่ซะทีแล้วให้ จินนี่ตัดสินใจเอง” เฟร็ดบอกก่อนเดินมานั่งข้างๆแฮรี่ จอร์ชเดินมาตบบ่าน้องชาย    



    “หรือนายโกรธที่หมู่นี้นายแพ้หมากรุกบ่อย” รอนกัดฟันแล้วเงียบไป

        ฉันเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นเห็นเฟร็ด กับ จอร์ชกำลังสาธิตไม้กายสิทธิ์ที่เสกแต่ของแหวะๆออกมา ทั้งสี่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน นกฮูกสองตัวบินมาส่งจดหมายตัวหนึ่งบินมาหาฉันอีกตัวหนึ่งบินไปหาพ่อที่นั่งคุยกับแม่อีกมุมหนึ่ง

        รอนมองมาทางฉัน “เมื่อไหร่เธอจะเลิกรับหนังสือทายปริศนาเสียที่”

    ฉันไม่เหลือบมองดูพี่ชาย แต่เมื่อเดินสวนกับพ่อที่มีท่าทางรับเร่งเมื่อได้รับจดหมาย



        “เกิดเรื่องที่คุกอัคคาซัล....” เสียงนี้ทำให้ทุกคนในบ้านหยุดนิ่งทันที หันมองพ่อเป็นตาเดียว “เกิดอะไรขึ้น ครับ” แฮรี่ถามอย่างเป็นกังวล แล้วหันไปสบตากับรอนอย่างไม่สบายใจ พ่อดูอ้ำอึ้ง ถอนหายใจ

        “ยังไม่รู้รายละเอียด แต่คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดูทางกระทรวงเรียกไปด่วน...”

    พ่อมองทุกๆคนก่อนไปหยุดที่แฮรี่ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด แฮรี่จึงถามขึ้นเอง

        “เออ..มีอะไรหรือครับ”

        “ความจริง ฉันไม่ควรถามนะ ....แต่...”



        “ไม่เป็นไร ผมจะตอบทุกเรื่อง..” พ่อถอนหายใจพยักหน้า

        “คือ...ช่วงนี้หรือหมู่ นี้เธอเคยเจ็บแผลไหม...”

        ทั้งสองสบตากันนิ่ง ทุกคนในบ้านต่างเงียบกริบลืมหายใจไปชั่วครู่ ก่อนแฮรี่จะพยักหน้าช้าๆ....ทุกคนรู้ว่าการที่แฮรี่เจ็บแผลขึ้นมาเมื่อใดเหมือนเป็นการเตือนว่ากำลังมีความเคลื่อนไหวจากคนที่ไม่ควรเอ่ยนาม มันเป็นสัญญาณอันตรายกับแฮรี่และทุกๆคน

        พ่อหันมาสวัสดีทุกคนอีกครั้งก่อนใช้ผงฝูหายไปกับเปลวไฟสีเขียว



    แม่มองนาฬิกาที่บอกว่าใครอยู่ที่ไหน เข็มของพ่อชี้ไปที่ทำงาน แต่ฉันรู้ว่าแม่จะดูของทุกๆที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านรวมทั้งของเพอซี่ด้วย สีหน้าจึงวิตกมาก ฉันกำมือแน่น ทุกคนจะไม่รู้หรอกว่า เข็มนาฬิกาของเพอซี่นะจะไม่เดินไปไหนนอกจากที่พักและที่ทำงาน

    เพราะว่าฉันเสกคาถาโกหกเอาไว้แล้ว…..

        

    *************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×