ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {iKON} #ขอใจแลกเกียร์ [JunJin/Junhwan]

    ลำดับตอนที่ #15 : chapter 13 : It's hurt 110% UP!!!!

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 59






    CHAPTER 13

    IT'S HURT

     

     

     

     

     

     

     

              วันนี้เราสองคนมาเรียนพร้อมกันเหมือนทุกวัน ทุกๆอย่างยังคงเหมือนเดิม เด็กตัวสูงรีบมายืนรอจินฮวานที่หน้าห้อง จุนฮเวเองก็ยังคงขยันส่งยิ้มกว้างเหมือนลูกหมาให้กับจินฮวานเหมือนเคย แต่ที่วันนี้มันแปลกไปกว่าเดิมคือ พี่ตัวเล็กขับรถมาส่งจุนฮเวถึงหน้าตึกวิศวะไม่พอ คนตัวเล็กยังจะเดินตามมาส่งจุนฮเวถึงในตัวตึกเลยด้วย อยากจะถามพี่เขาอยู่เหมือนกันว่านึกยังไงถึงขับรถมาส่ง เพราะปกติถ้ามารถพี่จินฮวาน พี่เขาจะจอดรถที่สนามกีฬากลางมหาลัยแล้วปล่อยให้จุนฮเวเดินไปเรียนต่อแทน







              แต่วันนี้มันผิดปกติอ้ะ!!







              หรือว่าอาจเป็นเพราะวันที่เราไปที่ฮงแดกันวันนั้น








              พี่จินฮวานเขาเริ่มมีใจให้กับผมแล้วนะเว่ยพ่อแม่พี่น้องที่รัก TT







              กึก....







              หืม..พี่เขาหยุดเดินทำไมวะ ?







              “คือ เอาจริงนะ มึงเดินตามเงียบๆก็ได้มั๊ยไม่เห็นต้องทำหน้าปริ่มแล้วทำเสียงงุ้งงิ้งอะไรแบบนั้นตลอดมั๊ย ทนมาตั้งแต่บนรถแล้วนะ -_-”  


             




              อุ่ย เหมือนพี่เขาจะรู้ความคิดเราแฮะ







              นี่มึงแสดงออกมากเกินไปหรอจุนฮเว







              “คือมึงควรเก็บอาการบ้างจุนฮเว มึงเป็นผู้ชาย มึงไม่ใช่ผู้หญิง ที่ทำอยู่เนี่ยคือกูอยากให้มึงรู้ไงว่าเออกูก็รู้สึกดีกับมึงอยู่นะ กูไม่ได้ขอมึงเป็นแฟนสักหน่อย สติมึงสติ” เหมือนคนตัวเล็กจะอ่านใจจุนฮเวออกหมดทุกอย่างนั่นแหละ มือขาวลูบหน้าจุนฮเวเบาๆเพื่อให้อีกคนมันได้สติสักที แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะอยู่ๆมือใหญ่ของจุนฮเวก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของตัวเอง ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างอย่างตกใจไม่ต่างอะไรกับจุนฮเวเลยสักนิด

     

     

     

     

    "พี่บอกว่าพี่รู้สึกดีกับผมงั้นหรอ!!!!!" คนบ้า จุนฮเวขอเขินได้ไหมครับสังคม ทำไมพี่จินฮวานถึงได้น่ารักแบบนี้หล่ะ พี่เขาพูดออกมาได้ไงหน้านิ่งๆแบบนี้ พี่ไม่เขินเหมือนผมเลยหรอ

     

     

     

     

    "มะ มึงจะเสียงดังทำไม ชอบให้คนมองหรอ" ตบหน้าเด็กตัวสูงไปเบาๆหนึ่งทีโทษฐานที่มันเสียงดังจนคนที่เดินอยู่เริ่มหยุดมอง จินฮวานรีบชักมือออกมาจากใบหน้าหล่อแทบจะทันทีแต่จุนฮเวมันกลับรั้งเอาไว้ ถลึงตาดุก็แล้วแต่จุนฮเวก็ยังไม่ยอมปล่อย แถมยังจะส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้อีก

     

     

     

     

    โอ้โหพระเจ้า ผมขอย้อนเวลาได้มั๊ยครับ

     

     

     

     

    ผมจะได้ไม่หลุดพูดออกไปว่าผมรู้สึกดีกับเด็กบ้านี่ TT

     

     

     

     

    "^^~" จุนฮเวยิ้มหวานให้พี่ตัวเล็กที่ยืนกัดปากทำหน้าเหวี่ยงใส่อีกรอบ ก่อนจะทำในสิ่งที่ทำให้จินฮวานเกือบจะดิ้นตายอยู่ใต้ตึกวิศวะ

     

     

     

     

    จุนฮเวค่อยๆบรรจงจูบลงบนหลังมือขาวของพี่ตัวเล็ก ริมฝีปากอุ่นที่ทาบลงบนมือนี่มันส่งผลให้จินฮวานร้อนมาถึงหน้าได้ขนาดนี้เลยหรอ ไม่พอเด็กมันยังจะช้อนตาขึ้นมามองให้เขาหัวใจเต้นแรงจนหูอื้อไปหมด เสียงกรี๊ดเสียงฮือฮาจากชาวบ้านที่ยืนเสือกกันอยู่รอบๆอะไรนี่จินฮวานไม่ได้ยินหรอกนะ ตอนนี้คนตัวเล็กได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงมากจนจะหลุดออกมาเต้นนอกอกแล้วจริงๆ

     

     

     

     

    “ผมชอบพี่มากนะ"

     

     

     

     

    "อะ อือ..."

     

     

     

     

    "ผมรอวันที่พี่ชอบผมกลับอยู่นะครับ" เสียงทุ้มพูดจบแล้วเอามือของจินฮวานแนบแก้มซีกขวาของตัวเองไว้โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนทำให้จินฮวานรู้สึกหน้าร้อนขนาดไหนไม่รวมกับคำพูดร้องขอความรักจากเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นด้วยแล้วนะ

     

     

     

     

    ไอ้เหี้ย กูอยากระเบิดตัวเองตาย

     

     

     

     

    จากตอนแรกที่ว่าจะทำตัวให้เหมือนปกติพยายามไม่เขินนี่เหมือนทุกอย่างมันพังครืนลงมาหมด เขาก็แค่อยากเห็นปฏิกิริยาของจุนฮเวเวลาโดนเขาแอดแทคใส่บ้าง แต่ใครมันจะคิดวะ ว่าตัวเองจะโดนแอดแทคกลับจนเขินหน้าสั่นแบบนี้

     

     

     

     

    โอเค กูแพ้ .////.

     

     

     

     

    "อุ้ยต้ะ! ขุ่นพระ!!!! ทำอะไรกันกลางวันแสกๆครับคุณมึง! แยกเว้ยไอสัดแยก!!!!!!!!!" อยากจะรีบหายตัวกลับคณะทันตะของตัวเองไปเสียเดี๋ยวนี้ก็ตอนที่เสียงของจีวอนดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างของตัวเองที่ถูกยุนฮยองจับแยกออกจากจุนฮเว รู้สึกขอบคุณเพื่อนนิดหน่อยที่จับแยกออกมาไม่งั้นจินฮวานคงได้หัวใจวายตายแน่ๆ

     

     

     

     

    "นี่เพื่อนกู กูหวง ให้จีบไม่ได้ให้จูบ เข้าใจมั๊ยไอ้หลานห่า!" ยุนฮยองว่าพลางเตะหลานรหัสตัวเองเบาๆ ทำเอาจินฮวานหลุดขำออกมาเสียงดังเพราะดันเงยหน้ามองจุนฮเวแล้วเห็นเด็กตัวสูงยืนเท้าเอวกรอกตามองบนอยู่พอดี เด็กยักษ์ทำเสียงจิ้จ้ะในลำคอเล็กน้อยพลางตีแขนยุนฮยองเบาๆ

     

     

     

     

    "พวกพี่แม่ง ขัดจังหวะคนสวีทกันหว่ะ"

     

     

     

     

    "น้อยๆหน่อยมึง นี่มหาลัยครับไม่ใช่ที่ห้อง จะทำอะไรเกรงใจสถานที่นิดนึง ดูดิ้คนยืนมองกันเต็มละ" จีวอนว่าพลางดึงจินฮวานเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหน จุนฮเวหัวเราะเบาๆก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ตัวเล็กแล้วเอ่ยประโยคที่ทำเอาจินฮวานรู้สึกอยากจะเอาหน้าซุกรักแร้จีวอนแล้วตายมันไปตรงนี้เลย

     

     

     

     

    "ก็เพื่อนพี่น่ารัก ผมอดใจไม่ไหวหรอกนะ"

     

     

     

     

    "คะ คือกู ก็ไม่ได้น่ารักมะ อย่ามาเสี่ยว .////." ด่าอีกคนอุบอิบพลางกลอกตาไปมาเพราะไม่กล้าสบตาเข้ากับสายตาคมของคนที่มองมาอยู่เลยแม้แต่น้อย คือไม่ต้องบอกจินฮวานก็รู้ดีว่าตอนนี้จุนฮเวกำลังมองเขาแบบไหน

     

     

     

     

    เขินอะ ใครก็ได้พาเขาออกไปจากตรงนี้ที ;_;

     

     

     

     

    "โอ้ยรำคาญหว่ะ! ตึกคณะกูสีขาวมั๊ย ทำไมตอนนี้กูเห็นแต่สีชมพูวะ แล้วนี่มึงมาทำไรเนี่ย?"

     

     

     

     

    "มึงดูไม่ออกหรอไอ้ยุน เพื่อนมึงมันมาส่งเด็กเรียน พ่งเพื่อนไรไม่เคยมาหาหรอก เอ้อะ" จีวอนว่าพลางทำหน้าล้อเลียนเพื่อนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าหงิกไปด้วย แอบหันไปแทคมือกับยุนฮยองเบาๆที่แกล้งให้จินฮวานเขินจัดแบบนี้ได้ ส่วนจุนฮเวเองก็ไม่ต่างคนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองพี่ตัวเล็กก้มหน้าเขินด้วยสายตาเอ็นดูสุดพลัง

     

     

     

     

    "เลิกแซวมั๊ยไอสัด! กูมาทวงเงินค่าเหล่าที่พวกมึงติดกูอยู่เว้ย!!!!!"

     

     

     

     

    "พวกกูจ่ายคืนให้มึงไปตั้งนานละ มาส่งน้องเรียนก็บอกครับแหม"

     

     

     

     

    "กะ กูไม่รู้ กูลืม กูไปเรียนละไอ้พวกเหี้ย!!!!!" จินฮวานเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลสามคนที่ยืนทำหน้าล้อเลียนตัวเองอยู่ คนตัวเล็กพยายามไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆออกไปแต่ปากเจ้ากรรมมันดันสั่นเหลือเกินเลยจำเป็นต้องโวยวายเสียงดังกลบเกลื่อนจนคนหันมามองกันเป็นแถบอีกรอบ

     

     

     

     

    พูดจบก็รีบหันหลังเอามือตบหน้าตัวเองแล้ววิ่งขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าตึกแทบจะทันที พยายามไม่สนใจเสียงโห่แซวของเพื่อนกับเสียงจุนฮเวตะโกนบอกให้ตั้งใจเรียนที่ลอยไล่หลังมา แต่หูมันก็ยังได้ยินทำเอาริมฝีปากสวยกระตุกขึ้นมาเป็นรอยยิ้มได้อยู่ดี

     

     

     

     

    "แหม ทำเป็นเหวี่ยงกลบเกลื่อนเสียงดังนะมึง น่ารักไม่เบานะครัชเนี่ยเพื่อนกู 55555555555"

     

     

     

     

    "ตั้งใจเรียนนะครับว่าที่แฟนของผม!"

     

     

     

     

    ว่าที่แฟนอะไรกันเล่า โอ้ยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #ขอใจพี่จิน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มันมากความเลยเรื่องที่คนดังของมหาลัยอย่างจุนฮเวจูบหลังมือแล้วบอกชอบรุ่นพี่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ตัวเล็กกลางตึกคณะวิศวะท่ามกลางนักศึกษาเกือบร้อยคนนี่มันจะดังกระหึ่มไปทั่วทั้งมหาลัยขนาดไหน วินาทีนี้ใครที่ไม่รู้เรื่องนี้พูดได้เลยว่าเชยมากๆ เรื่องที่ชอคที่สุดคงไม่น่าจะพ้นจุนฮเวน้องเดือนวิศวะปีหนึ่งและนายแบบสุดหล่อขวัญใจเก้งกวางบ่างชะนีที่คู่ควงแต่ละคนบอกได้เลยว่าเด็ดดวงสวยเผ็ดเยอะแยะไปหมด แต่เจ้าตัวยังไม่เคยยกตำแหน่งว่าที่แฟนให้ใครสักคน แต่คนแรกที่จุนฮเวตามจีบตามตื๊อมาป็นเดือนๆกลับเป็นแค่นักศึกษาทันตแพทย์ปีสามธรรมดาๆที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก นามว่าคิมจินฮวาน ทำให้เป็นประเด็นหลักๆว่าจินฮวานทำยังไงจุนฮเวถึงได้ตามตื๊อแถมดูหลงคนตัวเล็กได้มากขนาดนี้

     

     

     

     

    เสียงข่าวลือซุบซิบในมหาลัยต่างแบ่งออกเป็นสองเสียง ทางฝั่งสาววายที่คลั่งพวกคู่รักชายรักชายด้วยกันต่างก็บอกว่าจินฮวานเวลาอยู่กับจุนฮเวแล้วดูน่ารักเหมาะสมกันดี คือตัวสูงกับตัวเล็กเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ ส่วนฝ่ายคงไม่พ้นพวกแฟนคลับเพศที่สามหรือพวกเมียมโนของจุนฮเวเองนั่นแหละที่ออกมาวิจารณ์แถมออกตัวแรงด่าจินฮวานเสียจนยับ ไม่พอคนพวกนั้นยังจะสรรหาเอาเวลาว่างไปนั่งขุดเรื่องของจินฮวานเอามานินทากันอย่างสนุกปากเสียด้วยซ้ำ

     

     

     

     

    กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่ตกเป็นเป้าให้คนได้นินทาเล่นกันสนุกปากคือจินฮวานนั่นแหละ คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วก้มหน้าเดินตามเพื่อนร่วมคณะอย่างฮงซอกกับมินอาเข้าไปในโรงอาหารกลางของมหาลัย กว่าจะซื้อข้าวแล้วยกมากินที่โต๊ะได้นี่คนตัวเล็กต้องเดินผ่านสายตาทิ่มแทงจากชาวบ้านมากขนาดที่ทำเอาเจ้าตัวแทบจะเดินกลับไปที่คณะตัวเองเลยจริงๆ แต่ความหิวมันก็ทำให้จินฮวานจำใจนั่งลงแล้วก้มหน้ากินข้าวไปเงียบๆ

     

     

     

     

    'กูก็ว่าทำไมหน้าคุ้นๆ ชื่อจินฮวานไง เนี่ยที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ฮันบิน พี่จีวอน แล้วก็พี่ยุนฮยอง'

     

     

     

     

    'อ๋อ คนนี้อะนะ กูเรียกพี่เค้าว่าเพื่อนพี่จีวอนเว่ยมึง555555 เพิ่งรู้จักชื่อก็วันนี้แหละ'

     

     

     

     

    แฟนเก่าพี่นายองดาวคณะเราไงมึง เห็นว่าพี่นายองบอกเลิกนะ'

     

     

     

     

    'เหี้ย จริงดิ เพราะพี่นายองรู้รึเปล่าวะว่าอีนี่มันชอบผู้อะ เลยรีบบอกเลิก'

     

     

     

     

    'เห็นว่าวันที่เจอน้องจุนฮเวคือฮีไปลื่นล้มหน้าตึกวิศวะมาเว่ย อ่อยอ่ะ'

     

     

     

     

    'เกลียดขี้หน้ามาก ยุ่งกับผัวกูเยอะเกิน หน้าตาก็ไม่ได้ดีมั๊ย เอาตรงไหนมามองหรอว่าน่ารัก? หรือว่าฮีจะเล่นของวะมึง'

     

     

     

     

    'เห็นหน้าใสๆงี้แรดไม่เบานะจ้ะ เพื่อนกูเรียนอยู่บริหารคือแบบเจอฮีไปหาพี่ฮันบินบ่อยมาก อยู่ด้วยกันนี่กรุงกระหนิงจนกูอยากเดินไปแยกอะ'

     

     

     

     

    'เอ๊า! ทำไมแรด ได้พี่ฮันบินไปแล้วนี่ฮีไม่พอหรอ หรือว่าเพราะพี่ฮันบินไปอเมริกายังไม่กลับฮีเลยคันแล้วไปอ่อยน้องจุนฮเว'

     

     

     

     

    'มึงต้องเห็นเวลาพี่จีวอนกอดนาง โอ้ยอีดอกกูอิจฉาจนแบอยากเดินเข้าไปตบ'

     

     

     

     

    'เป็นผู้ชายที่ทำตัวแหลมากจนตุ้ดแบบกูยังอายเลยค่ะ ยกโล่ให้ฮีเค้าไป'

     

     

     

     

    "เอ๊าอีผีพวกนี้ ก็เค้าเพื่อนกันมั๊ยยะ! จะนินทาใครมีสตินิดนึงได้มะ!" เสียงแหลมปรี๊ดของมินอาดังขึ้นไปทั่วทั้งโรงอาหารกลางพร้อมกับเสียงจานข้าวที่หล่อนวางกระแทกโต๊ะเสียดังลั่น จนคนเงียบกริบกันเกือบทั้งโรงอาหาร นิ้วชี้เรียวสวยที่เพิ่งจะไปทำเล็บใหม่มาชี้ไปยังกลุ่มรุ่นน้องปีสองที่นั่งนินทาเพื่อนของตัวเองอย่างเมามัน ใบหน้าสวยแสดงอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

     

    "เห้ยมินอา ใจเย็นๆ" ฮงซอกกระตุกแขนเพื่อนคนสวยให้รีบนั่งลง มินอาสะบัดแขนออกอย่างรำคาญ เกือบจะนั่งลงกินข้าวเหมือนปกติแล้วจริงๆ แต่ประโยคที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาเดนท์คนสวยถึงกับคิ้วกระตุกอย่างแรง

     

     

     

     

    "แล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วยหล่ะคะ พวกหนูก็ไม่ได้ด่าพี่ปะ คนเค้าคุยกันอะ คนมารยาทดีเค้าไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านนะคะ" รุ่นน้องคณะนิเทศศาสตร์? ใช่ถ้าจำไม่ผิดติ้งที่ห้อยอยู่ต้องเป็นเด็กนิเทศแน่ๆ มินอาหันกลับมากรีดยิ้มร้ายให้รุ่นน้องคนนั้นพร้อมกับยืนกอดอกมองเด็กพวกนั้นด้วยสายตาเหยียดๆก่อนจะตอกกลับไปด้วยถ้อยคำที่ทำเอาหน้าสั่นกันเป็นแถบ

     

     

     

     

    "คนที่น้องด่าอยู่มันเป็นเพื่อนพี่ค่ะ!"

     

     

     

     

    "อ๋อหรอคะ แล้วไงคะ?"

     

     

     

     

    "คือแบบนี้ค่ะน้อง พี่จะค่อยๆอธิบายให้หนูฟังนะคะ คนมารยาทดีเนี่ยเค้าไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านกันใช่มั๊ยคะ แล้วคนที่น้องพูดถึงกันอยู่เนี่ยเค้าเป็นญาติฝั่งไหนของน้องหรอคะ?"

     

     

     

     

    "....."

     

     

     

     

    "จินฮวานเป็นครอบครัวของน้องมั๊ย ก็ไม่ น้องจุนฮเวนี่ผัวน้องมั๊ย แล้วเพื่อนพี่ไปแย่งผัวหนูมาหรอ เอ้ะก็ไม่ใช่นี่เนอะ หน้าอย่างหนูไม่น่าจะหาผัวได้อะจริงๆ"

     

     

     

     

    "..."

     

     

     

     

    "เป็นแค่เมียมโนก็อยู่เงียบๆไปค่ะคุณน้องขา คนเราควรใช้ชีวิตอยู่บนความจริงนะลูก มโนบ่อยๆระวังจะเป็นบ้านะคะ"

     

     

     

     

    "อีดอกนี่ ตบมั๊ยจะได้จบ!"

     

     

     

     

    "อย่าหยาบคายค่ะ มันจะทำให้พวกหนูดูต่ำ อย่าหาว่าพี่สอนนะ แต่พี่ว่าหนูเอาเวลาที่หนูสนใจเรื่องของชาวบ้านเนี่ยมาดูแลตัวเองก่อนดีกว่ามั๊ยคะ หนูจะได้มีผัวเป็นกายหยาบจริงๆสักที ผัวที่มีตัวตนสามารถจับต้องได้ไม่ใช่ผัวมโนหน่ะค่ะ"

     

     

     

     

    เผ็ด พูดเลยว่าเผ็ดมาก ฮงซอกมองเพื่อนรักตัวเองที่ลุกขึ้นมาด่ารุ่นน้องฉอดๆแบบไม่เว้นวรรคให้อีกฝ่านตอบกลับพลางอ้าปากค้าง คือก็พอจะรู้อยู่ว่าเพื่อนคนนี้ก็แรงพอสมควรแหละ แต่ไม่ค่อยด่าอะไรใครจริงๆจังๆหรอก นานๆทีถึงจะปรี๊ดแตกด่าแหลกแบบนี้พูดเลยว่าอยากจะลุกขึ้นมาตบมือแล้วพูดว่าบราโว่ให้ลั่นโรงอาหารมาก คือฮงซอกก็โกรธเหมือนกันที่มีใครก็ไม่รู้อยู่ๆมาด่าเพื่อนรักตัวเล็กของเขาแบบนี้ อยากจะลุกขึ้นไปด่าแต่เห็นว่ากลุ่มน้องที่ด่าส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิงกับตุ้ดเลยไม่อยากจะไปมีปัญหาด้วยสักเท่าไหร่เพราะตัวเองเป็นผู้ชาย เลยทำได้แค่นั่งตบบ่าจินฮวานที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นการปลอบใจเท่านั้น

     

     

     

     

    ถามว่าทำไมคนตัวเล็กมันถึงได้เงียบขนาดนี้ ก็เพราะว่าตั้งแต่มาถึงที่โรงอาหารจินฮวานก็เสียบหูฟังเปิดเพลงดังสุดแล้วนั่งกินข้าวเงียบๆแบบไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น

     

     

     

     

    'เพี๊ยะ!'

     

     

     

     

    บังเกิดความเงียบขึ้นมาอีกรอบทันทีที่เสียงฝ่ามือของรุ่นน้องต่างคณะตบลงบนใบหน้าสวยของมินอาอย่างแรงจนหน้าของหล่อนหันไปตามแรงตบ ฮงซอกร้องอุทานคำว่าเหี้ยดังลั่นก่อนจะลุกขึ้นยืนจับเพื่อนสาวของตัวเองเอาไว้ คิ้วสวยกระตุกอีกรอบเพราะเริ่มจะโมโหจริงจัง ไม่รอช้ามือเรียวก็ง้างขึ้นมาเต็มที่เพื่อเตรียมจะตบสั่งสอนรุ่นน้องที่มันยืนกอดอกลอยหน้าลอยตาใส่คืนให้มันสาสม

     

     

     

     

    'ปึง!!!'

     

     

     

     

    เสียงแก้วน้ำกระแทกกับโต๊ะดังสนั่นจากคนที่นั่งก้มหน้าเสียบหูฟังกินข้าวอยู่เงียบๆเรียกร้องความสนใจของคนให้หันมามองได้ไม่ยาก ใบหน้าของจินฮวานเต็มไปด้วยโทสะแบบที่ว่าคนมองอย่างฮงซอกและมึงอาถึงกับชะงักค้าง ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มเด็กรุ่นน้องปีสองที่ตอนนี้ยืนนิ่งหุบปากฉับกันทั้งโต๊ะ

     

     

     

     

    "มันจะมากเกินไปแล้วนะ" จินฮวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเพราะกำลังบังคับตัวเองเอาไว้ว่าไม่ให้อาละวาดที่นี่ เขาไม่อยากเป็นเป้าสายตาหรือว่าต้องมีเรื่องอะไรให้คนเอาไปนินทากันจนสนุกปากอีกแล้ว ถามว่าในใจโกรธมากแค่ไหนเขาโกรธจนอกแทบระเบิดกับการที่มีคนเอาตัวเองไปพูดในเรื่องไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่โอเคเขาเลือกที่จะไม่สนใจเพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่รุ่นน้องกลุ่มนี้มันมากเกินไป กล้าดียังไงถึงมาตบเพื่อนของเขา?

     

     

     

     

    "อะไรที่มันมากเกินไปหรอคะพี่? ที่เพื่อนหนูตบเพื่อนพี่หรือว่าผู้ชายของพี่ ถ้าเรื่องผู้ชายมันมากไปก็หยุดเถอะค่ะระวังรูจะแหก!" รุ่นน้องเพศที่สามเปิดฉากด้วยน้ำเสียงดังเซอราวด์รอบทิศทางเรียกให้คนยิ่งเข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

     

     

     

     

    "เรื่องผู้ชายของพี่มันทำไมหรอ พี่ก็อยู่ของพี่เฉยๆนะ อิจฉาหรอที่จุนฮเวชอบพี่ถึงได้เห่าเสียงดังแบบนี้ อยากให้มีผู้ชายหน้าตาดีๆมาสนใจก็เปลี่ยนสีรองพื้นซะนะครับน้อง พี่ตกใจมากเลยหน้าน้องคนละสีกับคอ" จินฮวานเหลือบตามองตุ้ดตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ น้ำเสียงนิ่งเย็นติดจะดูถูกของจินฮวานทำเอารุ่นน้องตรงหน้าแทบจะรีบพุ่งเข้ามาจิกหัวตบจินฮวานมันเสียกลางโรงอาหารนี่แหละ แต่ติดที่ตัวของน้องมันดันถูกฮงซอกจับเอาไว้ก่อน เสียงกรี๊ดของคู่กรณีตรงหน้าทำเอาจินฮวานเบ้หน้าเล็กหน้าอย่างรำคาญ

     

     

     

     

    "กรี๊ดดดดดดดด มึงด่ากูหรอ!"

     

     

     

     

    "เปล่าครับพี่ด่าหมาในปากน้อง ไว้ว่างๆมาคณะพี่นะครับมีบริการผ่าหมาออกจากปากฟรี" จินฮวานยื่นหน้าไปแสยะยิ้มให้กลุ่มรุ่นน้องที่ตอนนี้เริ่มจะดิ้นอยู่ไม่เป็นสุขกันเล็กน้อย รอยยิ้มที่ทำเอาทั้งมินอากับฮงซอกถึงกับขนลุกเกรียว ก่อนที่คนตัวเล็กจะผละออกมา แต่ทว่าแรงจิกจากบริเวณหัวทำเอาคนตัวเล็กที่กำลังจะหันกลับมาถึงกับเกือบจะหงายหลัง ถอนหายใจออกมาอีกรอบอย่างระอาก่อนจะหันกลับหลังเพื่อบอกให้อีกฝ่ายปล่อย

     

     

     

     

    'เพี๊ยะ!'









                'เพี๊ยะ!!'

     

     

     

     

    เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าดังขึ้นเป็นรอบที่สองและสามของวัน มินอากรี๊ดดังลั่นแล้วเตรียมพุ่งเข้าตบกลุ่มรุ่นน้องตรงหน้าแทบจะทันทีไม่ต่างอะไรไปจากฮงซอกที่ต้องคอยจับเพื่อนคนสวยเอาไว้ไม่ให้ก่อเรื่อง ใบหน้าน่ารักสะบัดไปตามแรงตบ มันไม่ได้ทำให้เจ็บเท่าไหร่หรอกแต่การโดนตบสองรอบติดแบบนี้มันก็ทำให้ระคายผิวอยู่ไม่น้อยเลยหล่ะ คิ้วสวยกระตุกอีกรอบเพราะเส้นความอดทนใกล้จะขาดผึงเต็มที ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกกระทำหยาบคายแบบนี้มาก่อนในชีวิต

     

     

     

     

    "เพราะปากดีแบบนี้ใช่มั๊ยหล่ะเมียถึงได้ทิ้งหน่ะ! ผู้หญิงไม่เอาเลยเปลี่ยนแนวมาหาผัวแทนหรอ! แฟนเก่าพี่ก็โง่เนอะ แต่ก็ดีแล้วแหละที่เลิกกันเพราะถ้าคบต่อก็เหมือนจะไปด้วยกันไม่รอดอะเนอะผู้หญิงก็กะหรี่ผู้ชายก็ร่าน" เสียงรุ่นน้องตุ้ดตวาดลั่นไปทั่วโรงอาหาร ทุกคำพูดเหมือนจินฮวานถูกกรีดเข้าไปถึงใจจนเจ็บจี๊ด คนตัวเล็กยืนนิ่งกำหมัดอย่างโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ริมฝีปากสีแดงสดของคนอายุน้อยกว่ายกยิ้มอย่าผู้ชนะที่ตนสมารถตอกรุ่นพี่คนนี้ให้มันหน้าชาได้

     

     

     

     

    แต่หารู้ไม่

     

     

     

     

    ที่จินฮวานยืนนิ่งเพราะเส้นความอดทนมันกำลังขาดผึง

     

     

     

     

    "มึงไม่ควรพูดถึงนายองแบบนั้น!"

     

     

     

     

    ไม่รอช้าหมัดลุ่นๆของคนตัวเล็กกระแทกเข้าที่ปากสีแดงสดที่ถูกทาเคลือบเอาไว้ด้วยลิปทินท์ของรุ่นน้องตุ้ดคู่กรณีเข้าอย่างจัง ทำเอาคนถูกกระทำถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นได้ไม่ยาก ผู้คนที่ยืนมุงดูถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามสักคน เพราะตอนนี้หน้าของจินฮวานดูโมโหมากจนน่ากลัว กายบางค่อยๆทรุดกายลงนั่งรุ่นน้องคนนั้น มือขาวกระชากคอเสื้อนักศึกษาของอีกฝ่ายอย่างแรง

     

     

     

     

    "รูกูจะแหกมั๊ยไม่รู้ แต่ปากมึงแหกแน่ถ้ามึงยังจะมีปากเอาไว้แค่พูดจาหมาๆถึงคนอื่นแบบนี้อีก แล้วก็นี่..."

     

     

     

     

    'ผลั่ก!'

     

     

     

     

    หมัดที่สองถูกต่อยลงบนหน้ารุ่นน้องอีกครั้งด้วยแรงมหาศาลไม่ต่างจากรอบแรก จินฮวานสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อระงับสติอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ

     

     

     

     

    "หมัดเมื่อกี๊สำหรับที่น้องพูดถึงนายองด้วยคำพูดเหี้ยๆ แล้วก็ฝากนี่ไปให้เพื่อนผู้หญิงของน้องที่ตบหน้าเพื่อนพี่ด้วย เห็นเป็นผู้หญิงเลยไม่อยากทำ" เหลือบตามองรุ่นน้องผู้หญิงที่ตบมินอาพร้อมกับกรีดยิ้มหวานให้เจ้าหล่อนไปทำเอาขนลุกวาบกันไปทั้งตัว ก่อนที่มือขาวจะเงื้อมมือขึ้นมาตบลงบนใบหน้าของรุ่นน้องตุ้ดคนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายเสียเสียงดังสนั่น

     

     

     

     

    'เพี๊ยะ!!!'

     

     

     

     

    "ปากหน่ะมีไว้กินข้าว ไม่ใช่เอามาแกว่งหาตีน...." ยกนิ้วขึ้นมาผลักหัวอีฝ่ายจนเกือบติดอยู่กับพื้น จ้องเขม็งเข้าไปที่ดวงตาสีเทาเพราะคอนแทคเลนส์ของอีเด็กตุ้ดที่นอนสั่นงิกอยู่บนพื้นก่อนจะแสยะยิ้มร้ายออกมา

     

     

     

     

    "อยากจะเกลียดพี่มากแค่ไหนก็เชิญ เพราะพี่ไม่เคยขอให้ใครมารักมาชอบพี่อยู่แล้ว ที่แน่ๆ พี่ก็อยู่ของพี่เฉยๆผู้ชายเขาก็มาหาพี่เอง แสดงว่าเขาคงเห็นอะไรดีๆในตัวพี่แหละนะ น้องหน่ะทำตัวทำสันดานให้มันดีๆซะบ้างเผื่อผู้ชายเขาจะมองเห็นความดีที่ซ่อนอยู่ในรูปกายอัปลักษณ์ของน้องนะครับ”

     

     

     

     

    “อีกอย่างพ่อแม่ส่งมาเรียนไม่ใช่ส่งมาหาเรื่องชาวบ้านกับส่งมาหาผัว"

     

     

     

     

    "...."

     

     

     

     

    “ทำไม? มองหน้าแบบพี่นี้นี่คือไม่พอใจ? อยากโดนต่อยอีกหรอ??” คิ้วสวยเลิกขึ้นสูงเอียงคอเล็กเป็นเชิงถามพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าทำเอาเด็กตุ้ดคนนั้นถึงกับส่ายหน้ารัวแล้วหลับตาปี๋ คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาเสยผมหน้าม้าที่ลงมาปรกหน้าตัวเองอย่าลงรำคาญก่อนจะพูดต่อ

     

     

     

     

    "แล้วก็อย่าตัดสินคนอื่นด้วยความคิดทุเรศๆของตัวเองถ้าพวกน้องยังไม่รู้จักเขาดีพอ เข้าใจมั๊ยครับ?"

     

     

     

     

    "ขะ เข้าใจค่ะ"

     

     

     

     

    "พี่จะแรดไม่แรดยังไงก็ไม่ได้ไปแรดให้ใครต้องเดือดร้อน ไม่ได้ไปแรดบนหัวพวกน้องนะครับ คราวหลังก่อนจะเอาเรื่องของใครมาพูดช่วยกลั่นกรองความจริงนิดนึงว่ามันเป็นยังไง หน้าจะได้ไม่แหกแบบนี้"

     

     

     

     

    "ครั้งนี้พี่จะยกโทษให้แล้วก็จะคิดซะว่าพวกน้องยังเด็กสมองยังอาจกลวงๆอยู่ แต่คราวหน้าถ้าน้องยังจะมาทำสันดานหมาๆแบบนี้ใส่พวกพี่อีก รู้ใช่มั๊ยว่าคงไม่ใช่แค่หน้าแหกแน่ๆ กับน้องผู้หญิงคนนั้นพี่ก็จะไม่เว้นแล้วนะครับ เข้าใจตรงกันนะครับน้องผู้หญิงที่ตบเพื่อนพี่หน่ะ :-)"

     

     

     

     

     

    "ค ค่ะ..."

     

     

     

     

    "อย่างที่เพื่อนพี่บอก เอาเวลาไปดูแลตัวเองนะ ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากมีเมียเป็นผีหรอกเชื่อพี่สิ" พูดจาสั่งสอนรุ่นน้องปากเก่งด้วยน้ำเสียงเข้มจัดชัดเจนจนจบทุกประโยคก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินลากมินอากับฮงซอกออกมาจากบริเวณนั้นแทบจะทันที เจ็บหน้าไปหมดแต่ก็ต้องทำเหมือนไม่เป็นอะไร อีกอย่างถ้าอยู่นานกว่านี้จินฮวานคงเหลืออดได้กระทืบเด็กตุ้ดนั่นให้นอนจมกองเลือดแน่ๆ โกรธมากจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วจริงๆนะ ยิ่งหันไปเห็นฝ่ามือจางๆบนหน้าของเพื่อนคนสวยแล้วโคตรอยากจะเดินกลับไปเอาเท้าขยี้หน้าเด็กนั่นให้นอนเลือดกบปากไปเลยแม่ ง

     

     

     

     

    ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยวะ

     

     

     

     

    ทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องกันตลอดเลยวะ

     

     

     

     

    ทำไมตัวเล็กแล้วไง คิดว่าใครจะทำอะไรก็ได้หรอไงวะ

     

     

     

     

    แม่ ง! หงุดหงิด!!

     

     

     

     

    "จิน แกเจ็บมั๊ยอะ ปากแกมีเลือดออกด้วย..." เสียงของมินอาพูดเรียกสติคนที่กำลังฟึดฟัดอยู่ให้กลับมาพร้อมกับมือเล็กๆที่แตะลงเบาๆบนปากของจินฮวาน คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงก่อนจะร้องซี๊ดออกมาเบาๆ

     

     

     

     

    "เจ็บดิ! แม่ งเอ้ย เด็กเปรต หงุดหงิดชิบหาย แล้วแกเป็นไงเจ็บมากมั๊ยอะ?"

     

     

     

     

    "โอ๊ยอีบ้า สมัยมอปลายฉันสายตบนะยะ แค่นี้จิ้บๆหย่ะ เทียบกับน้องเค้าแล้วคือฉันสิวๆอะ ต่อยน้องเค้าซะน่วมเลยนะ นี่เกือบกรี๊ดละตอนนั้นแกแมนมาก55555"

     

     

     

     

    "เออ ไอห่าเห็นมึงเงื้อมมือขึ้นมานึกว่าจะตบ แต่มึงดันต่อย กูนี่ร้องโอ้โหดังมาก ซังนัมจาสุดๆครับลูกพี่ครับ"

     

     

     

     

    "มึงก็โคตรแมนเลย ยืนร้องเหี้ยอย่างเดียวไม่ช่วยเพื่อน ไปเลยมึงอะพามินอาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลดิ้ ทำตัวเป็นผู้ชายหน่อยหว่ะ" เบ้ปากใส่ฮงซอกที่ยืนหัวเราะไปหนึ่งทีก่อนจะร้องซี๊ดออกมาเบาๆเพราะเจ็บปาก

     

     

     

     

    "ครับๆพี่ครับ แล้วมึงไม่ไปหรอไง ปากแตกนะมึงอะ หรือจะรอให้น้องจุนฮเวมาทำแผลให้?" ทันทีที่ได้ยินชื่อจุนฮเวหลุดออกมาจากปากของฮงซอกคิ้วสวยก็กระตุกอีกรอบ มินอาหันไปฟาดแขนเพื่อนที่พูดอะไรไม่ดูเวล่ำเวลาดังเพี๊ยะ

     

     

     

     

    "มึงอย่าพูดถึงชื่อมัน หัวร้อนเลยแม่ ง ตั้งแต่คราวที่แล้วละที่แฟนคลับมันมารุมด่ากูเนี่ย เดี๋ยวกูจะกลับคอนโดละ ฝากลาอาจารย์เซคบ่ายให้ด้วย" พูดจบคนตัวเล็กก็รีบโบกมือลาเพื่อนแล้วเดินแยกออกมาทันที

     

     

     

     

    สองขาก้าวต่อไปเรื่อยๆตามทางเดินฟุตบาทในมหาลัยแบบไม่มีจุดหมายว่าตัวเองจะไปที่ไหนดี ในใจตอนแรกคิดว่าจะขับรถกลับคอนโด แต่ถ้าขับกลับไปตอนนี้คงไม่ดีแน่เพราะตอนนี้จินฮวานรู้สึกว่าสมองมันเบลอไปหมดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เช้า ตั้งแต่จุนฮเวบอกชอบเขากลางคณะวิศวะเรื่องทุกอย่างก็ประเดประดังเข้ามาเต็มไปหมด โดนใครต่อใครเซ้าซี๊ถามนั่นนี่เรื่องเขากับจุนฮเวจนแทบจะไม่เป็นอันเรียนแถมยังปวดหัวด้วยอีกตังหาก พอตอนกลางวันจะไปหาข้าวกินก็ดันมีเรื่องกับรุ่นน้องจนตัวเองต้องเจ็บกลับมาแบบนี้อีก

     

     

     

     

    มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาแตะมุมปากตัวเองที่แตกพร้อมกับสูดปากเบาๆ นึกแล้วก็อยากจะเดินกลับไปจัดการเด็กตุ้ดนั่นอีกรอบให้มันนอนจมกองเลือดตายไปเลยได้ยิ่งดี คือแค่โดนมือเปล่าตบมันคงจะมีแค่รอยแดงธรรมดา แต่เด็กนั่นมันดันใส่แหวน ตอนตบลงมาแหวนมันเลยฟาดลงตรงมุมปากเต็มๆ

     

     

     

     

    เด็กเหี้ย ขอให้ชาติหน้ามึงเกิดมาเป็นตุ้ดอีกรอบ

     

     

     

     

    ยิ่งคิดยิ่งแค้น หัวร้อนจนต้องรีบก้าวเดินฉับๆหลบผู้คนที่หันมามองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น คนตัวเล็กเดินก้มหน้ามาเรื่อยๆจนถึงสวนหย่อมในมหาวิทยาลัย กายบางหย่อนตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าริมบ่อน้ำเล็กๆ ใบหน้าน่ารักเงยมองท้องฟ้สก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ที่นี่แทบจะไม่มีคนอยู่เลยสักคน เพราะเวลานี้คงขึ้นเรียนกันหมดแล้วสินะ

     

     

     

     

    รวมถึงจุนฮเวด้วย

     

     

     

     

    ...

     

     

     

     

    เห้อ

     

     

     

     

    นึกถึงไอ้เด็กบ้านั่นแล้วก็หงุดหงิดจนอยากจะพาล อย่าให้เจอหน้ามันอยู่แถวๆนี้นะ จะต่อยให้หน้าแหกฟันร่วงหมดปากเลยคอยดู

     

     

     

     

    ซะที่ไหนกันหล่ะ

     

     

     

     

    แต่เอาเข้าจริงๆคนที่จินฮวานอยากเจอมากที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นจุนฮเวนั่นแหละนะ อยากเจอ แล้วก็อยากนั่งคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ อยากรู้ว่าถ้าจุนฮเวรู้ว่าจินฮวานเพิ่งไปมีเรื่องมา เด็กตัวสูงคนนั้นมันจะทำหน้ายังไง จะเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

     

     

     

     

    ตอนนี้จินฮวานกำลังสับสน

     

     

     

     

    เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากวันนี้ไปเขาควรจะทำยังไงต่อดี

     

     

     

     

    เขารู้สึกดีกับจุนฮเวมากจริงๆนะ แต่หัวใจของเขาก็ยังรู้สึกรักนายองอยู่ อาจน้อยลงจนแทบไม่เหลือความรักที่มีให้แล้ว แต่ลึกๆแล้วจินฮวานก็ยังรัก เพราะนายองคือรักแรก

     

     

     

     

    เขาจะรู้สึกชอบจุนฮเวได้จริงๆไหมนะ?

     

     

     

     

    "แอบมานั่งอยู่ตรงนี้นี่เองคนเก่งของผม" เสียงทุ้มที่จินฮวานอยากได้ยินที่สุดดังมาจากข้างหลังจนจินฮวานสะดุ้งสุดตัว จินฮวานเงยหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนจะหันหน้ากลับมาเหมือนเดิม

     

     

     

     

    คนในความคิดนี่มันก็มาปรากฎตัวให้เห็นไวเหมือนกันเนอะ

     

     

     

     

    จุนฮเวรีบหย่อนกายลงนั่งข้างคนตัวเล็ก มองใบหน้าของอีกคนที่มีรอยฝ่ามือทาบอยู่บนหน้ากับรอยแตกเล็กๆที่มุมปากแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นแผลเล็กๆนั่นแล้วรู้สึกอยากจะเปลี่ยนเป็นตัวเองที่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้แทน ได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจนั่นแหละ ว่าตอนที่จินฮวานมีปัญหาเขาไปอยู่ที่ไหนมา ตอนที่คนตัวเล็กโดนหาเรื่องเขากินข้าวอย่างมีความสุขอยู่กับเพื่อนได้อย่างไรกัน ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ถึงสองครั้ง ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง ทำไมเขาถึงต้องมารู้เหตุการณ์ต่างๆทีหลังผ่านคลิปที่ถูกอัพลงในโซเชียลแบบนี้ด้วย

     

     

     

     

    "มึงไม่มีเรียนหรอไง" จินฮวานถามอีกคนทั้งๆที่ยังคงหันหน้าไปทางอื่นเพราะว่าไม่อยากให้จุนฮเวเห็นหน้าของเขาในตอนนี้ แต่ไม่ทันจุนฮเวหรอกเพราะตอนนี้เด็กตัวสูงกำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเชยปลายคางของจินฮวานให้หันมาหาตัวเองช้าๆ

     

     

     

     

    "เรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่ได้ข่าวว่ามีคนแถวนี้ต่อยตุ้ดฟันหักแล้ว ไหนเงยหน้าหน่อยสิครับ เดี๋ยวผมใส่ยาให้" พูดติดตลกไปอย่างนั้นแหละแต่จริงๆแล้วตอนจุนฮเวเห็นคลิปที่ดงฮยอกวิ่งทำหน้าตาตื่นเอามาให้เขาดู เขาขำไม่ออกเลยด้วยซ้ำ จุนฮเวแทบจะไม่เป็นอันเรียนหนังสือ ภาพที่จินฮวานถูกรุ่นน้องตบจนหน้าหันยังคงติดตา ยิ่งเห็นรอยแผลบนมุมปากของคนที่จุนฮเวชอบนักชอบหนาแล้วเขายิ่งรู้สึกแย่จนทำอะไรไม่ถูก

     

     

     

     

    เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของจุนฮเวมองมาที่แผลของตัวเองแล้วจินฮวานก็ไม่อยากจะมองมันต่อ คนตัวเล็กเลยเลือกที่จะหลับตาลงช้าๆแล้วปล่อยให้จุนฮเวค่อยๆทายาลงบนแผลที่ปากให้ สัมผัสอ่อนโยนไล้เบาๆที่มุมปากเชื่องช้าเพราะต้องการให้ยาซึมลงไปที่บริเวณแผลให้มากที่สุด แต่น่าแปลกที่จินฮวานกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะลมหายใจร้อนที่เป่าลงบนแก้มของเขาอยู่

     

     

     

     

    "เสร็จแล้วครับ" เสียงพูดอยู่ใกล้หูมากเสียจนจินฮวานต้องลืมตาขึ้นมามอง รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดเต็มๆก็ตอนที่เห็นหน้าของจุนฮเวที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงคืบนี่แหละ

     

     

     

     

    นัยน์ตาคมกวาดมองไปทั่วใบหน้าของจินฮวานราวกับจะหาว่ามีบาดแผลอื่นๆบนใบหน้าอีกหรือไม่ มือใหญ่ลูบแผ่วเบาที่รอยฝ่ามือบนแก้มใสของจินฮวานอย่างเป็นห่วง คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างพิจารณา จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปลอยเด่นอยู่ตรงหน้าทำเอาจินฮวานเผลอจ้องมันนานเสียจนหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะดันนึกถึงเวลาที่จุนฮเวทาบริมฝีปากลงมาบนปากของเขา

     

     

     

     

    คิดดีบ้างไม่ได้เลยใช่มั๊ยมึง

     

     

     

     

    แล้วปากนี่จะสั่นทำเหี้ยอะไร

     

     

     

     

    "ขะ ขอบใจ" ตอบอีกคนตะกุกตะกักก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ตอนมี่จุนฮเวเขยิบตัวกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองแล้ว

     

     

     

     

    "เจ็บมากมั๊ยครับ?"

     

     

     

     

    "แผลหน่ะไม่เจ็บหรอก แต่กูเจ็บใจ"

     

     

     

     

    "ที่เจ็บใจเพราะว่ารุ่นน้องคนนั้นด่าพี่นายองหรอครับ..." เท่าที่ดูมาจากในคลิปจุนฮเวก็พอจะรู้แล้วว่าที่จินฮวานฟิวส์ขาดขนาดนั้นเป็นเพราะอะไร พูดจบก็ก้มหน้ามองพื้นหญ้ามันอยู่แบบนั้นแหละ ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยซ้ำว่าตอนนี้จินฮวานกำลังทำสีหน้าแบบไหน ได้ยินเสียงอีกคนถอนหายใจออกมาก็พอจะเดาออกแล้วหล่ะว่าต้องไม่ชอบใจแน่ๆที่เขาพูดเรื่องนี้

     

     

     

     

    "อืม...ก็ประมาณนั้น ไม่มีใครชอบใจหรอกนะเวลาที่คนที่มึงรักถูกด่าด้วยคำพูดแบบนั้นหน่ะ"

     

     

     

     

    เจ็บ ทุกคำพูดที่จินฮวานพูดออกมามันทำเอาจุนฮเวรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก เด็กตัวสูงทำได้แค่เพียงพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ช้าๆ ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ อยู่ๆก็รู้สึกเหนื่อยจนไม่รู้ว่าหลังจากนี่เขาต้องทำอะไรต่อแล้ว จุนฮเวไม่รู้แล้วว่าเขาต้องเอาอะไรเข้าสู้เพื่อแลกเอาหัวใจของจินฮวานมา ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเขารู้สึกว่ายิ่งทำอะไรไปเท่าไหร่ มันก็มีแค่เขาเองที่เหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว

     

     

     

     

    สู้อะไรคนในใจพี่จินฮวานไม่ได้เลย

     

     

     

     

    ก็พอจะเข้าใจดีว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานะอะไร

     

     

     

     

    เป็นแค่คนคุย เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเขาไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงพี่จินฮวานกับคนเก่าหรอก

     

     

     

     

    ความสัมพันธ์มันตัดกันไม่ขาดหรอกนะ พี่จินฮวานกับพี่นายองคบกันมาตั้งกี่ปี แล้วจุนฮเวเพิ่งรู้จักจินฮวานได้กี่เดือน

     

     

     

     

    ที่ผ่านมาจุนฮเวเป็นได้แค่คนที่ทำให้พี่จินฮวานรู้สึกดี

     

     

     

     

    แต่ไม่ใช่คนที่ทำให้พี่จินฮวานรู้สึกรัก

     

     

     

     

    เหมือนจินฮวานพอจะรู้ว่าทำไมจุนฮเวถึงเงียบไป คนตัวเล็กขยับกายเข้ามาใกล้เด็กตัวสูงกว่าที่นั่งก้มหน้าเป็นหมาหงอยก่อนที่จินฮวานจะจับหน้าจุนฮเวให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา

     

     

     

     

    "เป็นอะไร ทำไมถึงเงียบ ปกติมึงพูดมากจะตาย"

     

     

     

     

    "เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร" ตอบเสร็จก็เสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับดวงตาคู่เล็กที่จ้องเขาเขม็ง จุนฮเวพยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไรด้วยการฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงแทบจะทันทีที่เห็นจินฮวานถอนหายใจแล้วมองหน้าเขานิ่งๆ

     

     

     

     

    "มีอะไรก็พูดมา"

     

     

     

     

    "..."

     

     

     

     

    "มึงอึดอัดใช่มั๊ย"

     

     

     

     

    "ที่ผมไม่พูด เพราะผมไม่รู้ว่าผมมีสิทธิ์ที่จะพูดมันออกมาให้พี่ฟังได้มั๊ย"

     

     

     

     

    "ลองพูดมาก่อนดิ อันไหนมึงไม่ควรพูดเดี๋ยวกูบอกให้มึงหยุดพูดเอง"

     

     

     

     

    "...."

     

     

     

     

    ต่างคนต่างมองหน้ากันเงียบๆสักพัก จินฮวานสบตาเข้ากับนัยน์ตาวูบไหวที่ทอประกายความเศร้าออกมาอย่างชัดเจนของจุนฮเวแล้วรู้สึกแย่ไม่ต่างกันกับเด็กตัวสูงตรงหน้า จุนฮเวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนที่จะเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเองออกมาให้จินฮวานรับรู้

     

     

     

     

    "ผมโกรธตัวเอง ที่ผมไปปกป้องพี่ไม่ได้ ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผม ครั้งที่แล้วพี่ก็โดนใครก็ไม่รู้มาด่าพี่ถึงในคณะเพราะตัวผมเองที่เข้าไปจีบพี่ ครั้งนี้พี่ก็โดนตบเพราะผมอีก"

     

     

     

     

    “คือมันก็ไม่ใช่ความผิดมึงมั๊ยจุนฮเว คนพวกนั้นดิที่ผิด แม่ งเป็นบ้าไง ไม่ต้องคิดมากหรอ...”

     

     

     

     

    "ผมอยากอยู่ใกล้ๆพี่ อยากดูแลพี่ตลอด แต่ผมก็ไม่รู้ผมอยู่ในสถานะอะไร คนคุยแบบผมมีสิทธิ์เป็นห่วงพี่มั๊ย แล้วผมมีสิทธิ์ปกป้องพี่รึเปล่า"

     

     

     

     

    "ผมมีสิทธิ์ที่จะพูดกับพี่บ้างมั๊ยครับ ว่าผมไม่ขอบเลยเวลาที่พี่นึกถึงแฟนเก่าตอนที่พี่อยู่กับผม ผมอยากจะบอกกับพี่ว่า พี่ครับ ผมอยู่ตรงนี้ ผมอยู่ตรงหน้าพี่แล้วนะ มองแค่ผม นึกถึงแต่ผมสิครับ"

     

     

     

     

    "แต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมรู้ตัวครับว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้น"

     

     

     

     

    "..."

     

     

     

     

    "เป็นแค่คนคุย ไม่มีสิทธิ์งี่เง่า ไม่สิทธิ์หึง ไม่มีสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของ"

     

     

     

     

    “เจ็บแค่ไหน รู้สึกแย่แค่ไหนก็ต้องหายเอง”

     

     

     

     

    "อยู่ๆตอนนี้ผมก็รู้สึกเหนื่อย ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดมันทำให้พี่รู้สึกอะไรกับผมบ้างไหม จนวันนี้ที่พี่บอกว่ารู้สึกดีกับผม ผมดีใจมากเลยนะ"

     

     

     

     

    "แต่ลึกๆผมก็คิดนะว่าที่พี่บอกว่ารู้สึกดีมันแค่ชั่ววูบรึเปล่า มันมีโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกมั๊ย แล้วตอนนี้ผมก็รู้แล้วหล่ะครับ..."

     

     

     

     

    "....."

     

     

     

     

    "ว่าพี่แค่รู้สึกดีกับผม พี่ไม่ได้รู้สึกรักผม"

     

     

     

     

    "...."

     

     

     

     

    "เปิดใจให้ผมหน่อยไม่ได้หรอครับ"

     

     

     

     

    ความรู้สึกอัดอั้นของจุนฮเวพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปพร้อมกับน้ำเสียงตัดพ้อเว้าวอนขอความรักจากจินฮวาน แววตาเศร้าสร้อยจ้องไปยังพื้นหญ้าสีเขียวเบื้องล่างเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เขากำลังจะร้องไห้ คนตัวสูงกว่าสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา

     

     

     

     

    ทุกๆคำพูดทุกๆสีหน้าและแววตาของจุนฮเวสะท้อนเข้ามาในสมองส่วนรับรู้ของคนตวเล็กจนมันสั่งให้จินฮวานต้องเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่กำแน่นเบาๆเพื่อปลอบประโลม เขาไม่รู้เลยสักสิดว่าที่ผ่านมาจุนฮเวต้องรู้สึกแย่เพราะเขามากมายขนาดไหน ทุกครั้งที่จินฮวานเสียใจ มีแค่จุนฮเวคนอบอุ่นที่คอยยิ้มคอยปลอบให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ตลอดเท่านั้น

     

     

     

     

    หัวใจดวงเล็กกระตุกเต้นแรงยามได้สบตาคมแฝงความเว้าวอนสุดชีวิต จดจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเบนสายตาไปทางอื่นเพราะเขากลัวเหลือเกินว่าจุนฮเวจะร้องไห้ เห็นขอบตาแดงๆแล้วพูดตรงๆเลยว่าจินฮวานรู้สึกใจไม่ดี เหมือนตอนนี้เขากลายเป็นคนใจร้ายที่ทำร้ายจิตใจของอีกคนไปโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิด

     

     

     

     

    ดวงตาคู่เล็กช้อนมองใบหน้าจุนฮเวด้วยความรู้สึกหลากลายที่ตีกันไปหมด ถามว่าเขารู้สึกดีกับจุนฮเวมากแค่ไหน มันก็มากในระดับที่เขาไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนตั้งแต่เลิกกับนายอง แต่จากเหตุการณ์ที่จินฮวานเจอมาวันนี้แล้วเหมือนทุกอย่างมันจะบอกกับเขาว่าเขายังไม่พร้อมที่จะมีใครเข้ามาในชีวิตจริงๆนั่นแหละนะ

     

     

     

     

    เขาไม่ชอบเวลาที่ตัวเองถูกใครก็ไม่รู้เอาเรื่องของตัวเองไปพูดในทางเสียๆหายๆ

     

     

     

     

    จินฮวานไม่อยากมีแฟนเป็นคนดัง เพราะกลัวที่จะต้องถูกทิ้งอีกครั้ง....

     

     




     

     

     

    คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอ่ยตอบจุนฮเวเสียงเบาราวกับกระซิบ

     

     

     





     

     

    ขอโทษนะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    65%

    #ขอใจพี่จิน













     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ตอนนี้กูยังไม่พร้อม"

     

     

     

     

    โอเค ไม่ต้องฟังอะไรต่อแล้ว จุนฮเวทนไม่ไหวแล้ว มันเจ็บในใจไปหมดเหมือนโดนคนตัวเล็กต่อยอัดเข้าที่กลางใจ เผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปได้ยังไงกัน ว่าที่พี่จินฮวานพูดคำว่าขอโทษออกมาพี่เค้าอาจพูดว่า ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกแย่ แต่สิ่งที่ได้ยินมันทำเอาจุนฮเวสตั้นจนพูดอะไรไม่ออก

     

     

     

     

    เจ็บจนจุกเป็นแบบนี้นี่เองเพิ่งจะรู้

     

     

     

     

    "แผลที่ปากทายาทุกวันนะครับอย่าลืม กลับห้องแล้วกินยาแก้อักเสบกันด้วยนะครับพี่”

     

     

     

     

    "อืม..."

     

     

     

     

    สมองสั่งการให้ร่างกายรีบพาตัวเองหนีไปจากคนใจร้ายตรงหน้าให้ไวที่สุด แต่ก่อนไปก็ไม่วายทิ้งท้ายอย่างห่วงใย ตาคมทอดมองรุ่นพี่ตัวเล็กคนใจร้ายที่เขาชอบเหลือเกินอย่างเป็นห่วง เห็นว่าอีกคนตอบกลับมาแค่นั้นจุนฮเวก็เลือกที่จะจบบทสนทนาเพราะไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกหน่วงแปลกๆ

     

     

     

     

    หมดแรงเลยไอ้สัดเอ้ย

     

     

     

     

    เป็นพระเอกแสนดีแล้วได้เหี้ยอะไรวะจุนฮเว

     

     

     

     

    อ๋อได้เหี้ยไง ได้แต่ความรู้สึกเหี้ยๆ

     

     

     

     

    แม่ง!

     

     

     

     

    รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดไปหมดยามคำว่าขอโทษของจินฮวานลอยกลับเข้ามาในโสทประสาทอีกครั้ง มันเหมือนจะหมดแรงก็ไม่ใช่เหนื่อยใจก็ไม่เชิง นึกภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มจีบพี่จินฮวานแล้วรู้สึกอยากจะทุบหัวตัวเองแรงๆ

     

     

     

     

    ได้แต่คิดไปเองว่าที่พี่เค้าเขินเพราะพี่เค้าก็มีใจให้บ้าง แต่เปล่าหรอก นึกไปนึกมา เขาคิดว่าเขาเล่นใหญ่มากไปเองนั่นแหละ พี่จินฮวานเลยอายมากกว่า

     

     

     

     

    สุดท้ายแล้วมึงก็เป็นคนที่คิดไปเองสินะ

     

     

     

     

    เจ็บแปลบในหัวใจเท่านี้มันยังไม่รู้สึกเจ็บถึงกับตาย ยกมือสองข้างขึ้นลูบหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงแผ่ว

     

     

     

     

    เข้าใจแล้วทำไมลุงรหัสของเขาถึงบอกว่าพี่จินฮวานถึงจีบยาก

     

     

     

     

    พี่แม่งเล่นไม่เปิดใจให้ใครเลยนี่หว่า.....

     

     

     

     

    จะไปต่อหรือจะถอยดีวะจุนฮเว คิดไม่ออกเลยแฮะ

     

     

     

     

    เอาเป็นว่าตอนนี้ขอพักใจยาวๆก่อนแล้วกันนะ

     

     

     

     

    ._.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #ขอใจพี่จิน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน สถานที่ที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตไปมากันขวักไขว่ เพื่อนรักสามคนไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้กับเกทสิบภายในส่วนที่เป็นทางออกของผู้โดยสารขาเข้า จินฮวานมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกจีวอนกับยุนฮยองลากมารับเพื่อนคนสำคัญที่วันนี้ก็กลับมาถึงเกาหลีแล้ว

     

     

     

     

    ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าวันนี้เพื่อนรักทั้งสามคนมายืนรอรับใคร

     

     

     

     

    คิมฮันบิน ยังไงหล่ะ

     

     

     

     

    "เหี้ย ไหนมันบอกว่าเครื่องไม่ดีเลย์ไงวะ!  บ้านมันก็มีคนขับรถมั๊ย จะถ่อมารับมันทำไมวะ กูอยากกลับไปนอนที่คอนโดแล้วเนี่ย กูเหนื่อยเว้ย! มึงได้ยินมั๊ยว่ากูเหนื่อย!" คนตัวเล็กสุดโวยวายออกมาเสียงดัง ใบหน้าน่ารักง้ำงออย่างไม่พอใจพลางเหลือบไปมองบอร์ดแจ้งเวลาบินสลับกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาหลายครั้ง

     

     

     

     

    คือจริงๆก็ไม่ได้ขี้เกียดจะมารับเพื่อนอะไรขนาดนี้หรอก แต่วันนี้เขาเจอแต่เรื่องมาทั้งวัน จินฮวานก็แค่อยากกลับไปนอนนิ่งๆพักสมองพักร่างกายบ้าง เรื่องของจุนฮเวมันยังรบกวนจิตใจของเขาไม่หาย ทำเอาเขาลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้เป็นวันที่ฮันบินกลับมา

     

     

     

     

    ปฏิเสธไปแล้วแทนที่จะรู้สึกสบายใจทำไมมันถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้วะ

     

     

     

     

    "เออกูได้ยินละมั๊ย เชี่ยนี่ขี้บ่นชิบหาย สาบานเถอะไอสัดว่ามึงเจ็บปากอยู่ พูดมากขนาดนี้แผลไม่ฉีกไง๊?" ยุนฮยองหันไปผลักหัวเพื่อนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าเหวี่ยงเบาๆอย่างหมันไส้ คือนี่ก็รำคาญไง เครื่องบินเพื่อนมันดีเลย์อะจะให้ทำยังไงวะ มีนัดดูหนังกับน้องชานอูต่อเหมือนกันเนี่ย อีจินฮวานนี่ก็บ่นอยู่ได้ เดี๋ยวก็เรียกน้องตุ้ดคนนั้นมาตบเลยแม่ง

     

     

     

     

    อุ่ยแต่ลืมไป น้องเค้านอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงบาล 555555555

     

     

     

     

    สมน้ำหน้า อยากมาหาเรื่องเพื่อนเขาเอง

     

     

     

     

    เห็นตัวเล็กๆแบบนี้มันสายบู๊นะครับ

     

     

     

     

    "ไอเหี้ยหงุดหงิดมาก อยากพาล"

     

     

     

     

    "ที่ทำอยู่นี่เรียกว่าไม่พาลเลยน้าจ้าาาาาาาา" แซะเพื่อนตัวเล็กพลางเบะปากเบอร์แรงสุดใส่ให้เป็นของแถม คิมจินฮวานยักไหล่เบาๆแล้วกอดอกทำหน้าฟึดฟัดหันไปทางอื่น ไม่อยากเถียงกับยุนฮยองแล้วแม่งกวนส้นตีน

     

     

     

     

    ส่วนจีวอนนั้น ถ้าคนตัวเล็กไม่หันไปเห็นนี่ก็คงลืมไปแล้วเหมือนกันว่าจีวอนมันก็มาด้วย....

     

     

     

     

    แม่งยืนเงียบเป็นรูปปั้น

     

     

     

     

    เป็นห่าไรวะ

     

     

     

     

    "เอ้า แล้วไอ้นี่ยืนเงียบเป็นไร ตื่นเต้นเมียจะกลับมา?" ยังไม่ทันทันที่จินฮวานจะได้อ้าปากถามเสียงของยุนฮยองก็แทรกถามเพื่อนตาตีบอีกคนว่ามันเป็นอะไรทำไมถึงยืนกอดอกพิงเสาเงียบๆไม่พูดไม่จา ทั้งๆที่ตัวมันเองเป็นคนตื่นเต้นลากพวกเขาสองคนมารับฮันบินเองแท้ๆ

     

     

     

     

    -_-

     

     

     

     

    ขอบใจนะไอ้ยุนเพื่อนรัก กูรักในความขี้เสือกของมึงจริงๆเลย

     

     

     

     

    "เมียพ่อง กูก็แค่มีอะไรให้คิด"

     

     

     

     

    "คิดถึงน้องฮันบินเด็กดื้ออะหราาาาาาา" นี่ก็อีก สาบานได้ว่าจินฮวานแค่คิดในใจแต่ยุนฮยองมันดันพูดแทนเขาเสียหมด เขาเลยทำได้แค่ส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปให้จีวอนเท่านั้น

     

     

     

     

    ก็แหม เวลาจีวอนทะเลาะกับฮันบินแล้วมันเหมือนผัวเมียจริงๆนี่นา

     

     

     

     

    "พ่อมึง"

     

     

     

     

    "แหน่ะไอสัด ด่ากูแต่ปากยิ้มนะครับ เห้ยไม่เอาสินั่นเพื่อนนะ"

     

     

     

     

    "เชี่ยนี่ก็พูดมากจังวะ มึงอยากปากแตกแบบจินมันมั๊ยไอสัดยุน เดี๋ยวกูช่วยทำให้ได้นะ -_-"

     

     

     

     

    "อ้าวสัด! กูเกี่ยวไรเหี้ยไรเนี่ยกูยืนของกูเงียบๆมั๊ย" คนตัวเล็กเถียงขึ้นเสียงเหวี่ยง มือขาวทุบเข้าที่ไหล่กว้างของจีวอนเสียงดังปั้ก จีวอนหัวเราะเบาๆก่อนจะหันหน้ากลับไปทางทางออกของผู้โดยสารขาเข้าเหมือนเดิม

     

     

     

     

    จินฮวานมองเพื่อนพลางยิ้มออกมาบางๆ เห็นจีวอนมันดูตื่นเต้นที่จะมารับฮันบินแบบนี้ก็ดีใจแหละนะเอาจริงๆ ถึงมันจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะแค่มองตาจินฮวานก็รู้แล้วว่าจีวอนมันดีใจแค่ไหนที่ฮันบินกลับมา ถึงจะทะเลาะกันบ่อยเพราะอารมณ์ร้อนทั้งคู่แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเวลาสองคนนี้มันอยู่ด้วยกันดีๆแล้วมันดูน่ารักมากจริงๆนะ

     

     

     

     

    เขาชอบเวลาที่จีวอนกับฮันบินคุยกันดีๆมากกว่าทะเลาะกันอีก ไม่มีใครชอบหรอกเวลาเพื่อนตีกันหน่ะ

     

     

     

     

    "จะครึ่งชั่วโมงละ มันมัวแต่เดินช้อปปิ้งอยู่ในดิวตี้ฟรีรึเปล่าวะ" ยุนฮยองว่าพลางกรอกตาไปมา จินฮวานเองก็พยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นเชิงว่าเห็นด้วยกับเพื่อนเหมือนกัน เพราะมันก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่นั่นแหละนะว่าฮันบินมันบ้าการช้อปปิ้ง แล้วมันจะมีความสุขมากๆด้วยเวลาได้ถลุงเงินซื้อของแพงๆแบบไม่บันยะบันยัง

     

     

     

     

    "มานั่นแล้วไง" จีวอนว่า มุมปากได้รูปกระตุกเป็นรอยยิ้มพร้อมกับพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนร่างโปร่งแสนคุ้นที่ตาที่เดินออกมาจากเกทด้วยท่าทางที่ดูเหมือนเดินอยู่บนรันเวย์สุดๆจนจินฮวานกับยุนฮยองต้องเบ้ปากเล็กน้อยในความมั่นหน้าของเพื่อน

     

     

     

     

    แฟชั่นสนามบินของฮันบินวันนี้เรียกได้ว่าดูดีมากเลยทีเดียวจนถึงขั้นคนที่เดินผ่านต้องหันหน้ามามองตามกันเป็นแถบๆ ร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกใส่ทับด้วยเสื้อไหมพรมสีเข้มกับกางเกงยีนส์สีเข้มและเอาเสื้อโค้ทตัวยาวสีเทาคลุมบ่า ไม่พอ แว่นกันแดดที่ใส่อยู่มันยิ่งเสริมให้ฮันบินดูดีมายิ่งขึ้นไปอีก

     

     

     

     

    คือโอเคเข้าใจว่าฮันบินมันเป็นคนหน้าตาดี หุ่นดีรูปร่างโปร่งใส่อะไรก็ดูดี

     

     

     

     

    แต่มึงจะมาเดินลากกระเป๋าเอื่อยๆแล้วทำหน้าหล่อออร่าจับแบบนี้ไม่ได้!

     

     

     

     

    กูหมันไส้!

     

     

     

     

    กูจินฮวานเนี่ย!  ไม่ใช่กูจุนฮเวนะ

     

     

     

     

    เอ้อะ แล้วจะไปนึกถึงไอ้หมานั่นทำไมวะ ใจหวิวเลยดูดิ้

     

     

     

     

    "กูว่าแล้ว มึงต้องเดินช้อปอยู่ในดิวตี้ฟรีจริงๆด้วย ตอนอยู่เมกามึงชอปไม่พอหรอไง -_-" พอร่างของฮันบินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกระเป๋าลากสีขาวใบโต ตามด้วยชายชุดสูทสีดำคนของที่บ้านฮันบินเข็นรถเข็นกระเป๋าที่บนรถมีแต่ถุงแบรนด์เนมนับสิบถุงกองพะเนินอยู่กระเป๋าเดินทางอีกสี่ห้าใบเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเพื่อนตัวแสบนี่มันต้องช้อปปิ้งมาแน่ๆ ยุนฮยองหันไปยิ้มให้กับชายคนนั้นเป็นมายาทแล้วเปิดปากบ่นเพื่อนรักแทบจะทันที

     

     

     

     

    ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าใบหน้าของฮันบินจะเป็นยังไง หงิกทันทีที่โดนเพื่อนบ่นเลยนั่นแหละ จินฮวานได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ

     

     

     

     

    คุณคนนี้เขาไม่ชอบการโดนบ่นหน่ะ

     

     

     

     

    "พูดมากชิบหาย ของฝากไม่ต้องเอา" มือเรียวปล่อยที่ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นมาเท้าเอวหมับพร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าเพื่อนทั้งสามคนด้วยแววตาขุ่นเคือง มันน่าน้อยใจแค่ไหนคิดดูแล้วกันที่ออกมาจากเกทช้าก็เพราะเลือกของฝากเพิ่มให้พวกมันทั้งนั้นแหละ ไอ้พวกเรื่องมากเนี่ยได้ของไม่ถูกใจก็บ่น

     

     

     

     

    ยุนฮยอง จีวอนแล้วก็จินฮวานระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วรุมกอดฮันบินกันเสียแน่น

     

     

     

     

    "เดี๋ยวจิน ปากมึงไปโดนไรมา ใครทำอะไรมึง" ผละออกจากเพื่อนรักได้ก็รีบจับเพื่อนตัวเล็กเอาไว้ให้มองหน้าเขาตรงๆ จินฮวานทำหน้าเลิ่กลั่กพลางหันไปมองจีวอนอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พอเป็นฮันบินยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมคนตัวเล็กถึงได้ถอนหายใจออกมาอีกรอบ

     

     

     

     

    “มีเรื่องในมอนิดหน่อย มึงอย่าห่วงให้มากเลยน่า กูแค่ปากแตกแต่น้องที่มาหาเรื่องกูอะฟันหัก หน่ะทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่เชื่อ มึงหันไปถามไอ้ยุนกับจีวอนดูก็ได้ว่าจริงมั๊ย”  

     

     

     

     

    สิ้นประโยคที่จินฮวานพูดฮันบินก็รีบหันหน้าไปหาเพื่อนอีกสองคนแทบจะทันที เห็นยุนฮยองกับจีวอนพยักหน้าหงึกหงักร่างโปร่งก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือเรียวจับใบหน้าของเพื่อนตัวเล็กที่รักมากเสียเหลือเกินเอาไว้แผ่วเบา ดวงตาคู่สวยสำรวจไปทั่วใบหน้าของจินฮวานอย่างเป็นห่วงพร้อมกับปลายนิ้วที่เกลี่ยลงเบาๆบนแผลมุมปาก

     

     

     

     

    “ทายาแล้วใช่มั๊ย กินยาแก้อักเสบกันไว้แล้วรึยัง? เดี๋ยวคืนนี้มึงจะปวดแผลนะ”  

     

     

     

     

    “อื้อ จุน...เอ่อ ทายาแล้ว แต่ยายังไม่ได้กิน กูมารับมึงก่อน ไปเหอะกลับห้องกัน อยากแกะของฝากมึงละ” ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่เผลอหลุดพูดชื่อจุนฮเวออกมา เห็นฮันบินขมวดคิ้วเข้าหากันอีกรอบคนตัวเล็กก็รีบโอบไหล่เพื่อนรักขี้หวงให้เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปสักที โดยที่จีวอนกับยุนฮยองเดินตามหลังมาติดๆ

     

     

     

     

    แต่ดูเหมือนจะรีบเดินไปหน่อยจนไม่ได้ระวังเท้าเล็กดันไปเหยียบตรงกลางระหว่างบันไดเลื่อนที่กำลังจะเลื่อนขึ้นมาพอดีทำให้เสียหลักจนเกือบจะหงายไปข้างหลัง แต่โชคดีที่ฮันบินรีบคว้าตัวเล็กๆของเพื่อนเข้ามากอดเอาไว้ทัน จินฮวานเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนที่ตัวสูงกว่าตัวเองเล็กน้อยพร้อมกับทำตาโต เห็นฮันบินส่ายหัวไปมาเบาๆก็หัวเราะเสียงแห้งๆ
              
     

     

     

     

    “ซุ่มซ่ามตลอดนะมึงอะ ไม่ให้กูเป็นห่วงมึงได้ยังไงเนี่ยจิน”

     

     

     

     

    “เอาน่า พวกกูก็คอยดูมันอยู่นี่ไง เนี่ยเพราะมันซุ่มซ่ามเลยนะเว่ยถึงได้มีน้องมาจีบ” ยุนฮยองพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะแล้วยีหัวเพื่อนรักตัวเล็กจนยุ่งไปหมด จินฮวานหันไปถลึงตาใส่ให้ยุนฮยองหยุดพุดก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนๆให้ฮันบินที่ตอนนี้ขมวดคิ้วเป็นปมอีกแล้ว

     

     

     

     

    “น้องที่มาจีบ ใช่จุนฮเวที่มึงเคยบอกกับกูรึเปล่า?”

     

     

     

     

    “เออ แต่กูเลิกคุยแล้ว” เลิกคุยไปแล้ว ใช่จินฮวานหมายความอย่างที่บอกจริงๆนั่นแหละ เพราะตั้งแต่ตอนที่เขาปฏิเสธจุนฮเวไปตอนบ่าย ไอ้หมานั่นก็ไม่ส่งไลน์มาหาเขาอีกเลย

     

     

     

     

    จินฮวานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดลอคดูข้อความในไลน์ นิ้วเรียวกดเข้าไปอ่านข้อความสุดท้ายที่เขาคุยกับจุนฮเวไปเมื่อคนแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ พอไม่มีไลน์ของจุนฮเวเด้งขึ้นมามันก็รู้สึกแปลกๆ ที่เห็นมีเพียงแค่จุนฮเวเปลี่ยนดิสไลน์จากรูปของตัวเองเป็นรูปหมาตัวใหญ่ทำหน้าหงอยเท่านั้น


     

     

     

     

    ฮันบินมองเพื่อนตัวเล็กที่ตัวเองแอบรักมานานเหลือเกินพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก

     

     

     

     

    “หึ ก็ดีแล้ว :-)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #ขอใจพี่จิน 110%


     

    ว๊ายแกร ใครกลับมาแล้วน้า ใครแล้วมาแล้วน้า มีใครรอคุณฮันบินกลับมาบ้างมั๊ยน้าขอเสียงหน่อยจิ

    ตอนต่อจากนี้ดราม่ามั๊ยไม่รู้ แต่คิมฮันบินกลับมาแล้วนะครัช

    ไม่มีไรเลย แค่จะบอกว่า ฮันบินกลับมาแล้วนะ! (เอ้ะอีนี่ก็ย้ำจัง555555)

    ดีใจค่ะที่ต๋าของกันได้เข้ามามีตัวตนแบบจริงๆจังในเรื่องนี้สักที

    ใครทีมน้องจุนฮเว ใครทีมพี่จีวอน ใครทีมน้องฮันบิน เชิญไปหวีดกันได้ในแท็กค่ะ

    #ขอใจพี่จิน นะฮับอย่าลืมเชียว

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่ยังคงรอฟิคกันอัพเหมือนเดิม *กราบเบญจางคประดิษฐ์*

    รักนะคะฮันบินของฉัน <3


     

     





            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×