คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : - 3 - ( 100% )
And every time I hear your voice, I have relapsed. และทุกๆ ครั้งที่ผมได้ยินเสียงคุณ โรคของผมก็กำเริบอีกครั้ง
บรรยากาศภายในโรงเรียนนานาชาติอันดับหนึ่งแห่งเกาหลีแต่ละวันยังคงผ่านไปเช่นเดิม เฉกเช่นเดียวกับวันนี้ที่เหล่าสี่หนุ่มไกเซอร์ยังคงเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุด
“อ๊ะพี่จงอินใจเย็นๆ สิค่ะ”
“น้องฮานิก็อย่าทำตัวน่ากินนักสิครับ”
“อ๊ะคิก”
เสียงหยอกล้อต่อกระซิกของชายหญิงดังขึ้นบนแนวเก้าอี้ยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ และนั่นจะไม่เป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านเลย หากชายคนนั้นไม่ใช่หนึ่งในไกเซอร์ที่โด่งดังเรื่องเสือผู้หญิงอย่าง …คิมจงอิน
“พี่ว่าพี่เริ่มชักจะไม่ไหวแล้วครับ…”
เสียงแหบพร่าดังแผ่ว ส่งปลายจมูกคลอเคลียซอกคอกรุ่มน้ำหอมของหญิงสาวที่เอนเอียงอย่างยินยอม มือหยาบกร้านบีบเคล้นคลึงเอวคอดกิ่วปลุกเร้าอารมณ์สวาทให้โหมกระพรือ
แม้นี่จะกลางแจ้งหรือที่สาธารณะก็ตาม ซึ่งมีหรือที่เด็กวัฒนธรรมตะวันตกแต่กำเนิดอย่างคิมจงอินจะเหนียมอาย
เซ็กส์กลางแจ้งโชว์คนอื่นนี่สิ …เร้าอารมณ์เป็นบ้า
“ฮานิว่าเราไปหาที่ลับตาคนกันเถอะค่ะ อ๊ะ ฮะฮานิอายอื้อ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงขาดห้วงอย่างที่ทำให้เสือร้ายกระตุกยิ้มลึก แขนยาวตวัดโอบหญิงสาวอุ้มเดินเพื่อค้นหามุมอับหรือห้องไร้คนในการทำรักยามเช้า และเป็นที่รู้กันดีว่าสำหรับครั้งแรกของคิมจงอินจะไม่มีครั้งที่สองตามมา และที่สำคัญเขาไม่ชอบลิ้มลองรสชาติที่เคยผ่านริมฝีปากแล้ว
และน่าแปลกที่สาวสวยส่วนมากก็ต่างพร้อมใจกันทอดกายเข้าหาเสือตัวร้ายนี้
ก็จะมีใครบ้างละที่ไม่อยากเป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของคิมจงอิน!
และในขณะเดียวกันนั้นเอง
“เอ๋ แล้วตึกวิทยศาสตร์ไปทางไหนกันละเนี่ย?” เสียงหวานใสพึมพำกับตัวเองพลางยกมือเกาหัวที่ฟูฟ่องสีคาราเมลไปมา มืออีกข้างยกดันกรอบแว่นเลนส์หนาชิดดวงหน้าพลางหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อตามหาตึกเรียน
งื้อ ลู่หานยังไม่คุ้นชินกับที่นี่เลยอะ
คนตัวเล็กหันซ้ายทีขวาทีอย่างสงสัย ใจหนึ่งก็นึกอยากเดินเข้าไปถามนักเรียนคนอื่นแต่ก็ต้องพับเก็บเมื่อดูท่าทีแล้วจะไม่มีใครอยากเข้ามาเสวนากับตนด้วยสักเท่าไหร่
ก็เพราะลู่หานเป็นเด็กนักเรียนทุนที่ทั้งเฉิ่มและเชยสินะ เพื่อนๆ เลยไม่ชอบลู่หาน ._.
“อ๊ะ! นั่นคุณจงอินนี่น่า…”
เสียงหวานร้องครางเมื่อเห็นชายหนุ่มกำยำผิวแทนกำลังอุ้มหญิงสาวนัวเนียผ่านหน้า ดวงตากลมใต้กรอบแว่นเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าริมฝีปากหยักของชายหนุ่มกำลังบดขยี้กลีบปากบางของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน
นะนี่มันกลางแจ้งนะ คุณจงอินทำอะไรก็ไม่รู้ …ลู่หานเขินที่สุดเลย
และเหมือนคนถูกจ้องจะรู้ตัวจนชายหนุ่มเผลอตวัดสายตามองด้วยแววตาที่จ้องอย่างเอาเรื่อง หากแต่ทันทีที่เห็นดวงตากลมใต้กรอบแว่นสะท้อนความสงสัยก็พาเอาริมฝีปากหยักยกขึ้นช้าๆ
ไอ้ตัวเชื้อโรคจะเคยผ่านมือใครมาบ้างรึเปล่านะ...
“ไงมึง มองแบบนี้อยากโดนบ้างสินะ” จงอินปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขนลง เธอตีสีหน้าหงุดหงิดใส่แต่ก็ไม่สามารถเรียกร้องได้ เพราะหล่อนรู้ดีว่าการขัดใจไกเซอร์มันจะส่งผลร้ายสาหัสขนาดไหนน่ะสิ!
“ปะเปล่านะครับ!”
อาการเลิ่กลั่กโบกมือรัวพร้อมเสียงหวานที่โพล่งขื้นอย่างตื่นตกใจพาเอาจงอินหลุดยิ้มขำ ดวงตาขี้เล่นวาววับจ้องร่างน้อยที่ดูสั่นเล็กน้อยอย่างพอใจ โดยปกติเขาจะเข้าหาแต่ผู้หญิงสวยๆ แต่ไอ้เฉิ่มนี่ขอเป็นข้อยกเว้นละกัน
…เอาไว้แกล้งเล่นแก้เซ็งน่ะนะ
“หรอ? ว๊างี้ก็แย่เลยน่ะสิ ...พอดีกูกำลังอยากสอนวิชาเพศศึกษาอยู่ซะด้วย”
กึก!
ร่างเล็กชะงักกับถ้อยคำที่มาพร้อมลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้ม เสียงทุ้มสั่นแหบพร่าอย่างที่ทำเอาลู่หานขนลูกซู่ ความใกล้ชิดที่ไม่รู้ว่าอีกคนขยับเข้ามาใกล้ตอนไหนพาเด็กเฉิ่มร้อนวูบวาบ
งึก ลู่หานไม่ได้อยากรู้เลยนะ ลู่หานไม่ได้อยากเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาซะหน่อยนะ
“อ๊ะ! คะคุณจงอินงื้อ เอามือมาจับเอวผะผมทำไม”
คำถามที่ว่า ‘ทำไม’ พาเอาคิมจงอิมกดยิ้มลึกกว่าเดิม ก็เขาเคยเจอที่ไหนละที่พอจับพอสัมผัสแล้วฝ่ายตรงข้ามถามว่าทำไม มีแต่คนเสนอตัวตอบกลับและเบียดกายเข้าใส่อย่างผลีกายทั้งนั้น
น่าสนใจ… มากด้วย
“เอวมึงบ๊างบางแห๊ะ”
ว่าพลางลูบไล้คลึงเคล้นไปมาอย่างเพลินมือ ชั่วแวบหนึ่งที่จงอินนึกเผลอเสียดายใบหน้าและท่าทีเฉิ่มเชยของคนคนนี้ เพราะทั้งรูปร่างที่เขาสัมผัสและผิวเนื้อนั้นก็บอกได้ดีว่าบอบบางและเร้าอารมณ์ราวสตรีเพศขนาดไหน
ทำไมถึงรู้สึกอยากเข้าใกล้กว่านี้... ทำไมกัน
“อ๊ะ คุณจงอินปล่อยครับงื้อ”
และมีหรือที่เสือร้ายอย่างคิมจงอินจะรับฟังคำอ้อนวอนนั้น หนำซ้ำชายหนุ่มกลับยื่นส่งปลายจมูกโด่งคลอเคลียปรางแก้มใสให้ขึ้นสีแดงเรื่อ และราวเหมือนมีลมพายุหมุนพัดผ่านวูบที่พาเอาร่างแกร่งนิ่งค้าง
หอม... กลิ่นหอมนี้ช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน
“ตัวมึงก็ห๊อมหอม”
ราวผีเสื้อที่หลงใหลไปกับเกสรดอกไม้อันหวานฉ่ำ ราวคนหลงละเมอที่มัวเมาไปกับกลิ่นหอมหวานล้ำ
ฟอด
ความหอมรัญจวนใจเป็นชนวนชั้นเลิศที่บั่นความนึกคิดคิมจงอินให้ก้มสูดดมอย่างไม่อาจหักห้าม และความนุ่มนิ่มนี้ก็ช่างสร้างความพอใจให้แก่ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
มันหอมหวานเสียจนอยากสูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฮึ”
ชายผิวแทนหลุดยิ้มขำอีกครั้งเมื่อผละมองใบหน้าใสที่มีกรอบแว่นเลนส์หนาบังดวงตากำลังแก้มแดงปลั่ง ดวงตาคมพราวเสน่ห์ราวเสือร้ายก็อ่อนแสงลง...
และก่อนที่มือหนาของคิมจงอินจะได้ลูบสัมผัสปรางแก้มใสที่แดงระเรื่อ...
“ปล่อยมือออกจากไอ้เชื้อโรคเดี๋ยวนี้ คิม - จง - อิน!!!!!!!!!!!!!!”
ต่อ
เสียงแข็งกร้าวที่ดังลั่นพาให้ทั้งสองหันมองก่อนที่คิมจงอินจะยกคิ้วขึ้นอย่างแคลงใจ
…เซฮุน…
หัวหน้าไกเซอร์ผิวขาวสะอาดทว่าเต็มไปด้วยรอยสัก กลุ่มเรือนผมสีบลอนด์ขาวสว่างฟูยุ่งเหยิงตามสไตล์ หากแต่ดวงตาสีอัลมอนด์กลับแข็งกร้าวดุดันจนรู้สึกวาบในหัวใจ และไม่ต้องรอให้มากความ ขายาวของเซฮุนก็ก้าวเดินดุ่มๆ ตรงดิ่งกระชากร่างน้อยจากอ้อมแขนจงอินอย่างแรง
“ไอ้ฮุนม...”
“เมื่อกี้มึงทำเหี้ยไรไอ้ตัวเชื้อโรค!!!”
ยังไม่ทันที่อีกคนจะเอ่ยจบ เสียงคำรามก็ดังกระฉ่อนราวพายุพัดหลงฤดูทันที คิมจงอินหรี่สายตาลงมองเพื่อนสนิทที่ยืนตวัดแขนรัดเอวบางของเด็กเฉิ่มอย่างแคลงใจ
อะไรของมัน ไม่พอใจ? หวง?
“ฮึ”
ทว่าคำตอบที่ควรได้รับกลับกลายเป็นเสียงหยันในลำคอแทน เซฮุนกำมือแน่นพลางบีบเอวคนในอ้อมแขนระบายอารมณ์ที่ครุกรุ่นจนร่างน้อยหน้าเบี้ยว ในเวลานี้ชายหนุ่มรู้สึกเพียงแต่อยากเดินเข้าไปอัดหน้าไอ้เพื่อนผิวแทนที่ยืนกระตุกยิ้มให้สาแก่ใจสักหมัด
กล้าดียังไงมายุ่งกับ 'ตัวเชื้อโรคของกู' !
...ท่านหัวหน้าไกเซอร์จะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่า 'เผลอ' แสดงความเป็นเจ้าของไอ้ตัวเชื้อโรคที่รังเกียจเข้าไส้เข้าเสียแล้ว
“มึงกำลังกวนส้นตีนกูอยู่นะคิมจงอิน”
คนเผลอกดเสียงเข้มต่ำอย่างที่ใครได้ยินคงกลัวหัวซุกหัวซุน ดวงตาคมวาวโรจน์จ้องเพื่อนผิวแทนอย่างเอาเรื่อง ดวงตาที่ฉายชัดทุกอารมณ์อย่างที่ทำให้คิมจงอินหายแคลงใจในทันตา ดวงตาที่ทำให้คิมจงอินกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างไม่อาจหักห้าม ...เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด
มึงถูกใจ… กูก็ถูกใจ... เหอะ!
“มึงถูกใจมันสินะ”
ทว่าคำพูดนั้นกลับทำเอาร่างหัวหน้าไกเซอร์ชะงัก ดวงตาคมสีอัลมอนด์สะบัดวูบก่อนกลับมาดุดันตามเดิม มือยาวโอบรัดเอวเล็กเข้าชิดกายแนบแน่น
ถูกใจงั้นหรอ? เหอะ! คนอย่างโอเซฮุนไม่มีทางถูกใจไอ้ตัวเชื้อโรคโง่ๆ นี่หรอก!!!
ความคิดหนักแน่นที่สุดแสนตรงข้ามกับการกระทำ
“กูไม่มีวันลดตัวไปหลงผิดกับของต่ำๆ แบบนี้หรอก!!!”
คำตอบชัดเจนดังสนั่นทุกถ้อยคำอย่างที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกเด็กเฉิ่มกระตุกรู้สึกเจ็บจึกอย่างไม่เข้าใจ ตรงข้ามกับคิมจงอินที่กระตุกยิ้มร้ายอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ นอกเสียจากแววตาที่สะท้อนความสนุกออกมา
เรื่องสนุกต้องเกิดขึ้นแน่ๆ …เรื่องสนุกที่มีท่านหัวหน้าของเขาเป็นพระเอกแสนโหดร้าย
ชักอยากเข้ามาแสดงเป็นตัวละครหลักซะแล้วสิ
“มึงพูดออกมาเองนะ” จงอินว่าเสียงเรียบหากแต่ดวงตากลับวาววับ
เซฮุนตีสีหน้าเรียบ นัยน์ตาคมลุกโชนไปด้วยเปลวไฟเกรี้ยวกราด ท่อนแขนออกแรงล็อคเอวบางชิดกายแนบแน่นยามที่ขายาวของจงอินขยับเข้ามาใกล้ ลู่หานเบ้หน้าอย่างเจ็บปวดเมื่อเซฮุนจิกมือลงที่ช่วงเอว
“มึงพูดออกมาเองนะว่ามึงจะไม่มีวันลงตัวลงไปหาตัวเชื้อโรคของมึง”
จงอินยังคงกล่าวย้ำ ไม่ยี่หระต่อสายตาเดือดดาลแรงกล้า ยิ่งเห็นว่าขยับเข้าใกล้มากเท่าใดท่อนแขนของเซฮุนก็ยิ่งล็อคเอวบางแน่นขึ้นเท่านั้นเจ้าตัวก็ยิ่งรู้สึก ...สนุก
สนุกที่ได้ปั่นหัว สนุกที่ได้เห็นอาการหวงของของเพื่อนใจโหด
“งั้นกูก็คงต้องบอกให้เจ้านายมันรู้ก่อนสินะ”
จงอินหยุดเท้าลง ดวงตาคมที่ฉายแววขี้เล่นตลอดเวลาเบนลงมองคนในอ้อมแขนหัวหน้าไกเซอร์พลางยกยิ้ม เซฮุนที่เห็นอีกคนมองร่างในอ้อมแขนไม่วางตาก็เกิดอาการคิ้วกระตุกดันร่างน้อยหลบหลังตน
และท่าทีนั้นก็ทำเอาจงอินกดยิ้มลึก ชายหนุ่มยืดตัวตรงหัวเราะหยัน
“ถุ้ย! ปากบอกไม่สนใจมันแต่กลับแสดงท่าทีหวงแหน”
“เสือ กเหี้ยไร มันเรื่องของกู”
“เออกูเสือ ก แล้วกูก็หน้าด้านจะเสือ กต่อไปด้วย” จงอินมองเพื่อนที่สาดประกายไฟผ่านดวงตาอย่างไม่รู้สึกรู้สา เพราะหากเป็นคนอื่นแค่โดนเซฮุนมองหน้าก็วิ่งหนีเตลิดแล้ว แต่ขอโทษนะโอเซฮุนกับคิมจงอินก็สันดานไม่ได้ต่างกันมากนัก ถึงมันจะเป็นหัวหน้าไกเซอร์ก็ตามเถอะ!
“แต่กูก็ขอบอกมึงไว้อย่างหนึ่งนะ” จงอินยิ้มร้ายเบนสายตามองร่างเด็กเฉิ่มที่ถูกเซฮุนดันตัวไปยังด้านหลัง เขามองก่อนเบนกลับตามเดิม และคำพูดต่อมา… “กูถูกใจไอ้ตัวเชื้อโรคของมึงวะ”
พลั๊ก!!!
เพียงเสี้ยววินาทีเดียว... หมัดหนักสาดใส่แก้มคิมจงอินจนเซถลาไปด้านหลังอย่างแรง เซฮุนกำมือแน่นจ้องเพื่อนอย่างกินเลือดกินเนื้อ ใบหน้าคมโกรธขึ้งดวงตาประกายเปลงไฟส่งความเกรี้ยวกราดผ่านแรงชก อยากเข้าไปต่อยอีกหมัดสองหมัดแต่เพราะอาการสั่นของคนตัวเล็กด้านหลังก็เหมือนฉุดรั้งสติไว้ นิ้วชี้ยาวยกขึ้นชี้หน้าเพื่อนผิวแทนที่นอนเช็ดเลือดมุมปากก่อนคำรามสนั่นด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“ไอ้ตัวเชื้อโรคเป็นของกู พวกมึงไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับมันยกเว้นกู!!!”
ปึง!!!
แรงผลักปิดบานประตูดังก้องตามแรงอารมณ์ที่ครุกรุ่นของพญามัจจุราชไกเซอร์ ดวงตาสีอัลมอนด์สะท้อนความโมโหดันร่างน้อยชิดกำแพงพรวดจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว คนฉุนเฉียวจัดการกักร่างน้อยอยู่ใต้อ้อมแขนรั้งข้อมือทั้งสองขึ้นเหนือหัว การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำเอาเด็กเฉิ่มตัวสั่น
คุณเซฮุนน่ากลัว คุณเซฮุนใจร้ายกับลู่หานอีกแล้ว...
“มึงไปอ่อยใส่ไอ้จงอินใช่ไหม!!”
กายเล็กชะงัก เงยดวงตาใต้กรอบแว่นขึ้นสบดวงตาโกรธขึงของอีกคนอย่างไม่อยากเชื่อกับคำด่าทอที่ได้ยิน
“ผะผมเปล่า อ๊ะ!”
ลู่หานร้องเสียงหลงเมื่อแรงบีบที่ข้อแขนหนักขึ้นจนเจ็บร้าว กายเล็กสั่นระรัวเมื่อกลิ่นไอความกดดันลอยรอบกาย และดูเหมือนยิ่งคนตัวเล็กพูดปฎิเสธแรงบีบที่ข้อแขนก็ยิ่งหนักขึ้นจนน้ำตาแทบไหล
“แล้วมันจะมาถูกใจมึงได้ยังไงถ้ามึงไม่ไปร่านใส่มันน่ะห๊ะ!!!”
ริมฝีปากเล็กขบกัดอย่างทุกข์ทรมานกับคำกล่าวหานั้น หยาดน้ำใสไหลเอ่อนองรอบดวงตากลมเมื่อคำพูดแต่ละคำจากชายคนนี้ช่างแสนโหดร้าย เขาทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ลู่หานคนนี้ผิดมากอย่างนั้นหรือ? ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้โหดร้ายกับเขาได้ถึงขนาดนี้เชียว
คำก็อ่อย คำก็ร่าน
“ผมอึ๊ก… ผมไม่ได้ทำอะไรฮึกเลยนะครับ”
น้ำเสียงสะอื้นที่หลุดดังทำเอาคนโมโหจัดอารมณ์สะดุด แต่เพียงแค่แวบเดียวก็กลับมาแข็งกร้าวดังเดิม
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้!!!!”
เซฮุนตวาดดังลั่น เขาไม่ชอบ… และไม่ชอบมากๆ ด้วยกับหยดน้ำที่เกลือกกลิ้งอยู่ในแววตาใต้กรอบแว่นนี้ และมีเพียงวิธีเดียวที่คนป่าเถื่อนเอาแต่ใจอย่างเซฮุนทำเป็น… นั่นก็คือสั่ง
“จะหยุดได้หรือยังห๊ะไอ้สัด!!!!!!”
“ฮึกอึ๊ก”
ยิ่งเสียงคำรามดังสนั่นเพียงใด หยดน้ำตาก็ยิ่งล่วงหล่น ลู่หานทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทั้งแตกตื่น สติเหมือนปลิวหายไปหมดทำได้แต่ปลดปล่อยความกลัวที่อัดแน่นในอกเป็นอาการสั่นสะอื้น อารามตัดพ้อปนน้อยใจที่ถูกต่อว่าทั้งที่ไม่เคยคิดทำอย่างนั้นทำให้ลู่หานกล้ามากพอที่จะยกมือดันอกแกร่งออกเบาๆ
แต่ก็แค่กล้าที่จะดันอกอีกคนเบาๆ เท่านั้นแหละ
“กูบอกว่าให้หยุดไง แม่งเอ้ย หูดับหรือไงวะ!!!!!”
เสียงเข้มตวาดอีกครั้ง มองร่างน้อยในอ้อมแขนที่สะอื้นสั่นจนตัวโยนอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกรำคาญที่ร่างนี้เอาแต่ร้องไห้ทุกครั้ง ร้องไห้ทุกเวลาที่เจอเขา อยากหยุดไอ้น้ำบ้าๆ ที่ไหลจากดวงตาให้สิ้นซาก
ร้องอยู่ได้! ตัดบ่อน้ำตาทิ้งแม่งเลยดีไหม
“โถ่เว้ย!! กูสั่งว่าให้หยุดร้องไงไอ้เหี้ย!!!!”
“อึ๊กฮึก”
มือหยาบยกขึ้นขยี้เรือนผมตัวเองอย่างอารมณ์เสีย เมื่อยิ่งพูด(?)ร่างน้อยก็ยิ่งสะอื้นหนักกว่าเดิมจนเขานึกสงสัยว่าร่างนี้ตุนน้ำตาไว้เพื่อร้องไห้อย่างเดียวหรือไงกัน
เสียงเข้มที่สั่งเอาสั่งเอาว่าให้หยุดร้องนั้นทำให้เด็กเฉิ่มนึกหวนไปยังความอ่อนโยนของปาร์คชานยอล ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโรงเรียนนี้ที่ปลอบเขาได้อบอุ่นที่สุด
ฮึกคุณชานยอลอยู่ไหน …ลู่หานกลัว …ลู่หานกลัวผู้ชายคนนี้
“ถ้ามึงไม่หยุดกูจะฆ่ามึงแล้วนะ”
เสียงเข้มกดต่ำลงกว่าเดิม คำขู่ที่ไม่ได้ทำให้ร่างน้อยหยุดสะอื้นหนำซ้ำยังปล่อยน้ำตาหนักกว่าเดิม เซฮุนแหงนหน้าสูดลมหายใจลึกเพื่อกดความหงุดหงิดที่ตีรวนขึ้นหัวใจให้จมดิ่งหายไป แต่นั่นก็เหมือนไม่ได้ผลเมื่อเสียงสะอื้นยังคงดังรอดให้ได้ยิน
“มึงท้าทายอำนาจมืดกูเองนะ”
เซฮุนเอียงคอมองคนที่สะอื้นหักในอ้อมแขนอย่างเอาเรื่อง และในวินาทีต่อมา…
“อื้อ”
ริมฝีปากหยักบดขยี้กลีบปากเล็กที่เจ่อแดงเพราะเจ้าตัวเอาแต่กัดกลั้นเสียงสะอื้นลงมาอย่างแรง มือหยาบดันร่างน้อยเข้าชิดกาย คนถูกจู่โจมเบิกดวงตาโพลงมองซีกแก้มอีกฝ่ายที่อยู่ชิดใกล้ด้วยหัวใจที่สั่นระรัว
คะคุณเซฮุนจูบลู่หานอีกแล้ว…
และต้องขอบคุณความไม่ประสีในรสรักของลู่หานที่ทำให้เด็กขี้แยเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว มือเล็กที่ในตอนแรกผลักอกแกร่งแปรเปลี่ยนมากำเสื้ออีกคนแน่นยามที่อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาตักตวงภายใน
“อื้อ”
ความเชี่ยวชาญของโอเซฮุนสามารถเสกเสียงสะอื้นให้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางได้ในไม่นาน ลิ้นชื้นไล่ต้อนเกี่ยวลิ้นเล็กที่ถดหนีราวราชสีห์ออกล่าอาหาร สองลิ้นพัวพันจนแยกแยะไม่ออกเนรมิตรสชาติหวานฉ่ำให้เชยชิมและลุ่มหลง หลงไปกับรสจูบที่หวานล้ำทว่าซุกซ้อนความเผ็ดร้อน
แทบไม่อยากเชื่อว่ารสชาตินี้จะสามารถเก็บเกี่ยวได้จากตัวเชื้อโรคน่ารังเกียจ
มือหยาบทั้งสองลูบไล้เอวคอดอย่างเพลินมือ ความหฤหรรษ์ที่ปลุกเพลิงอารมณ์ให้ลุกโชนมากขึ้นทำเอาชายหนุ่มไม่อยากผละจาก ชายหนุ่มกดริมฝีปากหนักขึ้นเอียงใบหน้าปรับมุมองศาเพื่อมอบรสจูบให้ร้อนแรงกว่าเดิม
ทั้งสองหลงมัวเมาอยู่ในจุมพิตกันและกัน มือหยาบยกขึ้นลูบแก้มใสแผ่วขณะที่ลิ้นก็ยังเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กไม่ห่าง สองร่างแนบชิดกว่าเดิมตามแรงจูบที่ร้อนเร่าจนร่างน้อยครางฮือ
“อ๊า”
ริมฝีปากหยักผละออกเมื่อร่างน้อยใกล้สุดขีดอากาศหายใจ ดวงตาคมพร่ามัวมองเด็กเฉิ่มที่ผมเผ้าไม่เป็นทรง กลีบปากบางเจ่อบวมแดงราวเชิญชวน แล้วไหนจะอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงหอบหายใจแรงจนแก้มแดงเรื่อแล้วจำต้องสูดลมหายใจลึก
ทำไมตัวเชื้อโรคของเขาถึงดูเซ็กซี่…
และไม่ต้องค้นหาคำตอบให้ยุ่งยาก ชายหนุ่มก็กดริมฝีปากลงซอกคอขาวไล้สันจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมหวานที่ตราตรึงใจ กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ทั้งยั่วยวนและเรียกร้องสัมผัส…
“อ๊ะ! คะคุณเซฮุน…”
เสียงหวานร้องครางกับความปวดที่ซอกคอหากแต่มาพร้อมความเสียวซ่าน ใบหน้าหวานเอนเอียงซอกคอให้อีกคนได้เชยชมอย่างเผลอไผล หอบหายใจกระเส่าภายใต้อ้อมแขนหนาอย่างอ่อนแรง
“มึงคือของกู”
เสียงทุ้มตอกย้ำให้ร่างน้อยได้รับรู้ ยิ่งดอมดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวเขายิ่งลุ่มหลงและหวงแหน และมันก็คงไม่ผิดอะไรหากจะแสดงความเป็นเจ้าของ ก็ในเมื่อคนคนนี้คือตัวเชื้อโรคของเขานี่
ของเขาแค่คนเดียว…
“มึงเป็นตัวเชื้อโรคของกู ...ของกูแค่คนเดียว”
“อ๊ะอื้อ”
เสียงหวานร้องครางฮือกับความร้อนรุ่มตรงซอกคอ อารามวาบหวามอย่างที่ไม่เคยพบเจอทำเอาร่างน้อยแก้มแดงเรื่อ แรงกอดรัดรอบเอวแน่นขึ้นจนกายทั้งสองเสียดสีผ่านเนื้อผ้า ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ลู่หานไม่เคยพานพบแล่นริ้วเข้าสู่หัวใจให้กระหน่ำเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
“พูดสิว่ามึงคือของใคร”
“ผมอ๊ะ”
พายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำท่ามกลางหัวใจทั้งสองดวง
“เร็วเข้า”
“ผมอื้อ”
การแสดงความหวงแหนโดยที่หัวหน้าไกเซอร์ไม่ได้ตระหนักเลยว่า…
“ผมคืออ๊ะ… ตัวเชื้อโรคของคะคุณเซฮุนอื้อ… คะ คนเดียว”
“หึ…”
เขากำลังถูกใจเด็กเฉิ่มในอ้อมแขนที่เคยปริปากปฎิเสธเข้าแล้ว…
…เต็มหัวใจ
ตกเย็นหลังเลิกเรียนลู่หานยังคงทำงานพิเศษตามปกติ หากจะแตกต่างก็คงเป็นหัวใจดวงน้อยที่คอยเต้นรัวทุกครั้งยามหวนนึกไปถึงรสจูบอันร้อนแรงแต่สอดแทรกความหวานเอาไว้ ปรางแก้มแดงเรื่อทุกครั้งยามที่ยกมือแตะสัมผัสกลีบปาก
ละลู่หานเป็นอะไรไปนะงื้อ
“มีสมาธิหน่อยสิลู่หาน มัวแต่ยืนหน้าแดงอยู่ได้มีความรักหรือไงกัน”
“อ๊ะปะเปล่าครับคุณปาร์ค ขอโทษด้วยครับ!”
ลู่หานออกอาการเลิ่กลั่กเห็นได้ชัดจนคนแก่เจ้าของร้านยิ้มหวาน เด็กเฉิ่มหันมาจับจานอาหารอีกครั้งเมื่อในวันนี้ผู้ช่วยพ่อครัวไม่จำเป็นเลยสักนิดเพราะลูกค้าที่บางเบากว่าเมื่อวานอยู่มาก
“อาหารที่สั่งได้แล้วนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”
ร่างเล็กวางจานอาหารลงตามโต๊ะที่รับสั่ง ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาที่ถูกจ้องมองจากลูกค้า ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตกใจ
“คะ คุณชานยอล!”
ต่อ
“ใช่กูเอง ทำงานที่นี่เหรอ”
ชายหนุ่มตัวสูงที่ใบหน้ายังคงดุดันหากแต่ดวงตากลับฉายแสงอ่อนลงยามที่จ้องมองร่างน้อยตรงหน้า ปรางแก้มใสแดงปลั่งยามที่เผลสบดวงตาคู่นั้นจนคนมองหลุดยิ้ม
อ่า… คุณชานยอลยิ้มสวยจัง
“ครับ ผมทำงานอยู่ที่นี่แล้วคุณชานยอลมาทานข้าวคนเดียวเหรอครับ”
“อื้ม บ้านกูอยู่ไม่ไกลนี้เอง ไม่ยักรู้ว่ามึงทำงานอยู่ที่นี่”
ท่าทีน่าเกรงขามของชายร่างสูงโปร่งกลับดูผ่อนคลายลงทันตาเมื่ออยู่กับเด็กเฉิ่มอย่างลู่หาน คนรอบข้างที่ได้แต่แอบมองชายหนุ่มในความหน้าตาดีแต่กลับไม่กล้าจ้องนานเพราะหวั่นกลัวรังสีถมึลที่แผ่ออกมาอย่างน่าขนลุก
ทำยังไงถึงจะได้พูดคุยกับผู้ชายที่หล่อร้ายแต่น่ากลัวคนนั้นได้นะ
ก็ใครจะไม่กลัวปาร์คชานยอลบ้างละ แค่ใบหน้าที่เรียบเฉยดูแข็งกร้าวก็ไม่น่าเข้าใกล้เต็มทน แล้วไหนจะท่อนแขนแกร่งที่ถูกวาดลวดลายด้วยรอยสักโผล่พ้นเสื้อกล้ามสีดำโชว์หุ่นสมส่วนของเจ้าตัวนั่นอีก แล้วยิ่งกิตติมศักดิ์ไกเซอร์ผู้มีอิทธิพลอันเลื่องชื่อก็พาเอาคนรอบข้างต่างกลัวเกร็ง
แค่แอบมองก็ถือว่าใจกล้ามากพอแล้ว
“ปกติผมเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ด้านใน แต่วันนี้ลูกค้าน้อยผมเลยออกมาช่วยเสิร์ฟน่ะครับ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ”
ชานยอลยกคิ้วขึ้นก่อนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ลู่หานยืนมองหน้าชายหนุ่มสักพักด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ จนในที่สุดร่างเล็กก็ตัดสินใจหมุนกายกลับทั้งที่แอบเสียดายเพราะอยากยืดเวลาคุยกับชายหนุ่มต่ออีกสักนิด
หากทว่าเหมือนคำขอในใจของลู่หานจะสำฤทธิ์ผล เมื่อมือนุ่มถูกมือแกร่งคว้าไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“คะครับ?”
“จะเป็นไรไหมถ้ากู…อ่า”
เสียงห้าวที่ขาดห้วงพร้อมใบหน้าคมเข้มที่ก้มต่ำทำเอาร่างน้อยสงสัย
“ไม่สิจะรังเกียจไหมถ้ากูอ่าเอ่อ… ถ้าฉัน... ให้นายทานอาหารด้วยกัน”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาร่างเล็กใจกระตุกก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกยิ้มกว้างอย่างที่ทำเอาคนมองหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
“ยินดีอย่างยิ่งครับ… คุณชานยอล”
ก๊อก แก๊ก ก๊อก แก๊ก
เสียงเปิดปิดฝาไฟแช็คซิปโป้ดังขึ้นไร้จังหวะในพื้นที่เงียบสงัดข้างร้านอาหารดังยามดึก ชานยอลมองเปลวไฟที่ถูกจุดจากไฟแช็คในมือนิ่ง ปากหยักที่คาบมวนบุหรี่พ่นควันให้ลอยฟุ้ง
“สิบนาที”
เสียงทุ้มพึมพำก่อนอัดควันบุหรี่เป็นครั้งสุดท้าย มือหยาบโยนฐานก้อนมวนบุหรี่ที่ยังติดไฟลงพื้นแล้วยกเท้าขึ้นบี้ ดวงตาคมก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อแขนก่อนระบานยิ้มแผ่วท่ามกลางความมืด
“อีกสามนาทีสินะ”
หลังจากที่เขาชักชวนลู่หานนั่งทานข้าวเป็นเพื่อน ชายหนุ่มก็มีเวลามากพอที่จะเฝ้าเก็บรายละเอียดอุปนิสัยร่างน้อยคร่าวๆ ลู่หานเป็นคนพูดน้อยแต่ยิ้มง่าย เวลายิ้มดวงตากลมจะหยีๆดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของลู่หานที่มาพร้อมประกายแววตาสดใสดูน่ารักที่สุดในสายตาชานยอล
แววตาที่เหมือนมีเพชรเม็ดเล็กๆ ฝังอยู่ภายในระยิบระยับจับตา
อื้ม… เขาคิดว่าเขากำลังหลงรักดวงตาลู่หานภายใต้กรอบแว่นเลนส์หนาๆ นั่นเข้าเสียแล้วละ
“ฮึ มึงเป็นเอามากวะไอ้เหี้ยชาน”
เสียงห้าวกรั้วหัวเราะดังขึ้นกับตัวเอง ชายหนุ่มเอนแผ่นหลังพิงกำแพงข้างร้านอาหารที่ตนก้าวออกมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทว่าแทนที่จะเลือกเดินกลับบ้านแต่เขากลับเลือกยืนแอบอยู่ข้างร้านแทนหลังจากแอบถามพนักงานคนอื่นถึงเวลาปิดร้าน
อื้ม… องครักษ์กำลังเฝ้ารอเจ้าหญิงกวางน้อยสินะ
ชานยอลยกยิ้มกับตัวเองยามหวนนึกถึงใบหน้าหวานๆ ของลู่หาน เขายังคงจำได้ดีถึงใบหน้าสวยที่ไร้กรอบแว่นหนา ในนาทีนั้นเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอผลักหัวใจตัวเองให้กับความงดงามของลูกเป็ดขี้เหร่เข้าเสียแล้ว ถ้าลู่หานได้สลัดคราบลูกเป็ดกลายเป็นหงส์เมื่อใดคงสวยหวานจับใจน่าดู
แต่… แค่นี้ก็สวยจนเขาแทบลืมหายใจมากพอแล้ว
แกร๊ก
“ขอบคุณมากนะครับคุณปาร์ค”
และเวลาที่เฝ้ารอคอยก็มาถึง ลู่หานสะพายกระเป๋าเป้พร้อมก้าวเดินออกมาจากหลังร้านด้วยรอยยิ้มกระทั่งดวงตากลมคู่นั้นเบิกโพลงเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มสูงโปร่งคุ้นตาที่ยืนเอนกายพิงกำแพงตรงหน้า
“คะคุณชานยอล?”
“จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม?”
ชานยอลหยัดกายยืนตรง ดวงตาคมมองร่างน้อยตรงหน้าที่มองมาอย่างทึ่งๆ ปนตกใจก็จำต้องหัวเราะแผ่ว และเมื่อเห็นว่าในนาทีต่อมาปรางแก้มใสคนตรงหน้ากลับแดงขึ้นเขาก็หลุดยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ให้กูไปสะ…อ่า! จริงๆ เล้ยไอ้เหี้ยชาน” เสียงห้าวที่กำลังเอ่ยกับคนตรงหน้าสะดุดกึกก่อนที่ชายหนุ่มจะสบถกับตัวเองยกมือขึ้นขยี้เรือนผมอย่างหงุดหงิดตัวเอง
หากแต่ท่าทางและคำพูดนั้นที่ลู่หานพอเดาออกก็พาเอาคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างเขินอาย มือเล็กกำสายสะพายกระเป๋าแน่น ริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากัน
คุณชานยอล… น่ารักจังเลย
“นี่… ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ลู่หานหันมอง
“ให้ฉันเดินไปส่งนายที่บ้าน… จะได้ไหม?”
ตึกตักตึกตัก
คำพูดอ่อนโยนที่สุดแสนขัดกับลักษณะภายนอกสุดแบดของชานยอลพาเอาร่างน้อยใจสั่น ดวงตากลมใต้กรอบแว่นมองมือหนาที่ยื่นส่งมาตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นระรัว กลีบปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างประหม่าหวั่นว่าอีกคนจะล่วงรู้ถึงอาการหวั่นไหวของหัวใจดวงน้อย
คุณชานยอลใจดีกับลู่หานอีกแล้ว...
แทนคำตอบนั้น มือนุ่มก็วางสัมผัสบนมือหนาอย่างยินยอม
หมับ
“ได้ครับคุณชานยอล”
แม้อากาศยามค่ำคืนนี้จะหนาวเหน็บสักเพียงไหน แต่ดูท่าคงไม่สามารถทำลายกำแพงความอบอุ่นของสองมือคู่นี้ได้เลย
ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็มาหยุดลงที่หน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ชานยอลมองสำรวจรอบข้างและภายนอกบ้านก็พบว่าบ้านหลังนี้แตกต่างจากคฤหาสน์ตระกูลปาร์คของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่น่าแปลกที่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันช่างอบอุ่นกว่าที่บ้านทุกหลัง
“ถึงบ้านผมแล้วครับ”
“อื้ม”
แม้จะตอบรับหากแต่มือหนาก็ยังกอบกุมมือนุ่มอยู่เช่นเดิม ร่างเล็กแก้มแดงเรื่อก้มมองฝ่ามือใหญ่ที่กอมกุมมือตัวเองแล้วยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ริมฝีปากเม้มแน่นไม่กล้าเอ่ยปากทักท้วง
ชานยอลที่เฝ้าดูอาการเขินอายอีกคนได้แต่ยืนอมยิ้มกับตัวเอง ดวงตาจ้องมองร่างน้อยที่ก้มหน้าจนชิดคางอย่างเอ็นดู ทว่าจู่ๆ ดวงตาคู่คมก็สะบัดวูบเป็นแข็งกร้าวเมื่อสังเกตุเห็นร่อยรอยแดงบนซอกคอขาวคนตัวเล็ก
รอยแดง… ที่เกิดจากริมฝีปากคนอื่น!!!!
“อ๊ะ”
ลู่หานร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ มือใหญ่ที่จับมือตัวเองอยู่นั้นก็ออกแรงบีบหนักจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าหวานเบ้เล็กน้อยกับความเจ็บนั้นอย่างไม่เข้าใจในอาการคนตัวสูงตรงหน้านัก
หากแต่เสียงหวานที่ร้องออกมานั้นก็ฉุดรั้งอารมณ์เดือดของปาร์คชานยอลให้เบาลง ใบหน้าคมแหงนขึ้นฟ้าสูดลมหายใจลึก พยายามอย่างหนักที่จะกดแรงโทสะของตัวเองให้จางลงโดยด่วน เพราะเขากลัว… กลัวว่าร่างน้อยนี้จะออกอาการกลัวเขาหากเขากลายร่างเป็นปีศาจร้ายขึ้นมา ถ้าเป็นเช่นนั้นขึ้นมาเขาคงเป็นบ้าตายแน่ๆ
เพราะอย่างไรก็ตามปาร์คชานยอลก็คือหนึ่งในปีศาจที่ชื่อว่าไกเซอร์อยู่ดี
“ขอโทษทีพอดีลมพัดน่ะฉันก็เลยหนาวเผลอบีบมือนายแรงไปหน่อย”
แก้ตัวน้ำขุ่นๆ พยายามไม่วางสายตาลงที่ซอกคอขาว แต่มันก็ช่างเด็นชัดหราให้ชำเลืองมองเสียเหลือเกิน และนั่นก็ทำเอาชายหนุ่มขบกรามแน่น
“งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะครับ คุณชานยอลเดินทางกลับบ้านดีๆ นะครับ”
ลู่หานโบกมือลาชายหนุ่มหลังจากที่อีกคนปล่อยมือ ชานยอลมองร่างเล็กราวเหมือนกำลังชั้งใจอะไรบางอย่าง และในที่สุดเมื่อสายตามองไปยังรอยแดงบนซอกคอขาวนั้นเขาก็ตัดสินใจ
“เดี๋ยว”
“ครับ?”
“จะเป็นอะไรไหม ถ้าหลังจากนี้ฉันทำอะไรบางอย่างที่ทำให้นายไม่พอใจ”
“เห?”
“แต่ถึงนายไม่พอใจ ฉันก็ทำมันอยู่ดี”
“คุณชานย อ๊ะ”
ร่างเล็กปลิวหวือสู่อ้อมแขนแข็งแกร่งของปาร์คชานยอลก่อนที่ริมฝีปากหยักจะกดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมใต้กรอบแว่นเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจพร้อมก้อนเนื้อในอกที่กระหน่ำเต้นรัวไม่หยุด ร่างสูงกดริมฝีปากหนักขึ้นเพื่อให้ร่างในอ้อมแขนผ่อนคลาย มือหนายกลูบปรางแก้มใสที่แดงเรื่อเขี่ยแก้มนิ่มไปมาอย่างที่พาให้ร่างน้อยอ่อนระทวย
จุมพิตครั้งนี้ช่างแตกต่างจากชายโหดร้ายคนนั้น…
ความอ่อนโยนที่ชานยอลมอบให้ผ่านจูบพาเอาลู่หานหน้าร้อนวูบ ริมฝีปากบางเผยอตามอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้มให้ลิ้นชื้นสอดแทรกเข้ามาตักตวงความหวานล้ำภายใน ใบหน้าคมเอนเอียงปรับองศาเพื่อเก็บเกี่ยวทุกหยดหอม
“อื้ม”
ร่างเล็กร้องครางยามที่ลิ้นชื้นเข้ามาทักทายเกี่ยวตวัดหยอกล้อจนร่างน้อยคล้อยตาม หัวสมองขาวโพลนเบาหวิว ร่างกายราวไร้น้ำหนักถ่วงให้ลอยละล่องตามกระแสลม มันทั้งหอมหวานและอบอุ่นรวมถึงอ่อนโยนไปสุดขั้วหัวใจ
แต่ถึงอย่างไร… ลู่หานก็ไม่เคยลืมรสจูบเร่าร้อนของชายโหดร้ายคนนั้นเหมือนกัน
สองลิ้นเกี่ยวตวัดสักพักก่อนที่ริมฝีปากหยักจะผละจาก ดวงตาคมมองร่างน้อยในอ้อมแขนที่หอบหายใจจนแก้มแดงเรื่อ และยิ่งเห็นว่าปรางแก้มใสแดงกว่าเดิมเพราะถูกเขาจ้องชายหนุ่มก็อดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปกดจูบอีกครั้ง
“คะคุณชานยอลอื้อ พอก่อนครับแฮ่กๆ”
ลู่หานหอบหายใจหนักเมื่อชายหนุ่มปล้นจูบจากเขาไม่หยุด ชานยอลผละอย่างเสียดายพลางเลื่อนใบหน้าฝังจูบหน้าผากมนเป็นครั้งสุดท้ายในค่ำคืนนี้
“พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ”
ใบหน้าหวานพยักหน้ารับก้มหน้างุดอย่างไม่กล้าสบตาที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ทว่าความอบอุ่นที่วางแหมะลงบนศรีษะก็จะต้องให้ใบหน้าหวานแหงนขึ้นมองชายตรงหน้าในที่สุด
“ฝันดีนะ… ค… ครับ”
คำพูดติดขัดราวเขินอายพร้อมฝ่ามืออบอุ่นที่ละจากกลุ่มผมเขาไปเกาแก้มของชานยอลพาเอาลู่หานอมยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ คุณชานยอลน่ารัก น่ารักเสียจนเขารู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้ ท่าทางภายนอกที่ดูเถื่อนขัดกับความอ่อนโยนที่เขาได้รับพาเอาแก้มใสแดงปลั่ง
“คุณชานยอลก็… ฝันดีนะครับ”
ลู่หานหมุนกายวิ่งปร๋อเข้าบ้านโดยทิ้งใบหน้าน่ารักที่เห่อแดงเอาไว้ให้ชานยอลต้องยกยิ้มกว้าง กว้างเสียจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก
ชายหนุ่มหมุนกายหันหลังเดินกลับยังเส้นทางเดิมแต่ก็มิวายหันไปมองยังบ้านหลังเล็กอีกครั้ง เขายิ้มก่อนที่จะเดินตามทางไปเรื่อยๆ มือหนาล้วงหยิบบุหรี่และไฟแช็คซิปโป้คู่ใจขึ้นจุดสูดควันเข้าปอดก่อนพ่นออกมา
แต่ไม่นานแผงคิ้วเรียวก็จำต้องขมวดแน่น ใบหน้าคมที่ผ่อนคลายเขร่งขรึมขึ้นทันตา ท่อนแขนหนาที่เต็มไปด้วยรอยสักทั้งสองเต็มไปด้วยมัดกล้ามเกร็งขึ้นก่อนที่มือหนาจะกำเข้าหากันแน่น
รอยแดงที่คอนั่น…
“ใครเป็นคนทำ”
-----------------------------------------------------------------
ASHURAHUNHAN
( The Kingdom of Ashura : Chapter Three 100% )
31/3/2015
อันยองงงงงงงงง เป็นไงจ้ะเป็นไงกับพาร์ทนี้ นังพี่ฮุนร้อนแรงป่าเถื่อนสมใจไหม -,.-
คือนางอยากปลอบลู่หานให้หยุดร้องไห้ แต่นางทำไม่เป็น แล้วคือนิสัยก็ไม่ใช่คนดีหรือได้รับความรักจากพ่อแม่อะ
นางตวาดใส่ลู่หานให้หยุดร้อง แล้วนึกสภาพคนกำลังขวัญเสียดิ มาเจองี้คงหยุดร้องง่ายๆหรอก
สุดท้ายเซฮุนเลยจูบปิดปากให้หยุดร้องไห้ไปเลย อร๊ายยยยยยยยยยยยยย
คิดภาพตามละเขิ๊นเขิน ><
พาร์ทที่เหลือเป็นชานลู่นะคะ เห็นมีแฟนคลับคู่นี้ด้วยอ่า -3-
นี่มันฟิคฮุนฮานนะยะเธอ!!!!!!!
เดี๋ยวเจ๊จะจับกินหัวให้หมดเลย!!!!!!!
ปล. เรื่องนี้มี 3 คู่นะคะ .3. #เดากันเองว่าใครไม่มีคู่
สุดท้ายยย
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่มากมาย เย้ๆ
ขอบคุณทุกกำลังใจเลยนะคะ รักคนอ่านที่สู้ดดดด >3333<
26 / 3 / 2015
ฮัลโหลลลลลล หลังจากที่โดนแบนไปสองตอนรวด-_- ก็กลับมาอัพแล้วจ้า คิคิ
ให้ทายว่าใครที่มาขัดจงอิน *O*
ฮั่นแหนะ เดาว่าเป็นพ่อพระเอกของเราใช่ไหมละ! เอ๊ะเดี๋ยวนะ
แล้วตกลงเรื่องนี้ใครเป็นพระเอก? 5555555555555555555555555
อิเจ๊กิ่งขำแรงมาก -..-
คือคอมเม้นท์มีแต่ชานลู่งะ มันอาร๊ายยยยยยย
เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวตอนนี้จะได้กรี๊ดชานลู่หนักกว่าเดิม!!! #เอ๊ะ? 555555555555
ไปละดีกว่า จะไปอาบน้ำละเดี๋ยวพนตื่นเช้า แงแง T_T
ขอกำลังใจเล็กๆน้อยๆ ใน #อาชูราฮุนฮาน ด้วยนะคะ
ฝันดีจ้า เลิฟคนอ่านนน ม้วบบบบบ <3
ความคิดเห็น