คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : "ความบังเอิญ" - การเดินทางวันที่ 3
การเดินทางวันที่ 3
D-11
อืมมมมมมม..กี่โมงแล้วนะ
ผมลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมๆกับแสงแดดที่แยงตาเข้ามาเป็นอันดับแรก กำลังจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา แต่ความรู้สึกหนักๆบริเวณลำตัวก็เกิดขึ้นทันทีที่ตื่น
ผมก้มมอง ก่อนจะพบว่าแบคฮยอนขึ้นมานอนก่ายบนตัวผมอย่างสบายใจเฉิบ ร่างเล็กซบอกผมไว้ ส่วนมือเรียวๆที่ไม่ค่อยเหมือนผู้ชายทั่วไปนั่นก็วางแนบไว้กับหน้าอกผมเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะหลับยาวจนผมเกรงใจไม่อยากจะปลุก
แต่ก็ต้องปลุก เพราะนี่จะเข้าเที่ยงวันแล้ว
“เฮ้ย ตื่นๆๆ” ผมตะโกนรัวๆใส่หูแบคฮยอนก่อนจะเขย่าไหล่เล็กๆนั่นด้วยความรุนแรง แบคฮยอนงัวเงียและดีดดิ้นตัวไปมาคล้ายกับว่าหงุดหงิดที่ผมมาปลุกเขาตอนที่กำลังง่วงๆ
“ไอ้เหี้ยตื่น” ผมดันร่างเขาออกและลุกขึ้นในที่สุด แบคฮยอนซุกหัวกับหมอนของผมและดึงผ้าห่มที่ผมกระชากมันออกมาคลุมโปงตัวเองอีกครั้ง
“งื้ออออออ..อย่ายุ่ง กูจะนอน”
ผมปลุกสารพัดวิธีแม่งก็ไม่ตื่นสักที ใช้เท้าเขี่ย ใช้หมอนฟาด ตะโกนดังๆใส่หน้า จนผมเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วเรียบร้อยแล้วออกมาปลุกอีกรอบ แม่งก็ยังนอนอยู่ท่าเดิม ผมเลยคิดวิธีเบสิคๆสุดท้าย..
จัดการดึงผ้าห่มมันออกอย่างเบามือ ค่อยๆลูบไล้เรียวขาที่ผมเพิ่งจะสังเกตุว่ามันเนียนและเล็กมาก แบคฮยอนไม่ดีดดิ้นอย่างที่ผมคาดไว้ เขานอนนิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกตัว ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่าเขาน่าจะตื่นแล้ว
“กูจับปล้ำเลยอ่ะ เช้าๆกำลังดี คึกๆอยู่”
ผมแกล้งพูด มือไม้ก็สะเปะสะปะไปทั่วร่างเนียน เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนยังนิ่งผมจึงขึ้นคร่อมและยกเรียวขาทั้งสองข้างของแบคฮยอนมาแทรกไว้กลางลำตัวผม เลิกเสื้อขึ้นและจั๊กจี๋เอว เพราะรู้ว่ามันเป็นจุดอ่อนของแบคฮยอนเลย
“เฮ้ย ตื่นแล้วโว้ย พอๆ”
ร่างเล็กโวยวายและปัดป่ายมือผม เขาจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกผมที่คร่อมอยู่กดทับร่างไว้ แบคฮยอนจิกหัวผมแรงๆและส่ายไปมาเหมือนแกล้งคืน
จริงๆแบคฮยอนตื่นตั้งนานแล้ว แต่เขาทำเป็นหลับเพื่อแกล้งให้ผมปลุกอย่างเหน็ดเหนื่อยล่ะมั้ง
“โอ๊ยยยยย เชี้ย มึนเลยไอ้ห่า” ผมรีบรวบข้อมือเล็กไว้และดันมันลงติดที่นอน แบคฮยอนขืนแรงผมแต่ก็ต้องยอมในที่สุด เพราะว่าแรงเขาน้อยกว่าผมเป็นไหนๆ
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกับเขากำลังอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมสุดๆ นี่ถ้าเราถอดเสื้อถอดกางเกงทั้งคู่..แม่งใช่เลยอ่ะ
“อื้ออออออ ปล่อยกู กูตื่นแล้วน่า” แบคฮยอนดิ้นขลุกขลัก แต่ผมก็ยังไม่ปล่อยข้อมือเล็กออก เรียวขาโอบรอบเอวผมไว้ก่อนที่เขาจะพยายามพลิกให้ร่างผมมานอนข้างใต้บ้าง..แต่ก็ไม่สำเร็จ
“มึงแม่งน่าแกล้งว่ะ”
“นี่มึงจะปล่อยกูได้รึยัง”
แบคฮยอนจะไม่ดิ้นเวลาผมจับตัวเขาได้ เหมือนรู้ตัวว่าดิ้นไปก็เท่านั้น เขาเลยนอนนิ่งๆรอให้ผมพอใจที่จะปล่อยเอง
“เริ่มไม่อยากปล่อยล่ะ”
“ไอ้ห่า มึงบ้าป่ะเนี่ย กูจะไปอาบน้ำโว๊ย”
“อาบพร้อมกูดิ” ผมพูดขำๆและพยักหน้าเชิญชวน แบคฮยอนทำหน้าหยีๆและยกเท้าขึ้นดันหน้าท้องผมออก
“สัด! ออกไปเลย”
“มึงชอบทำร้ายกูจัง ทำตัวดีๆกับกูก่อนดิ เดี๋ยวกูปล่อย” แบคฮยอนวางขาลงที่เดิม เขาชันขาขึ้นทั้งสองข้างแทรกกับลำตัวผมที่นั่งคร่อมเขาอยู่ ท่าแบบนี้นี่มัน..
“อะๆ ให้กูทำไง”
“วันนี้มึงห้ามด่ากูเลย เดี๋ยววันต่อๆไปกูไม่แกล้งมึงงี้ละ” ผมพูดไปงั้นเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่แบคฮยอนก็พยักหน้าส่งๆ
“เออๆ ปล่อยได้ละไอ้เวร”
ผมเลิกคิ้วเหมือนเตือนที่เขาเผลอหลุดพูดมาคำนึง แบคฮยอนชักสีหน้าใส่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆแทน
“ชานยอล..ปล่อยกูน้า”
“…”
ผมเงียบ เงียบเพราะกำลังสั่งให้หัวใจตัวเองหยุดเต้นอย่างบ้าคลั่ง..
อยากลองกอดมันว่ะ..
“เฮ้ย มึงทำไรเนี่ย”
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมดึงข้อมือเล็กให้ลำตัวเขาเข้ามาแนบกับอกผมและกอดเขาไว้แน่นๆ หลับตาลงช้าๆเหมือนซึมซับไออุ่นผ่านจากร่างเล็ก แบคฮยอนดิ้นสักพักแต่จู่ๆก็นิ่งไป
ผมคงคิดถึงฮาคยองมากไปแน่ๆ..
ผมอยากกอดเธอ..เหมือนที่กำลังกอดแบคฮยอนอยู่ตอนนี้จัง
“ชานยอล! มึงกอดกูทำไมเนี่ย” ถึงคำพูดจะดูต่อต้าน แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ผลักผมออกแต่อย่างใด
ทำไมรู้สึกดีจังวะเวลากอดมันแน่นๆแบบนี้
“แปปนึง..”
“มึงนี่ผีเข้าผีออกจริงๆ กูตามไม่ทัน”
แบคฮยอนนิ่งไป เขาอยู่นิ่งๆให้ผมกอดแบบนั้นเหมือนยินยอม คงเพราะรู้ล่ะมั้งว่าไม่ได้คิดอะไร เพราะจู่ๆผมก็รู้สึกอยากกอดเขาขึ้นมาเฉยๆ
ผมแยกไม่ออก..ระหว่างความคิดถึงกับความต้องการ
ระหว่างหัวใจที่เต้นระรัวไปด้วยความตื่นเต้นหรือดีใจ..
ผมแยกความรู้สึกตอนนี้ไม่ออก..
รู้แต่ว่าโคตรรู้สึกดีเลย
(chanyeol part end)
(kris part)
ผมนอนมองเพดานสีขาวของโรงพยาบาลนิ่งๆมาหลายนาทีแล้ว มือกำโทรศัพท์ไว้อยู่ร่วมชั่วโมงเพื่อรอให้ใครบางคนโทรมาอย่างที่ได้ตกลงไว้ ที่ผมไม่โทรไปก่อนเพราะไม่อยากรบกวนเขา บางทีแบคฮยอนอาจจะเหนื่อยๆจากการเดินทางจนลืมที่จะโทรหาผมก็ได้
ผมรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ที่ความรู้สึกช่วงล่างหายไป..ราวกับว่าผมไม่มีร่างกายท่อนล่างเลยยังไงยังงั้น
ผมยังขำในโชคชะตาตัวเอง..อาจจะเพราะความประมาทของผมหรือเวรกรรมยังไงก็ไม่รู้ พอจบวันเกิดและขับรถกลับจากงานปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน ผมก็ดันประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้ร่างกายช่วงล่างกลายเป็นอัมพฤกษ์
ผมสัญญากับแบคฮยอนว่าเราจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวก็รีบตกลงทันทีเพราะเขาก็ชอบทะเลมากๆอยู่แล้วด้วย ผมวาดฝันไว้ว่าเราจะต้องเดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน
พอตกเย็นเราก็จะเดินเรียบกับทรายสีขาวละเอียดที่มีคลื่นซัดบางเบา จับมือกันเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางสายลมเย็นๆของทะเลที่แสนบริสุทธิ์..
แต่ความฝันนั้นของผม..ก็เหมือนถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดให้หายวับไปกับตา
และจะไม่มีวันเป็นจริง
ผมอยากดูแลเขาเหมือนที่เคยทำ..ผมอยากจับมือและเดินเคียงข้างแบคฮยอนเหมือนที่อยากทำ..
แต่ทุกอย่าง..ก็ไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้
“ไปไหนของเขานะ..”
ผมบ่นนิดๆด้วยความสงสัย ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมองราวกับว่ามันคือแบคฮยอนยังไงเสียอย่างนั้น รอแล้วรอเล่าก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าแบบที่ควรเป็น..
จะกดโทรหา..ก็ไม่กล้า
แต่ถ้ารออยู่แบบนี้..เมื่อไหร่ไอ้ตัวเล็กจะรู้ว่าผมรอเขาอยู่นะ
เดี๋ยวก็โทรมาเองล่ะมั้ง…
(kris part end)
(baekhyun part )
ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับเขาในช่วงตอนเย็นๆ ความจริงวันนี้เราไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะกว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปบ่ายสองบ่ายสามแล้ว ชานยอลก็เลยชวนผมออกมาหาอะไรกินแทนที่จะไปตะลุยแบบที่คิด
บรรยากาศยามเย็นของที่นี่น่านั่งมาก มีเสียงกีตาร์คลาสสิคคลอเบาๆกับเสียงพูดคุยของชาวต่างชาติดังเจ๊าะแจ๊ะ ผมสั่งเครื่องดื่มมากินหลายอย่าง ส่วนชานยอลก็มัวแต่คุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ซึ่งผมก็ไม่อยากรบกวน
ลืมโทรหาพี่คริสไปเลยแฮะ
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรบ้าง..ปลายสายไม่ปล่อยให้ผมถือโทรศัพท์รอนาน เขากดรับและกรอกเสียงทุ้มนุ่มตามมาทันที
“(คิดว่าลืมไปแล้วซะแล้ว)”
“แฮ่ๆ..เพิ่งจะตื่นเอง” ผมหัวเราะแห้งๆตามไป ส่วนพี่คริสก็หัวเราะเบาๆกลับมา เขาถามถึงเรื่องการไปเที่ยววันแรกของผม ซึ่งผมก็เล่าไปตั้งแต่ตื่นเลยทีเดียว
“โอ๊ยย เมื่อยมากอ่ะ แต่วาดรูปถ้ำพุงช้างมาให้แล้วนะ สวยมาก อยากให้มาด้วยกันจัง..หินย้อย หินงอก อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดเลยพี่คริส แต่สวยมาก!!!”
“(พูดซะพี่เห็นภาพเลยนะเรา ฮ่าๆ)”
“จริงๆนะ! นี่ถ้าเรามาด้วยกัน พี่คริสคงต้องว๊ากออกมาดังๆแน่ มันสวยเกินกว่าที่คิดไว้อีก อ้อๆๆ นี่ๆ..ตอนที่นั่งแพไม้ไผ่นะ โคตรเสียวเลยอ่ะ แต่สนุกดี..พูดแล้วอยากให้พี่คริสมาอยู่ด้วยจัง”
ผมพูดออกไปตามที่ใจอยากบอก แต่ปลายสายกลับเงียบสนิททำให้ผมชะงักไปเพราะเริ่มรู้สึกตงิดแปลกๆ
“(…)”
“พี่คริส...” ผมเรียกเสียงหงอยๆ
“(ครับ..)”
“ขอโทษ..”
“(เรื่องอะไรล่ะ..หืม? ฮ่าๆ)”
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแย่ๆที่ผมสัมผัสได้..
“เรื่องที่พูด..”
“(เปล่า..พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย..)”
“…”
“(แค่หงุดหงิดที่ทำไมพี่ต้องกลายเป็นแบบนี้ด้วย ป่านนี้คงไปเที่ยวด้วยกันแล้วเนอะ..)”
“พี่คริส..”
ผมยิ้มไม่ออก รู้สึกว่าน้ำตากำลังไหลออกมาอย่างพรั่งพรู รีบปาดมันออกเพราะเหลือบไปเห็นชานยอลเพิ่งจะเก็บไอโฟนลงกระเป๋าไป เดี๋ยวไอ้บ้านั่นเห็นมันต้องล้อผมแน่เลย
“(ช่างเถอะแบคฮยอน..หมอมาเช็คร่างกายพี่แล้วล่ะ แค่นี้ก่อนนะโทรมาหาพี่บ่อยๆล่ะไอ้ลูกหมา..)”
“อื้อ…”
“(พี่รักเรานะ..)”
ติ๊ด!
ผมค่อยๆลดมือลงวางที่หน้าตัก ก้มหน้างุดๆและยกแขนขึ้นปาดน้ำตาให้ออกไปจากใบหน้า โชคดีที่แสงอึมครึมของร้านและช่วงเวลามืดๆช่วยอำพรางสภาพหน้าผมได้เยอะทีเดียว..
แย่..แย่จริงๆ
“เฮ้ย มึงร้องไห้ทำไมอ่ะ”
เขาก้มหัวลง พยายามที่จะเงยมองหน้าผมที่ตอนนี้ก้มงุดๆลงกับตักอย่างเดียว ชานยอลเอื้อมมือมาดันไหล่ผมเบาๆเหมือนสะกิดให้ผมเงยหน้าขึ้น พอมั่นใจแล้วว่าผมร้องไห้จริงๆ เขาก็โวยวายเสียงดัง
“เฮ้ย เป็นเหี้ยไรเนี่ย”
ผมไม่สามารถห้ามมันได้ ถึงอยากจะหยุดร้องแค่ไหนก็ตาม ยิ่งห้าม มันก็ยิ่งไหล..ปาดน้ำตาออกไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มพูน
ชานยอลนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกับผม เพราะร้านนี้มันเป็นร้านน้ำดื่มชิวๆ ที่มีสะพานเชื่อมไปถึงกลางทะเล และตอนนี้เราก็กำลังนั่งอยู่ตรงปลายสะพาน สายไฟหลากสีสันที่เจ้าของร้านเอามาติดไว้ข้างๆตัวสะพานกับต้นไม้แถวๆนั้น ส่องแสงระยิบระยับสร้างบรรยากาศโรแมนติคที่ผมชอบ
แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งร้องไห้เงียบๆ จนแขนเสื้อเปียกไปหมด
ชานยอลเกาหัวตัวเองเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“อย่าร้องๆ ไม่หล่อๆ”
ผมเงยหน้าขึ้นทันทีและว๊ากใส่เขาดังลั่น
“ไม่ได้ร้อง!”
แต่น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า..
“นี่ไม่ได้ร้องของมึงช้ะ” เขาพูดเสียงสูงและพยายามทำให้ผมดีขึ้น แต่ผมกลับยิ่งร้องหนักกว่าเดิมแถมยังสะอื้นออกมาด้วย
“เออ ไม่ได้ร้อง!! ไม่ได้ร้องโว๊ย!! ฮือออออ ”
“นี่มึงหัวเราะอยู่หรา” เขาประชดและดันหน้าผากผมเบาๆก่อนที่มือหนาจะขยี้หน้าม้าผมเบาๆ
“เด็กน้อยว่ะ ไม่ร้องดิ”
“ฮึก..ฮืออออออ”
“มึงอยากร้องมึงก็ร้องไห้อ่ะนะ”
“เออ”
ผมเริ่มควบคุมปริมาณน้ำตาได้แล้ว ค่อยๆหยุดสะอื้นและเช็ดมันออกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและขึ้นไปเหยียบบนตอไม้สูงๆ เรียกให้ชานยอลลนลานคว้ามือผมไว้ทันที
“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นไอ้สัด ตายกลางทะเลไม่เท่เลยนะไอ้ห่า ลงม๊า!!”
ผมสะบัดมือเขาออกและขึ้นไปยืนเต็มสองขา กางแขนออกทั้งสองข้างและสูดหายใจเข้าลึกๆ
“เปล่า กูจะสูดอากาศ”
“แล้วตรงนั้นกับตรงนี้ต่างกันยังไงวะ”
เขาตบหน้าอกตัวเองสองสามทีและถอนหายใจทิ้งแรงๆ ชานยอลยืนซ้อนข้างหลังผมเพราะกลัวว่าถ้าผมพลาดตกลงไปจะได้รับทัน..คิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะเขาคอยประครองตัวผมไว้อยู่ตลอด
พี่คริส…ผมจะพาพี่มาเดินเที่ยวเล่นที่นี่ให้ได้..ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“ต้องได้ดิ!! ถึงขาจะขาด ตาจะบอด ผมก็จะพาพี่มาเดินเล่นที่นี่ให้ได้!!!”
ผมป้องปากตะโกนดังๆจนคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองแต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจ ชานยอลหันไปมองหน้าเจ้าของร้านที่วิ่งออกมาดูและผงกหัวขอโทษแทนผม
“ขอโทษครับพี่ เพื่อนผมป่วยจิตระยะสุดท้ายแล้ว โทษครับพี่ โทษครับ เฮ้ย! ลงมาได้แล้ว!”
“พี่คริส!! พี่ต้องหายดี!! ฮึก..พี่ต้องหายดี..”
ผมร้องไห้อีกครั้ง และทำท่าว่าจะลงไปยืนบนพื้นไม้ปกติ แต่ชานยอลก็ชิงโอบเอวผมไว้ก่อน จากนั้นก็อุ้มลงมา เขากำลังจะปล่อยตัวผมออก แต่มันกลับเป็นผมเองที่คว้าตัวเขาไว้แน่นและกอดนานๆ เขาไม่ได้กอดผมตอบเพราะคงจะอ้ำอึ้งอยู่พอสมควร
ชานยอลยกมือทั้งสองข้างขึ้นเทียบเท่ากับศีรษะเหมือนไม่รู้จะเอามือไปวางตรงไหนดี ผมร้องไห้และกอดคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุดไว้แน่นๆ
“กอดตอบหน่อยดิ” ผมเริ่มหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตากับเสื้อยืดสีดำลายเท่ๆของเขาอย่างหน้าไม่อาย
“เช็ดน้ำตาบนเสื้อกู แล้วสั่งให้กูกอดมึงตอบอีก?”
แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ลดมือลงและค่อยๆกอดผมตอบ รู้สึกดีอย่างประหลาด บวกกับสายลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามาทำให้เกิดเสียงปลิวว่อนของแผ่นใบไม้แห้งๆ ซึ่งตกเกลื่อนกลาดไปทั่วสะพานไม้ที่ทอดยาวไปจนถึงกลางทะเล..
“นึกยังไงอยากกอดกูวะ”
ผมผละออกจากตัวเขาและสูดขี้มูกขึ้นฟืดหนึ่งก่อนจะจ้องหน้าชานยอลนานๆ พอสังเกตุดีๆแบบไม่มีความอคิติเข้ามาข้องเกี่ยว ชานยอลเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีจมูกโด่งเป็นธรรมชาติและสวยมาก ดวงตาคมกริบส่อแววทะเล้นขี้เล่นตลอดเวลา คิ้วเข้มพาดเฉียงให้ความรู้สึกเหมือนคนหน้าดุแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
ก็...หล่อใช้ได้แฮะ
“จ้องหน้านี่ชมกูหล่ออยู่อ่ะดิ”
“เปล่าเลยเหอะ กูคิดอยู่ทำไมหูมึงกางจัง”
“โห่ ไปเลยๆ ไม่กอดมึงแหละ” ชานยอลดันตัวผมออกและทำหน้ามุ่ย ผมหัวเราะและพยายามเขย่งขึ้นไปดึงหูของเขา แต่ชานยอลก็เบี่ยงหน้าหนี
“มึงๆ อยากขี่จักรยานอ่ะ” ผมดึงชายเสื้อเขาจึกๆ และชี้ไปทางที่จอดจักรยานหลายๆคันของลูกค้าในร้าน ชานยอลเบิกตาขึ้นเล็กน้อยและพูด
“บ้า ให้กูขโมยเขามาขี่เล่นกับมึงน่ะนะ”
“เออ แปปเดียวเอง ไม่นานหรอก” ผมเขย่าแขนเขาอย่างตื่นเต้น เมื่อชานยอลทำหน้าไม่เห็นด้วย ผมก็อ้อนเต็มที่
“นะ..”
“ไม่เอาเว้ย ซวยนะครับมึง ขึ้นโรงพักยาวอีกไอ้ห่า ไม่เอาด้วยหรอก”
“นะๆๆ”
“แล้วมาฟีลไหนของมึงวะ มาขโมยจักรยานชาวบ้านเขาไปขี่เล่นเนี่ย” ชานยอลดันหน้าผมที่ยื่นเข้าไปใกล้ๆเขาออก ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น ส่วนผมก็รีบลากแขนเขาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“ก็กูยังไม่อยากกลับห้องอ่ะ”
“เออๆๆ งั้นมึงไปดูต้นทาง”
ชานยอลค่อมหลังทำเหมือนว่าคนในร้านจะไม่เห็นแต่จริงๆแล้วไม่ช่วยอะไรเลย ก่อนจะย่องไปดึงจักรยานคันเตี้ยๆออกมาจากที่จอด ผมหัวเราะคิกคักและมองดูต้นทางจากคนในร้านซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเดินออกมาแต่อย่างใด
“อาจจะไม่ใช่ของคนในร้านก็ได้ม้าง”
“ของพ่อมึงมั้ง”
ชานยอลหัวเราะร่วนและก้มหัวหลบฝ่ามือผมที่กำลังจะป๊าบเข้าให้สักดอก เขาขึ้นคร่อมจักรยานคันเล็ก อาจจะดูตลกนิดหน่อยเพราะตัวเขาสูงเกินกว่าจะขี่จักรยานคันเล็กๆนี่
มันไม่มีเบาะให้นั่งข้างหลังผมจึงต้องขึ้นไปเหยียบเหล็กแกนๆที่ยื่นออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจับบ่ากว้างไว้แน่นและก้าวขาอีกข้างขึ้นเหยียบเพื่อให้น้ำหนักมันสมดุล
“โอ๊ย เจ็บตีนอ่ะ” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รีบปั่นให้พ้นจากอาณาเขตตรงนี้อย่างไวโดยไม่ฟังเสียงโอดครวญของผม
“ชานยอล..พ่อแม่มึงไปไหนวะ” จู่ๆผมก็รู้สึกอยากถาม ชานยอลเงียบไปสักพักแต่เขาก็ตอบกลับมาในที่สุด
“ตายแล้ว..พ่อนะ ส่วนแม่ไปอยู่เมืองนอก”
“อ้าว! งั้นที่มึงบอกวันนั้นก็เรื่องจริงอ่ะดิ” ผมชะโงกหน้าไปมองเขาที่กำลังเบ้ปากใส่ผม
“ก็เอออ่ะดิ”
“เฮ้ย กูขอโทษ กูคิดว่ามึงกวนตีนกูเฉยๆ”
ผมเกาหัวแบบรู้สึกผิดเล็กๆที่แอบก่นด่าเขาในใจซะยกใหญ่ ก็ผมคิดว่าเขากวนตีนกลับมาเล่นๆไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย เพราะเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่แบบเขาก็ไม่น่าจะเพียบพร้อมทั้งรถและสภาพการเงินเหมือนชานยอล
“ขอโทษทำเหี้ยไร ไม่เป็นไรๆ พี่ให้อภัยๆ”
ชานยอลยกมือขึ้นเอื้อมมาแตะๆหัวผมเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก นั่นจึงทำให้ผมหมั่นไส้และจับมือใหญ่มางับเล่น
“สัด กวนตีน”
ผมกลั้วหัวเราะและขยี้เส้นผมอ่อนนุ่มสีดำสนิทนั่นแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ชานยอลขี่ย้อนกลับไปทางเดิมส่วนผมก็ลองกางแขนออกทั้งสองข้างและหลับตาลงช้าๆด้วยความสบายใจ
และจู่ๆชานยอลก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ..
“มึงคบกับผู้ชายเหรอวะ”
ผมลืมตาพรึ่บขึ้นทันทีและแทบจะคว้าไหล่กว้างไว้เพื่อทรงตัวเกือบแทบไม่ทัน ชานยอลหัวเราะนิดหน่อยและเงยหน้ามามองผมพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เขากลั้วหัวเราะ ส่วนผมก็ได้แต่อึกอักพูดไม่ถูก
ความจริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะชอบผู้ชายแต่แรกหรอก ผมชอบผู้หญิงด้วยซ้ำไป แต่คนที่เข้ามาก่อนผู้หญิงคนนั้นดันเป็นคนที่ผมโหยหามาทั้งชีวิตแทน..
ก็เลยรักแบบไม่ตั้งใจไปซะอย่างนั้น…
แต่ก็ใช่ว่าผมจะเกลียดผู้หญิงหรอกนะ ใครสวยใครน่ารักผมก็มองนั่นแหละ..เพราะบางทีความรัก ไม่ต้องมองเรื่องเพศบ้างก็ได้
“..เออ” ผมตอบเสียงเบา
“งั้นแสดงว่ามึ..”
“ขับไปไป๊ไอ้สัด อย่าพูดมาก” ผมเลื่อนมือไปปิดปากเขาไว้และดึงหูซ้ายข้างหนึ่งของเขาแรงๆจนชานยอลร้องโอดโอย
“อย่าเขินดิ กูไม่ถือๆ” เขาขำร่วนและค่อยๆผ่อนแรงที่กำลังปั่นจักรยานลง จากนั้นก็เข็นไปเก็บที่เดิมและรีบจูงมือผมให้วิ่งออกมาทันที
“เขินห่าไร กูไม่ชินเฉยๆเวลามีคนมาถามตรงๆ”
ผมหันหน้าไปทางอื่นและรีบดึงมือตัวเองออก ชานยอลโอบเอวผมและลากให้เข้าใกล้ลำตัวเขา ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจและกันตัวเองออกจากเขาทันที
“ถึงว่า…” ชานยอลก้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนผมต้องยกมือดันแก้มเขาออก
“ไรมึง”
“เอวบ๊างบาง..”
“บางพ่อง”
ผมดิ้นและหยิกต้นแขนแกร่งอย่างแรง จนชานยอลต้องรีบคว้าข้อมือผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะเหวี่ยงให้ร่างผมมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา นั่นจึงทำให้ผมดิ้นหนีไปไหนไม่ได้
ชานยอลมองหน้าผมในระยะใกล้ชิด ก่อนจะยักคิ้วข้างเดียวแบบกวนตีน
“แล้วถ้ากูชอบมึงบ้าง..ก็ไม่แปลกใช่ป่ะ”
“เฮ้ย บ้า!”
ผมผลักเขาออกและรีบเดินดุ่มๆหนีไป ชานยอลรัวหัวเราะอีกครั้งก่อนจะวิ่งตามมาเยาะๆ มือหนาต่อยที่ต้นแขนผมเบาๆอย่างหยอกล้อ
“ล้อเล่น ไอ้ห่า หน้ามึงอย่างเชื่อจริงอ่ะ”
ผมตวัดสายตากลับไปมองเขาอย่างไม่พอใจ ชานยอลทำอะไรให้ผมขำผมก็ไม่ขำ จนเขาต้องรัวนิ้วจี้เอวผมอย่างรวดเร็วนั่นจึงทำให้ผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“โอ๊ย ไม่เอา พอแล้ว! ไอ้ชานยอล!” ผมดิ้นและพยายามจะวิ่งหนี อะไรที่เกี่ยวกับเอวกับคอนี่ผมยอมศิโรราบให้เลยจริงๆ ใครอย่าได้มาแตะต้องเป็นอันขาด
"ชานยอล!! กูจะตายแล้วโว๊ย!!!"
Rrrrrrrrrrrrrrrr
ชานยอลชะงักมือที่กำลังรัวจี้คอผมอย่างบ้าคลั่งไว้ ก่อนที่เขาจะหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง นั่นจึงทำให้ผมรีบหาโอกาสเหยียบเท้าเขาแรงๆและวิ่งหนีทันที ซึ่งชานยอลก็กดรับโทรศัพท์แล้วและร้องโอดครวญเสียงดังไม่ได้ เพราะกลัวคนในสายจะได้ยิน
เขาจึงได้แต่ชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ส่วนผมก็แลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะวิ่งหนีกลับไปทางโรงแรม
“ฮัลโหลฮาคยอง ยังไม่นอนอีกเหรอเนี่ย…”
ผมค่อยๆชะงักขาที่กำลังวิ่งไกลจากเขาออกมาเรื่อยๆ หันกลับไปมองชานยอลที่ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยความรู้สึกแปลกๆ..
ความคิดเห็น