คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - 4 - ( 100% )
You are my weakness นายคือจุดอ่อนของฉัน
ยามเช้าวันเสาร์ที่ลู่หานนับตารอก็มาถึง วันหยุดที่เด็กเฉิ่มอย่างเขาไม่ต้องไปโรงเรียนให้ถูกคนอื่นรังแก ช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องขอบคุณโดคยองซูที่คอยช่วยเหลือและปกป้องเขาอยู่เสมอ
ก็ลู่หานเป็นเด็กเฉิ่มนี่... ลู่หานสู้ใครเขาไม่เป็นหรอกฮื้อ
แต่ถึงอย่างไร สิ่งที่อยากหลีกเลี่ยงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเหล่าไกเซอร์สุดหล่ออยู่ดี เหล่าไกเซอร์ที่เด็กเฉิ่มอย่างลู่หานยอมรับเลยว่าหล่อมาก หากนิสัยนั้นช่างห่างไกลกับใบหน้าหล่อๆลิบลับ ยิ่งหัวหน้าไกเซอร์ยิ่งแล้วใหญ่เลยละ
ผู้ชายคนนั้นน่ะ น่ากลัวจนไม่กล้าแลหางตามองเลย
ลู่หานยังจำได้ดีถึงวินาทีแรกที่พบเซฮุน ความหวาดกลัวตีรวนไปทั้งร่างจนกายสั่นเทิ้ม ดวงตาคมกริบที่เหมือนมีใบมีดพุ่งฉีดเฉือนกายอีกทั้งนิสัยโหดร้ายที่ป่าเถื่อนราวซาตาน
แค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว
“อ่า ใกล้ได้เวลาไปทำงานพิเศษแล้วสินะ”
ลู่หานพึมพำยามเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ขาเล็กพาร่างบอบบางมายังหน้ากระจกมองภาพสะท้อนเด็กเฉิ่มเชยแล้วจำต้องถอนหายใจยาว มือเล็กยกจับกลุ่มผมที่ยาวปิดหน้าปิดตาพลางตีสีหน้ายุ่งอย่างขบคิด
“จะไปตัดผมดีไหมนะ…”
พินิจอยู่สักพักก่อนเขวี้ยงความคิดนั้นลงถังขยะเมื่อดูๆ แล้วตัวเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะเข้าร้านตัดผมอย่างใครเขา มือเล็กดันกรอบแว่นขึ้นชิดหน้าก่อนกุมมือทั้งสองไว้ที่อกพลางปิดเปลือกตาลง
“พระผู้เป็นเจ้า ขอให้วันนี้ของลู่หานเป็นวันที่ดีนะครับ”
ขอพรกับพระผู้เป็นเจ้าเสร็จก็ลืมตาสูดลมหายใจลึกอย่างเรียกกำลังใจ ขาเล็กก้าวไปยังหน้าประตูสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง ในหัวนึกคิดแต่ทางเดินไปร้านคุณปาร์คตามสไตล์เด็กเฉิ่ม มือเล็กจับลูกบิดประตูเปิดออกกว้าง
ทว่าก้าวได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น…
“ไง”
“คะคุณเซฮุน!”
คนตัวเล็กร้องลั่น ไม่รู้พระผู้เป็นเจ้ารังเกียจเด็กเฉิ่มอย่างเขาไปด้วยอีกคนหรือไรถึงไม่รับฟังพรที่เขาร้องขอ นี่มันยิ่งกว่ารายการเรียลลิตี้เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้คือชายที่เขาเพิ่งจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ไม่อยากเจอที่สุด
และตอนนี้คนคนนั้นก็กำลังยืนหล่ออยู่หน้าบ้านลู่หาน!!!
“คะคุณเซฮุน… รู้บ้านผมได้อย่างไรครับ”
“ถามเหี้ยไรควายๆ กูก็สืบประวัติมึงน่ะสิ”
ราวกับถูกตอกหน้า ลู่หานก้มหน้าชิดคางเมื่อน้ำเสียงนั้นเริ่มแข็งขึ้น แต่ก็ยังแอบชำเลืองมองร่างสูงตรงหน้าพลางเม้มริมฝีปากฉับเมื่อชายหนุ่มในวันนี้นั้นจับสายตาเหลือเกิน
ขนาดไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนคุณเซฮุนยังดูหล่อได้ขนาดนี้เลย ลู่หานอิจฉาจัง
ชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีบลอนด์สว่างไม่เป็นทรงสวมแว่นตาเรย์แบรนด์สีชาขับให้ดูหล่ออย่างร้ายกาจ เสื้อกล้ามสีเทาอ่อนคอกว้างโชว์ท่อนแขนกำยำสลักรอยสักยาวเต็มแขน กางเกงยีนเดฟสีซีดขาดแว่งเสริมให้ชายหนุ่มดูสูงโปร่งสมส่วนยืนพิงรถคันหรูสีดำเงา
คุณเซฮุนจะหล่อเกินไปแล้วนะ งื้อ
ท่าทางชำเลืองทีก้มหน้าทีทำเอาหัวหน้าไกเซอร์ยกยิ้ม มองคนตัวเล็กที่แต่งตัวเนี๊ยบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตชิดคอแล้วได้แต่กรอกตา นี่เขามาหาไอ้เด็กเฉิ่มถึงนี่ทำไมกัน
“ขึ้นรถ”
“หะเห?” ลู่หานร้องถามอย่างสงสัยเมื่อชายหนุ่มมาถึงก็สั่ง
“กูบอกให้มึงขึ้นรถไง”
“ตะแต่ผมมีงานพิเศษต้องไปทำ”
“ไม่ต้องไป”
“เห?”
“ไอ้เหี้ยจะเหอีกนานไหมกูบอกให้ขึ้นรถไง!!!!”
และเหมือนความอดทนต่อล้อต่อเถียงกับเด็กเฉิ่มจะสิ้นสุดเมื่อเซฮุนตะคอกใส่เสียงดังลั่น คนตัวเล็กที่ยังฉงนปนงงงวยอยากถามว่าแล้วงานพิเศษของเขาละ แต่ก็ทำได้แค่สับขาเดินขึ้นรถตามคำสั่งอีกฝ่ายที่พร้อมจะตรงดิ่งเข้ามาบีบคอเขาถ้ายังเอ่ยปากถามอีกรอบแน่
ลู่หานแค่ถามคุณเซฮุนเฉยๆ เองนะงื้อ ไม่เห็นต้องตะคอกเสียงใส่ลู่หานเลยนิน่า
“เหอะ น่ารำคาญจริง”
เสียงทุ้มสบถตามหลังเมื่อมองคนตัวเล็กที่หายเข้าไปในรถของเขา มือหนาจัดการเปิดประตูก่อนยัดกายเข้าไปภายในบ้าง ตวัดสายตามองคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่องก่อนสตาร์ทรถ
ซูเปอร์คาร์แอสตันมาร์ตินสีดำเงาคันโปรดของหัวหน้าไกเซอร์แล่นบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงอย่างที่รถทั่วไปเหยียบให้สุดก็แรงไม่เท่า หลังคารถถูกเจ้าของเปิดออกรับแรงลมจนกลุ่มเรือนผมปลิวไปด้านหลัง แขนยาวข้างหนึ่งยกขึ้นพาดกรอบประตูรถกระดิกนิ้วตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์
แตกต่างจากร่างของเด็กเฉิ่มที่แทบกอดเบาะรถคันหรูแน่นด้วยความกลัวปนเสียวระทึก ความเร็วของรถที่สูงจัดจนสามารถกระชากร่างให้ปลิวตามแรงลมได้ตลอดเวลาทำเอาคนตัวเล็กหลับตาแน่นขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ปลอดภัย
“หึ ซื่อบื้อเอ้ย”
เซฮุนหัวเราะหยันพลางส่ายหน้ากับท่าทีหวาดกลัวของเด็กเฉิ่ม เท้าหนาส่งแรงเหยียบคันเร่งมากขึ้นจนคนตัวเล็กนั่งสั่นน้ำตาแทบล้วงและนั่นก็ทำเอาหัวหน้าไกเซอร์กระตุกยิ้มอย่างชอบใจ
คุณเซฮุนจะรีบไปไหนนะ ลู่หานกลัวจะตายแล้วฮื้อ
และเมื่อถึงที่หมายรถซูเปอร์คาร์ก็ชะลอจอดลง เซฮุนจัดการล็อครถก่อนใช้ขายาวๆ ของตัวเองกระโดดข้ามประตูลงไปทักทายเพื่อนฝูงทิ้งให้เด็กเฉิ่มที่ยังตื่นกลัวกับความเร็วลงนั่งสั่นค้าง ดวงตากลมกระพริบปริบๆขยับแว่นชิดหน้าก่อนหันมองรอบๆ
“ที่นี่…”
สถานที่โล่งมีเพียงแค่ถนนกว้างวนเป็นวงกลม เสียงรถซิ่งดังสนั่นกลบเสียงทุกสิ่งจนหูอื้อ ด้านข้างมีแสตนที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนส่งเสียงโวกเวกร้องเชียร์อะไรสักอย่าง อีกข้างของสนามก็เต็มไปด้วยซูเปอร์คาร์หลายคันจอดเรียงลายตาไปหมด และผู้ชายที่เดินขวักไขว่ไปมาทักทายชายที่ลักพาตัวเขาก็ลักษณะโหดๆ ดิบๆ ไม่ต่างกันเท่าไหร่
สนามแข่งรถ…
“อ้าวมึงมาด้วยหรือ?”
“คุณคริส?”
ลู่หานร้องทักชายหนุ่มลูกครึ่งผมสีน้ำตาลอ่อนที่สวมเสื้อยืดสีดำโชว์ลายสักสีดำเต็มต้นแขน ใบหน้าคมหล่อเหลาวาดรอยยิ้มส่งมือเปิดประตูรถก่อนยื่นอีกมือมาตรงหน้าเด็กเฉิ่มที่มองอย่างไม่เข้าใจ
“ตัวมึงสั่นขนาดนี้จะลงจากรถไหวหรือไง?”
คนตัวสั่นพยักหน้ารับเห็นด้วยเมื่อตอนนี้เขาก็ยังสั่นกลัวกับความเร็วรถไม่เลิก มือบางวางบนมือหนาที่ยื่นรอก่อนที่อีกคนจะช่วยจับพยุงร่างน้อยออกจากตัวรถ ทว่าอาการมึนงงที่ตกค้างก็พาเอากายเล็กเสียศูนย์เซล้มสู่อ้อมแขนแกร่งของคริสที่ยืนซ้อนด้านหลัง
“อ๊ะ! ขะขอบคุณครับคุณคริส”
ลู่หานหันไปเอ่ยขอบคุณเสียงสั่นกับคนช่วยพยุง หากแต่คนที่เพิ่งเสียศูนย์ยังไม่ทันผละจากร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากออกอย่างแรงจนปลายจมูกเล็กชนเข้ากับแผ่นอกกว้าง
หมับ
“มึงไม่มีสิทธิ์แตะต้องมัน!!!!!!”
เสียงห้าวที่คำรามดังกึกก้องพร้อมสายตาดุดันสาดใส่เพื่อนสนิทลูกครึ่งอย่างคริสด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม เซฮุนขบฟันแน่นจิกนิ้วลงเอวบางของคนในอ้อมแขนอย่างแรงจนร่างน้อยร้องเสียงหลง แต่มีหรือที่โมโหจะแยแสกลับกัน เขากำลังคิดหาวิธีลงโทษไอ้ตัวเชื้อโรคในอ้อมแขนอยู่
มึงผิดคำพูดกับกู มึงเจอดีแน่ไอ้ตัวเชื้อโรค!!!!!
คริสหลุดยิ้มขำกับท่าทีของเพื่อนสนิท ดวงตาเรียวของชายหนุ่มลูกครึ่งมองอ้อมแขนของเพื่อนที่กอดรัดเอวบางอย่างหวงแหนแล้วรอบกระตุกยิ้มแผ่ว
หึหึ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ… กลืนน้ำลายตัวเองหรือเปล่า?
“กูไม่ยุ่งกับ ‘เด็กของมึง’ หรอก ขืนยุ่งไอ้แคระได้ตามมาสวดกูถึงเกาหลีแน่”
ทว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าไกเซอร์กลับตีหน้านิ่งลมหายใจสะดุด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงคิดแบบนั้น คิดว่าไอ้ตัวเชื้อโรคเป็นเด็กของเขา ชายหนุ่มหัวเราะหยันในลำคอกดยิ้มลึก
“มันไม่ใช่เด็กกู… ไอ้เหี้ยนี่ก็แค่ตัวเชื้อโรคสกปรกๆ ที่น่ารังเกียจเท่านั้นแหละ เหอะ”
คริสมองคนปากว่ารังเกียจแต่กลับกอดเอวเขาแน่นแล้วหลุดยิ้มขำ ดวงตาคมกริบตวัดมองเพื่อนหน้าโหดแล้วเดินเข้าไปใกล้
ใช่ว่าคนอย่างเขาจะไม่รู้จักนิสัยเพื่อนซะหน่อยนิ คบกันมาตั้งแต่คลานออกจากท้องแม่
“เห้อ มึงนี่มันจริงๆเลยไอ้ฮุน”
เจ้าของชื่อเงยหน้ามองเพื่อน อารมณ์ที่ยังครุกรุ่นส่งผลให้มือหนาออกแรงจิกนิ้วลงเอวบางจนร่างน้อยนิ่วหน้า
“กูขอพูดกับมึงสักประโยคดิวะ ตอนนี้กูแม่งหมั่นไส้มึงเหี้ยๆ เลยวะ”
แววตาของคริสยียวนขึ้น เอียงคอมองเพื่อนอย่างกวนโทสะ และเซฮุนคงได้ถลาเข้าไปต่อยเพื่อนที่กวนหาเรื่องแน่ ถ้าไม่สะดุดกับประโยคของเพื่อนลูกครึ่งเข้า
“หวงตัวเชื้อโรคที่ปากบอกรังเกียจ… มันเรียกว่าอะไรวะ?”
หวงหรือ เขานะหรือหวงตัวเชื้อโรค
เหอะ ไม่มีทางซะหรอก กูเกลียดตัวเชื้อโรคอย่างมันจะตาย!!
ต่อ
สนามแข่งรถกว้างเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องเชียร์ซูเปอร์คาร์สี่คันที่กำลังโลดแล่นอยู่กลางสนาม ดวงตากลมใต้กรอบแว่นมองความเร็วของรถที่ปะทะกันอย่างสูสีด้วยความตื่นเต้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอเล็กน้อยหลุดเสียงครางราวเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นถูกใจ
“มึงชอบหรือ?”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างกาย นัยน์ตากลมใต้กรอบแว่นเบนมองคริสที่ยืนเกาะรั้วเหล็กวางสายตาลงที่การแข่งตรงหน้า อาการอ้ำอึ้งราวไม่กล้าพูดของเด็กเฉิ่มทำเอาคริสจุดรอยยิ้มมุมปากอย่างที่พาเอาเหล่าสาวๆ ถ้ำมองกรี๊ดกร๊าด
“ไม่ต้องกลัวกูหรอก มึงอยู่กับกูมึงพูดได้ทั้งหมด”
กลีบปากบางเม้มแน่นก่อนเหลือบไปยังข้างสนามด้านล่างที่มีร่างสูงสง่าของหัวหน้าไกเซอร์ยืนเช็คเครื่องยนต์เตรียมพร้อมลงแข่งเซ็ตต่อไป เซฮุนฝากเขาไว้กับคริสพลางกำชับให้เขาห้ามเดินเพ่นพ่านไปไหนก่อนที่อีกคนจะเดินหายไป
“ว่าไง?” คริสเอ่ยถามย้ำ เมื่อเห็นร่างเล็กนิ่งนาน
“ครับ ผมชอบ”
คนรอคำตอบยิ้มเมื่ออีกคนยอมพูดออกมา นัยน์ตาคมตวัดมองเด็กเฉิ่มข้างกายอย่างพิจารณาพลางยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ ลู่หานถือเป็นคนที่ถ้าจับตามองดีๆ จะรู้ว่ามีเสน่ห์อยู่มาก แต่น่าเสียดายที่เสน่ห์เหล่านั้นกลับถูกปกปิดภายใต้แว่นตากรอบหนาและทรงผมที่ยาวรุงรังปิดหน้าปิดตา
ก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่เพื่อนเขาต่างหลงไอ้เฉิ่มนี่กันเป็นแถว
“มึงชอบมันหรือ”
“ครับผมชอบ” ลู่หานตอบทันควันราวคนเหม่อลอยยามที่สายตายังไม่ละออกจากข้างหน้า คริสหลุดยิ้มขำอีกครั้ง
“กูหมายถึงว่ามึงน่ะ… ชอบไอ้ฮุนหรือ”
ลู่หานสะดุ้งกับคำถามนั้นก่อนหันขวับมองคนข้างกายด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ดวงตากลมใต้กรอบแว่นสั่นไหวรุนแรงราวถูกพายุพัดผ่านก่อนจะดับแสงวูบเมื่อถ้อยคำโหดร้ายที่ได้ยินกรอกหูประจำยังเฝ้าตอกย้ำ ...ลู่หานนะหรือจะชอบคุณเซฮุน ไม่สิคนอย่างลู่หานมีสิทธิ์ชอบคุณเซฮุนได้ด้วยหรือ?
ก็ในเมื่อลู่หานเป็นเพียงแค่ตัวเชื้อโรคน่ารังเกียจของคุณเซฮุนเท่านั้น ...ลู่หานเป็นได้เท่านั้น
“ผะ... ผมเปล่า”
“ก็เห็นมึงมองแต่มัน”
“เห?”
ท่าทีตื่นตระหนกพร้อมเสียงหลงทำเอาคริสลอบยิ้มลึก ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบแผ่วเบาข้างหูด้วยประโยคที่ทำเอาเด็กซึนในสายตาคริสแก้มขึ้นสีแดงเรื่อ
“มึงน่ะ… มองแต่ไอ้เซฮุนมันรู้ตัวบ้างหรือเปล่า”
ฉ่า
ราวเสียงควันพุ่งออกจากกาน้ำร้อนที่เดือดจัด ลู่หานรู้สึกร้อนยิ่งกว่าน้ำเดือดในกานั้นก็ไม่ปาน หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะเพียงเพราะถูกจับได้ว่าเขาเอาแต่มองร่างของหัวหน้าไกเซอร์ที่คอยแต่จะรังแกเขาสารพัดสารเพ อาการเก่อเขินของเด็กซึนในสายตาคริสทำเอาชายหนุ่มระเบิดหัวเราะดังลั่นอย่างไม่คิดอายภาพพจน์หนึ่งในไกเซอร์ มือหนาตวัดวางพาดบนไหล่เล็กอย่างที่ทำเด็กซึนขี้เขินสะดุ้ง
“แบบนี้มันก็สนุกใหญ่แล้วน่ะสิ” คริสยังคงพูดกลั้วหัวเราะมองร่างน้อยข้างกายที่เขินหน้าแดงก่ำอย่างทะลุปรุโปร่ง
“งื้อ คุณคริสอย่าแกล้งผมสิครับ” เสียงหวานที่ร้องขอทำเอาคริสหลุดหัวเราะแผ่ว มือหนาที่พาดไหล่เล็กกระชับขึ้นจนหัวไหล่ชิดแผ่นอกกว้าง นัยน์ตาคมตวัดมองไปยังชายหนุ่มอีกคนด้านล่างที่เลิกตรวจเช็คเครื่องยนต์ยืนจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง
อ่า… ทำไมถึงสนุกอย่างนี้นะ
“มันกำลังมองมึงอยู่”
“เห?” ลู่หานร้องเสียงหลงอีกครั้งกับเสียงที่กระซิบข้างหู ดวงตากลมเบนต่ำไปยังหัวหน้าไกเซอร์ที่ยืนจ้องเขานิ่ง
แววตาแบบนี้….
“หึ ก่อนที่มันจะขึ้นมาอาละวาดกูว่ามึงลงไปหามันดีกว่า”
“คะครับ?” ลู่หานหันไปมองคนข้างกายอย่างฉงนทว่ากลับถูกยัดขวดน้ำเย็นจัดใส่มือแทน ยังไม่ทันให้ลู่หานได้ถามต่อแผ่นหลังเล็กก็ถูกอีกคนผลักเดินไปอีกทาง
“ลงไปหามันก่อนที่มันจะขึ้นมาฆ่ามึง อ่ออย่าลืมเอาน้ำไปให้มันแล้วอ้อนเสียงหวานด้วยละ”
“เอ่อ…ครับ” ลู่หานพยักหน้ารับ มองคริสที่ยกยิ้มขยิบตาให้อย่างไม่ไว้วางใจ แต่ขาเรียวเล็กก็กลับพาเอาร่างบอบบางก้าวเดินลงบันไดเมื่อนึกถึงสายตานั้น
ลู่หานยังไม่อยากโดนคุณเซฮุนฆ่าที่นี่หรอกนะ
ขาเล็กก้าวมายังข้างสนามที่มีนักซิ่งหลายคนยืนเช็ครถรวมถึงอวดรถประปราย เมื่อมองเห็นร่างสูงของคนที่ต้องการก็เดินเข้าไปหาโดยทันที
“พี่เซฮุนอย่าลืมนะคะ ถ้าชนะโซยอนมีรางวัลให้พี่เซฮุน... จนถึงใจเลยละคะ”
“หึ”
ลู่หานมองร่างสูงของหัวหน้าไกเซอร์ที่ยืนคลอเคลียหญิงสาวสุดสวยในชุดห่มน้อยโชว์ผิวขาวแสนเซ็กซี่นอนบนกระโปรงรถสีดำสนิท และก่อนที่ชายหนุ่มจะโน้มตัวลงต่ำกลืนกินกลีบปากสีแดงสดของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน ลู่หานเม้มปากแน่นกับสองร่างที่กอดรัดบนกระโปรงรถพลางกำขวดน้ำในมือแน่น และเมื่อเห็นว่ามือหนาของเซฮุนกำลังลูบไล้ขาเรียวของหญิงสาวขึ้นสูง เด็กเฉิ่มไร้เดียงสาก็อึ้งตกใจปล่อยขวดน้ำในมือล้วงอย่างลืมตัว
ตุบ
“ไร้มารยาท! ไม่เห็นหรือว่าคนกำลังเมคเลิฟกันอยู่นะห๊ะ!”
เสียงแวดของหญิงสาวดังขึ้นแต่ก็ไม่สามารถปลุกอารามตกใจของลู่หานที่สติหลุดได้ ชายหนุ่มที่ถูกขัดกลางคันหันมองอย่างไม่พอใจเตรียมอาละวาด หากแต่เมื่อพบว่าเป็นใครคิ้วเรียวก็กลับขมวดแน่น
“กูบอกให้มึงอยู่ข้างบนไง”
“อะเอ่อ… คือผะผมเอาน้ำมาให้คุณเซฮุนน่ะครับ…”
ร่างเล็กที่ตั้งสติได้ก็รีบก้มลงเก็บขวดน้ำขึ้นมาถือไว้ในมือพลางยื่นไปตรงหน้า เซฮุนมองขวดน้ำในมือเล็กพลางกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอื้อมรับมากระดกดื่ม
คุณเซฮุนดื่มน้ำขวดที่ลู่หานให้ด้วย ลู่หานดีใจจังเลย
“กูกำลังลงแข่งตาต่อไป”
ทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นก็ทำเอาใบหน้าสวยเงยมองอีกคน นัยน์ตากลมกวาดมองรองข้างก็พบว่ากำลังประกาศผลชนะรอบที่แล้วกันอยู่
“ครับ”
“มึงรอกูอยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน”
คนตัวเล็กมองอีกคนที่กำชับสั่งอย่างไม่เข้าใจแต่มีหรือที่เด็กเฉิ่มอย่างลู่หานจะกล้าปริปากถามนอกจากพยักหน้าตอบอย่างจำยอม ทว่าก็ไม่มีเวลาสงสัยนานเมื่อคำพูดถัดมาก็พาเอาปรางแก้มใสขึ้นริ้วแดง
“กูต้องชนะ และมึง... ก็ต้องอยู่รอชัยชนะของกูตรงนี้”
ลู่หานมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินหายเข้าไปในรถก่อนขับออกไปยังสนามเพื่อเตรียมการแข่ง รถซูเปอร์คาร์สีดำของหัวหน้าไกเซอร์ผู้เลื่องชื่อจอดริมสุดเหยียบคันเร่งพ่นควันข่มคู่แข่ง ทุกสายตามองมายังชายหนุ่มที่เตรียมพร้อมกลางสนามและพวกเขาทุกคนก็รู้ดีว่าไกเซอร์ทุกคนยามอยู่บนสนามแข่งรถน่ากลัวมากเพียงใด
คุณเซฮุนต้องชนะ ลู่หานเชื่อ เชื่อแบบนั้น
“เรดี้... โก!!!”
สิ้นเสียงรถทั้งสี่ก็ทะยานตัวออกแล่นยังสนามกว้างทันที ความเร็วที่ไม่มีใครยอมใครทำเอาคนเชียร์ส่งเสียงโห่ลั่น คนอื่นจะเชียร์ใครลู่หานไม่รู้ ลู่หานรู้เพียงแค่ในตอนนี้เขาไม่สามารถละสายตาออกจากซูเปอร์คาร์สีดำของหัวหน้าไกเซอร์ที่วิ่งนำอยู่ได้เลย หัวใจดวงเล็กเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งเมื่อพบว่าความเร็วขนาดนี้ต้องเหยียบมิดถึงไหนกัน
“ขอให้คุณเซฮุนปลอดภัยนะครับ”
ดวงตาหวานสั่นอย่างหวั่นกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับคนใจโหดที่กำลังซิ่งอยู่กลางสนามด้วยความเร็วสูง และแล้วรอบสุดท้ายก็มาถึง รถเซฮุนยังคงนำเป็นที่หนึ่งแต่ก็ไม่ยังน่าไว้วางใจเมื่ออีกคันยังคงตามมาติดๆ ลู่หานจ้องรถสีดำไม่กระพริบตา ทว่าโค้งสุดท้ายที่กำลังมาถึงนั้นเอง…
“ลู่หานนายมาทำอะไรที่นี่นะ?”
“อ๊ะ คะคุณชานยอล”
ดวงตาที่จ้องเพียงแต่รถซูเปอร์คาร์สีดำด้วยหัวใจลุ้นระทึกกลับหันมองเจ้าของเสียงนุ่มที่จำได้ขึ้นใจในทันที ดวงตากลมเคลือบแสงหวานเฉกเช่นรอยยิ้มที่มอบให้ชายตรงหน้า
คุณชานยอลคนใจดีของลู่หาน
“เอ่อคือผม...”
“ปี๊ด!!!”
เสียงนกหวีดดังลั่นเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง คนรอบด้านต่างส่งเสียงเฮปนโอดครวญกับผลประกาศผู้ชนะ หากแต่เสียงเหล่านั้นก็ไม่สามารถดึงรั้งเด็กเฉิ่มที่ถูกบังคับให้เฝ้ารอชัยชนะหันกลับไปวางสายตาที่เดิม
“คุณชานยอลก็แข่งรถด้วยหรือครับ?”
คำถามที่ส่งมาจากเด็กเฉิ่มน่ารักเรียกรอยยิ้มกว้างของชานยอลที่มองอย่างอ่อนโยน
ขณะนั้นเองกลางสนามแข่งที่ประกาศผลชนะแล้วก็กำลังร้องเฮลั่น โอเซฮุนก้าวขาลงจากรถพร้อมรอยยิ้มกว้างของผู้ชนะยกมือตบกับคนที่เดินเข้ามายินดี พลันดวงตาคมสีอัลมอนด์ก็ตวัดมองกลับไปยังจุดที่กำชับให้เด็กเฉิ่มยืนรอ ทว่า...
กรอด
ดวงตาคมสะบัดวูบแข็งกร้าวขึ้นทันตา มือหยาบกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ขบฟันจนกรามเด่นนูน ไอความกดดันแผ่กระจายทั่วจนคนรอบด้านที่เริ่มสังเกตุเห็นปฎิกิริยานิ่งผิดปรกติจากหัวหน้าไกเซอร์หยุดชะงัก
ขายาวของคนแผ่ไอกดดันก้าวเดินดุ่มๆ ไปยังจุดวางสายตาที่ยิ่งใกล้ยิ่งตีอารมณ์ครุกรุ่นขึ้นทุกวินาที ภาพปาร์คชานยอลที่ไม่รู้มาตอนไหนกำลังยืนคุยกับตัวเชื่อโรคของเขาอย่างถือดี และยิ่งอาการของเด็กเฉิ่มซื่อบื้อที่ไม่สนใจการแข่งขันของเขาพูดคุยกระหนุงกระหนิงกับอีกคนยิ่งทำให้โกรธจัด แต่ถึงอย่างไรโอเซฮุนก็จะไม่รู้สึกหัวเสียเหมือนคนบ้าได้เท่านี้ถ้าเขาไม่เห็นรอยยิ้มหวานจากคนตัวเล็กที่มอบให้ร่างนั้น
เหอะ! อยู่กับมันละยืนยิ้มหวานหน้าบานทีอยู่กับเขาละตัวสั่นงกๆ เหมือนลูกหมาอดอยาก!!
“สัดเอ้ย!!!!”
มึงไม่ได้ตายดีแน่ไอ้เชื้อโรค!!!!
ผลั๊ก!!!!
“ไอ้เหี้ยชานยอล!!!!!”
ต่อ
ทันทีที่ถึงตัว เซฮุนก็ส่งหมัดปะทะเข้าแก้มสากโดยไม่คิดออมแรงทันที แรงชกหนักฟาดเข้าอย่างจังจนคนไม่ทันตั้งตัวมึนไปชั่วขณะ ชานยอลตวัดสายตา ขบฟันกรอดอย่างฉุนเฉียว ยกมือขึ้นเช็ดเลือดมุมปากก่อนก้าวเดินสุมๆ ง้างแขนสวนหมัดกลับไปอย่างไม่ยอม
ผลั๊ก!!!!
“มึงต่อยกูทำเหี้ยไรวะไอ้สัดฮุน!!!!”
คนกรุ่นโกรธที่กำลังสวนหมัดชะงักแขนค้างกลางอากาศ ดวงตาที่ฉายแววเดือดสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาทีกับคำถามนั้น… นั่นนะสิ เขาต่อยชานยอลทำไม เขากำลังโมโหอะไร และเขาทำไป… เพื่ออะไร?
พอรู้ตัวอีกทีก็หน้ามืดตวัดกำปั้นใส่หน้าอีกคนแล้ว
“กูรู้แค่กูอยากต่อยหน้ามึงแม่งให้แหกคามือ… ก็เท่านั้น”
หากแต่คนเอาแต่ใจอย่างเซฮุนก็ไม่คิดขบหากับคำตอบนั้นนาน เขาเพียงแค่พูดความต้องการตอนนี้ออกมาโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล อยากทำก็ทำใครจะทำไม?
“เหอะ” ชานยอลหัวเราะหยันกับคำตอบนั้น ลิ้นหนาดันกระพุ้งแก้มก่อนถุยน้ำลายลงพื้นอย่างหงุดหงิด ทว่าคิ้วเรียวกลับยกขมวดปมแน่นเมื่อเห็นร่างน้อยของลู่หานยืนสั่นอยู่ด้านหลังเซฮุนด้วยท่าทีหวาดกลัว
ชายผู้เป็นดั่งพญามัจจุราชที่ครอบครองตัวเชื้อโรคสุดแสนน่ารังเกียจ
“เมื่อไหร่มึงจะคืนอิสระให้ลู่หาน มึงเกลียดเขาไม่ใช่หรอ? งั้นมึงก็ปล่อยเขาไปสิวะ”
ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว หากแต่เซฮุนกลับมองลึกเข้าไปยังในแววตาสีรัตติกาลของเพื่อนสนิทพลางยกยิ้มมุมปากขึ้นช้าๆ
รอยยิ้มของพญามัจจุราชที่ใครได้เห็นก็ต่างขนหัวลุก
“หึ มึงกำลังหวังอะไรอยู่วะชานยอล? เพราะว่ากูเกลียดมัน มันถึงต้องมาเป็นตัวเชื้อโรคให้กูขยี้ยังไงละ”
ชานยอลกำมือแน่นมองเพื่อนที่ยืนกระตุกยิ้มยั่วอย่างฉุนจัด เขาไม่ชอบ และยิ่งไม่ชอบหนักกว่าเดิมเมื่อลู่หานกำลังกลายเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อเซฮุน
“แต่มึงไม่ควรทำกับเขาแบบนั้นเข้าใจไหม!!! มึงไม่เห็นหรอว่าเขากลัวมึงมากขนาดไหนตัวสั่นมากขนาดไหนตอนอยู่ใกล้มึง!!!!!!”
ราวกำแพงความอดทนขาดสะบั้น ชานยอลตะเบ่งเสียงดังลั่น แต่เขาก็รู้ดีว่ามีหรือที่เซฮุนจะหวั่นกลัว ไม่เลย…
“เหอะ มึงพูดแบบนี้…” เงียบไปอึดใจ “มึงชอบมันหรือ”
ดวงตาคมของชานยอลสะบัดวูบก่อนกลับมาแข็งกร้าวตามเดิม เขาเบนสายตาไปยังร่างเล็กที่ตัวสั่นหงิกๆ หลังเซฮุนก่อนกลับมามองเพื่อน
“เออ...”
เพียงคำพูดเดียวที่เบาหวิว คนถามกำมือแน่นกายแกร่งสั่นไปด้วยความกรุ่นโกรธ และประโยคถัดมานั้นเอง
“...กูชอบมัน”
“ไอ้สัด!!!!!!!”
ผลั๊ก!!!!
เพียงพริบตาเดียวเซฮุนก็พุ่งตัวปล่อยหมัดกระแทกหน้าชานยอลอีกครั้ง หากแต่ครานี้กลับส่งแรงหนักกว่าเดิมอย่างคนฉุนขาด ดวงตาคมประกายเปลวไฟอย่างเดือดดาลพร้อมมือที่กำแน่นจนขึ้นข้อขาว ร่างของหัวหน้าไกเซอร์ที่กำลังโมโหจัดจนสั่นไปทั้งร่างและไม่ต้องรีรอคนฉุนขาดก็ทะยานตัวถลาจะเข้าไปซัดอีกครั้ง
“หยุด!!! พวกมึงเป็นเหี้ยไรกัน!!!!!!!!!!!”
ทว่าก่อนที่แรงกระแทกจะพุ่งเข้าใส่ชานยอลอีกครั้งคริสก็วิ่งเข้ามาแทรกกลางพร้อมลูกน้องที่เข้ามายึดร่างของไกเซอร์ทั้งคู่ เหตุการณ์ชุลมุ่นวุ่นวายเมื่อทั้งเซฮุนและชานยอลดูท่าจะไม่สงบพายุอารมณ์ลงง่ายๆ
“ก็มันกวนส้นตีนกูก่อน!!!”
“มึงนั่นแหละไอ้ชานยอล!!!” เซฮุนสวนทันควันพลางพยายามสะบัดตัวออกจากการล็อคกุมให้เป็นอิสระแต่ก็ไร้ผล
คริสตวัดสายตามองทั้งชานยอลและเซฮุนสลับกันไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงก่อนตวาดดังลั่นอย่างที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มได้สติ
“แต่พวกมึงเป็นเพื่อนกัน!!!! พวกมึงคือไกเซอร์ลืมไปแล้วหรือไง!!!!!!!!”
ทั้งสองมีท่าทีนิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด ใช่เพราะว่าพวกเขาคือไกเซอร์ที่ยิ่งใหญ่ และพวกเขาก็ไม่ควรจะแตกคอกันให้เป็นจุดอ่อน นั่นคือหนึ่งในกฎไกเซอร์ที่พวกเขาเคยตกลงกันไว้
“ปล่อย”
เซฮุนกดเสียงเข้มเอ่ยกับคนที่ล็อคร่าง คริสพยักหน้าส่งให้ลูกน้องที่คุมตัวทั้งคู่เป็นเชิงอนุญาติก่อนที่ทั้งสองจะได้พ้นพันธนาการ ชายหนุ่มนึกโล่งใจที่เห็นท่าทีสงบของทั้งคู่ หากแต่คริสคงลืมอะไรไปหรือเปล่า...?
โอเซฮุนน่ะคือพญามัจจุราช
และสันดานของปีศาจร้ายไม่มีทางขาวสะอาดได้ง่ายๆ หรอก
หมับ
“อ๊ะ คุณเซฮุน”
“ปล่อยลู่หานเดี๋ยวนี้!!!!”
ชานยอลกระชากเสียงดังลั่นเมื่อจู่ๆ เซฮุนก็กระชากแขนเล็กของลู่หานเข้าหาอย่างแรง ดวงตาคมวาวโรจน์ยามที่เห็นใบหน้าหวานบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวดเพราะแรงบีบ
ไอ้เซฮุนมึง!
“เหอะมึงบอกว่ามึงชอบไอ้เหี้ยนี่ใช่ไหม”
เซฮุนกดยิ้มร้ายพลางกระชากแขนเล็กของเด็กเฉิ่มบีบอย่างแรงจนขึ้นรอยแดงให้อีกร่างหลุดสะอื้น และปีศาจร้ายในร่างหัวหน้าไกเซอร์กลับยิ่งต้องประกายรอยยิ้มสะใจมากขึ้นเมื่อชานยอลกำลังสั่นไปด้วยเพลิงอารมณ์
“เห้อไอ้ตัวเชื้อโรคของกูดันปล่อยความร่านใส่มึงซะแล้วหรือนี่? หึหึ”
ชานยอลจ้องเขม็งไปยังเซฮุน แรงกดดันแผ่กระจายทั่วจนใครต่างขนลุก
“แต่กูจะย้ำไว้อย่างนะ”
ชานยอลขบฟันกรอดมองร่างเล็กที่สั่นสะอื้นปล่อยหยาดน้ำตาตัวสั่นระริกข้างกายปีศาจอย่างเซฮุนพลางกำมือแน่น
“มึงชอบมัน…”
“…”
“แต่มันเป็นของกูวะเพื่อน”
“มึงมันเหี้ยไอ้เซฮุน!!!! มึงข่มเหงได้แม้กระทั่งคนไร้ทางสู้แบบลู่หาน!!!!!” ชานยอลตวาดดังลั่นพยายามจะเข้าหาเซฮุนหากแต่ถูกคริสรั้งไว้
คนถูกด่าตะโกนใส่หน้าปาวๆ กระตุกยิ้มร้าย ยิ่งอีกคนด่าเขามากเท่าไหร่ยิ่งลงแรงบีบที่แขนร่างน้อยมากเท่านั้น ลู่หานน้ำตาซึมยกมือดันแขนปีศาจที่บีบแน่นออกแต่ก็ไร้ผลจึงได้แต่ยืนตัวสั่นปล่อยหยาดน้ำตารินไหลอย่างทรมานในความเจ็บปวด
คุณเซฮุนใจร้าย คุณเซฮุนชอบใจร้ายกับลู่หาน ลู่หานเจ็บ
“งั้นมึงก็ตั้งใจฟังมันพูดให้ดีๆนะ”
เซฮุนตวัดสายตาก้มลงมองร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นปล่อยเสียงสะอื้นหักจนตัวโยนพลางก้มลงกระซิบเสียงแข็งข้างใบหูขาว ไม่มีใครได้ยินว่าเซฮุนกระซิบอะไรนอกจากเจ้าตัวที่ยืนหน้าซีดส่ายหน้ารัว
“ฮึกไม่ฮึกไม่เอานะครับฮึก”
“บอกมันไป”
“ฮึกได้โปรดครับคุณเซฮุนฮึก”
“กูบอกให้มึงบอกมันไง!!!!”
“โอ้ยฮึกผะผมยอมแล้วฮึก”
ลู่หานร้องลั่นเมื่อเซฮุนบีบแขนอย่างแรงจนเจ็บร้าวไปถึงกระดูก ดวงตากลมใต้กรอบแว่นแดงก่ำอย่างน่าสงสารสั่นระริกไม่กล้าสบสายตาน่ากลัวของโอเซฮุนที่กำลังยืนฉีกยิ้มร้าย
ปีศาจ… โอเซฮุนเป็นปีศาจร้ายกาจที่ลู่หานกลัวสุดขั้วหัวใจ
“คุณชะชานยอลครับฮึก”
“หึ… พูดไป” เซฮุนเร่งร่างเล็กที่เอาแต่ร้องไห้ให้พูดต่อ ลู่หานสั่นกลัวพลางมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมาที่เขาอย่างเจ็บปวดพลางเม้มริมฝีปากแน่น
“ผมฮึก… อย่ายุ่งกับผมอีกเลยครับอึ๊ก… ผมเป็นตัวเชื้อโรคของคุณเซฮุนฮึก… ผมเป็นตัวเชื้อโรคของเขาคนเดียว… ฮึกคนเดียวเท่านั้น”
ปีศาจร้ายยกยิ้มมุมปากเลิกคิ้วขึ้นสูงส่งไปยังชานยอลที่ยืนนิ่ง เขาผ่อนแรงที่บีบแขนเล็กลงก่อนหมุนตัวลากตัวเชื้อโรคในการปกครองเดินแหวกฝูงผู้คนออกมา หากแต่ก่อนพ้นระยะเซฮุนก็ยังไม่วายทิ้งประโยคร้ายกาจก่อนจาก
“กูบอกแล้วไง… ว่ากูมันเหี้ย”
ปึง!!!!
“นั่งนิ่งๆ เป็นไหม!!!!!!”
เสียงคำรามจากหัวหน้าไกเซอร์ที่กำลังหัวเสียดังลั่น เขาจัดการยัดร่างเด็กเฉิ่มที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดเข้ารถก่อนเดินกลับมาอีกด้านยังฝั่งคนขับ และเขาก็ต้องพบว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดจนประสาทเสียเมื่อไอ้ตัวเชื้อโรคมันเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด!
เหอะ น่ารำคาญสิ้นดี
“ฮึกผะผมขอโทษ”
หากแต่เด็กเฉิ่มก็ยังคงเป็นเด็กเฉิ่ม ยิ่งเสียงอีกคนตะคอกด้วยท่าทีน่ากลัวมากเท่าไหร่ลู่หานยิ่งปลดปล่อยความกลัวเป็นน้ำตาและแรงสั่นมากเท่านั้น
เซฮุนที่สตาร์ทรถขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดพ่นลมหายใจแรง มือหนาทุบพวงมาลัยอย่างแรงหวังระบายอารมณ์แต่ก็ดูเหมือนไม่สามารถช่วยได้เลย
เออแม่งร้องเข้าไป! อยู่กับกูละร้องไห้แม่งตลอดเวลาสัดเอ้ย!!!
“มึงจะหยุดร้องได้ยัง”
เขาพยายามกดเสียงให้นิ่งลงแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่หยุดร้องและลดอาการสั่นได้เลย
“เออดีมึงไม่หยุดใช่ไหม”
เซฮุนดันลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มอย่างระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆ ขายาวเหยียบคันเร่งเกือบมิดเพื่อให้รถมุ่งไปถึงที่หมายโดยเร็ว และในที่สุดมันก็ชะลอจอดลงที่ลานจอดรถใต้คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ดวงตากลมใต้กรอบแว่นกระพริบถี่ราวเหมือนได้สติมองรอบด้านอย่างไม่เข้าใจ หากแต่น้ำเสียงแข็งจากคนข้างกายก็พาเอาเด็กเฉิ่มเจ้าน้ำตาสะดุ้ง
“ถ้ามึงไม่หยุดร้องไห้ก็นอนกับกูแม่งที่นี่แหละ!!!!”
หะห๊ะ...?
คุณเซฮุนอย่าล้อลู่หานเล่นแบบนี้สิครับ ฮื้อ
-------------------------------------------------------------------------------------------
ASHURAHUNHAN
( สปอย : ‘กูชอบมัน’ )
14 /4 /2015
เดี๋ยวกลับมาเขียนทอร์ค แปะไว้แปบ
8 / 4 / 2015
กรี๊ดดดดดด ฉันพูดเลยว่าฉัน หมั่น ไส้ นัง เซ ฮวน มว๊ากกกกกกกกกกก
คือแบบมึงหวงเขามึงก็พูดไปเดะ ปากเป็นไรงะ อ๋อ ปากหนักไงเออปากหนัก
นี่ก็อยากรู้ว่าเซฮุนจะปากบอกเกลียดตัวเชื้อโรคไปถึงเมื่อไหร่!
มีอีกเรื่องที่อยากบอกนะคะ โดยธรรมชาติของคนเรา นิสัยมันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก
ใครที่บอกว่าอยากให้อีฮุนเป็นแบบ เปลี่ยนนิสัย ปรับปุ่งตัวให้แบบสุภาพบุรุษขึ้นไรงี้ ไม่มีทางหรอกเธ๊อ!
อ่านแจ่มใสเลิฟซีรี่ย์มากไปหรอยะพวหล่อน! #ป่าวแซะกูอ่านอยู่
ยังไงนิสัยคนเรามันก็เป็นเรื่องที่เปลี่ยนยาก เพราะมันติดตัวมาแต่เกิดมีทางเดียวคือต้องปรับตัว
และจูนเข้าหากัน เอฟวี่ติงถึงแคนโกออน อะเค๊?
ปล. พาร์ทที่เหลือชานฮุนนะยะตัวเธอ มีใครจิ้นคู่นี้ไหม #ร้องไห้โอ่งแตก
ความคิดเห็น