ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { exo } mischance in destiny (chanbaek feat.kris)

    ลำดับตอนที่ #1 : "ความบังเอิญ" - Intro

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 58


    เขาว่ากันว่า

    เรื่องบังเอิญที่เหตุการณ์เดิมๆจะเกิดขึ้นซ้ำๆ

    มีเพียงสองครั้งในโลก



     

     

    บทนำ

    ความบังเอิญ ทำให้รถฉันเสีย ฉันเลยต้องยืนข้างเธอ เนื้อตัวแสนเปียก

     

     

               บทนำ

                เอี๊ยดดดดดดด…..!!!

                โครม!!!

    รถสปอร์ตสีดำเอี่ยมเบรคกระทันหัน ล้อรถเบียดกับถนนจนเกิดเสียงดังน่าหนวกหู แรงเบรคที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระทันหันทำให้ศรีษะของเจ้าของรถกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างแรง  ความสับสนเข้ามาแทนที่อาการปวดหัว..

                 ปัง!!

                ขายาวก้าวลงจากรถทันทีที่ตั้งสติได้ พร้อมๆกับเจ้าของรถคู่กรณีเช่นเดียวกัน แว่นกันแดดถูกเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ต ร่างสูงโปร่งเดินอ้อมมาที่หน้ารถของตนอย่างเร่งรีบ ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นรอยเสียดสีอย่างแรงบริเวณกันชน

     เขายกมือขึ้นขยี้ท้ายทอยด้วยความหัวเสีย กระฟัดกระเฟียดหันไปทางคู่กรณีที่นั่งยองๆเช็คสภาพรถของตัวเองอยู่เหมือนกัน

                “ขับอะไรของคุณวะ

    เจ้าของรถฮิลเมนสุดคลาสสิครีบสาวเท้าเดินตรงเข้ามาหาร่างสูงทันที ประโยคเปิดบทสนทนาดูไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไหร่ มันเต็มไปด้วยอารมณ์โทสะไร้การควมคุม

    ถ้าย้อนไปเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้..ก่อนที่รถฮิลเมนจะขับตีคู่รถสปอร์ตสีดำเอี่ยมอ่องและแซงตัดหน้า ก่อนที่รถทั้งสองคันจะเสียจังหวะในการประคองความเร็ว และก่อนที่รถฮิลเมนจะเบียดเข้าข้างหน้าโดยที่เจ้าของรถสปอร์ตก็ไม่ยอมง่ายๆ

     รัศมีในการตีคู่ที่เกือบจะทำให้รถชนจึงเป็นเหตุให้เจ้าของรถสปอร์ตต้องเหยียบเบรคด้วยความรวดเร็ว และด้วยเหตุผลนั้นเองที่ทำให้เจ้าของรถฮิลเมนเสียหลัก หมุนพวงมาลัยจนรถหมุนติ๊วและชนเข้ากับเกาะกลางถนน โชคดีที่เจ้าของรถไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่สภาพรถนี่สิ

     “แล้วคุณจะแซงเพื่อไรวะ? รู้ทั้งรู้ว่าถนนมันแคบ”  ร่างโปร่งสวนกลับ แววตาเอาเรื่องเหมือนๆกับเจ้าของรถฮิลเมน สีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของทั้งคู่พอจะเดาออกว่าเรื่องแค่นี้คงไม่จบลงง่ายๆ

    ถ้าคุณไม่ขับรถเร็วเหมือนจะรีบไปตายขนาดนั้นมันก็คงไม่ชนหรอก สีหน้าอวดดีทำให้ร่างสูงเริ่มรู้สึกหมั่นไส้

    ร่างสูงกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ฝีปากของร่างเล็กก็เอาแต่พูดฉอดๆ จนเขาทำได้แค่เพียงขยับปากพึมพำเท่านั้น

     “คุณผิดพูดขณะที่กดโทรศัพท์หาประกันรถยนต์

    ผิดอะไรวะ..ผมก็ขับของผมมาปกติอยู่แล้วหรือเปล่า คุณเองมั้งที่ดิ้นหาที่ตาย

    สายตาเอาเรื่องตวัดมามองอย่างไม่เป็นมิตร เตรียมจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ขณะที่พูดสายตาก็เหลือบไปมองรถของตัวเองและคู่กรณีตัวสูงเป็นครั้งคราว

    ครับ ใช่ครับ นานไหมครับกว่าจะมาถึง? โอเคครับ

    ร่างเล็กเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม ขยี้หัวตัวเองด้วยความหัวเสียไม่แพ้คนข้างๆ เขาเดินกลับไปที่รถเพื่อจะเข้าไปเอาของสำคัญในนั้น ดึงประตูให้เปิดออก แต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง คนตัวเล็กมองส่องเข้าไปภายในรถ กระทืบเท้าด้วยความขัดใจเมื่อพบกุญแจรถเสียบคาไว้ เพราะอย่างนี้จึงเปิดประตูไม่ได้สินะ

    ร่างเล็กหันไปมองอีกฝ่ายที่ยื่นกดโทรศัพท์ ก่อนจะกระแทกเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆแบบไม่มีทางเลือก ร่างสูงหันมามองอีกฝ่ายด้วยระดับสายตาที่ต่ำลง เป็นเพราะส่วนสูงของเจ้าของรถฮิลเมนเสมอแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น

    ทำไมช้าแบบนี้วะ คนตัวเล็กบ่นพึมพำ กอดอกยืนจ้องนาฬิกาข้อมืออย่างใจจดใจจ่อ

    ร่างสูงเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นสีหน้าชวนหงุดหงิด ความจริงแล้วเขาอยากจะกวนประสาทหมอนี่เล่นๆอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเงียบแทน

    ช้าชิบหาย คนเขารีบไม่รู้เหรอวะ บ่นกับตัวเอง ร่างเล็กอยู่ไม่สุข เขาโทรไปเร่งประกันทุกห้านาที จนทำให้คนที่มองดูอยู่ข้างๆอดจะออกปากออกเสียงวิจารณ์ไม่ได้

    ใครจะไปรู้กับแม่งวะ” 

    ร่างสูงพูดเบาๆและหันหน้าไปทางอื่น ก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นเกมส์ฆ่าเวลาและไล่รายชื่อดูในคอนแทค เตรียมจะโทรหาบุคคลสำคัญที่กำลังจะเดินทางไปหา จู่ๆก็ต้องชะงักเพราะเสียงตะโกนข้างๆ

    พูดอะไร!”

    ก็ไม่ได้พูดไร" ไหล่กว้างยักขึ้นอย่างไม่แยแส

    กูได้ยิน นิ้วเรียวชี้หน้าร่างสูงอย่างโกรธกริ้ว ปลายนิ้วชี้อยู่ตรงกับลูกกะตาดำของร่างสูงพอดิบพอดี เขาหดศรีษะถอยเล็กน้อย เบือนสายตาจากปลายนิ้วไปมองดวงหน้าขาวใสอย่างเฉยชา

    ได้ยินแล้วจะถามทำไมวะ?” กลั้วหัวเราะแค่นๆขณะที่พูด

    เฮ้ย มึงเอาไงวะ!?” มือเล็กทั้งสองข้างผลักอกคู่กรณีอย่างแรง ร่างสูงยืนนิ่ง ไม่มีผลใดๆสำหรับการผลักเมื่อสักครู่ ร่างสูงคลี่ยิ้มหวานก่อนจะยักคิ้วให้อีกฝ่ายด้วยท่าทางกวนประสาท

    ผลักให้ล้มก่อนแล้วค่อยหาเรื่องดิน้อง

    ผลั๊วะ!!

    หมัดเล็กๆซัดเข้าที่มุมปากอย่างเต็มกำลัง กลิ่นคราวเลือดในปากลอยโชยผ่านขึ้นมาทางจมูก เขารู้สึกว่าริมฝีปากชาหนึบ จนต้องยกมือขึ้นมากุมปากตัวเองไว้เมื่อความรู้สึกค่อยๆกลับคืนสู่ร่างกาย ร่างเล็กแค่นหัวเราะ

    กูเอาเรื่องแน่

    มือหนากระชากคอเสื้อของคนตัวเล็กเข้ามาประชิดลำตัวอย่างแรง ตัวบางปลิวมาชนร่างสูงโดยไม่ต้องใช้แรงมากนัก เตรียมจะง้างหมัดคืนใส่ดวงหน้าหวาน แต่ก็ทำไม่ลง จึงได้ปล่อยคอเสื้อลงแรงๆและผลักร่างเล็กให้ออกไปไกลๆ

     จู่ๆฟ้าฝนก็เทลงมาแบบไม่ได้นัดหมาย ความจริงก่อนหน้านี้ไม่นานบรรยากาศก็อึมครึมผิดปกติมาสักพักแล้ว ลมพัดแรงบ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีเม็ดฝนเล็กๆจะตามลงมา ร่างสูงรีบวิ่งไปหยิบร่มมาจากในรถ ความจริงอยากจะนั่งรอข้างใน แต่ดันติดตรงที่ต้องรอประกัน เขากางร่มออกได้ทันก่อนที่เม็ดฝนจะโถมลงใส่ตัว

    เขาพยายามมองหารถของประกันภายใต้สายฝนที่ห่ากระหน่ำตกลงมา แปลกที่รถสัญจรผ่านขึ้นมาบนนี้น้อยกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะอยู่บนหน้าผา ถนนสายนี้จึงลูกหลีกเลี่ยงในการใช้เวลาเข้าสู่ฤดูฝน

    ร่างเล็กเงียบไป เขาเข้าไปเอาร่มไม่ได้เนื่องจากรถถูกล็อคจากด้านใน ทำได้แค่เพียงกอดอกและยืนตากฝนอย่างถือดี ร่างสูงมองอีกฝ่ายได้สักพักก็เกิดความรู้สึกเห็นใจ

    เขาก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำอะไรขนาดนั้น

    ชานยอลเขยิบเข้าไปใกล้แบคฮยอน ยืนให้ร่มคันใหญ่กำบังเม็ดฝนได้ทั้งคู่ เสื้อผ้าของแบคฮยอนแนบลู่ติดไปกับร่างกาย แขนของทั้งสองฝ่ายแตะกันเล็กน้อยเนื่องจากยืนอยู่ในระยะใกล้ชิด แบคฮยอนกระเถิบห่างออกไปเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ร่างสูงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของชานยอลถึงกับออกไปยืนนอกร่ม

    ชานยอลหันไปมองอีกฝ่ายที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาประกันอีกรอบ มันเปิดไม่ติดแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้โดนน้ำฝนเล่นงานไป แบคฮยอนหลับตาลงแน่น อดกลั้นโทสะที่พร้อมจะประทุทุกเมื่อ มีแต่เรื่องชวนโมโห อะไรก็พาลห่วยแตกไปเสียทุกอย่าง

    แก้มสีขาวจัดกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเบือนหน้าหนีไปทางอื่นและยืนลูบแขนตัวเองด้วยความหนาวที่เริ่มเกาะกุม เขาถอดแบตออกและถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ชานยอลมองตามทุกการกระทำพร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งไม่แพ้กัน

    เป็นเวลานานหลายนาทีกว่าที่รถประกันของทั้งคู่จะมาถึง และดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกซ้ำซาก ฝนหยุดตกทันทีที่รถประกันมาถึง จงใจไปแล้ว มันชักจะตลกเกินไปแล้ว

    ร่างเล็กรีบเดินห่างจากร่างสูงทันทีเหมือนไม่อยากจะอยู่ใกล้อยู่แล้ว เขาเดินไปหาประกันและเคลียร์เรื่องรถของตัวเอง ชานยอลก็เช่นเดียวกัน ทางประกันจะรับรถของเขาไปซ่อมวันนี้ แต่ชานยอลขอเลื่อนวันออกไปก่อน เนื่องจากรถมีแค่รอยถลอกนิดหน่อย

     ร่างสูงจึงตัดสินใจค่อยเอามันไปซ่อม เขาเดินกลับเข้าไปในรถหลังจากเซ็นเอกสารเสร็จ ได้ยินเสียงโวยวายจากอีกฝ่ายแว่วๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะฟัง

    รถฮิลเมนถูกบรรทุพ่วงไปกับรถลากที่ทางประกันนำมา เจ้าของรรถฮิลเมนนำของสำคัญทุกอย่างออกมาจากในรถ และยืนมองรถลากของทางประกันที่นำรถของเขาขับออกไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงคนตัวเล็กที่ดูท่าทางจะหัวเสียไม่ใช่น้อย

    ชานยอลขับรถไปเทียบข้างๆร่างเล็ก พร้อมกับลดกระจกข้างคนขับลง

    คุณจะไปไหน ถ้าทางเดียวกัน ผมไปส่งก็ได้

    ชานยอลเริ่มพูดกับอีกฝ่ายด้วยความเป็นมิตรก่อน พยายามลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่อาจจะเริ่มด้วยจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่ชอบเห็นใครตกอยู่ในความลำบากโดยที่ตัวเองไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลยสักอย่าง ถึงคนๆนั้นจะชกหน้าเขาด้วยความไร้เหตุผลหรือเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็ตามเถอะ..

    ไปเอง” พูดห้วนๆ จากนั้นก็มองหารถแท็กซี่ที่กว่าจะผ่านมาทีก็ค่อนชั่วโมง

    คิดว่ารถแท็กซี่จะผ่านมาตอนนี้รึไง?

    แบคฮยอนไม่ได้สนใจจะตอบคำถาม จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครสักคนก็ทำไม่ได้ ชานยอลมองตามการกระทำของอีกฝ่ายแล้วก็พูดต่อ

    ยืนรอรถ? ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ? ด้วยตัวเปียกๆและของที่หอบเต็มไม้เต็มมือแบบนั้นน่ะนะ?

    แบคฮยอนหันกลับมามองหน้าชานยอลด้วยสีหน้ากวนประสาท ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางก่อนจะเปิดประตูรถและสอดตัวเข้าไปนั่ง ดึงสายเซฟตี้เบลท์มาคาดลำตัวเตรียมพร้อมจะออกเดินทาง

    ถ้าอยากไปส่งขนาดนั้น ก็ขอบใจ

     ชานยอลมองอีกฝ่ายด้วยสายตางงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งในระดับความเร็วไม่มากไม่น้อย แปลกคนดีแฮะ นึกจะไปก็ไป หุนหันพลันแล่นอย่างบอกไม่ถูก

    จะไปไหนอ่ะ?

     “ไปโรงพยาบาลคังนัม

     “ก็ที่เดียวกันอ่ะดิ

    แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะและกอดอก พลางเบือนหน้ามองไปนอกกระจก ฝนตกลงมาอีกรอบ แต่ไม่หนักมากเท่าตอนแรก ชานยอลลดความเร็วลงเนื่องจากถนนค่อนข้างลื่น

    ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ ชานยอลเหล่ไปมองแบคฮยอนบ้างเป็นครั้งคราว เห็นสีหน้าคนตัวเล็กที่ดูเหนื่อยหน่ายใจอย่างบอกไม่ถูก ร่างสูงเบือนสายตากลับมายังท้องถนนและเหลือบขึ้นไปมองกระจกมองหลังเพื่อสำรวจแผลบนมุมปาก

    ตัวเล็กแต่ต่อยหนักชะมัด

    ชานยอลใช้ลิ้นแตะที่แผลเบาๆ เลิกใส่ใจและหันกลับมาจับจ้องภาพถนนเบื้องหน้า มือยาวเอื้อมไปแตะปุ่มเปิดวิทยุ เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนเจอคลื่นที่ถูกใจ เพลงร็อคจังหวะหนักๆดังกระหึ่มทั่วทั้งคันรถ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาข่มอารมณ์หงุดหงิดลงได้นิดหน่อย

    แต่จู่ๆเพลงร็อคหนักหูก็เปลี่ยนเป็นจังหวะบอสซ่า เป็นเจ้าของมือเล็กที่เอื้อมมาหมุนเปลี่ยนไปคลื่นอื่น แบคฮยอนกดล็อคคลื่นและหันหน้าไปมองวิวทิวทัศน์ข้างทางเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจเจ้าของรถที่กำลังตีสีหน้างงงวย

    ชานยอลหมุนวิทยุกลับมาคลื่นเดิม เช่นเดียวกับแบคฮยอนที่ต่อต้านไม่แพ้กัน แข่งกันเปลี่ยนคลื่นอยู่อย่างนั้นจนชานยอลต้องเป็นฝ่ายยกธงขาวเสียเอง รู้สึกจะรถกูนะครับเนี่ย

    ฟังเสียงดังขนาดนั้นจะมีสมาธิขับรถได้ยังไง อ๋อ..เพราะแบบนี้นี่เอง แบคฮยอนพยักหน้าเหมือนจงใจจะกวนประสาทอีกฝ่าย กำลังจะบอกว่าที่ขับรถชนกันก็เพราะความผิดเขาสินะ?

    ผิดแล้วก็ไม่รับ คนเรา ชานยอลส่ายศรีษะราวกับเอือมระอา เอาคืนร่างเล็กที่พูดจาไม่เข้าหูก่อน

    แล้วมึงจะทำไมวะ!”

    เฮ้ย!”

    คอเสื้อเชิ๊ตของร่างสูงถูกมือเล็กกระชากเข้าหาแรงๆ มันทำให้รถเสียการทรงตัวไปวูบหนึ่ง เนื่องจากตัวของร่างสูงถูกกระชากไปด้านข้าง จึงทำให้มือที่กำพวงมาลัยอยู่หักเลี้ยวไปด้านขวาเล็กน้อย ชานยอลชักสีหน้าใส่แบคฮยอนด้วยความไม่พอใจ ดึงข้อมือเล็กออกจากเสื้อตัวเอง ก่อนจะรีบเลี้ยวเข้าสู่โรงพยาบาลคังนัมเพื่อแยกย้ายกับอีกฝ่ายโดยเร็ว ขืนอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เขาคงมีชีวิตอยู่รอดไม่ครบสามสิบสองแน่..

    รถจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ลานจอดรถชั้นเอ ชานยอลถอนหายใจทิ้งแรงๆกับสถาณการณ์เสี่ยงตายเมื่อสักครู่ เขาจะต้องใจเย็นให้ได้มากที่สุด เพราะรู้ตัวเองดีว่าถ้าหลุดโมโหจะเป็นยังไง..

    ขอบใจ

    แบคฮยอนกระแทกประตูปิดลงเสียงดัง ไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับอีกฝ่ายให้นานไปกว่านี้ รีบเดินก้าวยาวๆเพื่อไปให้พ้นจากรถของร่างสูง เป็นอย่างแรกที่ทั้งคู่คิดตรงกัน ต่างก่นด่าและคิดแต่เพียงว่าขออย่าให้ได้พบเจอกันอีกเลย

    แต่เคยได้ยินไหม?

    เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×