ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - the kingdom of ashura ♡ hunhan -

    ลำดับตอนที่ #10 : - 8 - ( 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 59


    Chapter 8

    I am not that strong ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น

     

     

     

     

     

     

                    นั่นไงแก เด็กนักเรียนทุนคนนั้นไงที่เขาลือว่ากำลังจับไกเซอร์อยู่


                           ประโยคที่ใจความไม่ต่างกันมากนักลอยเข้าหูทั้งสองของลู่หานตั้งแต่ขาเล็กเหยียบย้ำเข้ามาในรั้วโรงเรียน ไหล่เล็กห่อฟีบลงอย่างคนขี้กลัว ดวงตากลมสั่นไหวกวาดมองสายตาดูถูกเหยียดหยาม รวมถึงคำต่อว่าดูหมิ่น


                    ถ้อยคำเสียดสีที่ลู่หานไม่ยักจะชินเสียที


    ลู่หานแฮ่กๆ

    เจ้าของชื่อหันมายังโดคยองซูที่วิ่งหอบแฮ่กเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่คนหอบจะคว้ามือคู่เล็กของเพื่อนกุมมั่น

    ลู่หาน!!! นายไม่ต้องกลัวนะ!!  ถ้านายอยู่กับฉันจะไม่มีใครเข้ามาทำอะไรนายได้ เพราะฉันจะคอยปกป้องนายเอง!!!!

    น้ำเสียงหนักแน่นมาพร้อมกับใบหน้ามุ่งมั่นทำเอาคนที่กำลังขวัญตกใจนิ่งอึ้งชั่วครู่ หากเพียงไม่นานดวงหน้าหวานก็หลุดยิ้มขำออกมาให้คยองซูสบายใจ


    อย่างน้อยลู่หานก็ยังยิ้มได้ละนะ



    ...ทว่า...



    “เห้ย นั่นมันเด็กนักเรียนทุนที่เขาลือกันว่าเส้นสายใหญ่เพราะเอา ร่างกายเข้าแลกนี่”


    น้ำเสียงเหยียดหยามแทรกขึ้นทำให้คนทั้งคู่หันกลับมอง คังวอนโฮ เด็กกร่างประจำห้องคิงที่ใครก็ไม่ชอบหน้า



    เพราะปากหมาแบบนี้ไง

     

    “เก็บปากพล่อยๆ ของมึงไปเลยไอ้วอนโฮ!!!!


                    คยองซูเชิดหน้ามองอีกคนอย่างไม่คิดยอม ผิดกลับเจ้าของประเด็นอย่างลู่หานที่ได้แต่ก้มหน้านิ่งรับฟังคำเหล่านั้นด้วยแววตาเจ็บปวด

     

    ถึงลู่หานจะพูดอะไรออกไป คนพวกนี้ก็ไม่คิดฟังคำของเขากันหรอก

     

                    เพราะลู่หานเป็นได้แค่... เด็กนักเรียนทุนจนๆ

     

                    “เหอะ คยองซู กูว่ามึงควรเลือกคบเพื่อนหน่อยนะ” ดวงตาคมปรายมองคนตัวเล็กที่ตีหน้าเครียดขึง หัวเราะหยันก่อนเบนมองไปยังคนตัวเล็กกว่าอีกคนด้านหลัง “ไม่ใช่ตาบอดตาต่ำเอา เศษสวะ อย่างไอ้เหี้ยนี่เป็นเพื่อน แค่กูนั่งเรียนห้องเดียวกัน ใช้อากาศหายใจร่วมกับมันกูยังอยี๋... ขยะแขยงวะ”

                    เศษสวะ... งั้นหรือ...


                ในสายตาพวกเขา... ลู่หานเป็นได้แค่เศษสวะเท่านั้นสินะ


                    “ลู่หานอย่าไปฟังมัน! กูจะคบใครเป็นเพื่อนมันก็เรื่องของกู มึงอย่าเสือก!” คยองซูต่อกรกับชายที่เหน็บแนมลู่หานอย่างไม่ยอม หากกระนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน ยกยิ้มมุมปาก แววตาดูถูกส่งไปยังเด็กนักเรียนทุน

    “นี่ไอ้เด็กนักเรียนทุน... กูถามจริงๆ เหอะวะ มึงไปทำอีท่าไหนไอ้ชานยอลถึงได้ดูหลงมึงแจขนาดนั้นวะ” วอนโฮเปลี่ยนหัวข้อสนทนา คำถามที่เหมือนดั่งปลายธนูแหลมพุ่งยิงเข้าร่างลู่หานเต็มแรง วอนโฮประเมินท่าทีนิ่งอึ้งของลู่หานภายใต้หน้ากากความนิ่งเฉยแล้วได้แต่กระตุกยิ้มหยัน

     

                    โอหังสิ้นดี

     

                    “หรือข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงวะ

                    ดวงตากลมเบนขึ้นสบใบหน้าร้ายกาจ

     

              “มึงขายตัวให้ชานยอลล่ะสิ”

     

                    กึก

     

    เหมือนลูกธนูดอกนั้นกำลังแพร่พิษให้กายแข็งค้าง วาจาถากถางร้ายกาจที่ทำให้คนนิสัยไม่สู้คนอย่างลู่หานได้แต่ก้มหน้าต่ำ ริมฝีปากเล็กขบกัดแน่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

    เศษสวะบ้างละ น่ารังเกียจบ้างละ ตัวเชื้อโรคบ้างละ              

     ไอ้วอนโฮ มันจะมากไปแล้วนะ!!!” คยองซูตะโกนลั่นอย่างเหลืออด ลู่หานก้มหน้าชิดคางปล่อยให้กลุ่มผมยาวหล่นล้วงปิดบังใบหน้า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอกมากเพียงใด คนอย่างลู่หานน่ะ... คนอย่างผมน่ะ... ดูต่ำต้อยสำหรับทุกคนใบโลกใบนี้เลยหรือไรกัน


                    แค่สักครั้ง... ขอแค่สักครั้ง


    แล้วที่มึงเข้ามาเรียนกลางเทอมได้ก็เพราะว่าไปขายตัวให้พวกเสี่ยรวยๆ เหมือนกันสินะ หื้มว่าไง?  กูเดาถูกใช่มั้ยละ


    ให้ลู่หานได้รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับคนอื่นบนโลกใบนี้... สักครั้งก็ยังดี



    หากแต่



    ครับ ผมขายตัวให้คุณเอเดนลี คนอย่างผมไม่มีปัญญาหาเงินเข้าเรียนที่นี่ได้หรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ

    หมุนตัวก้าวขาฉับๆ เดินออกมาทิ้งให้คยองซูเบิกดวงตาโพลงอย่างคาดไม่ถึง ไม่นานขาเล็กก็วิ่งตามหลังเพื่อนสนิทออกไป วอนโฮยืนนิ่ง ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กดูอ่อนแอน่ารังแก หากแต่ภายในกลับเข้มแข็งอย่างทึ่ง ถือเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่งที่กล้าโกหกเพื่อยอมรับข้อกล่าวหาสกปรกเหล่านั้น


    ทำไมถึงน่าสนใจน่ะเหรอ



    ก็เพราะน้ำเสียงนั่น... มันแข็งกระด้างตรงข้ามกับแววตาน่ะสิ



    “หึ อวดเก่ง”






     ในขณะเดียวกัน ในมุมไม่ไกลจากกลุ่มคนเมื่อกี้นั้นเอง ร่างหนึ่งยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ตั้งแต่แรกเริ่ม ดวงตาสีเข้มวาววับราวพายุลูกใหญ่กำลังกระหน่ำพัดภายใน ชายหนุ่มท่าทางโกรธจัดซึ่งดูได้จากมือที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

    และเพียงไม่นาน กายแกร่งก็หมุนตัวเดินออกมา




    ต่อ



                    “ลู่หาน! นายพูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวไหมห๊ะ!!!” คยองซูเดินไปดักหน้าลู่หานพร้อมโวยใส่อย่างคนหัวเสีย คนถูกต่อว่าได้แต่ก้มหน้านิ่งหลบซ่อนแววตาเศร้าหมอง

    หากแต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นคยองซูที่ยืนจ้องอยู่ตรงหน้าได้ อารมณ์โมโหที่มีอยู่มอดดับหายไปทันตาเพียงแค่สบแววตาเศร้าสร้อยคู่นั้น

    “เพราะผมไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นไปมากกว่านี้อีกแล้วต่างหาก”

                    เพราะถ้าลู่หานยิ่งเงียบ ยิ่งทำเป็นไม่สนใจ คนพวกนั้นก็ยิ่งสรรหาถ้อยคำมาต่อว่าเขาแรงขึ้น ทางที่ดีที่สามารถหยุดได้คือแสร้งยอมรับข้อกล่าวหาที่คนเหล่านั้นยัดเยียดให้


                    แค่เพียงเพราะเขาเป็นนักเรียนทุน เป็นคนจน เหตุผลเหล่านั้นมันฟังดูร้ายแรงเสียจนใครๆ ก็ต่างรุมประชาทัณฑ์เชียวหรือ


                    “แต่นายควรโต้กลับไอ้พวกนั้นบ้างไม่ใช่ยอมไปทุกอย่างแบบนี้นะลู่หาน โถ่

                    “ถ้าผมโต้กลับแล้วพวกเขาจะฟังผมอย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าผมเถียงกลับแล้วพวกเขาจะหยุดหรือเลิกรังแกผมอย่างนั้นหรือครับคยองซู?”

                    คยองซูนิ่ง ใบหน้าโกรธขึงอ่อนลงยามเห็นหยดน้ำใสเอ่อคลอดวงตากลมหลังเลนส์แว่น มันก็จริงอย่างที่ลู่หานว่า แต่ถึงอย่างไรหากเพื่อนเขาไม่ยอมคิดสู้บ้างเจ้าพวกนั้นก็ยิ่งเหิมเกริงได้ใจเข้าไปใหญ่น่ะสิ


                    แต่คยองซูที่คิดว่าตัวเองเข้าใจชีวิตลู่หานดีที่สุดคงลืมอะไรไปบางอย่าง


                    รากฐานที่เกิดมาต่างกัน ความเป็นอยู่ที่เกิดมาผิดกัน ชีวิตที่ไม่เคยพบเจอเฉกเช่นอีกฝ่ายคงไม่สามารถเข้าใจรากความคิดของลู่หานได้ง่ายๆ เพราะคยองซูยังไม่เคยได้สัมผัสและรับรู้รสชาติชีวิตจนตรอกของลู่หานด้วยตัวเองจริงๆ


                    คยองซูจึงเป็นได้แค่คนที่ คิดว่า ตัวเองเข้าใจชีวิตลู่หานดีที่สุด

     

     

     

     

     

                  พักกลางวัน

                    “เห้ยวอนโฮไปแดกข้าวข้างนอกกันเหอะวะ กูเบื่อโรงอาหาร

                    “ไปรอกูที่รถก่อน เดี๋ยวสูบบุหรี่เสร็จแล้วตามไปวอนโฮตอบรับเพื่อนก่อนแยกตัวเดินไปยังหลังโรงเรียนซึ่งเป็นพื้นที่โล่งเหมาะสมแก่การสูบบุหรี่


                    ฟูว


                    กลีบปากหยักพ่นควันสีหม่นลอยคลุ้งรอบตัว กายแกร่งเอนแผ่นหลังพิงกับต้นไม้ลำใหญ่เมื่อพบว่าพื้นที่นี้สงบไม่มีคนพลุกพล่านดั่งเฉ่นโรงอาหารหรือพื้นที่อื่นๆ

                    ก็แน่ละ ใครจะมาทำบ้าอะไรหลังโรงเรียน

     

                    ครืด

     

                    “เห้ยเสียงไรวะชายหนุ่มผงะ แว่วเสียงอะไรบางอย่างกำลังลากถูกับพื้น ...อะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นเหล็ก

     


                    ครืด


     

                    “ใคร! มึงโผล่หน้าออกมาดิวะ!!” วอนโฮตะเบ่งเสียงลั่น เขาเริ่มแน่ชัดแล้วว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงท่อนเหล็กที่กำลังลากถูกับพื้นไม่ผิดแน่


                    “กูบอกให้ออกมาไง!!!

     


                    ฟึบ

     


                    “กูเอง

                    น้ำเสียงเย็นดังขึ้นจากพุ่มไม้ตรงหน้า วอนโฮประหลาดใจกับร่างของหัวหน้าไกเซอร์ที่โผล่ออกมาพร้อมกับท่อนเหล็กขึ้นสนิมขนาดใหญ่ ใบหน้านั้นเรียบนิ่งหากแต่แฝงความดุดันจนวอนโฮนึกหวั่น


                    ไม่มีคนปกติที่ไหนเดินลากท่อนเหล็กเท่าควายไปไหนมาไหนหรอก


                    “มึงมีอะไรกับกูวะ!” วอนโฮรัวเสียง โยนบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วยกปลายเท้าขยี้เพื่อปกปิดความหวั่นกลัวไม่ให้อีกร่างได้เห็น แม้ดวงหน้านั้นจะซีดและเหงื่อเริ่มตกก็ตามที

     

                     ครืด

     

                    หากแต่เซฮุนไม่คิดตอบ ขายาวเดินลากท่อนเหล็กในมือเข้าไปใกล้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไอความกดดันแผ่กระจายจากร่างหัวหน้าไกเซอร์จนวอนโฮเหงื่อซึมอาบแก้ม ขายาวผงะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

                    “เห้ยเซฮุน… มึงมีอะไรกับกูก็พูดดิวะ

                    “หึ

     

                    ผลั๊วะ!

     

                    “อั๊ก!!!!!

     

                    ความโหดร้ายของปีศาจไกเซอร์เริ่มขึ้นในบัดดล เซฮุนยกท่อนเหล็กขึ้นสูงแล้วฟาดลงกลางตัววอนโฮอย่างแรง ไม่พูดพร้ำทำเพลงแขนยาวก็เงื้อมือขึ้น หวดท่อนเหล็กใส่วอนโฮที่เสียท่าลงไปนอนกับพื้นอีกครั้งไม่ยั้งแรง ปีศาจร้ายหวดท่อนเหล็กเข้าใส่อีกครั้งและอีกครั้ง ดวงตาคมวาวมืด และหากเพ่งมองดีๆ จะพบเปลวเพลิงโทสะลุกโชนอยู่ภายใน


                    นี่แหละความโหดร้ายของหัวหน้าปีศาจแห่ง... ไกเซอร์


                “อ๊าก!!!!!


                    แม้อีกร่างจะร้องโอดโอยอ้อนวอนขอร้องไม่หยุด หากแต่ปีศาจที่กำลังพิโรจน์จนหน้ามืดมีหรือจะแยแส แรงหวดท่อนเหล็กเพิ่มขึ้นตามแรงอารมณ์จนเลือดกระอักจากปากคนใต้ร่างกระเด็นติดท่อนแขน และอีกไม่นานร่างนั้นคงได้ถูกหามเข้าไอซียูอย่างแน่แท้


                    ปีศาจที่ใครก็ต่างเกรงกลัว


                    “มึงจำเอาไว้ว่าไอ้เหี้ยนั่นไม่ได้ขายตัวให้ใครทั้งนั้น


                    ผลั๊วะ!


                    “อั๊ก!!!!


                    “อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าไปรังแกมันอีก


                    ผลั๊วะ!


                    “อั๊กกกก!!!!!!


                    “และถ้าไอ้เหี้ยนั่นจะขายตัว”


                    “อึ๊ก”


    “ มันขายให้กูได้คนเดียวเท่านั้น!!!!



                    ผลั๊วะ!!



                    “อ๊ากกกกกก!!!!!!!!


     

                    เคล้ง

     


                    เซฮุนปล่อนท่อนเหล็กเกาะสนิมในมือลงพื้นเมื่อร่างนั้นนิ่งสงบไปพร้อมกองเลือดมหาศาล เขายกปลายเท้าวางบนใบหน้าฟกช้ำของคนสลบก่อนถีบเบาๆ


                    “ถุ้ย


    ถมน้ำลายใส่ทิ้งท้ายแล้วหมุนกายเดินออกมา เพลิงโกรธมอดลงหากแต่ยังไม่ดับสนิท ช่วงยาวก้าวไปยังห้องน้ำปลอดคน วางฝ่ามือรองใต้ก๊อกเปิดน้ำชำระล้างคราบสนิม รวมถึง... คราบเลือดโสโครก

    เซฮุนทำอะไรลงไปเขารู้ดี อาจดูป่าเถื่อน อาจดูโหดร้าย ทว่าเขาก็ไม่สามารถพอที่จะระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวทั้งหมดลงได้ เพียงแค่ได้ยิน... ความโกรธก็ปะทุราวภูเขาไฟที่ตายสนิทมานานนับหลายปี  จากชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดสนใจแยแสเรื่องคนอื่นนอกจากเรื่องตัวเอง ความคิดเหล่านั้นมันได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว


    คนคนเดียวที่กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงนี้อย่างร้ายกาจ

     

     

                    แกร๊ก

     

    บานประตูห้องน้ำถูกเปิดออกก่อนที่ร่างด้านในจะก้าวเดินออกมา เหมือนดั่งเข็มนาฬิกาที่เคยเดินกลับหยุดชะงักกะทันหันยามที่ดวงตาสองคู่สบผสานกัน เจ้าของดวงตากลมที่ลอยวิ่งอยู่หัวตลอดทั้งวัน

                    ลู่หานลอบกลืนน้ำลาย  ก้มหน้างุดพยายามเดินเลี่ยงออกมาจากสถานที่ชวนอึดอัดนี้ ทว่ามือนิ่มกลับถูกคว้าจับไว้มั่น

     

                    กลัว

     

                    “จะไปไหน

                    “ทานข้าวครับ กรุณาปล่อยผมด้วย

                    เพราะความกลัวสุดขีดจึงทำให้ลู่หานสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วชิ่งวิ่งหนีออกมา หากเป็นเวลาปกติเซฮุนไม่คิดจะปล่อยให้อีกคนได้หนีรอดไปอย่างง่ายดาย ทว่าครั้งนี้มันต่างกันออกไปเมื่อดวงตาคู่นั้นกำลังสะท้อนแววบางอย่างให้ชายหนุ่มกำหมัดแน่น

     

                    ดวงตานิ่งเรียบและท่าทีเฉยเมย

     

                    “ปล่อย… อย่างนั้นหรือ? เหอะ

     


     

                    คิดว่าคนอย่างกูจะปล่อยมึงไปง่ายๆ หรือไงกัน ไอ้ตัวเชื้อโรคที่รัก




    ต่อ





     

       

     

     

     

    ต่อ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             

     

     

     

                    ลู่หานเดินปร๋อเข้าโรงอาหารโดยที่คนบนโต๊ะอย่างคยองซูและคิมจงอินไม่ทันได้สังเกตุใบหน้าร้อนใจ ยกเว้นเสียแต่ปาร์คชานยอลที่สังเกตทุกท้วงท่าของลู่หานตั้งแต่เดินเข้ามาให้เห็นในระยะสายตา

                   “ฉัน ไม่ กิน ผัก!”

                   “เพราะไม่กินผักนี่ไงถึงได้เอ๋อแบบนี้

                    “เพราะว่าเสือกแบบนี้ไงนายถึงได้น่ารำคาญ หุบปากแล้วกินข้าวไปซะคิมจงอิน!!”

    สองคู่กัดอย่างคิมจงอินและโดคยองซูเปิดปากปะทะลั่นอย่างแข็งข้อ คนหนึ่งก็ขี้แกล้ง คนหนึ่งก็ขี้วีน ถ้าได้อยู่ด้วยกันจริงๆ มีหวังบ้านแตกแหงๆ

    ความคิดของลู่หานที่เพิ่งเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งข้างชานยอลไม่ได้รู้เลยว่าสองคนนี้นะ... ความสัมพันธ์ยิ่งกว่าลึกซึ้งเสียอีก

                    “เห้! ถึงกูจะถูกใจมึงแต่ใช่ว่ามึงจะมีสิทธิ์มาหัวเราะเยาะกูได้แบบนี้นะเว้ย

                    ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เจ้าตัวก็ถูกไกเซอร์ขอมขี้เล่นหันมาโวยใส่แทน มือเล็กยกขึ้นโบกไปมาเบาๆ หัวเล็กผงกขึ้นลงรัวอย่างขอโทษขอโพย

                    อึ๋ย คุณจงอินจะโกรธเรามั้ยเนี่ยลู่หาน

                    “... ผมขอโทษครับคุณจงอินท่าทีรุกรี้รุกรน ทำเหมือนเรื่องที่ตัวเองก่อเป็นอาชญากรรมระดับชาติทำเอาจงอินส่ายหน้าระอา ก็ยอมคนไปทั่วแบบนี้ไงถึงได้โดนแกล้งอยู่เรื่อย

     

                    ฟอด

     

    ว่าแล้วคนขี้แกล้งก็ลงมือฉวยโอกาสเข้าฟอดใหญ่จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง จงอินหันมานั่งเท้าคางมองปรางแก้มสีแดงอย่างถูกใจ

    กูไม่โกรธมึงหรอก รีบแดกข้าวไปเลยไปว่าที่ผัวมึงจะฆ่ากูทางสายตาแล้วนั่น

                    ว่าจบก็ปรายสายตาไปยังปาร์คชานยอลที่นั่งตีหน้าขรึมตามฉบับ หากแต่แววตากลับเข้มขึ้นอย่างที่จงอินรู้ดี


    ได้เห็นเสือยิ้มยากของขึ้นมันน่าตื่นเต้นจะตายไปนี่ J


                    “พูดมาก น่ารำคาญ

                    สองคำพูด แต่ฉึกเข้ากลางใจคิมจงอินอย่างแรงจนต้องหัวเราะลั่น ชานยอลมองเพื่อนที่ใครหลายคนตั้งฉายาว่าจอมขี้เล่น หากแต่เขากลับมองว่าประสาทเสียอย่างปลงตก กายแกร่งขยับเปลี่ยนท่านั่งเท้าคางปรายดวงตาคมมองคนน่ารักข้างกายที่นั่งกุมแก้มแดงๆ ของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่

                    เชื่อเขาเลยจริงๆ

                    “มากไปแล้ว

    เห?” ดวงตากลมปรายมองเจ้าของมือหนาที่ยื่นเข้ามาดึงมือเขาไปกุมมั่นบนตักแกร่ง มือใหญ่คลึงมือนิ่มเล่นก่อนอมยิ้มกับตัวเอง

    คุณชานยอลน่ารักจังเลย

    ไม่ต้องไปเขินมันมากก็ได้...”

                    ดวงตาคมหันกลับมามองยังใบหน้าฉงนของลู่หาน

    กูหึงเป็นเหมือนกันนะ

                    “...อ่า///”

                    ดวงหน้าหวานที่ว่าแดงแล้วกลับแดงเถือกหนักขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง  “เอ่อ คือคุณชานยอลครับ

                   เจ้าของชื่อหันมามองใบหน้าหวาน หลุดยิ้มกับใบหน้าอ้ำอึ้งแสนน่ารักว่าไง

                    “คือมือ…” ชานยอลหลุบสายตามองมือตัวเองที่กอบกุมมือนิ่มบนตักมั่น ไกเซอร์แสนอบอุ่นหลุดยิ้มบาง ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนดึงบางสิ่งออกมา

                    ดวงตาสวยหลังเลนส์แว่นมองกำไลข้อมือสีเงินเรียบหรูที่อยู่ในมือชานยอลอย่างสงสัย ขณะที่ชายหนุ่มก็กำลังสวมให้อย่างนุ่มนวล ไกเซอร์หนุ่มหลุดยิ้มเมื่อกำไลที่ตั้งใจเลือกนั้นเข้ากับผิวขาวๆ ของลู่หาน

     

                    จุ้บ

     

    กลีบปากหยักประทับจูบกำไลเงินบนข้อมือขาวนาบแน่น จูบ... ที่เหมือนดั่งประทับทุกความรู้สึกของปาร์คชานยอลลงไป

                    “ให้

                    “... แต่ผมคงรับไม่ได้ เอ่อ มันดูแพงเกินไป

                    “บอกว่าให้ก็ใส่ไว้เถอะน่า

                    เอ่ยเสียงดุ ก่อนหันมาสนใจจานข้าวตรงหน้าต่อปล่อยให้ลู่หานนั่งอมยิ้มกับตัวเอง ใครจะรู้ว่าคนที่ภายนอกดูดิบเถื่อน ไม่น่าเข้าใกล้อย่างปาร์คชานยอลจะทำอะไรน่ารักอย่างนี้กับใครเขาเป็นด้วย

    มือนิ่มถือช้อนตักข้าวเข้าปากโดยที่ริมฝีปากบางติดรอยยิ้มค้างตลอดเวลา ดวงตากลมก็คอยแต่หลุบมองกำไลสีเงินที่สะท้อนแสงอาทิตย์สวยสะดุดตา

                    ขอบคุณคุณชานยอลนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ลู่หานกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง ^-^

     




                    เมื่อทานข้าวเสร็จ ลู่หานก็ขอแยกตัวไปยังห้องสมุด แม้ชานยอลจะขอตามไปเป็นเพื่อนแต่เขาก็เกรงใจเกินกว่าจะให้ชายหนุ่มนั่งรอเป็นชั่วโมงเพื่อรอเขาเดินเลือกหนังสือ ขาเล็กก้าวเดินไปตามทางเรื่อยๆ ทว่า

                    หมับ

                    “อ๊ะ

                    กายเล็กถูกกระชากอย่างแรงโดยมือปริศนา ก่อนถูกผลักกระแทกกำแพงจนจุกร้าวไปทั้งด้าน ดวงตากลมเบนขึ้นหมายมองหน้าคนกระทำ ทันใดนั้นก็จำต้องเบิกดวงตาโพลงเมื่อสบเข้ากับแววตาวาวโรจน์สีมืดน่ากลัว

                    “... คุณเซฮุน!”

                    “ร่าน

                    “คุณเซฮ...”

                    “ต้องร่านอีกกี่คนมึงถึงจะพอห๊ะ!!!”

                    บีบข้อแขนเล็กในมือแน่นตามกองเพลิงโทสะที่กำลังอัดแน่นในอก ขบฟันกรอดเมื่อนึกไปถึงภาพที่คนตัวเล็กตรงหน้าถูกจงอินหอมแก้ม หนำซ้ำท่าทีเขินอายที่มีต่อชานยอลนั่นอีก ยิ่งคิด โอเซฮุนก็ยิ่งแทบอยากฉีกกระชากร่างน้อยให้แหลกละเอียด       

                    ท่าทางโกรธดกรี้ยวจัดที่กกระตุ้นให้ลู่หานปล่อยน้ำตารินไหลอย่างหวาดกลัว ร้องขอเสียงสั่นต่อปีศาจร้าย

                    “ฮึกผมเจ็บ ปล่อยผม

                    “เดี๋ยวนี้กล้าต่อกรขึ้นนี่! แล้วนั่นอะไร? มึงไม่เคยใส่กำไลนิ! อ๋อไอ้ชานยอลคงให้มาสินะ! เมื่อคืนมึงคงถึงใจมันมากสินะ!!!!!!”

                    ปีศาจร้ายยิ่งเกรี้ยวกราดเมื่อมองกำไลบนข้อมือที่เขาแสนหวงแหน นึกไปถึงบทรักแสนเร่าร้อนของสองร่างที่เขาแสนชังก็อยากจับร่างตรงหน้ามาเขย่าให้ตายคาอก อยากเค้นถามสิ่งที่ค้างคาใจให้หายฟุ้งซ่าน แต่เมื่อเห็นหยดน้ำใสที่ไหลเป็นทางก็ทำเอากองเพลิงในดวงตาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ

     

                  จุดอ่อนของปีศาจผู้เก่งกาจก็เป็นเพียงแค่หยดน้ำใสๆ บนดวงตาสวยคู่นั้น


                    “หยุดร้องได้แล้วไอ้เหี้ยเอ้ย!!!”

                    เซฮุนตวาดลั่นอย่างหัวเสีย เขาไม่ชอบไอ้น้ำเค็มๆ ที่ไหลราวน้ำตกนี่เลยให้ตาย และยิ่งสาเหตุมาจากตัวเขาเองก็ยิ่งโมโห!

                    แม่ง ร้องทำส้นตีนอะไรนักหนาวะ!

                    “กูไม่ใช่พระเอกแบบไอ้ชานยอลที่จะโอ๋มึงหรอกนะ!!!”

                    “ไม่เกี่ยวกับคุณชานยอลฮึก ปล่อยผมได้แล้วคุณเซฮุนผมเจ็บ!”

                    ลู่หานตัดสินใจควักแรงเฮือกสุดท้ายบิดข้อแขนออกพร้อมกดเสียงเข้าสู้ ถามว่ากลัวไหม ตอบได้เลยว่ามากถึงมากที่สุด แต่ในเวลานี้คำพูดดูถูก น้ำเสียงแดกดัน ความชินชา กำลังสร้างเกาะกำบังชั้นดีให้ลู่หานเผลอกระแทกเสียงใส่อย่างลืมตัว

                    “เดี๋ยวนี้ฤทธิ์เยอะนักนี่ หรือเพราะตกเป็น 'เมีย' ไอ้ชานยอลแล้วถึงกล้าเหิมเกริงกับกูแบบนี้ห๊ะ!!”

                    คนโมโหหน้ามืดกระชากร่างน้อยเข้าหา กำข้อแขนเล็กแน่นจนขึ้นรอยช้ำโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บของอีกฝ่าย ลู่หานเม้มริมฝีปากฉับเมื่อได้ยินถ้อยคำดูถูกจากชายตรงหน้า ถ้อยคำที่เปรียบดั่งปลายมีดแหลมคอยชำแหละก้อนเนื้อในอกให้เจ็บร้าวอย่างทรมาน

                    ลู่หานจะไม่เจ็บขนาดนี้ หากคำพูดเหล่านั้นไม่ได้หลุดจากปากโอเซฮุน


                    ผู้ชายแสนร้ายกาจ แต่ครอบครองทั่วทุกพื้นที่หัวใจ


                    “ไอ้ชานยอลมันถึงใจมึงดีไหมละ มึงคงชอบมันมากสินะ ก็มันทั้งแสนดี อ่อนโยน แล้วช่วงล่างมึงระบมไหมละ? เจ็บบ้างไหม เจ็บบ้างหรือเปล่าลู่หาน!!!!!!!! ”

                    ปีศาจร้ายคำรามดังลั่นราวคนขาดสติ ดวงตาคมแข็งกร้าวจ้องใบหน้าเล็กไม่ลดละ เสียงสุดท้ายที่ลู่หานคงไม่ทันสังเกตุเพราะดวงตาชิงชังคู่นี้ เสียงสุดท้ายที่ลู่หานไม่ทันเอะใจเพราะดวงตาชิงชังคู่นี้ เสียงสุดท้ายของปีศาจจอมเหี้ยมโหดในสายตาคนตัวเล็ก

     

                    เจ็บไหม เจ็บบ้างหรือเปล่า ลู่หานเจ็บเหมือนที่โอเซฮุนคนนี้กำลังขาดใจตายบ้างหรือเปล่า...

     

                    ชายหนุ่มโมโหจนแทบบ้าเพียงเพราะร่างน้อยในอ้อมแขนไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียว เซฮุนอยากเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของลู่หาน อยากเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลู่หาน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อแววตาคู่นั้นบอกได้ชัดเจนว่าแสนชังเขาขนาดไหน ก็ใช่สิโอเซฮุนมันเป็นตัวร้ายนี่


                    โอเซฮุนก็แค่ตัวร้ายในละครที่มีแต่ความสกปรก และเขาก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีอย่างปาร์คชานยอลในสายตาทุกคน

     

                    แต่รู้อะไรหรือเปล่า...

     

     

                    ตัวร้ายในละครก็รักนางเอกไม่น้อยไปกว่าใคร


     

                    “กรุณาปล่อยมือผมด้วยครับ

                    “ไม่

                    “คุณเซฮุนต้องการอะไรกันแน่! ฮึก บอกผมมาทีว่าคุณต้องการอะไร ผมจะให้ทุกอย่างแล้วกรุณาปล่อยผมไปตามทางสักทีเถอะได้โปรด ฮึกผมเจ็บฮึกผมไม่ไหวอีกต่อไปแล้วฮื้อ

                    ลู่หานร้องอย่างสุดจะกลั้น มือเล็กยกทุบตีแผ่นอกกว้างราวระเบิดความอัดอั้นใจ เขาไม่สามารถปิดซ่อนความอ่อนแอได้อีกต่อไป ลู่หานไม่ไหวแล้ว... ทำไมโอเซฮุนถึงไม่คิดถามหาความจริงว่าเป็นอย่างไร หากเซฮุนถามหาความจริงลู่หานก็ยินดีตอบโดยไม่คิดบิดเบือน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นวาจาดูถูก เหยียดหยาม คำพูดร้ายกาจที่ทำเอาหัวใจพังครืดลงมาไม่เป็นท่า ไม่เหลือแล้ว ลู่หานไม่เหลืออะไรแล้ว


                   แม้กระทั่งหัวใจอันบอบช้ำดวงนี้ก็ตาม

     

                    ชายหนุ่มมองร่างในอ้อมแขนที่สะอื้นไห้ไม่หยุดด้วยดวงใจแตกสลาย เป็นอีกครั้งที่ตัวเขาเองทำคนตรงหน้ามีน้ำตา อยากยกกำปั้นขึ้นซัดหน้าตัวเองแรงๆ ให้สาสมที่ทำคนคนนี้ร้องไห้ ชกแรงๆ ให้มันสาสมกับหยดน้ำตาที่ลู่หานเสียไปครั้งแล้วครั้งเล่า


                    คนเลวที่มีดีแต่ทำให้คนที่ตัวเองรักเสียน้ำตา


                    “ลู่หาน... กูปล่อยมึงไปไม่ได้…”

     


    กูจะปล่อยหัวใจตัวเอง...ไปได้ยังไงวะ

     


                    “แต่คุณเซฮุนต้องปล่อยผมฮึก คุณเซฮุนเข้าใจไหมว่าคุณเซฮุนต้องปล่อยผม!!! ปล่อยผมเข้าใจไหม!!!!”

     

                    “กูไม่เข้าใจเว้ยไอ้เหี้ย! หุบปากได้แล้ว!!!!!!!!”

     

                    เซฮุนตะโกนก้อง มือทั้งสองเขย่าไหล่เล็กจนร่างรื่นน้ำตาไหวไปมา ริมฝีปากบางขบกัดแน่นจ้องคนโมโหร้ายอย่างไม่พอใจ ทำไมกัน ในเมื่อที่ผ่านมาลู่หานก็เป็นเพียงแค่คนไร้ค่า เป็นเพียงแค่ของเล่นระบายอารมณ์

                    “คุณเซฮุนจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ ฮึก

                    “ทำไมกูจะทำไม่ได้ ลืมไปแล้วหรือไงว่ามึงเป็นตัวเชื้อโรคของกู

                    “ผมไม่ใช่ของคุณเซฮุนอีกต่อไปแล้ว! ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณขายผมให้คุณชานยอลไปแล้ว! ผมเป็น 'คนของคุณชานยอล' แล้ว!!!!!!”

     

                    ปัง!!!!!!

     

                    หมัดหนักชกลงกำแพงข้างใบหน้าลู่หานสนั่น เส้นอารมณ์ขาดสบั่นเพียงคำคำเดียว หยาดเลือดหยดไหลจากข้อมือโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกสะท้านใดๆ  ไม่เจ็บเลย แผลแค่นี้มันไม่เจ็บเลยสักนิด มันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บตรงก้อนเนื้อในอก แว่วเสียงหัวใจที่มันกำลังร้องอย่างน่าสงสาร โอเซฮุนที่ไม่เคยเจอกับความรู้สึกนี้มาก่อนในชีวิต

     

                    ทำไมหัวใจถึงร้องไห้ไม่หยุดเสียทีละ...

     

                    “พูดอีกทีซิว่ามึงเป็นของใคร

                    “ฮึก ผม…”

                    “มึงเป็นของใคร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

                    “ผมเป็นของคุณชานยอล ได้ยินไหมว่าผมเป็นของคุณชอื้ม!!!”

                    ริมฝีปากหยักกระแทกบดจูบกลีบปากบางอย่างแรง กลืนกินทุกคำพูดที่เปรียบเหมือนยาพิษให้สิ้นซาก กดจูบหนักหน่วงจนกลีบปากนิ่มบวมช้ำ ขบกัดให้ร่างน้อยได้รู้ถึงเพลิงไฟที่กำลังมอดไหม้ในอก แค่คิดว่าร่างในอ้อมแขนกำลังบินหนีหายเขาก็แทบสิ้นแรง แล้วยิ่งเจอคำพูดตอกย้ำก็แทบสิ้นใจ

                    ละครที่ผู้ร้ายจอมเลวอย่างเขาไม่มีวันได้เคียงคู่กับนางเอกแสนอ่อนโยน

     

                    ใครคือผู้เขียนบทละครเรื่องนี้กัน โชคชะตา พรหมลิขิต หรือเรื่องบังเอิญ

     

    รสจูบที่เคยหวานซาบซ่ากลับเจ็บทรมานเจียนตาย ลิ้นเล็กสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดคาวที่ลอยคลุ้งในปาก หยดน้ำตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่า จุมพิตที่ดิบเถื่อนรุนแรงกลั่นกรองมาจากความเจ็บช้ำจากก้นบึ้งหัวใจทั้งสองดวง หัวใจที่กำลังร่ำไห้... ไม่ต่างกัน

    จำเอาไว้ ไม่ว่ายังไงมึงก็เป็นแค่ของกู

    ฮึก

    และถ้ามึงจะไปเป็นของคนอื่น ...กูจะไปฆ่ามันแล้วแย่งมึงกลับมา


    เพราะอย่างไร ตัวร้าย ก็ไม่เคยได้เป็น พระเอก

     

    เซฮุนก้าวเดินออกมาโดยทิ้งร่างน้อยไว้เบื้องหลัง ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดลงเมื่อขาทั้งสองกลับสั่นขึ้นจนไม่สามารถขยับให้เดินไปได้อย่างใจคิด  หัวหน้าไกเซอร์ที่ใครก็ต่างเกรงกลัวหากแต่ในเวลานี้กลับกำลังอ่อนแออย่างน่าสมเพช หัวใจที่เคยด้านชากลับมีความรู้สึกอีกครั้ง ลู่หานคงเกลียดเขาแล้วสินะ แล้วลู่หานที่ชิงชังเขาคนนั้นจะรู้บ้างหรือเปล่า


    จะรู้บ้างหรือเปล่าว่าหัวใจของปีศาจตนนี้กำลัง ร้องไห้


                    ลู่หานถดกายล้วงลงสู่พื้นเมื่อร่างของปีศาจร้ายก้าวเดินออกไป มือเล็กยันพื้นอย่างอ่อนแรงแหงนดวงหน้าขึ้นฟ้าแล้วปลดปล่อยน้ำตาอย่างสุดจะกลั้น ปล่อย... ให้มันไหลชำระล้างซากความเจ็บปวดในหัวใจ มือเล็กยกกุมหน้าอกขย้ำเสื้อตัวเองแน่นอย่างเจ็บทรมาน ความเจ็บนี้เซฮุนจะรู้สึกเหมือนเขาบ้างหรือเปล่า


    แต่เซฮุนคงไม่เคยรู้ และไม่มีวันได้รู้

     

     

    แม้ดวงตาจะสะท้อนความชิงชังขนาดไหน แต่อีกด้านก็แสนรักไม่ต่างกัน

     

     

     

    ต่อ





                    ในที่สุดเวลาเลิกเรียนที่ลู่หานเฝ้ารอก็มาถึง ขาเล็กก้าวเดินออกออกจากห้องไปช้าๆ นึกไปถึงคยองซูที่ถูกจงอินลากตัวออกไปหลังหมดเสียงหมดคาบดังแล้วได้แต่นึกสงสัย

                    สองคนนี้ชักจะยังไงยังไงอยู่แห๊ะ

                    คำถามที่อยู่ในใจดึงลู่หานไปยังความสงสัยอีกหนึ่งข้อ ตั้งแต่เข้าคาบบ่ายมาเขาไม่ยักเห็นคิมวอนโฮนั่งอยู่ในห้อง แต่ก็ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะต้องสนใจคนพันธุ์นั้น            

                    “ลู่หาน

                    “อ๊ะ คุณชานยอล

                    เจ้าของชื่อยกยิ้มบาง ขยับช่วงขาเดินเข้าหาร่างที่สูงเพียงแค่ปลายคาง ใบหน้าคมประดับรอยยิ้มที่หาได้ยากจากหนึ่งในปีศาจไกเซอร์ตนนี้ ทว่าจู่ๆ ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนมานิ่งเฉย ดวงตาคมแข็งกร้าวขึ้นจนลู่หานรู้สึกได้

                    “ปากไปโดนอะไรมา

                    คำถามจี้จุดที่พุ่งเข้ามาทำเอากายเล็กชะงักไปอึดใจ ก่อนแสร้งพยายามยิ้มกลบเกลื่อนหวังตบตาคนตรงหน้า แม้จะรู้ว่าความเป็นไปได้แทบไม่มีเลยก็เถอะ

                    “อ่อ อะ เอ่อ คือผมกินอาหารเผ็ดมาน่ะครับ

                   

                    “เอ่อ คุณชานยอลครับ”  

                    “…อย่างนั้นหรือ ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกันชานยอลเก็บงำทุกความสงสัยแม้จะรู้คำตอบดีว่ากลีบปากบวมช้ำนั้นผ่านอะไรมา มือใหญ่ได้แต่กำแน่นระงับความไม่พอใจ

                    “แล้วคุณชานยอลกำลังไปไหนหรือครับซึ่งลู่หานก็เหมือนจะรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นของอีกฝ่ายจึงเอ่ยเบี่ยงประเด็นขึ้นมา

                    “แล้วนายกำลังจะไปไหนละ

                    “เห? เอ่อก็ร้านคุณปาร์ค

                    “งั้นไปด้วยกันนะ

                    บรรยากาศภายในร้านอาหารชื่อดังยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนเช่นทุกที วันนี้ลู่หานพาลูกมือจำเป็นเข้ามาและดูเหมือนคุณปาร์คเจ้าของร้านจะถูกอกถูกใจที่ได้ลูกจ้างสุดหล่อเข้ามาช่วยเรียกลูกค้าเพิ่ม

                    “ความจริงแล้วคุณชานยอลไม่ต้อง...หากแต่คนขี้เกรงใจก็ยังคงเป็นคนขี้เกรงใจอยู่วันยังค่ำ ชานยอลมองท่าทีอึกอักโดยที่มือเล็กยกดันกรอบแว่นชิดหน้าแล้วชิดหน้าอีกอย่างเอ็นดู ช่วงขายาวขยับเข้าใกล้พร้อมวางฝ่ามือหนาลงบนกลุ่มผมนิ่มของคนขี้เกรงใจแล้วจับโยกไปมาเบาๆ

                “ฉันชอบนาย

                    “...”

                    ทว่าคำพูดที่สวนออกมาทำเอาคนอึกอักชะงักราวของเล่นถ่านหมด ความเจ็บที่กลีบปากแผลงฤทธิ์ในทันทีหวนให้นึกไปถึงใบหน้าใครอีกคน แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เมื่อเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอีกรอบ

                    “ให้ฉันได้เข้าไปเรียนรู้ชีวิตของคนที่ฉันชอบบ้างได้หรือเปล่า

                    ริมฝีปากเล็กเม้มฉับ ท้ายที่สุดก็จนปัญญาที่จะเกลี่ยกล่อมให้คนหน้าโหดแต่ใจดีกลับบ้านจึงปล่อยให้เป็นลูกมือเลยตามเลย มือเล็กกำผ้าเช็ดโต๊ะเช็ดทำความสะอาดวนไปวนมาอย่างคนเหม่อลอย ชานยอลเป็นคนดีและอ่อนโยน เป็นคนดีมากเสียจนคนขี้เกรงใจอย่างเขาไม่กล้าปฎิเสธ...


                    เพราะเขากลัวว่าจะทำให้คนใจดีอย่างชานยอลต้องเสียใจ





                    กระทั่งเวลาเลิกงาน ชานยอลขอลู่หานเดินตามมาส่งยังหน้าบ้าน สองร่างเดินขนาบเคียงคู่บนถนนปลอดผู้คนยามดึกที่มีดวงดาวเปล่งประกายบนฟากฟ้า สองเสียงพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่พบเจอในร้านวันนี้อย่างสนุกสนาน 

                    ดวงตาคมหลุบมองกลีบปากนิ่มที่กำลังเผยออ้าส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แผงคิ้วเข้มขมวดผมแน่นในทันทีเมื่อกลีบปากนิ่มยังคงเหลือร่องรอยบวมช้ำ มือใหญ่ภายใต้กระเป๋ากางเกงกำแน่น

                    “ขอบคุณที่เดินมาส่งนะครับคุณชานยอลร่างเล็กโค้งลงเมื่อกำลังหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเล็กๆ ชานยอลมองดวงหน้าหวานก่อนพูดในเรื่องที่พี่ชายคนสนิทวานมา

                    “รู้หรือยังว่าพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับพี่อี้ชิงน่ะ

                    “เห? จริงหรือครับ?” ลู่หานร้องเสียงหลง ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้จักจางอี้ชิงไม่นาน แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าอีกคนกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน

                    “พี่อี้ชิงให้ฉันมาชวนนาย เพราะเขาไม่ว่างมาบอกด้วยตัวเอง

                    “ตะ แต่ผมไม่เสื้อผ้าเลย...ชานยอลมองท่าทีไม่มั่นใจของเด็กเฉิ่มแล้วหลุดยิ้มบาง แม้เวลาทำหน้ากังวลใจก็ยังดู... น่ารัก


                    หึ มึงเป็นเอามากจริงๆ นะปาร์คชานยอล


                    “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่อี้ชิงจะมารับนายไปแต่งตัว

                    ลู่หานพยักหน้ารับพร้อมขอตัวเข้าบ้าน ทว่าก่อนที่กายเล็กจะหมุนก็ถูกอีกคนเรียกไว้

                    “ลู่หาน

                    “ครับ?”

                    “เราลองมาคบกันไหม

                    “!!!

                    คำขอไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยดังขึ้นทำเอาคนที่ยืนนิ่งสะดุ้ง ดวงตาสวยหลังเลนส์แว่นเบิกโพลงมองชายหนุ่มตัวสูงที่ผิวเนื้อเต็มไปด้วยรอยสักมากมาย แผงหูเจาะไปด้วยต่างหูสีดำอย่างไม่อยากเชื่อ


                    คนอย่างคุณชานยอลที่มีพร้อมไปเสียทุกสิ่งกำลังขอคนที่ไม่มีอะไรดีอย่างเขา... คบงั้นหรือ?


                    คบที่แบบว่าเป็นแฟนกันน่ะเหรอ?



                    คุณชานยอลกำลังขอเขาเป็นแฟน? เด็กเฉิ่มเชยอย่างเขาเนี่ยนะ!



                    “เอ่อคุณชานยอล...

                    “ฉันอยากมีสิทธิ์ปกป้องนาย หึงนาย หวงนาย ดูแลนาย ให้คนอย่างฉันได้ยืนตรงนั้นได้หรือเปล่า

                    ชายหนุ่มใช้เวลาคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่ตั้งแต่เห็นกลีบปากนิ่มบวมช้ำ เขาทั้งโมโหทั้งหึงทั้งหวง หากแต่ก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์ไปแสดงความเป็นเจ้าของใดๆ กับร่างน้อยทั้งสิ้น และเพื่อปกป้องคนของหัวใจเขาจึงจำเป็นต้องทำ แม้จะรู้ดีว่าหัวใจดวงเล็กที่กำลังเต้นอยู่นั้น... 


                ไม่ได้มีผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลอยู่เลย



                    “ตอบกูสิ”



                    “



                    “คบกับกูนะลู่หาน”



                    “



                    “กูชอบมึง



                     “...”



                     “ชอบจนแม่งมันมากกว่าคำว่าชอบแล้ว


                    ลู่หานสบดวงตาเข้มที่ฉายแววจริงจัง มือเล็กบีบแน่นเมื่อในเวลานี้ภาพที่ลอยอยู่ตรงหน้าคือดวงหน้าของใครอีกคน ดวงหน้าของปีศาจจอมโหดที่ดีแต่ทำร้ายเขาให้เสียน้ำตาอยู่ร่ำไป

                    ถ้าคนตรงหน้าคือปีศาจจอมโหดคนนั้น เขาจะดีใจขนาดไหนกันนะ?


                    ไม่อยากจะนึกถึงความสุขตรงนั้นเลยจริงๆ


                    “...ลู่หาน”

                    เสียงเข้มเรียกสติที่ปลิวไปให้กลับมา นึกด่าทอตัวเองในใจที่เผลอนึกไปถึงใครอีกคนทั้งๆ ที่กำลังยืนอยู่กับผู้ชายตรงหน้า

                    นายนี่มันเลวจริงๆ กำลังถูกอีกคนขอคบแต่ดันไปนึกถึงใครอีกคน ผู้ชายคนนั้นที่ทั้งเลวและเหี้ยมโหด ผู้ชายคนนั้นที่ดูถูกเขาสารพัดสารเพ... คนคนนี้ไม่ใช่หรือลู่หานที่นายควรกอดไว้ คนแสนดีคนนี้ไม่ใช่หรือที่คอยช่วยเหลือนายเสมอ ราวกับหยินหยางที่แตกต่างกันจนชัดเจน จะเป็นอะไรไหมหากเขาจะขอเห็นแก่ตัว


                    ผมขอโทษนะครับคุณชานยอล...




                     “เรามาเป็นแฟนกัน... นะ


                    ในวินาทีนั้น ชายหนุ่มยกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ชานยอลขอจดจำวินาทีนี้ตราบเท่าช่วงชีวิตจะหาไม่ วินาทีที่ดึงหัวใจแกร่งให้สั่นไหว วินาทีที่ดวงตาสวยเลื่อนสบผสานสายตา วินาทีที่รอยยิ้มหวานฉายชัดบนดวงหน้า

                    ...และวินาทีที่ลู่หานพยักหน้าเบาๆ






     

                    “หึ

                    หลังเสาไฟฟ้าไม่ไกลจากประตูรั้วบ้านเล็กๆ ชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์สว่างในเสื้อกล้ามสีดำอวดรอยสักยืนเกร็งหมัดแน่น ถ้อยคำทุกประโยคที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีถูกเหยียบมิดให้จมดิน ถ้อยคำที่โอเซฮุนผู้ชายใจร้ายอย่างเขาเตรียมมาเพื่อบอกถึงความในใจให้เจ้าของบ้านหลังนั้นได้รับรู้ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเจอแจ็คพอตชุดใหญ่เข้า

                    “คบกันแล้วงั้นสินะ เหอะ

                    ปึ้ง... หมัดหนักบันดาลโทสะใส่เสาไฟอย่างแรงตามพายุอารมณ์ ชายหนุ่มขบฟันกรอดจนขึ้นสันนูน ดวงตาคมวาวโรจน์ราวบรรจุจุเปลวเพลิงภายใน ความโกรธที่ทำเอาปีศาจร้ายกระพือปีกสยายร่างอย่างน่าหวาดกลัว


                    ได้... มึงเล่นอย่างนี้มาหัวหน้าไกเซอร์อย่างกูก็ขอจัดให้



                    “ในเมื่อเป็นคนดีแล้วไม่ชอบ งั้นกูก็ขอเลวให้แม่งนรกไม่ต้อนรับไปเลยก็แล้วกัน!




                    กองเพลิงสีดำ กำลังลุกโชติช่วง

     

     


     

    -------------------------------------------------------------------------------------------


     

     

    ASHURAHUNHAN
    ( updated already 100%
    )

     

    แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    เรา - เปิด - fic - เรื่อง - ใหม่ - แล้ว - จย้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    อ้าว ฉลองงงง ฮุยเร่ฮุ่ย

    เรื่องใหม่มีชื่อว่า 'The Cursed Clan' หรือชื่อภาษาไทยว่า #คำสาปรัก

    หว่ายแก ทำไมชื่อช่องส๊ามช่องสามจัง เอออีนี่ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน รู้แค่กูอยากเปลี่ยนแนวแต่ง

    555555555555555555555555555555555555555555555555

    บอกเลยว่าพล็ตเรื่องนี้ใช้เวลาคิดนานมาก ปมเยอะโคตร ที่แต่งแล้วหยุดกลางทางคือไปไม่รอด

    ไม่ใช่แนวอะ รู้แล้วว่าตัวเองชอบแต่งฟิคแนวไหน

    เรื่องนี้เป็นการเอา #ฟองดูฮุนฮาน มารวมกับ #อาชูราฮุนฮาน

    ฟองดูนี่จนตลกๆ เฮฮา แต่ท้ายๆ คือปมเยอะมาก ปัญหาตามมาเยอะ แบบจับพลิกล็อคหมด

    ส่วนอาชูราก็แนวแบดบอย ไม่ค่อยมีปมให้ลุ้นหรอก มีแต่อีนิสัยพระเอกที่กระชากใจสาวๆ แบบเรา

    นี่แหละ!!! มันต้องแบบนีร้แหละ!!!! ไปอ่านกันซะ!!!!! ไม่อ่านโกรธโว้ย!!!!!!!!!!!

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1428389



    ปล. คำถามที่ส่งเข้ามาเยอะมากประหนึ่งอีนี่เป็นนายกที่ต้องตอบคำถามนักข่าว

    1. เรื่องรวมเล่ม

    = รวมอีกไหม? มีแหละ แต่อีกนาน ต้องดูช่วงจังหวะ และระยะเวลาก่อน รอไปเลย กลางปีนั่นแหละ

    แต่ถ้าไม่ไหวแล้ว กูอยากอ่านมาก กูอยากอ่านจนลงแดงตายห่ าแล้ว หนูนอนไม่ดั้ย หนูนอนม่ะหลับ งั้นเอางี้

    เราจะเปิดขายไฟล์ pdf เรื่องนี้แทน ผ่านทางเว็บขายนิยาย ebook ใช้ทดแทนกันได้ไหมอะ?

    รายละเอียด ebook จะมาเร็วๆ นี้ ราคาจะถูกกว่าเล่มจริงๆ อยู่แล้ว เอาไว้อ่านในคอมหรือโทรศัพท์ เนื้อหาครบ เหมือนกับในเล่ม ไม่ต้องห่วง



    ----------------------------------------------



    กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    สุขสันต์วันปีใหม่ 2559 นะคะทุกคนนนนนนนนนนน

    รักจ้าาาาาาาา มีความสุขมากๆ นะ จุ้ยๆๆๆๆๆๆๆ



    -------------------------------------


    เขามาเร็วมั้ยจ้ะที่รัก *0*
    มาต่อให้อย่างเร็วเลยอิอิอิอิอิอิ
    ปวดหลังจัง เหมือนโรคคนแก่จะถามหาละ เบื่อจังโลย
    ไปละนะ ขก ทอล์ค ปวดฟัน หิวข้าว
    บายยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ---------------------------

    เรา ขอ โทษษษษษษษ อยากแก้เนื้อเรื่องให้เข้มข้นขึ้นอะ เลยลบใหม่ อิอิ

    ถือว่าเป็นการรีไรท์ไปในตัวเนอะ

    ตอนนี้ปิดเทอมละ มีเวลามาอัพแน่นอน พอดีเทอมที่แล้วเรียนหนัก งานเยอะมาก

    เข้าใจหน่อยนะคะปีสีแล้ว

    เดี๋ยวจะมาอัพบ่อยๆ แน่นอน แล้วก็ะลงเรื่องใหม่ด้วย ตอนนี้กำลังเรียบเรียงพล๋อตอยู่

    หวังว่าจะยังไม่ลืมไรท์เตอร์คนนี้นะคะ

    ฝันดีและรักค่ะ <3



    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×