ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - the kingdom of ashura ♡ hunhan -

    ลำดับตอนที่ #2 : - 1 - ( 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58


     Chapter1

    You stole my heart คุณได้ขโมยหัวใจฉันไป…

     








     

                    ‘ตั้งใจเรียนเข้าใจไหมลู่หาน ถ้าจบจากโรงเรียนนี้แม่กับลู่หานจะสบายไปตลอดชีวิตเลยนะ

                    ‘ครับหม่าม๊า



                    บทสนทนาเพียงสั้นๆ ดังก้องตลอดเวลาในหัวของเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเดินตามทางมุ่งตรงสู่โรงเรียนใหม่ที่ใครก็อยากเข้าเรียน

                    โรงเรียนนานาชาติดิโอส...

                    Dios มาจากภาษาสเปนแปลว่าผู้ทรงอำนาจ และแน่นอนว่าโรงเรียนนี้รวบรวมลูกหลานของเหล่าผู้มีอำนาจภายในเกาหลี โรงเรียนที่หากเรียนจบก็ต่างมีผู้มีอิทธิพลดึงตัวเข้าไปร่วมงานโดยทันที โรงเรียนที่มีคุณภาพสูงสุดถึงสิบอันดับในโลก โรงเรียนที่มีค่าเทอมแพงที่สุดในเกาหลี โรงเรียนที่... คนธรรมดาไม่สามารถเข้าได้

                    ยกเว้นเขาคนนี้... ลู่หาน



                    “เห้อ ขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่ดีนะ”

                    เสียงหวานเอ่ยพึมพำกับตัวเองราวเรียกกำลังใจ เพราะเขารู้ดีถึงกิตติมศักดิ์อันเลื่องชื่อของโรงเรียนนี้ โรงเรียนที่คนภายในนอกจากจะเรียนเก่งแล้วยังร่ำรวยล้นฟ้า ต่างคนต่างใช้ของแบรนด์เนมดีๆ ซึ่งต่างจากเขาคนนี้...

                    ลู่หานที่เป็นเพียงแค่เด็กอัจฉริยะธรรมดาที่กำลังถูกองค์กรต่างๆจับตามอง เพราะไอคิวที่เทียบเท่าไอสไตน์ทำให้ดิโอสรับนักเรียนทุนเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ไม่สิ... นับตั้งแต่โรงเรียนนี้ก่อสร้างมาเป็นร้อยปีก็ไม่เคยมีนักเรียนทุนจนๆเข้ามาเลยสักครั้ง

                    ชุดนักเรียนที่ได้มาฟรี กระเป๋าสะพายมือสอง รองเท้าเก่าๆที่เขาพยายามรักษาและดูแลไม่ให้เสื่อมตามกาลเวลา ทรงผมฟูยุ่งเหยิงที่ยาวปิดหน้าปิดตา แว่นตาอันโตกรอบหนาที่ช่วยให้คนสายตาสั้นเกินวัยอันควรมองเห็นชัดขึ้น เสื้อนักเรียนที่ติดกระดุมถึงเม็ดบนสุด กางเกงที่ดึงขึ้นสูงรัดเข็มขัดแน่นเปี๊ยะ แล้วไหนจะถุงเท้าที่ดึงขึ้นสูงถูกต้องตามกฎโรงเรียนอีก

                    ก็แค่เด็กเฉิ่มๆ เฉยๆ จนๆ คนธรรมดาที่ไม่มีความน่ามองเลย... สักนิด


                    หากจะเอาหนึ่งสิ่งไปสู้กับคนอื่นเขาได้ก็คงมีเพียงแค่ความฉลาดเท่านั้นแหละ แต่แล้วมันยังไงละ?



                    เพราะนิสัยใจคอของเด็กคนนี้ที่ขี้อาย ไม่กล้าสู้คน ขี้กลัว ก็เพราะแบบนี้แหละ...



                    “อ่ารั้วโรงเรียนใหญ่จัง...”

                    ขาเล็กก้าวมาหยุดตรงหน้าประตูรั้วสีทองอร่ามที่ตั้งขึ้นสูงบ่งบอกความหรูหราของโรงเรียน มือเล็กดันกรอบแว่นหนาขึ้น ดวงตาสวยภายใต้กรอบแว่นแพรวพราวระยิบอย่างตื่นเต้นเมื่อตนกำลังได้เข้ามาเหยียบภายในโรงเรียนที่ใครก็อยากเข้า


                    หากทว่าในขณะนั้นเอง...




                    เอี๊ยด!!!!!!!



                    “โอ้ย!!!!





              “เดินภาษาไรวะ อยากตายรึไง!!!!!




                    ร่างที่กำลังเดินเข้าสู่รั้วโรงเรียนใหม่ล้มลงไปจับกบกับพื้นเมื่อถูกมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขับปาดเฉี่ยวจากด้านหลัง มือเล็กยกยันพื้นตามสัญชาตญาณทำให้เกิดลอยถลอกจนเลือดซิบอย่างที่ทำให้ลู่หานร้องซี๊ดปาก 

                   ...ฮึก ลู่หานเจ็บ

                    หากแต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่าเสียงเข้มที่ตวาดออกมาดังลั่นอย่างที่พาให้คนรอบข้างหยุดมอง

                    “ขะขอโทษครับ”

                    เสียงหวานติดสั่นเอ่ยออกมาพร้อมก้มหน้างุดอย่างไม่กล้าเงยขึ้นมองชายร่างสูงโปร่งที่เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของรถได้ก้าวเดินลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

                    “ขอโทษแล้วทำไมไม่มองหน้ากู!!!

                    เสียงทุ้มที่ตวาดกร้าวเหนือหัวทำให้คนตัวเล็กสั่นระริกอย่างหวาดกลัว ท่าทีตื่นกลัวที่ทำให้ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เหอะ... ไอ้เด็กเฉิ่มนี่น่ารังเกียจชิบหาย

                    “ผะผมขอโทษครับ...”

                    ใบหน้าหวานพยายามทำใจกล้าเงยขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนค้ำหัว แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองหน้าอกภายใต้ชุดนักเรียนเท่านั้น เขากลัวเกินไปที่จะมองหน้าชายเสียงดุคนนี้

                    ชายร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนยกมือถอดหมวกกันน็อคใบโตเผยให้เห็นเรือนผมสีขาวสว่างอย่างที่พาให้คนรอบด้านกรี๊ดกร๊าดกับความหล่อ แต่ถึงจะหล่อขนาดไหนก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือยุ่งเกี่ยวอยู่ดี


                 เพราะอะไรนะหรือ...


                    “เสียงสั่นเชียว... กลัวหรอ”

                    เสียงเย็นทุ้มเจือหัวเราะราวเย้ยหยัน ร่างสูงทรุดกายชันเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกับคนตัวเล็กที่ยังสั่นเพราะหวาดกลัว ใบหน้าคมจ้องคนตัวเล็กที่ผมเพ้ากระเซอะกระเซิง สวมแว่นตากรอบโตอันใหญ่ที่บังมิดไปครึ่งหน้าแล้วต้องหัวเราะกับความเฉิ่มเฉยของคู่กรณี

                    “ยะอย่าทำอะไรผมเลยครับ”

    ดวงตาเรียวมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีหวาดกลัว ผู้ชายคนนี้หล่อและดูอันตรายไปพร้อมกัน

    เรือนผมสีขาวสว่างยาวละต้นคอ แผงคิ้วเรียวเข้มที่ถูกเจาะห่วงดำเล็กหางคิ้วลามไปถึงใบหูทั้งสอง ใบหน้าเรียวรีรูปไข่รับกับจมูกโด่งยาวเป็นสัน ริมฝีปากหยักที่กระตุกยิ้มยิ่งทำให้ชายคนนี้ดูน่ามอง ต้นคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อมองเห็นรอยสักสีดำเพียงเล็กน้อยขับให้ดูเถื่อนในเวลาเดียวกัน

                    ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวเกินไป

                    “คิดว่ากูจะทำอะไรมึงลงหรอ”

                    ร่างสูงว่าพลางยกนิ้วชี้ดันหัวเล็กจนหันไปตามแรงผลัก ลู่หานยิ่งก้มหน้าชิดคางหนักกว่าเดิมเมื่อชายคนนี้แผ่รังสีกดดันออกมามากกว่าเดิม

     

    ...ราวกวางตัวน้อยกำลังถูกราชสีห์ป่าจ้องเล่นงาน



                    หากแต่ดวงตาคมที่เหลือบไปเห็นป้ายชื่อบนอกร่างเล็กก็ทำให้แผงคิ้วเข้มขมวดแน่น



                    “ชื่ออะไร”


                    คำถามที่ถูกเปลี่ยนไปกะทันหันพร้อมน้ำเสียงทำเอาลู่หานฉงน ดวงตาเรียวใต้กรอบแว่นมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ



                    “คะครับ?”





                    “กูถามว่ามึงชื่ออะไร!!!!!!!




                    ชายร่างสูงฉุนกึกทันทีเมื่อร่างเล็กตรงหน้าดูซื่อบื้อจนน่าหงุดหงิด มือหนาเอื้อมคว้าแขนเล็กเข้าหาก่อนตะคอกเสียงถามใส่ดังลั่นอย่างที่ทำให้คนตัวเล็กสั่นกลัวกว่าเดิม

                    “ละลู่หาน... ผมอึ๊กชื่อลู่หาน...”

                    คนตัวเล็กที่เผลอจ้องดวงตาที่วาวโรจน์อย่างโกรธจัดของอีกฝ่ายทำให้ความกลัวตีขึ้นจนหัวใจบีบรัดแน่นเจ็บไปทั้งอก พยายามตอบออกไปโดยที่ไม่ให้เสียงสั่นแต่ก็ยากเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าดวงตาคมร้ายกาจคู่นี้





                  หากแต่เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่าคำตอบนั้นได้สร้างกองเพลิงให้พัดกรรโชกหนักกว่าเดิม





                ลู่หาน... เด็กนักเรียนทุนมันชื่อเสี่ยวลู่หาน






                    โชคชะตาช่างโหดร้ายที่เมื่อลูกกวางน้อยเหยียบเข้าโรงเรียนใหม่ก็ส่งให้พบเจอกับปีศาจร้ายโดยทันตา






                    “หึ มึงนี่เองสินะ... ลู่หาน”



                    ถ้อยคำที่เอ่ยราวรู้จักเขาทำให้คนตัวเล็กยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย หากแต่ในวินาทีนั้นกลับรู้สึกว่าพลาดอย่างมหันต์ เมื่อดวงตาคมในเวลานี้อัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาเขาให้แหลกไปทั้งร่าง...


     

                    กวางน้อยที่กำลังผชัญหน้ากับปีศาจที่ขึ้นชื่อความโหดร้ายที่สุด





                    “ดีกูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหา”

                    “โอ้ย!!!!! เจ็บ!!! ฮึกปล่อยผมไปนะครับฮึก”

                    คนตัวเล็กร้องเสียงหลงทันควันเมื่อมือหนาออกแรงบีบต้นแขนเล็กโดยไม่ปราณี ร่างเล็กยกมืออีกข้างดันมือหนาออกจากแขนที่ถูกบีบแต่ก็เหมือนไร้ผล

                    “มึงนี่เองไอ้นักเรียนทุนที่ทำให้ดิโอสต้องติดมลทิน!!!”

                    “ฮึกปล่อยผมที... ผมเจ็บ”

                    ยิ่งอีกร่างร้องขออ้อนวอน มือหนายิ่งออกแรงบีบหนักกว่าเดิม หนักเสียจนแขนข้างนั้นคงบวมเขียวในไม่ช้า... 

                    “ตัวเชื้อโรคอย่างมึงไม่สมควรเหยียบเข้ามาที่นี่รู้รึเปล่า ตัวเชื้อโรคสกปรกๆแบบมึงมันน่าโสโครก น่าขยะแขยง”

                    ดวงตาคมแข็งกร้าวจ้องมองร่างที่ร้องขอให้ปลดปล่อยอย่างสมเพช เขาไม่ชอบคนจน และยิ่งคนจนที่กล้าใช้เส้นสายเข้ามาเรียนโรงเรียนหรูหราในเครือบ้านเขายิ่งรู้สึกรังเกียจ!

                    และ
    เขาต้องทำให้มันออกไปจากที่นี่ให้ได้!


     

                    “อ๋อเผื่อมึงจะยังไม่รู้อีกเรื่อง...”

                    เสียงทุ้มเว้นช่วงไปอึดใจก่อนเอ่ยต่อ ประโยคที่ทำให้หัวใจดวงเล็กล่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อย





              “กูชื่อเซฮุน... โอเซฮุนหัวหน้าไกเซอร์ที่จะทำให้ชีวิตของมึงย่ำแย่ตลอดไป...”








                หัวหน้าไกเซอร์...






                    เกิดความเงียบขึ้นกะทันหันท่ามกลางบรรยากาศกดดัน ผู้คนรอบข้างที่มองอยู่เริ่มจับกลุ่มซุบซิบกันเมื่อรู้ว่าเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนคือคนที่ไกเซอร์หมายหัวเป็นรายต่อไป...

                    เพราะใครก็ต่างรู้ดีว่าผู้ใดก็ตามที่ทำให้ไกเซอร์ไม่ชอบหน้าหรือถูกไกเซอร์กากบาทหมายหัวเอาไว้แล้วละก็... ชีวิตจะไม่สงบสุขอีกต่อไป!


                    “หะหัวหน้า... กะไกเซอร์หรอ...”


                    เสียวหวานติดสั่นเอ่ยทวนกับตัวเอง ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก กลับกันเขารู้จักดีทีเดียวเลยละ กลุ่มไกเซอร์ที่เป็นกลุ่มรวมตัวของชายหนุ่มลูกผู้มีอิทธิพลสูงสุดในเกาหลี และแน่นอนว่าสมาชิกในกลุ่มนั้นต่างขึ้นชื่อเรื่องความหล่อที่เป็นที่น่าจับตามองที่สุด

                    หากแต่เรื่องที่โด่งดังไม่ใช่แค่เรื่องความหล่อเรื่องเดียว พวกเขาเป็นกลุ่มที่หาตัวจับยาก ทำเรื่องเลวแหกกฎหมายเกือบทุกอย่าง ลับหลังกล้องมีข่าวลือออกมาหนาหูทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องพนัน เรื่องชกต่อย และยังลามไปถึงยาเสพติด...

                    กลุ่มที่คนอย่างลู่หานไม่คิดอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุด...

                    “นักเรียนทุนผู้มีไอคิวเป็นที่น่าจับตามอง... เหอะ ชื่อมึงดังกระฉ่อนทั่วดิโอสแล้วนะรู้ยัง”

                    น้ำเสียงเย้ยหยันดังจากปากหยัก มือหนาที่บีบแขนเรียวเล็กผลักออกอย่างแรงจนกายบางผงะถอยหลังตามแรง ถึงอย่างไรลู่หานก็ไม่เข้าใจความต้องการของผู้ชายร้ายกาจคนนี้...

                    “ถึงคนอื่นเขาจะมองว่ามึงเป็นเด็กอัจฉริยะแต่สำหรับพวกกูมึงก็แค่ตัวเชื้อโรคดีๆนี่แหละ!!!!


                    ตะตัวเชื้อโรค... ลู่หานเป็นตัวเชื้อโรคในสายตาพวกเขาอย่างนั้นหรือ...





                    “พวกมึงจำหน้าไอ้เฉิ่มนี่ไว้ว่ามันถูกไกเซอร์กากบาทหัวไว้แล้ว!!!!!



                    สิ้นคำ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากรอบข้างทันที เป็นที่ชัดเจนว่านักเรียนทุนคนแรกถูกไกเซอร์เล่นงาน และเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ายื่นมือเสี่ยงเข้าไปช่วยเหลือ


                    ...เพราะไม่มีใครกล้ามีปัญหากับไกเซอร์เลยสักคนนะสิ


                    “โอ้ย!!!! ผมเจ็บนะครับฮึกปล่อย”

                    เสียงหวานหวีดร้องลั่นอย่างเจ็บปวดยามที่ถูกมือหนาจิกเข้าที่กลุ่มผมแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง กายเล็กไถลตามแรงดึงอย่างทุรนทุรายและไม่สามารถดิ้นหลุดหนีเงื้อมือปีศาจร้ายตนนี้ได้



                    นี่นะหรือโรงเรียนที่ใครก็อยากเข้ามาเรียน...



                    “มึงจำใส่กระโหลกของมึงไว้”

                    “ฮึกปล่อยฮึกผมเจ็บครับฮึก”

                    เสียงร้องขอวิงวอนปนเสียงสะอื้นดังรอดให้ชายหัวหน้าไกเซอร์ได้ยิน แต่มีหรือที่ปีศาจตนนี้จะแยแส มือหนาออกแรงกระชากกลุ่มเรือนผมแรงขึ้นอย่างที่พาให้หยดน้ำใสรื่นหล่น ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยเสียงเย็น

                    “ต่อไปนี้ชีวิตมึงต้องตกเป็นของไกเซอร์”

                    “โอ้ย!!!! ฮึกผมยอมทุกอย่างอึ๊กแล้วปล่อยฮึก ปล่อยผมไปที”

                    ลู่หานหวีดร้องลั่นอย่างเจ็บทรมานเมื่อเซฮุนจิกกลุ่มเรือนผมยุ่งเหยิงให้ใบหน้ารื่นน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองตน ดวงตาคมมองเห็นดวงตาใต้กรอบแว่นหนาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำใสแล้วหัวเราะหยันในลำคออย่างสะใจ

                    ร้องเข้าไป เสียน้ำตาเข้าไป จะได้สำเหนียกตัวเองว่าที่ไหนควรอยู่!!!


                    “ต่อไปนี้มึงคือขี้ข้าของกู ของกูเท่านั้น”


                    และหัวหน้าไกเซอร์ก็ปล่อยตามคำขอของลู่หาน หากแต่เป็นการปล่อยที่ผลักหัวร่างเล็กอย่างแรงจนใบหน้าหวานหันไปด้านข้างอย่างแรงจนไถลเกือบติดพื้น กายเล็กสั่นระริกอย่างคนหวาดกลัวและหนาวเหน็บ ใบหน้าขาวซีดเผือดราวคนกำลังใกล้ตาย

                    ใช่... เพราะเวลานี้ลู่หานก็ไม่ต่างจากกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจที่ต้องการวิญญาณของตน

                    “อึ๊กครับ...”

                    “กลางวันมาหากูที่ห้องไกเซอร์ด้วย”

                    สิ้นเสียงคำสั่ง ชายร่างสูงก็สวมหมวกกันน็อคพร้อมขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ออกไป ทิ้งให้ร่างน้อยตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมที่มองด้วยสายตาเหยียดหยามปนรังเกียจ หยดน้ำตาใสล่วงหล่นจากดวงตาราวยอมรับกับโชคชะตาที่โหดร้าย


                 ชีวิตของลู่หานที่ตกกลายเป็นขี้ข้าของหัวหน้าไกเซอร์...

     
     


















     

    พักกลางวัน







                    ในที่สุดการเรียนครึ่งวันแรกของโรงเรียนใหม่ก็จบลง หากแต่โชคชะตาก็ไม่ใจดีกับนักเรียนทุนอย่างเขามากนัก

    เพียงแค่ฝีเท้าแรกก้าวเข้ามาภายในพื้นห้องสี่เหลี่ยม ทุกสายตาก็ต่างพร้อมใจกันหันตวัดมอง ทุกสายตาในห้องที่อัดแน่นไปด้วย... แววตาดูถูกเหยียดหยาม

                    แม้เขาจะพยายามยกยิ้มฝืดๆ ทักทายเพื่อนใหม่ในห้องด้วยความเป็นมิตรเพียงใด แต่ก็ได้รับเพียงแค่สายตาดูแคลนกลับมา บ้างก็เชิดใส่บ้างก็ร้องอยี๋ใส่ ทำไมหรอ... เหตุก็แค่เขาเป็นนักเรียนทุนจนๆ แค่นั้นนะหรือ...

                    พระเจ้าใจร้าย... ทำไมท่านถึงใจร้ายกับลู่หานแบบนี้...

                    และเหมือนพระเจ้าจะรับฟังคำตัดพ้อของนักเรียนทุนคนนี้ เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นและเดินเข้ามาทำความรู้จักเขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรโดยไร้ท่าทางเสแสร้งใดๆ และในวินาทีนั้นลู่หานก็คิดว่าในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง

                    ลู่หานมีเพื่อนคนแรกในโรงเรียนนี้แล้วนะ ...อ่า ...ดีใจจัง

                    “ลู่หาน ไปกินข้าวกันเถอะฉันหิวแล้ว”

    คนถูกชวนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัว มือเรียวดันกรอบแว่นชิดใบหน้าก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั่น

    “คะคุณคยองซูไปทานเถอะครับ”

    “นี่ลู่หาน บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ!

    น้ำเสียงไม่พอใจกับท่าทีกระฟัดกระเฟียดของ โด คยองซูทำเอาใบหน้าหวานใต้กรอบแว่นแย้มยิ้มกว้าง ดวงตาสวยรื่นน้ำตาอย่างยินดีเมื่อไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครกล้าคบตนเป็นเพื่อน


    เพราะลู่หานเฉิ่ม เพราะลู่หานเชย ใครที่ไหนจะคบลู่หานเป็นเพื่อนละ



    หากแต่ว่า...



    “เห้ยลู่หาน! นายจะร้องไห้ทำไมเนี่ย! ไม่เอาสิ” คนที่ไม่ยึดติดกับฐานะความเป็นอยู่ร้องกระวนกระวายยามที่เห็นเพื่อนใหม่นั่งน้ำตาซึม และทันใดนั้นคยองซูก็รู้ได้ทันทีถึงหัวใจที่บริสุทธิ์ของอีกคน และในวินาทีนั้นเขาก็นึกสงสารเพื่อนใหม่จับหัวใจ

    คนใสบริสุทธิ์แบบลู่หานน่ะหรือที่ถูกไกเซอร์กากบาทหมายหัวเอาไว้


    ทำไมนายต้องมาเคราะห์ร้ายแบบนี้ด้วยนะลู่หาน


    “ก็ผมไม่คิดว่าจะมีใครลดตัวลงมาคบกับผม ขอบคุณคุณเอ่อ... ขอบคุณคยองซูมากๆ นะครับ”

    “ครับก็ไม่ต้อง พูดธรรมดาก็พอ เห้อ... นายนี่มันจริงๆเลยลู่หาน มานี่มา” คยองซูมองเพื่อนใหม่ที่นั่งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาทั้งทั้งที่แว่นกรอบโตยังสวมทับอยู่แล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือเล็กหมายเอื้อมดึงแว่นของเพื่อนออกหวังช่วยเช็ดน้ำตา ทว่าทันทีที่มือเล็กของคยองซูกำลังดึงกรอบแว่นออกจากดวงหน้าอีกคนนั้นเอง...


    “นักเรียนทุนลู่หาน นักเรียนทุนลู่หาน กรุณามาที่ห้องไกเซอร์ด้วยค่ะ”


    คนที่ถูกเรียกชื่อผ่านลำโพงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนมาสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว มือเรียวเล็กบีบแน่นอย่างที่ทำให้คยองซูต้องยื่นมาบีบให้กำลังใจ

    “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม”

    “ไม่เป็นไร คยองซูไปกินข้าวเถอะ ผมไปคนเดียวได้...”

    ร่างเล็กว่าก่อนดันกรอบแว่นชิดหน้าอีกครั้ง กายเล็กผุดลุกขึ้นยืนก้าวเดินออกไปด้วยกายที่ไม่มั่นคงเพราะความหวาดกลัวนั้นแทรกแซงเข้าทุกอณู



    “เห้อ...”


    ร่างของเพื่อนใหม่จากไปแล้ว คยองซูยืนมองตามหลังทางที่ลู่หานเพิ่งก้าวจากไปด้วยสายตาว่างเปล่า หากแต่ภายในกลับสะท้อนความคิดมากมายจนตีกันยุ่งเหยิง


    “ลู่หาน... ฉันขอโทษนะ”


    เสียงหวานพึมพำกับตัวเองก่อนเบนหน้าหนีมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างอีกด้าน มือเรียวบีบกำเข้าหากันแน่นเพียงเพราะนึกถึงความจริงที่เขาปิดบังเพื่อนใหม่ ...ความจริงที่อาจทำให้คำว่าเพื่อนเปลี่ยนไป



    “ฉันหวังว่านายจะไม่โกรธฉันทีหลังหรอกนะลู่หาน”




    ความจริงที่โดคยองซูมีความสัมพันธ์กับหนึ่งในไกเซอร์

     









     

    “ห้องนี่สินะ”

    เท้าเล็กหยุดลงตรงหน้าบานประตูกว้าง พึมพำกับตัวเองเสียงเบา ดวงตาสวยใต้กรอบแว่นกวาดมองบานประตูสูงใหญ่ตรงหน้าที่ตนถามมาแน่ชัดจากแม่บ้านแล้วว่าคือห้องที่มีเหล่ามัจจุราชร้ายอย่างไกเซอร์อยู่ภายใน

    พวกเขาอยู่หลังบานประตูนี้...

    คนตัวเล็กสูดลมหายใจลึกอย่างเรียกกำลังใจพลางยกมือขึ้นหมายจะเคาะลงบานประตูนั้น หากแต่ความกลัวที่ตีขึ้นสูงก็ทำให้มือเรียวยกข้างอยู่ท่าเดิมไม่ยอมเคาะลงไปเสียที

    นี่มันประตูห้องไกเซอร์เชียวนะ... ไกเซอร์สี่คนที่อันตรายที่สุดเลยนะลู่หาน...

    ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ไม่รู้ว่าภายในจะเป็นอย่างไรและเขาถูกเรียกตัวมาทำไม หากจะขัดคำสั่งไม่มาก็เห็นทีว่าเขาจะเดือดร้อนภายหลัง แต่ถ้ามาแล้วใช่ว่าเขาจะเจอเรื่องดีเสียที่ไหน

    ทำยังไงดีละลู่หาน ทำยังไงดี



    “เฮ้ ทำอะไรลับๆ ล่อๆ น่ะ”


    กึก

    เสียงทุ้มที่ดังจากด้านหลังพาเอาคนตัวเล็กที่กำลังจิตตกสะดุ้งโหยง กายเล็กหมุนกลับไปก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่บอกว่าเขาไม่ใช่เชื้อสายเอเชีย จมูกโด่งแหลมเป็นสันรับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ กลุ่มเรือนผมสีน้ำอ่อนซอยสั้นเกือบติดหนังหัวทำให้เห็นต้นคอยาวที่เต็มไปด้วยรอยสักสีดำลากยาวลงมาถึงต้นแขนอย่างที่ทำให้ชายคนนี้ดูน่าเกรงขาม

    ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวจัง...

    “คะคือผม... ผมมาหาคะคุณเซฮุนครับ”

    ทว่าน้ำเสียงติดสั่นกับใจความประโยคก็ทำเอาคนตัวสูงนัยน์ตาสีเทาอ่อนกระตุกยิ้มช้าๆ ขายาวเดินเข้าประชิดร่างบางที่ผงะถอยหลังไม่รู้ตัว มือหนาข้างหนึ่งยกเชยคางเล็กที่ก้มงุดชิดอกขึ้นเพื่อจ้องมองใบหน้านั้นเต็มตา

    ท่าทางที่พาเอาลู่หานสั่นไปทั้งกายเพราะความใกล้ชิดจากชายที่แผ่รังสีน่ากลัวชวนขนลุกออกมา

    “เนี่ยนะหรือ... เด็กนักเรียนทุนผู้โด่งดัง”

    เป็นอีกครั้งที่ลู่หานไม่เข้าใจว่าเขาจะโด่งดังตามคำพูดนั้นได้อย่างไร โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองนั้นกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโรงเรียนเพราะอะไร


    ...หากไม่ใช่เพราะถูก หัวหน้าไกเซอร์ กากบาทหมายหัวเอาไว้


    “เข้าไปข้างในกันเถอะ พวกนั้นกำลังรอทำความรู้จักมึงอยู่นะ”

    คนตัวสูงกว่าละมือจากใบหน้าหวานที่เขาเพ่งมองยังไงนักเรียนทุนคนนี้ก็ทั้งเฉิ่มทั้งเฉย ขายาวเดินนำไปยังบานประตูกว้างสีขาว ทว่าก่อนที่ฝ่ามือหยายกร้านจะจัดการผลักบานประตูเข้าไป ใบหน้าคมคายก็หันมายังคนตัวเล็กด้านหลังอีกครั้งพร้อมสายตาที่รัดตรึงร่างน้อยให้แข็งเป็นหิน ...ดวงตาที่เหมือนมีมนต์วิเศษ


    “อ่อ ลืมบอกไปหนึ่งอย่าง”



    ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างช้าๆ อย่างที่พาให้คนมองขนลุกชัน




    ราวกับพายุกำลังหมุนรอบกายของลู่หานให้อื้ออึง...





    “กูชื่อคริส”

     







     

    แกร๊ก

    บานประตูห้องกว้างถูกปิดลงเผยให้คนมาใหม่เห็นภายใน ทันใดนั้นดวงตาเรียวรีของลู่หานก็จำต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึงกับความหรูหรา ห้องไกเซอร์ที่คิดว่าคงไม่ต่างจากห้องพักอาจารย์หรือห้องชมรมแต่ใครเล่าจะรู้ว่ามันต่างกันลิบลับ!

    นี่มันห้องพักหรูๆ ในโรงแรมห้าดาวชัดๆ!

    ห้องกว้างที่ถูกตกแต่งได้อย่างลงตัว จากตรงนี้สามารถมองเห็นบานประตูสี่บานและประตูโค้งที่เชื่อมไปยังห้องอีกด้านด้าน เฟอร์นิเจอร์ครบครันถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วไหนจะของตกแต่งที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาไม่ใช่สิบยี่สิบวอน

    “นี่นะหรือขี้ข้าของไอ้ฮุนมัน”

    หากแต่เสียงที่ดังขึ้นก็ปลุกภวังค์คนตัวเล็กที่เผลอไผลไปกับการชื่นชมห้องไกเซอร์ กายเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองต้นเสียงก็พบกับชายหนุ่มผิวแทนเกียมแดดที่นั่งอยู่บนโซฟาสีเข้ม ข้างกายมีหญิงสาวแต่งตัวยั่วยวนนั่งคลอเคลียไม่ห่าง กลุ่มเรือนผมสีบลอนด์สว่างซอยสั้นเซ็ทให้ดูยุ่งเหยิงเผยใบหูที่มีห่วงเล็กใหญ่เจาะเรียง แผงคิ้วยาวคมเข้มรับกับดวงตาวาววับขี้เล่นแต่ก็ดูดุดันในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มร้ายกาจตลอดเวลาถูกเจาะด้วงห่วงเล็กที่มุมปากสองข้าง ต้นคอถูกวาดลวดลายด้วยรอยสักยาวไปยังต้นแขนให้ชายคนนี้ดูน่ายำเกรง


    ผู้ชายคนนี้ดูไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด...


    “เออ หน้ามันโคตรโง่เลยวะ”

    ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำจากชายเจ้าของนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่เดินตามมาทีหลัง ทั้งสองมองหน้ากันก่อนยกยิ้มอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ และก่อนที่ชายผิวแทนบนโซฟานิ่มจะยักไหล่น้อยๆ หันใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้เข้ากับซอกคอหญิงสาวที่เอียงรับอย่างยินดี ลิ้นชื้นยื่นออกมาตวัดเลียลำคอระหงสวยโดยไม่นึกอายสายตาใคร

    คนอื่นอาจจะชินแต่คงไม่ใช่สำหรับลู่หานเป็นแน่

    ปรางแก้มใสแดงระเรื่อเมื่อมองเห็นชายหนุ่มผิวสีแทนและหญิงสาวทำท่าเคลิ้มราวจะร่วมรักอยู่รอมร่อ ความเขินอายที่ลู่หานทำได้เพียงแค่หันหน้าหนีพลางยกมือดันกรอบแว่นตลอดเวลาอย่างประหม่าทั้งที่แก้มใสแดงจัด

    งื้อ... มะมีเลียกันด้วยอะ ไม่อายกันบ้างเลยหรอ

    ท่าทีของคนเขินจัดที่ทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีเทาอ่อนสังเกตุเห็น ริมฝีปากหยักหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวกับความเอ็นดูแบบโง่ๆ ของเด็กข้างกาย

    “เห้ยมึงพอก่อน ไอ้หน้าโง่มันเขินจนแดงไปทั้งหน้าแล้ววะ”

    และเหมือนคำขอในใจของเด็กเฉิ่มขี้อายจะได้ผล ชายผิวแทนหยุดชะงักก่อนเบนสายตามามองยังคนตัวเล็กที่ยืนหน้าแดงจัดแล้วต้องถอนหายใจพรืด มือหยาบยกขึ้นโบกใส่หญิงสาวเป็นทำนองให้ออกไป

    “โทษทีวะพอดีกูหิว”

    และเหมือนคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้แก้มใสแดงหนักกว่าเดิม คนตัวเล็กหันมามองร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนเอ่ยตอบตะกุกตะกัก

    “ถะถ้าหิวก็ให้ผมไปซื้ออะไรให้ทานไหมครับ”

    และคำพูดนั้นก็พาเอาชายบนโซฟากว้างหลุดหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจในความโง่แบบซื่อๆ ริมฝีปากหยักแย้มยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดีก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืน ขายาวก้าวเดินตรงมายังลู่หานที่ยืนเลิ่กลั่กทำหน้าไม่เข้าใจอยู่กับที่

    ลู่หานพูดอะไรผิดหรือ ก็คุณคนนี้เขาบอกว่าหิวนี่น่า

    ท่าทีไม่เข้าใจปนสงสัยอย่างที่พาเอาหนุ่มผิวแทนรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา ขายาวเดินเข้าประชิดกายคนตัวเล็กไล่ต้อนจนแผ่นหลังชนผนัง ใบหน้าคมที่กระตุกยิ้มขึ้นอย่างสนุกมองร่างเล็กด้วยแววตาวาววับ

    “เออกูหิว และตอนนี้กูก็ ...โคตรหิวเลยวะ”

    ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้ใบหน้าหวานที่สวมแว่นตากรอบโตจนชายหนุ่มผิวแทนรู้สึกขัดใจ ยิ่งเข้าใกล้ใบหน้าหวานเท่าไรคนตัวเล็กยิ่งออกอาการสั่นอย่างที่พาให้เขารู้สึกสนุกมากเท่านั้น ดวงตาคมสีน้ำตาลยังคงไม่ละจากใบหน้าหวาน แกล้งกดเสียงแหบพร่ากระซิบชิดริมหูเล็ก

    “ตอนนี้กูแม่งหิวเหี้ยๆ...”

    ร่างเล็กของลู่หานผงะถอยหลังทันควันแต่ก็ไม่สามารถหนีได้เมี่อถูกวงแขนแกร่งตวัดรัดรอบเอวบาง มือเล็กพยายามดันท่อนแขนแกร่งที่เกี่ยวรัดแน่นออกแต่ก็ไร้ผล ท่าทีที่ไม่ต่างจากลูกนกขี้กลัวตัวสั่นระริกในอ้อมแขนยิ่งทำให้ใบหน้าคมเลื่อนเข้าใกล้กระตุกยิ้มลึก

    ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน

    “ยะอย่าทำอะไรผมเลยครับ”

    และมีหรือที่ชายขึ้นชื่อว่าหนึ่งในไกเซอร์จะรับฟังคำขอ ปลายจมูกโด่งแกล้งเฉียดปรางแก้มใสของเด็กเฉิ่มในอ้อมแขน และทันใดนั้นแผงคิ้วเรียวก็จำต้องขมวดเป็นปมแน่น

    หอม... ไอ้เฉิ่มนี่หอมจนอยากเก็บมาดอมดมทั้งวัน...


    และเขาก็มั่นใจว่ากลิ่นหอมนี้ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของไอ้เฉิ่มนี่ไม่ผิดแน่



    มันหอมยั่วยวนใจเขาได้ถึงขนาดนี้เลยหรอวะ!!!



    และก่อนที่ปลายจมูกจะได้จรดลงบนแก้มใสเพื่อพิสูจน์ความหอมนั้นเอง..


    หมับ


    “มึงอย่าไปแกล้งมันมากดิวะ กลัวจนฉี่จะราดแล้วมั้ง”

    คริสเปรียบเสมือนเทวดาช่วยชีวิตลู่หานในทันตาเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาวางมือบนบ่าเพื่อนเบาๆ คนถูกห้ามปล่อยแขนจากเอวบางหันมามองสีหน้าหวาดกลัวของลู่หานแล้วกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

    เขากำลังพอใจบางอย่างในตัวไอ้เด็กเฉิ่มนี่


    “หึโทษทีว่ะ กูคิมจงอิน ...เรียกกูว่าจงอิน


    และนั่นก็คือวินาทีแรกที่ลู่หานกล้ามองใบหน้าคมเข้มเจ้าของผิวสีแทน เขาไม่อาจโกหกได้ว่าชายคนนี้ดูหล่อเหลามากเสียจนเสียศูนย์ได้ง่าย แต่ถึงจะหล่อเพียงใดการเจอกันครั้งแรกก็ทำให้รู้ว่าชายคนนี้สมควรเข้าใกล้

    ก็ทั้งปากว่า มือถึงขนาดนี้


    ไกเซอร์มีแต่คนอันตรายให้ตายเถอะ!


                    “แล้วมึงจะยืนเงียบอีกนานไหม”

                    หากแต่เสียงของจงอินที่ดังขึ้นราวพูดกับใครสักคนโดยยังไม่ละสายตาจากร่างเล็กก็ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างลู่หานสงสัยหนัก

                    คุณจงอินคุยกับใครกัน?

                    “ฮึ”

                    เสียงหัวเราะต่ำที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าหวานหันมอง และก็พบกับชายอีกคนที่ลู่หานไม่ทันสังเกตุเห็นว่ายืนอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และคงเพราะยืนอยู่ในมุมอับแสง ทว่าทันทีที่ชายคนนั้นขยับตัวเพื่อให้เขาเห็นใบหน้าได้ชัดเจนหัวใจดวงน้อยก็เกิดอาการกระตุกขึ้นในทันที...

                    “กูก็มองอยู่ตลอด”

                    เจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่พาให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ชายร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงกำแพงกับกลุ่มเรือนผมสีรัตติกาลเช่นเดียวกับสีลูกแก้วนัยน์ตา แผงคิ้วเข้มถูกเจาะห่วงไว้ที่ปลายหางคิ้วเช่นเดียวกับมุมปากล่างแลดูดุเถื่อน ใบหูทั้งสองเต็มไปด้วยห่วงเล็กห่วงน้อย ต้นคอยาวระหงด้านหลังเต็มไปด้วยลวดลายรอยสักที่ยาวลงมายังต้นแขนขาว แต่ถึงอย่างไรดวงตาสีรัตติกาลคู่นี้...

                    ก็ชวนให้ไม่เป็นตัวของตัวเองเสียจริงๆ

                    “สักวันปากมึงจะเน่าเพราะความเย็นชาของมึง” เป็นคริสที่เอ่ยตอกกลับใส่เพื่อนอย่างหมั่นไส้

    คนถูกต่อว่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำของเพื่อน ดวงตาคมเฉี่ยวสี่รัตติกาลจ้องร่างน้อยแน่นิ่งด้วยแววตาที่ทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นกระตุกไปหนึ่งจังหวะ ก่อนที่มือหนากำไฟแช็คซิปโป้จะยกขึ้นแล้วเปิดปิดฝาเสียงดังก๊อกแก๊กโดยที่ดวงตาคู่คมยังไม่ละจากดวงหน้าหวาน

                    ก๊อก แก๊ก ก๊อก แก๊ก


                    เสียงนี้ทำไมฟังดูคุ้นหูจัง...

                    ท่ามกลางห้องกว้างที่เงียบสงบมีเพียงเสียงก๊อกแก๊กจากไฟแช็คซิปโป้ที่ดูแล้วไม่น่ามีสิ่งใดอื่นเกิดขึ้น หากแต่ร่างเล็กของลู่หานกลับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เขารู้ตัวว่าในเวลานี้เขาไม่ปกติ เพราะดวงตาคู่คมสีรัตติกาลที่ตรึงขังเขาไม่ให้อาจละสายตาออกจากได้ สองสายตาที่สบผสานกันท่ามกลางความมืดมิดจุดประกายหัวใจให้เต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่

                    ทำไมถึงรู้สึกร้อนทั้งที่อากาศหนาวแบบนี้ ...งื้อลู่หานกำลังเป็นอะไรไปนะ

                    ท่าทีเขินอายที่ตกอยู่ในสายตาเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลราวท้องฟ้ามืดมิด ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเงียบขรึมและเย็นชายกยิ้มน้อยๆ อย่างที่หากใครได้เห็นคงต้องตกใจ เพราะใครก็ต่างรู้ดีว่าชายคนนี้ยิ้มยากแค่ไหน

                    แต่กับเด็กเฉิ่มคนนี้สามารถทำให้เสือยิ้มยากระบายมุมนั้นออกมาได้

                    “แล้วจะให้กูพูดอะไร”

                    ในที่สุดเสียงเข้มจากชายคนนั้นก็ดังให้ได้ยิน เพียงแค่น้ำเสียงเข้มแต่เรียบนิ่งก็ยังสามารถทำให้หัวใจของร่างน้อยสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

                    ทำไมหัวใจของลู่หานถึงเต้นแรงแบบนี้กันนะ?

                    “กูละรำคาญมึงจริงๆไอ้เหี้ยจงอินสบถอย่างหัวเสียกับความนิ่งของเพื่อนสนิทก่อนหันไปคุยกับคนด้านข้าง มึงไอ้หมอนั่นมันชื่อชานยอล มันก็เงียบแบบนี้แหละอย่าเสียเวลาเสวนากับมันมากเลย แม่งชอบกวนส้นตีน”

                    ลู่หานหันมองจงอินที่ดูท่าทางหัวเสียไม่น้อยก่อนพยักหน้ารับ

                    “แล้วเหี้ยฮุนมันหายหัวไปไหน”

                    เป็นอีกครั้งที่จงอินถามขึ้น และคำถามนั้นก็ทำเอาร่างเล็กขนลุกชัน...


                แค่ชื่อของผู้ชายคนนั้นก็ทำเอากลัวไปสุดขั้วหัวใจ


                    “(ตัด) เดี๋ยวก็มา”

                    กึก

                    กายเล็กชะงักกับคำตอบจากปากคนที่ยืนพิงกำแพงอยู่มุมห้อง (ตัด)อย่างนั้นหรือ... พวกเขาเป็นแค่เด็กมัธยมปลายแต่เสพยาเสพติดได้ยังไงกัน... นี่เขากำลังเข้ามาพัวพันกับคนเล่นยาอย่างนั้นหรือ!

                    ท่าทีหวาดกลัวปนตกใจตกอยู่ในสายตาไกเซอร์ทั้งสาม แน่ละ ในเมื่อเด็กนักเรียนทุนที่ทั้งใสซื่อทั้งบรสุทธิ์ราวเด็กน้อยตัวเล็กๆ ซึ่งต่างจากพวกเขาสิ้นเชิง... ราชาที่รวบรวมทำแต่เรื่องเหี้ยๆ ราชาที่ทำเรื่องเลวทุกอย่างโดยไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ ราชาที่ติดมลทินสีดำจนยากจะกลับมาขาวสะอาดดังเดิม

                    แล้วถ้าเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ถูกโยนมลทินสีดำใส่เข้าไปละ... แค่คิดก็ตื่นเต้นจะแย่

                    ความคิดของเหล่าไกเซอร์ทั้งสามที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ก็พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทกันนี่

                    “ตัวสั่นเชียว มึงกลัว?” คริสหันมาถามเมื่อตนอยู่ใกล้คนตัวเล็กที่สุด นัยน์ตาสีเทาอ่อนสังเกตุเห็นมือเรียวทั้งสองบีบเข้าหากันก็ต้องกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นทันที

                    “เอ่อ...คะครับ”

                    และเป็นที่แน่นอนว่าเด็กเฉิ่มในฉบับโง่ๆ ไม่ทันคนอย่างลู่หานคงไม่มีทางพูดโกหกออกมาเป็นแน่

                    “หึมึงไม่ต้องกลัว พวกกูไม่น่ากลัวหรอก” จงอินเสริมขึ้นอย่างที่พาให้ไกเซอร์อีกสองคนกระตุกยิ้มอย่างรู้ทัน


                  ใช่พวกเขาไม่น่ากลัวเลยถ้าเทียบกับใครอีกคน


    และในวินาทีต่อมา...


    แกร๊ก



    ปัง




    “มาแล้วหรือ”




    เสียงทุ้มยะเยือกที่ลู่หานไม่มีทางลืมลงดังขึ้นอย่างที่ฉุดกระชากใจดวงเล็กให้ดิ่งหล่นลงเหวลึก ดั่งพายุหนาวเหน็บพัดผ่านร่างให้กายขนลุกซู่และสั่นระรัว...





    “เหอะ ปล่อยให้กูรอซะนานเลยนะไอ้ขี้ข้า”





    และทีนี้ลู่หานก็ได้รับรู้ความจริงแล้วว่าไกเซอร์ทั้งสามไม่ได้น่ากลัวเลยถ้าเทียบกับชายคนนี้...







    “คะคุณเซฮุน”







    บัดนี้... พญามัจจุราชของจริงได้สยายปีกตรงหน้าลู่หานแล้ว







     

    -----------------------------------------------------------------


     

    ASHURAHUNHAN
    ( สปอย :  ‘ลอง(ตัด)หน่อยไหมไอ้ขี้ข้า)

















     

    โรงเรียนนานาชาติดิโอสค่ะ (Dios International High School) การสร้างและสถาปัตยกรรมจะเป็นแบบนี้
    โรงเรียนนานาชาติอันดับหนึ่งของเกาหลีที่ลูกหลานคนใหญ่โต หรือลูกหลานเศรษฐีเท่านั้นถึงเข้าเรียนได้
    ดิโอสเป็นชื่อเครืออหังสาหริมทรัพย์ของทางบ้านเซฮุนค่ะ
    นอกจากโรงเรียนก็ยังมีโรงแรมและห้างสรรพสินค้ารวมถึงของใช้จำเป็นที่ส่งออกระหว่างประเทศด้วย
    เป็นเครืออหังสาหริมทรัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีค่ะ
    (ปล. ภาพนี้ยืมอิมเมจมาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์นะคะ พอดีลืมชื่อมหาลัยแห๊ะๆ -/\-)


     

    ส่วนนี่เป็นรห้องไกเซอร์ค่ะ ห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะให้เหล่าไกเซอร์ทั้งสี่คน
    ไกเซอร์ (Kaise) เป็นภาษาเยอรมันแปลว่าราชา
    อาชูรา (Ashura) ภาษาเยอรมัน แปลว่าปีศาจ
    ไกเซอร์จะมีสี่คน ซึ่งเป็นลูกของเศรษฐีแนวหน้าของเกาหลีนั่นเองค่ะ และทุกคนจะมีนิสัยที่ชอบทำเรื่องชั่ว
    เอาแต่ใจ ไม่สนใจกฎหมาย เพียงแค่เขาอยากทำเขาก็จะทำ และไม่มีใครเอาผิดพวกเขาได้ค่ะ



     

    --------------------------------------------------------


     

    มาแล้วจ้าาา ไกเซอร์โผล่มาครบทั้งสี่คนแล้สวค่าาาา
    แล้วดูท่าคุณลู่ผู้ใสซื่อของเราจะถูกตาต้องใจคุณชานยอลนะคะ คิคิ 
    ก็อย่างว่า ใครๆก็ชอบผู้ชายนิ่งๆ ขรึมๆ แบบชานยอล อร๊ายยยยย>O< #อีนี่- -
    อยากจะบอกว่าเจ๊ชอบผู้ชายแบบชานยอลมาก นิ่งๆ ขรึมๆ เย็นชา แต่ก็อ่อนโยนกับเราแค่คนเดียว ยิ่้มให้เราแค่คนเดียว
    กรี๊ดดดดดดดดดดดด พระเอกแจ่มใสไหมละพวกเธออออ >_< #คลุ้มคลั่ง
    ส่วนจงอินเรื่องนี้จะออกแนวทะเล้นๆ หื่นๆ อะ แบบเป็นแบดบอย เสือผู้หญิงแบบเปิดเผยไม่แคร์ แต่ก็มีมุมเด็กๆ
    แบบแนวเด็กนอกอะ เด็กอินเตอร์อะ มาจากนิวยอร์ค ฉะนั้นจะออกแนวอีโก้ๆ นิดนึ่ง
    ส่วนอีกคนก็คริส พี่คริสจะออกแนวขี้เก็ก 5555555555555555555
    มโนมาก
    ถ้าใครชอบเลวๆแบบเหี้ยๆเลยก็เซฮุนค่ะ รายนั้นเลวเอาแต่ใจเหี้ยแบบเปิดเผยไม่ปิด แต่ทุกคนในไกเซอร์ก็เลวหมดอะ อยู่ที่นิสัยแต่ละคนเ้่วย
    เอาละ ไรท์ไปก่อนนะคะ ต้องไปกิน




    ------------------------------------




    เฮลโหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
    ในที่สุดก้ได้ฤกษ์ลงตอนแรกสักทีเนอะ รู้สึกการแต่งเรื่องนี้ค่อนข้างยาก
    แต่ก็ท้าทายดี เพราะอยากลองแต่งแนวใหม่
    555555555555555
    เรื่องนี้จะพยายามปรับให้สั้นไม่ยาวหลายตอนเกินไปนะคะ
    ฝากติดตามด้วยจ้า

    ปล. เซฮุนเลวกว่าที่ทุกคนคิดค่ะ








    CR





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×