คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : - 11 - ( 100% )
ยามเช้าของวันใหม่เซฮุนขับรถมารับลู่หานไปเรียนตามปกติ แต่เมื่อร่างสูงได้เห็นอาการป่วยของคู่หมั้นที่คาดว่าน่าจะดีขึ้นแต่กลับพบว่าเป็นหนักกว่าเดิมก็ยืนกรานท่าเดียวว่าจะให้คนตัวเล็กนอนพักอยู่ที่บ้าน แต่เสี่ยวลู่หานก็ยังคงเป็นเสี่ยวลู่หานอยู่วันยังค่ำ คนหัวดื้อที่ยังไงก็ไม่มีวันยอมง่ายๆ จนร่างสูงเองก็อ่อนใจ เลยต้องจำยอมพยุงร่างอีกคนขึ้นรถ
พอมาถึงที่หมายเซฮุนพยุงคนตัวเล็กขึ้นตึกสัตวแพทยศาสตร์ทันที เมื่อแบคฮยอนเห็นเพื่อนถูกคู่หมั้นพยุงมาก็ร้องลั่นอย่างตกใจ เอื้อมฝ่ามือไปสัมผัสแก้มใสสลับกับหน้าผากมนเป็นพัลวัน
“มึงควรนอนอยู่บ้านนะ ตัวร้อนขนาดนี้!!”
“วันนี้ต้องจด แค่ก เลคเชอร์ ไม่ใช่หรอ”
“กูจดให้ก็ได้!!!”
“ไม่เอาหรอก กูไหว ขอบคุณมากนะเซฮุน” ลู่หานพูดกับแบคฮยอนก่อนจะหันไปมองหน้าเซฮุน
“เลิกเรียนแล้วฉันจะมารับ รออยู่บนห้องนี่แหละ”
“อื้ม” ลู่หานรับคำก่อนจะให้แบคฮยอนช่วยพยุงพาร่างของตัวเองเข้าห้องไป
ภายในห้องเรียนคนตัวเล็กพยายามอย่างหนักที่จะฝืนเขียนจดตามคำพูดของอาจารย์ เปลือกตาที่หนักอึ้งเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่ทานไปปรือลงใกล้จะปิดเต็มที แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างกายหันมามองเพื่อนสนิทอย่างนึกเป็นห่วง
“แค่ก แค่ก”
“มึงไหวไหม” แบคฮยอนหันมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
ลูหานหันมายิ้มให้ไม่ตอบอะไรเพียงแค่ชูสองนิ้วเท้านั้น แบคฮยอนเห็นแบบนั้นแล้วต้องถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก ก็เพื่อนเขานะป่วยแล้วดื้อกว่าเดิมอีกนะสิ -_-!!!
“มึงกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ลู่หานหันไปพูดกับแบคฮยอนพลางลุกจากเก้าอี้ ฝ่าเท้าเล็กพาร่างบอบบางเดินออกไปอย่างเชื้องช้า รู้สึกมึนหัวเพราะพิษไข้ที่กำลังเล่นงานจู่โจม บางทีอาจเป็นเพราะเขาฝืนร่างกายตัวเองมากไปเลยทำให้รู้สึกเหมือนโลกเอียงแบบนี้
ฝ่ามือเล็กยกขึ้นผลักบานประตูห้องน้ำเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวจนเสร็จผลักบานประตูก้าวออกจากห้องน้ำเดินมาตามทางเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าที่ฉับพลันรู้สึกเหมือนหัวหนักอึ้งกะทันหัน ฝ่าเท้ายากที่จะก้าวยกเดินต่อไป พื้นที่เริ่มเอียงไปทางซ้ายทีขวาทีคล้ายแผ่นดินไหว ฝ่ามือเล็กยกขึ้นกุมศรีษะลำตัวเอนดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างทันใดนั้นกายบางกลับถูกรับไว้ในอ้อมแขนของคนใจดีที่มาช่วยเขาไว้เสียก่อน
“พะพี่ซูโฮ”
ลู่หานร้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่มาช่วยไม่ให้เขาล้มลงไปคือรุ่นพี่ซูโฮคนสนิท คิ้วเรียวของชายหนุ่มที่เปลี่ยนมาช่วยพยุงร่างอีกคนให้ยืนขึ้นขมวดเป็นปมเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากกายบาง
“ทำไมตัวร้อนแบบนี้ละลู่หาน”
“คือผมผม..”
“ไม่สบายทำไมไม่ไปพัก มาเรียนทำไม” ซูโฮเอ่ยดุคนตัวเล็กที่เขาพยุงอยู่ นัยน์ตาใสของคนถูกดุผลุบลงต่ำคล้ายเด็กน้อยที่กำลังถูกผู้ใหญ่ดุยังไงยังงั้น
เขามักจะโดนซูโฮดุเสมอเวลาที่ทำอะไรขัดใจหรือดื้อต่อพี่ชายคนนี้
“ถ้าพี่ไม่มาเจอเราก่อนคงล้มลงไปนอนกับพื้นแน่ๆ ตัวร้อนขนาดนี้นะ”ซูโฮยังคงดุคนคัวเล็กต่อไป ในขณะที่ใบหน้าน่ารักเริ่มงอง้ำขึ้น ปากเล็กเปล่งเสียงสั่นๆออกมาที่ทำให้ซูโฮถึงกับลอบยิ้ม
“ผมขอโทษฮะ...”
“เดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาลนะ ยังเดินไหวใช่ไหม” ลู่หานพยักหน้าตอบอย่างคนจำยอมขืนเขาบอกว่าไม่อยากไปห้องพยาบาลพี่ชายคนนี้ได้ดุต่อว่าเขาอีกแน่ๆ ซูโฮมองคนตัวเล็กที่มีท่าทางหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ลู่หานมักเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่มอปลาย
ดื้อเงียบ ต้องแกล้งตีสีหน้าดุเข้าใส่ถึงจะหงอ
ไม่ต่างอะไรจากเด็กอนุบาล
ในขณะเดียวกัน
ปัง!
“ลู่หาน! อ้าว.. แบคฮยอนลู่หานละ ?” แบคฮยอนเงยหน้ามองเซฮุนที่ผลีผลามเปิดประตูเข้าห้องอย่างเร่งรีบ ใบหน้าคมดูตื่นตระหนกเมื่อพบว่าคนที่ต้องการเจอไม่ได้นั่งอยู่ในห้องนี้
“ไปเข้าห้องน้ำนะ หายไปนานแล้วไม่รู้จะเป็นไงมั่ง”คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนสงสัย แต่จะให้เขาออกไปตามตอนนี้ก็คงไม่ได้เหมือนกัน
“งั้นหรอ ขอบใจมาก” เซฮุนปิดประตูลงยืนครุ่นคิดอย่างวิตก ความกลัวเริ่มเกาะกินในหัวใจหวั่นเกรงว่าคนตัวเล็กจะได้รับอันตรายอะไรหรือเปล่าถึงยังไม่กลับเข้าห้องตามที่แบคฮยอนกล่าว
พอได้เวลาพักเบรกร่างสูงของโอเซฮุนก็รีบวิ่งพรวดออกจากห้องมุ่งตรงมาที่ห้องของลู่หานทันที จากกายบางที่เขาได้สัมผัสและอาการเมื่อเช้าทำให้นักเรียนแพทย์อย่างเขารู้ดีว่าไข้หวัดเล่นงานลู่หานหนักแค่ไหน คนตัวเล็กที่ปกติมีผิวขาวใสบัดนี้กลับตัวร้อนจี๋จนหัวใจนักศึกษาแพทย์กระตุกวูบ จากความเป็นห่วงที่มีอยู่เป็นทุมเดิมกลับทวีมากขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่ต้องการจะเจอไม่ได้อยู่ในที่ที่เขาคาดไว้
“ไปไหนของเขา” เซฮุนสบถออกมาเมื่อเดินเข้าห้องน้ำก็ไม่พบตัวคู่หมั้น หัวใจแกร่งกำลังร้อนรุ่มลุกเป็นไฟ มือแกร่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคู่หมั้นทันทีแต่ก็ไร้วี่แววว่าอีกคนจะกดรับยิ่งจุดชนวนความเป็นห่วงให้มากขึ้นกว่าเดิม
ดั่งหนูที่กำลังติดจั่น เซฮุนกำลังเป็นเช่นนั้น ร้อนรน หวั่นกลัว เป็นห่วง กังวลไปทุกสิ่งทุกอย่าง กลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไป กลัวว่าจะดูแลอีกคนได้ไม่ดีพอ
ก็ถ้าแม่รู้ว่าเขาไม่ยอมดูแลคู่หมั้น ปล่อยให้เป็นอะไรไปละก็ ... ต้องโดนด่าแน่ๆ
ฝ่าเท้าหนาออกวิ่งอีกครั้งเปิดประตูห้องน้ำทุกชั้นก็ไม่พบว่าคนตัวเล็กจะอยู่ ยืนคิดอย่างหัวหมุนว่าในตอนนี้คนตัวเล็กจะไปอยู่ที่ไหนได้ ก่อนจะนึกอีกสถานที่ออกที่เขารู้ดีว่าคู่หมั้นไปนั่งบ่อยแค่ไหน เซฮุนออกวิ่งอีกครั้งมุ่งตรงไปยังร้านกาแฟที่คาดว่าคนตัวเล็กน่าจะนั่งอยู่อย่างมีความหวัง
เมื่อเปิดประตูร้านเข้ามากลับไร้วี่แววของคนที่กำลังตามหา รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจเมื่อที่นี่ก็ยังไม่ใช่สถานที่ที่คู่หมั้นจะนั่งอยู่ได้ ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่นขึ้นทันทีอย่างคนหวาดหวั่น หัวสมองชาญฉลาดคิดตระหนักอีกครั้งอย่างเคร่งเครียด
ยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งร้อนรน ยิ่งร้อนรนเท่าไหร่กลับยิ่งหวาดกลัว
รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบที่ขาออกวิ่งพาร่างสูงโปร่งตามหาคนที่เขานึกเป็นห่วง เซฮุนหยุดยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงภายในโรงอาหาร หยาดเหงื่อไหลลงมาตามเรียวหน้า ทรงผมที่ถูกจัดเป็นทรงกลับเละไม่เป็นท่า แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงตามอัตรการหอบถี่ที่เกิดจากการวิ่ง ผิวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะโดดแดดและการวิ่งที่ไม่หยุดหย่อน
ถึงแม้จะเหนื่อยและล้ามากแค่ไหน แต่คำว่า’เป็นห่วง’นั้นกับค้ำคอให้มีแรงออกวิ่งตามหาต่อไป
ถ้าลู่หานเป็นอะไรขึ้นมา คนที่เขาจะไม่ให้อภัยเลยนั่นก็คือตัวเอง
“โถ่เว้ย!! หายไปไหนวะ”
เสียงเข้มสบถออกมาอย่างเหลืออด ไม่ว่าที่ไหนที่ไหนก็ไม่พบร่างของอีกคน คนไม่สบายตัวร้อนขนาดนั้นถ้าไม่สบายเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไงกันละ ใครจะพาไปห้องพยาบาล
ห้องพยาบาล ....
ใช่แล้ว !!!!!!
ลู่หาน อย่าเป็นอะไรนะ
“พี่ซูโฮผมดีขึ้นมากแล้วละ พาผมกลับห้องเถอะ” ลู่หานเงยหน้าขึ้นบอกอีกคนเมื่อคิดว่าเป็นเวลานานแล้วที่พักอยู่ในห้องพยาบาลแห่งนี้
“เอางั้นหรอ ไหวแน่นะ ?”
“ครับ”ลู่หานยิ้มจนตาหยีชูสองนิ้วขึ้นมาทั้งสองข้างเรียกรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อของซูโฮ ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปช่วยพยุงคนตัวเล็กไว้ก้าวเดินออกจากห้องพยาบาล
ระยะห่างจากห้องพยาบาลสู่ห้องเรียนของคนตัวเล็กถือว่าไกลอยู่พอสมควรทำให้คนทั้งคู่ได้พูดคุยกันมากขึ้นเสียงหัวเราะดังขึ้นประปรายกับบทสนทนาและมุขตลกของซูโฮที่พยายามเล่นให้คนป่วยได้ฟัง
ฉับพลันฝ่าเท้าของคนทั้งคู่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีคนวิ่งมาหยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีสว่างที่บัดนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชายเสื้อนักศึกษาแพทย์ถูกปลดออกมานอกขอบกางเกง ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยความตกใจ มองลึกลงไปในนัยน์ตาคู่คมที่ฉายแววกร้าวขึ้นจนรู้สึกใจเสีย
“ซะเซฮุน...”
“หึ มีความสุขนักสินะเสี่ยวลู่หาน”
“นายฟังฉันก่อน” ลู่หานขืนตัวออกจากการพยุงของซูโฮที่ยืนงงอยู่ข้างกายมองสีหน้าของคนทั้งสองอย่างวิตก บางทีอาจมีบางเรื่องที่เขายังไม่รู้หลังจากการหายไปสองปี
“ต้องฟังอะไรอีกด้วยหรอ ?”
“ฉันบังเอิญ..”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!!!!!!!!”
ลู่หานสะดุ้งด้วยความตกใจกับท่าทีกราดเกรี้ยวของร่างสูง กายบางสั่นเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มเกาะกินเข้ามาในจิตใจ ซูโฮที่ยืนอยู่เบื้องหลังเห็นชายอีกคนที่อารมณ์กำลังร้อนตวาดใส่ลู่หานเสียงดังจึงอดไม่ได้ที่จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือน้องชายคนสนิท
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้นั้นความสัมพันธ์อยู่ในขั้นไหน แต่เห็นอีกคนตะคอกใส่น้องชายเขาแบบนี้คนเป็นพี่ชายอย่างเขาจะอยู่เฉยได้ยังไง “ขอโทษนะครับ ตอนนี้ลู่หานไม่สบาย อย่าตะคอกเขาสิครับมีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆ..”
“หุบปาก!!! คนเป็นคู่หมั้นเขาจะคุยกัน”เสียงเข้มเอ่ยรอดไรฟันแทรกขึ้นมาอย่างต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ ยิ่งเห็นว่าซูโฮออกตัวปกป้องลู่หาน ความเดือดดาลก็ยิ่งคุกรุ่นมากขึ้นเท่านั้น
“เซฮุนฟังฉัน...”
“ฉันยังต้องฟังอยู่อีกงั้นหรอเสี่ยวลู่หาน!!!!!!!!!!!!”
เซฮุนตะคอกเสียงดังลั่น ฝ่าเท้าหนาจ้ำอ้าวตรงเข้าประชิดตัวอีกคนยึดไหล่บางที่กำลังสั่นเทาอย่างน่าสงสารบีบไหล่เล็กตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้น เสียงเข้มตะคอกใส่หน้าคนตัวเล็กที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กเพราะพิษไข้เริ่มสูงขึ้น แต่ทว่าอารมณ์ของร่างโปร่งกลับสูงยิ่งกว่า
“ฉันวิ่งตามหานายไปทั่ว ฉันทั้งกลัว ฉันทั้งเป็นห่วงไปหมด!!!!”
“เซฮุน..”
“ฉันวิ่งตามหานายเหมือนคนบ้า!!!!!!!!!!”
ลู่หานขบริมฝีปากแน่นก้มใบหน้าลงเพื่อซ่อนนัยน์ตาใสที่พร่ามัวด้วยน้ำตาเอ่อคลอพร้อมที่จะหยดไหลลงมาได้ทุกเมื่อ เซฮุนดูน่ากลัวเกินไป ...
“แล้วดูนายทำสิ มาอยู่กับไอ้นี่นะหรอ ให้ไอ้นี่ประคองกอดก่ายนายนะหรอห๊า!!!!!!!!”
“เซฮุน ฮึก ฉัน”
“ใจเย็นๆสิครับ ลู่หานไม่สะ”
“บอกว่าให้หุบปากไง อย่าแส่!!!!!!!!!!!!!”
ในเวลานี้อารมณ์อยู่เหนือความคิดทั้งมวล ไม่สนแม้กระทั่งอายุที่มากกว่าของซูโฮ ไม่สนแม้กระทั่งร่างเล็กที่กำลังสั่นเทิ้ม ไม่สนแม้กระทั่งความร้อนเพราะพิษไข้ที่กำลังโจมตีของคนตรงหน้า ดั่งหัวใจของชายหนุ่มกำลังถูกอารมณ์ครอบงำ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สามารถที่จะฉุดรั้งอาการฉุนจัดที่ถูกปลุกจากความเลือดเย็นนี้ได้
“ฮึก เซฮุน ฮึกฉัน”
มือใหญ่ที่บีบไหล่เล็กแน่นผ่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นที่ออกมาจากริมฝีปากเล็ก เสี่ยววินาทีที่ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัวเขาที่เผลอใช้อารมณ์รุนแรงกับคนตรงหน้า แต่เมื่อนัยน์ตาคมหันไปสบเข้ากับคนเบื้องหลังอารมณ์ร้ายกลับถูกจุดปะทุขึ้นมาอีกครา
“นายคงจะอยากอยู่กับคนที่อยากอยู่สินะ”
“ฮึกไม่ ไม่ใช่นะ”
“ฉันเข้าใจ เขาคงจะดีกับนายมาก”
“เซฮุนฟังฉันก่อนฮึก”
“ถ้านายอยากจะอยู่กับเขามากจนผิดคำพูดกับฉัน”
“ไม่นะเซฮุนฮึก”
“ก็ไปอยู่กับเขาเถอะ...”
ร่างสูงปล่อยมือออกจากไหล่เล็กเดินหันหลังออกจากทันที ลู่หานปล่อยให้ร่างตัวเองล่วงลงไปนั่งกองบนพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นไว้ถูกปล่อยออกมาอย่างคนอัดอั้น เสียงสะอื้นดังระงมตามระยะห่างของกายสูงที่เดินไปไกลขึ้นอย่างน่าเวทนา เสียงใสที่บัดนี้แหบแห้งพยายามเปล่งเป็นคำพูดเรียกชื่ออีกคนที่ถึงแม้จะเรียกยังไงแผ่นหลังตรงนั่นก็ไม่หันกลับมา
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าทุกย่างก้าวที่เดินออกมานั้นช่างยากลำบาก ยิ่งเสียงร้องไห้ของคนตัวเล็กดังเข้าสู่ระบบโสตประสาทยิ่งรู้สึกบีบรัดแน่นที่หัวใจ ดั่งเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำหัวใจดวงแกร่งแน่นอย่างช้าๆ เจ็บจนจุกและรวดร้าวไปหมดเหมือนคนไร้อากาศที่จะหายใจต่อไป ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะฝืนร่างกายให้ก้าวเท้าและทนต่อเสียงร้องไห้ที่กำลังร้องเรียกชื่อเขาอยู่ด้านหลังซึ่งผู้ชายคนนี้รู้สึกเหมือนกำลังตายทั้งเป็น
ลู่หานยังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่หยุดหย่อน จ้องมองแผ่นหลังแกร่งที่ไกลออกไปเสียงแหบแห้งร้องเรียกอีกคนให้หันกลับมาแต่ก็ไม่เป็นดั่งหวัง ยิ่งแผ่นหลังของเซฮุนไกลลับสายตามากเท่าไหร่เสียงสะอื้นก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น หยาดน้ำอุ่นจากดวงตาเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามอุณหภูมิร่างกายที่พุ่งสูงขึ้น
“ลู่หานไหวไหม พี่ขอโทษนะ ”ซูโฮเดินมาแตะมือบนไหล่เล็กที่ยังคงสั่นไหวตามแรงสะอื้น
“ไม่ฮึกใช่ความผิดฮึกของพี่” ซูโฮมองน้องชายคนสนิทที่ร้องไห้ไม่หยุดอย่างนึกสงสาร ทุกคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากเล็กปะปนเสียงสะอื่นจนยากนักที่จะฟัง
“ลู่หาน! ลู่หาน!!!”เสียงแหลมของแบคฮยอนดังขึ้น ลู่หานเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่เดินมานั่งตรงหน้าก่อนจะคว้าร่างเขาเข้าไปกอดแน่น ทันใดนั้นมือเล็กรีบคว้ากอดร่างเพื่อนสนิทแน่นเสียงใสปนแหบปล่อยโฮออกมาทันทียามที่ได้กอดรัดคนที่เป็นที่พึงพิงเขาได้ทุกเมื่ออย่างน่าอนาถใจ
“แบคฮึกกู แบคฮึกกูมันไม่ใช่ฮึกแบบที่เซฮุนฮึกคิด” แบคฮยอนลูบแผ่นหลังเล็กของเพื่อนไปมาฟังทุกน้ำเสียงอย่างรู้สึกปวดร้าว ยิ่งเห็นเพื่อนร้องไห้หนักมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากเท่านั้น
“มึงตัวร้อนจี๋เลยกูว่ามึงกลับบ้านไปพักก่อนดีกว่า” แบคฮยอนผละกอดเปลี่ยนมามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนึกห่วงแทน ใบหน้าน่ารักที่บัดนี้กลับซีดเผือดเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างเศร้าดวงตาแดงก่ำปูดโปนขึ้นอย่างน่าใจหาย
“ไม่ฮึกกูจะไปหาฮึกเซฮุนฮึก”
“ลู่หานนี่มึง...”
“ฮึก”
“... รักเซฮุนไปแล้วใช่ไหม”
สิ้นคำถามของแบคฮยอนใบหน้าน่ารักที่เปื้อนน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิททันที คำถามนั้นเป็นคำถามที่เขายังคงคาใจอยู่เช่นเดียวกัน คำถามที่เขาพยายามขวนขวายหาคำตอบที่แท้จริง
“กู ...”
“.... ไม่รู้”
ความเจ็บปวดถูกกลั่นเป็นหยาดน้ำตาไหลลงมาเกาะตามใบหน้าเรียวไม่เว้นระยะ ภาพแผ่นหลังของคนตัวสูงที่หายลับโดยไม่แม้แต่จะหันเศษเสี่ยวกลับมามองพลอยแต่จะทำให้เสียงสะอื้นขับกล่อมบรรเลงความเศร้ามากกว่าเดิม ดั่งเหมือนมีโซ่ตรวนใจที่ไม่รู้ว่าถูกคล้องเกี่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่โดยใครบางคนกำลังรัดก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจให้แหลกสลาย เสียงคร่ำครวญแห่งความเสียใจยังคงก้องกังวานไม่ขาดสาย
เสียงบรรเลงความเศร้าที่น่าคร่ำครวญที่สุด คือเสียงแห่งน้ำตา
- - - - - - - - - - ( - honey ♡ caramel - ) - - - - - - - - - -
( - รักเซฮุนไปแล้วใช่ไหม ♥ - )
{ - AS FOR TALK &
โอ้ยตายแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว
สงสารลู่หานสุดๆๆๆ T_________________T
เซฮุนอา ทำไมไม่ฟังลู่หานละ #แล้วทำไมไรท์แต่งแบบนี้ละ
เห้ยขอโทษ! 55555555555555555555555 กลัวเบื่อหวานไงเลยเปลี่ยนแนวอิๆๆๆๆๆ
ดราม่าไม่นานคะ จริงๆ ตอนหน้าดราม่าสุดท้ายละ เดี๋ยวก็กลับเข้าสู่โหมดเดิม
ขอบอกนิดหนึ่งว่า หลังจากจบดราม่ารอบนี้หวานกว่าเดิมอีก โฮะๆๆๆ -..-
เราขอบคุณสำหรับแฟนฟิคทุกคนที่ให้กำลังใจเรานะคะ ขอบคุณมากจริงๆ มันมีผลกับเรามากๆ
เราก็เป็นแค่ไรท์คนหนึ่งเหมือนกัน อื้ม ขอบคุณสำหรับเม้นต์น่ารักๆนะคะ ><
ขอบคุณสำหรับยอดวิว ขอบคุณโหวต ขอบคุณ #ฮนครม ในทวิตด้วยนะ ~
ขอถามถึงเรื่องสเปคริสมาสต์และปีใหม่หน่อย ทุกคนอยากให้เป็นยังไงหรอ
พอดีว่าเราตันมากๆ อยากให้ฮุนฮานคริสแบคทำอะไรกันในวันนั้นหรอ บอกเราหน่อยสิ
เราจะเอาไปเติมในสเปอะ เราคิดไม่ออกละจริงๆ ขอบคุณนะคะ ><
- ขออัพเดทเรื่องหนังสือสักนิดนะคะ
ตอนนี้ทำปกฟิคเล่มแรกเสร็จแล้ว เหลือแต่ปกฟิคเล่มสเปและก็ของแถม
ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือนะคะ <3
ความคิดเห็น