คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : - 8 - ( 100% )
Chapter 8
I am not that
strong ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น
“นั่นไงแก เด็กนักเรียนทุนคนนั้นไงที่เขาลือว่ากำลังจับไกเซอร์อยู่”
ประโยคที่ใจความไม่ต่างกันมากนักลอยเข้าหูทั้งสองของลู่หานตั้งแต่ขาเล็กเหยียบย้ำเข้ามาในรั้วโรงเรียน
ไหล่เล็กห่อฟีบลงอย่างคนขี้กลัว ดวงตากลมสั่นไหวกวาดมองสายตาดูถูกเหยียดหยาม
รวมถึงคำต่อว่าดูหมิ่น
ถ้อยคำเสียดสีที่ลู่หานไม่ยักจะชินเสียที
“ลู่หาน! แฮ่กๆ”
เจ้าของชื่อหันมายังโดคยองซูที่วิ่งหอบแฮ่กเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่คนหอบจะคว้ามือคู่เล็กของเพื่อนกุมมั่น
“ลู่หาน!!! นายไม่ต้องกลัวนะ!!
ถ้านายอยู่กับฉันจะไม่มีใครเข้ามาทำอะไรนายได้ เพราะฉันจะคอยปกป้องนายเอง!!!!”
น้ำเสียงหนักแน่นมาพร้อมกับใบหน้ามุ่งมั่นทำเอาคนที่กำลังขวัญตกใจนิ่งอึ้งชั่วครู่
หากเพียงไม่นานดวงหน้าหวานก็หลุดยิ้มขำออกมาให้คยองซูสบายใจ
อย่างน้อยลู่หานก็ยังยิ้มได้ละนะ
...ทว่า...
“เห้ย
นั่นมันเด็กนักเรียนทุนที่เขาลือกันว่าเส้นสายใหญ่เพราะเอา ‘ร่างกาย’ เข้าแลกนี่”
น้ำเสียงเหยียดหยามแทรกขึ้นทำให้คนทั้งคู่หันกลับมอง
‘คังวอนโฮ’ เด็กกร่างประจำห้องคิงที่ใครก็ไม่ชอบหน้า
เพราะปากหมาแบบนี้ไง
“เก็บปากพล่อยๆ
ของมึงไปเลยไอ้วอนโฮ!!!!”
คยองซูเชิดหน้ามองอีกคนอย่างไม่คิดยอม
ผิดกลับเจ้าของประเด็นอย่างลู่หานที่ได้แต่ก้มหน้านิ่งรับฟังคำเหล่านั้นด้วยแววตาเจ็บปวด
ถึงลู่หานจะพูดอะไรออกไป คนพวกนี้ก็ไม่คิดฟังคำของเขากันหรอก…
เพราะลู่หานเป็นได้แค่...
เด็กนักเรียนทุนจนๆ
“เหอะ คยองซู กูว่ามึงควรเลือกคบเพื่อนหน่อยนะ” ดวงตาคมปรายมองคนตัวเล็กที่ตีหน้าเครียดขึง
หัวเราะหยันก่อนเบนมองไปยังคนตัวเล็กกว่าอีกคนด้านหลัง “ไม่ใช่ตาบอดตาต่ำเอา ‘เศษสวะ’ อย่างไอ้เหี้ยนี่เป็นเพื่อน
แค่กูนั่งเรียนห้องเดียวกัน ใช้อากาศหายใจร่วมกับมันกูยังอยี๋... ขยะแขยงวะ”
เศษสวะ... งั้นหรือ...
ในสายตาพวกเขา... ลู่หานเป็นได้แค่เศษสวะเท่านั้นสินะ
“ลู่หานอย่าไปฟังมัน! กูจะคบใครเป็นเพื่อนมันก็เรื่องของกู มึงอย่าเสือก!” คยองซูต่อกรกับชายที่เหน็บแนมลู่หานอย่างไม่ยอม
หากกระนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน ยกยิ้มมุมปาก
แววตาดูถูกส่งไปยังเด็กนักเรียนทุน
“นี่ไอ้เด็กนักเรียนทุน... กูถามจริงๆ เหอะวะ
มึงไปทำอีท่าไหนไอ้ชานยอลถึงได้ดูหลงมึงแจขนาดนั้นวะ” วอนโฮเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
คำถามที่เหมือนดั่งปลายธนูแหลมพุ่งยิงเข้าร่างลู่หานเต็มแรง
วอนโฮประเมินท่าทีนิ่งอึ้งของลู่หานภายใต้หน้ากากความนิ่งเฉยแล้วได้แต่กระตุกยิ้มหยัน
โอหังสิ้นดี
“หรือข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงวะ”
ดวงตากลมเบนขึ้นสบใบหน้าร้ายกาจ
“มึงขายตัวให้ชานยอลล่ะสิ”
กึก
เหมือนลูกธนูดอกนั้นกำลังแพร่พิษให้กายแข็งค้าง
วาจาถากถางร้ายกาจที่ทำให้คนนิสัยไม่สู้คนอย่างลู่หานได้แต่ก้มหน้าต่ำ
ริมฝีปากเล็กขบกัดแน่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
เศษสวะบ้างละ น่ารังเกียจบ้างละ ตัวเชื้อโรคบ้างละ
“ไอ้วอนโฮ มันจะมากไปแล้วนะ!!!”
คยองซูตะโกนลั่นอย่างเหลืออด
ลู่หานก้มหน้าชิดคางปล่อยให้กลุ่มผมยาวหล่นล้วงปิดบังใบหน้า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอกมากเพียงใด
คนอย่างลู่หานน่ะ... คนอย่างผมน่ะ... ดูต่ำต้อยสำหรับทุกคนใบโลกใบนี้เลยหรือไรกัน
แค่สักครั้ง... ขอแค่สักครั้ง
“แล้วที่มึงเข้ามาเรียนกลางเทอมได้ก็เพราะว่าไปขายตัวให้พวกเสี่ยรวยๆ
เหมือนกันสินะ หื้มว่าไง?
กูเดาถูกใช่มั้ยละ”
ให้ลู่หานได้รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับคนอื่นบนโลกใบนี้...
สักครั้งก็ยังดี
หากแต่
“ครับ ผมขายตัวให้คุณเอเดนลี
คนอย่างผมไม่มีปัญญาหาเงินเข้าเรียนที่นี่ได้หรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
หมุนตัวก้าวขาฉับๆ
เดินออกมาทิ้งให้คยองซูเบิกดวงตาโพลงอย่างคาดไม่ถึง
ไม่นานขาเล็กก็วิ่งตามหลังเพื่อนสนิทออกไป วอนโฮยืนนิ่ง
ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กดูอ่อนแอน่ารังแก หากแต่ภายในกลับเข้มแข็งอย่างทึ่ง
ถือเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่งที่กล้าโกหกเพื่อยอมรับข้อกล่าวหาสกปรกเหล่านั้น
ทำไมถึงน่าสนใจน่ะเหรอ
ก็เพราะน้ำเสียงนั่น... มันแข็งกระด้างตรงข้ามกับแววตาน่ะสิ
“หึ อวดเก่ง”
ในขณะเดียวกัน
ในมุมไม่ไกลจากกลุ่มคนเมื่อกี้นั้นเอง ร่างหนึ่งยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ดวงตาสีเข้มวาววับราวพายุลูกใหญ่กำลังกระหน่ำพัดภายใน ชายหนุ่มท่าทางโกรธจัดซึ่งดูได้จากมือที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
และเพียงไม่นาน กายแกร่งก็หมุนตัวเดินออกมา
ต่อ
“ลู่หาน! นายพูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวไหมห๊ะ!!!” คยองซูเดินไปดักหน้าลู่หานพร้อมโวยใส่อย่างคนหัวเสีย คนถูกต่อว่าได้แต่ก้มหน้านิ่งหลบซ่อนแววตาเศร้าหมอง
หากแต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นคยองซูที่ยืนจ้องอยู่ตรงหน้าได้
อารมณ์โมโหที่มีอยู่มอดดับหายไปทันตาเพียงแค่สบแววตาเศร้าสร้อยคู่นั้น
“เพราะผมไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นไปมากกว่านี้อีกแล้วต่างหาก”
เพราะถ้าลู่หานยิ่งเงียบ
ยิ่งทำเป็นไม่สนใจ คนพวกนั้นก็ยิ่งสรรหาถ้อยคำมาต่อว่าเขาแรงขึ้น ทางที่ดีที่สามารถหยุดได้คือแสร้งยอมรับข้อกล่าวหาที่คนเหล่านั้นยัดเยียดให้
แค่เพียงเพราะเขาเป็นนักเรียนทุน เป็นคนจน เหตุผลเหล่านั้นมันฟังดูร้ายแรงเสียจนใครๆ
ก็ต่างรุมประชาทัณฑ์เชียวหรือ
“แต่นายควรโต้กลับไอ้พวกนั้นบ้าง! ไม่ใช่ยอมไปทุกอย่างแบบนี้นะลู่หาน
โถ่”
“ถ้าผมโต้กลับแล้วพวกเขาจะฟังผมอย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าผมเถียงกลับแล้วพวกเขาจะหยุดหรือเลิกรังแกผมอย่างนั้นหรือครับคยองซู?”
คยองซูนิ่ง ใบหน้าโกรธขึงอ่อนลงยามเห็นหยดน้ำใสเอ่อคลอดวงตากลมหลังเลนส์แว่น
มันก็จริงอย่างที่ลู่หานว่า
แต่ถึงอย่างไรหากเพื่อนเขาไม่ยอมคิดสู้บ้างเจ้าพวกนั้นก็ยิ่งเหิมเกริงได้ใจเข้าไปใหญ่น่ะสิ
แต่คยองซูที่คิดว่าตัวเองเข้าใจชีวิตลู่หานดีที่สุดคงลืมอะไรไปบางอย่าง
รากฐานที่เกิดมาต่างกัน ความเป็นอยู่ที่เกิดมาผิดกัน
ชีวิตที่ไม่เคยพบเจอเฉกเช่นอีกฝ่ายคงไม่สามารถเข้าใจรากความคิดของลู่หานได้ง่ายๆ
เพราะคยองซูยังไม่เคยได้สัมผัสและรับรู้รสชาติชีวิตจนตรอกของลู่หานด้วยตัวเองจริงๆ
คยองซูจึงเป็นได้แค่คนที่ ‘คิดว่า’ ตัวเองเข้าใจชีวิตลู่หานดีที่สุด
พักกลางวัน
“เห้ยวอนโฮไปแดกข้าวข้างนอกกันเหอะวะ กูเบื่อโรงอาหาร”
“ไปรอกูที่รถก่อน เดี๋ยวสูบบุหรี่เสร็จแล้วตามไป” วอนโฮตอบรับเพื่อนก่อนแยกตัวเดินไปยังหลังโรงเรียนซึ่งเป็นพื้นที่โล่งเหมาะสมแก่การสูบบุหรี่
ฟูว
กลีบปากหยักพ่นควันสีหม่นลอยคลุ้งรอบตัว กายแกร่งเอนแผ่นหลังพิงกับต้นไม้ลำใหญ่เมื่อพบว่าพื้นที่นี้สงบไม่มีคนพลุกพล่านดั่งเฉ่นโรงอาหารหรือพื้นที่อื่นๆ
ก็แน่ละ ใครจะมาทำบ้าอะไรหลังโรงเรียน
ครืด
“เห้ยเสียงไรวะ” ชายหนุ่มผงะ
แว่วเสียงอะไรบางอย่างกำลังลากถูกับพื้น ...อะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นเหล็ก
ครืด…
“ใคร! มึงโผล่หน้าออกมาดิวะ!!” วอนโฮตะเบ่งเสียงลั่น
เขาเริ่มแน่ชัดแล้วว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงท่อนเหล็กที่กำลังลากถูกับพื้นไม่ผิดแน่
“กูบอกให้ออกมาไง!!!”
ฟึบ
“กูเอง”
น้ำเสียงเย็นดังขึ้นจากพุ่มไม้ตรงหน้า
วอนโฮประหลาดใจกับร่างของหัวหน้าไกเซอร์ที่โผล่ออกมาพร้อมกับท่อนเหล็กขึ้นสนิมขนาดใหญ่
ใบหน้านั้นเรียบนิ่งหากแต่แฝงความดุดันจนวอนโฮนึกหวั่น
ไม่มีคนปกติที่ไหนเดินลากท่อนเหล็กเท่าควายไปไหนมาไหนหรอก
“ม…มึงมีอะไรกับกูวะ!” วอนโฮรัวเสียง
โยนบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วยกปลายเท้าขยี้เพื่อปกปิดความหวั่นกลัวไม่ให้อีกร่างได้เห็น
แม้ดวงหน้านั้นจะซีดและเหงื่อเริ่มตกก็ตามที
ครืด…
หากแต่เซฮุนไม่คิดตอบ
ขายาวเดินลากท่อนเหล็กในมือเข้าไปใกล้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย
ไอความกดดันแผ่กระจายจากร่างหัวหน้าไกเซอร์จนวอนโฮเหงื่อซึมอาบแก้ม
ขายาวผงะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“เห้ยเซฮุน! ม… มึงมีอะไรกับกูก็พูดดิวะ”
“หึ”
ผลั๊วะ!
“อั๊ก!!!!!”
ความโหดร้ายของปีศาจไกเซอร์เริ่มขึ้นในบัดดล
เซฮุนยกท่อนเหล็กขึ้นสูงแล้วฟาดลงกลางตัววอนโฮอย่างแรง ไม่พูดพร้ำทำเพลงแขนยาวก็เงื้อมือขึ้น
หวดท่อนเหล็กใส่วอนโฮที่เสียท่าลงไปนอนกับพื้นอีกครั้งไม่ยั้งแรง ปีศาจร้ายหวดท่อนเหล็กเข้าใส่อีกครั้งและอีกครั้ง
ดวงตาคมวาวมืด และหากเพ่งมองดีๆ จะพบเปลวเพลิงโทสะลุกโชนอยู่ภายใน
นี่แหละความโหดร้ายของหัวหน้าปีศาจแห่ง... ไกเซอร์
“อ๊าก!!!!!”
แม้อีกร่างจะร้องโอดโอยอ้อนวอนขอร้องไม่หยุด หากแต่ปีศาจที่กำลังพิโรจน์จนหน้ามืดมีหรือจะแยแส
แรงหวดท่อนเหล็กเพิ่มขึ้นตามแรงอารมณ์จนเลือดกระอักจากปากคนใต้ร่างกระเด็นติดท่อนแขน และอีกไม่นานร่างนั้นคงได้ถูกหามเข้าไอซียูอย่างแน่แท้
ปีศาจที่ใครก็ต่างเกรงกลัว
“มึงจำเอาไว้ว่าไอ้เหี้ยนั่นไม่ได้ขายตัวให้ใครทั้งนั้น”
ผลั๊วะ!
“อั๊ก!!!!”
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าไปรังแกมันอีก”
ผลั๊วะ!
“อั๊กกกก!!!!!!”
“และถ้าไอ้เหี้ยนั่นจะขายตัว”
“อึ๊ก”
“ มันขายให้กูได้คนเดียวเท่านั้น!!!!”
ผลั๊วะ!!
“อ๊ากกกกกก!!!!!!!!”
เคล้ง…
เซฮุนปล่อนท่อนเหล็กเกาะสนิมในมือลงพื้นเมื่อร่างนั้นนิ่งสงบไปพร้อมกองเลือดมหาศาล
เขายกปลายเท้าวางบนใบหน้าฟกช้ำของคนสลบก่อนถีบเบาๆ
“ถุ้ย”
ถมน้ำลายใส่ทิ้งท้ายแล้วหมุนกายเดินออกมา
เพลิงโกรธมอดลงหากแต่ยังไม่ดับสนิท ช่วงยาวก้าวไปยังห้องน้ำปลอดคน
วางฝ่ามือรองใต้ก๊อกเปิดน้ำชำระล้างคราบสนิม รวมถึง... คราบเลือดโสโครก
เซฮุนทำอะไรลงไปเขารู้ดี อาจดูป่าเถื่อน
อาจดูโหดร้าย ทว่าเขาก็ไม่สามารถพอที่จะระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวทั้งหมดลงได้ เพียงแค่ได้ยิน... ความโกรธก็ปะทุราวภูเขาไฟที่ตายสนิทมานานนับหลายปี จากชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดสนใจแยแสเรื่องคนอื่นนอกจากเรื่องตัวเอง ความคิดเหล่านั้นมันได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว
คนคนเดียวที่กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงนี้อย่างร้ายกาจ
แกร๊ก
บานประตูห้องน้ำถูกเปิดออกก่อนที่ร่างด้านในจะก้าวเดินออกมา เหมือนดั่งเข็มนาฬิกาที่เคยเดินกลับหยุดชะงักกะทันหันยามที่ดวงตาสองคู่สบผสานกัน
เจ้าของดวงตากลมที่ลอยวิ่งอยู่หัวตลอดทั้งวัน
ลู่หานลอบกลืนน้ำลาย ก้มหน้างุดพยายามเดินเลี่ยงออกมาจากสถานที่ชวนอึดอัดนี้
ทว่ามือนิ่มกลับถูกคว้าจับไว้มั่น
กลัว…
“จะไปไหน”
“ท…ทานข้าวครับ กรุณาปล่อยผมด้วย”
เพราะความกลัวสุดขีดจึงทำให้ลู่หานสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วชิ่งวิ่งหนีออกมา
หากเป็นเวลาปกติเซฮุนไม่คิดจะปล่อยให้อีกคนได้หนีรอดไปอย่างง่ายดาย ทว่าครั้งนี้มันต่างกันออกไปเมื่อดวงตาคู่นั้นกำลังสะท้อนแววบางอย่างให้ชายหนุ่มกำหมัดแน่น
ดวงตานิ่งเรียบและท่าทีเฉยเมย…
“ปล่อย… อย่างนั้นหรือ? เหอะ”
คิดว่าคนอย่างกูจะปล่อยมึงไปง่ายๆ หรือไงกัน
ไอ้ตัวเชื้อโรคที่รัก
ต่อ
ต่อ
ลู่หานเดินปร๋อเข้าโรงอาหารโดยที่คนบนโต๊ะอย่างคยองซูและคิมจงอินไม่ทันได้สังเกตุใบหน้าร้อนใจ ยกเว้นเสียแต่ปาร์คชานยอลที่สังเกตทุกท้วงท่าของลู่หานตั้งแต่เดินเข้ามาให้เห็นในระยะสายตา
“ฉัน ไม่ กิน ผัก!”
“เพราะไม่กินผักนี่ไงถึงได้เอ๋อแบบนี้”
“เพราะว่าเสือกแบบนี้ไงนายถึงได้น่ารำคาญ หุบปากแล้วกินข้าวไปซะคิมจงอิน!!”
สองคู่กัดอย่างคิมจงอินและโดคยองซูเปิดปากปะทะลั่นอย่างแข็งข้อ คนหนึ่งก็ขี้แกล้ง คนหนึ่งก็ขี้วีน ถ้าได้อยู่ด้วยกันจริงๆ มีหวังบ้านแตกแหงๆ
ความคิดของลู่หานที่เพิ่งเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งข้างชานยอลไม่ได้รู้เลยว่าสองคนนี้นะ... ความสัมพันธ์ยิ่งกว่าลึกซึ้งเสียอีก
“เห้! ถึงกูจะถูกใจมึงแต่ใช่ว่ามึงจะมีสิทธิ์มาหัวเราะเยาะกูได้แบบนี้นะเว้ย”
ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เจ้าตัวก็ถูกไกเซอร์ขอมขี้เล่นหันมาโวยใส่แทน มือเล็กยกขึ้นโบกไปมาเบาๆ หัวเล็กผงกขึ้นลงรัวอย่างขอโทษขอโพย
อึ๋ย คุณจงอินจะโกรธเรามั้ยเนี่ยลู่หาน
“ผ... ผมขอโทษครับคุณจงอิน” ท่าทีรุกรี้รุกรน ทำเหมือนเรื่องที่ตัวเองก่อเป็นอาชญากรรมระดับชาติทำเอาจงอินส่ายหน้าระอา ก็ยอมคนไปทั่วแบบนี้ไงถึงได้โดนแกล้งอยู่เรื่อย
ฟอด
ว่าแล้วคนขี้แกล้งก็ลงมือฉวยโอกาสเข้าฟอดใหญ่จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง จงอินหันมานั่งเท้าคางมองปรางแก้มสีแดงอย่างถูกใจ
“กูไม่โกรธมึงหรอก รีบแดกข้าวไปเลยไป ‘ว่าที่ผัว’ มึงจะฆ่ากูทางสายตาแล้วนั่น”
ว่าจบก็ปรายสายตาไปยังปาร์คชานยอลที่นั่งตีหน้าขรึมตามฉบับ หากแต่แววตากลับเข้มขึ้นอย่างที่จงอินรู้ดี
ได้เห็นเสือยิ้มยากของขึ้นมันน่าตื่นเต้นจะตายไปนี่
“พูดมาก น่ารำคาญ”
สองคำพูด แต่ฉึกเข้ากลางใจคิมจงอินอย่างแรงจนต้องหัวเราะลั่น ชานยอลมองเพื่อนที่ใครหลายคนตั้งฉายาว่าจอมขี้เล่น หากแต่เขากลับมองว่าประสาทเสียอย่างปลงตก กายแกร่งขยับเปลี่ยนท่านั่งเท้าคางปรายดวงตาคมมองคนน่ารักข้างกายที่นั่งกุมแก้มแดงๆ ของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่
เชื่อเขาเลยจริงๆ
“มากไปแล้ว”
“เห?” ดวงตากลมปรายมองเจ้าของมือหนาที่ยื่นเข้ามาดึงมือเขาไปกุมมั่นบนตักแกร่ง มือใหญ่คลึงมือนิ่มเล่นก่อนอมยิ้มกับตัวเอง
คุณชานยอลน่ารักจังเลย
“ไม่ต้องไปเขินมันมากก็ได้...”
ดวงตาคมหันกลับมามองยังใบหน้าฉงนของลู่หาน
“กูหึงเป็นเหมือนกันนะ”
“...อ่า///”
ดวงหน้าหวานที่ว่าแดงแล้วกลับแดงเถือกหนักขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง “เอ่อ คือ… คุณชานยอลครับ”
เจ้าของชื่อหันมามองใบหน้าหวาน หลุดยิ้มกับใบหน้าอ้ำอึ้งแสนน่ารัก “ว่าไง”
“คือมือ…” ชานยอลหลุบสายตามองมือตัวเองที่กอบกุมมือนิ่มบนตักมั่น ไกเซอร์แสนอบอุ่นหลุดยิ้มบาง ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนดึงบางสิ่งออกมา
ดวงตาสวยหลังเลนส์แว่นมองกำไลข้อมือสีเงินเรียบหรูที่อยู่ในมือชานยอลอย่างสงสัย
ขณะที่ชายหนุ่มก็กำลังสวมให้อย่างนุ่มนวล ไกเซอร์หนุ่มหลุดยิ้มเมื่อกำไลที่ตั้งใจเลือกนั้นเข้ากับผิวขาวๆ
ของลู่หาน
จุ้บ
กลีบปากหยักประทับจูบกำไลเงินบนข้อมือขาวนาบแน่น จูบ... ที่เหมือนดั่งประทับทุกความรู้สึกของปาร์คชานยอลลงไป
“ให้”
“ต... แต่ผมคงรับไม่ได้ เอ่อ มันดูแพงเกินไป”
“บอกว่าให้ก็ใส่ไว้เถอะน่า”
เอ่ยเสียงดุ ก่อนหันมาสนใจจานข้าวตรงหน้าต่อปล่อยให้ลู่หานนั่งอมยิ้มกับตัวเอง ใครจะรู้ว่าคนที่ภายนอกดูดิบเถื่อน ไม่น่าเข้าใกล้อย่างปาร์คชานยอลจะทำอะไรน่ารักอย่างนี้กับใครเขาเป็นด้วย
มือนิ่มถือช้อนตักข้าวเข้าปากโดยที่ริมฝีปากบางติดรอยยิ้มค้างตลอดเวลา ดวงตากลมก็คอยแต่หลุบมองกำไลสีเงินที่สะท้อนแสงอาทิตย์สวยสะดุดตา
ขอบคุณคุณชานยอลนะครับ
ขอบคุณที่ทำให้ลู่หานกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง ^-^
เมื่อทานข้าวเสร็จ ลู่หานก็ขอแยกตัวไปยังห้องสมุด แม้ชานยอลจะขอตามไปเป็นเพื่อนแต่เขาก็เกรงใจเกินกว่าจะให้ชายหนุ่มนั่งรอเป็นชั่วโมงเพื่อรอเขาเดินเลือกหนังสือ ขาเล็กก้าวเดินไปตามทางเรื่อยๆ ทว่า
หมับ
“อ๊ะ”
กายเล็กถูกกระชากอย่างแรงโดยมือปริศนา ก่อนถูกผลักกระแทกกำแพงจนจุกร้าวไปทั้งด้าน ดวงตากลมเบนขึ้นหมายมองหน้าคนกระทำ ทันใดนั้นก็จำต้องเบิกดวงตาโพลงเมื่อสบเข้ากับแววตาวาวโรจน์สีมืดน่ากลัว
“ค... คุณเซฮุน!”
“ร่าน”
“คุณเซฮ...”
“ต้องร่านอีกกี่คนมึงถึงจะพอห๊ะ!!!”
บีบข้อแขนเล็กในมือแน่นตามกองเพลิงโทสะที่กำลังอัดแน่นในอก ขบฟันกรอดเมื่อนึกไปถึงภาพที่คนตัวเล็กตรงหน้าถูกจงอินหอมแก้ม
หนำซ้ำท่าทีเขินอายที่มีต่อชานยอลนั่นอีก ยิ่งคิด โอเซฮุนก็ยิ่งแทบอยากฉีกกระชากร่างน้อยให้แหลกละเอียด
ท่าทางโกรธดกรี้ยวจัดที่กกระตุ้นให้ลู่หานปล่อยน้ำตารินไหลอย่างหวาดกลัว ร้องขอเสียงสั่นต่อปีศาจร้าย
“ฮึกผมเจ็บ ปล่อยผม”
“เดี๋ยวนี้กล้าต่อกรขึ้นนี่!
แล้วนั่นอะไร? มึงไม่เคยใส่กำไลนิ!
อ๋อไอ้ชานยอลคงให้มาสินะ! เมื่อคืนมึงคงถึงใจมันมากสินะ!!!!!!”
ปีศาจร้ายยิ่งเกรี้ยวกราดเมื่อมองกำไลบนข้อมือที่เขาแสนหวงแหน
นึกไปถึงบทรักแสนเร่าร้อนของสองร่างที่เขาแสนชังก็อยากจับร่างตรงหน้ามาเขย่าให้ตายคาอก
อยากเค้นถามสิ่งที่ค้างคาใจให้หายฟุ้งซ่าน แต่เมื่อเห็นหยดน้ำใสที่ไหลเป็นทางก็ทำเอากองเพลิงในดวงตาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ
จุดอ่อนของปีศาจผู้เก่งกาจก็เป็นเพียงแค่หยดน้ำใสๆ
บนดวงตาสวยคู่นั้น
“หยุดร้องได้แล้วไอ้เหี้ยเอ้ย!!!”
เซฮุนตวาดลั่นอย่างหัวเสีย เขาไม่ชอบไอ้น้ำเค็มๆ ที่ไหลราวน้ำตกนี่เลยให้ตาย และยิ่งสาเหตุมาจากตัวเขาเองก็ยิ่งโมโห!
แม่ง ร้องทำส้นตีนอะไรนักหนาวะ!
“กูไม่ใช่พระเอกแบบไอ้ชานยอลที่จะโอ๋มึงหรอกนะ!!!”
“ไม่เกี่ยวกับคุณชานยอลฮึก ปล่อยผมได้แล้วคุณเซฮุนผมเจ็บ!”
ลู่หานตัดสินใจควักแรงเฮือกสุดท้ายบิดข้อแขนออกพร้อมกดเสียงเข้าสู้ ถามว่ากลัวไหม ตอบได้เลยว่ามากถึงมากที่สุด แต่ในเวลานี้คำพูดดูถูก น้ำเสียงแดกดัน ความชินชา กำลังสร้างเกาะกำบังชั้นดีให้ลู่หานเผลอกระแทกเสียงใส่อย่างลืมตัว
“เดี๋ยวนี้ฤทธิ์เยอะนักนี่ หรือเพราะตกเป็น 'เมีย' ไอ้ชานยอลแล้วถึงกล้าเหิมเกริงกับกูแบบนี้ห๊ะ!!”
คนโมโหหน้ามืดกระชากร่างน้อยเข้าหา กำข้อแขนเล็กแน่นจนขึ้นรอยช้ำโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บของอีกฝ่าย ลู่หานเม้มริมฝีปากฉับเมื่อได้ยินถ้อยคำดูถูกจากชายตรงหน้า ถ้อยคำที่เปรียบดั่งปลายมีดแหลมคอยชำแหละก้อนเนื้อในอกให้เจ็บร้าวอย่างทรมาน
ลู่หานจะไม่เจ็บขนาดนี้ หากคำพูดเหล่านั้นไม่ได้หลุดจากปากโอเซฮุน
ผู้ชายแสนร้ายกาจ
แต่ครอบครองทั่วทุกพื้นที่หัวใจ
“ไอ้ชานยอลมันถึงใจมึงดีไหมละ มึงคงชอบมันมากสินะ ก็มันทั้งแสนดี อ่อนโยน แล้วช่วงล่างมึงระบมไหมละ? เจ็บบ้างไหม เจ็บบ้างหรือเปล่าลู่หาน!!!!!!!! ”
ปีศาจร้ายคำรามดังลั่นราวคนขาดสติ
ดวงตาคมแข็งกร้าวจ้องใบหน้าเล็กไม่ลดละ เสียงสุดท้ายที่ลู่หานคงไม่ทันสังเกตุเพราะดวงตาชิงชังคู่นี้
เสียงสุดท้ายที่ลู่หานไม่ทันเอะใจเพราะดวงตาชิงชังคู่นี้ เสียงสุดท้ายของปีศาจจอมเหี้ยมโหดในสายตาคนตัวเล็ก
เจ็บไหม เจ็บบ้างหรือเปล่า
ลู่หานเจ็บเหมือนที่โอเซฮุนคนนี้กำลังขาดใจตายบ้างหรือเปล่า...
ชายหนุ่มโมโหจนแทบบ้าเพียงเพราะร่างน้อยในอ้อมแขนไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียว
เซฮุนอยากเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของลู่หาน อยากเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลู่หาน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อแววตาคู่นั้นบอกได้ชัดเจนว่าแสนชังเขาขนาดไหน ก็ใช่สิ… โอเซฮุนมันเป็นตัวร้ายนี่
โอเซฮุนก็แค่ตัวร้ายในละครที่มีแต่ความสกปรก
และเขาก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีอย่างปาร์คชานยอลในสายตาทุกคน
แต่รู้อะไรหรือเปล่า...
ตัวร้ายในละครก็รักนางเอกไม่น้อยไปกว่าใคร
“กรุณาปล่อยมือผมด้วยครับ”
“ไม่”
“คุณเซฮุนต้องการอะไรกันแน่! ฮึก บอกผมมาทีว่าคุณต้องการอะไร ผมจะให้ทุกอย่างแล้วกรุณาปล่อยผมไปตามทางสักทีเถอะได้โปรด ฮึกผมเจ็บฮึกผมไม่ไหวอีกต่อไปแล้วฮื้อ”
ลู่หานร้องอย่างสุดจะกลั้น
มือเล็กยกทุบตีแผ่นอกกว้างราวระเบิดความอัดอั้นใจ เขาไม่สามารถปิดซ่อนความอ่อนแอได้อีกต่อไป
ลู่หานไม่ไหวแล้ว... ทำไมโอเซฮุนถึงไม่คิดถามหาความจริงว่าเป็นอย่างไร
หากเซฮุนถามหาความจริงลู่หานก็ยินดีตอบโดยไม่คิดบิดเบือน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นวาจาดูถูก
เหยียดหยาม คำพูดร้ายกาจที่ทำเอาหัวใจพังครืดลงมาไม่เป็นท่า ไม่เหลือแล้ว ลู่หานไม่เหลืออะไรแล้ว
แม้กระทั่งหัวใจอันบอบช้ำดวงนี้ก็ตาม
ชายหนุ่มมองร่างในอ้อมแขนที่สะอื้นไห้ไม่หยุดด้วยดวงใจแตกสลาย เป็นอีกครั้งที่ตัวเขาเองทำคนตรงหน้ามีน้ำตา อยากยกกำปั้นขึ้นซัดหน้าตัวเองแรงๆ ให้สาสมที่ทำคนคนนี้ร้องไห้ ชกแรงๆ ให้มันสาสมกับหยดน้ำตาที่ลู่หานเสียไปครั้งแล้วครั้งเล่า
คนเลวที่มีดีแต่ทำให้คนที่ตัวเองรักเสียน้ำตา
“ลู่หาน...
กูปล่อยมึงไปไม่ได้…”
กูจะปล่อยหัวใจตัวเอง...ไปได้ยังไงวะ
“แต่คุณเซฮุนต้องปล่อยผมฮึก
คุณเซฮุนเข้าใจไหมว่าคุณเซฮุนต้องปล่อยผม!!! ปล่อยผมเข้าใจไหม!!!!”
“กูไม่เข้าใจเว้ยไอ้เหี้ย!
หุบปากได้แล้ว!!!!!!!!”
เซฮุนตะโกนก้อง มือทั้งสองเขย่าไหล่เล็กจนร่างรื่นน้ำตาไหวไปมา ริมฝีปากบางขบกัดแน่นจ้องคนโมโหร้ายอย่างไม่พอใจ ทำไมกัน ในเมื่อที่ผ่านมาลู่หานก็เป็นเพียงแค่คนไร้ค่า เป็นเพียงแค่ของเล่นระบายอารมณ์
“คุณเซฮุนจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ ฮึก”
“ทำไมกูจะทำไม่ได้ ลืมไปแล้วหรือไงว่ามึงเป็นตัวเชื้อโรคของกู”
“ผมไม่ใช่ของคุณเซฮุนอีกต่อไปแล้ว!
ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณขายผมให้คุณชานยอลไปแล้ว! ผมเป็น 'คนของคุณชานยอล' แล้ว!!!!!!”
ปัง!!!!!!
หมัดหนักชกลงกำแพงข้างใบหน้าลู่หานสนั่น
เส้นอารมณ์ขาดสบั่นเพียงคำคำเดียว หยาดเลือดหยดไหลจากข้อมือโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกสะท้านใดๆ ไม่เจ็บเลย แผลแค่นี้มันไม่เจ็บเลยสักนิด
มันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บตรงก้อนเนื้อในอก
แว่วเสียงหัวใจที่มันกำลังร้องอย่างน่าสงสาร โอเซฮุนที่ไม่เคยเจอกับความรู้สึกนี้มาก่อนในชีวิต
ทำไมหัวใจถึงร้องไห้ไม่หยุดเสียทีละ...
“พูดอีกทีซิว่ามึงเป็นของใคร”
“ฮึก ผม…”
“มึงเป็นของใคร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ผมเป็นของคุณชานยอล ได้ยินไหมว่าผมเป็นของคุณช…อื้ม!!!”
ริมฝีปากหยักกระแทกบดจูบกลีบปากบางอย่างแรง กลืนกินทุกคำพูดที่เปรียบเหมือนยาพิษให้สิ้นซาก กดจูบหนักหน่วงจนกลีบปากนิ่มบวมช้ำ ขบกัดให้ร่างน้อยได้รู้ถึงเพลิงไฟที่กำลังมอดไหม้ในอก แค่คิดว่าร่างในอ้อมแขนกำลังบินหนีหายเขาก็แทบสิ้นแรง แล้วยิ่งเจอคำพูดตอกย้ำก็แทบสิ้นใจ
ละครที่ผู้ร้ายจอมเลวอย่างเขาไม่มีวันได้เคียงคู่กับนางเอกแสนอ่อนโยน
ใครคือผู้เขียนบทละครเรื่องนี้กัน
โชคชะตา พรหมลิขิต หรือเรื่องบังเอิญ
รสจูบที่เคยหวานซาบซ่ากลับเจ็บทรมานเจียนตาย ลิ้นเล็กสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดคาวที่ลอยคลุ้งในปาก หยดน้ำตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่า จุมพิตที่ดิบเถื่อนรุนแรงกลั่นกรองมาจากความเจ็บช้ำจากก้นบึ้งหัวใจทั้งสองดวง หัวใจที่กำลังร่ำไห้... ไม่ต่างกัน
“จำเอาไว้ ไม่ว่ายังไงมึงก็เป็นแค่ของกู”
“ฮึก”
“และถ้ามึงจะไปเป็นของคนอื่น ...กูจะไปฆ่ามันแล้วแย่งมึงกลับมา”
เพราะอย่างไร ตัวร้าย
ก็ไม่เคยได้เป็น พระเอก
เซฮุนก้าวเดินออกมาโดยทิ้งร่างน้อยไว้เบื้องหลัง
ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดลงเมื่อขาทั้งสองกลับสั่นขึ้นจนไม่สามารถขยับให้เดินไปได้อย่างใจคิด
หัวหน้าไกเซอร์ที่ใครก็ต่างเกรงกลัวหากแต่ในเวลานี้กลับกำลังอ่อนแออย่างน่าสมเพช
หัวใจที่เคยด้านชากลับมีความรู้สึกอีกครั้ง ลู่หานคงเกลียดเขาแล้วสินะ
แล้วลู่หานที่ชิงชังเขาคนนั้นจะรู้บ้างหรือเปล่า
จะรู้บ้างหรือเปล่าว่าหัวใจของปีศาจตนนี้กำลัง… ร้องไห้
ลู่หานถดกายล้วงลงสู่พื้นเมื่อร่างของปีศาจร้ายก้าวเดินออกไป
มือเล็กยันพื้นอย่างอ่อนแรงแหงนดวงหน้าขึ้นฟ้าแล้วปลดปล่อยน้ำตาอย่างสุดจะกลั้น ปล่อย...
ให้มันไหลชำระล้างซากความเจ็บปวดในหัวใจ มือเล็กยกกุมหน้าอกขย้ำเสื้อตัวเองแน่นอย่างเจ็บทรมาน
ความเจ็บนี้เซฮุนจะรู้สึกเหมือนเขาบ้างหรือเปล่า
แต่เซฮุนคงไม่เคยรู้
และไม่มีวันได้รู้
แม้ดวงตาจะสะท้อนความชิงชังขนาดไหน
แต่อีกด้านก็แสนรักไม่ต่างกัน
ต่อ
ในที่สุดเวลาเลิกเรียนที่ลู่หานเฝ้ารอก็มาถึง
ขาเล็กก้าวเดินออกออกจากห้องไปช้าๆ นึกไปถึงคยองซูที่ถูกจงอินลากตัวออกไปหลังหมดเสียงหมดคาบดังแล้วได้แต่นึกสงสัย
สองคนนี้ชักจะยังไงยังไงอยู่แห๊ะ
คำถามที่อยู่ในใจดึงลู่หานไปยังความสงสัยอีกหนึ่งข้อ
ตั้งแต่เข้าคาบบ่ายมาเขาไม่ยักเห็นคิมวอนโฮนั่งอยู่ในห้อง แต่ก็ช่างเถอะ
นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะต้องสนใจคนพันธุ์นั้น
“ลู่หาน”
“อ๊ะ คุณชานยอล”
เจ้าของชื่อยกยิ้มบาง
ขยับช่วงขาเดินเข้าหาร่างที่สูงเพียงแค่ปลายคาง
ใบหน้าคมประดับรอยยิ้มที่หาได้ยากจากหนึ่งในปีศาจไกเซอร์ตนนี้ ทว่าจู่ๆ ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนมานิ่งเฉย
ดวงตาคมแข็งกร้าวขึ้นจนลู่หานรู้สึกได้
“ปากไปโดนอะไรมา”
คำถามจี้จุดที่พุ่งเข้ามาทำเอากายเล็กชะงักไปอึดใจ
ก่อนแสร้งพยายามยิ้มกลบเกลื่อนหวังตบตาคนตรงหน้า
แม้จะรู้ว่าความเป็นไปได้แทบไม่มีเลยก็เถอะ
“อ่อ อะ เอ่อ คือผมกินอาหารเผ็ดมาน่ะครับ”
“…”
“เอ่อ
คุณชานยอลครับ”
“…อย่างนั้นหรือ
ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน” ชานยอลเก็บงำทุกความสงสัยแม้จะรู้คำตอบดีว่ากลีบปากบวมช้ำนั้นผ่านอะไรมา มือใหญ่ได้แต่กำแน่นระงับความไม่พอใจ
“แล้วคุณชานยอลกำลังไปไหนหรือครับ”
ซึ่งลู่หานก็เหมือนจะรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นของอีกฝ่ายจึงเอ่ยเบี่ยงประเด็นขึ้นมา
“แล้วนายกำลังจะไปไหนละ”
“เห? เอ่อก็ร้านคุณปาร์ค…”
“งั้นไปด้วยกันนะ”
บรรยากาศภายในร้านอาหารชื่อดังยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนเช่นทุกที
วันนี้ลู่หานพาลูกมือจำเป็นเข้ามาและดูเหมือนคุณปาร์คเจ้าของร้านจะถูกอกถูกใจที่ได้ลูกจ้างสุดหล่อเข้ามาช่วยเรียกลูกค้าเพิ่ม
“ความจริงแล้วคุณชานยอลไม่ต้อง...”
หากแต่คนขี้เกรงใจก็ยังคงเป็นคนขี้เกรงใจอยู่วันยังค่ำ
ชานยอลมองท่าทีอึกอักโดยที่มือเล็กยกดันกรอบแว่นชิดหน้าแล้วชิดหน้าอีกอย่างเอ็นดู ช่วงขายาวขยับเข้าใกล้พร้อมวางฝ่ามือหนาลงบนกลุ่มผมนิ่มของคนขี้เกรงใจแล้วจับโยกไปมาเบาๆ
“ฉันชอบนาย”
“...”
ทว่าคำพูดที่สวนออกมาทำเอาคนอึกอักชะงักราวของเล่นถ่านหมด
ความเจ็บที่กลีบปากแผลงฤทธิ์ในทันทีหวนให้นึกไปถึงใบหน้าใครอีกคน แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เมื่อเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอีกรอบ
“ให้ฉันได้เข้าไปเรียนรู้ชีวิตของคนที่ฉันชอบบ้างได้หรือเปล่า”
ริมฝีปากเล็กเม้มฉับ
ท้ายที่สุดก็จนปัญญาที่จะเกลี่ยกล่อมให้คนหน้าโหดแต่ใจดีกลับบ้านจึงปล่อยให้เป็นลูกมือเลยตามเลย
มือเล็กกำผ้าเช็ดโต๊ะเช็ดทำความสะอาดวนไปวนมาอย่างคนเหม่อลอย
ชานยอลเป็นคนดีและอ่อนโยน เป็นคนดีมากเสียจนคนขี้เกรงใจอย่างเขาไม่กล้าปฎิเสธ...
เพราะเขากลัวว่าจะทำให้คนใจดีอย่างชานยอลต้องเสียใจ
กระทั่งเวลาเลิกงาน
ชานยอลขอลู่หานเดินตามมาส่งยังหน้าบ้าน สองร่างเดินขนาบเคียงคู่บนถนนปลอดผู้คนยามดึกที่มีดวงดาวเปล่งประกายบนฟากฟ้า
สองเสียงพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่พบเจอในร้านวันนี้อย่างสนุกสนาน
ดวงตาคมหลุบมองกลีบปากนิ่มที่กำลังเผยออ้าส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
แผงคิ้วเข้มขมวดผมแน่นในทันทีเมื่อกลีบปากนิ่มยังคงเหลือร่องรอยบวมช้ำ มือใหญ่ภายใต้กระเป๋ากางเกงกำแน่น
“ขอบคุณที่เดินมาส่งนะครับคุณชานยอล”
ร่างเล็กโค้งลงเมื่อกำลังหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเล็กๆ ชานยอลมองดวงหน้าหวานก่อนพูดในเรื่องที่พี่ชายคนสนิทวานมา
“รู้หรือยังว่าพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับพี่อี้ชิงน่ะ”
“เห? จริงหรือครับ?” ลู่หานร้องเสียงหลง ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้จักจางอี้ชิงไม่นาน
แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าอีกคนกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน
“พี่อี้ชิงให้ฉันมาชวนนาย
เพราะเขาไม่ว่างมาบอกด้วยตัวเอง”
“ตะ
แต่ผมไม่เสื้อผ้าเลย...” ชานยอลมองท่าทีไม่มั่นใจของเด็กเฉิ่มแล้วหลุดยิ้มบาง
แม้เวลาทำหน้ากังวลใจก็ยังดู... น่ารัก
หึ มึงเป็นเอามากจริงๆ
นะปาร์คชานยอล
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก
เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่อี้ชิงจะมารับนายไปแต่งตัว”
ลู่หานพยักหน้ารับพร้อมขอตัวเข้าบ้าน
ทว่าก่อนที่กายเล็กจะหมุนก็ถูกอีกคนเรียกไว้
“ลู่หาน”
“ครับ?”
“เราลองมาคบกันไหม”
“!!!”
คำขอไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยดังขึ้นทำเอาคนที่ยืนนิ่งสะดุ้ง
ดวงตาสวยหลังเลนส์แว่นเบิกโพลงมองชายหนุ่มตัวสูงที่ผิวเนื้อเต็มไปด้วยรอยสักมากมาย
แผงหูเจาะไปด้วยต่างหูสีดำอย่างไม่อยากเชื่อ
คนอย่างคุณชานยอลที่มีพร้อมไปเสียทุกสิ่งกำลังขอคนที่ไม่มีอะไรดีอย่างเขา...
คบงั้นหรือ?
คบที่แบบว่าเป็นแฟนกันน่ะเหรอ?
คุณชานยอลกำลังขอเขาเป็นแฟน?
…เด็กเฉิ่มเชยอย่างเขาเนี่ยนะ!
“เอ่อ… คุณชานยอล... ”
“ฉันอยากมีสิทธิ์ปกป้องนาย
หึงนาย หวงนาย ดูแลนาย ให้คนอย่างฉันได้ยืนตรงนั้นได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่ตั้งแต่เห็นกลีบปากนิ่มบวมช้ำ
เขาทั้งโมโหทั้งหึงทั้งหวง หากแต่ก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์ไปแสดงความเป็นเจ้าของใดๆ
กับร่างน้อยทั้งสิ้น และเพื่อปกป้องคนของหัวใจเขาจึงจำเป็นต้องทำ
แม้จะรู้ดีว่าหัวใจดวงเล็กที่กำลังเต้นอยู่นั้น...
ไม่ได้มีผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลอยู่เลย
“ตอบกูสิ”
“…”
“คบกับกูนะลู่หาน”
“…”
“กูชอบมึง”
“...”
“ชอบจนแม่งมันมากกว่าคำว่าชอบแล้ว”
ลู่หานสบดวงตาเข้มที่ฉายแววจริงจัง
มือเล็กบีบแน่นเมื่อในเวลานี้ภาพที่ลอยอยู่ตรงหน้าคือดวงหน้าของใครอีกคน ดวงหน้าของปีศาจจอมโหดที่ดีแต่ทำร้ายเขาให้เสียน้ำตาอยู่ร่ำไป
ถ้าคนตรงหน้าคือปีศาจจอมโหดคนนั้น
เขาจะดีใจขนาดไหนกันนะ?
ไม่อยากจะนึกถึงความสุขตรงนั้นเลยจริงๆ
“...ลู่หาน”
เสียงเข้มเรียกสติที่ปลิวไปให้กลับมา
นึกด่าทอตัวเองในใจที่เผลอนึกไปถึงใครอีกคนทั้งๆ ที่กำลังยืนอยู่กับผู้ชายตรงหน้า
นายนี่มันเลวจริงๆ
กำลังถูกอีกคนขอคบแต่ดันไปนึกถึงใครอีกคน ผู้ชายคนนั้นที่ทั้งเลวและเหี้ยมโหด
ผู้ชายคนนั้นที่ดูถูกเขาสารพัดสารเพ... คนคนนี้ไม่ใช่หรือลู่หานที่นายควรกอดไว้
คนแสนดีคนนี้ไม่ใช่หรือที่คอยช่วยเหลือนายเสมอ ราวกับหยินหยางที่แตกต่างกันจนชัดเจน
จะเป็นอะไรไหมหากเขาจะขอเห็นแก่ตัว
ผมขอโทษนะครับคุณชานยอล...
“เรามาเป็นแฟนกัน... นะ”
ในวินาทีนั้น
ชายหนุ่มยกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
ชานยอลขอจดจำวินาทีนี้ตราบเท่าช่วงชีวิตจะหาไม่ วินาทีที่ดึงหัวใจแกร่งให้สั่นไหว
วินาทีที่ดวงตาสวยเลื่อนสบผสานสายตา วินาทีที่รอยยิ้มหวานฉายชัดบนดวงหน้า
...และวินาทีที่ลู่หานพยักหน้าเบาๆ
“หึ”
หลังเสาไฟฟ้าไม่ไกลจากประตูรั้วบ้านเล็กๆ
ชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์สว่างในเสื้อกล้ามสีดำอวดรอยสักยืนเกร็งหมัดแน่น
ถ้อยคำทุกประโยคที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีถูกเหยียบมิดให้จมดิน
ถ้อยคำที่โอเซฮุนผู้ชายใจร้ายอย่างเขาเตรียมมาเพื่อบอกถึงความในใจให้เจ้าของบ้านหลังนั้นได้รับรู้
แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเจอแจ็คพอตชุดใหญ่เข้า
“คบกันแล้วงั้นสินะ
เหอะ”
ปึ้ง...
หมัดหนักบันดาลโทสะใส่เสาไฟอย่างแรงตามพายุอารมณ์ ชายหนุ่มขบฟันกรอดจนขึ้นสันนูน
ดวงตาคมวาวโรจน์ราวบรรจุจุเปลวเพลิงภายใน ความโกรธที่ทำเอาปีศาจร้ายกระพือปีกสยายร่างอย่างน่าหวาดกลัว
ได้...
มึงเล่นอย่างนี้มาหัวหน้าไกเซอร์อย่างกูก็ขอจัดให้
“ในเมื่อเป็นคนดีแล้วไม่ชอบ
งั้นกูก็ขอเลวให้แม่งนรกไม่ต้อนรับไปเลยก็แล้วกัน!”
กองเพลิงสีดำ
กำลังลุกโชติช่วง
-------------------------------------------------------------------------------------------
ASHURAHUNHAN
( updated already 100%)
แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เรา - เปิด - fic - เรื่อง - ใหม่ - แล้ว - จย้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อ้าว ฉลองงงง ฮุยเร่ฮุ่ย
เรื่องใหม่มีชื่อว่า 'The Cursed Clan' หรือชื่อภาษาไทยว่า #คำสาปรัก
หว่ายแก ทำไมชื่อช่องส๊ามช่องสามจัง เอออีนี่ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน รู้แค่กูอยากเปลี่ยนแนวแต่ง
555555555555555555555555555555555555555555555555
บอกเลยว่าพล็ตเรื่องนี้ใช้เวลาคิดนานมาก ปมเยอะโคตร ที่แต่งแล้วหยุดกลางทางคือไปไม่รอด
ไม่ใช่แนวอะ รู้แล้วว่าตัวเองชอบแต่งฟิคแนวไหน
เรื่องนี้เป็นการเอา #ฟองดูฮุนฮาน มารวมกับ #อาชูราฮุนฮาน
ฟองดูนี่จนตลกๆ เฮฮา แต่ท้ายๆ คือปมเยอะมาก ปัญหาตามมาเยอะ แบบจับพลิกล็อคหมด
ส่วนอาชูราก็แนวแบดบอย ไม่ค่อยมีปมให้ลุ้นหรอก มีแต่อีนิสัยพระเอกที่กระชากใจสาวๆ แบบเรา
นี่แหละ!!! มันต้องแบบนีร้แหละ!!!! ไปอ่านกันซะ!!!!! ไม่อ่านโกรธโว้ย!!!!!!!!!!!
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1428389
ปล. คำถามที่ส่งเข้ามาเยอะมากประหนึ่งอีนี่เป็นนายกที่ต้องตอบคำถามนักข่าว
1. เรื่องรวมเล่ม
= รวมอีกไหม? มีแหละ แต่อีกนาน ต้องดูช่วงจังหวะ และระยะเวลาก่อน รอไปเลย กลางปีนั่นแหละ
แต่ถ้าไม่ไหวแล้ว กูอยากอ่านมาก กูอยากอ่านจนลงแดงตายห่ าแล้ว หนูนอนไม่ดั้ย หนูนอนม่ะหลับ งั้นเอางี้
เราจะเปิดขายไฟล์ pdf เรื่องนี้แทน ผ่านทางเว็บขายนิยาย ebook ใช้ทดแทนกันได้ไหมอะ?
รายละเอียด ebook จะมาเร็วๆ นี้ ราคาจะถูกกว่าเล่มจริงๆ อยู่แล้ว เอาไว้อ่านในคอมหรือโทรศัพท์ เนื้อหาครบ เหมือนกับในเล่ม ไม่ต้องห่วง
----------------------------------------------
กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สุขสันต์วันปีใหม่ 2559 นะคะทุกคนนนนนนนนนนน
รักจ้าาาาาาาา มีความสุขมากๆ นะ จุ้ยๆๆๆๆๆๆๆ
-------------------------------------
เรา ขอ โทษษษษษษษ อยากแก้เนื้อเรื่องให้เข้มข้นขึ้นอะ เลยลบใหม่ อิอิ
ถือว่าเป็นการรีไรท์ไปในตัวเนอะ
ตอนนี้ปิดเทอมละ มีเวลามาอัพแน่นอน พอดีเทอมที่แล้วเรียนหนัก งานเยอะมาก
เข้าใจหน่อยนะคะปีสีแล้ว
เดี๋ยวจะมาอัพบ่อยๆ แน่นอน แล้วก็ะลงเรื่องใหม่ด้วย ตอนนี้กำลังเรียบเรียงพล๋อตอยู่
หวังว่าจะยังไม่ลืมไรท์เตอร์คนนี้นะคะ
ฝันดีและรักค่ะ <3
ความคิดเห็น