ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พัฒนาการของยุโรปสมัยใหม่

    ลำดับตอนที่ #2 : การฟื้นฟูศิลปวิทยา

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 54


                 ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือ ยุคเรอเนสซองซ์ แปลว่า "การเกิดใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมยุคใหม่ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมที่กินเวลาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึง 17 ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงทางวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ศาสนาและการเมือง การฟื้นฟูการศึกษาโดยอาศัยผลงานคลาสสิก การพัฒนาจิตรกรรม และการปฏิรูปการศึกษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อาศัยพลังของนักมนุษนิยมและปัจเจกชนนิยมเป็นเครื่องจูงใจ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเกิดขึ้นในฟลอเรนซ์ แคว้นทัสกานี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14

    เมืองฟลอเรนซ์ ศูนย์กลางของศิลปะสมัยใหม่



    1. สาเหตุของการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ

               เมื่อยุโรปฟื้นตัวจากการซบเซาเศรษฐกิจ ผู้คนจึงหันมาใส่ใจในศิลปะมากขึ้นอีกทั้ง พระประพฤติตนไม่เหมาะสม ประชาชนเสื่อมศรัทธาในศาสนา จึงหันมานิยมในความสวยงามที่มนุษย์ด้วยกันสร้างสรรค์ขึ้น อีกทั้ง ที่ตั้งของนครรัฐในอิตาลี เคยเป็นแหล่งรุ่งเรื่องของวัฒนธรรมในอดีตจึงไม่ยากที่จะฟื้นตัว

              อีกทั้งสงครามครูเสดและการล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ (.. 1453ทำให้วิทยาการแขนงต่างๆของชาวโรมันและกรีกที่ได้สืบทอดเอาไว้หลั่งไหลกลับ คืนไปทางตะวันตกอีกครั้ง


    2.แนวคิดสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

                 แนวคิดของลัทธิมนุษยนิยม (Humanism)กล่าวถึงการแสวงหาที่เกิดจากความปรารถนาภายนอกเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นโดยการรับเอาวรรณกรรมดั้งเดิมของกรีกโบราณเข้ามาระหว่างสงครามครูเสด คนยุคกลางพบว่าจิตวิญญาณของกรีกคลาสสิกโบราณ คล้ายคลึงกับความปรารถนาภายนอกอย่างยิ่ง ดังนั้นการเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูลัทธิความคิดกรีกจึงเกิดขึ้นโดยมีศูนย์กลางที่อิตาลีก่อน แล้วจึงขยายไปสู่ยุโรปส่วนที่เหลือในเวลาต่อมา นักปราชญ์คนแรกที่มีความสำคัญต่อวรรณคดีประเภทคลาสสิคในยุคนี้และได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งมนุษยนิยม ได้แก่  ฟรานเซสโก เปตราร์ก ชาวอิตาลี  ผู้ที่สนใจงานคลาสสิคสมัยโบราณ เรียกว่า พวกมนุษยนิยม (humanist) เหล่านี้ต่างได้รับการยกย่องในความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาละตินอย่างถูกต้อง

              เมื่อปี 1454 โยฮัน ยูเตนเบริ์ก ชาวเยอรมนี สามารถประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ ทำให้หนังสือมีราคาถูกลงเป็นอย่างมาก สามารถเผยแพร่ความรู้ต่างๆไปสู่ท้องถิ่นอื่นอย่างง่าย ศิลปะในสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการนับเป็นการปฏิวัติอีกแขนงหนึ่ง   เพื่อให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของคริสต์ศาสนาในสมัยกลาง ประติมากรรมในสมัยนี้จึงหวนกลับไปนิยมวิธีการของกรีก-โรมันที่สร้างงานศิลปะที่เป็นธรรมชาติและให้ความสนใจต่อความสวยงามของสรีระร่างกายมนุษย์   ในยุคนี้ได้มีการค้นคว้าเทคนิคใหม่ๆในการผสมสี เทคนิควาดภาพปูนเปียก (fresco) ให้ความสำคัญของแสงและเงา รวมทั้งมิติการจัดองค์ประกอบของภาพศิลปินที่สำคัญและมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดี  ได้แก่  ไมเคิลแอนเจโล บูโอนารอตติ เลโอนาโด ดา วินชี และ ราฟาเอล

                   - ไมเคิลแอนเจโล บูโอนารอตติ เป็นผู้สร้างประติมากรรมที่สวยงามเห็นส่วนของมนุษย์ชัดเจนสมส่วน โดยเชื่อว่ามนุษย์เกิดจากมือของพระเจ้าที่ปั้นมาอย่างสวยงาม ผลงานที่สร้างชื่อ รูปสลักของเดวิด ชายเปลือยกลาย และปิเอตา พระแม่มารีอุ้มพระเยซูที่ตัก


                             

                         รูปสลักเดวิด ชายเปลือยกาย                  ไมเคิลแองเจโล จิตรกร สถาปนิกชาวอิตาลี 

                           
                         
     -  เลโอนาโด ดาวินซี เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ ดาวินชีมีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดาวินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา 

                      

                   ภาพวาดตนเองของเลโอนาโด ดาวินซี                          

                             -  ราฟาเอล มีชื่อเต็มว่า ราฟาเอลโล ซันซิโอ เป็นจิตรกรชาวอิตาลีที่มีอาวุโสน้อยที่สุดในบรรดาจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เมื่อ พ.ศ. 2051 ราฟาเอลได้เดินทางไปยังเมืองฟลอเรนซ์เพื่อศึกษางานของเลโอนาร์โด ดา วินชีและของ มีเกลันเจโล ต่อมาในปี พ.ศ. 2055 ได้ไปอยู่ที่กรุงโรมและพากเพียรเขียนภาพเพื่อให้ทัดเทียมกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านที่เขายกย่อง ราฟาเอลได้เขียนจิตรกรรมฝาผนังหลายชิ้นในนครวาติกัน ราฟาเอลได้รับการแต่งตั้งเป็นสถาปนิกผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในปี พ.ศ. 2057 และมีส่วนในการวางผังเมืองกรุงโรม

     
    ภาพจิตรกรรม พระแม่มารีและพระบุตรและนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์

    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×